
เขตุอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธ์มู่เหลา
มุมมองสายตา นาตาลี
มิถุนายน ค.ศ.2021
แสงตะวันยามเย็นเคลื่อนลงเกือบชนเทือกเขา ก้อนเมฆแดงฉานสะท้อนริ้วน้ำสั่นระริก สายลมอ่อนเล่นน้ำไล่คลื่นลูกเล็ก กระเพื่อมตามกันอย่างไม่สิ้นสุด เกาะกลางน้ำห่มด้วยดอกไม้สีฉูดฉาดเป็นจุดพักสายตา ก่อนจะลากสายตามาริมตลิ่งชันด้านล่าง
เรือลำน้อยผูกเชือกกับเสาปลายสะพาน ลอยลำโคลงเคลงเดียวดาย ต้นตะแบกนาชายน้ำ ออกดอกม่วงแกมขาวสะพรั่งเต็มต้น นกกางเขนขาวดำส่งเสียงเจื้อยแจ้วเรียกคู่ ผ่านมา 15 วันแล้ว...ถึงเวลาที่พวกเราคงต้องจากลาสถานที่นี้ เรานั่งรวมกลุ่มกินข้าวที่ระเบียงไม้หน้าบ้าน ใต้ร่มเงาของต้นเหลืองอินเดีย
“สวยเศร้า ๆ เนอะ ว่าไม๊?” แทนนั่งบนม้าไม้ยาวพูดเบา ๆ ทอดสายตามองไปทิวเขาดำทะมึนไกล ๆ หมวดจางถือถ้วยกินข้าวกับน่องไก่อยู่ข้าง ๆ เขา
จริงของเขา...ท้องฟ้าสีส้มแดง ยามเย็นดูเหมือนคนอมทุกข์ คนอกหักมานั่งตรงนี้ คงร้องไห้น้ำหมดตัวตายเลย
สายตาทุกคู่อยู่กลางลำน้ำ ไป่ไป๋ถือถ้วยข้าว ขยับตัวชี้ลงไปริมตลิ่ง...
“หมอกเริ่มมาแล้ว ดูลึกลับน่ากลัว หนูเห็นวิวนี้แล้วเสียวงูทุกที ซอนพาไปทอดแหที่เกาะนั่น หนูล่ะเสียวตูดจริง ๆ” เธอนั่งกับพื้นกระดานข้างซ้ายของฉัน สายหมอกขาวเส้นจาง ๆ ลอยเอื่อยคืบคลานกลืนกินพื้นที่
“หนาว ๆ อย่างนี้..อยากมีแฟนไว้กอดสักคน” เสียงแทนลอยมา
“หือ!” ฉันเห็นโอกาสทำคะแนน ขยับจะลุกไปนั่งด้วย แต่...
“ผลัวะ!”
“เหวอ!” ฉันใจหายวาบ ตาเหลือกไหล่กระแทกพื้น เจ้าไป่ไป๋ตีแขนฉันพับลงไปแล้ววิ่งปรู๊ดไปนั่งบนม้านั่งข้างเขา ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แทะน่องไก่หน้าตาเฉย ฉันปล่อยเลยตามเลย ไม่เป็นไรไม่ถือ นั่งเก็บข้าวที่หกลงพื้น
ซอนนั่งอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ...
“ซนจริง ๆ น้องสาวของผม คุณก็ใจดีเกิ้น” เขาดวงตาวาววับ ยิ้มส่ายหัวสายตามองไปที่เธอ
ยายน้องหว่านเสน่ห์อะไรไว้แน่ ๆ เลย ซอนถึงรักและห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามีเรื่องขัดใจอะไรกัน เขามักจะเข้าข้างน้องก่อนเสมอ
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ผมจะไปย่างปลาไว้ให้พวกเขานะ” แทนหันไปคุยกับไป่ไป๋
“เอาสิ!” ยายน้องนั่งเบียดซะจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว แขนของเขาฝังลงไปในนมของเธอ
ปากก็ด่าว่าเขาตลอด ดูย้อนแย้งยังไงชอบกล ฉันเริ่มจะคล้อยตามหมวดจาง เริ่มคิดแล้วว่าเธอคงชอบเขาเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ดี ต้องหาโอกาสเจรจาแบ่งเค้กจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน
ไป่ไป๋หันมายิ้มกว้าง...
“เรามาตกลงกันก่อนดีกว่า ถ้าเกิดต้องหนีอะไรอีก อนนี่หนีไปกับซอนเลยนะ เขาเก่งกว่าแทนเยอะ หนูจะช่วยแทนเอง ถึกจริง ๆ” เธอพูดฉอด ๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์
ฉันนึกแล้วก็ขำ แทนพาเราวิ่งเสียส่วนใหญ่ แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งให้พวกเราต้องตกอยู่ในอันตราย เขาช่วยพวกเราได้เยอะ มีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ ก็เพราะเขา
ถึงแม้เขาจะดูสำอางก็ตาม แต่ก็พยายามทำให้ทุกอย่างและหลายอย่างเขาก็ทำไม่เป็น ฉันมองเห็นความตั้งใจต่างหาก สำหรับแทนแล้ว ฉันไม่มีข้อแม้ เขาช่วยชีวิตของฉันและฉันชอบนิสัยของเขา
แทนหันหน้ามาจากเก้าอี้ม้านั่งยาว...
“เสร็จงานนี้ ผมขอตัวกลับบ้านจริง ๆ แล้วนะครับ”
“หือ!” ฉันชะงักรีบลุกขึ้นนั่ง ลืมเรื่องนี้ไปเลย สนุกจนคิดไปว่าเราไม่ต้องจากกัน ได้แต่คิดในมุมของตัวเอง อารมณ์สุขล้นของฉัน...หายไปในพริบตา
“เออ!จริงด้วย!” ใจคอไม่ดี หันมองหน้าหมวดจางซึ่งสายตาของเธอดูเหมือนจะเข้าใจฉันมากที่สุด ฉันยังไม่ได้บอกชอบคุณเลย จะกลับไปแล้วเหรอ?
“ผมคงต้องกลับจริง ๆ แล้วจะคิดถึงทุกคนนะครับ” ถึงแม้เขาจะใบหน้ายิ้ม แต่เสียงก็ฟังดูเศร้า
“............” ไป่ไป๋นั่งเอาหัวซบหลังของฉัน สรรพสิ่งรอบกายมันเงียบงัน หูอื้อ รู้สึกจุกในอก ไม่มีข้ออ้างที่จะให้เขาอยู่ต่ออีกแล้ว พวกเรายื้อเขาจนถึงที่สุดแล้ว
“แทนก็ติดต่อมาบ้างนะ ฉันก็อยากสนิทกับคุณมากกว่านี้” หมวดจางสายตาเศร้าเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอก็ช่วยเจรจาอย่างที่สุดแล้ว
แต่...
“อยากกลับเหลือเกินนะ ไปเถอะ! รีบไปเลย โชคดีนะ ส่งแค่นี้แหละ!” ไป่ไป๋เสียงเครือไล่ส่ง เป็นอะไรของเธออีกล่ะ! เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เขาจะไปแล้วก็คุยกันดี ๆสิ /ยายนี่ย้อนแย้ง /
ซอนหันมองหน้าของแทน ...
“ถ้าแกไม่มีธุระด่วนอะไร? ไปเที่ยวบ้านหมวดจางกับพี่ก่อนไหม?”
“ที่ไหนครับ?” แทนลุกลงมานั่งข้างฉัน ชะโงกหัวคุยกับซอน
“เสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ลองไปเที่ยวกันสักครั้งเป็นกำไรชีวิต โลกนี้กว้างใหญ่ เดินทางซะก่อนจะไม่มีโอกาส” ซอนตบไหล่น้องชาย ฉันได้แต่แอบมองลุ้นว่า เขาจะตัดสินใจยังไง?
ฉันแอบคิดในใจ...เหลือเวลาอีกคืนเดียว คืนนี้ถ้าวิชาของหมวดจางได้ผล เขาจะต้องคิดใหม่และอาจจะไม่ได้กลับบ้าน
หมวดจางขยับลงมานั่งล้อมวงด้วยอีกคน...
“ไปด้วยกันนะแทน บ้านฉันวิวสวยมาก ไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง ส่งสองคนนี้ออกไปก่อนแล้วค่อยไปกัน ฉันจะพาไปเที่ยวที่ด่านหู่ซาน จุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนฝั่งตะวันออก”
“ผมขอตัวนะครับ ไม่อยากอยู่ในจีนแล้ว ผมคงโดนตามล่าอีกในไม่ช้า จะทำให้ทุกคนต้องลำบาก” เสียงของเขาเศร้า นั่งนิ่งไม่สบตากับใคร
ซอนยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ...
“พี่ว่าจะชวนแกไปเผากองพันฯ สักหน่อย เสียดายน่าจะไปด้วยกัน ช่วยกันวิ่ง”
“หือ!” ฉันมองหน้าหมวดจางกับซอนสลับกัน ฉันไปด้วยดีกว่า ผลงานชั่วร้ายนี้ก็เป็นของฉันด้วย ฉันต้องรับผิดชอบ
ไป่ไป๋ค้อนตาขวาง...
“หาแต่เรื่อง! ชวนกันไปทำแต่เรื่องอันตราย ไปกันเองเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ซอนหัวเราะลั่น...
“ผมพูดจริง ๆ ผมจะไปช่วยหมวดจางเผาโกดังวัคซีน ช่วยเธอล้างความผิดในใจสักหน่อย”
“ไม่เอาดีกว่าครับ พี่ซอนกับหมวดจางไปกันเถอะ ผมขอโทษนะครับ” แทนยืนยันคำเดิม เขาคงอยากกลับแล้วสินะ เศร้าจัง ไม่อยากให้ไปเลย แต่ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงแล้ว เงินที่ให้ไปเขาก็คืนให้ไป่ไป๋หมดแล้ว
ฉันหันไปหาหมวดจาง...
“ฉันไปด้วยนะ!”
“ฮ้า!” ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน
แต่หมวดจางสาวสวยยิ้มหวานส่ายหน้าปฏิเสธ...
“ไม่ได้ค่ะ! ฉันไม่ได้ชวนคุณ และไม่ให้ไป เตรียมออกจากประเทศนี้ได้แล้ว” เธอเมินหน้าหนี
ซอนหันมา...
“ดีสิ! ดอกเตอร์ไปเที่ยวด้วยกันก่อน!”
ไป่ไป๋กางมือหันหน้ามาหา...
“โน๊โน!.หนูจะไปเกาหลีใต้ อย่าไปยุ่งเลยไปกับหนูเถอะ!” เธอหน้าหงิกไม่เอากับพวกเราแล้ว
“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจ ปัญหามาอีกแล้ว...
“เสียเวลานิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก ถ้ากลับไปทั้ง ๆ ที่รู้อย่างนี้ ฉันคงละอายใจไปตลอด ให้ฉันไปเถอะนะ” ฉันอ้อนเธอ /หมวดจางกำลังจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป จะให้ฉันหนีเอาตัวรอดคนเดียว...ไม่มีทาง/
“แล้วฝันของหนูล่ะ หนูอยากเป็นไอดอล หนูรอมาตั้งนานเสียเวลาไปตั้งนาน” เธอปากจู๋ตาละห้อย เธอก็มีฝันของตัวเอง ฉันนิ่งคิดหาทางออก
“มันเป็นงานของฉัน ต้องรับผิดชอบ เธอไปเกาหลีใต้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันก็ตามไป”
“ไม่เอา! ไปพร้อมกัน! ไม่ต้องไปกับพวกเขาหรอก” ยายน้องเริ่มงอแง
หมวดจางยกมือห้ามทัพ...
“คุณดอกเตอร์..ไม่ต้องไป ตามไป่ไป๋กลับไปเลย ไป่ไป๋! เอาตัวที่รักของคุณไปด้วย เราแยกทางกันที่นี่แหละ แทนก็กลับไปด้วยกันนะคะ” เธอเก็บถ้วยข้าวไปซ้อนกัน
ไป่ไป๋โผเข้ามา...
“ใช่! อนนี่ไม่ต้องไป หนูก็ไม่ไป ลากันเลยนะคะหมวดจาง”เธอไม่สบอารมณ์ หน้ามุ่ยปากจู๋ ยกมือบ๋ายบาย
ฉันลำบากใจจัง...
“ฉันก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ฉันจะไป ใครไม่ไปก็ตามใจ” ฉันตัดสินใจแน่วแน่ อย่างไรเสีย...ฉันก็จะไปบ้านหมวดจาง
“อ่นนี่!” ยายน้องเบะปาก
“เอาอย่างนี้นะ เธอไปเกาหลีใต้คนเดียวก่อน ไปอยู่กับจูยอนอนนี่ เดี๋ยวฉันค่อยตามไปทีหลัง ฉันต้องไป WHOs ที่สวิตเซอร์แลนด์ก่อน”
ไป่ไป๋ย่นจมูกไม่พอใจ...
“ไปก็เป็นส่วนเกิน ให้คู่จิ้นเขาไปทำกันสองคนดีแล้ว อนนี่ก็ไปสวิสเลยสิคะ”
“ขอให้ฉันได้ช่วยเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนะ” เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับซอนเหมือนกัน เขายังไปช่วยหมวดจางเลย ฉันไม่ยอมให้ไป่ไป๋ทำลายความตั้งใจ
“เสี่ยงอันตรายแบบนั้น หนูคงสบายใจได้หรอกนะ” ไป่ไป๋งอแงไม่เข้าท่า
แทนขยับ...
“ถ้าคุณก้าวก่ายแม้กระทั่งเรื่องงานของคนอื่นขนาดนี้ ทำไมไม่รวมร่างกันไปเลยล่ะ จะได้ควบคุมได้ทุกอย่าง คุณจะเอาตัวเองไปบังคับคนอื่นแล้วอ้างว่ารักไม่ได้นะครับ มันเห็นแก่ตัว” แทนมองหางตา/ เขาพูดได้โดนใจมาก/
“ใช่!” ซอนเห็นด้วย
“………”ไป่ไป๋ก้มหน้าเงียบ
“อยากทำอะไรก็ไปทำสิ ต่างคนต่างงาน ต่างความรับผิดชอบ ฝันของใครก็ของมันสิ” แทนพูดออกมาถูกทั้งหมดเลย
“ใช่!” หมวดจางเห็นด้วย
“ใช้เวลานานไหมครับหมวดจาง?” เขาหันไปหาเธอ
“ไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็เสร็จ ที่กองพันฯ ฉันหลับตาเดินยังได้ แผนก็อยู่ในหัวแล้ว” เธอหันมายิ้มหน้าเหี้ยม...
เขาถามอย่างนี้จะไปด้วยรึไง? ฉันชวนแทนไปดีกว่า พูดลอย ๆ ลองเชิงดูก่อน ...
“หมาแมวเก็บมาเลี้ยง พอคุ้นเคยกันแล้วกลับมาทิ้งขว้างกันไป มันก็คงลำบากใช่ไหมคะ!..แทน?” ฉันโยนไปที่เขา เรื่องอะไรจะปล่อยให้กลับ ฉันเชื่อโดยไม่มีข้อแม้ว่า ถึงที่สุดแล้วเขาต้องตามไปกับฉัน เขาไม่มีวันทิ้งฉันแน่
อีกอย่างที่สำคัญ...เขาไม่ฉลาดตอบหรอก ฉันเคยโมเมด่าเขาเสียหาย เขาเถียงไม่ทัน ยอมรับผิดเองซะงั้น
แทนหันมามองชั่งใจ ถอนหายใจเบา ๆ ...
“เอ่อ!..คุณไม่หนีแล้วเหรอ? อันตรายเกินไปนะครับ” เขาใจดีกับฉันเสมอมา ฉันเชื่อสนิทใจว่า เขาต้องมากับฉัน
“ก็หนีอยู่ แต่หนีไปเสิ่นหยางก่อน” ฉันแถแถ่ดแถ่ด ซอนก็นั่งยิ้มตาใสถูมือลุ้นรอคำตอบ
แทนยิ้มอย่างรู้ทัน พยักหน้าเบา ๆ...
“ผมไปด้วยก็ได้ คุณไม่มีคนดูแล ไป่ไป๋สละสิทธิ์แล้วนี่”
“จริงนะ!” นั่นไงล่ะ! ฉันโผโอบเอวดีใจ คิดไว้แล้ว...เขาไม่ทิ้งฉันหรอก
ยิ้มยังไม่ทันได้หุบปาก ไป่ไป๋กางมือมาขวาง...
“โน๊โน!..หนูสละสิทธิ์ตอนไหน? แค่นั่งคิดเฉย ๆ” เธอโบ๊ะบ๊ะเงอะงะ ขยับมานั่งแทรกระหว่างฉันกับแทน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เล่นเอาหัวเราะกันทั้งวง ไม่รู้ว่าหวงใครกันแน่
“ไป่ไป๋ชอบแทนเหรอคะ? หวงเหรอ?” ฉันพูดเรียบ ๆ
“...........” แต่อึ้งกันไปทั้งวง ฉันถามอะไรผิดเหรอนี่?
เธอหลบสายตาหลุกหลิก ทีหมวดจางถามฉันว่าชอบใคร ฉันยังตอบได้ทันที เธอลังเลอะไร? /เพื่อนคนอื่นอมยิ้มมอง/
“หนูเป็นห่วง แค่ 2 อาทิตย์ หนูไปด้วยอยู่แล้ว ช่วย ๆ กัน” นั่นไง...เธอพลิกคำพูดแล้ว ตอบไม่ตรงคำถาม...หมวดจางพูดไว้ไม่ผิดคำ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันต้องคิดว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่ไม่เป็นไร ไม่ถือ
“ไปด้วยกันหมดนี่แหละ!” ซอนสรุป ฉันโล่งอกดีใจ
แทนโพล่งออกมา...
“ถ้าไป่ไป๋ไปด้วย ผมขอตัวนะครับ ผมไม่ไป!” เขากลับมายืนยันคำเดิมอีก //เป็นอะไรของเขานะ//
“หึ๋ย!” ไป่ไป๋เครียดหน้าแดงก่ำ คว่ำหน้าปากจู๋
ฉันต้องรีบทำอะไรบางอย่างแล้ว ตอนนี้เหลือทางเลือกสุดท้าย ฉันไม่เคยคิดจะเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว คงต้องเชื่อหมวดจางไปก่อน ฉันต้องพึ่งไสยศาสตร์...คืนนี้ทำพิธี
………………..................................................................................................………

ตะวันลับฟ้าไปแล้วหมอกสลัวเป็นกองหน้าของความเย็นคืบคลานเข้ามา แสงไฟจากไต้คบไม้ถูกจุดให้แสงสว่างพอมองเห็นทางเดิน บันไดไม้ทางลงต่างระดับข้างร้านค้าสี่ห้าขั้น โยกเยกไม่ค่อยมั่นคง
แทนยืนอยู่กลางบ้านกำลังสนใจหัวเสือโคร่งแยกเขี้ยวโง้งติดผนัง
“คืนนี้สุดท้ายแล้วนะคะ ฉันไม่รู้จะขอบคุณด้วยอะไร เงินคุณก็ไม่เอา ฉันเป็นหนี้ที่ไม่มีโอกาสชดใช้ให้คุณ” ฉันส่งตาหวานยื่นสองมือไปหา
“อย่าคิดแบบนั้นเลย เราเป็นเพื่อนกัน” เขายิ้ม..เอื้อมมือมาจับแล้วนั่งลงพิงผนังใต้หัวเสือ ฉันทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ อบอุ่นใจจังเวลาได้อยู่ใกล้ ทำไมฉันไม่กล้าบอกว่าชอบเขาล่ะ? ทำไมกล้ากอด?
ไป่ไป๋เดินตามมายืนข้าง ๆ เธอแค่เหล่มองนิดเดียวแล้วเฉไฉไปดูหัวเสือ ฉันต้องเอาชนะใจทั้งสองคนพร้อมกัน วันนี้แหละ!
“มีแผนยังไงต่อ คุณไม่ได้ไปฝรั่งเศสเพราะมาช่วยฉันแท้ ๆ” ฉันชอบอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่ต้องระวังตัว อยากทำอะไรก็ทำ เขาไม่เคยว่า อยู่ข้างหมวดจางมีแต่โดนบ่น
“ผมคงกลับไปอยู่บ้านซอนก่อน แล้วไปฝรั่งเศสต่อ คราวนี้ไม่พลาดแน่”
ไป่ไป๋แหวใส่...
“แล้วถ้าคุณตายล่ะ บ้าหรือเปล่า? อนนี่อย่าให้ไปนะ ไปเสิ่นหยางด้วยกันนี่แหละ” ยังไงกันนะยายนี่ เหมือนเป็นห่วงแต่ปากแข็ง
“ยังไม่ได้ไปก็โดนแช่งซะแล้ว อวยพรให้ผมโชคดีสิครับ” เขายิ้ม
“ก็หนูไม่อยากให้ไป” เธอลงมานั่งข้าง ๆ
“ยุ่งอะไรกับผมนักหนาเนี่ย?” ขนาดเขาไม่ได้พูดกับฉันโดยตรง ฉันยังจุกเลย เขาหันไปจ้องหน้า เธอหน้าหงิกปากจู๋ โกรธอีกแล้ว สองคนนี้ทำไมถึงทะเลาะกันบ่อยจัง
ใจของฉันยังห่วงภารกิจสำคัญที่ต้องเอาขนรักแร้ทั้งสองคน คิดมาหลายวันแล้ว จะเอามาได้ยังไงนะ?...
“เดี๋ยวคืนนี้ฉันออกมานอนด้วยนะ ฉันคงต้องร้องไห้อีกแน่ ๆ ถ้าเห็นคุณเดินจากไป”
“พบเพื่อจาก จากเพื่อพบกันใหม่ คุณมีตัวตนในสังคมแล้ว มีชื่อเสียงและรายได้แล้ว ส่วนผมยังมองไม่เห็นอนาคตเลย”
ไป่ไป๋ชำเลืองมองพูดขึ้นมาลอย ๆ ก่อนจะลุกเดินไปหาซอนหน้าบ้าน
“Soulless ก็รักษาหายแล้ว พรุ่งนี้ก็จากกันแล้ว นอนด้วยกันในห้องสิ ไม่เป็นไรหรอก เราเคยนอนด้วยกันลำบากกว่านี้อีก”เธอให้เหตุผลมาน่าฟัง ไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไร แต่...เข้าทางฉันล่ะ! ฉันอยากได้ขนรักแร้ กึ๋ย! กึ๋ย!
รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่คิดถึงค่ำคืนนี้ ค่ำคืนแห่งการตัดสิน ทำพิธีไสยศาสตร์ที่ไม่เคยเข้าใจ ถนนอีกเส้นที่ฉันไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า จะมาเดิน อาจจะเรียกได้ว่า เป็นความเชื่อที่กลับหัวกลับหางกันสิ้นเชิง ระหว่างนักวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์
คนเราเมื่อเข้าตาจนก็คงจะต้องเชื่อสิ่งที่มองไม่เห็น อย่างนี้สินะโลกถึงได้มีศาสนา มีนักบวช พ่อมด หมอผี เต็มไปหมด เพราะจิตใจตกต่ำนี่เอง
ฉันลุกเดินมาเข้าห้องตัวเองเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ ห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กฝาผนังห้องด้านบนโล่งมองเห็นขื่อกลางบ้าน ภายในนอนสามคนพอดีสี่คนเบียด ทิ้งตัวนอน เห็นหมวดจางเดินผ่านมาแล้วทำมือโอเค ก่อนจะเลี้ยวเข้าห้องของตัวเอง ฉันกวักมือเรียก...
“หมวดจาง!..แวะก่อน” รู้สึกตื่นเต้นหวั่นใจชอบกล รีบคลานไปหา
“ได้ผลแน่นะ!” กระซิบถามเธอให้แน่ใจอีกครั้ง ชะโงกมองไปนอกระเบียง สามคนนั่งคุยกันสนุกสนานไม่ได้หันมา
เธอขยับเข้ามาใกล้ มองฉันด้วยหางตาหยามเหยียด...
“โรมีโอกับจูเลียต ยังสละชีวิตเพื่อคนรัก ถ้าคุณทำแค่นี้ไม่ได้ก็...เฮ้อ! เด็กน้อยเอ๊ย!” เด็กน้อย! เด็กน้อย! เด็กน้อย ปักฉึกมาที่หน้าผาก มันได้ผลทุกครั้งสิน่า ในใจฉันเดือดปุด ๆ...
“เออ!.ถามนิดหน่อยก็ไม่ได้” ฉันหนักหัว สะบัดก้นกลับ คอยดูเถอะหมวดจาง! เธอรู้จักฉันน้อยไป
ฉันไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ยังไงแทนก็ต้องกลับ ลองเชื่อเธออีกสักครั้ง ตั้งใจมั่น รวบรวมความกล้า ต้องให้แทนอยู่กับเราต่อไป
.........................................................................................................
ดึกสงัด... เสียงนกกลางคืนร้องชวนขนลุก แทรกเสียงเรไรที่ดังเซ็งแซ่ ลมหนาวกระโชกนาน ๆ ครั้งขนลุกชูชัน อากาศเย็นยะเยือกจนตัวสั่น ผ้านวมผืนใหญ่ที่ห่มรวมกันแทบเอาไม่อยู่ เงาวูบวาบจากตะเกียงน้ำมันสะพัดยามต้องลม
แทน นอนตรงกลางหลับไปแล้ว ฉันนอนขวาไป่ไป๋นอนซ้ายหัวหนุนแขนของเขา เดี๋ยวนี้พวกเรากล้ามากกว่าเมื่อก่อน ทำตัวเหมือนกับเมียน้อยกับเมียหลวงไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งฉันไม่ถือ
น่าจะได้เวลาทำพิธีแล้ว เสียงซอนกรนดังสนั่นบ้าน ฉันค่อย ๆ ลุกนั่งที่ปลายเท้า มองเสื้อคลุมของแทนผ่านแสงสลัวของตะเกียง หาช่องเอามือลอดผ่านเสื้อคลุมกันหนาวตัวหนา คลำไปติดมือไป่ไป๋ที่กอดรัดอยู่
ฉันคิดในใจ...เธอเกลียดแบบไหนกันนะ ถึงนอนกอดได้สนิทใจแบบนี้ ไป่ไป๋ก็คงอยากกอดเขาน่ะสิ ถึงเอามานอนด้วย ร้ายจริง ๆ
ขยับลงไปนอนเบียดข้างหลังของเธอ เอาขนของยายนี่ก่อนก็แล้วกัน ของเขาเอาไว้ทีหลัง
เธอนอนตะแคงกอด หัวหนุนแขนเขา ฉันล้วงเข้าไปในเสื้อตั้งใจว่าจะดึงขนรักแร้ แต่มือไปติดนมบึ้มซะก่อน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว แวะสะกิดทักทายหัวนมก่อนก็แล้วกัน...
“อูยส์ !” ขนาดหลับยังจะครางอีก
คิดในใจ...พอแล้วเดี๋ยวเสียงาน เลื่อนมือไปที่รักแร้
“เอ่อ!” นึกขึ้นมาได้ ยายเด็กคนนี้มันพันธุ์กะทินี่นา ไม่มีทั้งขนบนและขนล่าง เอาเส้นผมไปก็แล้วกัน
“ฮึ้บ!” พลิกตัวไปอีกด้าน คิดในใจ...กูเป็นดอกเตอร์จริงหรือเปล่าวะ? กำลังทำบ้าอะไรอยู่ แต่พอมองหน้าของแทนแล้วก็ต้องทำ
ฉันค่อย ๆ ยกมือของเธอออกจากหน้าอกแทนอย่างแผ่วเบา ลุ้นระทึก...
“อื้อ!..” เสียงเธองึมงำ หัวใจจะวายอย่าตื่นขึ้นมานะ
ฉันพยายามกลั้นลมหายใจ กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเกร็ง มือสั่นค่อย ๆ ขยับไปที่ชายเสื้อของเขา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรกำลังขโมยเพชรยอดมงกุฎราชินีอังกฤษยังไงยังงั้น...โอย อึดอัด
ตัดสินใจล้มตัวนอนลงหนุนแขนเขาอีกครั้ง ล้วงมือไต่กระดื้บเข้าไปในชายเสื้อยืดคอกลมด้านในผ่านหน้าท้อง เขามีขนหน้าท้องเต็มเลย
ใจหนึ่งก็อยากจะแวะไปทักทายกับเจ้างางอน แต่อีกใจก็คิดว่า ถ้าเขาไม่ชอบฉันล่ะ!...มุดดินหนีก็ยังไม่พอ
มือลูบไล้ผ่านหน้าอกแข็งกล้ามแน่น สัมผัสผ่านกล้ามอก ล้วงเรื่อยขึ้นผ่านเข้าซอกสู่เป้าหมายที่แขนหนีบ
“ตึกตึก! ตึกตึก!” หัวใจฉันเต้นรัว ลุ้นแทบไม่หายใจ ระทึกใจอยู่คนเดียว
“หืม!!!” ผิดหวังอย่างแรง เขาโกนขนรักแร้เกลี้ยงเกลา
จะทำไงต่อล่ะทีนี้ คิดสิคิด! หมวดจางบอกว่าถ้าไม่มี ให้เอาขนที่ลักษณะใกล้เคียง หรือจะเอาเส้นผมเหมือนของน้อง แต่มันลักษณะไม่ใกล้เคียง หยิก ๆ อย่างนั้นก็...
“โอ้ย….ยย!” แทนร้องลั่นบ้านลุกขึ้นนั่ง
ฉันรีบพลิกตัวหันหลังแกล้งหลับ มือกำขนแน่น
“คร่อก ฟี๊!zzzzz” กรนกลบเกลื่อน
....................................................................................................................

ฉันตั้งใจที่จะทำพิธีคืนนี้อย่างดีที่สุด ตั้งความหวังไว้สูงมาก เดิมพันครั้งนี้คือแทน หลังจากดึงขนหน้าท้องของเขา แล้วแกล้งนอนนิ่ง คอยฟังเสียงทั้งสองคนว่า จะเกิดอะไรขึ้น เสียงดิ้นขลุกขลักลุกนั่ง หัวใจสั่นมือเย็นเฉียบกลัวโดนจับได้
“แทนเป็นอะไรคะ?” ไป่ไป๋ถามน้ำเสียงเป็นห่วง
“คุณดึงขนของผมทำไม?” เสียงแทนไม่พอใจ
“หนูเหรอ? ไหนคะเจ็บตรงไหน? ขอหนูดูหน่อย” ได้ยินแต่เสียงเธอคุยกัน ฉันยังแกล้งนอนนิ่ง ใจยังสั่น เป็นผู้ร้ายนี่มันยากจริง ๆ
“คร่อก!!!zzzz” นาตาลีเอนเตอร์เทนเมนต์ ภูมิใจเสนอ
ฉันแกล้งส่งเสียงให้สมจริงเหมือนคนนอนหลับสนิท ต้องสกัดไว้ก่อน เดี๋ยวไป่ไป๋มายุ่งกับฉันจะเสียงาน เสียงสองคนคุยพึมพำกันเบาสักพักก็เงียบ
“ฮี่!ฮี่!ฮี่!” ฉันนอนยิ้มด้วยความโล่งใจได้เส้นขนมาแล้ว นอนรอเวลาอีกหน่อย กำมือแน่นจนเหงื่อซึม
ความเงียบทำให้ได้ยินแม้เสียงเดินติ๊กต่อกของนาฬิกาข้อมือของแทน ฉันยังคงนอนมองเพดานรอเวลาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง อากาศยิ่งดึกสงัดยิ่งเย็นจัด
ตอนนี้ใกล้ได้เวลาเริ่มพิธีแล้วทุกอย่างเงียบสงบยกเว้นเสียงกรนเบา ๆ ของแทน ไป่ไป๋หันหน้าซบแก้ม แขนกอดขาก่ายกอดเป็นลูกลิงเลย ย้อนแย้งจริง ๆ
ฉันค่อย ๆ เปิดประตูคลานสี่ขาอย่างแผ่วเบา มือยังกำขนแน่น สายลมเย็นวูบปะทะใบหน้าจนรู้สึกชา ปากเริ่มสั่นฟันเริ่มกระทบกันด้วยความหนาว สายหมอกลอยอ้อยอิ่งเข้ากับกลิ่นดอกแก้วบรรยากาศสยองขวัญ
“บรู้ว…วว!” เสียงฝูงหมาป่าร้องโหยหวน
ไลท์แอนด็ซาวน์เพิ่มความขลังขนาดนี้ จะไม่สำเร็จให้มันรู้ไป ฉันยังมุ่งมั่นกับความหวังสุดท้าย
ถึงมันจะดูหน้าไม่อาย ฉันก็ไม่สน ไม่อยากสูญเสียเขาไป แต่จะให้บอกกันตรง ๆ ก็ใจไม่กล้าขนาดนั้น เดินมาสวมชุดกับหมวกของนักพรตยิ่งน่าเอถือไปอีกขั้น ยายจางไปสรรหามาจากไหน ฮู้ติดเต็มหน้าบ้าน
ตะเกียงน้ำมันก๊าด ควันดำโขมงโชยกลิ่นแสบจมูกตั้งสู้ลมที่กลางลานหน้าบ้าน ฉันนั่งยองหันหน้าออกไปทางทะเลสาบเอามือขวาป้องกับพื้นกันลม คลายมือซ้ายให้ขนท้องหล่นลงพื้น //นี่ฉันเป็นดอกเตอร์จริงเหรอ?//
“โอ้วโน!...” ถึงว่าสิ!ทำไมแทนถึงแหกปากร้องลั่น นี่! มันไม่ใช่ 3 เส้นแล้ว แถวบ้านเรียกกระจุก พันกันยุ่งเชียว ลงมือบรรจงเลือกเส้นที่ยาวที่สุดค่อย ๆ เอาใส่ถุงพลาสติกรวมกับเส้นผมของน้อง แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อกันหนาวไว้
เดินไปหยิบสายสิญจน์มาขึงสี่เหลี่ยม เอาฮู้แดงแปะหน้าผาก ชักธูปไหว้เจ้าก้านใหญ่ยาวจากกระถางต้นไม้ จี้ปลายไปที่ตะเกียงกระป๋อง ไฟลุกควันโขมง
“ย๊าก!เพ่ย!” เอาธูปขึ้นมากวัดแกว่งกลางอากาศ 3 รอบแล้ว แล้วบรรจงปักลงในกระถางไม้ใบเรียวด้านหน้า
แปะฮู้เหลืองบนถ้วยเหล้าต้ม ผสมน้ำตาลแดงปริ่มขอบ โรยกลีบกุหลาบแดงลงไปอย่างบรรจง
จากนั้นก็เทขนลงไปแล้วกดให้จม ในหัวของฉันมีแต่ความสงสัยในสิ่งที่ทำ สองจิตสองใจไม่อยากจะคิด กลัวเทพจะเคือง หาว่าไม่ศรัทธา
//โดนสาบานไปแล้วนี่ ทำ ๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์ไป //
ฉันคาดหวังความสำเร็จไว้สูงมาก เอาถ้วยมาจรดหัว...
“ฟ้าเปิดทาง ดินเปิดทาง น้ำเปิดทาง ลมเปิดทาง ไฟเปิดทาง”ตะโกน 3 รอบ ต้องตะโกนเสียงดังให้ฟ้าดินเป็นพยาน ดีนะ!...ที่นี่ไม่มีคนแล้ว
ยกถ้วยเหล้าไปวางที่หัวโต๊ะม้านั่งยาว ห้ามให้เหล้าหกเด็ดขาด นั่งหลับตาอธิฐาน…
“ขอให้แทนและไป่ไป๋รักฉัน!” ตะโกนลงน้ำไปอีก 3 รอบ
ขั้นตอนต่อไป...ฉันตั้งใจเป็นพิเศษ ต้องกินเหล้าในถ้วยให้หมดในครั้งเดียว มันยากมากเหมือนกัน /ตัดสินใจอุดจมูก ยกถ้วยดื่มทีเดียว/
“อัก! อัก! อัก!” เกลี้ยงถ้วย แสบจมูก ร้อนวูบวาบวิ่งไปทั่วลำไส้ลงไปถึงกระเพาะ ซาบซ่านแสบทรวง
“เอิ๊ก!”...// ปากยังเคี้ยวดอกกุหลาบอย่างบ้าคลั่ง //
ต่อไปเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ขี่ม้าเบิกทาง เพื่อให้เทพแห่งความรักบันดาลความสมหวังได้สะดวก
“ขาก!” อะไรติดคอวะ!
หูเริ่มชาหน้าเริ่มมึน มือขวาถือตะเกียงยกขึ้นเหนือหัว มือซ้ายถือธูปดอกใหญ่ เสื้อผ้ารุงรังนั่งคร่อมม้านั่งหันหน้าไปทางบันได
“ย๊าก!เพ่ย!” สองมือ..เริ่มควงธูปกับตะเกียงสลับไปมาช้า ๆ ขาเริ่มขยับ เอวเริ่มควบ ปากเริ่มร้องอย่างตั้งใจ
“พญาอาชาจงพาข้าไป ฮี้! ๆ ๆ ก็อบ! ๆ ๆ ๆ” ฉันควบสุดแรง
“มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทราหลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง จงเปิดทางให้ข้าสมหวัง เอ้า! ฮี๊!ๆ ก็อบ! ๆ ๆ” ฉันเริ่มหูชาตาลาย จิตใจฮึกเหิมเพราะฤทธิ์เหล้า
“ ฮี๊! ๆ ก็อบ! ๆ ๆ ” ตะโกนบ้าเสียงดังอยู่คนเดียว มือขวาควงตะเกียง มือซ้ายควงธูปอย่างคะนองมือ ควันโขมงแสบตาไปหมด ขาก็ควบเหมือนขี่ม้าจริง ๆ ทำจนครบ 3 รอบ เป็นอันเสร็จพิธีอย่างสมบูรณ์ เมาแล้วจิตใจฮึกเหิมเหมือนนักรบ
ลุกขึ้นยืน...เซแซดแซด หันหน้าไปทะเลสาบ โค้งศีรษะทำความเคารพเทพ เพราะไม่รู้จะเคารพแบบไหนดี เอาที่ฉันถนัดก็แล้วกัน คนไม่มีศาสนาอย่างฉัน ยอมก้มหัวให้นี่ก็ถือว่ามากแล้ว แต่เพื่อสองคนที่รัก ฉันยอมทำทุกอย่าง
ยืนยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ สิ่งที่ตั้งใจอยากได้ มันใช่ความรักหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความรู้สึกอยากได้มันแรงมาก...
“อนนี่ ทำอะไรคะ?”
“ห่ะ!” ใจหายแวบ เสียงไป่ไป๋นี่นา
พอตั้งสติได้ก็ตอบกลับโดยไม่ได้หันไปมอง ยายน้องนี่…ฉันรับมือได้ /ทำไมมึนหัวอย่างนี้ เหล้าออกฤทธิ์แล้วสิท่า เมาฉิบหาย หูเริ่มวิ๊ง.../
“เปล่าจ้ะ! มันร้อน เลยออกมารับลม” ดิ้นเอาตัวรอดก่อน อากาศหนาวปากสั่น ฟันกระทบจะแข็งตายอยู่แล้ว
แต่แล้วเสียงที่ทำให้ฉันปวดใจก็ดังขึ้น…
“ท่านจอมยุทธ์! เข้ามานอนข้างในก่อน เดี๋ยวเป็นหวัด”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เสียงหมวดจาง ทำเอาทุกคนหัวเราะลั่นบ้าน
นี่! พวกเขานั่งดูฉันทำพิธีกันอยู่หรือเนี่ย?// อยากบินได้จังเลย โคตรอายเลย//
“ขาก!..ขาก!ขาก!” รู้สึกระคายเคืองคอ เหมือนมีอะไรมาพันลิ้นไก่
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!” พวกเขาประสานเสียงหัวเราะ
แต่ฉันเมาแล้ว หน้ามึนหยิบก้านธูปขึ้นมารำต่อ กระทืบเท้าแล้วชี้ไปที่หน้าหมวดจาง..
“ดูไว้ซะนะหมวดจาง! ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้ ขาก ๆ ๆ”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
เซ็งเลยขนติดคอ จะโม้สักหน่อย ฉันเดินหมุนไปหมุนมา ตัดสินใจไม่ถูกอายก็อาย เมาก็เมา เวียนหัวจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เหล้าผสมน้ำตาลนี่เมาขาดสติเลย ฉันก้มหน้างุดเดินเข้าห้อง หาที่ซุกหัวก่อน
“ขาก ๆ ๆ” คันคอยิบล้วงยากชะมัดยาด
“แทน!..มานี่หน่อย” ฉันหน้ามึน ตบพื้นข้าง ๆ
เขาเดินตัวโย่งยิ้มเข้ามา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วบอกไปเลยก็แล้วกัน เมาแล้วใจถึง จับเขากดพื้น ปีนขึ้นคร่อม บอกกันไปเลย จะได้จบบริบูรณ์โน้มหน้าลงไป...
“ฉันชอ...ขาก!ขาก!” ทำไมต้องติดตอนนี้วะ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อนนี่ทำอะไร ลงมาเดี๋ยวนี้เลย” เธอเข้ามาดึงตัว
“แล้ว!..คุณเห็นฉันเริ่มทำพิธีตั้งแต่ตอนหนาย?” ฉันอ้อแอ้
“ขี่ม้า!”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” หมวดจางกับซอนหัวเราะลั่น ตีมือกันสนุกไปเลย
หมดกัน!...พวกเขาได้ยินหมดเลยเหรอ? อายนะแต่เมาแล้ว ไม่สนไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลุยเลยดีกว่า หันไปคุยกับแทนให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย...
แต่...
“อนนี่ไม่รักหนูแล้วใช่มั้ย?” ไป่ไป๋พูดเข้าผนัง งอนไม่หันมา
เธอเอาเท้าถีบกระทุ้งหลังของแทน
“แทนล่ะคิดยังไง?” เธอถามเสียงเครือ เท้ายังถีบเขายิก ๆ
“หนูเป็นส่วนเกินไปแล้วสินะ คิดไว้แล้วเชียวต้องโดนหักหลัง” เธอนอนร้องไห้สะอื้น
“ไม่ใช่ซะหน่อย” ฉันใจเสียขยับไปกอดเธอ อยากจะอธิบายแต่มันเวียนหัวไปหมดแล้ว โลกหมุน ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ปล่อยให้ร้องไห้ไปก่อน ค่อยปลอบใจพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
“อึ้บ!” ฉันผลักแทนไปนอนไกล ๆ งานเข้าแล้ว จะอธิบายก็พูดไม่ถูกแล้ว เอาตัวรอดก่อน
“แทน! ไปนอนข้างนอกเลย” ฉันไล่...
“อ้าว!” เขาเดินเกาหัวออกไป
“ดอกเตอร์เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงหมวดจางถามที่หน้าห้อง
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร! ขาก!” ฉันหิวน้ำมากคอแห้งผาก
“ดอกเตอร์นาตาลี!” ซอนเรียกเสียงหล่อมาเชียว
“หือ! มีอาราย?” ฉันเมาปวดหัวกำลังเคลิ้ม
“อย่าลืมผูกม้านะ! เดี๋ยวมันหนี!”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!” หมวดจางหัวเราะลั่น ฉันหน้าชาดิก อยากหายตัวได้จังเลย.
“อนนี่เป็นหนักแล้ว ต้องหาหมอแล้วนะ”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!” แทนพลอยหัวเราะไปด้วย โดนหมวดจางแกงคราวนี้ อายไปอีกนาน แผนพังไปหมดเลย ไป่ไป๋จะว่ายังไง? คงเข้าใจฉันผิดแน่เลย ซวยจริง ๆ
...........................................................................................................