หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 2 ก.ค. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา แทน
พฤษภาคม ค.ศ.2026
จูยอนกับเจ็ทโด้มาทำอาหารให้ที่บ้านบนเกาะตั้งแต่เช้า หลังทานอาหารเรียบร้อยพวกเรานั่งล้อมวงกันที่ห้องรับแขก พี่ใหญ่นั่งคู่กันบนโซฟาตัวกลางยิ้มมองพวกเรา ซอนและหมวดจางนั่งตรงกันข้ามบนโซฟาเล็ก สองสาวนั่งกอดกันกลมอยู่ที่พื้น เรามีสมาชิกเพิ่มมาเลี้ยงน้องอีกคน อีซูมินเด็กสาวที่นาตาลีเคยช่วยเหลือไว้
จูยอนขยับยิ้มหวานมองหน้าทุกคน...
“พวกเราหมดทุกข์หมดโศกกันแล้วนะคะ ถ้าจะให้ดีก็อยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป” เธอสมกับเป็นพี่สาวคนโตจริง ๆ สวยสง่างามมากขึ้นทุกวัน
ไป่ไป๋สาวน้อยของผม กลายเป็นวัยรุ่นหลุดโลกกับทรงผมสุดชิค เส้นผมแหว่งไปทั้งหัว ใบหน้าสลดดวงตาแดงคลานไปคุกเข่าต่อหน้าจูยอน พวกเราขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย ยายหัวแหว่งจะเล่นอะไรอีก เธอตาแดงนั่งประสานมือไว้แนบอกเงยหน้ามองจูยอน...
“หนูนิสัยแย่มาก เลวมาก คิดร้ายกับคุณ กล่าวหาใส่ร้ายคุณทั้ง ๆ ที่คุณได้พยายามอธิบายแล้ว แต่หนูมันนิสัยแย่มากไม่ยอมฟังเลย หนูขอโทษนะคะ รับคำขอโทษจากหนูด้วยนะคะ ฮือฮือ!” เธอหลั่งน้ำตาเหมือนสั่งได้ คุกเข่าก้มหัวแนบพื้นร้องไห้โฮ
ผมหันสังเกตมองใบหน้าของทุกคนเปื้อนยิ้ม พอใจกับการแสดงออกของเธอ ไป่ไป๋ทำถูกใจมากผมไม่เคยชอบใจเรื่องนี้เลย เมื่อก่อนเธอก้าวร้าวมากและคนที่เธอต้องขอโทษขอขมามากที่สุดคือจูยอนคนที่ไม่เคยคิดร้ายกับใครเลย
“หนูคิดร้ายขนาดนั้นทำร้ายจิตใจของคุณ อยากฆ่าคุณจริง ๆ จากความอคติโง่เขลาแต่คุณก็ยังไม่ถือโทษ หนูขอโทษนะคะรับการขอโทษจากหนูนะคะ” เธอสะอึกสะอื้นน่าสงสาร พวกเราได้แต่นั่งมองกันเงียบ
จูยอนยิ้มสายตาอบอุ่น ก้มไปแตะหลังไป่ไป๋...
“ลุกขึ้น! เรื่องที่ทำร้ายเพราะคิดว่าฉันฆ่าแทน ฉันรู้ว่าคุณเข้าใจผิด ฉันเองก็เข้าใจว่าเขาตายจากไปแล้วเหมือนกัน ถ้าเจ็ทโด้ไม่ส่งเจ้านินจามาอยู่ที่นี่ ฉันก็คงไม่มีวันรู้เรื่องของแทนอีกเลย ไม่เป็นไรนะคะ! คนเราเข้าใจผิดกันได้ ฉันไม่โกรธหรอก” เธอดึงแขนไป่ไป๋ให้ขึ้นนั่งข้าง
เจ็ทโด้ยิ้มหันมองด้วยสายตาอบอุ่นเหมือนสายตาผู้ใหญ่ที่มองเด็กด้วยความรัก ไป่ไป๋เอียงหัวซบอกจูยอนแล้วอ้อนขอโทษ...
“คุณเอาของมีค่าที่สุดมาแลกกับชีวิตของหนู คุณเอาความเสี่ยงของทุกคนมาไว้กับหนู หนูไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรเลย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง!ฉันอัดเสียงนกหวีดไว้มากมาย หวังฉวนมันคิดไม่ถึงหรอกว่าเกาหลีเหนือก็มีเทคโนโลยีขั้นสูง ทหารสามารถเอาไปประยุกต์ใช้งานเป็นอาวุธได้ นกหวีดนั้นจะไม่มีวันตายเกาหลียังปลอดภัยเหมือนเดิม” จูยอนลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน
ในบรรยากาศแห่งความซาบซึ้งใจทุกคนยิ้มให้กับการกระทำของไป่ไป๋ กลิ่นความสุขตลบอบอวลหมวดจางยิ้มหน้าเหี้ยมเสนอหน้าเข้ามา
“จูยอนมีไม้กอล์ฟมั้ยคะ? ฉันจะหวดก้นไป่ไป๋สักหน่อยนิสัยไม่ดี ฉันก็โกรธขอฟาดสักทีเถอะ”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” พวกเราก็หัวเราะกันลั่นบ้าน
ไป่ไป๋หน้าถอดสีถลึงตามอง หมวดจางยักคิ้วยิ้มมุมปากสายตาเจ้าเล่ห์ คู่นี้มีอดีตกันมายาวนาน
“ก็ได้! ตีหนูก็ได้” เธอปากจู๋ก้มหน้าสลด
จูยอนยิ้มหวานลูบหัวน้อง...
“ทำผิดแล้วยอมรับผิดก็เพียงพอแล้วค่ะ ลุกขึ้นเถอะ” เธอจับไหล่ไป่ไป๋ลุกขึ้นยืนโค้งศีรษะทำความเคารพพี่สาว
“หนูจะช่วยอะไรคุณได้บ้างคะหนูอยากไถ่โทษ?” ไป่ไป๋รวบเอวใบหน้าแนบอก
เจ็ทโด้เคาะหัวเธอเบาๆ...
“เลิกดื้อ! แล้วฟังผู้ใหญ่พูดบ้าง คุณไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ผมพูด แค่ฟังไว้บ้าง แล้วเอาไปประกอบกับความคิดของตนเองก่อนตัดสินใจลงมือและอย่าคิดลองใจนาตาลีด้วยวิธีบ้า ๆ นั่นอีกนะ”
จูยอนชะโงกหน้ายิ้มเข้ามา...
“อย่าดุน้องมากเลย เราไม่ต้องลงโทษเธอหรอก โดนกรรไกรตัดหัวแหว่งมา คงจะคิดอะไรได้บ้างแหละ” เธอหัวเราะเสียงใสแล้วยีหัวของน้อง นาตาลีปรบมือชอบใจหันไปตีมือกับหมวดจาง
ไป่ไป๋น้ำตาร่วงเอาสองมือแนบท้องโค้งศีรษะให้จูยอนและเจ็ทโด้อีกครั้ง...
“ขอบคุณพี่ทั้งสองคนนะคะ หนูจะไม่ดื้อแล้วจะช่วยทำงานทุกอย่างเลย” เธอยิ้มกว้างพร้อมเสียงปรบมือของพวกเรา ความบาดหมางในใจทุกอย่างจบลงสวยงาม
เจ็ทโด้หันมาหาเธอ...
“เธอรับผิดชอบเรื่องพยาบาลให้หน่อยสิ เตรียมตัวเป็นครูฝึกพยาบาล เดี๋ยว! ผมส่งเด็กมาให้” เจ็ทโด้ยิ้มอบอุ่น
“ได้ค่ะ! เดี๋ยวหนูกับหม่าม้าจะช่วยกันทำแผนการฝึกให้”
“ที่นี่ผลิตวัคซีนได้ใช่ไหมคะ?” หมวดจางถามก่อนจะหันไปหน้าบ้าน อากาศยังคงหนาวเย็นน้องแทนวิ่งไล่ซูมินหัวเราะเสียงใส เจ้าหัวฟูมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นกว้างขวาง ลานปูนหน้าบ้านแต่งแต้มด้วยดอกไม้สารพัดสี
นาตาลีขยับยื่นหน้าเข้าวงสนทนา...
“เราไม่ต้องสนใจหาคำตอบเรื่องนกหวีดแล้วเธอไปผลิตวัคซีนที่ห้องวิจัยโชซอนสิ พ่อพระเอกของเราจะขับเครื่องบินขนคนไปช่วยเราฉีดวัคซีนรอบโลก” เธอหันไปจิกเจ็ทโด้ เขาไม่สนใจหันไปหาหมวดจาง...
“ทำงานด้วยกันที่นี่ก็ได้เนอะ เรื่องที่บ้านผมขอโทษด้วย”
หมวดจางยิ้มพยักหน้า...
“ได้ค่ะ! ฝากดูแลน้องแทนด้วยนะคะ” สาวสวยยิ้มพึงพอใจ
เจ็ทโด้หันไปหาจูยอน...
“จูยอนเรามีอาวุธเท่าไหร่แล้วครับ พอแจกแจงให้ฟังได้ไหม?”
“สบายมาก!เรามีเครื่องบินรบ 2,500 ลำ เครื่องบินอื่น ๆ อีก 1,945ลำ รถถัง 17,500 คัน ปืนใหญ่ยิงต่อสู้อากาศยาน 51,000กระบอก ขีปนาวุธต่อต้านนิวเคลียร์ ระเบิดนิวเคลียร์ 54 ลูก เรือดำน้ำจมหมดแล้ว 73 ลำ เรือรบปลดประจำการอีก 30 ลำ ทั้งหมดขโมยมาค่ะ”
ซอนหันมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก สายตาดื้อมาก...
“แม่ง!ไม่น้อยเลย ใครจะเข้ามาได้ เข้ามาก็เจอของแข็ง!”
เจ็ทโด้ยกมือ...
“ปัญหาอยู่ที่เรายังไม่มีทหารมากพอ ตอนนี้ได้มาเกือบแสนคนแล้ว เราต้องช่วยกันฝึกทหารให้สหายโกมีทัก” เขาขมวดคิ้วทอดสายตามองออกไปนอกบ้าน
“เหลือเฟือทหารตั้ง 100,000 นาย” ซอนยิ้มกวน เจ็ทโด้หันขวับ...
“ไม่พอหรอก แทน! สั่งนักบินพาทหารไปขนอาวุธของพวกอเมริกันที่ฟิลิปปินส์มาให้หมด แล้วเลยไปที่เกาะกวมกับหมู่เกาะมาร์แชลด้วยเอามาให้ทหารมันฝึกปล่อยไว้เดี๋ยวจีนมันเข้ามายึด เมื่อวานลูกศิษย์ของคิมซองบกก็เอาเครื่องบิน F-22 Raptor โหม่งโลกไปอีกลำ หึหึ! ไม่รู้ว่ามันจะโลดโผนไปถึงไหน?”
“ผมไปขนมาหมดแล้วครับ” เรื่องนี้ผมคิดและทำก่อนที่เขาจะสั่ง
เขาหันไปหาซอน...
“ซอน! มึงคัดเด็กชายหญิงดื้อ ๆ ไว้ใช้งานสัก 20,000 คนแล้วส่งมาช่วยไป่ไป๋กับหมวดจาง” เขาคิดจะทำอะไร จะสร้างกองกำลังทำไม จะบุกจีนจริงเหรอ?
“ผมพูดเกาหลีไม่ได้เลย ฟังไม่ออกด้วยจะทำไงดี?”
“ภาษานี้ง่ายใช้เวลาไม่นานก็เข้าใจ ให้ลูกมึงสอนก็ได้”เขาตบไหล่ซอนเบา ๆ
การทำงานโดยไม่มีผลตอบแทนรับค่าจ้างเป็นรอยยิ้ม ความรู้สึกผูกพันกับสิ่งที่ทำและคาดหวังผลลัพธ์เป็นเลิศเป็นความสุขใจที่มาพร้อมความภูมิใจ ได้รู้สึกว่าตัวเองก็มีคุณค่าและมีความหมายกับผู้อื่น นี่หรือเปล่านะที่เจ็ทโด้เคยพูดไว้ คนไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อเงิน
จูยอนหันไปหาเจ็ทโด้...
“เราไปหาสหายคุณลุงกันดีกว่า ขอขนมมากินกัน”เธอยิ้มหวานแววตาเปี่ยมไปด้วยความรัก
ผมยิ้มมองใบหน้าของจูยอนด้วยความศรัทธา ยิ่งเห็นเธอรักพี่ชายที่เคารพก็ยิ่งหมดห่วง เจ็ทโด้ได้คนที่สมควรได้รับความรักของเขาแล้ว จูยอนเหมาะสมกับเขามากกว่าน้าเอื้องของผมมาก
เจ็ทโด้ขมวดคิ้วยิ้มมอง แล้วลูบหัวจูยอนอย่างเอ็นดู...
“เดี๋ยวนี้คุณเป็นอะไรกินบ่อยมาก กินจุกจิกทั้งวัน”เขามองด้วยสายตาแสนรัก จูยอนหน้าแดงอายบิดแขนเป็นเกลียว...
“ฉันน่าจะมีน้องนะ”
“ฮ้า!” เจ็ทโด้อ้าปากค้าง พวกเราเด้งลุกพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย...**
“เย้!!!!” เสียงตะโกนพร้อมกันบ้านสะเทือน
“ข่าวดี! ข่าวดี!” นาตาลีลุกไปเต้นส่ายตูดกับไป่ไป๋ ซอนกับหมวดจางยิ้มกว้างหันไปกอดกัน เจ็ทโด้ได้สติวิ่งเข้าไปกอดและหอมเมียอย่างบ้าคลั่ง...
“ผมมีลูกแล้ว ผมจะได้เป็นพ่อแล้ว!”
เมื่อพายุฝนซาลงท้องฟ้าก็สวยงาม ผมหันมองออกไปที่ลานนอกบ้าน น้องแทนยิ้มกว้างกำลังเสียบดอกมูกุงฮวาสีชมพูทัดหูให้อีซูมิน ถัดไปบ้านหลังเล็กริมสระน้ำ หม่าม้ากับป่ะป๊านั่งหยอกล้อกันบนแคร่หน้าบ้าน เราจะมีน้องเล็กเพิ่มมาอีกคนครอบครัวของเราเริ่มจะสมบูรณ์แบบแล้ว
“ฉันไปก่อนนะ!” จูยอนลุกเดินออกนอกบ้าน เจ็ทโด้เดินป้วนเปี้ยนพันแข้งขาเหมือนหมาดีใจ
“ผมไปด้วยคนสิ! ผมไม่รู้เรื่องที่เกาหลีเลย อยากคุยรายละเอียดเรื่องงานด้วย” ซอนแหกปากร้องวิ่งตามไป นาตาลียิ้มมองตามไปแล้วป้องปากตะโกน...
“ไปช่วยเขาขับรถก็ดีนะซอน! เจ็ทโด้แก่แล้ว ขี้บ่น!”
หลังจากรถยนต์แล่นออกไป อีซูมินก็เดินยิ้มกลับเข้ามาพร้อมกับดอกไม้เหลืองชมพูเต็มสองหู น้องแทนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“มานั่งนี่!” นาตาลีตบเบาะเรียกเธอมานั่งข้าง ๆ น้องแทนเดินมาเกาะขากางเกงผมแล้วแหงนมองหน้า...
“ซัมชุน! อยากเล่นอีก พาไปเล่นหน่อยสิ” เขาแหงนหน้าเขย่าขา ถ้าอ้อนอย่างนี้ต้องจัดให้อย่างงาม …
“อยากไปซิ่งมั้ย! เอาป่ะ?”
“เอา!”น้องอมยิ้มเอียงคอดวงตาใสหันไปมองนาตาลี เธอยิ้มให้แล้วพยักหน้า...
“ไปสิ! ให้ซัมชุนพาไป” นาตาลีอนุญาต
“เอา! เอา! ลีให้เล่นแล้ว” เขาซอยขาดีใจกอดขาของผมแน่น หมวดจางอมยิ้มมอง…
“ฉันเป็นแม่นายนะ ขออนุญาตจากฉันสิยะ!”
เจ้าตัวน้อยวิ่งไปกอดขาแม่...
“เค้ารู้ว่าม้าให้ไปอยู่แล้ว”
“น้องแทน! รอเดี๋ยวนะครับไปพร้อมกันทุกคนเลย” ผมลูบหัวเจ้าตัวเล็ก เด็กบ้านี่น่ารักจัง
นาตาลีถามน้องสาวคนเล็ก...
“ซูมินคะ! ฉันจะสอนให้ทำงานในห้องทดลองนะคะ เอามั้ย?” เธอลูบหัวน้องเบา ๆ ถ่ายทอดความรักและความไว้ใจให้กับน้องใหม่ที่เข้ามาสู่ครอบครัว เด็กสาวยิ้มกว้างพยักหน้ารัวรัว...
“ค่ะ! สอนหนูนะคะ หนูจะช่วยทุกอย่างเลย” เธอขยับกอดเอว
อีซูมินรุ่นราวคราวเดียวกับยายล้นของผม เธอแสดงความรักกับนาตาลีบ่อย ๆ ผมคิดว่า...เธอคงซึ้งใจไม่ลืมเลือนกับการช่วยชีวิตในครั้งก่อน
เธออ้อนนาตาลี...
“อนนี่คะ! หนูเล่นเปียโนเก่งนะคะ หนูเล่นให้ฟังไหมคะบ้านเราก็มีเปียโนด้วย” เธอยิ้มชี้ไปที่เปียโนมุมห้องรับแขกหน้าห้องโถงด้านใน
ไป่ไป๋ยิ้มเดินบิดเข้ามา...ถึงแม้หัวของนางจะแหว่ง แต่ด้วยดวงตาที่กลมโตใบหน้าขาวเนียนได้รูป ปากนิดจมูกหน่อยกลับทำให้ใบหน้าเธอสวยเก๋ไปอีกแบบ ไม่มีอะไรทำร้ายความสวยของเธอได้เลย
“หนูยืนยัน! น้องเล่นเปียโนเก่งจริง ๆ”
หมวดจางลุกยืนหันมองด้วยหางตา...
“อีซูมิน! อย่าไปเสียเวลาเล่นกับพวกนี้เลย มาช่วยฉันทำความสะอาดบ้านดีกว่า ห้องน้ำอย่าให้เปียก ทางเดินอย่าให้มีของวางเกะกะ ดูพื้นต่างระดับด้วย ยายดอกเตอร์มันยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย ตรวจสอบดูซิว่าหลอดไฟดวงไหนขาดบอกมาจะให้แทนมาเปลี่ยนให้” เธอแร็ปยาวเลย พูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องโถงกลมใหญ่อยู่ด้านขวาหลังห้องรับแขก ตรงข้ามกับเปียโน
เจ้าแม่ผู้มากอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาลอาสาเป็นแม่บ้านอย่างเต็มใจ ผมคิดว่าเธอรักนาตาลีถึงยอมทุกอย่าง อีซูมินลุกวิ่งตามเข้าไปกอดเอวอย่างสนิทสนม
นาตาลีหันมายิ้มอวด...
“เป็นไงล่ะ! เพื่อนฉันแต่ละคน น่ารักทั้งนั้นเลย” เธอดึงเบา ๆ ผมทิ้งตัวลงหนุนตักบนโซฟายาว ไป่ไป๋ขยับมานั่งทับท้อง…
“หนูมีความสุขมากเลยที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง” เธอก้มลงมาหอมแก้ม นาตาลีก้มหน้าลงมา...
“ฉันไปช่วยหมวดจางทำงานดีกว่า คุณสองคนไปเที่ยวกันสิ ไปอยู่ด้วยกันมั่ง ฉันเบื่อแทนแล้ว” เธอบอกแล้วลุกเดินหนีไปหาหมวดจาง
ผมเข้าใจ...นาตาลีรักไป่ไป๋มากยอมเสียสละทุกอย่างและมักจะปลีกตัวออกไปให้ไป่ไป๋มาอยู่กับผม น้องแทนดึงขาเธอไม่ให้ไป...
“ลีไปซิ่งกัน”เจ้าตัวน้อยหัวยุ่งหน้าขาวยิ้มกว้าง
“ลีจะไปช่วยม้าทำงานน้องแทนไปกับไป๋นะคะ แทนคะ!พาไปได้แล้ว”นี่คือความน่ากลัวของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าในหัวของเธอคิดอะไรความใจกว้างของเธอผมไม่ชิน บางครั้งก็แอบคิดว่าเธอจะน้อยใจหรือเปล่านะแอบโกรธหรือเปล่า การมีเมียหลายคนเหนื่อยใจมาก
เจ้าหัวฟูขี่คอสูงโยกเอวโบกมือให้ลีอองที่กำลังวิ่งเล่นกับหมาก่อนที่ผมจะเลี้ยวเข้าสวนลูกท้อข้างบ้าน นกน้อยหลายสายพันธ์เริงร่าร้องเรียกเพื่อนในสวนต้นบ๊วยไร้ใบ น้องแทนกับไป่ไป๋จูงมือกันเดินเก็บสตรอเบอร์รี่แดงสดผลใหญ่กินอย่างสบายใจ ที่นี่มีทุกอย่างสะดวกสบายแตกต่างจากบ้านสหายตามชนบทที่ยากไร้ ผลพวงของการปกครองแบบแบ่งชนชั้นเห็นได้ชัดจากสิ่งก่อสร้าง
“แทนคะ! ฉ่ำดีจัง” ไป่ไป๋ยิ้มโดนใจชูพวงผลไม้แดง
พวกเราเดินเลาะริมแม่น้ำสายเชี่ยวเขียวใสละอองฟองกระทบริมสองฝั่ง ตรงข้ามมองเห็นบ้านเกิดของประธานาธิบดีคิมอิลซองเงียบเหงาไร้คนเข้าเยี่ยมชมโชคดีที่จูยอนไม่สั่งเผามันไปด้วย
เกาะคอนยูกลางแม่น้ำแทดงที่เราอาศัยอยู่นี้ยาวรีรูปร่างเหมือนลำเรือหัวแหลมท้ายแหลม คฤหาสน์ที่พวกเราพักอยู่ด้านหัวเกาะตรงสะพานข้าม ฟาร์มนกกระจอกเทศอยู่ไกลด้านท้ายเกาะ กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งพุ่มสีชมพูสดใสของดอกพ็อตโกตบานสะพรั่ง ตัดกับสีเหลืองอร่ามของดอกแคนารีที่แทงช่ออวดความงามสีเหลืองอร่ามไปทั้งเกาะ
“ที่นี่มีนกกระจอกเทศด้วยเหรอคะ?”
“คนที่นี่เลี้ยงนกกระจอกเทศแทนหมาครับ มีเกือบทุกบ้านแหละ” ผมหันไปตอบแล้วรับน้องแทนมาอุ้ม
“แทนขา! สวยจริง ๆ เลยนะคะ” ไป่ไป๋สูดลมหายใจกางแขนหมุนตัวเริงร่าท่ามกลางดงดอกไม้ เสียงน้องแทนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“ว้าว! ว้าว! ว้าว! ไป๋!” น้องยิ้มกว้างซอยขายิกชี้ไปข้างหน้า...
“ไป๋! ดูไก่สิ! ตัวใหญ่เบิ้มเลย” เขายิ้มกว้างฟันขาววิ่งรี่ไปหา
“ไม่ใช่ไก่นะลูก นกกระจอกเทศครับ” ผมขำกับท่าทางน่ารักของเจ้าตัวน้อย คิดว่าเขารู้จักมันแล้วซะอีก
“ระวังนะลูก! อย่าไปใกล้ตีนมันนะ เดี๋ยวมันเตะเอา” ผมร้องบอก
“อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย!” เจ้าตัวเล็กยิ้มแฉ่งวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไป ลูกชายคนเก่งของแม่ใหญ่ไม่เคยกลัวอะไรเลย สายตาของเขามีแต่อยากเล่นสนุก ไป่ไป๋วิ่งตามน้องไป
คอกไม้วงรียาวเลาะตลิ่ง นกกระจอกเทศพ่อแม่พันธ์คอยาวตัวสูง 2 ตัวและบรรดาลูกเล็กเดินก้มกินสารพัดผักที่ทหารเอามากองสุมไว้ที่โคนเสากระโจมสูงหลังคากลมมุงหญ้าคา บังแดดบังฝนกลางลานดิน
พวกเรามุดรั้วเดินเข้าไปหานกกระจอกเทศปีกดำตัวใหญ่ น้องแทนคึกคักตีปีกเก็บอาการไม่อยู่ ดิ้นยุกยิกยิ้มกว้างดวงตาประกาย
“ไป๋!เค้าอยากขี่” เขายิ้มฟันขาวซอยขาแหงนหน้ามองแล้วชี้นิ้วที่นกตัวสูงท่วมหัวลำตัวของเขาเท่ากับน่องข้างหนึ่งของนกยักษ์ ไป่ไป๋กำลังอุ้มน้องขึ้นนั่งบนหลัง...
“อย่า!” ผมร้องห้าม…
“ยังขี่ไม่ได้นะครับ ต้องคลุมหัวปิดตามันก่อน” ผมรีบวิ่งกลับไปคว้าถุงคลุมหัวนกที่เสากระโจมเอามาครอบหัวนกตัวผู้ปีกดำตัวสูง
“ไป่ไป๋! คุณมายืนบนเก้าอี้นี่นะขึ้นไปกับน้องด้วย” ผมบอกแล้วจับคอนกต้อนเข้าใกล้เสา
“หนูต้องทำยังไงมั่ง?” เธอยิ้มร่าสนุกไปด้วย
“อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย!” น้องแทนวิ่งสลับไปมาเกาะขาของเรา เขายิ้มปากแทบฉีกซอยขายิกอยากขึ้นขี่เต็มแก่แล้ว
“คุณนั่งตรงกลางหลังนะ เอาขาสอดไว้ใต้ปีกเอามือจับโคนปีกสองข้างไว้” ผมพยุงให้เธอเกาะไหล่ก้าวขายาวขึ้นขี่หลังเจ้านกคอยาว
“อึ๋ย!ตื่นเต้นจังเลยที่บ้านหนูเขามีอานให้นั่งด้วยนะคะ”เธอยิ้มสดใสเมื่อเจ้านกขยับขา ลำตัวโยกเยกเอวส่ายอ้อนแอ้น
เจ้าหัวฟูตื่นเต้นสุดขีด...
“อึ๋ย!อึ๋ย!อี๋!อี๋!!! ไป๋!เอาเค้าไปด้วยอยากขึ้น ซัมชุน! อุ้มเค้าหน่อย” น้องแทนแหงนหน้ากางแขนกว้าง
“คุณจับที่ขนตรงปีกแน่น ๆ นะ เอาขาหนีบตัวมันไว้แน่น ๆ แล้วโยกตัวตามมัน” ผมบอกแล้วก้มอุ้มน้องแทน...
“น้องแทน! กอดไป๋แน่น ๆ นะครับจะซิ่งแล้ว” ผมอุ้มเขาให้นั่งหันหน้ากอดไป่ไป๋
“อึ๋ย!อึ๋ย!จะชิ่งแล้ว!” น้องเก็บอาการไม่อยู่แล้ว
เจ้านกขยับตัวเดินแถไปเรื่อย ผมคอยประคองเดินตาม ไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยไปอะไรมันจะเกิดขึ้น
“ซัมชุนวิ่งสิ! ให้มันวิ่ง! ชิ่งเลย!” อื้อหือ! ไม่ทันใจวัยรุ่นตัวจี๊ดเลย
“พร้อมมั้ย? พยองยางเรซซิ่งกำลังจะปล่อยตัวแล้ว” ผมนึกสนุกเล่นไปกับพวกเขา
“เอาจริงเหรอคะ หนูกลัวตกนะ?”ไป่ไป๋ก็ตื่นเต้นมากยิ้มค้างเอวอ้อนแอ้นไปตามจังหวะเดินของนก น้องแทนกอดคอแน่น ร้องสั่ง ...
“ยองยางชิ่งเลย!...ไปเลย!” เจ้าตัวเล็กดวงตาใสกรี๊ดสนั่น
ผมยังไม่กล้าตัดสินใจปล่อยนก เดินจูงมันเลาะไปตามขอบรั้วไม้ เจ้าหัวฟูหันมองหน้ามุ่ย...
“ไป๋! ไม่เห็นมันวิ่งเลย ไม่หนุกเลย!” วัยจิ๋วอารมณ์เสีย
“กอดคอไป๋แน่น ๆ นะ มันจะวิ่งแล้ว” ผมหันมองรอบสนามกลมรี ชั่งใจอีกครั้ง แล้วตัดสินใจดึงผ้าคลุมตาของนกกระจองเทศออก…
“พรึบ!”
“พยองยางเรซซิ่ง ออกแล้ว…ววววว!”
“ปี๊บ!ปี๊บ!” เจ้านกมองเห็นอีกครั้งหันคอมองซ้ายขวาแล้ว...วิ่ง
“จ๊าก!!!วู้ว!ว้าว!” สองเสียงประสานกัน
นกกระจอกวิ่งไม่คิดชีวิต ไป่ไป๋ตูดกระดกดึ๋งดึ๋งพยายามทรงตัว น้องแทนก็กอดรัดคอทุลักทุเล มันวิ่งเลาะไปสุดทางโค้งวิ่งวนกลับมา ไป่ไป๋ตาเหลือกแหกปากลั่น...
“หนูหายใจไม่ออก!!” เธอลิ้นจุกปากน้องแทนรัดคอแน่น
“หนูจะลง! จับมันหยุดหน่อย! แค่ก!แค่ก!” ลำตัวของเธอเอียงลงมาเรื่อย ๆ เจ้านกยังคงวิ่งไม่สนใจเสียงร้อง
“ตุ๊บ!” ทั้งสองคนหล่นกลิ้งกอดกันเป็นลูกขนุน ฝุ่นตลบคลุ้ง
ไป่ไป๋ตาเหลือกลนลานคว้าน้องแทนมากอด คนที่น่าสงสารกลับกลายเป็นผู้ใหญ่ เจ้าหัวฟูหัวเราะลั่นลุกปัดตูดวิ่งเข้าหา...
“ไป๋ลงมาทำไม? เอาอีก!” น้องแทนกำลังสนุกวิ่งไปกอดขาไป่ไป๋ // ไม่กลัวอะไรเลยจริง ๆ เด็กคนนี้//
“น้องแทนไม่กลัวเหรอ เดี๋ยวตกอีกนะคับ” ไป่ไป๋ปัดฝุ่นให้น้อง ผมเดินเข้าไปฉุดเธอลุกขึ้น เจ้าหัวฟูเข้ามากอดขา...
“ไม่เจ็บ! ซัมชุนเอาอีก” เขาเงยหน้ายิ้มตาใส
“วู้ว! เล่นอะไรกัน เล่นด้วย!” เสียงร้องเรียกดังมาจากทางเดินในสวน พวกเราพร้อมใจกันหันไปมอง
“ยู้ฮู!” สามสาวเดินยิ้มอยู่แถวสวนสตรอเบอร์รี่ บริเวณลานตกปลาริมแม่น้ำ นาตาลีกระโดดโบกมือไหว ๆ
ผมเดินไปจับเจ้านกกระจอกตัวเดิมกลับมาสวมหัวอีกครั้ง ไป่ไป๋อุ้มน้องเข้ามา...
“อันตรายนะคะจะให้น้องขี่คนเดียวเหรอ?” สายตาของเธอลังเล
“เห่ย!เด็กผู้ชายมีแผลเป็นบ้างจะเป็นไรไป” ผมบอกแล้วอุ้มน้องไปวางบนหลังของนกกระจอกเทศ
“อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย!” น้องแทนยิ้มกระดี๊กระด๊าตีปีก ผมจับให้นั่งเข้าที่เข้าทางไม่มีอุปกรณ์ป้องกันสักชิ้น
“น้องแทน! ไฟท์ติ้ง” ผมกำหมัด เขากำหมัด...
“ไพ้ติ้ง!อึ๋ย! อึ๋ย!” ดวงตาใสยิ้มกว้างควบขายิก คงอยากเต็มแก่
“จับตรงนี้แน่น ๆ นะครับจะไม่ตกลงมา พร้อมนะครับ!” ผมบอกให้เขาจับโคนปีกสองข้าง
“เย่!” เขาพยักหน้าเม้มปากจับแน่น
“ไปเลย!” ผมกระชากผ้าคลุมหัว
“ปี๊บ!ปี๊บ!” เจ้านกพุ่งพรวด
“อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย! อึ๋ย!” น้องแทนตูดโด่งกระเด้งดึ๋งดึ๋ง
ในขณะเดียวกัน...สามสาวเดินลั้ลลามาถึงในจังหวะที่เจ้านกกระจอกออกจากจุดสตาร์ท มันวิ่งควบอย่างเร็วฝุ่นตลบ
“วู้ว...ววว!!” น้องแทนกรี๊ดลั่นสนุกสะใจ ตูดกระเด้งดึ๋ง ๆ
“เฮ้ย!” แม่ใหญ่ถลาตาเหลือกกางแขนวิ่งอ้าวเข้ามา....
“ตายแล้วลูกฉัน! หยุดเดี๋ยวนี้! เอาลูกชั้นคืนมานะ!” เธอตาเหลือกสับขาวิ่งหน้าตั้ง ไป่ไป๋วิ่งพรวดตามไป
นาตาลีกับอีซูมินตกใจยืนปิดปากมองตาค้าง ...
“แทนโอปป้า...แกล้งน้องอีกแล้ว” ซูมินหันไปฟ้องนาตาลี
“แทน! ไปเอาน้องกลับมา เดี๋ยวนี้!” นาตาลีวิ่งเข้ามาตีแขน
“หยุดเดี๋ยวนี้น้า! เอาลูกชั้นคืนมา ไอ้นกบ้า! หยุดน้า!!!” หมวดจางกับไป่ไป๋วิ่งตามตูดนก ผมหันซ้ายหันขวา...วิ่งสิ! อยู่ทำไมโดนด่าแน่ลี้ภัยก่อนดีกว่า
“เซม! สถานการณ์ของชาวบ้านไม่ดีเลย สงสัยจะมีการรวมตัวกัน”สหายคิมซองบกเรียกวิทยุมาเมื่อผมเดินเข้าบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ผมคิดว่ามันเกิดการต่อต้าน อาจจะเกิดสงครามกลางเมือง”
“เฮ้ย!” ผมใจหายวาบโดนต่อต้านแล้วเหรอ?
“สหายโกรู้เรื่องนี้หรือยัง? รายงานสหายโกก่อนนะ ผมไม่มีหน้าที่สั่งการใด ๆ อีกแล้ว”
“สหายผู้พันไปเยี่ยมทหารที่ชายฝั่งทะเลนัมโพครับ อีก 3 วันถึงจะกลับมา”
“สหายรู้มั้ยใครเป็นผู้นำการต่อต้าน?”
“ยังไม่ทราบครับ แต่ผมได้กลิ่นความตายและคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายครับ”
“ผมจะรายงานให้สหายจูยอนทราบนะครับ แต่พวกสหายต้องตัดสินใจรับมือกับปัญหาเอาเองนะ ตอนนี้สหายจูยอนคงไม่ตัดสินใจช่วยพวกสหายแน่ ๆ”
“ผมก็ต้องการแค่นั้นแหละครับ อยากให้เรื่องนี้ถึงหูของเธอ ผมไปหาทางจัดการกับปัญหาก่อนนะครับเซม” ซองบกวางสายไปพร้อมกับปัญหาใหม่เข้ามา
การต่อต้านลามปามเข้ามาในเมืองหลวง ป้อมปราการความมั่นคงกำลังโดนโจมตี หวังว่าคงจะไม่เกิดเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นมา ใครกันนะที่เป็นผู้นำการต่อต้านครั้งนี้
........................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |