The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 15

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 15
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 3
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 28 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


หมู่บ้านกลางขุนเขาชนบท  
ภาคเหนือ Kala Democracy

มุมมองสายตา แทน

กุมภาพันธ์ ค.ศ.2021

แทน!” ไป่ไป๋โบกมือไหว ๆ ที่ใต้ต้นการเวก ข้าง ๆ ซุ้มของก๊วนไก่ชนริมกำแพงรั้ว ยิ้มสดใสในชุดเสื้อยืดแดงรัดรูปกางเกงยีนซีดขาด ๆ ขาสั้นจู๋ โชว์ปลีน่องขาวเนียนท่ามกลางนักเลงไก่

ผมรีบวิ่งเข้าไปหา...

 ตีไก่กันเหรอ?” ผมเดินไปริมสังเวียน ไก่กำลังล่อกันเลือดสาด

สนุกดี! ไอ้หางขาวตัวนี้เก่งมาก ชนะทุกตัวเลยเธอเข้ามากอดแขนฉอเลาะ ชี้ไปที่ไก่ในสังเวียน

ชอบความเจ็บปวดก็ไม่บอก

หนูซาดิสต์ ไม่รู้เหรอ?” ว่าแล้วเธอก็งับแขน จนต้องดันหน้าผากออก

เดี๋ยวลิปสติกเลอะเสื้อ ผมเอามือดันไว้ ปากของเธอยังตามงับเป็นหมาไปเลย        

หนูไม่ได้ทาปาก เสียงอู้อี้ ปากชมพูเรียวบางฟันขาวงับไม่ปล่อย คนบ้าอะไรวะ สวยฉิบหาย?

นั่น!ไก่วิ่งแล้ว ไอ้หางขาวแพ้แล้ว ผมตะโกนหลอกก่อนที่จะโดนงับ

“ไหนไหน?” เธอผลุนผลันหันไปเกาะขอบสังเวียน

โกหก! ไอ้ตัวนี้เก่งจะตายไป เดี๋ยว! ถ้าตัวไหนแพ้ เขาจะเอาไปต้มใส่ใบกัญชามาให้หนูกิน เนื้อเหนียวอร่อยจังเลย หนูชอบ! กินแล้วหลับสบายเธอพูดเจื้อยแจ้ว หันไปโบกมือกับไอ้จอกเซียนไก่

ซาดิสต์จริง ๆ นั่นแหละ ผมเบะปากให้ยัยจีนกินแหลก

“ดูนี่ก่อน! หนูเต้นติ๊กต๊อก หนูไลฟ์เมื่อคืน อนนี่ไม่กล้ามาเต้นด้วยกลัวโดนจับ ผู้ติดตามหนูไม่น้อยนะคะ ได้เงินเยอะเลย” เธอยื่นโทรศัพท์มาให้ดู แอบไปเต้นตอนไหนเนี่ย

“.........” ผมยิ้มค้างสตั้นท์ ไป่ไป๋เต้น Cover เพลง How You Like That @ BLACKPINK คนมาดูเป็นหมื่น MVP เยอะเลย

“คุณมาไลฟ์กับหนูสิ มาร้องเพลงด้วยกัน” เธอกระโดดกระเด้งเข้ามาคว้าแขนไปกอด เดี๋ยวนี้ใกล้ชิดกันมาก ไม่ระวังตัวด้วย

หนูขับรถยนต์เป็นแล้วนะ จูยอนอนนี่! สอนให้

งั้นเดี๋ยวขับให้ผมนั่งหน่อยนะผมยิ้มล้อ

ไม่เอา! หนูอาย! ” เธอยิ้มอายเอียงหัวมาซบไหล่ อ้อนได้ธรรมชาติมาก เก่งจริง ๆ สวยใจสั่นเลย

“จูยอนเรียก ไปหาจูยอนกัน” ผมพาเดินกลับเข้าบ้าน

“คุณสอนหนูดริฟต์มั่งนะคะ” เธออ้อนทีไร ระทวยทุกที

“โห! เลี้ยวรถทีแตรดังยันปากซอย ที่ปัดน้ำฝนยังแกว่งอยู่เลย รอไปก่อนเถอะ!” ผมขำกับท่าทางของเธอ

“ขออีกเดือนเดียว เตรียมสอนหนูได้เลย ถ้าวันไหนคุณว่างไปลงนวมกับหนูหน่อย มาต่อยมวยกัน” สาวน้อยยืดอกท้าทายสายตามุ่งมั่น

“วันนี้แหละ! ไปเลย” ผมก้าวเดินออกไปสวนหลังบ้าน

“โฮ่ง!โฮ่ง! เจ้าบราวนี่กระดิกหางเรียกหน้าห้องซ้อมยิงปืน มันเป็นเพื่อนสนิทของจูยอนไปแล้ว

จูยอนกำลังสอนแหม่มยิงปืนสั้น หันมายิ้มหวานให้พวกเราแล้วหันไปสั่งแหม่ม...

“หายใจลึก ๆ ทำใจสงบสบาย ๆ ยืนตรงกางขาเล็กน้อย” เสียงเด็ดขาด

“ด้วยดิ! ผมกับไป่ไป๋รีบวิ่งไปหยิบปืนสั้นที่แผงบนผนัง แล้วไปเข้าแถวทำตาม

“ใช้มือข้างที่ถนัดจับด้ามปืนไว้ให้มั่นคง” พวกเราขยับตัวตามคำสั่ง

“ใช้มืออีกข้างจับที่สันปืนแล้วกระชาก”

“แกรก!

“แกรก! แกรก! แกรก! เสียงเหล็กสีกัน

“สายตามองเป้า เหยียดตรงสุดแขนในระดับสายตา” เธอหันข้างให้เป้าแล้วยืดแขนตรง พวกเรารีบทำตาม

“สายตาเล็งให้สามจุดตรงกัน ศูนย์หลัง ศูนย์หน้า...แล้วก็เป้า สูดลมหายใจลึก แล้วกลั้นลมหายใจไว้”

“ยิง!

“ปัง! ลูกปืนเข้าเป้าอย่างแม่นยำ จูยอนโคตรเก่งเลยสารพัดรอบรู้ เหนือความคาดหมาย คุณภาพของคนเกาหลีเหนือไม่ธรรมดาเลย

“ปัง!ปัง!ปัง! ของพวกเราเป้าสะอาดกันถ้วนหน้า

“ตั้งใจซ้อมกันไปก่อนนะ!” เธอเดินเลี่ยงไปยกน้ำหนัก มองเราอยู่ข้าง ๆ

น้องแหม่มเดินยกไหล่ เป่ากระบอกปืนเข้าไปกระแทกไหล่ไป่ไป๋...

“เจ๊! แข่งกันมั้ย?” เธอส่งสายตาท้าทาย

“ชนะแล้วได้อะไร?” ไป่ไป๋ยียวนกลับ

“ได้พี่แทน!อ้าว! แหม่มมาเกี่ยวอะไรกับพี่วะเนี่ย?

ไป่ไป๋เมินหน้า...

เชอะ! จะแข่งทำไม? ไม่ได้อยากได้ เสียเวลา!

โอเค! พูดเองนะ!” แหม่มยิ้มหน้าบานเข้ามากอดเอว...

“พี่แทนขา! เดี๋ยวซ้อมเสร็จ เราไปต่อทะเบียนรถยนต์ให้พ่อกัน สองคนอย่างมีความสุขนะคะ”แหม่มดี๊ด๊ายิ้มฟันขาว

ไป่ไป๋พรวดเข้ามา...

“แข่งยังไงก็บอกมาสิ?” เสียงแข็งเชียว

ผมอมยิ้มหันมองสองสาวเดินเข้าไปประจำที่เตรียมยิงปืนแข่งกัน หวังว่า คงไม่หันมายิงกันเองนะ

จูยอนกวักมือเรียก...

“แทนคะ! ขอคุยด้วยหน่อย” เธอเหงื่อโทรมร่างกาย

“ครับ! มีอะไร?”

“ฉันจะไปเกาหลีใต้ สมควรแก่เวลาแล้วค่ะ”

“ใจหาย! ใจหายมาก! ผมอ้าปากค้าง ถึงเวลาแล้วเหรอ?

“รบกวนคุณไปส่งฉันด้วยนะคะ” เธอยิ้มอ่อน ๆ

“หายเจ็บดีแล้วนะครับ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกมาถ้าส่งคุณแล้ว ผมคิดว่าจะกลับเข้าจีน ไปดูลาดเลาของนาตาลีหน่อย”

“สงสารเธอนะคะ ถึงเธอจะมีความรู้สูง แต่ก็ยังเด็กไม่รู้เรื่องกลโกงขอผู้ใหญ่ เธอต้องมีคนปกป้อง” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ผมก็ไร้ความสามารถ แต่ผมเคยสัญญาว่าจะช่วยเหลือเธอให้ออกจากจีน ผมจะกลับไปทำตามสัญญา” ผมคิดว่าเธอต้องอยู่ในสภาวะยากลำบากแน่ ผมต้องทำให้ได้

 “แทน! คุณเคยคิดมั้ยว่าทุกชีวิตในโลกนี้ ไม่ว่าจะอยู่สูงขนาดไหน รวยเท่าใดก็มีทุกข์เป็นของตัวเอง? ดูอย่างนาตาลีสิ!

“ก็จริงนะครับ ผมเคยได้สัมผัสกับจิตใจที่งดงามของเธอ แต่เธอก็เหมือนมีเจ้ากรรมนายเวรคอยตามล่า ผมอยากจะไปช่วยให้พ้นภัย เธอเคยบอกว่า ไม่มีเพื่อน ผมจะเป็นเพื่อนของเธอตลอดไป”

“เห็นในข่าวบอกว่า ในเมืองหลวงมีม็อบนี่คะ”

“ผมก็คิดว่าจะเข้าไปดูสักหน่อยเหมือนกัน อย่างน้อยก็เดินให้มันดูหนาตาก็ยังดี”

“ไปช่วยนาตาลีดีกว่าไปประท้วงนะคะ งานของคุณแค่ระดับประเทศ แต่งานของนาตาลีระดับโลกนะ”

“ผมก็คิดแบบนั้น”

“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง! สองสาวซัดเป็นชุด

ทันใดนั้น...

“ไปกันเถอะค่ะพี่แทน” น้องแหม่มวิ่งมาคล้องแขน

“เดี๋ยวผมไปธุระข้างนอกก่อนนะครับ” ผมโค้งหัวให้จูยอน

รอด้วย!” ไป่ไป๋วิ่งหน้าตูมเข้ามา

“ เจ๊แพ้ก็อยู่บ้านสิ ตกลงกันแล้วนี่” แหม่มยกมือดันหน้าอก

“ไม่เอา! จะไปด้วย” เธอเชิดหน้าไม่สนเดินผ่านหน้า

“ อีเจ๊ขี้โกง! แพ้แล้วก็ยอมรับสิ” แหม่มดึงแขนไว้

แหม่มแหละขี้โกงให้พ่อสอน เต้นแข่งกันมั้ยล่ะ ร้องเพลงแข่งกันมั้ยล่ะ?” ไป่ไป๋เข้ามาคล้องแขน

“จริง ๆ เลย!” จูยอนอมยิ้มแก้มใสส่ายหัวดิก

“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”

                                                 .....................................

โซฟาหน้าทีวี...

ไป่ไป๋เอาเครื่องมือทาหน้ามาวางบนโต๊ะกระจก ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้างได้แต่นั่งดูเธอหยิบจับสิ่งของอย่างคล่องแคล่ว

“อนนี่ การใช้สีมันต้องมีอย่างน้อย 3 เฉด ถ้าใช้สีเดียวมันจะดูแข็ง และหนัก สมมุติว่าถ้าทาเปลือกตาเราต้องเตรียมสีอ่อน สีกลางและสีเข้ม ด้านบนสุดจุดที่รับแสงจะเป็นสีอ่อนแล้วไล่เข้มขึ้นในจุดที่ต่ำกว่า จมูกก็เหมือนกัน บนสันจมูกอ่อนสุดจะดูสะท้อนแสงมีมิติแล้วไล่สีลงไป” เธอสอนจูยอนใช้เครื่องสำอาง

“พี่แทนคะ หนูเสร็จแล้วค่ะ!” แหม่มตะโกนหน้าบ้าน

ไปกันเถอะ! แหม่มมาแล้วผมชวนไป่ไป๋

จูยอนลูบหัวน้อง...

“ไป่ไป๋ไปเถอะ! ฉันพอเข้าใจแล้ว ต่อไปจะค่อย ๆ ฝึกแล้วหาความรู้เพิ่ม ขอบใจมากนะสาวน้อยที่ช่วยสอนทุกอย่าง”

“พี่สาวของหนูต้องสวยสิ แทนดูสิคะ! จูยอนอนนี่เหมือนคิมโกอึนจริง ๆ ด้วย” เธอเข้ามาจูงมือออกไปนอกบ้าน

“จริงครับ! จูยอนจะออกตามหาก็อบลินแล้ว” ผมเห็นด้วยเธอสวยเหมือนดาราเกาหลีที่ผมชื่นชอบ

ผมยื่นแขนรับแหม่มที่เดินเข้ามากอด เธออยู่ในชุดทะมัดทะแมงเหมือนทอมบอย

เสียงไป่ไป๋ บ่นงึมงำข้างหู...

ทำไมต้องไปด้วยก็ไม่รู้ ไม่อ่านหนังสือหรือไง? เด็กสมัยนี้นิสัยไม่ดีไม่ค่อยรับผิดชอบตัวเองเธอบ่นกระปอดกระแปดเดินกระทืบเท้า ตัวเองขี้โกงเด็กยิงปืนแพ้ ยังจะมาบ่นอีก

ยายบอกว่า วันนี้ที่สถานีอนามัยมีฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ด้วย แหม่มร้องบอก

อ้าวแทน! ทำไมคุณไม่ไปห้ามพวกเขาล่ะ? ยอมไม่ได้หรอก ไปเถอะ!” ไป่ไป๋หน้าตื่นหันมา...

ผมไม่รู้จะห้ามยังไง? บอกไปพวกเขาก็ไม่เชื่อหรอก ทุกวันนี้มีแต่คนกลัวจะไม่ได้ฉีด แย่งกันเข้าคิวเลย คนส่วนใหญ่ตกอยู่ในความกลัวไม่ว่า ชาติไหนเหมือนกันหมด

ไป่ไป๋ยิ้มมองสายตากวนใจมาก ๆ เดินหลิ่วตาเข้ามาแหงนหน้า...

คนในประเทศของคุณก็คงหมดสิ้น คุณต้องกล้ามากกว่านี้ถึงจะช่วยชาวบ้านได้ ไปประท้วงรัฐบาลได้ก็ต้องบอกชาวบ้านได้สิ อยากเป็นผู้นำมันต้องเข้าใจเรื่องการสื่อสารสิคะ เธอแหงนคอตั้ง พูดได้ดีมากจนผมรู้สึกผิดในใจ

คุณมีวิธีเหรอ? บอกหน่อยสิ!” ผมชักสนใจ ยายนี่พูดเก่งมาก

ไม่มีหรอก! หนูไม่ได้อยากเป็นผู้นำ เธอสะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถ

“ปากดี!”อยากเตะตัดขาสักที

“วันนั้นมันน่ากลัวมาก หนูไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ พูดปากเปล่าใครก็คงไม่เชื่อหรอกเนอะ? พูดไปนอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังจะโดนด่าฟรีอีก” เออ!มันก็จริงของเธอนะ

“ขนาดมีคนตายเพราะแพ้วัคซีน คนยังไม่กลัวเลย เราจะมีปัญญาอะไรไปห้าม จะให้พูดยังไงก็คงไม่เปลี่ยนใจ ภาพที่พวกเขาเห็นมันน่ากลัวกว่าคำพูดของเรา” ผมถอนหายใจยาว อยากจะไปบอกกับเจ้าหน้าที่ก็พอจะรู้คำตอบ พวกนั้นเจ้านายหลายระดับและไม่รับฟังใครอยู่แล้ว

ไป่ไป๋พึมพำเบา ๆ...

“ก็ต้องยอมรับนะคะว่า คนที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์นี้ วางแผนได้อย่างชาญฉลาดมาก สร้างความกลัว กดดันให้คนทะเลาะกันเองได้และบีบให้ยอมมอบตัวเข้าสู่แผนโดยไม่ต้องเหนื่อย”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ ผู้คนกลัวจนขาดสติ ใครมีอำนาจก็หยิบฉวยวัคซีนไปเป็นของตัวเอง ที่เหลือก็ดิ้นรนเอาตัวรอด...

“ขนาดพวกเราเอง ยังไม่เชื่อที่นาตาลีพูดเลย ปล่อยพวกเขาไปก่อนเถอะ ถ้าผมไปบอกใครเดี๋ยวเป็นข่าวดัง โดนจับข้อหายุยงปลุกปั่นอีก ช่างมันก่อนเหอะ” ผมตัดบท ถ้าช่วยนาตาลีได้ทุกชีวิตก็ปลอดภัย...

“บ้านของคุณนี่อยู่ยากนะคะ” ไป่ไป๋ส่ายหัว

แหม่มกระแทกไหล่ใส่...

“ไม่ยากหรอก เด็กก็อยู่ส่วนเด็ก อยู่ง่ายกว่าคอมมิวนิสต์เยอะ” แหม่มยักคิ้วกวน

“เชอะ! ฉันไม่ใช่ก็แล้วกัน” ไป่ไป๋สะบัดหน้าใส่

ผมรีบห้ามทัพ...

“วันนี้ไปดูสถานที่สอบใบขับขี่ของบ้านผมกัน อีกหน่อยคุณก็ต้องสอบเหมือนกัน”

“ไปกันเถอะ!” เธอเหล่มอง แหม่มรีบวิ่งตัดหน้า...  

“หนูนั่งหน้า”แหม่มขึ้นนั่งลอยหน้ายิ้มเยาะ ไป่ไป๋หน้าหงิกไปเปิดประตูหลัง

เจ๊! ดีใจมั้ยได้ออกไปเที่ยวแล้ว?” แหม่มยิ้มยั่ว

งั้น ๆ แหละ!” เธอเมินหน้า น้องแหม่มเอียงตัวมากอดแขน...

พี่แทนขา! จอดรถสิคะ! อีเจ๊ไม่อยากไปเธอยิ้มยั่ว

ไป่ไป๋ตวาดแวด...

ฉันจะไป!” สาวสวยเชิดหน้าเมินออกนอกรถ

“แหม่ม! ฉีดวัคซีนหรือยังครับ?”

“ยังค่ะ! หลวงพ่อไม่ให้ฉีด กลัวหนูแพ้มั้งคะ? หนูก็อยากฉีดนะคะ” เธอย่นจมูก

ไป่ไป๋ยื่นหน้ามาจากข้างหลัง...

“ฉีดสิ!ไม่กลัวโควิดเหรอ ไม่เห็นในทีวีหรือไงเป็นผีดิบเชียวนะ?” เธอยุส่ง แหม่มไม่สนหันมาถามผม...

“พี่แทนคะ! ถ้าไม่ฉีดจะเป็นผีดิบจริง ๆ เหรอ?”

ไป่ไป๋เสี้ยมต่อ...

“เธอไม่รอดหรอก! เดี๋ยวกลับไปฉีดเลยนะ ถ้าไม่ฉีดเป็นผีดิบจริง ๆ นะ” ยายฝาหลุนกงเป็นอะไรของเธอนะ

“แต่หลวงพ่อไม่ให้หนูฉีด หนูไม่กล้าขัดคำสั่ง ท่านก็ไม่อธิบายอะไรเลย” แหม่มตัดพ้อ

ไป่ไป๋ยิ้มกรุ้มกริ่ม...

“มันเป็นสิทธิ์ส่วนตัว ถ้าเขาสั่งไม่ให้ใส่ผ้าอนามัยจะเชื่อเขามั้ยล่ะ? ฉีดเลย! ฉีดเลย!” ไป่ไป๋บ้ารึไง?

แหม่มอึกอักหันมามอง...

“ใช่ไหมล่ะพี่แทน? เจ๊พูดถูกนะ”แย่แล้ว! น้องแหม่มเริ่มคล้อยตาม

“เฮ้อ!ผมจะบอกกับแหม่มยังไงดีนะ?

“พี่แทนฉีดหรือยังคะ?” แหม่มสายตากังวลใจ

“พี่กับไป่ไป๋ฉีดแล้ว แต่ไม่ใช่ของแจกฟรีพวกนี้หรอก”

“เห็นไหมล่ะ! ทีตัวเองยังกลัวไปฉีดกันก่อน แล้วไม่ให้หนูฉีด หนูก็กลัวนะคะ” แหม่มเบ้ปาก

ไป่ไป๋ยิ้มกริ่ม...

“ฉีดเลย! ของอย่างนี้ตัวใครตัวมันอยู่แล้ว” เธอชงแหลก

“น้องแหม่มครับ เชื่อหลวงพ่อนะ และฟังพี่แทนพูดดี ๆ แหม่มไปบอกกับคนที่แหม่มรักว่า อย่าฉีดวัคซีนที่เห็นผีดิบในทีวีนั่น เป็นพวกที่ฉีดวัคซีน มันเป็นของอันตราย” ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง?

“จริงเหรอ?” แหม่มตาโต

“อื้อ! เชื่อพี่อีกคนนะครับ” ผมบอกได้แค่นั้นจริง ๆ สายตาของแหม่มประกายแล้วหันไปตาขวางใส่ไป่ไป๋ ยายฝ่าหลุนกงเอนหลังพิงเบาะผิวปากทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

ตึง!” รถชะลอขึ้นลูกระนาด ลูกระนาดนับสิบกระจายไปทั่วทุกถนน ไป่ไป๋นั่งหัวสั่นหัวคลอนก่อนทะยานขึ้นถนนใหญ่

ถนนบ้าอะไร? เนินหลังเต่าเยอะจัง?เธอบ่นกระปอดกระแปดมาทั้งทาง

เจ๊! กินนี่สิ อร่อยมากน้องแหม่มหันป้อนเมี่ยงคำ

เธออ้าปากรับ...

“ตึง! รถชนลูกระนาด

“โอ๊ะ! แหม่มร้อง

“อี๋! แกล้งกันเหรอ?” เมี่ยงคำเลอะเต็มหน้าไป่ไป๋ดำเยิ้ม

“หนูขอโทษ! พี่แทนขับรถดี ๆ สิคะ” น้องแหม่มยิ้มมุมปากแล้วยัดชิ้นใหม่เข้าปากเธอ ผมหันมองแล้วกลั้นหัวเราะ

ไป่ไป๋ทำหน้าปูเลี่ยน...

รสชาติแปลก ๆ นะคะเธอเคี้ยวแล้วนั่งมองไปนอกรถ

ในเวลาที่เธอมองเหม่อ สายตาเหงาน่าสงสารมาก คงคิดถึงบ้าน คิดถึงนาตาลีมากสินะ ความหวังเดียวของเธอคือคาดหวังให้ผมกลับไปช่วยนาตาลี คงหมดที่พึ่งจริง ๆ ถึงได้ตามผมกลับมาที่นี่

เจ๊! กินนี่ด้วยสิ หวานอร่อยดี แหม่มส่งน้ำเสาวรสคั้นไปให้

ไป๋ไป๋ยกซด...

จ๊าก! เปรี้ยวมาก แกล้งกันรึป่าวเนี่ย?

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! แหม่มหันมาตีมือกับผม

"พี่แทนกินด้วยสิคะ เธอป้อน

หิวก็จอดรถกินดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องป้อน ไป่ไป๋เสียงครึ่งจมูกมาจากด้านหลัง

                           .........................................................

รถยนต์แล่นเข้ามาถึงสถานที่ราชการที่สับสนวุ่นวายไปด้วยประชาชนที่มาติดต่องาน ที่จอดรถไม่พอต้องวนจนท้อใจ สิ่งแรกที่มาต้อนรับ...

ตึง!”

ไป่ไป๋หัวสั่น หันมาโวย... 
           "บ้าไปแล้วรึไง? สร้างถนนทำไมต้องมีหลังเต่าขวาง มันมากไปแล้วนะ ทำไมลิดรอนสิทธิ์คนอื่นขนาดนี้? ด้อยความเจริญจริง ๆ

น้องแหม่มหันไปโต้แล้วอมยิ้ม

เขาไม่ให้ขับรถเร็ว มันอันตราย ไม่เห็นเหรอ คนเดินเต็มถนน?

เจริญล่ะ! เอาหลังเต่ามาขวางไม่ให้ขับรถเร็ว คนที่รีบก็ต้องมาช้าไปด้วย แล้วทำไมปล่อยให้คนลงไปเดินบนถนน ไม่มีกฎระเบียบเหรอ เจ้าหน้าที่ยืนทำด๊อยอะไรอยู่น่ะ จีบสาวเหรอ?ไป่ไป๋จ้องสายตาแข็งเหมือนหมาบ้าไปที่เจ้าหน้าหนุ่มยืนกะลิ้มกะเหลี่ยสาวสวย หลัง ๆ มานี่ ทำไมเธอหงุดหงิดบ่อยจังเลย ไม่เข้าใจจริง ๆ

ผมหยอดไปมั่ง...

มันเป็นประชาธิปไตย แก้ปัญหาเพื่อความเสมอภาค คุณเป็นคอมมิวนิสต์ไม่เข้าใจหรอกผมอมยิ้ม แหม่มหันมาตีมือ

เนอะ! พี่แทนพูดถูก บ้านเราเป็นประชาธิปไตยเธอเอาขนมยัดปากของผม

เออ! ปัญญาอ่อนชัด ๆ คอมมิวนิสต์ยังไม่ทำแบบนี้เลย แล้วก็เลิกป้อนกันได้แล้ว รำคาญ!” เธอเมินหน้าปากจู๋

รถยนต์มาต่อแถวเพื่อรับบริการต่อภาษี แถวยาวเหยียดในช่องเลื่อนล้อ รถค่อย ๆ ขยับมาทีละคัน จนอีกคิวเดียวก็ถึงแล้ว

ข้างหน้าเป็นรถกระบะค่อนข้างเก่า หนุ่มคนขับพยายามอธิบายร้องขอเจ้าหน้าที่สาวตัวอ้วนในห้องสี่เหลี่ยมติดแอร์

ขอความกรุณาด้วยครับ! ไดสตาร์ท! มันไม่ค่อยดี ดับเครื่องแล้วมันจะสตาร์ทไม่ติด ผมจะเอาไปซ่อมแต่ทะเบียนมันขาดก่อน ขอครั้งเดียวนะครับเขาพูดอย่างนอบน้อม

เจ้าหน้าที่สาวเจ้าเนื้อหน้ายักษ์ ยื่นหน้าจากห้องสี่เหลี่ยมติดแอร์
          “มันเป็นระเบียบของราชการ คุณไม่เห็นป้ายเหรอ? ถ้าไม่ดับเครื่องก็ไม่ต้องยื่นเอกสาร ขับออกไปเลย ไป!” เธอโวยวายเคาะไปที่ป้ายให้ดับเครื่องยนต์ เจออ้างกฎระเบียบแบบนี้ ประชาชนจะทำยังไง?

“เอ่อ!” เขาหมุนมองมาทางผมด้วยสีหน้ากังวล ก้มหัวขอโทษอย่างเกรงใจ

เจ้าหน้าที่เคาะป้ายอีกครั้ง...

“จะเอายังไง?” เธอเชิดหน้าไม่แยแสกับปัญหา ชายหนุ่มอึกอัก ลังเล

“เร็ว ๆ ถ้าไม่ดับเครื่อง ก็รีบไปเลย เหม็น!” ยายอ้วนปากแดงจี้อีกครั้ง

“ขอความกรุณาเถอะนะครับ ถ้าดับแล้วมันจะไม่ติด” เขาแทบจะคุกเข่าอ้อนวอน

“ปัง! เธอปิดหน้าต่างใส่หน้า แล้วก็หันไปรับงานจากคนที่ถือเล่มเดินมา

ชายหนุ่มหน้าจ๋อยยอมดับเครื่องยนต์ตามคำสั่ง แล้วยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่...

“นี่ครับ!

“รอคิวก่อน!” ยายอ้วนทำงานให้กับพวกของตัวเองเฉยเลย ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนเคว้ง  

ผมหันไปหาน้องแหม่ม...

พนันกันมั้ย? พี่ทายว่ารถจะสตาร์ทไม่ติด

น้องแหม่มพยักหน้า...

งั้น!...หนูทายว่าติดก็ได้ เธอทายตรงข้าม

ไป่ไป๋นั่งมองเหตุการณ์อยู่นานร้องถามมา

“ทำไมหน้าตาของเจ้าหน้าที่ถึงฉุนเฉียวขนาดนั้นคะ?”

ผมอธิบายเรื่องราวการต่อรองของชายหนุ่มกับเจ้าหน้าที่ให้เธอฟังแล้วหันมองไปที่ตู้ เจ้าหน้าที่รับเอกสารจากชายหนุ่มไปแล้ว

ทำไมต้องดับเครื่องด้วย? เธอโวยทันที

น้องแหม่มยกมือ...

อ๋อ! หนูตอบได้ค่ะ กลิ่นควันมันเหม็นค่ะและอากาศก็ร้อนจากไอเครื่องด้วย

เลื่อนกระจกปิดเอาก็ได้ มากไปหรือเปล่าที่ทำอย่างนี้? ถ้าเป็นที่บ้านหนูโดนตบไปแล้ว ไม่มีหรอกเจ้าหน้าที่สันดานแบบนี้ อยากสบายก็นอนอยู่บ้านไปสิ ไป่ไป๋นั่งกัดฟันมองจากข้างหลัง

ลูกสาวเจ็ทโด้ก็ซึมซับวิธีคิดจากพ่อ ชื่นชมและบูชาเจ้าหน้าที่รัฐ

พวกเขาเป็นเจ้านาย ไม่ใช่พนักงานบริการนะคะ อย่าก้าวร้าวนะคะแหม่มขึงขังเถียงแทน

แบ่งชนชั้นเห็น ๆ กดขี่ชัด ๆ ไป่ไป๋ยังงึมงำ

กดขี่ยังไงคะ?” แหม่มไม่เลิกจิก เชื้อพ่อของเธอแรง

อ้าว! แล้วถ้าดับเครื่องคนในรถไม่ร้อนเหรอ? ไม่เหม็นเหรอ? เขาไม่ใช่คนเหรอ?  ต่างคนต่างปิดกระจกไม่ง่ายกว่าเหรอ?” โดนไป่ไป๋ย้อนไปแบบนี้ น้องแหม่มหน้าเหวอตอบไม่ถูก ไปไม่เป็น

“พี่แทน เอาไงดี?”

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีก็ส่งเอกสารกลับมาให้คนขับ

อึ๊ด! อึ๊ด! อึ๊ด!”

"อ้าว!..เอาแล้วพี่แทน ดูโน่นสิน้องแหม่มชี้ไปที่รถกะบะคันหน้า

อึ๊ด! อึ๊ด! อึ๊ด!” รถสะท้านไปทั้งคัน สตาร์ทไม่ติดดังคาด

ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! พี่ชนะ!”

คนขับรถหน้าเหรอหราลนลานรีบลงมา...        

ขอโทษนะครับ! รถไม่ค่อยดีเขาหันมาโค้งศีรษะขอโทษ แล้วพยายามเข็นรถกระบะคันใหญ่ให้พ้นทาง

น้องแหม่มหันมา

พี่แทน! ลงไปช่วยเขากันดีกว่า เจ๊!ไปด้วยกันไหม?”

ไม่ช่วย! ให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยเขาสิ ให้มันรับผิดชอบคำสั่งด้วย สั่งให้เขาดับเครื่องทำไม?” เธอเมินไม่สน

“เจ้าหน้าที่บ้านคุณโหดกว่านี้อีก” ผมแขวะบ้าง ชักไม่สบอารมณ์เหมือนกัน

“คุณเอาที่ไหนมาพูดไม่จริงเลย เจ้าหน้ารัฐมีไว้บริการประชาชน ไม่ใช่เจ้านาย”เธอเถียงใจขาด

“แล้วพวกที่ไล่ฆ่าประชาชนล่ะ อย่ามาโม้เลย” ผมหมั่นไส้เหลือเกิน

“มันคนละส่วนกัน พวกตำรวจทหารโหดฉันเข้าใจได้ เพราะเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบ อีพวกนี้รับผิดชอบอะไร? อย่าเอางานปราบปรามมาปนกับงานบริการ” เธอค้อนตาคว่ำ

“??????” ผมถึงกับอึ้งไปเลยเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ?

ยายอ้วนโวยใส่ชายหนุ่ม... 

“เข็นเร็ว ๆ รีบออกไปให้พ้น ๆ!

ชายหนุ่มอึกอัก พยายามเข็นแต่ไม่ไหว ผมกับแหม่มรีบเดินไปช่วยดันตูดรถแล้วร้องบอกคนขับ

“คุณขึ้นไปคอยสตาร์ทนะ ผมช่วยเข็นให้”

เจ้าหน้าที่หญิงอ้วนโผล่หน้าออกมาด่าต่อ...    

รถอย่างนี้ยังเอามาใช้งานอีก ดูแลรถยนต์ให้ดีด้วย เดี๋ยวยึดรถซะเลย สภาพไม่พร้อมยังเอามาใช้งานอีกเธอแม่นกฎหมายและพร้อมขย้ำผู้มาใช้บริการ

ชายหนุ่มชะงักใบหน้าโทรมด้วยเหงื่อ ตาขวาง...

“ผมบอกแล้วว่าจะเอาไปซ่อม แวะมาต่อทะเบียนก่อน ไม่ได้ยินที่ผมบอกเหรอ? ผมขอร้องแล้วไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มชักจะเดือด

“ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน รีบไปก่อนจะโดนยึดรถตรวจสภาพ”ยายอ้วนหน้าหมูขู่ฟ่อก่อนจะผลุบเลื่อนกระจกปิด

คนขับรถเป็นชายรุ่นราวคราวเดียวกับผมคงหมดความอดทน ถกแขนเสื้อเดินปราดเข้าไป ผมรีบเดินเข้าไปตบไหล่...

เข็นให้มันไปพ้น ๆ ทางเถอะครับ เชื่อผม! อย่าเสียเวลาไปกัดกับหมามีสังกัดเลย เดี๋ยวมันก็เรียกพวกมาหาความผิดให้จนได้แหละ

“ผมเหลืออดแล้วครับ ข้างนอกแม่งก็ตั้งด่านจับ เป็นเหี้ยอะไรมากมั้ยวะกับกฎหมายประเทศนี้ กูขับรถเก่าแต่กูไม่ได้โกงนะโว้ย พวกมันทำเรื่องบริการให้เรื่องมันยาก พอเราเบื่อก็จะได้ไปจ้างนายหน้าเด็ก ๆ แล้วเอาเงินมาแบ่งกัน มันคงคิดว่าคนอื่นไม่รู้มั้ง? ผมชี้ให้ดูก็ได้นะว่าคนไหนบ้างที่ส่งงานให้พวกมัน” จากแค่ขอน้ำใจเล็กน้อยกลับกลายเป็นความแค้นให้กับหน่วยงาน เขาหันมายิ้มโค้งศีรษะก่อนจะขึ้นไปนั่ง

ผมก้มดันท้ายรถแล้วช่วยกันดัน...

“อึ๊บ!อึ๊บ!อึ๊บ!น้องแหม่มเข็นขาฟรี

“บรื้น! รถกระชากเครื่องยนต์ติด

เขาสีหน้าเครียด ชะโงกหน้ามองไปที่ตู้...

แม่ง! อีอ้วน! อย่าให้กูเจอข้างนอกนะจะเตะให้ผอมเลย กวนส้นตีนจริง ๆ สองมาตรฐานชัด ๆ ก่อนหน้าผมเป็นรถยนต์หรูไม่เห็นมันจะบอกให้เขาดับเครื่องเลย ขอบคุณมากนะครับพี่ชายที่ช่วย อารมณ์เสียฉิบหายเขาโบกมือให้ก่อนจะขับรถจากไป

ถึงคิวของผมก็ต้องดับเครื่องยนต์เหมือนกัน ไป่ไป๋นั่งมองอย่างขัดใจ เธอจ้องหน้าเจ้าหน้าที่เขม็ง...

ดับเครื่องหนูก็ร้อน! ทำไมวะ!แค่ขยับตัวเลื่อนกระจกเปิดปิดมันทำให้ไขมันละลายมากเลยหรือไง? ขยับตัวบ้างเถอะ! อ้วนจนไขมันแฉะตูดแล้ว ดูหน้าเธอสิ! หงิกไม่ได้อยากทำงานเลย ไม่มีเซอร์วิสมายด์เลยสักนิด เอาคนอย่างนี้มาไว้หน้างานได้ยังไง ต้องให้มันทำงานหันหน้าเข้าหาผนังตึกเธอบ่นเสียงดัง ในขณะที่ผมส่งเอกสาร

“ไปข้างบน ตรงนี้ปิดแล้ว” แล้วปิดหน้าต่างใส่หน้า

“ฮ้า!” ผมนาฬิกาขึ้นมาดู 11.45 น.

“พักแล้วเหรอครับ”

“ถ้าอยากทำก็รอบ่าย หรือไม่ก็วิ่งขึ้นไปต่อคิวในอาคาร ตรงนี้ต้องเคลียร์เอกสาร”

“ไปเถอะพี่แทน เดี๋ยวไม่ทันดูหนัง”  น้องแหม่มเร่งคืน ผมได้แต่อมยิ้มไม่ต่อล้อต่อเถียง ขับรถออกมาหาที่จอดแล้ว

“ไปด้วยกันมั้ยครับ ไปดูเจ้าหน้าที่ทำงานกัน” ผมหันไปยิ้มหวาน

“ไม่ไป!
           แหม่มหันมาเขย่าแขน...

“เจ๊! มาดูสิ มาดูประชาธิปไตยให้เห็นกับตา”

“ไม่!

“ไม่แน่นี่หว่า!” แหม่มเบะปาก ผมขยับจะเดินไปขึ้นอาคาร

“แทน! รอด้วย” เธอกระโดดลงแล้วเดินหน้าตึงขึ้นอาคาร น้องแหม่มวิ่งแซงไปรับบัตรคิว

ผมมองนาฬิกา เหลืออีก 7 นาทีจะพักเที่ยง พาไป่ไป๋เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ ประชาชนรอคิวยาวเหยียด เธอหันมามองอย่างสงสัย...

“ทำไมขั้นตอนยุ่งยากจังคะ ทำไมไม่ทำให้เสร็จในขั้นตอนเดียวตั้งแต่ข้างล่าง” เธอถามเพราะไม่รู้ และฟังภาษาไม่เข้าใจ

“อ๋อ! ข้างหลังปิดครับ เลยมาทำต่อบนนี้”

ทันใดนั้น เสียงเจ้าหน้าที่หญิงดังขึ้น...

“ปิดแล้วค่ะ รอบ่ายโมง”

ผมหันไปมอง คิวของคุณลุงนุ่งกางเกงขาสั้น แต่งตัวธรรมดาหน้าเสียยื่นเอกสารค้าง...

“ประทานโทษนะครับ ยังเหลือเวลาอีก 5 นาที”

“เจ้าหน้าที่ไปทานข้าวหมดแล้วค่ะ รอบ่ายโมงนะคะ”

5 นาทีทำได้หลายคันเลยนะครับ

“ตึง! เธอปิดหน้าต่างใส่หน้าแล้วสะบัดตูดเดินไปหาเพื่อน ปล่อยให้คุณลุงยืนเก้อ ทุกสายตามองไปที่เขา

คุณลุงเดินสายตาผิดหวัง นั่งลงข้าง ๆ ผู้หญิงแต่งตัวดีมีสกุลเหมือนพวกคุณหญิงคุณนาย ฟอร์นิเจอร์เพชรเต็มตัว...

“ป๊า! ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกัน”

“ผมยังไม่หิวคุณพาลูกไปกินกันก่อน”
            น้องแหม่มขัดจังหวะพอดี...

“พี่แทนได้คิวมาแล้วค่ะ” 

“ไม่ทันแล้วแหม่ม เจ้าหน้าที่หยุดงานแล้ว”

“อ้าว! ยังไม่เที่ยงเลย”

ไป่ไป๋อมยิ้ม...

“ไงล่ะ! ประชาธิปไตย อยู่บ้านฉันโดนแหกอกแน่ ทำงานอย่างนี้” เธอจั่วน้องแหม่มคืน ยิ้มอย่างสะใจ

“ไปหาอะไรกินกันก่อนก็แล้วกัน” ผมพาพวกเธอเข้าโรงอาหาร

        ...........................................................................

13.00 น. ผมกลับมานั่งรอข้างคุณลุงและครอบครัว เขานั่งมองนาฬิกาอย่างใจเย็น ในขณะที่เจ้าหน้าที่พึ่งจะเดินเข้ามาประจำที่ แต่ยังไม่เปิดหน้าต่างมารับเอกสาร เวลาผ่านไปช้า ๆ ประชาชนขึ้นมารอกันแน่นขนัด

สักพักคุณลุงก็ลุกขึ้นยืน...

“โอเค! เลยเวลามา 5 นาทีแล้ว ยังทาปากกันไม่เสร็จเลย” เขาพูดจบก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วเคาะ

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!

เจ้าหน้าที่คนเดิมหันมามอง พอเห็นหน้าคุณลุงก็ถอนหายใจก่อนจะทาแป้งต่อ

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” เสียงเคาะแรงขึ้น

ได้ผลเจ้าหน้าคนนั้นเดินหน้าหงิกมาเปิด...

“มีอะไร?”

“คุณจะทำงานกี่โมง นี่มันเลยมา 10 นาทีแล้ว”

“เอาเอกสารวางไว้!

“หัวหน้าของคุณคนไหน?” เขาถามเสียงปรกติ

เจ้าหน้าที่ยิ้มมุมปากเมินหน้ากลับไป คุณลุงเม้มปาก สูดลมหายใจลึก หันมาที่ผู้นั่งรอรับบริการ ผมคิดว่ามีเรื่องแน่ ๆ ไป่ไป๋ไม่รู้ภาษามองตาม

“ทุกท่าน ผมขออนุญาตเสียมารยาทหน่อย” เขาพูดเสียงดังแล้วชี้...

“เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนี้ พักเที่ยงก่อนเวลา และตอนนี้เลยมา 15 นาทีแล้วยังแต่งหน้าไม่เสร็จ นี่คือการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม คอรัปชั่นเวลาการทำงานราชการ ดูหน้าของเธอไว้”

“โห่! ฮู้ว! สันดานพวกมันเป็นแบบนี้แหละ ผมเห็นครับลุง ผมก็อยู่ข้างหลังลุง” ชายอายุประมาณ 40 ปีสนับสนุน

“พวกเราจ่ายเงินภาษีให้พวกเขาทำงาน แต่ดูพวกเขาทำตัวสิ”

“ฮู้ว ขี้เกียจก็กลับบ้านไป” มวลชนเข้าข้างลุง

“พรึบ!พรึบ!พรึบ!บานเลื่อนถูกผลักพร้อม ๆ กัน เสียงเจ้าหนาที่เรียกคิว

“ของผมคิวแรก รบกวนด้วยนะครับ ผมขอจัดการกับปัญหานี้ก่อน” เขายกมือบอกกับทุกคนแล้วเดินไปหาเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้น แล้วพูดกับเธอเสียงเรียบ ๆ

“เรียกหัวหน้าของคุณออกมา” 

“............”

“หมายเลข A201

“ผมเอง ผมบอกว่าเรียกหัวหน้าคุณออกมา”

“ถ้าไม่ให้เอกสาร งั้นขอผ่านนะคะ เชิญหมายเลข A202
           "..................” ไม่มีใครขยับ ผมขยับเดินไปหาคุณลุง แล้วบอกกับเจ้าหน้าที่
           "เรียกหัวหน้าคุณออกมา"
          “ฮู้ว!...สุดยอด เรียกหัวหน้าออกมา” ชายคนแรกสนับสนุน

“เรียกหัวหน้าคุณออกมา” ชาวบ้านสนับสนุน เกิดความโกลาหลหน้าลานรอคิว เจ้าหน้าที่ปิดหน้าต่างหนี

สักครู่...ผู้ชายวัยกลางคน แก้มยุ้ยอ้วนท้วนเหมือนเสี่ยในชุดราชการเดินหน้านิ่งออกมา ท่าทางถือตัว...

“มีปัญหาอะไรให้ช่วยครับ!” น้ำเสียงดีแต่ไม่มีรอยยิ้ม

คุณลุงขยับ แต่ภรรยาของเขาขยับก่อน...

“ป๊า! ไม่ต้อง” เธอแตะแขนสามีแล้วก้าวออกไป พอหัวหน้างานหันมาเห็นถึงกับหน้าถอดสี ปรี่เข้ามาไหว้สวย

“ท่าน ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะครับ?” จากคนคอแข็งกลับพินอบพิเทาลงทันที เขาเหมาะกับท่าทางสอพลอมาก

“เชิญ! ไปคุยกันข้างใน8่ะ” เธอพูดหน้านิ่งเสียงมีอำนาจ เดินนำหัวหน้างานเข้าไปในห้องที่เจ้าหน้าที่ทำงาน

“เฮ!” เสียงปรบมือดังสนั่นยาวนาน
           คุณลุงสะกิดแขน

“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม เราได้ช่วยกันแก้ไขนิดหน่อยก็ยังดี”

“คุณลุงสุดยอดครับ”

“เฮ่ย! คุณก็ไม่เบาหรอก กล้ายืนข้างผม ถ้าคุณไม่ยืนยันแล้วผ่านไป ผมอาจจะร้องไห้ก็ได้ พวกเรายอมพวกมันเลยขึ้นหัว” นี่ขนาดเมียของเขาต้องตำแหน่งใหญ่มาก แต่เขากลับติดดิน น่ากราบมากคนอย่างนี้

ผมยกมือไหว้...

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมลาไปจัดการเรื่องของตัวเอง แล้วเล่าเรื่องราวให้ไป่ไป๋ฟังในขณะเดินกลับขึ้นรถยนต์

“แม้กระทั่งหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจ ยังกร่างขนาดนี้” เธอส่ายหัวไม่พูดอะไร น้องแหม่มหุบปากเงียบเดินลิ่ว

ตึง!” รถยนต์ขึ้นลูกระนาดอีกครั้ง      

ทำไมไอ้ถนนหลังเต่านี่มันเยอะจังเลย? เธอยังบ่นกระปอดกระแปดไม่ถูกใจไปหมด          

นี่คือสัญลักษณ์ของความเท่าเทียม ผมหันไปยืดอก

เท่าเทียมบ้าอะไรกัน เผด็จการชัด ๆ จระเข้ขวางคลอง ขัดขวางความก้าวหน้า โลกใบนี้พัฒนาถนนจากถนนดิน สู่ลูกรัง พัฒนาเป็นลาดยางจนถึงคอนกรีตเพื่อให้ถนนเรียบ แต่กลับเอาหลังเต่ามาขวาง สิ้นคิดจริง ๆ เธอขัดใจไปทุกอย่าง

น้องแหม่มขยับ...

หนูเชื่อพี่แทน! รถยนต์หรูกับมอเตอร์ไซด์ต้องชะลอความเร็วเหมือนกันเนอะ? บ้านเราเป็นประชาธิปไตยไม่มีความเหลื่อมล้ำว่าแล้วเธอก็หันมาตีมือ ไป่ไป๋นั่งกัดฟันตาเขียว

วันนี้ไปไหนดีผมถามแหม่ม

“ดูหนังกันอีกมั้ย? ไปดูเวน่อมกัน” น้องแหม่มฉอเลาะ

ดูอีกแล้วเหรอ?

ทันใดนั้น....

แทน! หนูปวดท้อง ไป่ไป๋ร้อง

“ห่ะ! ผมใจหายวาบรีบชะลอจอดข้างร้านสะดวกซื้อ รีบลงเข้าไปนั่งข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง

ปวดมากไหมครับ ไปหาหมอกันดีกว่านะ? ผมกุมมือของเธอมาบีบเบา ๆ ใจคอไม่ดีมาเจ็บป่วยไกลบ้านไม่ใช่เรื่องสนุก

เหมือนท้องมันอืด เธอหน้าเหยเปิดเสื้อ ลูบพุงขาวขยับตัวยืดขา

แหม่มโผล่หน้าเข้ามา...

เดี๋ยวหนูไปซื้ออีโนให้กินนะคะ เธอวิ่งหายไปในร้านสะดวกซื้อ

หนูอยากนอน อูยส์! ปวดท้อง เธอเสียงอ่อย สีหน้าไม่ค่อยดีเลย

นอนสิ! นอนท้ายรถนี่แหละผมขยับจะลงจากรถยนต์ เพื่อให้เธอมีพื้นที่ได้ยืดตัวนอน

แต่เธอยกมือห้าม

คุณก็นั่งข้างหลังกับหนูนี่แหละ! หนูจะได้นอนหนุนตักเธอเอามือตีเบาะแปะแปะ

เอางั้นเหรอ?”

อื้อ! ดีสุดแล้วเธอซุกพรวดเข้ามานอนหลับตาพริ้ม ท่าทางอย่างนี้เหมือนตอนแกล้งหลอกผมว่าถูกยิงในป่าเลย

น้องแหม่มเดินมาเปิดประตู ขมวดคิ้วมองคนไข้...

ยามาแล้วค่ะ! ลองกินก่อน ถ้าไม่หายค่อยไปหาหมอกันนะคะเธอโยนถุงยาเข้ามา

แต่ไป่ไป๋ไม่สนใจพลิกตัวมุดหน้า...

แทนคะ! หนูปวดท้อง คุณไม่ต้องลุกไปไหนนะ ให้แหม่มขับรถ

อ้าว! แล้วหนูจะได้ดูหนังหรือเปล่าเนี่ย?” น้องแหม่มโวย

 ฉันปวดท้องไม่ต้องไปหรอก ประชาธิปไตยไม่มีน้ำใจเลยนะ! คนไม่สบายยังจะหนีไปเที่ยวอีกเธอครวญเสียงเศร้า ผมบีบมือด้วยความเป็นห่วง

พี่แทนขา! หนูอยากดูหนัง น้องแหม่มไม่ลดละความตั้งใจ

เดี๋ยวพาไป่ไป๋กลับบ้านก่อน น้องแหม่มขับรถทีนะครับ

แหม่มย่นจมูกฟึดฟัด...

ฮึ! สำออยชัด ๆ คอยดูนะจะเอาให้แสบเลยเธอบ่นขัดใจเดินสะบัดสะบิ้งขึ้นไปขับรถยนต์

ยานี่กินยังไงเหรอแหม่ม?” ผมชะโงกหน้าไปถาม

ไม่รุ! พี่แทนก็อ่านเอาสิ เขาเขียนวิธีใช้ไว้ข้างฉลากแล้วนี่แหม่มโกรธหน้าแดง ขับรถเร็วเป็นจรวดเลย

ผมอ่านหนังสือไม่ออกและไม่รู้จักยาชนิดนี้ ก้มลงถามไป่ไป๋

ไป่ไป๋ครับ เคยกินยาแบบนี้หรือเปล่า?” ผมยกซองยาสีส้มให้ดู

เธอส่ายหน้า

ยาฝรั่งแบบนี้ที่จีนไม่ให้เอาเข้ามาขายหรอกค่ะ หนูไม่เคยเห็นเธอเหลือบดูนิดเดียวแล้วมุดหน้ากลับ

ผมหยิบซองยาขึ้นมาอ่าน ตัวหนังสือภาษาอังกฤษก็เล็กนิดเดียว

เขาให้ผสมกินกับน้ำนี่นา ใช่มั้ย? ผมร้องถามแหม่ม

ไม่มีแก้วค่ะ!” เธอเมิน

ไป่ไป๋พลิกตัวนอนหงาย ย่นจมูก...

แค่กินยาจะยากตรงไหน เอามานี่! ยาผงไม่ใช่เหรอ? ยาผงแบบนี้เอาไว้ให้เด็ก ๆ กิน ยาหลอกเด็ก!” เธอหยิบซองมาฉีก

เชอะ! ยาหลอกเด็ก...กล้า ๆ กินหน่อยนะน้องแหม่มตะโกนข้ามมาผมเสียวสันหลังวาบที่เห็นเธอแสยะยิ้ม ใบหน้าเหมือนโจ๊กเกอร์เลย รังสีอัมหิตฟุ้งกระจายอบอวล

ไป่ไป๋นอนหนุนตักกระหยิ่มยิ้มย่อง ดูสบายอกสบายใจเหมือนไม่ป่วยสักนิด...

กินอยู่แล้ว! ไม่เห็นจะยาก!” ว่าแล้วเธอก็กรอกผงยาเข้าปาก

ก็แค่เนี้ยะ! ไม่เห็นยากเลย โอย!....ฝืดคอ! ทำไมมันมีฟองล่ะ?เธอหน้าเจื่อนกับรสยา

ยายแหม่มโจ๊กเกอร์ยิ้มมุมปากหันมามอง...

กินน้ำด้วยสิ! กินเยอะ ๆ เลย จะได้หายไว ๆรอยยิ้มของแหม่มสยองมาก ส่งขวดน้ำมาให้ผมกรอกน้ำใส่ปากเธอ

 ทันใดนั้น....

“ฟู่ว!ฟองฟู่ทะลักล้นออกจากปาก
           เธอแหกปากลั่น เด้งลุกขึ้นนั่งฟองฟูเต็มปาก

อ๊าก! แทน! มันเกิดอะไรขึ้น?

“เฮ้ย! ผมตกใจมากเพราะไม่รู้เหมือนกัน

ถุย!ถุย!อ๊าก! ยาบ้าอะไรวะเนี่ย?” เธอเปิดกระจกบ้วนยาทิ้งแล้วมองค้อนแหม่ม

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! แป๊น! แป๊น! แป๊น!” น้องแหม่มทุบแตรหัวเราะสะใจ

ผมไม่เข้าใจพวกเธอเล่นอะไรกัน ไป่ไป๋จ้องมองตาเขียว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ฝากไว้ก่อนเถอะ! ยัยประชาธิปไตย แกล้งกันชัด ๆเธองึมงำฟองยังฟู่เต็มปาก

ก็อยากสำออยเอง ช่วยไม่ได้น้องแหม่มหัวเราะอย่างผู้ชนะ ผิวปากขับรถกลับบ้านอย่างสบายใจ

ผมไม่เข้าใจสาว ๆ คิดอะไรกัน น้องแหม่มเป็นน้องสาวที่ผมเอ็นดู ไป่ไป๋เป็นเพื่อนสาวที่ต้องการให้ผมช่วย ทั้งสองเล่นกันแรงไปหรือเปล่า? แต่ช่างเถอะ! แกล้งกันมากก็รักกันมาก เดี๋ยวก็มีเรื่องดี ๆ เอง ใจของผมแวบไปหานาตาลี เป็นอย่างไรบ้างก็สุดจะคาดเดา ผู้หญิงปริศนาผู้มากับความโชคร้าย รออีกนิดนะ ...


                                    ............................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,861 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,977 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท7 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม