
เขตุอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธ์มู่เหลา
มุมมองหมวดจาง แอนนา
พฤษภาคม ค.ศ.2021
เช้านี้หมอกลงจัด หมุนรอบกายมีแต่ใยสีขาวทึบไปหมด มองถนนแทบจะไม่เห็น อากาศของเมืองชนบทยังคงหนาวเย็น ในช่วงเช้าต้องสวมเสื้อกันหนาวกันทุกคน
คุณหมอทั้งสองท่านออกไปทำงานตั้งแต่ก่อนไก่โห่ ได้ยินเสียงคนมาตะโกนเรียกเมื่อตอนเช้ามืด ทั้งสองท่านอุทิศตัวให้กับผู้ขาดโอกาส ปิดทองหลังพระอยู่ในถิ่นห่างไกลความเจริญ น่านับถือจริงๆ หลังทานข้าวเช้าเรียบร้อย พวกเราเตรียมตัวเดินทางเข้าป่าโบราณกันอีกครั้ง
Subaru Impreza สีแดงสดกับ Audi Q3 สีฟ้าสดใสจอดรออยู่ภายในรั้วหน้าบ้าน ใต้ต้นตะแบกใหญ่ ช่วงนี้ดอกไม้บานพอดี ดอกตะแบกเป็นพุ่มม่วงบานฟูฟ่องทั้งต้น นาตาลียิ้มสดใสกระโดดตัวลอยเข้าไปกอดแขนของซอน...
“ลูกน้องของคุณนี่สุดยอดจริง ๆ ได้ตามสั่ง เป๊ะเลย!” เธอยิ้มมองไปที่รถทั้งสองคัน
“เงินของคุณทั้งนั้นแหละ!” เขายิ้มล้อ
พวกเราเดินมาสำรวจรถยนต์ทั้งสองคัน ซอนเป็นคนใจดี ฉันเห็นด้วยในข้อนี้ ใจกว้างและลึกมากจริง ๆ ถ้าไม่ได้ซอนและนาตาลี ฉันคงไม่รอดตาย
“แทน! เอาคันไหน? ให้แกเลือกก่อน” ซอนยักคิ้วยิ้มกว้าง
แทนได้ความรักจากพี่ชายทั้งสองคน เขาเองก็เป็นเด็กดีอ่อนน้อม ฉันชอบรูปหน้าของเขา คิ้วเข้มจมูกโด่งดวงตาคม ไร้เล่ห์เหลี่ยมใบหน้าเรียบเนียนที่สำคัญเขาตัวสูงมาก
“ผมไม่เอา เดี๋ยวจะกลับแล้วครับ” เขาทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจ
“เฮ้ย ทำไมจู่จู่รีบกลับล่ะ?” ซอนก็ตกใจเช่นกัน
“ผมเสร็จภารกิจแล้ว นาตาลีปลอดภัยแล้ว” สายตาของเขาเศร้ามาก
“มึงคุยกับพวกเธอแล้วเหรอ?”
“ผมบอกกับไป่ไป๋แล้ว”
“หนูไม่รู้เรื่อง พูดเมื่อไหร่? ซอนอย่าให้กลับ” ยายตัวแสบเมินหน้า
นาตาลีหน้าซีด ลนลานเข้าไปหา...
“ฉันยังไม่ได้ออกจากจีนเลย คุณสัญญาว่า จะส่งฉันออกจากจีนไม่เหรอ?” เธอเกาะชายเสื้อของเขา
“คุณมีเพื่อนแล้ว ผมต้องเตรียมตัวไปอีกไกล”
“ไม่เอา! ฉันยังไม่หายคิดถึงเลย มาทิ้งกันได้ยังไง?” นาตาลีหน้าหงิกตาแดง
ไป่ไป๋มองหางตา...
“เขาจะกลับก็ปล่อยไปสิ อนนี่จะยื้อทำไม?” ยายนี่สับสนกับโลกแน่เลย ไม่อยู่กับร่องกับรอย เดี๋ยวห้าม! เดี๋ยวไล่!
นาตาลีหน้าเสียมาก เดินไม่สบอารมณ์เข้ามาหาฉัน...
“ฉันยังไม่ได้คุยกับเขาเลย มาช่วยกันพูดหน่อย ฉันไม่ยอมจริง ๆด้วย คุณบอกให้เขาอยู่ก่อนสิ” ความสัมพันธ์ของพวกเธอดูลักลั่นแปลก ๆ
ฉันเดินไปหาเขา...
“แทนคะ! เรายังไม่รู้จักกันเลย อยู่กับฉันอีกสักพักนะคะ ฉันจะได้ทำดีถ่ายโทษกับคุณบ้าง”
“ไม่ต้องแล้วครับ ผมไม่โกรธแล้วครับ ผมจะกลับไปอธิบายให้เจ็ทโด้ฟัง ขอบคุณนะครับที่กลับมา” เขาใจดีมาก ยิ้มตาใสเลย
ซอนเดินมาตบไหล่...
“อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนสิ ไม่มีผู้ชายเลย กูกลัวว่ะ!” เขาเหล่มาที่ฉัน
“แทนคะ! นาตาลีจะร้องไห้แล้วนะ เธอไม่เคยง้อใครแบบนี้เลยนะ อยู่เป็นเพื่อนอีกนิดนะคะ” ฉันช่วยกระทุ้ง
“เฮ้อ!” เขาถอนหายใจแรงแล้วหันไปมองไป่ไป๋ สงสัยจะมีอะไรพัวพันกันลึก ๆ แน่
“มึงเอาคันไหน เลือกเลย?” ซอนรีบยื่นกุญแจให้เลือก
“ออดี้ครับ!”
“รับ!” ซอนโยนกุญแจให้ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปยืนซุบซิบคุยกัน
ไป่ไป๋ยิ้มแป้นรีบวิ่งถลาไปเปิดประตูหน้าข้างคนขับแล้วขึ้นไปนั่งก่อนเลย นาตาลีวิ่งขึ้นนั่งเบาะหลังสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทั้งคู่
ฉันเดินเลียบเคียงเข้าไปหายายตัวแสบ...
“กลางคืน! แอบไปทำอะไรกันทุกวัน..ฉันเห็นนะ! ร้องเบา ๆ หน่อยก็ได้ กลางคืนมันเงียบ”
“??????” ไป่ไป๋ตาเหลือกเอามือกุมอก กระซิบ...
“ได้ยินเสียงหนูด้วยเหรอ?” บิดอายหน้าแดง
“ซี๊ดอูยส์! อนนี่จ๋าใจจะขาด! ดีจังเลย! เอาอีก! ร้องชัดมาก” ฉันเย้ายายเด็กนรก
“ฮึฮึ! เจ๋งมั้ยล่ะ?” นาตาลียิ้มเยาะภูมิใจ ขยับเข้ามา…
“โต ๆ กันแล้ว ทำอะไรก็ได้ หมวดจาง...คุณรู้มั้ย? อวัยวะส่วนใดในร่างกายของเราแข็งแรงที่สุด?” เสียงใสมาก ยายเด็กเมื่อวานซืน ทำเป็นแค่เนี๊ยะ คิดว่าเก่งแล้วหรือไง?
“ขาสิ รับน้ำหนักตัว” ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“หัวใจสิ! เต้นตลอดเวลา” ไป่ไป๋เสริม
“ผิด!...ลิ้นค่ะ!” ยายดอกเตอร์ลอยหน้ายิ้มกริ่ม /กะแล้วเชียว/
“ยังไงคะ อนนี่?”
“ลิ้นฉันยกเธอลอยเลย เก่งใช่มะ?” แน่ะปากดี ขี้โม้ซะด้วย
“บ้า! อายนะ! อนนี่พูดซะหนูเสียวเลย” ยายเด็กนรกบิดตัวอาย
“แหวะ! อย่างนี้ไม่นับว่าเจ๋งหรอก” ฉันรู้จักเธอดีนาตาลี
“ยังไง ยังไง?” นาตาลีฮึดฮัด
“ต้องลองขั้นแอดวานซ์กับผู้ชาย เด็ดกว่านี้อีก เวลามันมุดเข้ามานะ ลื่นปรื๊ด! ลื่นปรื้ด! ไป่ไป๋โดนสักดอก ร้องดังกว่านี้อีก สุดสุดอ่ะ!”
“หือ?????” สองสาวหันมองหน้ากันหลุกหลิกล่อกแล่ก เด็กมันไม่เคยจินตนาการไม่ออกหรอก //ตอนเรียน เพื่อนไม่ล้อหรือไง? อายุขนาดนี้ยังซิง//
“คอยดูนะ ฉันจะจัดการกับแทนเอง ลื่นปรื้ด!” ฉันแกล้งแหย่
“ไม่ได้มั้ง? อย่าเลย ไม่ดีหรอก” ไป่ไป๋ห้ามไม่เต็มปาก
“ขอฉันตามด้วยนะ” นาตาลีคว้าแขน /ยายนี่เอาจริง /
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“หมวดจาง! ขึ้นรถ” ซอนเรียกขัดจังหวะ ฉันยิ้มยั่วทิ้งท้ายแล้วเดินสวนกับแทน
“ตามมาเลย!” แทนโบกมือจากในรถยนต์ของเขา เสียงสาว ๆ กรี๊ดสนุกสนานแล้วขับทะยานออกไป
พวกเราแวะซื้อของจำเป็นในเมืองก่อนที่จะตรงดิ่งเข้าป่า รถยนต์ทั้งสองคันแล่นไล่ขึ้นเขาลงห้วย ผลัดกันแซงสนุกสนาน เดินทางเข้าป่าโบราณกันอีกครั้ง
.............................................................................................

บ่ายแก่ ๆ รถทั้งสองคัน มาจอดสงบนิ่งที่ท่าเรือในหมู่บ้านชาติพันธ์มู่เหลา ผืนน้ำด้านหน้ายังสงบนิ่งสบายตา ขุนเขายังคงบึกบึนมั่นคง ดอกไม้ป่าปลิวไสวทำให้ภาพทิวทัศน์ดูอ่อนโอน สัตว์ป่าน้อยใหญ่ออกมาหากินชายฝั่งเดินปะปนกับ Soulless ที่ไร้สติร่างกายผอมโซ ที่นอนตายก็หลายศพกลับคืนเป็นอาหารของจิ้งจอกป่า
“หมวดจาง ! คุณดูผลงานของคุณสิ” นาตาลีพามาหยุดตรงซากศพแห้งบนลาน ตอนนี้เหลือแต่โครงกระดูก นกตัวเล็ก ๆ จิกกินเศษเนื้อตามซอกกะโหลก แมลงวันฝูงใหญ่ตอมหึ่งแตกฮือ กลิ่นศพแห้งฉุนแสบจมูกลอยตามลมมาชวนอาเจียน
“ถ้าคุณมีส่วนได้เสียโดยตรง ฉันพอเข้าใจในความเหี้ยมโหดของคุณ แต่คุณทำไปเพื่ออะไร? เงินมีความหมายกับคุณขนาดที่ขายจิตวิญญาณได้เลยหรือ? ถ้าคุณไม่รู้ ก็พอให้อภัยกันได้ นี่คุณรู้ทั้งรู้ยังจะทำ” ดอกเตอร์นาตาลีบ่นยาว
ฉันตอบไปหมดแล้ว ได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบไม่มีอะไรจะเถียง เธอหน้างอมากหันไปหาซอนที่ท้ายรถ...
“ซอนคะ!..เอากระดูกไปเผาหรือทิ้งน้ำก็ได้ อย่าปล่อยไว้อย่างนี้เลย สงสาร” เธอตะโกนแล้วชี้ไปทีซากศพ เขากำลังรับของจากแทนท้ายรถยนต์พยักหน้ารับ ไป่ไป๋เดินยิ้มมุมปากเข้ามา...
“ใช้ผิดคนแล้ว...” เธอชี้นิ้วมา ยายตัวแสบคิดจะแกล้งฉันใช่ไหม?
“มีเชลยไม่รู้จักใช้ ไปทำเลยฝีมือคุณทั้งนั้น” ไป่ไป๋ไล่แล้วหันไปหัวเราะกัน
ฉันไม่สนใจกับพวกเธอ ลุกเดินไปก้มเก็บกระดูกหัวกะโหลกด้วยจิตใจหดหู่ ในใจมีแต่สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป เดินตามเก็บรวมเศษชิ้นส่วนกระดูกที่หมาคาบไปแทะกระจัดกระจายมารวมกองกันไว้ เด็ดดอกไม้สีสวยใส่ลงไป แล้วดึงผ้าขาวจากร้านค้าห่อไปทิ้งน้ำที่ปลายสะพาน...
“ฉันขอโทษนะ ให้อภัยฉันด้วย” ฉันปล่อยถุงผ้าแล้ววักน้ำให้ลอยออกไป นั่งมองจนถุงจมน้ำหายไป
“ขอให้ได้เกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีนะคะ ฉันขอโทษ! ฉันสัญญาจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไปค่ะ” ฉันคุกเข่าตะโกนสุดเสียง หวังเพียงได้สื่อสารกับวิญญาณของผู้เสียชีวิตอย่างจริงใจ
หันกลับไปมองสำรวจไปทั่ว ๆ บริเวณ บรรยากาศโดยรอบวังเวงหดหู่ใจ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ใบยังร่วงหล่นไม่สดชื่น บริเวณร้านค้าที่เคยคึกคักด้วยกลุ่มเด็กกลับกลายเป็นเศร้าเหงาหงอย บ้านเรือนทรุดโทรมอย่างรวดเร็วเมื่อไร้ผู้อาศัย
ฉันน้ำตาตกเมื่อเห็น Soulless เด็กหญิงตัวเล็กเดินผอมโซไร้เรี่ยวแรง ในยามนี้สุนัขยังดูอ้วนท้วนกว่าพวกเขามาก
“วันนี้ให้พวกเขากินจุกจุกเลยนะ” ไป่ไป๋ร่าเริงยิ้มกว้างวิ่งขนอาหารสำเร็จที่แวะซื้อมากองรวมไว้ที่โต๊ะหน้ารถใต้ร่มนนทรีใหญ่
“เฮ้ยอย่าให้หล่นนะ” แทนกับซอนช่วยกันขนวัคซีนมารวมไว้ที่เดียวกัน พวกเขาทำงานด้วยความสนุก
Soulless เด็กหญิงตัวน้อย เดินเก็บเศษขยะใส่ปากเคี้ยวแล้วบ้วนทิ้ง หาชิ้นใหม่ใส่ปากแล้วทำเช่นเดิมด้วยความกระหายหิว
“มานี่สิหนูน้อย!” ไป่ไป๋ยื่นห่อขนมให้เด็กหญิงดวงตาฝ้าขาว เธอเดินเข้ามายกมือที่สั่นระริก
สะเทือนใจมาก เมื่อหวนคิดย้อนไปถึงพวก Tamer30 ที่โดนยิงทิ้งที่ฉวีจิ่ง พวกนั้นอาจจะเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้ก็ได้ ฉันต้องทำบางอย่างเพื่อไถ่ความผิดพลาด
นาตาลีนั่งที่โต๊ะใต้ต้นไม้กวักมือมือเรียกไหว ๆ
“หมวดจาง! มาช่วยกันแก้ไขสิ่งผิดพลาดด้วยกัน” เธอตะโกนเรียกเสียงใส
ฉันรีบวิ่งกลับจากปลายสะพานมาหาเธอที่โต๊ะไม้ใต้ต้นนนทรีดอกสีเหลืองอร่าม ช่วยกันเตรียมอุปกรณ์สำหรับฉีดวัคซีน พวกหนุ่ม ๆ เตรียมอาหารคนละไม้ละมือ พวกเราเหมือนอาสาสมัครมาแก้ปัญหาโรคร้าย
อาหารสำเร็จรูปและขนมถุงหลายอย่างวางกอง ทั้งซอนและแทนช่วยกันจัดเรียงเพื่อให้ไป่ไป๋หยิบจับได้สะดวก
ยายสาวน้อยหัวจุก ยิ้มหวานเดินไปย่อตัวคุกเข่าต่อหน้าเด็กชาย ใบหน้าขาวซีดขอบตาดำคล้ำ ดวงตาส่วนใหญ่ขาวไปทั้งดวง ถ้าไม่สังเกตดีดีจะไม่เห็นดวงตาดำเล็กแข็ง ไร้แววชีวิต
“มากินข้าวกันนะคะ หนูน้อย” เธอส่งกล่องข้าวไปให้เด็กชายตัวน้อยในชุดชนเผ่า
“ขวับ!” เด็กน้อยผอมโซคว้าทันที
“คุณลุงคะ กินข้าว” เธอส่งไปให้ชายชรา เส้นผมแข็งชี้ ขี้ตาเกรอะกรัง แผลกระดำกระด่างทั่วร่างกาย กลิ่นตัวเหม็นสาบ รองเท้าไม่สวมใส่ น่าสังเวชใจ
เธอนั่งยองคุยกับเด็กหญิง…
“หนูน้อยชื่ออะไรคะ?”
เด็กหญิงมองเธอด้วยดวงตาฝ้าขาวที่ว่างเปล่า รับของด้วยอาการสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ฉันรันทดน้ำตาไหลพราก สงสารเด็กน้อย
“อนนี่คะ! เดี๋ยวหนูล่อมา จับฉีดเลยนะ” เธอจูงมือเด็กเข้ามาหา สองสาวสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว ท่าทางทะมัดทะแมง ช่วยกันจับเด็กน้อยฉีดวัคซีน น้องคนแรกยอมให้ฉีดแต่โดยดี พวกเธอมัวแต่ดีใจจนไม่ได้ทันได้สังเกต
“เฮ้ย!” เสียงแทนร้องอุทาน
“คลุกคลัก! คลุกคลัก!” ฝุ่นกระจาย
ฝูง Soulless คนอื่น ๆ วิ่งกรูเข้ามาแย่งกล่องอาหารจากเด็ก เกิดการแย่งชิงอาหารชุลมุน ที่เหลือก็วิ่งตามกันกรู
ซอนกระโดดเข้าไปหา...
“เฮ้ยแทน! ต้องจัดระเบียบก่อนว่ะ พวกนี้กินเหมือนไก่เลย จิกได้แล้ววิ่ง ถ้าอย่างนี้ดูแลลำบาก” เขากับแทนเดินเข้าไปหา ถึงพวกเขาจะวิ่งแต่มันก็สะเปะสะปะไร้ทิศทาง
“เอาไงต่อล่ะทีนี้” ไป่ไป๋หน้าเสียนั่งเกาหัว มองหน้าทีละคนเพื่อหาคำตอบ
ฉันตะโกนบอก...
“ปล่อยให้พวกเขากินข้าวไป พรุ่งนี้ค่อยฉีดวัคซีน พวกเขามีประมาณ 50 คน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก” ฉันคิดว่าแค่นี้สบายมาก
ไป่ไป่วิ่งกางแขนต้อนหน้าต้อนหลัง….
“ใจเย็น ๆ ค่ะ! ใจเย็น ๆ มีอีกเยอะไม่ต้องแย่งกัน”
สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร พวกเขาแย่งกันยัดอาหารเข้าปากแล้วรีบกลืน อาหารติดคอตาเหลือก...
“น้ำค่ะน้ำ! นี่ค่ะ” นาตาลีส่งขวดน้ำให้ พวกเขากรูเข้าแย่ง จนเธอหงายท้องล้มลง พวกเราได้แต่นั่งหัวเราะกับความน่ารักของสองสาว สร้อยนกหวีดที่เธอยึดไปจากฉัน ยังห้อยแกว่งอยู่ที่ลำคอขาวของนาตาลี

หลังจากเข้าสู่สถานการณ์ปรกติ พวกเขาก็แยกย้ายเดินเลื่อนลอยบนลานกว้าง พวกเราก็มานั่งล้อมวงคุยกันที่โต๊ะใต้ต้นนนทรีที่เดิม ฉันไม่เคยรู้เกี่ยวกับวัคซีน Anti-Tame26 ของนาตาลีเลยต้องสอบถามสักหน่อย
“อาการต่อไปจะเป็นอย่างไรคะดอกเตอร์ บอกหน่อยสิ” ฉันไม่เคยเห็นการทดสอบวัคซีนนี้
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 7 วัน” นาตาลียิ้มกว้างตอบแปลก ๆ
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหมายความว่ายังไง?” ซอนเดินเข้ามาถามอีกคน
“ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดไง ยากตรงไหน?” เธอลอยหน้าพูด
ฉันยิ้มน้อย ๆ คิดในใจ...เอาอีกแล้วนะดอกเตอร์ นี่คือสาเหตุที่เธอโดนฉันดุตลอด ไม่ขาดก็เกิน ส่วนใหญ่จะล้น
“อ้าว!..อนนี่ มั่วหรือเปล่าเนี่ย?” ไป่ไป๋หน้ายุ่งขึ้นมาทันที ยายเด็กนี่ก็ไหวพริบดี ขี้สงสัย
ซอนขยับเข้ามา...
“เดี๋ยว ๆ ดอกเตอร์เคลียร์กันก่อน” เขาสะกิด นาตาลีหันมองหน้า
"ดอกเตอร์! นี่มันอันเดียวกับที่ฉีดให้พวกผมหรือเปล่า? คุณเอาอะไรมาฉีดให้ผม” ซอนร้องลั่นเกาหัวแกรก
“นาตาลีนี่! ติงต๊องจริง ๆ แหละ” แทนหนุ่มหล่อหัวเราะ
ฉันได้แต่ยิ้มเข้าใจ นาตาลีชอบทำการทดลองและมักคิดอะไรแผลง ๆ แต่มันไม่ได้มั่วหรอก เธอเงยหน้ามองตาใส...
“งั้น! พวกเราอยู่ที่นี่ไปอีก 7 วันก็แล้วกัน” จู่จู่!เธอก็ชวน
ในใจฉันคิดว่า จะต้องมีคนคัดค้าน ไม่มีใครเตรียมตัวมาเพื่อพักที่นี่
“ตามนั้น” ซอนรับคำคนแรก ที่เหลือยกมือกันหมด
“หือ!” ฉันแปลกใจ พวกเขากลับเห็นชอบด้วย
“คุณทำวัคซีน Anti ยังไงคะดอกเตอร์ บอกหน่อย?” ฉันอยากรู้บ้าง การติดตามนาตาลีอาจจะทำให้ฉัน ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่สักวันก็ได้
“ไม่บอก!” เธอย่นจมูกส่ายหัว
“ถึงขั้นนี้แล้วยังจะหวงอีก ฉันเป็นลูกน้องคุณนะ ถ้าวันไหนคุณไม่สบายหรือเป็นอะไรไป ฉันจะได้ทำแทน อีกอย่างเพื่อน ๆ ไม่เชื่อมือคุณ ดูสิ!พวกเขาลังเล” ฉันยิ้มกริ่มเข้าไปนั่งเบียด
“จะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้?” ซอนใบหน้าเครียด
“ผมยังไม่มีแฟนด้วย” แทนบ่นตาม
“หนูก็อยากเป็นไอดอล ถ้าเต้นไม่ได้ล่ะก็แย่เลย” เพื่อน ๆ รวมตัวจ้องมองกดดัน
เธอนั่งนิ่งสักครู่...
“DNA ของ Bufagins&Bufotoxins จะไปจับที่ก้านสมองส่วนที่รับคำสั่งและควบคุมร่างกาย พวกมันต้องเลี้ยงด้วย –CH3 ซึ่งเป็นสารที่มีเฉพาะใน OMEGA 3 เรียกอีกอย่างว่า Methyl ถ้าขาดอาหารเพียงวันเดียวมันจะค่อย ๆ ตายแล้วลอกออกมาเอง สมองจะดูดซับ –CH3 ไปหล่อเลี้ยงเส้นประสาทต่าง ๆ และจะถูก Bufagins & Bufotoxins แย่งไปกินด้วย ฉันแค่สกัดเอา –COOH ที่เขาเรียกว่า ALPHA มันเป็นพันธะคู่แรกของ Polyunsaturated Fatty Acid พอฉีดเข้าไปในร่างกาย พันธะของ –COOH จะไปจับคู่กับ –CH3 ที่เป็นพันธะคู่สุดท้าย ตัวนี้จะกลายเป็น ANTI OMEGA3 ทำให้สมองดูดไปใช้งานไม่ได้ DNA ของBufagins& Bufotoxins จะตายลงไป ร่างกายคนขาด OMEGA ในระยะสั้น ๆ ได้ไม่เป็นอะไร” เธอบอกเป็นฉาก ๆ ฉันพอเข้าใจเรื่องง่ายแค่นี้ จากนี้ไปก็ทำวัคซีน Anti ได้แล้ว ส่วนเพื่อน ๆ คนอื่น คงจะหายสงสัยในฝีมือของเธอด้วย ฉันยิ้มกว้าง…
“ดอกเตอร์เก่งมากเลยนะ! พวกเรา...” หันไปหมายจะบอกกับทุกคน
แต่...
“เย้! คุณต้องพาหนูไปด้วยนะ สัญญานะ! นะ!” ยายน้องหัวจุก ควงแขนสองหนุ่มเดินหนีไปโน่น อยู่บนลานหน้าร้านค้าโน่นแล้ว ไม่มีใครฟังนาตาลีแลคเชอร์กันสักคน แล้วพวกเขามายืนกดดันให้นาตาลีต้องอธิบายทำไม? แกล้งเธอเหรอ? ฉันเกาหัวกับเพื่อน ๆ ของเธอจริง ๆ
“พวกบ้านี่!”
พวกเขาเดินผ่านแปลงกุหลาบแดงที่ปลูกรอบลานสี่เหลี่ยมหน้าร้านค้า ผ่านต้นประดู่อังสนาดอกเหลืองที่ยืนเด่นอยู่ริมลาน กำลังลงเนินจะเข้าหมู่บ้านด้านหลัง ฝูงไก่สีน้ำตาลเดินคุ้ยเขี่ยหากิน
นาตาลีชะเง้อมองตาม...
“แทน! พักที่ไหนดีคะ?” เธอลุกวิ่งตามไป ฉันต้องวิ่งตาม
พวกเราวิ่งมารวมกลุ่มกันบนทางแยก ฉันเดินพิจารณาหมู่บ้านร้างเห็นแล้วสลดใจ
“ไม่เหลือสภาพบ้านเลย” ฉันเปรยเบา ๆ หลังจากมองสำรวจบ้านหลายหลัง
แทนชะเง้อมองลงไปในซอยด้านล่าง...
“ผมลงไปดูบ้านข้างล่างนะ เผื่อมีบ้านพักดีดี” แทนขยับจะเดินเข้าไปในกลุ่มบ้านด้านล่าง แต่ซอนดึงแขนไว้ …
“อันตรายเกินไป เราต้องเผื่อทางหนีด้วย ถ้าเข้าไปพักด้านในเราจะหนีไม่ได้” ซอนให้คำแนะนำเขาพยักหน้า
“แยกย้ายกันหาบ้านที่พอจะพักได้ดีกว่า”เขาบอกกับทุกคน
เราแยกย้ายกันไปคนละทาง ไป่ไป๋เดินเกาะแขนแทนตลอดเวลา ยายนี่แปลก ๆ ปากกับใจไม่ตรงกัน นาตาลีวิ่งกลับไปทางร้านค้าริมน้ำ บ้านเรือนพอไม่มีคนอยู่กลับทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว โดนไฟไหม้ไปหลายหลัง ซอนเดินตามฉันมาสำรวจบ้านใกล้ ๆ
“หลังนี้ก็ดีนะ มีรั้วด้วย” ซอนพาเข้าไปดูบ้านสองชั้น ติดกับร้านค้า
“น่าจะเอาไว้ขังSoulless ดีกว่า ฉันว่ามันเหมาะมากเพราะมีรั้วกับร่มไม้นี่แหละ มีแคร่ไม้ให้นั่งด้วย” ฉันชี้ให้เขาสำรวจภายใน
“เจอแล้ว! เจอแล้ว!” เสียงนาตาลีตะโกนเรียก พวกเราเดินกลับมารวมตัวกันบนลานเหมือนเดิม
“ฉันเจอแล้ว! หลังนี้น่าจะดีที่สุด วิวสวยมาก” เธอตะโกนเรียกจากร้านค้า เลยไปทางริมตลิ่ง หัวสะพานท่าเรือ
“ไปหาดอกเตอร์กัน” พวกเราขยับเดินไปหาเธอ
นาตาลีเดินมาเกาะแขนซอน...
“ซอนคะ! มาดูหลังนี้กัน” เธอพาเขาเดินเลาะแปลงกุหลาบแดงข้างร้านค้า เดินลงบันไดสี่ห้าขั้นไปด้านหลัง แปลงดอกไฮเดรนเยียสีบานเย็นบานสะพรั่งทางซ้าย ด้านขวาเป็นตลิ่งลึกน่าหวาดเสียว
ภายในรั้ว...บ้านดินชั้นเดียวหลังคากระเบื้องแอ่นโค้งทรงจีนคล้ายศาลเจ้าขนาดใหญ่ ลานปูนหน้าบ้านต่อกับระเบียงไม้ยื่นออกไปด้านนอกริมตลิ่งสูง ใต้ร่มเงาต้นเหลืองอินเดียดอกบานสะพรั่ง
บานประตูไม้แกะสลักโค้งเข้ารูป ตัวบ้านปล่อยธรรมชาติต้นตีนตุ๊กแกไต่ถึงหลังคา บ้านหลังนี้ไม่มีหน้าต่าง พุ่มดอกแก้วข้างบ้านส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ ฉันก้าวเข้าบ้านรู้สึกเย็นสบาย ยิ้มให้อย่างพอใจ
ภายในมี 2 ห้องนอนเล็ก ๆ อยู่คนละมุมด้านหลัง เดินไปผลักประตูเล็กด้านหลัง เปิดออกไปเป็นเล้าหมูเก่าและโรงครัวไม้
“ขออนุญาตพักนะคะ” ฉันตัดสินใจพักหลังนี้
“แทนดูสิ สวยจังเลยนะคะ” ไป่ไป๋เดินกอดแขนเข้ามา สักพักทุกคนก็เดินเข้ามารวมกัน บ้านหลังนี้ไม่หรูหราแต่วิวด้านหน้าหลักร้อยล้านเชียวล่ะ
เกาะเล็ก ๆ รูปร่างแปลกกลางทะเลสาบ เพิ่มสีสันด้วยไม้ผลัดใบ ทำให้เกาะนั้นเป็นสีส้มเหลืองแดง แสงแดดสะท้อนท้องน้ำระยิบตาสะท้อนเงาไม้ เหมือนหญิงสาวสวมกระโปรงลายดอกไม้ส่ายสะโพกร่ายรำ ต้นไม้ชายน้ำออกดอกชมพูบานสะพรั่ง พลิ้วไหวโยกส่ายอ้อยอิ่งเมื่อสายลมเบาพัดผ่าน ทำให้ดูแล้วไม่เหงาสายตา
“ไม่มีไฟฟ้าใช้เลย” ไป่ไป๋ครวญเดินมองหาปลั๊กไฟรอบบ้าน
“คงโดนตัดหมดแล้ว เรามาทำดี ไม่สนความลำบาก” แทนทำเท่บอกกับไป่ไป๋
“จะหุงข้าวยังไง?” เธอทำปากจู๋มองซ้ายขวา ยายนี่..น่ารักดี สองสาวหน้าตาสวยทันสมัย หุ่นเด็ดขาดด้วยกันทั้งคู่
ฉันมองไปที่แทน...
“แทน บ้านนั้นขัง Soulless ได้มั้ยคะ?”
“ได้ครับ”
“รบกวนไปดูอุปกรณ์ทำแสงสว่างในร้านค้ามาด้วย อย่าลืมเอาอาหารในรถกลับมากินด้วยนะคะ” ฉันบอกแล้วเดินสำรวจรอบตัวบ้าน
แทนขยับเดินออกไป
“รอหนูด้วยจิ” ไป่ไป๋วิ่งตามไปคว้าแขน
ซอนยืนมองอยู่ที่หน้าบ้าน...
“คุณสองคนนอนในห้องนี้นะ หมวดจางนอนห้องนั้น แทนกับผมเป็นยาม นอนข้างนอก” เขาชี้นิ้วสั่งให้ฉันนอนห้องด้านหลังขวามือ ท่าทางยังแข็ง ๆ กับฉัน ยังหาโอกาสอ้อนไม่ได้ ปล่อยไปก่อน นายไม่รอดฉันหรอก
นาตาลีเดินช้า ๆ เอานิ้วมือรูดกับผนังกำแพงบ้านเข้ามา...
“ยังตกลงกันไม่ได้อีกเหรอ?” เธออมยิ้มกรุ้มกริ่มถามซอนแล้วหันมามองฉัน
“เข้าใจกันแล้วครับ ไม่ได้มีปัญหากันแล้ว”
“วันนี้คุณจะไม่นอนกับหมวดจางเหรอ? จะนอนข้างนอกเหรอ?”เธอหลุกหลิก มองพื้นบ้านมีพิรุธ
ซอนยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย...
“จะแอบดูอีกเหรอ?” อีตาบ้าซอน ถามอะไรออกไป...
“ห่ะ!” เธอตะลึงอ้าปากค้าง
“เปล่าซะหน่อย!” ปิดหน้าอายหมุนตัว180 องศา วิ่งจู้ดออกไป ตกลงวันนั้นซอนก็เห็นนาตาลีกับไป่ไป๋แอบดูด้วยเหรอ?
“หึหึหึ!” ฉันส่ายหัวขำ นาตาลีก็เด็กวัยรุ่นธรรมดา ๆ เหมือนคนทั่วไป อยากรู้อยากเห็นและดื้อมาก ตามนิสัยของเด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวฝรั่งตะวันตก
ฉันเข้าไปหาซอน หลังจากทางสะดวก...
“ซอนคะ! หายโกรธรึยัง?” ฉันอยากกอดเขาจะตาย แต่เขาคงยังเฉยกับฉัน
“จะโกรธได้ยังไง? ต้องขอบคุณสิถึงจะถูก คุณช่วยชีวิตพวกเรานะ” เขายิ้มเขี้ยวขาว
“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากที่เข้าใจ”ฉันโล่งใจที่เขาบอกอย่างนั้น เห็นเขาเฉย ๆ เลยนึกว่ายังโกรธ
หันไปมองหน้าบ้าน นาตาลีเดินหายไปแล้ว อยากจะโน้มคอซอนลงมาจูบ แต่..ยังมีบางอย่างที่ต้องทำ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่าต้องอยู่กับพวกเขาอีกนาน ตั้งใจไว้อย่างนั้น
“คุณนอนกับแทนนะ เดี๋ยวเอาเครื่องนอนออกไปด้วย” ฉันเดินเข้าไปสำรวจห้องนอนของตัวเอง
“พรึบ!” หยิบเสื่อขึ้นมาสลัดฝุ่นกระจาย
“ซอน! ช่วยกันทำความสะอาดดีกว่า”
“มา! เรามาช่วยกันถูบ้านกัน” ซอนคึกคักเดินไปหยิบถังน้ำ
ฉันกับซอนสนุกกับการถูบ้าน เราสองคนช่วยกันเก็บกวาด เช็ดหัวเสือโคร่งตัวใหญ่ รอบบ้านเต็มไปด้วยหัวของสัตว์ป่าแปลก ๆ สงสัยบ้านนี้เป็นของพราน
ซอนคว้าถังไม้โบราณใบใหญ่ออกไปกลางแจ้ง...
“หมวดจาง เอาผ้ามา ผมจะซักให้” เขาเดินเติมน้ำใส่ถัง
หลังจากทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ดูแลห้องนอนให้นาตาลีแล้วกลับเข้าห้องมานั่งพักเหนื่อย
ซอนเหงื่อเต็มหน้าเดินยิ้มกว้างตามเข้ามา
“ผมนอนกับคุณได้หรือเปล่า?”เขายืนหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ย สายตาหื่นมาเชียวนะ
“จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ใช่เชลยของคุณแล้วนะ” ฉันวางแผนบางอย่างในใจ
ซอนทิ้งตัวลงพื้น...
“ก็เคยสัญญากันไว้นี่ อ๋อ!..แค่เชลยกระล่อนเอาตัวรอด” สีหน้าเขาสลดลงเหมือนคิดอะไรได้
“ฉลาดดีนี่!”แอบคิดในใจ...เรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ สร้างเรื่องราวกันก่อนดีกว่า
“เอี๊ยด! อ๊าด!” เสียงพื้นสะพานลั่น มีคนวิ่งเข้ามา...
“หมวดจาง! หมวดจาง!” นาตาลีวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ฉันใจหายกลัวจะเกิดเหตุร้าย
“ Zzzzz!!” ซอนพลิกตัวกลับ กรนซะงั้น! เดี๋ยวนี้แสดงเก่งนะตั้งแต่อยู่กับเด็ก ๆ
เธอเหงื่อเต็มตัวโผล่หน้ามาเห็นซอนหลับจึงปิดปาก นั่งลงข้าง ๆ เธอยังเด็ก โดนฉันดุเธอบ่อย ๆ ชอบทำเรื่องบ๊อง ๆ ยายนี่...ก็ขยันสร้างเรื่องไม่ต่างจากไป่ไป๋หรอก เพียงแต่เธอมีดีกรีกว่าเท่านั้นเอง
“ว่าไง! เด็กน้อย” ฉันแหย่เธอหน้าหงิกทันที ฉันเก็บข้อมูลของพวกเขาไว้หมด นาตาลีไม่ชอบคำนี้ พอได้ยินแล้วจะโกรธ วันนั้นพวกเธอแอบดูฉันเย่อกับซอน แสดงว่า เธอยังไม่เคย เก็บจุดอ่อนของเธอไว้เล่นงานในวันหลัง
เธอสะบัดผมหน้ายุ่งไม่พอใจ...
“อย่ามาว่าฉันนะ ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว จบดอกเตอร์ให้เกียรติด้วย!” หน้าง้ำจ้องฉันตาเขียว
“จ้า! ขอโทษ มีอะไรคะ ว่ามาได้เลย เจ้านาย?” ฉันยักคิ้วยิ้มหวาน
“เห็นแทนกับไป่ไป๋หรือเปล่า?” ดูสิ! เธอวิ่งมาเกือบตายเพื่อถามเรื่องแค่นี้ นี่แหละคือเธอ เรื่องสำคัญเล่นเป็นของง่าย เรื่องไม่สำคัญเล่นใหญ่
ฉันรู้จักเธอมาหลายปี ตอนนั้น...นิสัยนาตาลีนี่เรียกว่า มารยาทแย่มาก เห็นแก่ตัว หยิ่ง เชิด ไม่สุงสิงกับใคร ฉันไม่เคยเห็นเธอมีเพื่อน วัน ๆเอาแต่ส่องกล้องจุลทรรศน์หรือไม่ก็หาอะไรมาทดลองไปเรื่อย ไม่เคยหยุดทำงาน บ้างานมากจนลูกน้องต่างเกลียดขี้หน้า
“ฉันให้ไปสำรวจบ้านสำหรับขัง Soulless เดี๋ยวคงมา” สังเกตตั้งแต่ติดอยู่ในป่ากันคราวก่อน ทุกคนรักและห่วงใยนาตาลี เธอเองก็จริงใจกับทุกคน พวกเขารักใคร่กลมเกลียวกัน
แต่..ฉันคิดว่า น่าจะมีปัญหาใหญ่จะเกิดในอีกไม่ช้า เจ้าแทนหนุ่มหล่อของเรานี่แหละจะเป็นต้นเหตุ เขาดูหล่อทันสมัยกว่าซอนและเจ็ทโด้ ฉันเห็นครั้งแรกก็ถูกชะตา
ฉันก้มหน้ากุมมือนาตาลีสงสัยบางอย่างแอบกระซิบเบาๆ...
“คุณกับแทน ยังไม่ได้จัดกันเหรอ?”
“อึ๋ย!!” นาตาลีอายหน้าแดง นอนบิดตัวม้วนงอเป็นกุ้ง
“ยัง!แทนยังไม่ยอมทำให้...ฉันรออยู่ พร้อมมาก” เธอเขินชักกระตุกเด้ง ดึ๋ง ๆ มือไม้อยู่ไมสุข ไร้เดียงสามาก
เด็กจริง ๆ เลย เธอเป็นแฟนกับไป่ไป๋ไม่ใช่เหรอ? ตอบว่า ยังทำไม? ยายนี่! คิดไม่ดีแล้ว กะจะเอาหมดเลยรึไง?
“เด็กน้อยเอ้ย! แอบชอบเขาล่ะสิ! ” ฉันลูบหัวอย่างอ่อนโยน คราวนี้เธอไม่โกรธ เงยหน้ามองตาใสแจ๋วสายตาสนใจ
“คร่อก! zzzz!!” เสียงซอนกรนเบา ๆ
“เขายังไม่รู้ว่า ฉันชอบเขา คุณช่วยได้ป่ะ?” เธอม้วนอาย ๆ แล้วลงไปนอนงอเหมือนเดิม
“อยากได้เหรอ? ลื่นปรื๊ด!ลื่นปรื๊ด!” ฉันก้มหน้าลงไปจ้อง ยายดอกเตอร์ดิ้นดึ๋ง ๆ อายหน้าแดง พยักหน้ารัว
“อื้อ! อยากลอง ลื่นปรื๊ด! ลื่นปรื๊ด!”
ทันใดนั้น...
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ซอนหลุดหัวเราะลั่น
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!” ฉันซัดแขนไปหลายที คนนอนหลับบ้าอะไรวะ?...หัวเราะดังเชียว
ใบหน้าของนาตาลีชมพูระเรื่อ ตอนอายใบหน้าสวยจังเลยนะ ดวงตาของเธอสวยมาก จะช่วยให้เธอสมหวังได้ยังไงดีน้า?
“คุณสองคนโชคดีมากนะ ที่เจอคนดี ๆ อย่างแทน เจอผู้ชายคนอื่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทั้งหุ่นทั้งหน้าตา อย่างกับTOP AV ของญี่ปุ่น แทนเองก็ต้องอดทนกับความต้องการตามธรรมชาติ น่าสงสารเจ้าหนุ่มนั่น! คงคอเคล็ดทุกวัน”
“หือ!” เธอเลิกคิ้วมอง
“คออะไร? คออะไรเคล็ด” หรี่ตาสงสัย
“คอ...ค็อกไง?” ฉันยกนิ้วกลางให้
“อึ๋ย!อึ๋ย!” เธออายม้วนต้วน
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!” ซอนหัวเราะลั่น
“จริง ๆ ครับ ถ้าวันนั้นคุณขึ้นรถผมล่ะก็...ฮึ่ม! สมหวังไปแล้ว”
“โป๊ก!!!” ฉันเขกหัวซอนดังสนั่น
“Zzzzz!” เขาล้มตัวนอนนิ่ง...หายบ้าไปเลย
“ฉันก็รักไป่ไป๋นะ แต่ก็ชอบแทนด้วย ไม่รู้จะพูดยังไง? ถึงจะได้ทั้งสองคน คุณก็รู้ว่า ไม่เคยมีชายหนุ่มที่ผ่านเข้ามาคุยกับฉันได้เลย ฉันด้อยประสบการณ์เรื่องนี้มากที่สุด” เธอหน้าจ๋อย
“อืม!" ฉันเข้าใจ ใครจะกล้ามาจีบคุณ” ด้วยตำแหน่งหน้าที่ระดับสูงและนิสัยส่วนตัวที่ไม่สุงสิงกับใคร ยากที่จะเป็นจุดสนใจของชายหนุ่ม
“แทน ทำลายกำแพงป้องกันตัวของฉันได้ และเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุด ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็ไม่กล้า” เสียงน่าสงสารมาก
“แล้วคุณไปมั่วกับไป่ไป๋ได้ยังไง?”
“ไป่ไป๋ขี้โกง ฉันโดนสถานการณ์บังคับ แต่ฉันรักเธอนะ”
ฉันก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง? เรื่องอย่างนี้ยากมาก สิ่งที่ฉันคิดไว้ถูกต้องจริงด้วย สองสาวขาดกันแน่ เกิดศึกแน่ ๆ
“ซอน! ถ้าเรื่องนี้ ถึงหูแทนกับไป่ไป๋ เราขาดกัน”
“คร้าบ” เสียงอ่อยเชียวนะ
“ไปช่วยกันจับ Soulless ขังกันดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ทำงานง่ายหน่อย” ฉันบอกแล้วลุกเดินนำ
ฉันได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ฉันพอใจแค่นี้ ได้อยู่กับพวกเขาแบบใส ๆ รู้สึกสบายใจ ถ้าวัคซีนของนาตาลีได้ผลจริง ๆ เราก็มีโอกาสรักษาให้พวกเขาได้ทั้งโลก อย่างน้อยความตั้งใจจริงก็ลบความผิดในใจลงได้บ้าง
............................................................................................................