The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 27

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 27
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 3
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 10 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย 
มุมมองสายตาไป่ไป๋
เมษายน ค.ศ.2021
เช้าวันอังคารที่สดใส ตึก The 3 Temple ยืนโดดเด่นท้าแดดลม ลำตัวงูใหญ่เลวีอาซานพันรอบอาคาร สวยสะกดทุกสายตา เห็นเจ้าตัวนี้ทีไรก็คิดถึงงูอานาคอนดาแดงขึ้นมาทุกครั้ง รอบข้างอาคารสวยงามไปด้วยดอกบ๊วยกลีบกลมสีชมพูสะพรั่งทั้งบนต้นและปลิวลมตามถนนหน้าอาคาร            
ลานหน้าประตูทางเข้าของตึก คลาคล่ำไปด้วยผู้คนกลุ่มใหญ่มารอรับการตรวจสุขภาพฟรี พวกเราทำหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมายจากป่ะป๊าและได้รับการเทรนคร่าว ๆ มาจากหม่าม้าคนสวย
“มาทางนี้เลยค่ะ” ฉันทำหน้าที่ลงทะเบียนและวัดความดัน ให้นายแทนวัดน้ำหนักส่วนสูง เพราะเขาพูดจีนไม่ได้ สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง          
หม่าม้าทำหน้าที่จิ้มนิ้วตรวจเบาหวาน ป่ะป๊าสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย ฉันทำใบปลิวเล่นเกมมาร่วมสนุกกับคนที่มาลงทะเบียนตรวจสุขภาพ
“ทุกท่านคะ! ทางทีมงานแพทย์มีเกมมาให้กัน เกมง่าย ๆ โดยให้ทุกคนช่วยกันแปล ใครแปลถูกได้สิทธิ์ตรวจสุขภาพฟรีชุดใหญ่ที่โรงพยาบาลอู่ฮั่นค่ะ” ฉันใช้เหยื่อก้อนใหญ่ลองล่อดู
“ในกระดาษที่แจกให้ จะมีตัวหนังสือเขียนอยู่ ให้แปลตัวหนังสือนั้นเป็นภาษาจีน เกมไม่มีอะไรซับซ้อน ใครแปลได้ก่อน ส่งเอกสารก่อนและถูกต้องจะเป็นผู้ชนะ ปิดรับ 14.00 น.นะคะ” ฉันมีความหวังอยู่ลึก ๆ ว่าจะต้องได้ผล
ฉันคิดมันขึ้นมาเองโดยไม่ปรึกษาแทน และให้เขาทำตามคำสั่งก็พอ ปล่อยให้เป็นผู้นำแล้วไม่ได้เรื่องสักอย่าง บอกให้เขาเขียนคำง่าย ๆ บนกระดาษ
 ทาก /อานาคอนดาแดง /กล้วยเผา /ปลาไหลยักษ์กัดแขน /
ฉันคิดว่ารหัสลับนี้ คงรู้แค่เราสามคนเท่านั้น ถ้านาตาลีได้เห็นต้องสะดุดใจบ้าง? แล้วก็เป็นดังที่คาด รางวัลที่ล่อไว้น่าสนใจ ข่าวกระจายไปไวมาก เพราะทั้งคนไข้และพนักงานเข้ามาต่อคิวเล่นเกม
เกมนี้ต้องถามคนที่รู้จักว่า มันเป็นภาษาอะไร? อ่านว่าอะไร?  แปลเป็นจีนว่าอะไร? เกิดความโกลาหลย่อม ๆ ในตึกชั้นล่าง พวกเราทำได้แค่เพียงรอผลว่า มันจะเข้าเป้าหรือเปล่า?
“เก่งมาก! แทนเอ่ยชม
“คุณคิดแผนใหม่คอยไว้ได้เลย หนูไม่แน่ใจว่า มันจะได้ผล”
เวลาเดินผ่านไปเรื่อย ๆ จากความมั่นใจเต็มถังก็ค่อย ๆ หดหาย ฉันรออย่างกระสับกระส่ายจนเกือบหมดเวลา มีคนเอาคำตอบมาให้หลายคน แต่ผิดทั้งหมด ฉันตรวจคำตอบแล้วหนักใจ ใกล้จะสิ้นหวัง
“แทนคะ! คุณคิดแผนใหม่ได้หรือยัง? หนูลุ้นไม่ไหวแล้ว?” ฉันเริ่มถอดใจ เวลาจวนเจียนจะหมดอยู่แล้ว
“ผมจะปลอมตัวเป็นช่างแอร์ เข้าไปในตึก คุณว่าดีมั้ย?”
“อื้อ! งั้นหนูปลอมตัวเป็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก็ได้เนอะ”
จู่จู่..คุณน้าชาวจีน เดินหน้าตื่นเข้ามา             
“ปิดหรือยังคะ?” เธอยืนกระดาษมาให้
“ยังค่ะ! ฉันคลี่ออกดูแล้วยิ้มหน้าบาน สุดท้ายมีผู้ตอบถูก เธอคือคนที่ฉันรอคอย
“ยินดีด้วยค่ะตอบถูก! ฉันดีใจแทบเก็บอาการไม่อยู่
“คุณน้าทำงานที่ไหนคะ? รบกวนด้วย!” คนนี้หน้าคุ้น ๆ / อ๋า!...คุณป้าที่หวังดีมาดึงแขน ให้ไปหาหมอคราวก่อนนี่นา/
“ทำที่นี่แหละค่ะ! เป็นแม่บ้านทำความสะอาด”
“คุณน้าสะดวกตรวจสุขภาพวันไหนคะ?” เนียนเป็นจำไม่ได้ก็แล้วกัน ไม่อยากเรื่องเยอะ
หลังจากนัดแนะให้เธอไปตรวจสุขภาพกับเพื่อนของป่ะป๊าที่โรงพยาบาลอู่ฮั่นเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เข้าเรื่องทันที
“คุณน้าแปลเองเหรอคะ? เก่งจัง!” 
เธอยิ้มอาย ๆ ก้มหน้าบิดตัว
“รบกวนด้วยนะคะคุณหมอ แปลเองค่ะ!
ฉันหันไปมองหน้าแทนด้วยความผิดหวัง เขาก้มมากระซิบบางอย่างข้างหูของฉัน...
“น่าเสียดายนะคะคุณน้า ถ้ามีคนช่วยแปล จะได้บัตรไปล่องเรือที่ฮั่นเจียงคู่กันด้วย ทางเราไม่ได้ห้ามเรื่องช่วยกันนะคะ”ฉันบอกตามคำแนะนำของแทน หวังผลได้หรือเปล่าก็ไม่รู้?
“จริง ๆ แล้วฉันก็ไปถามคนอื่นมาอีกที” เธอยิ้มเจื่อน
“ใครคะ?” ฉันถามเรียบ ๆ แต่ใจเต้นรัว
“ท่านรองฯ” เธออึกอัก
ฉันอยากจะกระโดดใจจะขาด ยิ้มออก สบายใจ หันไปส่งสัญลักษณ์ทำมือรูปโอเคให้แทน เขาจดช่องทางติดต่อยาวเหยียดใส่ใบปลิวส่งมาให้ฉัน
“แล้วท่านรองชื่ออะไรคะ?” เพื่อความแน่ใจ
“บอกไม่ได้ค่ะ! บริษัทห้ามเด็ดขาด” เธอทำหน้ายุ่ง หันมองกลับไปที่ตัวตึกตลอดเวลา เหมือนกลัวอำนาจอะไรบางอย่าง
“ชื่อย่อก็ได้ค่ะ” ฉันต่อรอง
            “บอกไม่ได้จริง ๆ ค่ะ” เธอก้มหน้า
ฉันได้จังหวะ จับหัวไหล่พูดใส่หน้า..
“นาตาลี พัค”
“อุ่บ! เธอสะดุ้งปิดปาก// จับไต๋ได้แล้ว
“ฉันไม่ได้พูดนะคะ” เธอหน้าเจื่อนกลัวความผิด ฉันส่งใบปลิวช่องทางติดต่อไปให้...          
“ฝากให้ถึงมือเธอด้วยนะคะ” ฉันฝากความหวังเดียวที่มี
แต่...
“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ ทหารหญิงตามติดตลอด ไม่ให้ใครเข้าใกล้เธอเลย ยากมาก ฉันกลัวตกงาน”
ฉันใจหายวาบเธอไม่ให้ความร่วมมือ แผนพังอีกแล้วเหรอ?
“รบกวนคุณน้า คิดอีกทีค่ะ” ฉันอ้อนวอน
“ฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ ค่ะ” เธอหมุนตัวเดินกลับ
“คุณน้าคะ!” ความหวังของฉันกำลังเดินจากไป แทนทรุดก้มหน้าลงกับโต๊ะ ฉันขยับเข้าไปนั่งข้างก้มหน้าสิ้นหวัง
“กลับบ้านกันเถอะลูก” หม่าม้าเรียก
“ไปค่ะ!” ฉันลุกเดินเหมือนคนไร้วิญญาณ ผิดหวัง สิ้นหวัง เดินตามท่านออกไป
“คุณหมอคะ! เสียงเรียกด้านหลัง
“ขอกระดาษด้วยค่ะ ฉันจะลองดู” คุณน้ากลับมาขอใบปลิว ฉันดีใจกระโดดตัวลอย...
“คุณน้าคนสวย!
“ไม่รับรองนะคะว่าจะสำเร็จ แต่จะพยายามตอนทหารเผลอ จะทำเต็มที่ค่ะ” เธอคว้าแล้วรีบยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินจากไป
“หาหมอเสร็จแล้ว โทรมารายงานผลด้วยนะคะ  อย่าลืมนะ!” ฉันตะโกนบอกแล้วก้าวเดินออกจากตึกอย่างเปี่ยมสุข ถ้าหัวใจไม่แข็งแรงคงบ้าไปเลย เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ สับสนกับชีวิต //ขอให้สำเร็จนะคะคุณน้า//
                ........................................


 
เราก้าวเดินออกมาตามถนนจนถึงประตูหน้า ฉันหันหลังกลับไปมองที่อาคารอีกครั้ง
“เฮ้ย! แทน! หัวใจแทบวาย หมวดจางยึดกระดาษไปจากป้าแม่บ้าน เธอยืนหน้านิ่งจ้องมองมา ฉันรีบโผเข้ากอดแขน เขาดิ้นหนี
“ฮื้อ!! อีตาบ้า เสือกตกใจแกะมือของฉันออก
“กอดทำไม? ผมเว้นระยะห่างอยู่นะ”
“เออรู้แล้วน่า! หมวดจางเห็นเราแล้ว เธออยู่หน้าตึก รีบเดินออกไปเถอะ ไม่ต้องหันกลับไปนะ” หัวใจเต้นรัว ขยับหัวซบไหล่ กอดเอวแน่น รีบจ้ำเดินตามหม่าม้า
ก่อนเลี้ยวออกนอกประตูก็หันไปดูอีกครั้ง เธอยังคงยืนมองมาเช่นเดิม
“เธอคงจำเราไม่ได้ ไม่เห็นตามมาเลย”
“ถ้าเธอออกมาข้างนอก ผมจะจับตัวเธอไปให้พี่ซอน” แทนหันกลับไปมองแล้วก้มมองแขน แหม! ตานี่!...ไม่รู้จักแยกแยะสถานการณ์
“พูดเก่ง! หมวดจางเชียวนะ หนีเธอไม่รอดหรอก” หมั่นไส้จริง ๆ กับเรื่องขี้โม้เนี่ย
จู่จู่เขาก็หยุดเดิน...
“คุณกอดผมก่อนนะ จะไม่เป็นไรเหรอ?”
เอ๊า! มาหวงตัวอะไรตอนนี้เนี่ย อีตาบ้า! คนยิ่งกลัวหมวดจางอยู่...
“เออน่า! หนูกอดได้ คุณห้ามกอด” ฉันยืนมองจนแน่ใจว่า เธอไม่ตามมาแน่
เราทั้งสี่คนเดินออกมากินเล่อกันเหมี่ยนรถเข็น ริมถนนใหญ่ เล่อกันเหมี่ยนมีลักษณะเป็นเส้นยาวใหญ่คล้าย ๆ ยากิโซบะ ลวกเส้นแล้วผัดแห้งใส่เนื้อสัตว์มีหมู ไก่ ปลา กุ้ง ให้เลือก โรยด้วยต้นหอมและแครอทหั่นเต๋า ราดด้วยซีอิ้วขาว น้ำมันงา น้ำมันพริกคลุกเคล้าเข้ากันกินร้อน ๆ ไล่ความหนาวได้ดีทีเดียว
“ไว่โผ! สบายดีนะคะ?” ฉันทักทายแม่ค้าหญิงชราด้วยความสนิทสนม
“ฮ่อ ๆ หนี่มาเหรอ? หมวยนั่งก่อน ๆ” ท่านอายุมากแล้วแต่ยังแข็งแรงดี มือยังสาละวนอยู่กับการลวกเส้นหมี่
 หม่าม้ายิ้มกว้างชะโงกหน้าผ่านฉันไปหาแทน...          
 “ฝ่ายบัญชีคะ วันนี้ตรวจไปได้กี่คน?” ท่านถามด้วยรอยยิ้มใจดี 
 ฉันสบายใจจังเลยที่เห็นเขาเข้ากับผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนป่ะป๊าจะชอบแทนเป็นพิเศษด้วย
“ 70 คนครับ รบกวนแล้วนะครับ” เขายิ้มหล่อ ดวงตาประกาย เส้นผมเริ่มยาวปิดหูแล้ว ใบหน้าสะอาดสะอ้านแตกต่างจากตอนอยู่ป่าเป็นคนละคนเลย 
ป่ะป๊าร้องถามมาจากหัวโต๊ะ
“เหนื่อยกันมั้ยเด็ก ๆ” ท่านยิ้มอบอุ่น นี่ก็อีกคน ผู้เสียสละอุทิศตนเพื่อคนด้อยโอกาส ใจดีมาก สุภาพขี้เล่น
“ไม่เลยค่ะ! รบกวนป่ะป๊ากับหม่าม้าด้วยนะคะ!ฉันฉอเลาะเสียงใส เอาใจไว้ก่อนเผื่อใช้งานวันหลัง คิดจะทำงานใหญ่ต้องมีผู้อาวุโสหนุนหลัง
“อาหมวยใหญ่! ลื้อตัวคนเดียว เลี้ยงลูกเก่งจริง ๆ ดูสิ!..อีโตมาอย่างดีเลย ลื้อ!นี่ยอดหญิงจริง ๆ” ไว่โผเอ่ยชมต่อหน้า ท่านยิ้มเขินอาย 
พวกเรายกนิ้วโป้งให้ท่าน ชื่นใจมากที่ท่านอดทน เลี้ยงดูมาอย่างดี ท่านคงเหนื่อยมากกว่าฉันจะโต
“เดี๋ยวเย็นนี้ ฉันกลับไปกว่างซีจ้วงแล้วนะ” หม่าม้าบอกในขณะที่ฉันก้มหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย
“ตายจริงยายคนนี้ ชอบกินตั้งแต่เด็กแล้วนะนี่”
“หึ!หึ!หึ! ป่ะป๊าหัวเราะชอบใจ
“โอเคค่ะ เดินทางดี ๆ นะคะ” 
“ง่ำง่ำ! ฉันยังเคี้ยวตุ้ยตุ้ยไม่ทัดทานอะไร ดีแล้วฉันจะได้อยู่กับแทนสองคน
ท่านชะโงกหน้ามาหาแทน ...
“คุณแทนคะ! อย่าลืมโทรไปนะ ฉันบอกกับคุณแม่ฝ่ายนั้นแล้ว ลูกสาวของเพื่อนฉันคนนี้สวยมาก จีบให้ได้นะ สวยกว่าไป่ไป๋อีก!คุยเสียงใสหัวเราะคิกคักข้ามหน้าฉันไปหาแทนทางซ้าย ฉันหูผึ่งแอบมองด้วยหางตา ท่านจะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย?
ฉันสังเกตอาการยังนิ่งกันทุกคน แทนขมวดคิ้วทำหน้าแปลกใจแวบเดียวแล้วเฉยไป ป่ะป๊าอมยิ้มไม่พูดไมจา                         
แต่ที่น่าแปลกใจคือ พวกเขาแอบไปคุยกันตอนไหน? พยายามนึกก็นึกไม่ออก แต่อีกใจก็ยังหวั่น ๆ วันก่อนเล่นงานฉันซะหายใจไม่ออกเลย นิ่งไว้ก่อน...
พอฉันนิ่งทุกคนก็นิ่ง... 
“............” อ้าว!แล้วทำไมเงียบกันหมด?
ทุกคนนั่งก้มหน้ากินกันเงียบไม่พูดไม่จา หม่าม้าจุดประเด็นแล้วเงียบ ทำไมไม่พูดต่อ ฉันอยากรู้คันปากยิบ ๆ อยากจะถามจะให้เขาโทรไปหาใคร ให้ไปจีบใคร จู่ ๆ มาพูดแบบนี้ได้ยังไง? 
โอย!...ต่อมอยากรู้ของฉันปริแตกแล้ว นาตาลีเคยบอกว่า ความอยากรู้อยากเห็น ชนะศักดิ์ศรีของมนุษย์เสมอ สงสัยจะจริง อยากเสือกเหลือเกิน อย่ารีรอเลย...          
“หม่าม้า!ให้แทนโทรหาใครเหรอคะ?” สุดท้าย...ฉันก็อดรนทนไม่ไหวกระแซะถาม 
ท่านหันมายิ้มสยอง...
“อ๋อ!...ลูกสาวเพื่อนฉันเอง ติดต่อให้คุณแทน..เห็นบอกว่า ยังไม่มีแฟน อยู่ตัวคนเดียวเหงาตายเลย ฉันสงสารเขา”  อ้าว ๆ ๆ หม่าม้า ไหงทำงี้ล่ะ? ยอมไม่ได้ แต่...จะทำไงดี ออกตัวแรงก็ไม่ได้ กระโตกกระตากก็ไม่ได้ ที่สำคัญจะออกตัวในฐานะอะไร? //คิดสิคิดเร็วๆ//ให้เขาโทรไปไม่ได้ โบ้ยไปก่อนก็แล้วกัน….          
“แทนต้องทำงาน อย่าไปยุ่งกับเขาเลย” ฉันเก็บอาการพูดเรียบ ๆพยายามไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ
หันหน้าไปมองหาหม่าม้า ในใจ...อยากจะตะโกนบอกท่านว่า
หยุดนะ! หยุดเถอะ! หนูขอร้อง! หนูเหนื่อยใจ
“เราตกลงกันแล้ว” ท่านยิ้มอ่อน ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หันไปพยักหน้ากับแทน //ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ต้องทำไง ๆ ฉันเริ่มกังวล//
“หมายความว่ายังไง ตกลงกันแล้ว หื้อ?” ฉันหันซ้ายกระตุกแขนเสื้อถามแทน 
“อื๋อ! เขากำลังยุ่งอยู่กับการใช้ตะเกียบไล่เส้นหมี่ไม่พูดไม่จา 
ฉันหันไปหาหม่าม้า ท่านก็สะบัดหน้าหันไปทางป่ะป๊าอีก หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก ทำไม 2-3วันมานี้ มีเรื่องร้อนใจตลอด?
“แทน! ไม่ต้องโทรไปหรอก เดี๋ยวเรามาเล่นติ๊กต๊อกด้วยกัน มาร้องเพลงกันดีกว่า คุณแร็พ หนูเต้น เดี๋ยวหนูแบ่งเงินให้ใช้” ฉันหันไปอ้อน ข้อแลกเปลี่ยนไม่ได้จูงใจเลย แต่ไม่รู้จะทำยังไง?  ความรู้สึกตอนนี้เหมือนงูจงอางหวงไข่ เหมือนแม่ไก่หวงลูกเจี๊ยบ
“หือ!..ไม่เอา อยากมีแฟนแล้ว” อ้าวแทน! ไหงตอบม้า ๆ อย่างนี้ล่ะ เขาหันมาตอบแล้วลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ หันกลับไปไล่เส้นต่อ //ฉันขยำมือ บีบคอให้ตายซะดีมั้ย//          
“หม่าม้าขา ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ ทำไมไม่ถามหนูก่อน?” ฉันเริ่มกระทืบเท้างอแงดึงแขนเสื้อ จนท่านหันมามองขมวดคิ้ว...          
“เรื่องของเขา ฉันจะถามแกทำไม? แกไม่ได้เป็นอะไรกันนี่  เด็กคนนี้นี่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง กิน ๆ ไป! 
น่าน..โดนหม่าม้าดุอีก/เอาไงต่อ/  ฉันโต้ทุกดอก โอย!...ร้อนโว้ย       
“มันไม่ใช่อย่างงั้น”              
“แล้วมันอย่างไหง? แกเป็นอะไรกับเขา...หื้อ?” คำถามของท่านฟันคอฉับฉันตายสนิท นั่งนิ่งกระพริบตาปริบ ๆ ตอบไม่ได้// เอาไงดีเนี่ย? ฉันเป็นอะไรกับเขาวะเนี่ย? จิตใจร้อนรนหันมองซ้าย-ขวา แต่มันหวงง่ะ...            
“ยกเลิกนัดเถอะ! หนูโทรให้ก็ได้ หม่าม้าจะได้ไม่โดนเพื่อนตำหนิ มาบอกเบอร์มา! หนูโทรเดี๋ยวนี้เลย” ฉันโมเมหยิบโทรศัพท์ ท่านก็ไม่สนใจ จนฉันต้องเขย่าแขน รู้สึกขัดใจมากทำอย่างนี้ได้ไง? ลูกสาวเซ็ง...
“แทนเป็นเพื่อนหนูนะ ขออนุญาตกันก่อนสิ”
“อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่” โดนดุตลอดเลย
ฉันเขย่าแขนของท่านไม่เลิก เบอร์โทรก็ไม่ให้ ใบหน้าร้อนผ่าวไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่
“ฉันเห็นผิงผิง เพื่อนแกมีแฟนไปตั้งหลายคน ไม่เห็นต้องมาขออนุญาตแกเลย” เอาเข้าไป...ไม่รู้จะเถียงยังไงแล้ว?
ทำไมฉันต้องหวงเขาด้วย? ความรู้สึกนี้กวนใจมาก ยิ่งพูดก็ยิ่งแพ้ ทำไมฉันไม่เคยชนะผู้หญิงคนนี้เลยนะ หม่าม้านะหม่าม้า!
ฉันยังไม่ยอมแพ้             
“นั่นมันเมื่อก่อน ไม่เหมือนกัน!ฉันเขย่าแขนจนตะเกียบหลุดมือ            
“หมามันจะกินข้าว เขายังไม่ให้กวนใจเลย แกเป็นอะไรของแก” ท่านถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ป่ะป๊านั่งยิ้มแก้มปริตาหยีจนไม่เห็นลูกตาแล้ว// ช่วยหนูหน่อยสิ จะชอบใจอะไรกันนักหนา/            
“แทนยังทำงานให้หนูไม่เสร็จ หนูไม่อนุญาตให้ไป เสียงานหนู” ฉันพยายามคิดหาเหตุผลมาอ้าง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องยื้อเวลาไว้ก่อน // ทำไมวันนี้อากาศช่างร้อนลุ่มจังเลย?//             
“ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ให้เสียงานแกหรอก แค่ให้เขาโทรไปแนะนำตัวก่อน ทางโน้นก็รีบเหมือนกัน เห็นว่า ลูกสาวเป็นพยาบาลสวยมากด้วย คนแก่อยากอุ้มหลานเตรียมตัวกันใหญ่ นี่!.แกรู้มั้ย?...พอฉันบอกว่าเขาจบกฎหมายจากอังกฤษ พวกเขาตกลงทันทีเลยนะ เร่งฉันใหญ่เลย งานนี้ได้ค่าแม่สื่อหลายหยวน”
อกจะแตก หม่าม้าขา...หนูไม่อยากรู้ ไม่ต้องอธิบาย หยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ผู้หญิงคนนั้นจะเท่าไหร่กันเชียวแค่พยาบาล ไม่ไหวแล้วให้พูดต่อไป ฉันแพ้แน่...              
“ไม่ได้นะ! พวกคอมมิวนิสต์อันตราย แทนไม่มีความสุขหรอก เขามาจากโลกเสรี”  ฉันขึ้นเสียงสูง
“หือ! ทุกคนที่อยู่บริเวณร้านค้าหันขวับ มองเป็นตาเดียวกัน  //อายจัง ฉันกำลังจะแพ้แล้ว เอาไงต่อ ทำยังไงดี/// โคตรอายเลย//
“พวกเขาก็เป็นฝ่าหลุนกงเหมือนกับเราแหละ ไม่ใช่คอมมิวนิสต์หรอก” อื้อหื้อ!...หมากตัวนี้ต้อนยังไงก็ไม่จนกระดานสักที หม่าม้ามีทางออกเสมอ แต่ฉันนี่สิ! ตึ่บ!คิดไม่ออกแล้ว...          
“หนูไม่มีรถ! นี่แน่ะ! ออกลูกนี้ไปก่อน ยื้อเวลาไว้          
“งั้น! เดี๋ยวฉันนัดให้มาเจอกันที่นี่ก็แล้วกัน แทนจะได้ไม่ต้องขับรถไปไกล”
 จ๊าก!..หม่าม้า! ไม่ได้นะ หลุกหลิกลนลานไปหมดแล้ว กระดิกขาสั่นพั่บ ๆ คิ้วขมวดคิดหนัก //เอาไง! โอย!...เครียดกว่าข้อสอบอีก//ทำไงดี//          
“ไม่!..หนูไม่อยู่จะไปหาเจ็ทโด้” ป๋อฮ่อ! ขอให้รอดเถอะ
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! คนแก่สองคนผัวเมียหัวเราะร่วน ขำอะไรนักหนา นี่ลูกสาวนะ ไม่ใช่ตัวตลก                 
“รออีกหน่อยสิคุณ ไป่ไป๋จะไปต่างประเทศแล้ว ถ้าคุณพูดต่อคงจะพาเขาหนีไปดาวอังคารแน่” เสียงป่ะป๊าเหมือนเสียงสวรรค์ ถึงจะฟังดูแปลก ๆ ทะแม่ง ๆ ก็เถอะ ยังไงก็คว้าไว้ก่อน
“ใช่! ไม่รู้จะรีบแต่งไปไหน?  เนอะป๊าเนอะ?” ฉันได้พวกเกาะไว้ก่อน
“ให้เขาจัดการธุระให้เสร็จก่อนก็ได้ เสร็จงานของไป่ไป๋แล้ว เราค่อยนัดไปดูตัวที่บ้านของเรา จะได้ไม่รบกวนลูก”
“แกล๊ง!แกล๊ง! ตะเกียบหลุดมือเลยฉัน
ป่ะป๊าขา..อย่าออกความเห็นเป็นพิษต่อส่งแวดล้อมแบบนี้สิคะ รบกวนเถอะ! รบกวนหนูได้ หนูไม่ถือ!          
“เฮ่อ! ทำไมวันนี้ทุกคนถึงเข้าข้างกันไปหมด เหมือนนัดจัดคิวกันไว้ก่อน?//แปลกชะมัด//             
ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เขาต้องไปฝรั่งเศส จะแต่งงานได้ยังไง? ยกเลิกไปเถอะ”  ฉันจนตรอกแล้วนี่ โกหกผู้ใหญ่ก็เอา เริ่มบาปแล้ว      
“ผมไม่ไปแล้ว! เอ๊า! อีตาบ้า สวนมาทันที
“.........” อึ้งแดกไปเลย หูร้อนมาก นายแทนนายนั่งเฉย ๆ ไม่เป็นรึไง? เดี๋ยวโดนชามก๋วยเตี๋ยว อยากเอาตะเกียบทิ่มจมูก อีตานี่จริง ๆ             
“ทำไงดีละคุณ! จะเสียผู้ใหญ่ก็คราวนี้แหละ?” ป่ะป๊าหันปรึกษาหม่าม้าหน้าเครียด             
“งั้น! ให้เขาตัดสินใจก็แล้วกัน” หม่าม้ามองผ่านหน้าฉันไปหาแทน เขานั่งอมยิ้มไม่ทุกข์ร้อน // แง่ง! แฮ่!แฮ่! ตอบไม่ดีฉันกัดหัวจริง ๆ ด้วย//
“แต่ผมอยากได้แฟนเป็นพยาบาลนะครับ นางฟ้าในชุดขาว หม่าม้านัดให้ด้วย รบกวนด้วยครับ”
“เห่ย! อีตาบ้า! ลองของใช่มั้ย?/
“เพี๊ยะ! ฉันซัดเข้ากลางหลัง เด้งลุกยืน...     
“ไร้สาระ!!! ฟงแฟนอะไรกัน หาเหาใส่หัวชัด ๆ หน้าที่ก็ยังทำไม่เสร็จ ไร้ความรับผิดชอบ จะทำงานใหญ่ได้ยังไง ยกเลิกไปเลยนะ” ป้องกันสุดชีวิต /แทนของฉัน...ไม่ให้/
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฉันชักจะไม่ชอบหน้าคนแก่สองคนนี้แล้ว หัวร่อสนั่นร้านเลย //คนก็มอง ฉันอายนะ//
โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ หลิ่วตา ยื่นหน้ามาจะพูดอะไรอีกล่ะ...
“สงสารเขาจังเลย สงสัยจะคิดหนัก ดูสิ!เหงื่อเต็มหน้าเลย อากาศเย็นอย่างนี้ มีเหงื่อได้ยังไงน้า? ฉันว่า...วันนี้ยกเลิกไปก่อนก็แล้วกัน เนอะแทนเนอะ?”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!! ทั้งสามคนพากันหัวเราะร่วน ปล่อยให้ฉันหน้าชา มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที ไหนจะสายตาคนรอบร้านเข้ามากดดัน อยากจะมุดดินจริง ๆ อายฉิบหาย!//
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!! อ้าว...ทำไมไม่เลิกหัวเราะ.
โดนอีกแล้วใช่มั้ย?...
โดนอีกแล้วล่ะสิ!...หูร้อนไปหมดแล้ว คนแก่สองคนนี้...ฉันไม่รู้จัก /หม่าม้านะหม่าม้า/ อากาศหนาวเย็นขนาดนี้ ใบหน้าของเขาไม่มีเหงื่อสักเม็ด //ฉันซะอีก....เต็มหน้าเลย เสื้อเปียกหลังอีกต่างหาก เจ็บใจนัก//

                                  ................................................................................................


          หม่าม้าขอตัวกลับบ้านไปก่อน เราเข้ามานั่งย่อยอาหารในร้านกาแฟตรงกันข้ามกับอาคาร
The 3 Temple ไกลจากตัวตึกพอควรแหงนมองเห็นชั้น 15 ได้ ฉันต้องเคลียร์กันให้เข้าใจ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ /ฉันไม่ได้ชอบนายหรอกนะ/
ฉันเลียบ ๆ เคียง ๆ หยิบขนมปังป้อนใส่ปากเขา...            
“อย่าลืมนะคะ เราแค่เป็นเพื่อนกัน ที่หนูทำอย่างนั้นกับคุณต่อหน้าหม่าม้าเพราะไม่อยากให้คุณไขว้เขวเวลาทำงาน เข้าใจกันนะคะ!” วันนี้หัวใจของฉันเต้นแรงมาก ทำงานหนักผิดปรกติ
เขาอมยิ้มเงยหน้ามองขึ้นไปชั้น15 แทนของฉันน่ารักมาก ใจดีไม่มีซ้ำเติม ยิ้มมองสายตาฉ่ำเหมือนให้กำลังใจตลอดเวลา ฉันรู้ว่าเขาแอบมองตลอดเวลา เหมือนคอยอารักขาเวลาอยู่ด้วยกัน ชอบมากเวลาได้อยู่ด้วยกัน
แต่เสียนิดเดียว เขาชอบทำให้ผวาอยู่เรื่อย น้องแหม่มเอย ผิงผิงเอย มาเจอยายพยาบาลนี่อีก คิดทบทวนยังไงก็หาเหตุผลที่เขาต้องไปมีแฟนไม่ได้? ให้อยู่ข้าง ๆ อย่างนี้แหละ ทำงานให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน
เขาหันมามองยิ้มอ่อน...            
“แต่เรื่องนี้ ผมต้องเป็นคนตัดสินใจเอง”
“คุณจะเสียเวลาคิดทำไม? คุณยังไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ เอาไว้คิดทีหลังก็ได้ เนอะ?” ต้องปะเหลาะไว้ก่อน
“เอ่อ!..คุณไม่คิดว่า..ตัวเอง...ล้ำเส้น..มา..หน่อย..รึ..ป่าว?” เขาอ้อมแอ้มก้มหน้า จะหลบตาไปไหน?
ฉันเชยคาง จ้องตา...          
“คุณเคยสอนหนูเองว่า ถ้ามีแฟนจะทำงานไม่สะดวก โกหกหนูอย่างนั้นเหรอ? ไปจำคนอื่น มาพูดเหรอ?” ฉันเอาคำที่เขาเคยว่าฉัน ย้อนกลับไปนิ่มนิ่ม นายไม่รอดหรอก โลกใบนี้ฉันแพ้หม่าม้าแค่คนเดียว          
“ผมหมายถึงเสร็จงานนี้ ผมก็จะได้มีแฟนสักที ดูแลคุณสองคนนานเกินไปแล้ว” เขาก้มหน้าพูดหงุงหงิง นี่ไง! กวนอย่างนี้นี่ไง ถึงพูดดีกันได้ไม่เกิน 5 นาที คิดแล้วก็ฉุน ยังไม่เสร็จงานเลย พูดงี้ได้ไงวะ?...ไม่ถนอมน้ำใจกันเลย
“คุณนี่ขี้โกหกว่ะ โกหกทุกเรื่องเลย มีอะไรที่พูดแล้วเป็นเรื่องจริงบ้างมั้ย?” ฉันต้องควบคุมให้ได้
“อ๊ะ! เขาหยุดกึก เงยหน้าขึ้นมา...หน้าจ๋อยเหลือ 2 นิ้ว...            
“เรื่องอะไรครับ?”
“ไหนคุณบอกว่า เราเป็นเพื่อนกัน?” ฉันจ้องหน้าขู่ ไม่น่ารักเข้าไปทุกวันแล้วฉันเนี่ย เอาแต่ใจก็เพราะเขาใจดี
เขาขมวดคิ้วมอง จะสงสัยอะไรนักหนา หัวช้าจริง ๆอีตานี่...               
           “ก็ใช่ไง
! เพื่อนกัน”                  
“หนูตัดสินใจให้แล้ว มันคือการตัดสินใจของคุณ ไม่งั้นจะเรียกว่าทีมได้ไง? Team not I
“.............” เขาอึ้งกะพริบตาถี่...
“เฮ้ย!ไม่ได้สิ คิดอย่างนั้นไม่ได้ คนเรา1สิทธิ์ 1 เสียง 1 การตัดสินใจ ประชาธิปไตยครับ คุณอย่ามาเผด็จการกับผม” เขายก 3 นิ้วมาใส่
อ้าว! วอนซะแล้ว ท้าทายอำนาจ ฉันมองด้วยหางตา เขารีบกำมือหดมือกลับ...         
“เราเป็นเพื่อนกันจริงหรือเปล่าเนี่ย? ไม่ต้องพูดแล้ว ตกลงเอาตามนี้แหละ ทีมตัดสินใจแล้ว ห้ามโทรไปนะหนูไม่ยอมจริง ๆด้วย” ฉันตัดสินใจอย่างยุติธรรมที่สุดแล้วนะ
“หนูก็เหนื่อยนะ เห็นเพื่อนเดินผิดทางก็ต้องเตือน ไม่อย่างนั้นจะมีเพื่อนไว้ทำไม? ต้องคอยเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือกันสิถึงจะถูก เนอะ? คุณก็ดูแลหนู หนูก็ต้องตอบแทนดูแลคุณอย่างดีด้วยเช่นกัน” ฉันตบไหล่ปลอบใจเบาๆ //นอกจากหนูแล้ว คุณหาเพื่อนดีดีอย่างนี้ไม่ได้หรอก//
“ไม่เอา! เอ๋า!กวนตีนซะงั้น
ฮึ่ม! ฉันพูดปากเปียกปากแฉะ ไม่เข้าหูเลยรึไงวะ?...
“งั้น!..หนูจะบอกหม่าม้าว่า คุณจูบหนู”
ผมต้องไม่โทรไปอยู่แล้ว จะโทรไปทำไมเนอะ? อยู่กับคุณดีที่สุดแล้ว” แหม...เด้งเชียวนะ เออ! พูดอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย ถึงจะดูไม่จริงใจก็เหอะ
“หนูเห็นยายงูเห่า มันเอาใบปลิวของคุณน้าแม่บ้านไปด้วย”ฉันกังวลนิดหน่อย ถ้าโดนยึดไปเสียแผนหมด
“ผมเห็นเธอคืนให้แล้ว คงไม่มีอะไรหรอก เธอคงจำเราไม่ได้ คงคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะมาในชุดหมอ ถ้าจำได้ป่านนี้ไม่รู้ว่าเราวิ่งอยู่แถวไหนแล้ว แสดงว่าเธอไม่รู้เรื่องรหัสลับ” แทนมองไปด้านหน้าอาคาร
“อื้อ! หนูอยากกัดหัวเธอสักทีเถอะ เกลียดขี้หน้านัก คนเนรคุณ” ฉันขอตามน้ำด้วยสักดอกก็ยังดี ตบหน้าฉันเลือดกบปากเลย          
“ผมขอกลับบ้านก่อนนะครับ” แทนบอกแล้วลุกยืน
“เดี๋ยวสิ! อยู่กับหนูนาน ๆ ไม่ได้หรือไง?” ฉันเริ่มงอแง
“ผมรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีคนคอยตามผม” สายตาของเขามองข้ามหัวของฉันไปที่ถนน
“จริงเหรอ? ทำไมไม่บอก หนูจะได้จัดการให้” ฉันไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณที่บ้านของฉันแน่
“ผมไม่อยากให้คุณกังวล วันนี้มันก็ตามมาอีก คุณยังไม่ต้องหันกลับไปนะ” สายตาของเขายังมองไปจุดเดิม พอเขาพูดจบ
ฉันก็หันสิคะ
“อุ๊ย! เขาจับใบหน้าไว้
“บอกว่าไม่ให้หันไปมอง”
“คุณคิดว่าใคร?” ฉันขมวดคิ้วมองหน้า
“ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร? คงเป็นหน่วยล่าสังหารของบ้านผมมั้งครับ? เหมือนที่จูยอนพูดทุกประการ ประเทศเผด็จการสังหารคนเห็นต่าง มองคนไม่ใช่คน”
“หือ! ฉันกุมอก หวนคิดถึงวันเก่า เขาเคยคุยกับจูยอน
“เรื่องประท้วงที่คุณต้องหนีน่ะเหรอคะ?”
“ใช่! พวกมันตามล่าแล้วฆ่าทิ้งหมด” แทนแววตากังวล
“คุณก็มาอยู่บ้านหนูสิ จะไปอยู่คนเดียวทำไม?” ฉันโกรธเขาเรื่องนี้ที่สุด ทำไมไม่มาพักด้วยกัน
“ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขากลับไปพร้อมกับความไม่สบายใจของฉัน
หม่าม้ากับป่ะป๊ากลับมาที่บ้าน เก็บของเดินทางกลับไปแล้ว ทั้งสองท่านรักกันมาก จนฉันหมดห่วงไม่กังวลใจกับเรื่องของท่าน ความรักนี่ไม่ได้เกี่ยวกับอายุเลยสักนิดเดียว ขอให้ใจตรงกันแค่นั้นก็พอ หม่าม้าหน้าตาอิ่มเอิบสวยขึ้นกว่าเก่าอีก ความรักใช้เป็นยาอายุวัฒนะก็ได้
              ..................................................................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,861 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,977 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท7 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม