The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 ตอนที่ 1

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 ตอนที่ 1
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 7
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 5 พ.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เกาหลีเหนือ
มุมมองสายตา ชเว จูยอน
ตุลาคม ค.ศ.2025

             โลกจมอยู่ในความมืดมน ผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเหมือนหนูหลบซ่อนตามซอกหลืบ ทหารจีนเข้ากวาดล้างคนที่หลงเหลือทุกชาติทุกภาษา ทั้งร่ำรวยและยากจนตกอยูในอาการเดียวกัน กลิ่นอายความโศกเศร้าและความกลัวคละคลุ้ง ผู้รอดต่างต้องทิ้งบ้านเรือนเพื่อหลบหนีเอาตัวรอด

“พั่บ! พั่บ! พั่บ!เฮลิคอปเตอร์ MI-17 กำลังพาเรากลับบ้าน ทิวเทือกเขาสูงทะมึนด้านหลังของช็องจู เมืองชายทะเลตะวันออกค่อย ๆ ทิ้งระยะห่างออกไปทุกที ท้องถนนด้านล่างยาวคดเคี้ยวลัดเลาะบนภูเขาสูงที่หลากสีสันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วง

หลังจากที่พาทหารผู้นำออกไปประจำการตามเมืองต่าง ๆ เราก็รอนแรมไปตามค่ายไม่ได้กลับบ้านเลย ครูฝึกนินจาก็น้อยใจหันหลังให้นาตาลีเว้นระยะห่างอย่างที่เธอต้องการ แต่เมื่อไม่มีคนคอยกวนใจเธอก็แพ้ความคิดของตนเอง         

“นาตาลี งอแงหนักมากแล้วจะทำยังไงดีคะ?” ฉันหันไปถามเจ็ทโด้        

“ก็ขวางมันทุกทางโยนกันไปมา สลับหน้าเล่นไปเรื่อย ๆ ยังไงก็ไม่ให้กลับ” เขายิ้มมุมปาก                

“คุณคิดว่า นาตาลีจะเปลี่ยนใจไปชอบสหายโกมีทักไหมคะ?” ฉันกังวลใจมาก สหายโกเป็นดีทีเดียว แต่แทนจะทนดูได้เหรอเขาต้องอกแตกตายแน่เลยและถ้าเขาอยู่ที่นี่ไม่ได้เขาจะไปอยู่ที่ไหน โลกใบนี้ไม่มีใครคอยต้อนรับอีกแล้ว              

“ถ้าปล่อยให้ไปทำงานด้วยกันบ่อย ๆ ความใกล้ชิดจะทำให้เธอเปลี่ยนใจ เจ้าแทนตายทั้งเป็นแน่ พูดก็ไม่ได้ ห้ามก็ไม่ได้ เปิดเผยตัวตนก็ไม่ได้ ผมไม่ยอมให้ไปทำงานด้วยกัน ผมกลัว!

“ฉันสงสารเขามากเลย โชคร้ายจริง ๆ นาตาลีมีครีมลอกคราบ ทำไมถึงไม่รักษาให้ก็ไม่รู้?” ฉันอึดอัดกับทั้งสองคน         

“เมื่อก่อนผมไม่เคยชอบนาตาลีเลย ระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการปกป้อง”

“สบายใจจังเลย” ฉันดีใจที่เขาเปลี่ยนใจมารักและเอ็นดูนาตาลี เขาไม่เคยชอบเธอเพราะหาแต่เรื่องมาให้ แต่เรื่องเหล่านั้นมาจากการกระทำของคนอื่นทั้งสิ้น           

“รีบกลับเถอะ คิดถึง! ป่านนี้คงงอนตุ๊บป่อง”

“พั่บ! พั่บ! พั่บ!หลังจากเครื่องลงจอดที่ค่ายโชซอนฯ เราก็ขับรถยนต์ต่อ ก่อนจะถึงบ้านต้องผ่าน มันกยองแด สถานที่เกิดของประธานาธิบดีตลอดกาลนิรันดร หนึ่งในสถานที่การโฆษณาชวนเชื่อกลางเมืองหลวง ประตูทางเข้าหรูหรายิ่งใหญ่คล้ายกับประตูของพระราชวัง ซึ่งไม่เข้ากับบ้านหลังคามุงจากที่ดูถ่อมตัว และได้รับการบูรณะไว้สวยงามดูเรียบง่ายสมถะ

บ้านเก่ารายล้อมไปด้วยพุ่มไม้ที่ตัดแต่งอย่างดี ลานหญ้าเขียวขจีประณีตและล้อมรอบด้วยรั้วไม้ดัด กระต๊อบผนังโคลนแบ่งออกเป็นโรงนาและห้องนั่งเล่นหลายห้อง สิ่งของหลายอย่างที่ครอบครัวของท่านผู้นำเคยใช้ในช่วงชีวิตของพวกเขายังคงอยู่ที่นั่น

รถยนต์ขับผ่านมาเลี้ยวขวาที่สนามฟุตบอลมันกยองแด แล่นข้ามสะพานแม่น้ำแทดง น้องทหารสุดเท่สองนายเดินยืดอกออกมาขวาง กองไฟคุกรุ่นควันฉุยสำหรับไล่ยุงตอนกลางคืนยังส่งกลิ่นโชย             

“ชุงซอง!! ท่าทางน้องทหารขึงขังมั่นคง

“อันยองฮาเซโย!” ฉันลดกระจกยิ้มทักทาย น้อง ๆ พวกนี้เสียสละมาช่วยงาน โดยไม่มีใครถามถึงค่าจ้าง เราต่างมีความฝันร่วมกันที่จะสร้างชาติขึ้นมาใหม่           

“สหายผู้บัญชาการอยู่บ้านรึป่าวคะ?”

“อยู่ครับผม สหายโกมีทักพามาส่ง พึ่งกลับไปครับ”

ฉันพยักหน้ารับทราบเจ็ทโด้ยิ้มโบกมือให้น้องทหารแล้วเคลื่อนรถข้ามสะพานยาวไปเกาะคอนยู เกาะคอนยูเป็นสันดอนกลางน้ำขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 3 กิโลเมตรกลางแม่น้ำแทดงตรงกันข้ามกับมันยองแด

“บรื้นนน” รถยนต์มาจอดบนลานปูนหน้าคฤหาสน์ใหญ่ทรงกลม 2 ชั้น พวกเราย้ายมาพักที่นี่เพื่อความปลอดภัยจากทหารจีนและพวกต่อต้าน             

“กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงสดใสของสาวน้อย... 

“คิดถึงจังเลย!” นาตาลีวิ่งยิ้มฟันขาวขึ้นมาจากศาลา 8 เหลี่ยมริมน้ำหลังบ้าน สวมเสื้อยืดสบาย ๆ กางเกงขาสั้นจู๋ขาขาวจั๊วะ ใบหน้าดูมีความสุขไม่เห็นเหมือนคนคิดถึงบ้านสักนิด สหายโกพาไปเที่ยวไหนมาหน้าระรื่นเชียว
          ฤดูใบไม้ร่วงรอบบ้านมีแต่สีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล อีกไม่นานก็คงร่วงลาจากแล้วเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง เวลาแห่งความสุขหมุนเวียนผ่านไปเร็วมาก 

“ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ” เธอลากฉันขึ้นห้องแล้วนั่งลงบนเตียง

“ตุบ! ฉันทิ้งตัวนอนยืดยาว เมื่อยชะมัดยาดมีคนนวดให้ก็ดีสิ

“ฉันอยากกลับบ้าน...” เธอเอาอีกแล้ว ฉันพลิกตัวหันหลังให้ทันที ไม่สนใจไม่ตอบ

“เฮ้อ! อนนี่! จะเป็นอย่างนี้กันตลอดไปใช่ไหมคะ? จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม?” เสียงของเธอน่าสงสารแบตเตอรี่ของฉันกำลังจะหมด ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อยปวดเมื่อยร่างกาย พลิกกลับไปหาเธอกำลังหยิบกระปุกออกจากเป้สะพาย

“นั่นอะไรคะ?” ฉันชะโงกหน้าดู กระปุกครีมกับกระปุกยาแคปซูล

“อยากกลับบ้าน คิดถึงน้องแทน” เธอยื่นหน้าเข้ามา               

“จะทิ้งกันแล้วเหรอไม่ได้เห็นฉันเป็นพี่สาวเหรอ? ฉันเสียใจนะ!” ฉันนอนมองเพดาน หนังตาชักหนักขึ้น                        

“ก็อยู่ด้วยตั้งนานแล้ว กลับได้แล้ว”

“ฉันไม่เห็นนินจาเซมเลย ยังมาไม่ถึงเหรอ?”

“ไม่เห็นนี่คะ! สหายครูฝึกจะมาเหรอ คิดถึงเหมือนกันนะ ไม่ได้เจอเขาเลย”

“เขาฝึกทหารที่ค่าย ฉันบอกให้เขามาหา เดี๋ยวคงมา”

“คุณบอกว่าเขาคือแทนใช่มั้ย?”

“ฉันล้อเล่น!” ฉันไม่อยากสร้างประเด็นขึ้นมา 

“นี่!เอาครีมไปทาให้ครูฝึกนินจาหน่อยนะคะให้กินยานี่ด้วย ฉันเอาไปให้เพื่อนทหารหญิงที่ฝึกด้วยกัน ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอกันอีกเลย คิดถึง 87 จัง” เธอหยิบของวางไว้ให้ /ใช่สิ! ถ้าได้ผลแทนก็กลับมาหล่อเหมือนเดิม เธอคงไม่กลับแล้ว/                

“ดีมาก! ฉันขอนอนสักงีบนะ ง่วงมากเลย” อ้าปากหาวกินดาวทั้งดวง เหนื่อยล้าจากการทำงาน ภาพตัดหลับไป

ตื่นมาอีกครั้งก็มืดแล้ว หันไปเจอของที่นาตาลีวางไว้หยิบใส่กระเป๋าเดินลงข้างล่าง

“ผมมานั่งรอตั้งนาน! แทนนั่งบนโซฟาห้องรับแขกหน้าบ้าน

“ขอโทษทีฉันหลับไม่รู้เรื่องเลย คุณมาที่ห้องเก่าดีกว่า” เห็นหน้าแล้วก็สงสาร เขาย้ายออกไปแล้วเฉยเมยกับนาตาลีมากขึ้นทุกวัน ห่างกันไปทีละนิดจนไม่ได้เจอกัน //ใจเด็ดมากเลยนะ ครูฝึกนินจา//

“รอเดี๋ยวนะคะ!” ฉันเข้าห้องครัวหาขันน้ำ มีดโกน อุปกรณ์ทำแผล ชะโงกหน้ามองผ่านกระจกหน้าต่างบ้านออกไป นาตาลีกับเจ็ทโด้นั่งหัวพิงกันที่ศาลาท่าน้ำ

“ฉันมีของมาฝาก นี่ไง! แท่นแท้น...” ฉันวางอุปกรณ์ลงกับพื้นห้อง แล้วขยับเข้าไปใกล้...  

“ขอบคุณมากนะคะ ที่เหนื่อยกับงานมาตลอด ฉันติดหน้บุญคุณหนี้ชีวิตคุณมากมาย”

“ขอบคุณมาก ที่ดูแลผมอย่างดีเรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

“ยกแขนค่ะ”

“หือ! จะทำอะไรครับ?”

“เถอะน่า! มีของดีมาฝาก”

เขาชูมือสองข้างเหมือนเด็กชายให้ฉันดึงเสื้อคอกลมออก สงสารมากเมื่อเห็นสภาพร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น โชคร้ายซ้ำสองคนรักกลับจำเขาไม่ได้อีก มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ฟังคำห้าม อยากให้เขาได้อยู่ด้วยกัน แต่กลับกลายเป็นตอกลิ่มปิดฝาโลงให้ทั้งสองขาดจากกันสิ้นเชิง
           “นาตาลีจำไม่ได้เสียใจไหม?” ฉันถามเบา ๆ เขานั่งนิ่งก่อนจะหันหน้าออกหน้าต่างตอบด้วยเสียงเครือ...
           
“ผมไม่เหลือสิ่งยึดเหนี่ยวอีกแล้ว ผมไม่เหลือใครให้คิดถึงอีกแล้ว” น้ำเสียงของเขาขมขื่นมากหันกลับมาน้ำตาคลอ
          “การจะหายเจ็บปวดภายในใจคือการหายไปจากสายตา ผมไม่น่ากลับมาเจอกับเธออีก ผมจะปล่อยเธอไปจริง ๆ แล้วครับ ผมจะเป็นคนเดินจากไปอีกครั้ง” น้ำตาของเขาไหลพราก ฉันไม่น่าไปเปิดแผลที่เขาอุตส่าห์ปกปิดตัวเองมาตั้งนาน
        “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ อยู่ที่นี่!ฉันจะได้ดูแลได้ ออกไปก็ไม่มีเพื่อน จะคุยกับใครจะนอนที่ไหน ฉันไม่ยอมให้ไปหรอก” ฉันน้ำตาตกในคิดถึงชีวิตที่เคยเดียวดาย ว้าเหว่ที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ถ้าเป็นเขาจะยิ่งลำบาก
          “ถ้าทั้งสองคนรักกันผมก็หมดห่วงแล้ว ผมจะเดินทางต่อนะครับ ขอบคุณมากครับ! น้ำเสียงที่ไม่เหลือความมั่นใจเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน เขาคงอดทนมากจนไม่ไหวแล้วสินะและกำลังจะเสียสิ่งยึดเหนี่ยวบาง ๆ ไป นาตาลีก็ออกไปเที่ยวกับสหายโกทุกวัน
           ฉันกลืนน้ำลายอย่างลำบาก สัมผัสกับความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจไปด้วย อึดอัดจนต้องถอนหายใจแรง...
        “ฉันจะรักษาใบหน้าให้นะคะ คุณจะได้กลับมาหล่อเหมือนเดิม ใครจะไม่รักคุณก็ช่าง โปรดจงจำไว้ว่า ฉันรักและนับถือน้ำใจคุณ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณจนตายจากกัน” ฉันน้ำตารื้นลูบใบหน้าหยาบตะปุ่มตะปั่มของเขาอย่างแผ่วเบา ลูบหย่อมกระจุกเส้นผมอย่างนุ่มนวล

เขาก็เปรียบเหมือนน้องชายคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรถึงใครจะไม่รักเขา แต่ฉันจะไม่ทิ้งผู้ชายคนนี้ให้ห่างสายตา และต้องช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ให้ได้

“ช่างเถอะครับ! ผมไม่มีความจำเป็นต้องรักษามันหรอก ผมจะไปอยู่ในที่ ๆ ไม่มีคนตามเจอ ในที่ ๆ ไม่มีคนเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องตกใจกลัวผม” เขาสะอื้นตัวโยนน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ดวงตาที่ดูเศร้านั้นสิ้นหวัง

“อย่าพึ่งถอดใจสิคะ แค่หกล้มครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าจะเดินไม่ได้นะคะ ”

“...........” เขายังส่ายหน้า

ชีวิตที่ต้องอดทนและรอคอยไม่ใช่เรื่องสนุก การต้องอยู่กับความหวังโดยไม่มีหวัง ถึงแม้จะไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นใคร แต่ลึก ๆ แล้วหัวใจก็คงมีความหวัง ความหวังคือสิ่งเดียวที่จะไม่นำพาไปสู่การคิดสั้น             

“เธอให้เอาครีมมาทา คุณแค่รักษาตัวเองให้ดีอย่าพึ่งไปสนใจคนอื่น ต่อไปไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนอีกแล้ว ไป่ไป๋ก็มีครอบครัวไปแล้ว นาตาลีก็จำคุณไม่ได้ เริ่มต้นชีวิตใหม่กันดีกว่าสาวเกาหลีเหนือสวย ๆ ทั้งนั้น” ฉันไม่แน่ใจกับครีมนี้สักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวถ้ามันรักษาไม่หาย ฉันคงต้องเสียเขาไปแน่

“หือ! สะดุดตากับสร้อยล็อกเกตเงินที่ห้อยคอแกว่งไกว เห็นแวบแรกนึกว่าเป็น Dog Tag ป้ายรหัสสำหรับห้อยคอทหารในสนามรบ            

“ลำตัวไม่เป็นอะไรนี่นา อาบน้ำมาตัวหอมเชียว” รอยไฟไหม้จากศีรษะลามลงมาที่หน้าอกและแผ่นหลังจากหัวไหล่ถึงปลายมือ จากสะดือลงไปถึงปลายเท้าไม่มีแผล หันไปเตรียมขันน้ำและมีดโกน...

“นั่งตรง ๆ นิ่ง ๆ นะคะ ถ้าขยับมีดโกนบาดหัวนะ หึหึหึ!” ฉันเอาน้ำลูบไปบนหัวที่มีผมหร็อมแหร็มเป็นกระจุก หัวแหว่งเส้นผมยาวไม่เท่ากัน

“จะทำอะไรครับ?”เขาหันมาถามเมื่อฉันเอาสบู่ละเลงหัว ...         

“สกินเฮด! ค่อย ๆ ลากมีดโกนจากกลางหัวลากลงมาที่คอ ค่อย ๆไล่ไปรอบหัว เส้นผมมีอยู่กระจุกเดียวใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย เอื้อมมือไปหยิบกระปุกยา...             

“กินยานี่ก่อนค่ะ” ส่งแคปซูลไปให้...            

“นาตาลีบอกว่า มันจะไปกระตุ้นดีพเซลฟื้นฟูภายในระดับอะตอม จากนั้นก็ทาครีมบาง ๆ ลงไปที่บาดแผลให้ทั่วร่างกาย มันจะเกิด Drug-Body Interactions” ฉันใช้สำลีป้ายทาครีม

“นาตาลีไปไหนครับ ร้องไห้อีกล่ะสิ?”

“นั่งคุยกับเจ็ทโด้ที่ศาลาท่าน้ำ มีอะไรหรือเปล่า? เดี๋ยวไปตามให้”

ฉันกำลังเพลินกับการทาครีม ตามซอกเล็กซอกน้อยแถวใบหน้า ลำคอมีรอยยับย่นมากที่สุด จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตัวใหญ่ แต่ใส่เครื่องทดกำลังแขนไว้ในเสื้อคลุมก็เลยทำให้เหมือนคนเล่นกล้าม ดูตัวใหญ่ยักษ์เพราะตัวเขาสูงมาก

“ไม่มีครับ! ผมสงสารไม่อยากให้กลับไปอยู่ในที่เดิม ๆ ไป่ไป๋ใจร้ายมาก ทิ้งเธอได้ยังไงจิตใจทำด้วยอะไรนะ?” เขาบ่นออกมาเบา ๆ

ฉันคิดไปถึงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเธอ จิตใจของคนไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าจะไม่เปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ของทั้งสามพังทลาย ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม แต่เขาโชคร้ายต้องอยู่ในเงามืดตลอดกาล
       “ถ้าฉันได้เจอกับเธออีกสักครั้งจะตีให้น่องลายเลย จะไม่ใจดีกับเธออีก” ฉันก็ไม่ชอบใจนัก ใจร้ายอย่างนี้ต้องสั่งสอน ทำร้ายคนอย่างฉันไม่เป็นไรแต่ทำร้ายนาตาลี ฉันไม่อยู่เฉยแน่ เธอโดนหนักกว่าหมวดจางแน่          

“เอ่อ!..แล้วคุณไม่เสียใจเหรอที่ไป่ไป๋แต่งงาน?”

“ผมโกรธมากกว่าเสียใจ ถ้าวันนั้นนาตาลีพยักหน้าผมคงฆ่าเธอไปแล้ว ผมจะไม่ลังเลเลย”

“หือ! จริงเหรอ?”

“คนที่หักหลังแบบนี้ผมโคตรเกลียดเลย ในวันที่เราอยู่ด้วยกันก็มีแต่คำพูดและการกระทำเท่านั้นที่ทำให้เราเชื่อใจกัน นาตาลีก็ไม่เหลือใครและรักเธอมากที่สุด การทิ้งกันมันไม่เหมือนตายจากกัน มันแค้น!

“น่ากลัวนะคะ แทนที่ใจดีคนเดิมไม่อยู่แล้วเหรอ?”

“คนนั้นตายไปแล้วครับ ผมจะไม่ใจดีกับใครอีกแล้ว”

“แต่ไป่ไป๋ก็น่ารักนะ ฉันยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ เฮ้อ!

“เธอหมดรักแล้ว ใคร ๆ ก็ดึงไม่ได้ นิสัยของเธอแรงอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก เอาแต่ใจตัวเองมาตลอด ตอนที่เธออยากจะให้เรารักกัน 3 คน ก็จัดแจงคิดเองเออเอง จนผมรู้สึกสมเพชตัวเอง” เขาถอนหายใจแรง

ฉันมองแล้วสงสารอย่างบอกไม่ถูก เขาต้องอดทนมากกว่าคนอื่น และทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยอะไรนาตาลีไม่ได้เลย จะรั้งไป่ไป๋ก็สายไปแล้ว
          “คุณยังรักเธออยู่นี่นา” ฉันเห็นท่าทางไม่สบายใจ ถอนหายใจบ่อย
        “ผมอยู่กับไป่ไป๋นานที่สุด มีเรื่องที่เราสองคนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมากมาย ผมคิดถึงเธอมากกว่านาตาลีด้วยซ้ำไป แต่จากนี้ผมจะไม่จดจำเธออีกแล้ว ถ้านาตาลีรักกับสหายโกผมจะไม่โกรธเลย สหายโกเป็นคนที่เชื่อใจได้เป็นลูกผู้ชายที่โอบอ้อมอารี” เขาถอนหายใจอีกครั้ง ฉันเกรงว่ามันจะเข้าหมวดดรามาเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า...         

“เรามีเครื่องบินรบเพิ่มอีกแล้วนะ คราวก่อนสหายโกบอกว่ามี 750 ลำ เจ็ทโด้สั่งให้พวกเขาไปเอามาอีก ตอนนี้มีเครื่องบินรบ 2,000 ลำแล้วนะคะ มีมากกว่านักบินซะอีก” ฉันทาครีมสีขาวขุ่นบนแผ่นหลังกว้าง อยากให้เขาหายไว ๆ ถ้าครีมดีจริงก็อยากจะเห็นหน้าของนาตาลีเหมือนกัน อยากรู้ว่าจะแถแก้ตัวไปทางไหน

ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผล ถ้ามองด้วยตาเปล่ามันไม่น่าจะมีความเป็นไปได้เลย แต่นาตาลีเป็นคนสร้างมันขึ้นมาดูถูกไม่ได้เหมือนกัน             

“ผมแปลกใจว่า คุณทำยังไงกับระบบสาธารณูปโภคที่ยังใช้ได้อยู่ทุกวัน น้ำมันล่ะ! เอามาจากไหน?” เขาเงยหน้าขึ้นมา

“น้ำมันสำรองมีทุกประเทศก็ไปขนมาสิคะ ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคภายในประเทศ ฉันก็เป่านกหวีดเรียกคนที่ทำงานเฉพาะด้าน เช่น ไฟฟ้า ก็เป่าเรียกคนที่รับผิดชอบการผลิตไฟฟ้า แล้วให้สอนคนของคุณลุงไว้ จริง ๆ แล้วพวกไฟฟ้าประปา มันไม่ได้มีต้นทุนอะไรเลย  คุณลุงส่งคนไปขนโซล่าเซลล์มาจากฝั่งใต้ ตอนนี้! ที่นี่แหละสว่างที่สุด อย่าลืมสิ! คุณลุงคิมจุนซองเป็นนักบริหารจัดการนะคะ” ทายากันไปคุยกันไป ฉันชอบคุยกับแทน

“ทำไมต้องติดโทรทัศน์ที่ค่ายกักกันมากมายขนาดนั้น ผมว่ารูปภาพของคุณมากกว่าอดีตท่านผู้นำสูงสุดอีก หึหึหึ!” เขาเริ่มหัวเราะรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย          

“เรื่องนี้สำคัญมากนะคะ Tamer 30 ถ้าไม่เห็นหน้าฉัน เขาจะคุยกันเอง พวกนี้จะดุร้ายและคิดตามกันทำอะไรตามกันแบบโง่ ๆ  อันตรายมาก แต่ถ้าเขาเห็นฉันพวกเขาจะเชื่องให้ทำอะไรก็ได้” ฉันคลุกคลีจนรู้จักนิสัยใจคอของพวกเขา Soulless ไม่ได้น่ากลัว Tamer 30 น่ากลัวมาก เหมือนคนคลุ้มคลั่ง           

“คุณใช้เวลาไม่นาน ผู้สนับสนุนของคุณทำไมเยอะจังเลย? สหายโกก็ยอมตายแทนคุณได้เลยนะ” เขาสงสัยไปเรื่อย นิสัยเหมือนทนายชอบซักชอบถาม เขาจะมีคำถามให้ต้องตอบเสมอ ๆ  ซึ่งฉันก็ชอบที่ได้คุยกัน        

“คุณรู้ไหมว่าที่เกาหลีเหนือ มีค่ายกักกันผู้เห็นต่างตั้ง 80 แห่ง มีทั้งเหมืองนรก ทั้งโรงงานนรก เคยได้ยินชื่อค่ายกักกันหมายเลข 14ไหมคะ?” มันเป็นความลับขั้นสุดของเกาหลีเหนือ ประเทศนี้โดนปกครองด้วยความกลัว   

ความกลัวเป็นเครื่องมือชั้นดีในการปกครอง ความกลัวทำให้เกิดการเชื่อฟัง ความกลัวทำให้เกิดการยอมรับ และความกลัวทำให้มนุษย์ยอมจำนน     

“เชลยที่โดนกักขังทั่วประเทศมากถึง1.5 ล้านคนที่ฉันไปปลดปล่อยยินดีมาช่วยงาน ก็แค่นี้เองไม่เห็นจะยาก ส่วนพวกที่ไม่ได้เป็น Soulless ฉันกล่อมทุกวัน พวกเขาก็เข้ามาช่วยกันเองแหละค่ะ ศัตรูของศัตรูคือมิตรค่ะ”

“ทำไมพวกจงรักภักดีถึงเปลี่ยนใจมาช่วยคุณล่ะ พวกนี้ป่วนจะตาย”

“ฉันเคยบอกคุณไปแล้วว่าความจงรักภักดีไม่มีอยู่จริง แค่เอาความกลัวออกไป พวกจงรักภักดีนี่แหละมายอมสยบก่อนใคร พวกนี้อยู่เป็นค่ะ” ฉันทายาใต้คอและหน้าอกแผลเป็นหยาบหนาเป็นก้อนปูด          

“นั่นแหละครับ ทำยังไง?!

“ทุกคนต่างก็มีความความหวัง ความฝัน กับคนแก่ฉันพูดถึงเรื่องการรวมชาติ กับคนหนุ่มสาวฉันพูดเรื่องเสรีภาพและการเดินทางค้นหาตัวตน คุยกับเด็กเรื่องความฝันในอนาคต”

“คุยกับคนหนุ่มสาวยังไงครับ?”

“ยกตัวอย่างนะคะ! การจำกัดทรงผมและการออกเดท เสรีภาพในการทำงาน เสรีภาพในความรัก ที่นี่คุณจะแสดงความรักในที่สาธารณะไม่ได้ ฉันคุยกับพวกเขาเรื่อง K-pop, Army, Uaena, ReVelu, Blink พวกวัยรุ่นเหมือนดอกไม้บาน ต้องการได้แสง สนใจไอดอลเกาหลีใต้กันทุกคน และคุยกับเด็ก ๆ เรื่องเปลี่ยนอินทราเน็ตเป็นอินเตอร์เน็ต เพื่อออกไปสู้กับเกมเมอร์ออนไลน์จากต่างประเทศ” ฉันยังอุบเรื่องสำคัญไว้..ไม่ได้บอกว่า ไม้ตายคือ ท่านผู้นำสูงสุด

“ในค่ายกักกัน โดนคดีความมั่นคงกันทุกคนเลยเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ! เพราะเกือบทุกคดีที่นี่เป็นภัยความมั่นคง ในค่ายกักกันมีแต่คนน่าสงสาร ทั้งอดีตนักการเมืองที่เห็นต่าง อดีตทหารที่พยายามหลบหนี คนที่ดูหนังโป๊ คนที่ดูหนังฟังเพลงจากฝั่งใต้และรวมถึงคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร เด็กที่ติดท้องแม่มาคลอดก็ติดอยู่ในนั้น กฎหมายความมั่นคงเปิดช่องให้ชาวบ้านใส่ความกันเอง สองมาตรฐานในการพูดเรื่องผู้นำ ฝ่ายหนึ่งพูด...ผิด อีกฝ่ายพูด...ไม่ผิด ทั้ง ๆ ที่พูดเรื่องเดียวกัน เคยเห็นกฎหมายที่ไหนเป็นแบบนี้ไหมคะ?”

“เคยครับ! รู้จักดีเลย”

“กลุ่มโหนผู้นำใส่จะความฝ่ายตรงข้ามเพื่อแจ้งเกิดและให้พวกตำรวจลิ่วล้อไล่กวาดจับ ผู้หญิงบางคนคลอดลูกในคุกและเลี้ยงเด็กในกรงขัง ผู้ต้องขังมีตั้งแต่อายุตั้งแต่แรกเกิด - 80 ปี  พวกเขามีเหมือนกันอยู่เรื่องหนึ่งคือ ความหวังที่จะได้รับการปลดปล่อยและกลับบ้าน คนจะยากจนแค่ไหนก็ตามก็คิดถึงบ้านของตัวเอง” ฉันสลดใจในชะตากรรมของทุกคน

“ความโหดร้าย มันจะไม่มีอีกแล้วใช่ไหมครับ?”

“ในโลกของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แท้จริงทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ที่มันเลวร้ายเพราะผู้นำมันฉวยโอกาส ยกตนขึ้นไปอยู่เหนือกฎหมาย จากนี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว” นี่คือฝันของฉัน

เขาเปรยลอย ๆ

“ในโลกทุนนิยมแม้แต่หมายังแบ่งเกรดไม่เท่ากันเลยครับ คนยิ่งไม่ต้องหวัง ค่าครองชีพเป็นตัวบีบให้คนในระบอบแก่งแย่งกันจนลืมความเป็นคน” โอ้ว! จุกเลย/ใช่สินะ!...ในโลกทุนนิยม เงินเป็นตัววัดคุณค่าของคนนี่นา/

“เกาหลีเหนือก็มีดาวเทียมนะคะ ฉันควบคุมไว้หมดแล้วหาข่าวจากดาวเทียมสอดแนมพวกนี้แหละ” ฉันค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ จนเป็นรูปเป็นร่าง

“หวังฉวนเป่านกหวีดไปทั่วโลก ปริมาณของมนุษย์คงลดลงมาก  แต่ที่บ้านของฉันเหลือคนมากกว่าที่อื่น เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน”     

“แล้วคนที่รอดจะจัดระเบียบยังไงกันต่อ?”              

“ฉันจะให้พวกเขาใช้ชีวิตจากนี้ไปอย่างที่ต้องการ ให้ไปศึกษาหาทางกันเอาเอง ใครจะมาปกครองก็ช่าง ในระหว่างสร้างชาติขึ้นมาใหม่  จะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใคร ๆ ได้ เพราะทุกชาติล่มสลายไปแล้วและเมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะวางมือ!

“หือ! ไม่เห็นเข้าใจเลยครับ” 

ฉันทายาเสร็จก็จับเขาพันผ้าตามที่นาตาลีสั่งไว้ 

“เสร็จแล้ว!” ฉันเอาผ้าพันตัวเป็นมัมมี่ไปเลย          

“ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นนะคะ พักรักษาตัวเองซะบ้าง เรื่องของคนอื่นปล่อย ๆ ไปบ้าง ชีวิตย่อมมีทางเดินของมันเอง คุณชอบพูดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ฉันพยุงให้นอนแล้วเดินออกหลังบ้านลงไปหานาตาลีที่ศาลาริมน้ำ
                           ....................................................................................................

         
สายน้ำแทดงไหลเอื่อย เวิ้งน้ำกว้างใหญ่ระยิบระยับสะท้อนแสงดวงดาวยามค่ำคืน แม่น้ำสายนี้เคยแดงฉานไปด้วยเลือดของสหายร่วมชาติที่สละชีพตามคำโฆษณาชวนเชื่อของท่านผู้นำ ผู้ที่ตายไปก่อนกลับโชคดีกว่าผู้ชนะที่ทุกข์ทน
      “ฮือ!ฮือ!ฮือ!”นาตาลีนั่งกอดเจ็ทโด้ร้องไห้ตัวโยน พอไม่โดนนินจากวนใจปล่อยให้สมองว่างก็ต่อสู้กับความคิดไม่ไหว นั่งเหม่อซึมไร้วิญญาณ สักพักก็ร้องไห้ เธอคงทรมานใจมาก             

“ฉันมันคนไร้ค่า คนไม่มีความหมาย” เธอยังโทษตัวเองร้องไห้เป็นวักเป็นเวร ฉันเข้าไปลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วก้มลงไปกอดทั้งสองคน

“อยากกลับบ้านเหรอคะ?”

เธอพยักหน้าหงึกซบอกของเขา...       

“ฉันไม่มีบ้านไม่มีญาติ ฉันมีแต่ไป่ไป๋ ฉันทำทุกอย่างเพื่อทดแทนสิ่งที่ขาด อยากจะมีครอบครัวใหญ่ แต่...ฮือฮือ!” เธอสะอื้นน่าสงสาร

“นึกว่าหายแล้วซะอีก”

“หายแล้ว แต่วันนี้บรรยากาศมันได้ หงึ! หงึ!

จะว่าไปแล้ว ฉันสนิทกับไป่ไป๋มากกว่านาตาลีด้วยซ้ำไป เรานอนด้วยกันหลายเดือน ยังตกหลุมรักเด็กคนนั้นเลยไม่อยากจะเชื่อว่า เธอจะทิ้งไปจริง ๆ ใจคนยากหยั่งถึงจริง ๆ             

“มนุษย์โลกกลายเป็น Soulless กันหมดแล้ว ไม่มีเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศ ทางเดียวที่จะกลับไปได้ต้องขับรถผ่านจีน อันตรายมากสำหรับคุณ ซอนกับหมวดจางเป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม?” ฉันเบี่ยงประเด็น

เจ็ทโด้หันมา... 
           “จะเป็นอะไรของมัน ผมอยู่กับมันมาไม่เคยเห็นมันเป็นหวัด”เขาหันมายิ้ม นาตาลียังซบอกสะอื้น...
           
“ซอนน่ารักดี ฉันชอบ” ฉันพยายามนึกถึงใบหน้าของเขา สิ่งที่แวบมาก่อนคือลักยิ้ม เราไม่เจอกันหลายปีแล้ว

“ลูกชายมันน่าเตะมาก กวนตีนตั้งแต่เล็ก ผมจะจับหักขาหลายครั้งแล้ว ผมเคยแอบบีบคอเกือบตาย” เขาเงยหน้าขึ้นมาขยิบตาเป็นนัย

“ย่าห์! นี่แน่ะ! ๆ ๆ” เธอหยุดร้องไห้ทันที ซัดหมัดรัวใส่พัลวันแล้วโผบีบคอขย้ำแยกเขี้ยว...

“อย่ามาว่าลูกชายของฉันนะ น้องแทนน่ารักที่สุด คิดถึงน้อง ฉันร้องไห้เพราะคิดถึงน้อง” เธอหลงรักเด็กนี่เอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เขาหัวเราะลั่น ฉันพลอยยิ้มไปด้วย 

“หมวดจางล่ะ นิสัยดีไหมคะ?” โยนคำถามเข้าไปอีกจะได้ไม่มีช่องว่างให้คิด             

“นิสัยไม่ดี ชอบแกล้ง ชอบหลอก” เธอเงยหน้าฟ้องตาใส น้ำตายังไม่แห้งเลยสาวน้อย

“แต่ก็ชอบใช่มั้ยล่ะ” ฉันยิ้มเอ็นดูลูบหัวไปเบา ๆ นี่ก็ท่าทางของน้องสาวคนเล็กชัด ๆ  เธอเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาแววตาไร้เล่ห์เหลี่ยมไม่มีพิษภัย

“ไอ้ซอน! โชคดีมากที่ได้หมวดจาง สวยด้วย เก่งด้วย ผมเห็นเธอตบหัวกบาลมันประจำ เธอดุจริง ๆ หึหึ!

“ดุมากเหรอคะ?” ฉันไม่รู้จักหมวดจางมากนัก ไม่รู้นิสัยใจคอรู้แต่ว่า เธอจะฆ่าฉัน       

นาตาลี ตาโตลุกยืนเล่นใหญ่...           

“โหย!..วันนั้นนะ เธอตบซอนต่อหน้าลูกน้อง”

“อ้าว! แล้วไอ้ซอนทำไง?”

“หยามกันขนาดนั้นใครจะทนไหว เขาฮึดสู้ ” เธอเสียงสูงหน้าตาตื่น

“ทำไม ซอนมันทำไม?” เขาขยับตัวสนใจ

“เขาถือมีดด้วย! ทะเลาะกันลั่นบ้าน ฉันร้องไห้เก็บเสื้อผ้าเลย! เธอแสดงสีหน้าท่าทางประกอบ

“หรอ!เจ็ทโด้ตาลุกวาวอ้าปากค้าง ฉันพลอยตื่นเต้นลุ้นตามไปด้วย ปรกติซอนเป็นคนใจเย็น แสดงว่า คงสุดกลั้นจริง ๆ

“หมวดจางว่ายังไง? เธอสู้มั้ยคะ?” ฉันอดใจไม่ไหว ยื่นหน้าเข้าไปด้วยอยากรู้

“โอ้โห! ซัดกันนัว โช้งเช้ง!โช้งเช้ง! ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม เรือนกระจกที่เรานั่งกินข้าวพังหมดเลย...”

“ไอ้ชั่ว! เขาตบเข่าฉาด...

“คุณน่าจะบอกผมก่อน จะกระทืบให้จมดินเลย” เขาแค้นมาก

หลังจากนั้นอีก 4 - 5 วัน ซอนก็เสียงอ่อยเข้ามาอ้อนฉัน”
            “มันอ้อนว่ายังไง?"
           “ดอกเตอร์คร้าบ...ผมไม่เห็นหน้าลูกเมียมา 4 – 5 วันแล้ว คิดถึงจังเลย กินข้าวก็ไม่อร่อย” เธอเลียนแบบเสียงซอน
           “เมียหนีเหรอคะ? เป็นฉันก็หนี” ฉันไม่ชอบเลยใช้กำลังกับผู้หญิง ซอนไม่น่าจะเป็นคนอย่างนี้ไปได้ ผิดหวังมาก

“มันคงสำนึกผิดล่ะสิ? ไอ้นรก!เขากัดกรามโกรธ

“เปล่าหรอก! ที่ไม่เห็นหน้าลูกเมียเพราะหมอไม่ให้แกะผ้าพันแผล ตาแตก ปากบวมเป็นครุฑต้องกินข้าวทางสายยาง โดนเมียกระทืบ...เละ!
            “ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

“ไอ้ซอนโดนหนักขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“เปล่าหรอกฉันโกหก! แหวะ! เธอหายเศร้าแล้วท่าทางเหมือนเด็ก พอมีสิ่งสนใจใหม่ก็ลืมเรื่องเก่า             

“ยายดอกเตอร์บ้า! กวนตั้งแต่เด็กยันแก่เลยนะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!เธอกระโดดโลดเต้นดีใจที่หลอกสำเร็จ เด็กน้อยจริง ๆ เลยพอสบายใจแล้วก็กลับมาคุยด้วยใหม่...

“หมวดจาง! ใจดีมากเลยนะ เก่งมากด้วย คิดถึงจัง”

ฉันนึกขำ... 

“ถ้าเราไม่มาเจอกันก่อน แล้วฉันเกิดไปเจอเธอ คงได้ตายกันไปข้างหนึ่งแน่ ๆ หรือไม่ก็เจ็บทั้งคู่” ภาพจำสุดท้ายของฉันคือเธอเป่านกหวีดเรียก Tamer30 มากระทืบพวกเรา ชะตาชีวิตนี่ตลกดีนะ ไม่มีอะไรผิดตลอดไปและก็ไม่มีอะไรถูกตลอดไปเช่นกัน

ฉันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...

“นาตาลี! ฉันมีนกหวีดของยอร์น ฉันจะให้คุณ” ฉันถอดสร้อยส่งให้ แต่เธอหันไปมองหน้าเจ็ทโด้สายตาของทั้งสองเคลือบแคลงสงสัย

“ฉันมี 2 เส้นแล้ว ของคุณก็ให้ฉันด้วยไม่ได้เหรอ?”เธอจ้องหน้าจริงจังอย่างนี้ แสดงว่าจะเอา

“เอาไป...คุณก็ใช้ไม่ได้” ฉันเมินหน้ามองออกไปกลางแม่น้ำ
            “ฉันใช้ไม่ได้ไม่เป็นไร คุณก็จะได้ไม่ใช้มันอีก” น้ำเสียงจริงจังมาก จะทำตัวเป็นผู้พิทักษ์โลกอีกคนแล้วเหรอ?               

“เรื่องนี้! ต้องปฏิเสธ ฉันต้องทำงานต่อเนื่อง” ฉันยอมไม่ได้ งานของใครก็ของมัน ไม่เกี่ยวกัน

“แต่มันจะได้ไม่มีคนตายอีก” แหม...ได้คืบเอาศอกซะด้วย

“งั้น...เอาของยอร์นคืนมาฉันไม่ให้แล้ว เรื่องมากนะเนี่ย” ฉันดึงนกหวีดกลับ เธอผวามาคว้า...

“โอเค! เข้าใจแล้ว” หน้ามึนเหมือนกันนะเนี่ย

“ฮ่าฮ่าฮ่า!  

“แล้วของยอร์นมันใช้ยังไงคะ?”

“ฉันก็ไม่รู้และไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาก็มีนกหวีด อันนี้มันทำให้ฉันระแวงเขาเคยวางยาสลบพวกเราไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาทำอะไรลงไปบ้าง?”  
            นาตาลีกรอกสายตาครุ่นคิดแล้วหันมา...
            “คุณพอจะคาดเดาได้มั้ย?”

“ฉันไม่เคยระแวงสงสัยเขาเลย เออ! มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไปรู้มา”

“อะไรคะ?”
          “แต่คงไม่เกี่ยวกันและฉันก็ไม่ได้โกรธเขาเคยจ้างคนสร้างสถานการณ์รุมกระทืบฉันที่เกาหลีใต้ ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเข้าร่วมโครงการกับเขา”

“หือ! ตอนที่คุณไปจากผมน่ะเหรอ?” เจ็ทโด้ขยับลุก

“ใช่ค่ะ”

“แล้วคุณได้ลองเป่ามันหรือเปล่าครับ?”เขามองที่นกหวีด

“ฉันไม่กล้าเป่าเพราะเริ่มระแวง แต่ฉันไม่โกรธเขาหรอกนะ เขาทำเพื่อเป้าหมาย และก็ดูแลฉันอย่างดี”

“งั้น!...นาตาลีหาคำตอบมาด้วยนะ อย่าซี๊ซั๊วเป่าล่ะ!

“ฉันว่า มันคงจะเกี่ยวข้องกันแน่ คนอย่างพวกนั้นไม่ลงทุนทำอะไรเล่น ๆ หรอก อาจจะเอาไว้ควบคุมพวกคุณก็ได้ เรื่องนี้ฉันรับผิดชอบให้” เธอพูดมาน่าคิด               

“คุณประมาณได้ไหมคะว่า Soulless ที่นี่มีกี่คน?” เธอลูบสร้อยคอเบา ๆ สายตายังคงกรอกไปมา

“น่าจะประมาณ15ล้านคนกระจายไปทั่วประเทศ ฉันเหลือประชากรอีกประมาณ 5 ล้านคนที่ไม่กลายพันธ์ เอาไว้สืบเชื้อสายเกาหลีต่อไป” ฉันคำนวณคร่าว ๆ

“วัคซีนของฉัน ช่วยคนไม่ได้มากขนาดนั้นหรอก แต่ฉันจะช่วยเท่าที่มีนะคะ” เธอเมินหน้าออกไปกลางแม่น้ำ หิมะเริ่มลงหนักขึ้นน้ำในแม่น้ำเริ่มจับตัวเป็นแผ่นกระจก

“คุณไม่ต้องช่วยคนที่นี่ ถ้าอยากช่วยออกไปช่วยนอกประเทศ” ฉันชักระแวงนาตาลีอีกคน จะมาบังคับฉันไม่ได้นะฉันให้เหตุผลไปหมดแล้ว         

เธอจ้องหน้าเอาเรื่อง...            

“คุณรู้สึกเสียใจไหมที่ทำแบบนี้?” โยนคำถามป้ายความผิดมาให้อีก ต้องเคลียร์กันก่อน                   

“นาตาลีคะ! ถึงเสียใจก็ต้องทำ เจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้ในช่วงเวลาปรกติ พวกเขาใจร้ายกับชาวบ้านใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง พวกมันทั้งกดขี่ทั้งคอรัปชั่น ผลงานก็น้อยเงินเดือนก็ขึ้นให้กันเป็นว่าเล่น มันสบายมาตลอด”

“เหมือนกันทุกชาติแหละ” เจ็ทโด้หัวเราะ หึหึ! /วันนี้พูดเข้าหูหน่อย/

“พวกมันรวมหัวกันทุกฝ่าย ใครขัดขวางก็ทำลายล้าง อำมหิตมาก”

“มันเป็นกติกาสังคม ก็ต้องยอมรับ” นาตาลีแถข้าง ๆ คู ๆ

“คุณช่วยบอกฉันหน่อยว่า ใครจะคืนความยุติธรรมให้พวกเขา  หรือต้องคิดแบบคุณ แล้วปล่อยให้พวกเรารับชะตากรรมไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าอย่างนั้น...คุณก็คงเป็นพวกเดียวกับท่านผู้นำแล้วล่ะ เขาไม่เคยโดนลงโทษเพราะเขาเป็นคนตั้งกติกา คุณเองก็ชนชั้นสูงนี่! คงไม่เข้าใจหัวอกชาวบ้านหรอก คุณไม่มีวันเข้าใจคนที่หิวแล้วไม่ได้กิน”

“เอ่อ!!” เธอนิ่งอึ้ง คนที่ไม่เคยถูกหมากัด ก็ยังคงมองว่า มันน่ารัก

“ก็มันเป็นกฎหมาย” เธอยังเถียง

“มันเป็นกฎโจรที่เขียนขึ้นมาข่มขู่คนทั้งประเทศให้เลี้ยงครอบครัวตัวเองมาหลายรุ่นแล้ว ถ้าเป็นกฎหมายมันต้องเท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่ให้ประโยชน์เฉพาะกลุ่ม” ฉันยังใจเย็นพอที่จะอธิบาย...

“ถ้าเขาเลวขนาดนั้น คนคงหนีออกไปหมดแล้วล่ะ” แหมดอกเตอร์...ทำเป็นพูดเก่ง!...คนที่ไม่อยู่ในสงคราม คงไม่รู้ว่าความหลอนมันเป็นยังไง?

“หนีก็ตาย คนที่อยู่ในค่ายกักกัน 80% โดนจับกลับมาเพราะหนี รัฐบ้าอะไร ไม่สนับสนุนชาวบ้านให้มีชีวิตที่ดีขึ้น การบังคับให้สรรเสริญผู้ปกครองที่เสวยสุขอยู่ตระกูลเดียวไม่ได้ทำให้ปากท้องอิ่ม ถ้าคุณอยากชื่นชมก็ทำไปคนเดียวเถอะ”

เจ็ทโด้ขยับทันที

“ในทุกองค์กร มันมีทั้งคนดีและคนเลวผสมปนเปกัน คุณจะเหมารวมไม่ได้” เขาเห็นดีงามกับเธอซะงั้น ฉันเกาหัวกับอีตานี่มากที่สุด  

“ใช่ค่ะ! ทุกองค์กรมีทั้งคนดีและเลวจริง ขอถามว่าคนดีจัดการอย่างไรกับคนเลวในองค์กรคะ ส่วนใหญ่ก็เฉย! แล้วก็ปล่อยให้ทำเลวต่อไป ไม่สนับสนุนก็เหมือนสนับสนุน ”

“..........” ทั้งสองเงียบกริบ

“ถ้าในองค์กรมันมีคนดีจริง มันต้องก้มมองตัวเองและขอโทษที่ปล่อยให้มีคนชั่วอยู่ในองค์กร เคยมีคนดีในองค์กรออกมาต่อต้านคนทำเลวในองค์กรเดียวกันมั้ย...ไม่มี้!

“..........”

“แต่จะมีคนออกมาอ้างแบบคุณว่า ในทุกองค์กรมันมีทั้งคนดีและคนเลวผสมปนเปกัน จะเหมารวมไม่ได้ ต้องแยกแยะ! และพวกมันจะมาโจมตี ไล่ฟ้องคนที่ให้ข่าวหาว่าทำให้องค์กรเสียชื่อ ไอ้คนที่ออกมาพูดนั้นแหละเลว! รัฐที่สร้างความขุ่นแค้นต้องล่มสลาย” โดนดอกนี้เข้าไปทั้งสองนั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

นาตาลีเฉไฉเดินไปเด็ดดอกไม้...           

“ฉันอยากกลับบ้านซอน คิดถึงน้องแทน” นั่นไง! เถียงสู้ไม่ได้แถไปเรื่องอื่นอีกแล้ว สายลมกระพือเส้นผมสลวยสยาย ใบหน้าเรียวขาว ดวงตากลมโรย จมูกเชิดรั้น ปากบาง ในสายตาของฉัน เธอคือคนที่น่ารักที่สุด...

“คุณไม่ห่วง สหายโกเหรอ? คุณกลับไปเขามีเมียแน่ ตอนนี้เขาเนื้อหอมมากนะ” ฉันโยนคำถามมั่วไปก่อน ไม่รู้ว่าแอบชอบกันไปหรือยัง?

เธอหันมากระดี๊กระด๊า

“สหายโกน่ารักมาก เขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก เขามุ่งมั่นจะช่วยคุณ” แหม...ยิ้มหน้าบานเชียวนะ

“รักกันรึยัง?”

“บ้า! ฉันไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้น” หน้าแดงทำไม? จมูกแดงทำไม?

“เฮ้อ! เจ็ทโด้ถอนหายใจแรง

“คุณไปบอกให้ครูฝึกนินจาไปส่งให้สิ” เจ็ทโด้โบ้ยปากเข้าบ้าน

“คุณสั่งให้หน่อยสิฉันเกรงใจ เคยทำนิสัยแย่ ๆ ใส่เขา จริง ๆ แล้ว เขาก็น่ารักนะ”

“สั่งเรื่องส่วนตัวแบบนี้ไม่ได้ มันเสียปกครอง ถ้าคุณอยากกลับก็ไปอ้อนมันเอาเอง” เขาเมินมองไกล //เหนื่อยหน่อยนะนาตาลี ฉันเองก็อยากให้เธออยู่ที่นี่// 

แต่...ดอกเตอร์สาวไม่ยอม เธอเดินอาด ๆ เข้ามาจ้องหน้าเขา
           “แล้ว!…ทีคุณใช้เขามาส่งจูยอน มาช่วยกันพังประเทศแบบนี้ ทำไมทำได้!...หื้อ?” เธอโวยใส่หน้า ฉันแอบยิ้ม

เจ็ทโด้ เด้งตัวขึ้นมาสวน...                   

“คุณกล้านั่งรถมันเหรอ? มันเบิ้ลเครื่อง 2 ทีคุณก็ขอลงแล้ว”

“เฮ้อ! เธอท่าทางลังเลคงจะเข็ดไม่กล้านั่ง

ฉันเอื้อมมือไปลูบแขนเธอเบา ๆ ...                  

“ฉันเอาครีมไปทาให้นินจาเซมแล้วนะคะ”

“จริงเหรอ?” นาตาลีตาใสยิ้มกรุ้มกริ่มพยักหน้าหงึก ๆ สายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว                  

“เดี๋ยวเขาจะไข้ขึ้นไม่สบาย เพราะร่างกายจะแอนตี้ ซมไข้ไปอีก 2 วัน” เธอยิ้มมุมปากโยกตัวเหมือนคนสมใจอะไรบางอย่าง

“อ้าว! ทำไมไม่บอกกันก่อน จะได้บอกให้เขารู้ตัว” ฉันแอบตกใจ แต่เธอลอยหน้าลอยตาดีใจออกนอกหน้า //เด็กจริง ๆ แหละ!หาเรื่อง เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย//                 

“ฉันจะแกล้งเขา บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะสิ ฉันจะตอบแทนที่เขาเหน็ดเหนื่อยสอนงานและช่วยคุณมาตลอด ฉันเคยบอกว่าจะรักษาให้แต่เขาบอกว่า เดี๋ยวหมาจำหน้าไม่ได้ ฉันยังหมั่นไส้อยู่เลย” เธอยิ้มสุขใจ //อ๋อ! เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง//

“จูยอน!..ไอ้นินจา มันขับเครื่องบินรบเป็นนี่หว่า?” เขาเอาอะไรมาพูด...ขับเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันไม่เคยรู้ มั่วรึป่าว?

แต่วินาทีนั้น...

“ฉันจะได้กลับแล้ว ยู้ฮู!ฉันจะได้กลับแล้ว” นาตาลีแทบคลั่ง วิ่งเต้นกระโดดร้องเพลงไปรอบศาลา 

“เรามีเครื่องบิน MIG เยอะเลย ฉันจะได้กลับแล้ว ๆ ๆ ๆ” เธอดีใจกระโดดโลดเต้น               

“คุณคงต้องรอให้มันหายก่อน และถ้ามันหายดีแล้ว ผมก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก คุณต้องออกจากเกาหลีเหนือ ภายใน 24 ช.ม.ตกลงมั้ย?” เขายิ้มเหี้ยม

“ได้สิ! เธอยิ้มเชิดหน้ามั่นใจ

“สัญญา! เขายื่นมือมา นาตาลีคว้าหมับ...

“ด้วยเกียรติค่ะ! เธอตะเบ๊ะแล้วหมุนตัวกระโดดกระเด้งร้องเป็นเพลงกลับเข้าบ้านไป...                  

“ฉันจะได้กลับแล้ว ยู้ฮู! เจ็ทโด้! จูยอน! ฉันไม่ได้เกลียดพวกคุณ ฉันสัญญาจะออกจากเกาหลีให้ไวที่สุด ฉันจะได้กลับแล้ว ยู้ฮู! คนมันมีความหวัง อยากเห็นหน้าจังถ้าเขาหายเธอจะทำยังไง?
             ....................................................................

“โอปป้า! นึกยังไงถึงมาหาฉันที่นี่?” สงสัยจังเลย       

“ผมจะมาชวนเล่นกุ๊กกู๋” เขาถูมือเขินอายน่ารักเชียว

“ฮ่าฮ่าฮ่าเขาเรียกว่าโกอิบิโตะกุ๊กกุค่ะ โอปป้า! อยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไปเลยนะ ฉันอยากเห็นคุณในวันที่ผมขาว หลังค่อม คงจะขี้บ่นน่าดู คุณต้องค่อย ๆ ปล่อยวางนะคะ ถ้าแก่แล้วขี้บ่นลูกหลานจะไม่เข้าใกล้” ฉันเอียงหัวซบไหล่ เขายังคงสุภาพและสุภาพมากไม่เคยถึงเนื้อถึงตัว 
           “คุณอยู่ที่ไหนผมก็อยู่ที่นั่น ผมขออาศัยอยู่ด้วยคนนะจะช่วยทำงาน” เขายิ้มอาย
           “อื้อ! มันต้องอย่างนี้สิ!” อบอุ่นใจจังโผเข้ากอด ถึงต้องตายพรุ่งนี้ก็ไม่เสียใจ สิ่งที่สมควรทำฉันได้ทำหมดแล้ว
           “โอปป้า! คิดว่าฉันใจง่ายไหมคะ? ฉันเป็นคนเข้าหาคุณก่อนนะ” อาจจะเป็นเพราะเราเป็นผู้ใหญ่รึป่าวนะ เลยข้ามเรื่องสำคัญไป
         “เมื่อก่อนผมมีภาระ รักใครไม่ได้และจะไม่ขอโทษด้วย ส่วนหลังจากนี้...ผมมีชีวิตใหม่แล้วเราเป็นผู้ใหญ่แล้วมองตาก็เข้าใจ หวานแหววหรือจะสู้รักแท้ ”
            "น่ารักจัง!"
ฉันเข้าใจและไม่เคยโกรธเรื่องนั้น ในทางตรงกันข้ามกลับชอบมากขึ้นที่เขารักและซื่อสัตย์กับคู่รัก ชอบจังเลย...หวานแหววหรือจะสู้รักแท้
             “แล้วนึกยังไงถึงตามหาฉันที่สวิตเซอร์แลนด์คะ?” นี่คือสิ่งที่ฉันสงสัยมาตลอด
           “ใครตาม? ผมไม่ได้ตาม” เขายิ้มอายหลบหน้า ฉันเอื้อมไปจับใบหน้าให้หันกลับมา

“แทนบอกหมดแล้ว คุณให้เขาตามหา”

เขาอายเหมือนหนุ่มน้อย เม้มปาก ดวงตาหลุกหลิก น่ารักเชียว

“ผมรู้มาตลอดเวลาว่าคุณตกอยู่ในอันตราย อยากตอบแทนที่คุณเคยช่วยชีวิตของผม ในตอนแรกผมคิดแค่นั้นไม่ได้คิดอย่างอื่น” เขาเสยผมเงยหน้าแดงก่ำ             

“แล้วยังไงคะ อะไรที่ทำให้เปลี่ยนไป?”          

“เหตุผลของคุณที่สวิตเซอร์แลนด์มันกินใจ ผมซื้อเหตุผลและความตั้งใจของคุณไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าคิดใหญ่เท่านี้ ถึงจะเป็นเพราะความแค้นแต่ผมก็สนับสนุน” ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรฉันชอบหมดเชื่อหมด มันปลื้มใจรอบกายเป็นสีชมพู            

“ถึงว่าสิ! คุณทำตัวแปลกจนฉันกลัว คุณไม่เคยดีกับฉันมาก่อนเลยนี่” ฉันเอนพิงอกอุ่น ได้อยู่ในอ้อมกอดแบบไม่ต้องบังคับเหมือนเมื่อก่อน อบอุ่นจัง!         

“ที่ผมกลับไปเป็นทหารเพราะ 2 สาเหตุ 1.พาเจ้าแทนไปรักษาตัวและฝึกให้มันเป็นทหารรับจ้าง และ2.ตามหาคุณ” เขากอดแน่นจนตัวลีบ  
           “แต่คุณกับไป่ไป๋ก็จะปล่อยให้ฉันตายที่สวิสฯ ฉันรู้หรอกน่า” เอาเรื่องเก่ามาให้เคลียร์ เขาไม่ยอมให้นินจา
2 ไปช่วยฉัน
         “ผมรู้ว่าคุณฉลาดคุณมองออกอยู่แล้ว น้อง ๆ มันจับตามองผมก็ต้องแสดงอย่างนั้น ผมก็อายเป็นนะ หึหึหึ!” เขาหอมแก้มจั้กกะจี๋หนวดทิ่ม ฉันยังมองไม่ออก...อย่ามาเหมา วันนั้นกลัวเกือบตาย...

“คุณเข้าข้างไป่ไป๋ขนาดนั้น เธอตีฉันด้วยนะ”

เขายิ้มค้าง แล้วถอนหายใจ....            

“ไป่ไป๋เอ้ย!.ไม่น่าเลย ทั้งสองคนมันก็แปลก ๆ ทำไมถึงจำเจ้าแทนไม่ได้ ถ้ามีใครสักคนได้ดูแลมันอย่างใกล้ชิดก็จะจำมันได้ในเวลาสั้น ๆ มันเปิดเผยตัวเองบ่อย ตอนมันนอน” เขาถอนหายใจยาว ฉันแหงนมองหน้าอย่างสงสัย แก้ผ้าออกก็จำไม่ได้หรอก...

“ยังไงค่ะ? ไม่เข้าใจ”   

“มันชอบนอนละเมอ! ไอ้นี่นอนละเมอโวยวายตลอด บางครั้งผมนั่งฟังมันละเมอเป็นชั่วโมง มันคงมีแต่ความทรงจำฝังใจเก่า ๆ ในป่า ภาพสุดท้ายที่มันจำได้คงเป็นป่าโบราณ” เขาถอนหายใจอีกครั้ง ฉันรู้สึกหมองใจในโชคชะตาของเขาจริง ๆ

“พรุ่งนี้ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือกัน มีคนต่อต้านรวมกลุ่มที่นั่น ฉันเกรงว่ามันจะโจมตีเรา” การต่อต้านเริ่มขึ้นแล้ว ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยจะได้วางมือ เสร็จงานนี้ฉันจะย้ายไปอยู่นอกเมือง

“เอาสิ! ไปเจรจาให้รู้เรื่อง จะได้ไม่ต้องกังวลภายใน”              

“ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มันห่างไกลมากข่าวสารไปไม่ถึง แถบนั้นท้องถิ่นทุรกันดารและเป็นภูเขาสูงห่างไกลความเจริญจะถูกยุยงปลุกปั่นได้ง่ายกว่าที่อื่น”

“ทหารของเราเป็นยังไงบ้าง?”

“ทหารที่ส่งไปขนยุทโธปกรณ์จากเกาหลีใต้กลับกันมาแล้วนะคะ ได้อาวุธและอาหารมาเพียบเลยค่ะ” กลุ่มทหารหนุ่มใบหน้าผ่องกลับมาทุกคน ยิ่งพวกเขาไปไกลจากบ้านเท่าใดยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่ฉันเคยพูด ฉันเคยเล่าถึงความเจริญของโลกภายนอกที่บ้านของเราไม่มี

“ส่งไปอีก ค่อย ๆ ขนมาให้หมด ก่อนที่จีนมันจะเข้ามายึด”

“จีนมันยังมั่วกับตะวันออกกลาง น่าสงสารเกาหลีใต้ที่ไม่มีโอกาสได้รวมชาติ ตอนนี้เหลือเกาหลีเหนือกับ Kala Democracy ที่จีนยังไม่เด็ดหัว ฉันคิดว่าอีกไม่นาน Kala Democracy โดนก่อนแน่ ๆ จะกลับไปช่วยมั้ยคะ”

“ที่นั่นมีทั้งคนเก่งและพระอิทธิฤทธ์สูงคุ้มครองบ้านเมืองไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวพอศัตรูเข้าไปช่วยกันสวดมนต์”เขาอมยิ้มหมายความว่ายังไง เดี๋ยวนี้ไม่รักชาติเลยนะ

ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ กับการทำงาน ต้องเดินทางตลอดเวลาและเรื่องทั้งหมดนี่...มาจากความคิดของนายแทนคนเดียว ฉันเปลี่ยนใจครั้งสุดท้ายเพราะเขา ไม่อย่างนั้นป่านนี้เกาหลีคงมีแต่กลิ่นเน่าของซากศพ

การต่อต้านที่หวั่นใจเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นเรื่องปรกติของความไม่เข้าใจเมื่อสงสัยและไม่มีคำตอบที่ชัดเจนก็คงถามหาคำตอบจากใครสักคน ฉันคงกลายเป็นนางแม่มดไปแล้วพวกเขาต้องออกมาปกป้องผู้นำสูงสุด ฉันต้องใจเย็นอธิบายมากกว่านี้ ไม่อยากกลายเป็นคนจะใช้อำนาจเสียเอง

                                        ..........................................................


จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม