The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 29

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 29
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 4
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 21 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ฉางชุน มณฑลจี้หลิน 
มุมมองสายตา นาตาลี
มิถุนายน ค.ศ.2021
“บรื้น!...นน! ซอนขับรถทะยานเข้าหมู่บ้านกลางหุบเขาที่ขาวโพลน รถยนต์แล่นผ่ากลางหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“กะต๊าก!กะต๊าก! เป็ดไก่และสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านตกใจร้องดังระงม แม่บ้านจีนตื่นเช้ากำลังหุงหาอาหาร ควันไฟจากเตาในครัวโขมง       
          แทนส่งสัญญาณมาว่าอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน หมวดจางชี้ทางให้ซอนขับรถมาจนถึงบ่อน้ำกว้างที่กลายเป็นน้ำแข็ง เทือกเขาสูงปกคลุมไปด้วยหิมะขาว ฟ้าหม่นจนมองไม่เห็นอะไร  
“บรื้น...นน!! ซอนหันมายิ้มแล้วชี้มือไปข้างหน้า...                 
“นั่นไง! เจ้าแทน” 
แทนและไป่ไป๋สวมเสื้อคลุมสีขาวกลมกลืนกับกองหิมะ นอนกอดกันกลมหลับอยู่ข้างยุ้งข้าวเก่า
“เก่งจังเลย! หนีออกมาจนได้ เฮ้อ!โล่งอก” หมวดจางยิ้มพยักหน้ามองไปที่สองคนนั้น
ฉันเบาใจซาบซึ้งใจที่แทนไปช่วยน้องได้ แทนของฉันไม่ใช่คนเก่ง แต่เขาใจดีและกล้าหาญมาก สิ่งนี้ทดแทนในทุกอย่างที่เขาขาด หันไปหาหมวดจาง...
“คุณดูสิ! แทนดูแลพวกเราดีมากขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันรักได้ยังไง?”
รถยนต์แล่นเข้าไปจอดเทียบ แทนลืมตาขึ้นมาก่อน แล้วสะกิดน้องให้ตื่น 
ซอนโบกมือ...              
Mission complete! แล้วกวักมือเรียก
ไป่ไป๋โยนสกีทิ้งวิ่งหน้าตั้งมาเปิดประตูรถยนต์ แล้วคุกเข่ากับพื้น พวกเราหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย...
“อนนี่! หนูขอโทษที่เอาแต่ใจ หนูขอโทษที่เห็นแก่ตัว หนูขอโทษที่หนีมา ถ้าอนนี่ให้อภัย หนูสัญญาว่าจากนี้ไป หนูจะเป็นเงาตามตัวไปทุกที่ ไม่ขัดใจคอยรับใช้ทุกอย่างเลย” เธอน้ำตาไหลพราก ก้มหัวรัวรัว จะมาไม้ไหนอีกวะเนี่ย /ยายนี่เล่นซะหลอนไปหมด!/
“ผีเข้าเหรอ?” ซอนมองหางตา
“คนมันมีแสงในตัว คุณบอกเองไม่ใช่เหรอ?” หมวดจางอมยิ้ม
“ลุกขึ้นเถอะ ฉันไม่เคยโกรธเธออยู่แล้ว มานี่สิ! ขอกอดหน่อย” ฉันกางแขนรอ /ขอให้หายบ้าเถอะ ฉันกลัว/
“คิดถึงอนนี่จังเลย” เธอยิ้มกว้างเข้ามาหอมอย่างบ้าคลั่ง ขนลุกไปทั้งตัว ฉันยังเสียวสันหลังกับเรื่องเก่าอยู่เลย เธอหายโกรธแล้วจริงเหรอ? แทนไปกดโดนปุ่มไหน ถึงกลายเป็นคนน่ารักขึ้นมาได้อีก
เธอเอาแต่ใจจนหลอน ขอให้ลืม ๆ มันไปเถอะนะ เรามาเริ่มกันใหม่ ฉันจูบกลับด้วยความรักและคิดถึง ดูดดื่มเนิ่นนาน
จนกระทั่งใครบางคนดึงคอเสื้อของฉัน...         
พอได้แล้ว! น้ำลายยืดแล้ว” หมวดจางนี่เองขัดขวางความสุข กำลังฟิน ซอนหันมาค้อน...แล้วสะบัดตูดลงไปหาแทน
“ไอ้น้องชาย! เก่งนี่หว่า! ฝ่าดงตีนออกมาได้” เขาหัวเราะร่าเดินไปกอดคอแทน ฉันก็อยากกอดแทนจังเลย อยากให้รางวัลทำได้ดีมาก
ไป่ไป๋หันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่มแล้วพยักหน้าชวน เหลือบสายตาไปมองหมวดจางแล้วคว้าคอมาหอมฟัด...
“ขอบคุณมากนะคะ เจี่ยเจี้ย!” เธอไซร้ซอกคอจนฉันสยิวไปด้วย หมวดสาวตาเหลือกขนลุกชัน 
“ไม่เอา! อย่านะ! บอกขอบคุณอย่างเดียวก็พอ! หมวดจางโวยวายตาเหลือก ยกมือปิดหน้า ดิ้นหนี               
ฉันได้โอกาสเอาคืนบ้างแล้ว...ทั้งลากทั้งดึงเธอมานั่งตรงกลางเบาะด้านหลัง แล้วเข้าจู่โจมพร้อมกันแทนคำขอบคุณ 
หมวดจางร้องลั่น....
“อย่านะ! ฉันรับแต่ผู้ชาย นี่! ไม่ใช่ทางของฉันนะ ไปไกล ๆ” แต่ร้องไปก็ไม่มีความหมาย  ไม่สามารถหยุดพวกเราได้
“ปล่อยนะ อย่าบีบนม”
“ใครเอาลิ้นแหย่หู ฉันจะฆ่าพวกเธอ”
เราสองคนระดมทั้งจูบทั้งหอมทั้งจับ จนหมวดจางหยุดนิ่งไม่ไหวติง ผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ไม่รู้มือใครเป็นมือใครขยำนมของเธออย่างเมามัน ที่แน่ ๆ มือของฉันยังไม่ปล่อยเลย
หมวดจางหน้าจ๋อย ทำปากขมุบขมิบ...              
“เด็กนรก! ฉันไม่น่ามาช่วยเธอเลย ปล่อยให้ตายไปก็ดี” เธอเช็ดปากบ่นกะปอดกะแปด มองเราสองคนด้วยสายตาหวาดระแวง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไป่ไป๋หัวเราะลั่นหันไปจุ๊บแก้มเบา ๆ แล้วกระซิบข้างหู...
“หนูจะไม่ดื้อแล้ว! เธอเข้าไปนัวเนียทั้งหอมทั้งไซร้ซอกคอ              
“ฉันก็ไม่ดื้อเหมือนกัน!” ฉันชอบบีบนมเธอ เต็มมือดี
“โอ้ว! หมวดจางนมใหญ่มาก ไป่ไป๋! จับนมสิ! เนื้อทั้งนั้นเลย” มือจากนรกรุมเข้าขยำอีกครั้ง
“อย่านะ! มันจั๊กจี๋ ฉันกลัวใจพวกเธอจริง ๆ คิดอะไรแผลง ๆ กันตลอด ใครบอกจะไม่ดื้อแล้ววะ! ไม่ดื้อบ้านเตี่ยเธอสิ เจ็บตัวไปหมดแล้ว!เธองอนปากเป็นตูดเป็ด บ่นงึมงำเบา ๆ               
แทนกับซอนเดินยิ้มหิ้วปืนยาวมา ฉันสบายใจที่สุดที่ยังได้เจอกันอีก ซอนเปิดประตูขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แทนเดินอ้อมมาขึ้นนั่งด้านหน้า โยนวิทยุสื่อสาร 2 เครื่องมาให้
ไป่ไป๋กอดแขนของหมวดจางแล้วอ้อน...             
“เซี่ยเซี่ยหนี่เตอปั้งจู้ จางเจี่ยเจี้ย!เธอกล่าวขอบคุณพี่สาวเป็นภาษาจีนกลาง เกลือกใบหน้าไปบนไหล่ของเธอ เหมือนน้องแมวอ้อนทาสของมัน             
“ฉันไม่ใช่พี่สาวพวกคุณ กลับถึงบ้านเมื่อไหร่? ฉันขอลาออกจากครอบครัวนี้ ไม่อยู่ด้วยแล้ว ยายโรคจิตวิตถาร!” หมวดจางหน้าตูม ขยับตัวหนี
“แน่ใจนะ! ที่พูดอย่างนั้น? ” ฉันทำมือเตรียมขยำ 
“หึ! เธอรีบกอดอก...         
“เป็นพี่สาวพวกคุณแล้วโดนอย่างนี้ก็ไม่ไหว ฉันไม่น่าขอติดตามคุณเลย คิดผิดจริง ๆ ” เธอนั่งหน้ามุ่ยกอดอกแน่น ฉันกับไป่ไป๋ขยับเข้ากอดแขนคนละข้าง            
“ฉันแสดงความรักกับคุณนะ ไม่ดีใจเหรอ?”
“หนูก็ขอบคุณ หรือจะให้ไปทำอย่างนี้กับซอน” ว่าแล้วเธอก็ขยับไปชิดเบาะหน้าแล้วดึงซอนมาหอมแก้ม เอากับเธอสิ!              
หมวดจางได้แต่มองตาปริบ ซอนพี่ชายตัวโตกับไป่ไป๋สนิทกันมาก เขาหันมาดวงตาเป็นประกาย ยิ้มแก้มบุ๋ม
ไป่ไป๋ฉอเลาะไปเรื่อย...
“มาช่วยได้ทุกครั้งเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ! ถ้าหมวดจางไม่ดีกับคุณ  หนูจะแนะนำเพื่อนสวย ๆ ให้ใหม่นะคะ” เธอหอมเขาขำ ๆ แล้วหันกลับมา
“เชอะ! หมวดจางเมินไม่สนใจ
ฉันได้แต่แอบมองแทนแล้วโล่งใจ รอดมาได้ก็ดีแล้ว หน้าตายังช้ำอยู่เลย ตั้งแต่รู้จักกันก็เจ็บตัวเพื่อพวกเรามาตลอด ฉันไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้ว
ซอนหันมา...             
“หมวดจางไปไหนต่อ” เขาถามพร้อมถอยหลังรถยาว
“ย้อนกลับทางเก่า พวกเรายังอยู่ในเขตอันตราย!
“บรื้น...นน!! ซอนขับรถออกจากหมู่บ้านอย่างเร็ว ย้อนกลับลงจากภูเขามาได้ประมาณครึ่งทางเจอสามแยก
ซุ้มประตูสวยงามป้ายอักษรจีนตัวเบ้อเริ่ม ... สุขาวดี เส้นทางสู่สรวงสวรรค์อยู่ที่นี่             
“เลี้ยวซ้าย!” หมวดจางสั่ง             
“มันเข้าสุสานนะ ถูกเหรอ?” ซอนหันมาถาม             
“เรากลับไปตอนนี้ไม่ได้หรอก พวกมันคงตามมาดักไว้หมดแล้ว หนีเข้าไปหลบในสุสานก่อน” เธอชี้นิ้วไปทางซ้าย  
“บรื้น!...นน!! ซอนหักพวงมาลัยส่งรถขึ้นเนินลูกเล็กๆ ผ่านหมู่บ้านชนบท
“คุณไม่กลัวผีเหรอ?” ไป่ไป๋คิ้วขมวด
“กลัวมาก แต่อยู่กันหลายคนแบนี้ไม่กลัวหรอก”
รถยนต์แล่นไต่เนินลูกเล็กลึกเข้าในป่าเรื่อย ๆ จนเริ่มมองเห็นเทือกเขาเขียวใต้ฟ้าคราม ฮวงซุ้ยตั้งเรียงรายลดหลั่นตามเชิงเขาลงมาถึงพื้นราบ รถยนต์ไต่ตามทางวนขึ้นมาสู่ยอดเขา
                    …………….........................................……………………..


 
โต๊ะไม้แกะสลักยาวตั้งใต้เต็นท์ด้านหน้า อาคารปูนรูปร่างเหมือนศาลเจ้าขนาดย่อมบนเนินเตี้ย มังกรสองตัวเล่นคลื่นโต้ลมอย่างสนุกสนานบนหลังคาแอ่นโค้ง บริเวณลานหินด้านหน้ากว้างขวาง เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา เสียงนกป่าร้องเรียกคู่พลิ้วลมมา
ซอนเลี้ยวรถไปจอดใต้ต้นก้ามปูใหญ่ริมหน้าผา นกเอี้ยงป่าเกาะเต็มต้น ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว ด้านหน้าไกลออกไป หิมะขาวโพลนปกคลุมฮวงซุ้ยของบรรพชนจีน
พวกเราลงจากรถยนต์เดินกันมารวมกันที่โต๊ะยาวใต้เต็นท์ หมวดจางเดินคลอเคลียมากับซอน ฉันเห็นคู่รักคู่นี้แล้วแอบอิจฉา /หมวดจางมันร้าย เวลาต่อหน้าคนจะดุซอนมาก แต่พออยู่สองคนอ้อนออเซอะซะซอนอ่อนระทวย/
เธอเป็นคนสวยมาก หันมายิ้มให้แทน...         
“แทนคุยกับสาว ๆ ไปก่อนนะ นั่งคุยกันที่โต๊ะไม้นี่แหละ เดี๋ยวฉันขอเดินลงไปสำรวจแถวนี้ก่อน ซอนคะ!ไปด้วยกันหน่อย” ว่าแล้วเธอก็กระโดดขี่คอ แล้วพากันคุยกะหนุงกะหนิงลุยหิมะ หัวเราะเสียงใสลงเนินไป
ไป่ไป๋คว้าไม้กวาดเดินออกไปริมหน้าผาข้างรถยนต์ มองทะลุลอดผ่านต้นไม้ออกไปสะดุดกับเสาสัญญาณโทรศัพท์สูง ดูแปลกตา ไม่เข้าพวก เกะกะสายตา
“มานั่งนี่กันค่ะ!”เธอสลัดเสื่อปู ก่อนทิ้งตัวนั่ง
ฉันใจเต้นเร็วผิดปรกติ ก้าวเดินไปหาอย่างไม่มั่นใจ สงสัยจะโดนเคลียร์เรื่องเก่าแน่ แทนก้มหน้าเดินตามมาข้างหลัง ตั้งแต่เจอกันยังไม่ได้ทักทายเลย /กลัว/ ฉันผิดเองที่ก่อเรื่องให้น้องเสียใจ ค่อย ๆ สังเกตอาการไปก่อนว่าจะมาไม้ไหนกันอีก 
ไป่ไป๋อารมณ์ดีจังฮัมเพลง ตบพื้น...             
“แทนคะ! มานั่งนี่  อนนี่คะ! นั่งตรงนี้” เธอกระตือรือร้นยิ้มฟันขาว 
เราสองคนทำตามอย่างว่าง่าย แทนนั่งกลาง ฉันนั่งฝั่งซ้าย เราสองคนหันมองหน้าเธอพร้อมกัน ในใจของฉันตอนนี้ว่างเปล่าไม่กล้าผลีผลาม หลอนใจกลัวเธอโกรธอีก
“อนนี่! คิดถึงหนูหรือเปล่า?” เธอเอียงตัวมาถาม                    
“คิดถึงสิ! คิดถึงมากด้วย” ฉันตัวแข็งทื่อ ตอบเสียงสั่น...         
“หายโกรธแล้วเหรอ?” ฉันอ้อมแอ้ม         
“หนูไม่ได้โกรธอนนี่ เรื่องนั้นหนูขอโทษไปแล้ว มันเก่าแล้ว จบไปแล้ว หนูมีเรื่องใหม่ หนูมีข้อเสนอดี ๆ ให้” จะหาเรื่องอะไรมาให้อีกหรือเปล่าเนี่ย? ชักใจไม่ดี แทนเองก็หน้าจ๋อยยังมีรอยเขียวช้ำบนใบหน้า เขาก้มหน้านั่งเงียบ   
“มี..เอ่อ!..มีข้อเสนออะไรเหรอ?” ฉันยังไม่วางใจ
“เรามาพูดความจริงกัน หนูกับแทนพูดกันแล้ว หนูรอคำตอบจากปากอนนี่คนเดียว” เธอดูสบายอกสบายใจ ตั้งแต่หนีออกมาได้แล้ว 
แล้วนี่!...แอบไปตกลงอะไรกันไว้อีกแล้วล่ะสิ? เธอชอบตั้งกติกาเข้าข้างตัวเองตลอด /ยายนี่ขี้โกง/
“เอาสิ!” ในใจหวั่นหวั่น แต่ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือพูดความจริง
“ผมขอไปที่อื่นนะครับ”แทนหน้าแดงขยับตัวจะลุกหนี ดูเขาประหม่ามาก 
“ฮื้อ!ไป่ไป๋กดไหล่ไว้
“ฟังด้วยกัน ครั้งเดียวจบ” เสียงเหมือนสั่ง เขานั่งนิ่ง เธอเริงร่าใจดีจนน่ากลัว ฉันเองก็เริ่มไม่สบายใจ            
 “อนนี่! ชอบแทนหรือเปล่า?” นั่นไง!มาแล้ว คำถามที่ไม่อยากได้ยิน
ฉันกังวลกับคำถามเหล่านี้ มันอึดอัดที่จะตอบ เมื่อแก้วแตกอย่างไรเสียน้ำก็ต้องหก ถึงจะเช็ดพื้นแห้ง แต่มันก็ยังเปียกผ้าขี้ริ้ว /ถ้าเป็นก่อนหน้านี้จะไม่ลังเลเลย/            
“แต่ฉันบอกเลิกกับเขาไปแล้ว แล้วก็ตั้งแต่เจอกัน ฉันยังไม่ได้ทักเขาเลย” ฉันมองไปไกลใจหวิว พิจารณาเสาโทรศัพท์ว่ามันของบริษัทฯกันไหนนะ? มาตั้งตรงนี้ได้ยังไง?/ ไม่อยากมีเรื่องอีกแล้ว มันอึดอัดหายใจไม่ออก/
“แล้ว...ไม่คิดอะไรแล้วเหรอ?” เธอหลิ่วตาลุกเดินอ้อมมาข้างหลัง เกาะไหล่ของเราคนละข้าง จะให้พูดกันต่อหน้าแบบนี้/ไม่กล้าพูดหรอก/
ฉันไม่กล้ามองหน้าของเขาด้วยซ้ำไป เขานั่งก้มหน้าบีบเท้าของตัวเองคงจะอึดอัดไม่ต่างกัน หันหลังกลับไปแหงนมองหน้าเธออีกครั้ง...
“ให้แทนออกไปก่อนได้หรือเปล่า ฉันอาย” พอฉันพูดจบ เขาก็ลุกเดินกลับไปนอนบนโต๊ะยาวหน้าอาคารศาลเจ้า
เธอขมวดคิ้วหันมองตาม...             
“น่าจะพูดกันต่อหน้าไปเลย ตกลง อนนี่ชอบแทนหรือเปล่า?”
ถ้าฉันตอบว่าใช่ เธอก็โกรธอีก ฉันก้มหน้ามองพื้น ลุ้นมดดำตัวจ้อยแบกใบไม้ใหญ่ว่ามันหลายเท่า ฉุกคิดขึ้นมา...ต้องแถเอาตัวรอดไปก่อน...              
“แล้วมีอะไรเหรอถึงถามแบบนี้?”
“ไม่ชอบเขาแล้วเหรอ? จริงเหรอ? ถ้าชอบกัน รักกันหนูก็ไม่โกรธนะ หนูยินดี” เธอเอานิ้วมางัดคาง สายตาที่มองมาเหมือนเชิญชวนกันดื้อ แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ /ไม่โกรธจริงหรือเปล่าวะ? /
           “งั้น
!พูดมาให้หมดก่อน ฉันตัดสินใจทีหลังดีกว่า” ฉันต้องหาความจริงก่อน ไม่กล้าผลีผลาม สำหรับแทน ฉันอยากได้อยู่แล้ว
“เรามาคบกันแบบ 3 คนมั้ย? เรามา Threesome กัน” เธอก้มมาจ้องตาโต ดวงตายิ้มประกายสดใสของเธอส่องทางสว่าง แต่ฉันยังไม่วางใจเสียทีเดียว ดูเชิงก่อน...
“กับใคร? แบบไหน? อย่างไร?” ข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว คราวนี้ฉันไม่ต้องเกร็งแล้ว เธอเป็นคนเปิดปากก่อน
เรื่องชวนกันดื้อ คงไม่ใช่เป็นฉันคนเดียวหรอก เธอเสนอมาอย่างนี้ก็เข้าทางสิคะ...ฉันเล่นด้วย หัวใจเริ่มลั้ลลา                     
“กับแทน กับหนู เราจะอยู่ด้วยกัน 3 คน ไม่ให้ใครต้องจากไปไหนอีก ถ้าเขาไปไหน ต้องมีเราคนใดคนหนึ่งไปด้วย” เธอยิ้มกว้าง ฉันพยักหน้าหงึก ๆ หัวใจที่ห่อเหี่ยวไปแล้วเบ่งบานฟูฟ่อง อย่างงี้เอาด้วยตัดสินใจไม่ยาก
“เอาสิคะ!” จะพลาดได้ไง? พยักหน้าหงึก ๆ
“แต่มันต้องมีกฎนิดหน่อย” เธอเอียงคอครุ่นคิด
“อ๊ะ! ฉันชะงัก!...เอาอีกแล้ว ยายนี่!…ทำเรื่องง่ายให้ยากอีกแล้ว เธอทำให้ฉันวางใจได้ไม่สุดสักที มีนี่นั่นมาให้ระแวงตลอด
เธอขมวดคิ้วเอียงคอบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ต้องเรียงลำดับความสำคัญของครอบครัวก่อน นอนด้วยกัน 3 คนได้ แต่ถ้าท้องล่ะจะบอกหม่าม้ายังไงดีนะ?” ยายตัวแสบจะวางแผนอะไรอีก? จะเอาเปรียบอะไรอีก? /ได้ยินนะ/
“เราก็ต้องทำงาน อนนี่ก็ต้องทำงาน ถ้าท้องขึ้นมาก็ทำงานไม่ได้”เธอยังพึมพำคนเดียว ลูบคางคิ้วขมวดเดินวนไปมา แล้วพูดโพล่งออกมา...
“งั้น! ห้ามมีเซ็กซ์ก็แล้วกัน เอาแบบนี้ดีกว่า!
หื้อ!ฉันผวาวูบเข้าไปเกาะขา...
“ฉันเอา ๆ” พยักหน้าหัวจะหลุด /รอตั้งนาน ฝันสูงสุดเลยนะ/
เธอก้มกระซิบ
“ไม่ได้นะ! อนนี่ไม่เห็นไอ้โตโน่ของเขารึไง? อันเท่าแขน จิ๊ฉีกหมด” /เธอกลัว แต่ฉันไม่กลัว/
ไป่ไป๋ขา! ฉันยอมตายแทนเธอเอง ฉันจะสละชีพแอบคิดในใจ...ถามวิธีจากหมวดจางก็ได้ ฉันมีครูนะเว้ย! ลื่นปรื๊ด!ลื่นปรื๊ด!
ไม่กลัวแน่นะ? ถ้าเป็นอะไรไป แทนเป็นของหนูคนเดียวเลยนะเธอเหล่มอง
ตามนั้นเลย! ฉันทำประกันชีวิตไว้เยอะ เดี๋ยวจะเปลี่ยนให้เธอเป็นผู้รับประโยชน์นะ ฉันขอเสี่ยงตายเองฉันกอดขาแน่น
“ได้!แต่หนูไม่เอาด้วยนะ บอกก่อนเลย" เธอลั้ลลาวิ่งกระโดดเด้งดึ๋งไปหาแทน
ตามใจเธอเหอะ! อย่ามาแย่งก็แล้วกัน ฉันเอาแน่ ๆเลียริมฝีปากรอ หัวสมองบรรเจิด
ไป่ไป๋ทำในสิ่งที่ดีจนคาดไม่ถึง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นี้ เธอคิดคนเดียว จัดแจงเอง  ฉันก็งง แต่ฉันได้ประโยชน์ ฉันเอา
แทนเดินหน้ามุ่ยปากบิดปากเบี้ยวเถียงกันมา...
เอ่อ!..ผมยังไม่ได้ตั้งตัว ขอผ่านได้มั้ยครับ? ผมหมอบเขายิ้มได้แห้งแล้งมาก
"มานี่!" เธอดึงเขาลงมานอนกอดขาก่าย ใบหน้าแนบชิดกัน ยิ้มกว้างเชียว /โธ่เอ๋ย!...รักเขามากนี่เอง จมูกชนกันแล้ว/
ขอให้หนูเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง คุณอยู่เฉย ๆ บอกแล้วว่า จะมีแต่เรื่องให้แปลกใจ เราเริ่มนับ 1 กันแล้ว วันนี้เป็นเดทแรกของเรา 3 คน เดทในฮวงซุ้ยเธอเริงร่า ลุกนั่งทับกลางลำตัว
เราไม่ได้ตกลงกันแบบนี้เขาสีหน้าฉงนจ้องหน้าเธอ ฉันแวบคิด...นั่นไง! แอบตกลงกันมาก่อนด้วย คู่นี้มีลับลมคมใน                
อนนี่คะ! แทนบอกกับหนูว่าเขารักเราทั้งสองคน อนนี่ก็บอกรักเขาด้วยสิ บอกเลยไม่ต้องรอขี่ม้าหรอก
ได้เหรอ?” ฉันสับสนแต่ก็ดีใจแบบโหวง ๆ อารมณ์มันยังไม่ได้ มันเหมือนโดนบังคับ
ยายนี่ยุ่งวุ่นวายทุกเรื่อง จะไม่ให้มีความโรแมนติกเลยเหรอ? แค่รับรู้ข้อตกลง แล้วแยกย้ายไปหาที่บอกรักกันสองคนไม่ได้เหรอ? จู่จู่! จะมาให้บอกชอบเขา....มันกระด๊าก...ยากยิ่งกว่าขอยืมเงินเพื่อนอีกนะเนี่ย
แทนขยับ...
อย่าบังคับกันสิ นาตาลีครับ! ผมขอโทษ อย่าไปฟังเธอพูด ผมก็อยากอธิบาย จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนี้เขาแหงนหน้ามามองฉัน พยายามผลักตัวเธอออก
อย่าชักใบให้เรือเสีย!เธอเอามือปิดปากของเขา...
ตกลงมั้ยคะ? อนนี่ขยับมานั่งข้าง ๆ ยิ้มมองรอคำตอบ
เธอพูดเองนะ จะมาโกรธอีกไม่ได้นะฉันน่ะ! เอาอยู่แล้ว
เธอดึงมือของแทนลุกขึ้นนั่ง ล้อมวงเหมือนเล่นไพ่...
“อื้อ!หนูพูดเอง แต่หนูมีกฏกติกา!”                 
            “ ว้า!...ว่าแล้วเชียว!! ทั้งฉันและแทนขยับจะลุกหนีพร้อมกัน
“อ๊ะอ๊า! ใจเย็นพี่น้อง! ฟังหนูพูดให้จบก่อน” เธอรีบกดขาของเราทั้งสองคน แล้วยิ้มกว้างกรีดกรายชายตามองหน้าเราทั้งสองคน...
“หนูเป็นฮองเฮา อนนี่เป็นสนมเอก ส่วนแทนเป็นมหาดเล็ก”
“ฮ้า! ฉันได้ตำแหน่งเมียน้อยเฉยเลย
“เอ่อ! แทนเองก็อึดอัดอย่างเห็นได้ชัด /เขาอยากเป็นฮ่องเต้หรือเปล่า ถามเขาก่อนสิ?/ สำหรับฉันแล้ว ให้เป็นใครก็ได้ไม่สนตำแหน่ง ขอให้ได้อยู่กับพวกคุณก็แล้วกัน ส่วนแทนไม่รู้เขาคิดอะไร นิ่งเงียบตลอด
ไป่ไป๋จับมือของแทนให้มากุมมือฉัน...            
“ตกลงตามนี้! เป็นอันว่า ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน ทุกคนทำตัวตามปกติ อยากทำอะไรก็ตามใจหนูไม่ขัดข้อง” ทำไมใจดีจังวะ?
“อนนี่กับหนูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หนูขอให้พรุ่งนี้ ความรักของเรามากขึ้นทุกวัน” เธอยิ้มหวานกับฉัน          
แทนนั่งยิ้ม ได้เมียสองคนสบายใจเลยสิท่า ฉันไม่ติด! ได้หมด!  คิดเลยเถิดไปถึงบนเตียงแล้ว
ไป่ไป๋เป็นคนจัดแจงอย่างที่เธอต้องการ...             
“แทนคะ! คุณอยู่ในอันดับ 3 ของครอบครัว คุณต้องฟังเราสองคนนะคะ จากนี้ไปสมองของคุณไม่ต้องคิดอะไร คอยทำงานตามคำสั่งของเราสองคน คุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติทุกอย่าง หนูจะขอเช็คโทรศัพท์ตามแต่หนูสะดวก ไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า คุณจะไปไหนก็ได้ตามสบายแต่ต้องบอกล่วงหน้า 7 วัน และไลฟ์กลับมาดูด้วยถ้าหนูกับอนี่ไม่ได้ไปด้วย” เธอพูดเป็นงานเป็นการ เข้าข้างตัวเองทั้งนั้น มันสัญญาทาสชัด ๆ
ความรักแบ่งกันได้ง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ? ความรักของเราสรุปลงตัวกันได้ที่สุขาวดีเนี่ยนะ ได้พวกอาเหล่ากง! อาเหล่าม่า! ไว่กง! ไว่โผ! ผีบรรพชนของจีนเป็นสักขีพยาน
“ส่วนอนนี่!
“ห่ะ! ฉันเด้ง
“ถ้าว่างจากงานต้องมาอยู่กับหนูตลอดเวลา ส่วนเรื่องเซ็กซ์ หนูจะไม่มีเพศสัมพันธ์ถึงขั้นสอดใส่ ส่วนอนนี่ เชิญเต็มที่เลยค่ะ หนูจะช่วยเชียร์ แค่นี้แหละ!” พูดเองเออเอง อายม้วนเอง ครบจริง             
“เอาอย่างนี้เลยเหรอ? นี่พวกคุณตกลงกันเรียบร้อยแล้วใช่รึเปล่า? ถ้าคุณสองคนทะเลาะกันเอง ผมต้องทำยังไง?” แทนมองสีหน้างุนงง             
“อ๋า!..ถ้ามีปัญหาใดใด คำพูดของหนูถือเป็นคำตัดสินสูงสุด เพราะหนูคือฮองเฮา ตำแหน่งใหญ่สุด โฮะ!โฮะ!โฮะ!
“ตกลงว่า คุณเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องอยู่ใต้กฎ ว่างั้น?” แทนจ้องเขม็ง /ฉันพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย/
ฮองเฮาคิ้วขมวด จ้องหน้ามหาดเล็ก นิ้วชี้หน้าของฉัน...
“อนนี่เรียนสูงกว่าคุณ รวยกว่าคุณยังไม่มีปัญหาอะไรเลย ทำไมคุณเรื่องมาก ฮึ? ใช่มะอนนี่?”
“อือ!ฉันยิ้มรับแบบไม่เต็มใจ เธอมัดมือชกตลอด แต่เชื่อเถอะ! เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจอีก             
“แทนขา! มาใกล้ ๆ หน่อย” เจ้าชีวิตกวักมือ มหาดเล็กขยับยื่นหน้าเข้ามา      
ทันใดนั้น!...เธอก็หันไปประกบปาก ลิ้นใส่เกลียวซัมเมอร์ซอลล์กันอย่างชื่นมื่น ฉันอึ้ง...ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ คนทะเลาะกันมาตลอด กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
เธอถอนปากแล้วขยับดึงฉันให้จูบกับเขา จับหัวของเราสองคนให้หันหน้าชนกัน              
“อื้อ! โอย..ฉันจะบ้าตาย มันจะรู้สึกอะไรได้ /ปากของเราชนกันเฉย ๆ/
ยายน้องกระตุ้นต่อ..             
“แล้วแต่นะ! หนูจะนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปว่า เรื่องของเรา... หมายถึงเรา 3 คนจะรักกันตลอดไป ไม่แบ่งแยก ไม่ต้องมาถามว่า รักใครมากกว่า ห้ามเปรียบเทียบ” เอาเข้าไป! ได้เป็นเมียหลวง สั่งน่าดูเลยนะ               
แทนบดขยี้ปากเบา ๆ ฉันเผยอปากงับริมฝีปากของเขา นี่แหละ!เวลาที่ฉันรอคอยสุขใจเหลือเกิน จูบแรกที่ป่าช้า ฉันขยับจะรุกกลับ...             
“พอแค่นั้นแหละ! เธอแหวกเราออกจากกัน               
อ้าว! แค่เนี้ยะ!” จะบ้าตาย อะไรของเธอวะเนี่ย? แค่แตะ ๆ เอง
“ที่นี่! เป็นสถานที่ของผู้ล่วงลับ จะเป็นการไม่เคารพสถานที่” ยายฮองเฮาเอาเปรียบนี่หว่า
ฉันนั่งค้อนกัดฟันกรอด โกงกันรึเปล่าวะเนี่ย? ทีตัวเองได้จูบกับเขาตั้งนาน ลิ้นพันกันด้วย /ทีของฉัน...ผลักหัวใส่กัน ฟันกระแทกกันดังก๊อก/            
แทนพยักหน้ายิ้มอายถอยออกไป ฉันก็อายหน้าร้อนผ่าว แอบคิดในใจ...ชวนหมวดจางกลับบ้านดีกว่า ฉันจะจัดหนักจัดเต็ม จะพุ่งหลาวทั้งคืนเลย 
แทนเอนล้มตัวลงนอนยืดยาว มองไป่ไป๋...             
“คุณตกลงกันเอง ผมไม่มีส่วนร่วมเลย คุณเผด็จการเกินไปหรือเปล่า? ผมก็มีเรื่องอยากจะบอกเหมือนกันนะ คุณจะไม่ฟังในสิ่งที่ผมจะอกเลยเหรอ?”
“เงียบไปเลยค่ะ! หนูทำทุกอย่างนี้เพื่อทุกคนนะคะ ถ้าเผด็จการต้องได้ประโยชน์คนเดียว แต่หนูให้ประโยชน์กับทุกฝ่าย หาข้อเสนออย่างนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ โอกาสดีมีครั้งเดียว ใช่ไหมคะอนนี่?”
“อื้ม! โดนใจมาก ยกนิ้วโป้งให้เลย
“ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัว ผมยังทำตัวไม่ถูก” เขาก็ดูจะขัดเขินเหมือนกัน
“หนูบอกแล้วให้อยู่เฉย ๆ ไง ไม่ต้องรู้สึกอะไรทั้งนั้น คุณไม่ต้องคิดว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวหรอก เรื่องนี้หนูเป็นคนจัดการเอง มันเป็นความสมัครใจ เหตุผลอะไรก็ตาม ที่จะทำให้เราต้องแยกกัน เลิกกัน โยนทิ้งให้หมด” เธอไปกินความมั่นใจจากไหนมานะ ถึงได้มั่นหน้าขนาดนี้
“งั้น! ผมขอพูดก่อนนะครับ เอ่อ!.วันนี้เป็นวันเกิดของผมพอดี”
“เออ! ใช่! หนูลืมไปเลย” ยายนี่! รู้เรื่องของเขาไปหมดเลยนะ
“ขอบคุณมากสำหรับของขวัญที่ล้ำค่า ผมจะดูแลความรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด จนวันสุดท้ายของชีวิต นาตาลีครับ...” เขาหันมองมา เม้มปากหน้าแดงก่ำ ถูมือรัว ๆ ท่าทางเขาเขินจัด             
“คะ!” ฉันขยับเข้าไปหา หัวใจแทบระเบิดเหมือนกัน ถึงมันจะดูขัดเขิน แต่ก็พอเข้าใจได้ มันก็แปลก ๆ ที่ต้องบอกรักกันสามคนแล้วก็ยังอยู่ในสถานที่ทำศพอีกต่างหาก 
แทนเอื้อมมือมาจับมือของฉันแล้วมองหน้า สายตาฉ่ำมาก...
“ผมรักคุณ รับความรักของผมไว้ด้วยนะครับ” เขาพูดมันออกมาแล้ว มันไม่มีอะไรมาฉุดรั้งอีกแล้ว ฉันโผเข้ากอดใบหน้าแนบอก อบอุ่นจังเลย              
“ฉันก็รักคุณ!” หันมองไป่ไป๋อีกครั้ง เธอยืนเอามือทาบอกยิ้มกว้าง ฉันโล่งใจมากที่เรื่องจะลงเอยแบบนี้ โน้มคอของเขาลงมาหอมแก้มเบา ๆ
“ผมขอโทษนะครับ เพื่อความยุติธรรม” เขายิ้มแล้วหันมองไปที่เธอ
“ไป่ไป๋ครับ!” เขาเอ่ยเบา ๆ ยายน้องยิ้มหน้าบาน                    
“ผมรักคุณนะครับ” เขายิ้มบอก 
เธอกางแขนกว้างวิ่งเข้ามา...               
“หนูให้ของขวัญวันเกิด หนูรักคุณมากที่สุดเลยค่ะ รักหนูกับอนนี่มาก ๆ นะคะ” เธอเข้าสวมกอดแล้วจูบเขาอย่างอ่อนโยน
ฉันยิ้มมองน้องด้วยความรัก เห็นชัดเลยว่า เธอรักแทนมากเช่นกัน /หวังว่า จากนี้คงไม่มีปัญหาอีกนะ ฉันไม่อยากปวดหัว / เธอรุกเข้าจูบอย่างบ้าคลั่ง เห็นแล้วของขึ้น ฉันสะกิด...
“ขอฉันให้ของขวัญเขาด้วยสิ อยากจะเป่าเทียนใจจะขาดแล้ว” โคตรตื่นเต้น เขินอายม้วนต้วน /เธอหัวเราะเบา ๆ แล้วถอยออก/
“แทนคะ! วันเกิดนี้ ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดไปเลยนะ ออกจากที่นี่ไปได้ คุณไปเคลียร์ปัญหาเรื่องวัคซีนที่WHOs กับฉันก่อน เสร็จแล้วไปอยู่เกาหลีใต้ด้วยกัน” ฉันมองรอคำตอบ 
“ได้ครับ!” เขายิ้มพยักหน้าแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา 
“อึ๋ย!! ฉันได้สิ่งที่ปรารถนาทุกอย่างแล้ว ฉันได้ทั้งสองคนกลับไปด้วย
ไป่ไป๋ยิ้มพยักหน้าตาใสแจ๋ว...
“คุณไม่ต้องไปทำงานเสี่ยงตายที่ไหนแล้ว พวกเราสามคนจะช่วยกันทำงาน โดยคุณขับรถให้หนูนั่ง ไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้หนู เราไปเป็นศิลปินเสรีกันดีกว่า ไม่ต้องเข้าสังกัดใครหรอก นายทุนของเรามีแล้ว หนูวางแผนไว้แล้ว”
“แผนอะไร?” ดนตรีไม่ใช่ทางของฉัน
Busking แผนจากดินสู่ดาว เราไปเล่นดนตรีข้างถนนเดี๋ยวก็ดังเอง เชื่อหนู! หนูสามารถ! ไลฟ์ในติ๊กต๊อกนี่แหละ”
“หือ! เอางั้นเลยนะ แทนหันขวับตาประกาย
“อนนี่เป็นนายทุนจะกลัวอะไร เดี๋ยวเราก็ไปจ้างมืออาชีพมาเป็นที่ปรึกษา เปิดบริษัทมันเองเลยก็ได้ กลัวอะไร เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์นี่นา หนูก็มีเงินเก็บเยอะแยะ แต่ใช้ของอนนี่ก่อน?” ฮองเฮาของฉันเป็นแม่ค้าเก่า คิดการใหญ่มาก แต่ทำไมต้องเป็นเงินฉันล่ะ แต่ช่างเถอะจากนี้ไปมันจะเป็นของเรา มีเงินก็ต้องใช้ ไม่งั้นจะมีมันทำไม?
“น่าสนุก! ไปด้วยชอบชอบ”แทนระริกระรี้ เขาไม่เคยดีใจแบบนี้
ถนนที่โดนพายุอารมณ์พัดขาดสะบั้นลงไป จนไม่มั่นใจว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเดินร่วมทางกันอีก ความกล้าของไป่ไป๋ แก้สถานการณ์ให้ได้สมหวังกับความรักสุดประหลาดกันทุกคน ฉันจะเก็บรักษามันไว้ตลอด 
“ดอกเตอร์!”  หมวดจางร้องเรียกเสียงหลง วิ่งหน้าตั้งขึ้นมาบนเนิน
“มาช่วยกันซ่อนรถก่อนดีกว่า วันนี้! เราพักที่นี่กันก่อน” เธอวิ่งไปที่รถยนต์ แล้วขับเข้าซอกอาคาร พวกเราลุกพรวดวิ่งตามไป แทนกระชากผ้าใบกันแดดผืนยาวไปคลุม           
“พวกมันตามมาแล้ว ฉันเห็นขบวนรถทหารมันมาชายเขาด้านล่างแล้ว เราซ่อนตัวดี ๆ พวกมันไม่รู้หรอก” ความระทึกขวัญเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หมวดจางบอกแล้วพาเรากลับมายืนที่โต๊ะ แทนหิ้วปืนพะรุงพะรัง          
“ข้างหลังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ เอ้อแทน!...เมื่อเช้าคุณได้ปืนอะไรมาบ้าง?” หมวดจางดึงปืนของตัวเองขึ้นมาใส่ลูกกระสุน           
“ปืนยาว 1 กระบอกปืนสั้น 2 กระบอก ระเบิดมือด้วย 3 ลูก”เขาวางมันลงบนโต๊ะ                  
“แกร็ก! ไป่ไป๋หยิบปืนสั้นไปขึ้นลำ พลิกปืนตรวจความเรียบร้อยแล้วดึงกระสุนออกมาดูอย่างคล่องแคล่ว
 ฉันหยิบปืนสั้นขึ้นมามือสั่นใจสั่น...                
“ซอนไปไหนคะ?” ฉันไม่เห็นเขาขึ้นมาพร้อมกัน
“แกร็ก!”หมวดจางกำลังเช็คปืนยาวหันมา...               
“ยืนดูรถทหาร เดี๋ยวคงขึ้นมา” เธอหันมองไปด้านนอก            
“หนูว่า มันคงไม่ขึ้นมาหรอก อะไรจะตามติดได้ขนาดนั้น?” ไป่ไป๋พูดไปตาก็มองปืนตัวเอง ทำท่าชักปืนจากเอว นักเลงไม่เบา              
ซอนวิ่งขึ้นมาจากด้านล่าง ปิดไม้กระดกกั้นทางขึ้น แล้ววิ่งโบกมือเข้ามา พร้อมร้องตะโกน
“เข้าไปแอบในศาลเจ้าก่อน”   
“หือ!”ฉันเด้งพรวดวิ่งไปคอยหน้าประตูก่อนใคร จะยิงกันอีกแล้วเหรอ?..
“มันรู้ว่า เราอยู่ที่นี่เหรอ?” ฉันใจคอไม่ดี ไม่สนุกเลยกับการเสี่ยง พวกเราวิ่งเข้าภายในอาคารสี่เหลี่ยมของศาลเจ้า                  
“หนีทันมั้ย?” ไป่ไป๋หันมาถามซอน                  
เธอยืนคนละฝั่งหน้าต่างกับแทน มองออกไปด้านนอก โรงเจนี้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4 คูณ 6 เมตรไม่ใหญ่มาก พื้นหินขัดบนฝาผนังเป็นเรื่องราวของเซียนต่าง ๆ ประตูหน้า 1 บานหน้าต่างด้านข้าง 2 บาน ด้านในมีแท่นบูชากับกระถางธูปแค่นั้น ซอนยืนอยู่หน้าประตูโบ้ยปาก...
“ไม่ทันแล้ว! มันขึ้นมาโน่นแล้ว”
“บรื้น...นน!! รถทหารขึ้นมาติดอยู่ที่แผงกั้น
หมวดจางหันถามทุกคน เสียงเข้ม
“วัดใจกัน! ซ่อนตัวเงียบ ๆ ก่อน มันไม่มีทางรู้หรอกว่า เราซ่อนอยู่ที่นี่ เราไม่ได้เปิดโทรศัพท์นี่ ไม่มีใครใช้โทรศัพท์ใช่มั้ย?”
“ผมครับ! แทนยิ้มแหย...หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิด ไม่ทันแล้ว! บื้อได้ใจดีจริงเลยแฟนฉัน
“เฮ้อ! หมวดจางกับซอนหันมองหน้ากันแล้วส่ายหัว... 
“เวรกรรม! พวกเราเตรียมตัวหนี” ซอนบ่นอุบโบกมือให้พวกเราถอยห่าง ฉันรู้ชะตากรรม อีกไม่นาน ต้องได้วิ่งอีกแล้ว พวกมันขึ้นมาถึงตัวเราแน่นอน
สักพักทหารก็ขยับเดินขึ้นมาดังคาด...
“คลึก!คลึก!คลึก!”                  
“เปรี้ยง! เสียงปืนนัดแรกดังทักทาย
โลกสีชมพูของฉันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม จากจิตใจรัญจวนชวนเลือดกำเดาไหล เปลี่ยนเป็นระทึกกลัวเลือดจะไหล ลูกปืนที่กำลังมาชุดใหญ่นี้จะหนียังไง ในตอนนี้ซอนของฉัน เหมือนเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เข้าไปทุกวัน เกิดเรื่องเมื่อไหร่ต้องคิดถึงเขาก่อนใคร บททดสอบยากขึ้นทุกที
                              …………………………………………………

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,861 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,977 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท7 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม