หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 27 พ.ค. 2567 |
เจนีวา สวิสต์เซอร์แลนด์
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
มกราคม ค.ศ.2023
ปราสาท สวาดีอุฟ...
“หม่าม้าขา! หนูไม่ทันแล้ว ถือสายรอเดี๋ยวนะ” ฉันดึงกระโปรงขึ้นแล้วหันไปคว้าเสื้อสูทมาสวม หยิบเป้สะพายหลังวิ่งไปหน้ากระจก เสยหัวไปสองทีให้เส้นผมเข้าที่ ร้อนรนวิ่งลงบันไดวนมากลางโถงชั้นล่าง เลี้ยวข้างรูปปั้นนักรบเข้าห้องอาหาร
แม่บ้านเส้นผมสีทองชาวสวิสฯ จัดเรียงอาหาร American breakfastเตรียมไว้ หยิบขนมปังทาเนย 2 ชิ้นกับนมกล่อง แล้วคว้าแอปเปิลติดมือ วิ่งต่อลงไปลานจอดรถ
วันนี้ฉันตื่นสาย นาตาลีหนีไปองค์การอนามัยโลกแล้ว เธอโทรเรียกหาเอกสารฉันต้องตาลีตาเหลือกไปให้ทันงานใหญ่ วันนี้เธอกำลังเตรียมตัวปรากฏตัวต่อหน้าสื่อที่สำนักงานใหญ่
อุ๊ย!..ลืมหม้าม้าไปเลย...
“หม่าม้า! สบายดีใช่ไหมคะ? หนูคิดถึงจังเลย” ไม่ได้ยินเสียงนานแล้วตัวตึงแห่งเป่ยซี
“ฉันสบายดี! แกล่ะ...สบายใจขึ้นหรือยัง? ฉันเป็นห่วงแกมากนะ” หม่าม้าคนเดิมยังไม่ชินกับนิสัยลูกสาวตัวเองสักที ท่านเองก็ถึงกับน้ำตาไหล เมื่อรู้ข่าวการจากไปของแทน ฉันโดนด่าละเอียดที่เอาแต่ใจตัวเองเพราะท่านก็เคยเตือนเรื่องความรักแล้ว มันสมควรที่จะโดน มันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับความผิด
ฉันไม่สามารถอยู่ในจีนได้ด้วยหลายเหตุผล ที่สำคัญคิดถึงแทนมากไม่อยากเห็นสถานที่เก่า ๆ ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างมาเป็นเลขาฯ ให้ดอกเตอร์นาตาลี งานของเธอยุ่งมากจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ต้องเดินทางตลอดและเหนื่อยมาก
“แกอยู่ที่นั่นไปก่อนนะ พวกทหารมาบ่อยเหลือเกิน มันยังไม่เลิกตามตัวพวกแกนะ ป่ะป๊าโดนสอบสวนทุกวัน” น้ำเสียงเป็นห่วงอย่างที่เคยเป็น ความรักมั่นคงมาก...มนุษย์แม่
“หม่าม้าหนูขอโทษนะ แค่นี้ก่อนนะคะ เย็น ๆ หนูจะโทรกลับไปหาใหม่ รักษาสุขภาพดี ๆ ห้ามเป็นอะไรนะ เวลานอนกอดป่ะป๊าด้วยจะได้ไม่เป็นหวัด วันนี้บอกป่ะป๊าดูข่าว CNNด้วยนะคะ” แค่ได้ยินเสียงก็มีกำลังใจสู้ต่อแล้ว
“มิสถัง! กุดม้อนิ่ง!” อังเดรยืนยิ้มโค้งเปิดประตูรถยนต์คอย
“กู๊ดมอร์นิ่ง อังเดร!” ฉันรีบก้าวเดินไปขึ้นนั่งด้านหลังของรถลีมูซีนสีดำยาวเฟื้อย ขับออกจากปราสาท สวาดีอุฟ ริมทะเลสาบเจนีวา
องค์การอนามัยโลก ดูแลดอกเตอร์นาตาลียิ่งกว่าเจ้าหญิง มอบปราสาทโบราณสมัยศตวรรษที่ 12 ให้พักส่วนตัวพร้อมแม่บ้านคอยดูแล
“อังเดร! รีบกลับไปสำนักงานใหญ่ด่วนเลยค่ะ เดี๋ยวไม่ทันแถลงข่าว!” ฉันบอกทีมบอดี้การ์ดประจำตัวของนาตาลี
เขาและเพื่อนเป็นสวิสการ์ดที่นาตาลีไปดูโปรไฟล์และจ้างมาทำหน้าที่อารักขาส่วนตัว หน่วยงานสวิสการ์ดถือว่าเป็นสุดยอดการ์ดที่ซื่อสัตย์ที่สุด ผู้นำระดับสูงทั่วโลกไว้วางใจใช้บริการ
“เยสแม่ม!”
“บรื้น…นน!!” เขากดคันเร่งจนฉันหงายหลัง รถยนต์พุ่งพรวดออกไป
หลังออกจากประเทศจีน นาตาลีพาไปอยู่ชิคาโกบ้านอุปถัมภ์ของเธอ แต่...พ่อแม่บุญธรรมเสียไปหมดแล้ว เธอถูกเลี้ยงโดยกลุ่มคนที่ไม่นับถือศาสนา ฉันหายแปลกใจเลยที่เธอไม่กลัวผี เพราะคนเหล่านี้ไม่มีความเชื่อเรื่องพวกนี้เลย คิดทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เราขับรถยนต์ตะลอนข้ามรัฐเที่ยวไปทั่วอเมริกา ก่อนจะข้ามมาอังกฤษและกลับมาทำงาน
“Rrrr!” ใครโทรมาอีกแล้ว ฉันยิ่งรีบ ๆ อยู่ เหลือบตามองโทรศัพท์แล้วเด้งดึ๋ง...
“หึ๋ย!หึ๋ย!หึ๋ย!” ซอน! นี่นา ฉันแทบร้องกรี๊ดออกมา ดีใจเนื้อเต้นรีบรับทันที...
“ซอน...นนน! คิดถึงจังเลย เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีใช่ไหม?”น้ำตารื้นจุกใจ
“ไป่ไป๋! สบายดีไหมน้องสาวของพี่?” เสียงอบอุ่นทักทายอย่างระวังตัว ฉันตื้นตันน้ำตาไหลพราก
“หนูคิดถึงคุณนะคะ! อยากคุยด้วย อยากเห็นหน้า” ฉันน้ำตาไหลทำไม? รีบกะพริบตาถี่ ได้ยินเสียงของซอนก็คิดถึงแทน
“พวกเราก็คิดถึงพวกเธอ รักษาตัวดี ๆนะ เป็นกำลังใจให้น้องทั้งสองเสมอ”
“ซอนคะ! เปิดทีวีไว้นะ บอกหมวดจางด้วย ดอกเตอร์นาตาลีกำลังจะให้สัมภาษณ์ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก” ฉันยิ้มภูมิใจอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้เห็น สิ่งที่พวกเขาลงทุนเสียเลือดและน้ำตา...มันคุ้มค่ามาก
“อื้อ! เห็นแล้วดูอยู่ งานยังไม่เริ่มเลยนี่ แต่คนมารอรับกันแน่นขนัดเลย” เขาพูดอย่างนี้แสดงว่าเปิดทีวีแล้ว
ชีวิตของฉันผกผัน ตกกระไดพลอยโจนตามนาตาลี ผ่านเรื่องทั้งดีและร้ายเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนมาถึงจุดนี้ นาตาลีเป็นผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตของทุกคน ฉันไม่สามารถไปเกาหลีใต้ได้เพราะคุมตัวเองไม่ได้ เวลาอยู่คนเดียวจะคิดถึงแต่ความผิดของตัวเองที่ทำให้แทนต้องจากไป ร้องไห้จนเสียสติเสียใจซ้ำซากกับการจากไปของแทน ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“เจอตัวเจ็ทโด้หรือยังคะ?” ฉันถามทวงเรื่องที่เคยสั่งไว้
“หายไปเลย ติดต่อไม่ได้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“เขาคงเกลียดพวกหนูไปเลย หนูไม่ดีเอง” ฉันมีแต่คำขอโทษในใจ
“ไม่เป็นไร ถ้าเจอกันค่อยขอโทษก็ได้” เขาเองก็น้ำเสียงหนักใจ
“คุณมีอะไรให้หนูช่วยหรือเปล่าคะ?”
“บรื้น...นน!!” รถยนต์เริ่มชะลอตัวเมื่อเข้าใกล้อาคาร ผู้คนเบียดเสียดกันแน่นถนน
“ไม่มีอะไรจะโทรมาบอกว่า น้องคลอดแล้วนะ!” เขาบอกข่าวดี
“ว้าว!! ดีใจจังเลย ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?” ฉันมีหลานแล้ว...
“ตัวผู้!”
“บ้า! ไม่ใช่ลูกหมา” ฉันขำกับมุกนรกของเขา
“เอี๊ยด!...” รถเข้าจอดส่งฉันลงหน้าตึก World Health Organization service (Whos)
“อ้าว! ลูกมังกรนะ ไม่ใช่หมานะโว้ย ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เสียงของพี่ชายสบายใจขนาดนี้คงไม่ต้องห่วงแล้ว
“แค่นี้ก่อนนะ หนูต้องขึ้นลิฟต์ ไปคอยดูทีวีนะ” ฉันวางสายเดินตัวตรงเข้าลิฟต์ หน่วยอารักขาประกบไปทุกที่ เดินแหวกผู้คนให้เดินสบาย ชีวิตช่วงนี้ดี๊ดี
...............................................................................
“ดร.นาตาลี อยู่ที่ไหนคะ?” ฉันหันถาม
ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ต้องเป็นผู้ใหญ่ทำงานร่วมกับทีมขององค์กรใหญ่ หลังจากที่นาตาลีมาอยู่ที่นี่ก็ให้สัมภาษณ์ทุกวัน แต่เธอไม่เคยเอ่ยถึง Tame26 เลย เธอให้เหตุผลกับฉันว่า ทั่วโลกจะแตกตื่น ถ้ามนุษย์ตื่นตูมโลกจะแตก เพราะมนุษย์จะเอาตัวรอด โดยไม่สนอย่างอื่น
“เดี๋ยวผมพาไปครับ” เขาพาเข้าลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 6 พาฉันเดินมาทางขวาเข้าห้องรับรอง รปภ.หน้าห้องเคาะประตู แล้วเปิดให้ฉันเดินเข้าไป
นาตาลีนั่งบนโต๊ะหน้ากระจกคนเดียว ฉันหันมองจนแน่ใจว่า ไม่มีคนแล้ว รีบวิ่งเข้าไปกอดคอ
“อั่นย๋องอนนี่! หนูรักอนนี่นะคะ หนูภูมิใจมาก” หอมแก้มซ้ายขวา บอกรักเธอทุกวัน ถ้าไม่มีนาตาลีสักคน ฉันก็ยังคงจมอยู่กับความเศร้า หรืออาจจะฆ่าตัวตายไปแล้วก็ได้ ฉันไม่เคยให้อภัยตัวเองเลย
“เดี๋ยวต้องแต่งหน้าใหม่อีก อย่าทำเลอะนะ” เธอยิ้มอาย
วันนี้...ดร.นาตาลีสวมแว่นสายตาทรงกลมปล่อยผมยาวสลวย เท่จังเลย เธอกลับมาสวมชุดยาวสีขาว ฉันได้เห็นสังคมของนาตาลีแล้วยิ่งทำให้รู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะการหนีในคราวนั้น เราไม่มีวันเดินเจอกันเลย อย่างที่แทนเคยบอกไว้ พวกเราเดินถนนคนละเส้น
“อนนี่คะ! แฟ้มงานค่ะ”ฉันวางแฟ้มลงบนตัก เธอรีบเปิดดูหน้าที่สนใจ
“วันนี้คนมากันมหาศาลเลย ข้างนอกรถติดยาวเหยียด” ฉันรายงานสถานการณ์ เธอยิ้มเฉย
“อนนี่ตื่นเต้นหรือเปล่าคะ?” ฉันบีบไหล่น้อย ๆ ที่แบกรับปัญหาของโลกใบนี้เบา ๆ มองใบหน้าสวยที่สวมแว่นตากำลังตั้งใจอ่านหนังสือ ตอนนี้ใบหน้าของเธอเหมือนเด็กมหาวิทยาลัย ไม่สิ! เหมือนเด็กมัธยมปลายมากกว่า
“ไม่เลย!” เธอบอกสายตายังมองเอกสาร
“อนนี่ดูเหมือนเครียด ๆ นะคะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?” ฉันถามโดนใจ เธอเงยหน้าขึ้นมามอง
“นิดหน่อยค่ะ! การเมืองในองค์กรมันรุนแรงเหลือเกิน ในที่ประชุมทะเลาะกันแรงมาก แย่งกันเป็นเจ้าของผลงานและเหมือนฉันจะโดนหักหลังแล้ว สถานการณ์ไม่ค่อยดี เตรียมตัวให้พร้อมเดินทางไกลด้วย” เธอสีหน้ากังวลสายตาครุ่นคิด
ฉันลูบแขนปลอบใจ...
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เราเดินทางกันบ่อยจนเหลือแค่กระเป๋าใบเดียวแล้วนะคะ วันนี้อนนี่ต้องสวยและบอกความจริงให้โลกได้รับรู้ อย่ากังวลใจเลยค่ะ”
“เดี๋ยวเข้าไปยืนใกล้ ๆ ฉันด้วยนะ วันที่สำเร็จเธอต้องอยู่กับฉัน คิดถึงเพื่อน ๆ นะ” เธอหลุบตาลง ฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงใคร? อยากให้แทนได้มีโอกาสเห็นวันนี้ เขามุ่งมั่นจะพาเธอออกจากประเทศจีน แต่เขากลับไม่ได้ออกมาด้วย
“หมวดจางคลอดน้องแล้ว ซอนบอกว่าเป็นตัวผู้”
“ว้าว!ว้าว!” เธอลุกพรวดหันมากอด กระโดดดีใจ
“เดี๋ยวว่างฉันจะโทรหา ฉันขอตั้งชื่อลูกชายให้เธอเอง”
“เสร็จจากที่นี่ เราต้องไปนิวยอร์กอีก 5 วัน” เธอหันมา ฉันพยักหน้ารับทราบ การเดินทางเป็นเรื่องปรกติของเธอ
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” เสียงเคาะประตู ฉันรีบถอยห่างหันกลับไปมอง เจ้าหน้าที่ผู้ชายผมสีทอง 4-5 คนเดินเข้ามาภายในห้อง โค้งศีรษะก่อนจะพูด...
“ดอกเตอร์! พร้อมรึยังครับ? นักข่าวมา 500 สำนักกว่า2,000คนจากทั่วโลกเต็มห้องประชุมใหญ่แล้วครับ” เขาเอ่ยอย่างสุภาพนอบน้อม นาตาลีแหงนมองแล้วพยักหน้า ฉันรีบเข้าไปยืนข้างยื่นมือให้เธอจับลุกขึ้นยืน
“ทุกท่านคะ! เชิญ!” เธอผายมือให้เจ้าหน้าที่เดินออกไปก่อน
นี่สินะ! ที่เธอเคยบอกว่า ไม่มีใครมาจีบ แค่รู้ว่า เธอเป็นใคร ผู้ชายก็ยืนกุมเป้ากันหมด เธอคงไม่เคยเห็นเป้ากางเกงผู้ชายสินะ ถึงอยากได้มันจัง ฉันแอบยิ้มเมื่อเห็นแบบนั้น...
“อนนี่! หนูตื่นเต้น” เราเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มบอดี้การ์ดตัวโต
เธอหันมายิ้ม แววตาอบอุ่น...
“เรายังมีชีวิตยังมีความรู้สึก เก็บความรู้สึกนี้ไว้เป็นพลังนะคะ”
นาตาลีในมุมนี้ช่างดูสูงส่ง คนละระดับจริง ๆ ถ้าจิตใจของเธอไม่ดีจริง คงไม่ยอมให้ฉันเอาเปรียบมาตลอด คิดถึงแทนจังเลย อยากให้เขาได้เห็นวันนี้ เขาอุตส่าห์ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อวันนี้
เจ้าหน้าที่เปิดประตูไม้บานใหญ่อลังการของห้องประชุมคาเนกี พวกเราเดินบนพรมแดงผ่ากลางห้อง แสงไฟจับเป็นจุดสนใจ...
“Hi!” เธอยิ้มหวานโบกมือให้ผู้มาต้อนรับที่นั่งซ้ายขวา ยาวจากหน้าห้องผ่านตัวอาคาร
ผู้คนมาต้อนรับสองข้างแน่นขนัดจน
“นาตาลี พัค! นาตาลี พัค!” ฉันขนลุกซู่ ปลื้มใจตื่นเต้น ทั้งฝั่งซ้ายและขวาต่างตะโกนเรียกชื่อตลอดเวลา อาการคล้ายกับ Tamer30 ที่บ้าคลั่ง
“ไฮ! ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ!” เธอยิ้มโบกมือเป็นนางงามจักวาล แต่เธอเหนือกว่าทุกสาขาอาชีพ เพราะความสามารถของเธอมันมีค่ามากกว่าใบหน้าที่สวยงามของหลาย ๆ คน และความสวยของนาตาลีก็ไม่เป็นรองใครเลย
“..........” โอ้โห!...ห้องประชุมนี้อลังการมาก ฉันเดินจากด้านหนึ่งไปสุดอาคารอีกด้าน มาหยุดที่ขอบเวทีปล่อยให้เธอเดินไปยืนกลางเวทีคนเดียว
“ทุกท่านครับ! นาตาลี พัค!” เสียงปรบมือกึกก้อง
สิ้นเสียงพิธีกร น้ำตาของฉันไหลพราก สุดกลั้นปลื้มใจมากในความสำเร็จของเธอ ยิ่งได้ยินเสียงปรบมือยิ่งคิดถึงแทน
นาตาลีโค้งศีรษะลงเกือบสุด แล้วสะบัดหัวขึ้น เส้นผมสลวยสยายพลิ้ว หันมองหาก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา เสียงปรบมือต้อนรับอบอุ่น
“คุณนาตาลีครับ ผมขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนได้ไหมครับ วันนี้ทุกสายตาทั่วโลกคงจับจ้องมาที่คุณคนเดียว” แมคลาเรน บาร์น พิธีกรมือฉมังได้รับหน้าที่นี้ ดูท่าทางเขาก็ดีใจและให้เกียรติ
นาตาลีหันมองเขาแล้วยิ้มหวาน...
“ขออนุญาตนะคะ ฉันขอให้เลขา ฯ มานั่งด้วยข้าง ๆ นะคะ” เธอกวักมือเรียก ฉันรีบป้ายน้ำตาแล้วเดินยิ้มเข้าไปนั่งข้าง
เธอหันไปหาพิธีกรอีกครั้ง...
“ความสำเร็จของฉันมีเธอคนนี้อยู่ข้าง ๆ มาตลอดค่ะ และถือโอกาสนี้ขอบคุณและขอโทษเพื่อน ๆ ที่มีพระคุณ หวังว่าทุกคน!...คงได้ยินนะคะ” เธอดวงตาหมองลงยิ้มมองกล้องโทรทัศน์ ฉันเข้าใจความหมายของเธอ
“ฉันจะตอบแต่เรื่องที่มันมีประโยชน์นะคะ กรุณาถามคำถามที่มีประโยชน์ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ” เธอยิ้มอ่อนให้เขา
“เรามาเข้าเรื่องกันเลย ปีนี้คุณนาตาลีอายุเท่าไหร่แล้วครับ?” สิ้นคำถาม เสียงผู้ชมฮือฮา นาตาลียิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“เรื่องนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์กับใครเลยค่ะ ขอคำถามใหม่ด้วยค่ะ” เธอยิ้มให้พิธีกร
เขาหน้าเสียรีบแก้ตัว...
“ผมจะเข้าเรื่องเด็กอัจฉริยะของคุณน่ะครับ หลายคนไม่รู้จักประวัติที่น่าทึ่งของคุณ” เขายังสุภาพ
นาตาลีพยักหน้า แล้วกล่าวกับผู้ฟัง...
“ฉันขอเล่าคร่าว ๆ นะคะ เพราะฉันไม่ต้องการให้ประวัติส่วนตัว มาบดบังความสามารถ” สิ้นเสียงของเธอผู้ชมปรบมือชอบใจ
เธอค่อย ๆ เล่าประวัติตัวเองตั้งแต่ถูกเก็บจากถังขยะริมแม่น้ำฮัน จนเรียนจบดอกเตอร์ให้ผู้ชมฟัง เสียงฮือฮาตลอดเวลา
“คุณตัดสินใจรับตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่หรือไม่ครับ?” เขายิงคำถามใส่นาตาลียิ้มหวาน
“ตำแหน่งไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการค่ะ ฉันต้องการเพียงกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น” เธอเรียกเสียงปรบมือได้ตลอดเวลา
“คุณจะเริ่มลงมือสร้างวัคซีนแอนตี้โควิดเมื่อไหร่ครับ?” เขาถามเข้าเรื่องสำคัญมาเรื่อย
“ฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกท่านทราบความจริงเกี่ยวกับโควิด-19 ก่อนนะคะ” เธอขยับตัวนั่งตรง พีธีกรชะงักขมวดคิ้ว
“มันมีอะไรที่พวกเราไม่ทราบเหรอครับ?” พิธีกรถามแล้วหันมองไปด้านล่าง เสียงฮือฮาสับสน
“ไวรัสโควิด -19 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกท่านคิด และอย่ารับวัคซีนในช่วงนี้ รอจนว่าจะได้รับการประกาศอีกครั้ง” สิ้นเสียงนาตาลี เสียงฮือฮาสับสนจากด้านล่างดังระงม
“คุณยิ่งพูด หลายคนยิ่งไม่เข้าใจ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยสิครับ” พิธีกรถามแทรกเข้ามา
“ทุกท่านยังจำภาพวิดีโอชุดแรกที่หลุดจากประเทศจีนได้ไหมคะ? ภาพคนเดินอยู่ดี ๆ แล้วล้มลงไปตาย ล้มชักดิ้นชักงอบนรถไฟฟ้า หรือสภาพศพที่กองเป็นภูเขา เดี๋ยวนี้!...ไม่มีปรากฏให้เห็นอีกเลย มันเป็นเพราะอะไร? แล้วคนที่เสียชีวิตจากโควิดจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอาการเหล่านั้นเลย” เธอหันมายิ้มกับพิธีกร
“ใช่ครับ! ผมเองก็สงสัย คุณจะบอกว่า ประเทศจีนอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดเหรอครับ?” พิธีกรทำท่าฉงน ด้านล่างยิ่งฮือฮา
“หามิได้ค่ะ ฉันพูดถึงคลิป ถูกปล่อยจากที่นั่น แต่ไม่ได้หมายถึงประเทศจีนเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมานะคะ”
“ค่อย ๆ เล่านะครับ เรื่องชักน่าสนใจขึ้นแล้ว”
“ปัจจุบัน โควิดเป็นเพียงโรคประจำถิ่น เหมือนไข้หวัดธรรมดา”
“ใช่ครับ!”
“งั้นจบเรื่องนี้ไปเถอะนะคะ โควิด-19 ไม่ได้น่ากลัว”
“อ้าว! ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่เกิดความประหลาดกับซีเรีย มองโกเลียและอินโดนีเซีย เป็นเพราะโรคอะไรครับ”
“มันเป็นไวรัสชนิดใหม่ มันจะออกฤทธิ์ในช่วงที่พวกเรารวมกลุ่มเกิน 3 คนขึ้นไป ช่วงนี้หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มกันก่อนนะคะเช่น ชมกีฬาที่สนามทุกชนิด ดูคอนเสิร์ต ชมภาพยนตร์ในโรง ประมาณนี้ค่ะ” เธอโกหกทำไม? ตัวเองยิ่งไม่เก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องห้ามการรวมกลุ่ม? Dead man walking. ในซีเรีย เกี่ยวกับวัคซีนที่ฉีดไปหรือเปล่าครับ? และเหมือนว่าจะมีกลุ่มแปลก ๆ นี่กระจายไปทั่วโลก”
“สำหรับเบื้องหลัง ฉันไม่ทราบรายละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้น? แต่ผลเลือดของ Dead man walking. บ่งบอกว่า เราสามารถรักษาได้ ถ้ามีญาติพี่น้องเป็นอย่ารังเกียจเขา ช่วยเขาดูแลร่างกายให้ดี รอวัคซีนไปรักษานะคะ ทุกท่านต้องอดทน และพยายามทำกิจกรรมอยู่ที่บ้าน”เธอทิ้งปริศนาไว้แค่นั้น ฉันเข้าใจแล้ว...ถ้าบอกความจริงเรื่อง Tame 26 โลกบรรลัยแน่นอน วุ่นวายเกิดจลาจลไปทั่วแน่ ๆ
“อุปสรรคที่จะทำให้วัคซีนไม่ได้ผล มีหรือไม่ครับ?” เขาจดจ่อกับคำถาม ดูแล้วเป็นคนสุภาพมาก
“เป็นคำถามที่ดีค่ะ ขอบคุณที่ไม่จมอยู่กับปัญหาและหาวิธีแก้ไข”
“ผมมักจะมองหาวิธีแก้ไข มากกว่าหาคนผิดครับ” เขายิ้มตาวาว
นาตาลีหันไปยิ้มแล้วยื่นมือไปให้ เขาแปลกใจ...
“ขอจับมือหน่อยค่ะ ฉันชอบคนแบบนี้!” เธอเขย่ามือแล้วมองไปด้านล่าง
“ทุกท่านคะ! คิดแบบนี้ ใช้ชีวิตไปตามปรกติ อย่าวิตก อย่ากลัว ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ ขอแค่เรายังมีเวลา”
“ย้อนกลับไปคำถามเดิมครับ”
“อ่อ! อุปสรรคที่จะทำให้ไม่ได้ผลไม่มีค่ะ มีแต่อุปสรรคที่จะทำให้ไม่ได้ผลิตออกมาค่ะ” เธอตอบฉะฉาน
“ฮือฮา!” ทุกคนร้องฮือออกมา ฉันใจหายวาบ กวาดตามองลงไปในกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมฟัง
“เอ๊ะ!” สายตาเหลือบไปเห็นซีชาน ใช่ซีชานแน่ ๆ เขาเห็นฉันมองไป เลยผลุบแอบหลังเสากลางข้างผนังห้องด้านขวา เขามาทำไม?
“พอจะบอกรายละเอียดของวัคซีนได้หรือเปล่าครับ?” พิธีกรถาม
“ขออนุญาตอุบไว้ก่อนนะคะ ไม่สามารถบอกกับสาธารณะได้ค่ะ!” เธอหันไปยิ้มส่ายหน้ากับเขา
“รบกวนคุณช่วยวิเคราะห์ อาการของคนกลุ่มนี้ให้หน่อยครับว่า พวกเขาเป็นอะไร? ทำไมถึงมีอาการแบบนี้? พวกนี้กับที่ซีเรีย เหมือนกันหรือเปล่า?” พิธีกรดีดนิ้วให้เจ้าหน้าที่ฉายภาพขึ้นจอ
กลุ่ม Soulless ของญี่ปุ่นเดินเพ่นพ่านที่เคยเห็นในข่าว
“พวกนี้เป็นคนไข้ ไม่ใช่โรคติดต่อ รักษาให้หายได้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มีทางรักษาได้แล้ว ทำอย่างที่แนะนำไปแล้ว”เธอยังยืนยันเหมือนเดิม ตอบทุกอย่างแต่ไม่บอกอะไรเลย ฉันได้แต่นั่งยิ้มมองหน้า เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะ
“อย่างที่ฉันเตือนไปแล้วตั้งแต่ต้นนะ สิ่งที่ทุกท่านเห็นไม่ได้ไกลเกินตัวของเรา และมันไม่ใช่ผลมาจากโควิด-19 ย้ำอีกครั้งนะคะ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน...อย่าฉีดเด็ดขาด”
“คุณจะบอกว่า มันมาจากวัคซีนเหรอ?” เอ๋า!ไอ้นี่มีปมกับวัคซีนรึไงวะ วนกลับมาถามอีกแล้ว
“เอ่อ!...” เอาแล้ว...เธอโกหกไม่เก่ง บอกไปบรรลัยเลย
“ก็โควิด ไม่น่ากลัวจะฉีดทำไมล่ะคะ และมีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะแอนตี้วัคซีนตัวใหม่ ตามใจนะ! เลือกเอาเอง”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”
“เฮ่อ!!!” ฉันถอนหายใจ
“มาถึงคำถามสุดท้ายครับ หนุ่ม ๆ อยากรู้ครับ คุณนาตาลีมีแฟนหรือยังครับ?” คำถามโลกแตกที่คนสวยทุกคนต้องโดนถาม
นาตาลียิ้ม ฉันใจเต้นโครมคราม...
“ฉันเสียคนรักไปในระหว่างเดินทางมาที่นี่ และไม่คิดจะมีใครอีกแล้วค่ะ” เสียงของเธอเบาลง ฉันสะท้อนในอกสงสารจับใจ แต่เธอไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ก็ได้
“คำถามสุดท้ายของสุดท้ายจริง ๆ ครับ รายการของเรามีเด็ก ๆ ชมมากมาย ดอกเตอร์จะฝากอะไรเป็นเคล็ดลับให้เด็ก ๆ ฉลาดขึ้นมั้ยครับ?”
“ฉลาดขึ้นมั้ยไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ได้จากการทำแบบนี้มีดังนี้ค่ะจะจดก็ได้นะคะ เผื่อจะเอาไปใช้ได้ข้อที่...
1. ไม่เป็นอัลไซเมอร์แน่นอน
2. มีจินตนาการล้ำลึกยากหยั่งถึง
3. ให้ความสงบ จิตใจไม่ฟุ้งซ่านและมีสมาธิ
4. เมื่อจรดปากกาขีดเส้นลงบนตัวหนังสือ เท่ากับกำลังจดบันทึกลงหัวสมองจะจำมันได้ไปอีกนานแสนนาน
5. ถ้าไม่เข้าใจกลับมาทำซ้ำได้เท่าที่ต้องการ
6. ดีกว่าการดูและฟัง แต่ถ้าเอามาประกอบกันจะทำให้รู้ถ่องแท้
7. มันจะกระตุ้นสมองทุกส่วนให้ทำงานสัมพันธ์กัน การคิดวิเคราะห์ การคิดย้อนกลับ การหาเหตุผลและได้แรงบันดาลใจ
8. ความจำจะดีขึ้นรอบรู้มากขึ้น มีหลักในการเจรจาควบคุมจิตใจตัวเองได้ อย่างนี้เรียกว่าฉลาดหรือเปล่าไม่รู้นะคะ ทุกท่านพอจะรู้รึยังคะว่ามันคืออะไร? ทุกคนทำได้ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ไม่ทำ...อด” เธอกระเซ้าแหย่ผู้คนข้างหน้า ฉันคิดตามก็คิดไม่ออกเหมือนกัน อะไรมันจะส่งผลกับการกระทำได้ขนาดนั้น
“บอกเลย! อยากรู้แล้ว”
“สิ่งนั้นคือการอ่านค่ะ การอ่านมันเคลื่อนที่ช้าทำให้เราได้คิด จินตนาการ ตรึกตรองและทบทวน ลองสังเกตดูสิคะผู้บริหารระดับสูงทุกองค์กรมักจะคุยเรื่องการอ่านหนังสือเสมอ ๆ พวกเขาจะมีหนังสือที่ชอบ ขอยืนยันว่าการอ่านดีกว่าการดูหรือฟังแน่นอน ถ้าต้องการเพียงรู้ก็ดูเอา แต่ถ้าต้องการรู้แจ้งต้องอ่าน” เสียงปรบมือกึกก้องเมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง /อ๋า!...ถึงว่าสิ เธอถึงอ่านหนังสือบ่อยมาก /
สุดท้ายเธอก็ยังประคองตัวหลีกเลี่ยงเอาตัวรอด เก็บเรื่อง Tame26 ไว้เป็นความลับต่อไป สิ่งที่กังวลใจกลับมาเป็นเรื่องที่เธอเปรยไว้คือการเมืองภายในองค์กร การเมืองสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่สมควร แต่ถ้าเจอการเมืองแบบทำลายล้างถือว่าป็นกรรม
...........................................................
ปราสาทสวาดีอุฟ...
เราสองคนกลับมานอนดูทีวีบนโซฟาใหญ่กลางลานโถงกว้าง นาตาลีสวมชุดนอนขนปุย สวมหน้ากากหมีนอนกระดิขาดูข่าวทีวี ฉันเหนื่อยมากทั้งวิ่งตามนาตาลีวิ่งตามงานตลอดวัน หมดแรงนอนผ้าขนหนูพันหน้าอกจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
เสียงนักข่าวบนทีวีรายงาน...
“สถานการณ์สงครามเริ่มรุนแรงขึ้นทุกจุดทั่วโลก มนุษย์ไม่รู้จะแบ่งความกลัวได้อย่างไรแล้วครับ? โลกวุ่นวายมากขึ้นทุกวัน กลัวทั้งสงครามกลัวทั้งโรคติดต่อ รัสเซียโจมตียูเครนหนักมากขึ้นทุกวัน”
ฉันเงยหน้ามองทีวี...
“จีนเปิดฉากบุกอินเดียเกิดสงครามตามตะเข็บชายแดน กลุ่มประเทศตะวันออกกลางเคลื่อนกองกำลังเข้าปิดล้อมเยรูซาเล็มเตรียมถล่ม อีกไม่นานสงครามโลกคงเกิดขึ้น มนุษย์ไม่เคยแบ่งปันกันมีแต่ฉกฉวยช่วงชิง ผมขอวิงวอนให้ผู้นำผู้มียศตำแหน่งในการตัดสินใจ เลิกจูงจมูกคนในชาติให้เข้าใจผิดเสียที สงครามที่ส่งเด็กไปตายให้คนแก่เสวยสุข ถ้าพวกท่านแน่จริง! ทำไมไม่หานวมมาใส่แล้วต่อยกันเอง ความโกรธแค้นของชนชาติมาจากคนแก่ทั้งสิ้น” พิธีกรจากสำนักข่าวยักษ์ ด่ากราดกลางอากาศ นักข่าวจากโลกตะวันตกไม่ได้อยู่ใต้อำนาจรัฐ พวกเขาอัดรัฐบาลทั่วโลกตามความจริง
“แล้วก็ขอวิงวอนไปถึงผู้สนับสนุนสงครามนะครับ ผู้นำที่กำลังรุกรานผู้อื่นแบบนั้นมันไม่ใช่คน ไม่สมควรทำตามยุติเถอะครับ ดอกไม้สวยงามกว่าลูกปืน น้ำดื่มสดชื่นกว่าเลือด หยิบยื่นในสิ่งที่ถูกต้องและทันท่วงทีเพื่ออนาคตของเด็ก ๆ เถอะครับ”
หลังจากเสียแทนไป เราสองคนหันมาสนใจข่าวการเมืองมากขึ้น เริ่มเข้าใจตัวเขามากขึ้น ถ้าการเมืองดีชีวิตดีถ้วนหน้า ถ้าการเมืองเลว เดือดร้อนยันหมาขี้เลื้อนบนถนน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” นาตาลีนอนปรบมือชอบใจ...
“ดี!..ด่าพวกมันซะบ้าง ตาย ๆ ไปซะ ไอ้พวกผู้นำเฮงซวย!” เธอกำหมัดชกมือสะใจกับข่าว
“อนนี่เป็นอะไรคะ? ไปเคียดแค้นอะไรพวกเขานักหนา”
“ฉันเกลียดพวกมัน รู้ไหมคะ! ไอ้พวกนี้เสนอเงินมหาศาลให้ฉันเปลี่ยนสัญชาติและข้อเสนอมากมายให้ไปเป็นพลเมืองของเขา บางคนก็ขอซื้อสูตรวัคซีนเพื่อจะเอาไปขายเอง สวะจริง ๆ”
ฉันขยับตัวพลิกกอดเอว...
“อนนี่! คิดว่าพวกมันจะตามล่าเราอีกหรือเปล่า? ซีชานมันก็มาด้วยวันนี้หนูเห็น” ฉันกังวลใจ ความวุ่นวายต่าง ๆ เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“เราต้องบอกเรื่องนี้กับอังเดรด้วยนะ ถ้าจะมาจับตัวฉันตอนนี้คงลำบากหน่อยบอดี้การ์ดของเราเพียบ เราอยู่ในแสงไฟเป็นที่จับตามองของสังคม ไม่น่ากังวลใจ ฉันกลัวมันจะไปล่าหมวดจางน่ะสิ!” นาตาลีสวยวันสวยคืนไม่เหลือคราบทอมบอยให้เห็นอีกเลย ภาพจำเก่า ๆ ในวันแรกที่เจอกัน เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบสะพายเป้จางหายไปจากตัวเธอโดยสิ้นเชิง
“แต่ไปหาซอน ก็ลำบากเหมือนกัน ลูกน้องซอนเยอะแยะ! หนูว่า ลูอิสมันไม่กล้าไปหาซอนหรอก”
“คิดถึงจัง!..อยากกลับไปทำงานกับหมวดจาง เธอเป็นคนฉลาดหลักแหลมและกล้ามาก” เธอตาลอยเคลิ้ม
“อนนี่สอนหนูทำวัคซีนด้วยนะ หนูอยากทำเป็นมั่ง!” ฉันร้องขอเอาดื้อ ๆ
“เอาสิ! ง่าย ๆ แค่รู้ส่วนผสมก็ทำได้แล้ว”เธอหันมายิ้มตาแป๋ว
ฉันง่วงมากแล้ว นอนกลางปราสาทเก่าแก่บนโซฟาโบราณมันวังเวงน่ากลัวเหมือนปราสาทผีสิง เวลาเคลิ้มจะหลับหางตาเหลือบไปเห็นหุ่นเกราะเหล็กถือหอกของทหารสมัยโรมันเป็นต้องสะดุ้งทุกที
“อนนี่คิดว่า ลูอิสจะทำอะไรอีก?”
“มันก็ต้องมาขัดขวางน่ะสิ เราล้มแผนการของมันนี่นา”เธอหันมาบอก
“ถ้าหนูเจอจูยอน หนูจะยิงหัวเธอ หนูกล้านะไม่ปล่อยเธอไปหรอก” ฉันสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ต้องล้างแค้น ฉันก็รอเวลาเหมือนกัน
“เอาสิ! เผื่อด้วย” วันนี้เธอมาแปลก
“ทำไมไม่ห้ามล่ะคะ?”
“ห้ามทำไม? เราจะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาคน เราไม่ว่างขนาดนั้นอีกแล้ว ดูสิ! คิวเป็นวิทยากร ยาวยิ่งกว่าไอดอลของเธออีก”
เออ! นึกแล้วก็เหนื่อยนอนดีกว่า
.........................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |