The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 21

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 21
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 2 ก.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


พยองยาง

มุมมองสายตา  แทน

พฤษภาคม ค.ศ.2026

บ้านบนเกาะคอนยู...

จากวันที่เกาหลีเหนือล่มสลาย ทั่วโลกก็ล่มสลายลงตามในเวลาไม่นาน ทั่วทั้งโลกขาดการติดต่อกันประชากรล้มตายทุกวัน ความโหดเหี้ยมของหวังฉวนแฝงไปด้วยความละโมบโลภมาก เขาหวังจะเหยียบโลกทั้งใบไว้ใต้อุ้งเท้าของตนเองไม่ต่างจากความคิดของผู้นำประเทศทุกคน

โลกที่เคยมีแต่ความแตกต่างสุดขั้วใบนี้ กลับมาเท่าเทียมขาดสีสันและเหงาหงอย ผู้รอดชีวิตทั่วโลกตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ยากแค้นอดโซหิวโหยและกลัว มนุษย์ผู้ทำลายกลับกลายเป็นผู้ถูกล่าสัตว์ป่าออกมาหากินในเมือง

ชาวเกาหลีเหนือโชคดีที่จูยอนเปลี่ยนใจจากผู้ทำลายมาเป็นผู้ดูแล การทำงานซ่อมสร้างขึ้นใหม่ยากกว่าการทำลายลงไป ต้องใช้เวลาในการรวบรวมชาวบ้านที่กระจัดกระจายเข้าสู่ระบบอีกครั้ง สหายคุณลุงคิมจุนซองเป็นจักรตัวสำคัญในการจัดการทรัพยากรของเกาหลี  จัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครเด็กนักเรียนกู้ชาติส่งมาให้ซอนละลายพฤติกรรม

ซอน...ยึดสนามฟุตบอล มันกยองแด ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำหน้าบ้านเป็นศูนย์ฝึกวินัย ส่งต่อเด็กรุ่นใหม่ให้นาตาลีและไป่ไป๋ไปฝึกต่อ อีซูมินก็เก่งวันเก่งคืนจนพวกเราแปลกใจ เธอสามารถรับฟังและถ่ายทอดได้ดีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้นาตาลี

“บรื้น...นน!! เสียงรถยนต์กำลังข้ามสะพานเข้ามา ผมชะเง้อคอมองไปเห็นจูยอนขับเลยบ้านเล็กริมสระเข้ามาจอดลานหน้าบ้าน

“แทนคะ!ไปดูซอนฝึกเด็ก ๆ กัน เดินไปก็ได้ข้ามสะพานไปก็ถึงแล้ว” เธอวิ่งเข้ามาคว้าคออย่างสนิทใจ ผมไม่เคยมีพี่สาวผู้หญิงที่ผูกพันมากที่สุดก็คือน้าเอื้องผู้จากไป ผมรับรู้ได้จากทุกการแสดงออกเธอห่วงใยให้ความอบอุ่นเหมือนพี่สาว ผมก้าวขาเดินตามอย่างว่าง่าย

เจ็ทโด้วิ่งเส้นผมปลิวตามมา...

“รอด้วย!” เขาวิ่งมากอดคอผมอีกข้าง เราสามคนเดินผ่านบ้านของหม่าม้าข้างสระน้ำขวามือไปข้ามสะพาน

“พวกนั้นไปกันหมดแล้ว คงสนุกน่าดู” จูยอนคึกคักยิ้มตาใส เจ็ทโด้หันมายิ้มสะใจ...

“สนุกแน่!ไอ้ซอนมันดื้อชอบเล่นอะไรแผลง ๆ เด็ก ๆ ชอบแน่” สายตาของเขาเชื่อมั่นมาก

“ซอนเก่งมากฉันชอบเขาค่ะ เขาใจดีและกล้าหาญมาก ฉันไม่เคยลืมวันที่เขาขับเรือสู้กับงูยักษ์เลยและตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเจอใครที่มีสายตานิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูเลย” จริงของเธอ ผมคิดถึงหลงซันในวันที่ ฮ.จีนกำลังจะยิงจรวดใส่เขาและการตัดสินใจเข้าบังลูกปืนของหล้าเพื่อปกป้องน้องพอดี ถ้าซอนไม่เก่งจริงไม่มีทางที่สองคนนั้นจะก้มหัวให้อย่างเด็ดขาด

เราเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำแทดง แวะเข้าไปทักทายน้องทหารที่ป้อมแล้วเดินเลยไปสนามฟุตบอลมันกยองแด

“มูกุงฮวา โกพี ชีออพซึมนิดา”เดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเล่นเกม AEIOU ของเกาหลีใต้

พอผ่านประตูเข้าไปด้านในสนามผมถึงกับหยุดหายใจ สนามเขียวทรงรีเหมือนยาแคปซูลขนาดใหญ่ ระโยงระยางไปด้วยป้ายธงภาษาเกาหลีห้อยรอบสนาม เวทีกว้างตั้งทางซีกประตูด้านใต้เปิดเพลง K-pop สนั่น ทีมงานวัยรุ่นชายเดินโยกเอวตามจังหวะเพลงทำงานกันอย่างสนุกสนาน ผมสะดุดตากับกองดินสูงเป็นภูเขาลูกย่อมกลางสนาม

“ซอนจะทำอะไร?” จูยอนตื่นตากับสนามบอลที่เปลี่ยนไป เจ็ทโด้เดินไปริมกระจกชะเง้อคอมอง

“นี่มันสนามโมโตครอสนี่หว่า!

เหล่าวัยรุ่นชายหญิงในชุดวอร์มสีฟ้าและสีแดง 2 กลุ่มใหญ่เดินเข้ามาภายในสนามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โบกธงสีเหลืองไสวขึ้นไปนั่งเก้าอี้ด้านบน สนามฟุตบอลความจุ 40,000 คนสะเทือนเลื่อนลั่น

เจ็ทโด้ยืนชิดกระจกห้องผู้บรรยาย มองจากอัฒจันทร์ลงไป...

“ครั้งแรกต้องการแค่ 20,000 คน ตอนนี้เด็ก ๆ มาเป็นแสนแล้วนะ ไอ้ซอนเล่นอะไรอีกแล้ว งานนี้สนุกแน่?” เขาถูกใจหัวเราะฟันขาวสายตาเป็นประกาย

“ผมคาดว่าเฉพาะเด็กวัยรุ่นก็ประมาณ 150,000 คนแล้วครับ ผมขับรถผ่านเห็นมีอย่างนี้หลายสนาม ทหารบอกว่า เด็ก ๆ ทั่วเกาหลีเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมกลุ่มกับทีมของซอน มันเป็นกระแสวัยรุ่น” ผมก็ตื่นเต้นอยากรู้ไว ๆ ว่าซอนจะเล่นอะไร?

“มาแล้ว! มาแล้ว! จูยอนตีแขนแล้วชี้ไปที่จอ


จอภาพข้างสนามจับภาพบนเวทีทิศใต้ ซอนโพกผ้าขาวบนหัวเขียนภาษาเกาหลีว่า โชซอน ชุดวอร์มดำขรึมเข้ากับรูปร่างงามสง่าบึกบึน สายตาคมดุจเหยี่ยวจิกไปบนที่นั่งทั้งสองข้างแล้วชี้นิ้ว เหล่าสาว ๆ โบกธงเหลืองพร้อมกรีดร้องเสียงดังเหมือนซอนเป็นซูเปอร์สตาร์

“ซอน! ซอนเซงนีม! ซอน! ซอนเซงนีม! ซอน! ซอนเซงนีม! เสียงร้องสุดใจเชียร์คุณครูซอนของบรรดาวัยรุ่นทำให้พวกเรายิ้มอย่างสุขใจ เขาละลายพฤติกรรมเด็ก ๆ ได้หมดแล้ว จากสีหน้าและประกายแววตาของพวกเด็ก ๆ บ่งบอกว่า ซอนได้รับความรักและความไว้ใจจากทีมวัยรุ่นที่เขาสร้างขึ้นมา

ซอนคว้าไมโครโฟน ชี้มือไปทางขวา...

“บลูสกาย! สบายดีมั้ย?”สาว ๆ วัยมันส์ในชุดวอร์มสีฟ้ากว่าหมื่นคนลุกขึ้นกระโดดโบกธงเหลืองพร้อมกรี๊ดสนั่น

ซอนเท่ยิ่งกว่าโอปป้าซะอีก พูดเกาหลียังไม่เก่งในมือถือโพยกระดาษเขียนเป็นภาษาไทใหญ่อ่านออกอยู่คนเดียว เขาหันไปทางซ้าย...

“เรดซัน! ยังเฉิดฉายอยู่มั้ย?” เขาโบกมือให้สาวชุดวอร์มสีแดง

“กรี๊ด...ดด!!!!! พวกเธอกระโดดโบกธงกันไสว เสียงแห่งความมั่นใจสามัคคีกันตะโกนสนั่น

“แม่สาวน้อย! วัยรุ่นวัยหวานเจ้าจะเบ่งบานเปล่งประกายได้แค่ไหน?”

“กรี๊ด...ดด!!!!!

“ดอกมูกุงฮวากับพวกเจ้าใครบอบบางกว่ากัน?” ซอนกระตุ้นทั้งสนามกรีดร้องดังฟ้าคำราม

“อูรี!เด็ก ๆ ตะโกนตอบว่า พวกเราเอง

“มาดูกันว่าใครจะเฟี้ยวกว่ากัน! ไป่ไป๋ซอนเซงนีม! ซอนผายมือไปด้านซ้ายของเวที

ไป่ไป๋แม่สาวหัวแหว่งของผมสวมชุดวอร์มแดง เดินขึ้นเวทีทางซ้ายพร้อมเสียงกีต้าร์ริฟต์เพลงบิลลี่ จีนส์ของไมเคิล แจ็คสันเร้าสนาม เธอเต้นมูนวอล์คโชว์อย่างมืออาชีพโบกไม้โบกมือให้ลูกศิษย์

“กรี๊ด...ดด!!!!!น้องเรดซันลุกขึ้นดิ้นพราด

“ไป่ไป๋ซอนเซงนีม! ไป่ไป๋ซอนเซงนีม! ไป่ไป๋ซอนเซงนีม! กองเชียร์สีแดงลุกพรึบ

“น้อง ๆ เรดซันที่รัก ใครสวยที่สุด?” ไป่ไป๋โบกมือให้

“อูรี! เรดซันสวยที่สุด! ทีมเรดซันโบกธงกรี๊ดสนั่น ไป่ไป๋โบกมือให้วัยรุ่นเกาหลีเหนือที่โดนจูยอนหล่อหลอมด้วยเพลง K- pop จากเกาหลีใต้มานานนับปี

“เรดซัน! วันนี้โชว์ให้หนุ่ม ๆ ได้เห็นว่า ทีมเราแข็งแกร่งที่สุด เฟี้ยวที่สุด เนกาเจอิลจัลนากา” ไป่ไป๋ปลุกขวัญ เสียงเชียร์ของสาวสีแดงดังกระหึ่มกลบทีมสีฟ้า

“เรดซัน!เรดซัน!เรดซัน!เรดซัน!

ซอนตะโกนอีกครั้ง...

“ไม่น้อยหน้ากว่ากันผู้นำบลูสกาย อีซูมิน! เขาผายมือมาทางขวา          

ซูมินเดินยิ้มขึ้นบนเวที ทีมสีฟ้าลุกพรึบจากที่นั่งโบกธงส่งเสียงต้อนรับ เธอเดินยกไหล่แกว่งแขนส่ายสายตาท่าทางกวนมองไป่ไป๋ด้วยหางตาแล้วคว้าไมโครโฟน ชี้นิ้วขึ้นฟ้า...

“บลูสกาย! ใครสวยกว่ากัน ขอเสียงหน่อย! อีซูมินก่อม็อบสู้ ทีมสีฟ้ากระทืบพื้นกรี๊ดสนั่นอาคารสะเทือน

“อีซูมินซอนเซงนีม! บลูสกายไม่ยอมน้อยหน้ากรี๊ดสนั่น

ผม นาตาลี เจ็ทโด้ จูยอน หมวดจาง คุณหมอ หม่าม้า น้องแทนอยู่ในห้องกระจกบนอัฒจันทร์ยืนยิ้มมองลงไปอย่างสุขใจ ซอนทำงานก้าวหน้าอย่างรวดเร็วใช้เวลาไม่นานก็สร้างกำลังใจให้เด็ก ๆ เข้าร่วมทีมมากขึ้น จูยอนสูดลมหายใจลึกยิ้มสายตาอบอุ่น...

“ฉันภูมิใจกับอนาคตของเกาหลี พวกเขารอดแล้วล่ะเด็กพวกนี้แหละที่จะสร้างชาติขึ้นมาใหม่จากมุมมองสายตาของพวกเขา พวกเราคอยสนับสนุนอย่างเดียวพอ วางรากฐานไว้ให้ก็หมดหน้าที่แล้ว” เธอหาทางลงจากอำนาจอย่างเดียว จูยอนไม่คิดจะเป็นใหญ่จริง ๆ เธอเป็นคนที่ยึดมั่นคำสัญญาแค่รอเวลาให้อำนาจผ่านมือไปสู่คนที่เหมาะสม

“ซอนเซงนีม! ซอนเซงนีม! ซอนเซงนีม! เสียงในสนามเร้าใจดึงความสนใจของพวกเรากลับไปอีกครั้ง      

“แว๊น!แว๊น!แว๊น! เสียงมอเตอร์ไซด์คำรามสนั่นใต้ถุนอาคาร 

เด็กหญิงในสนามหลายหมื่นคนในวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกองกำลังเท่านั้น ซอนสร้างเด็กรุ่นใหม่ไว้อีกมากกระจายอยู่ตามสนามฟุตบอลในเมืองอีกสิบกว่าสนามที่ฝึกแตกต่างกัน ซอนคว้าไมโครโฟน...

“เดอะแก๊ง!...

“แว๊น!แว๊น!.. สิ้นเสียงของซอนมอเตอร์ไซด์วิบาก 250 ซี.ซี.ยกล้อแล่นออกจากอุโมงค์นักฟุตบอล เดอะแก๊งสวมชุดวอร์มสีเหลืองอร่ามพุ่งออกมาอย่างคึกคะนองไม่ขาดสายจาก 1 เป็น 10 และเป็น 100

“เดอะแก๊ง! เดอะแก๊ง! สาว ๆ ร้องเชียร์

“ว้าว! ผมขนลุกซู่ เด็กชายวัยคะนองยกล้อขับมอเตอร์ไซด์วนรอบสนามฟุตบอลโบกมือให้ผู้ชมเรียกเสียงกรี๊ด

รถมอเตอร์ไซด์ทยอยจอดเรียงกันรอบสนามเสียงคำรามของเครื่องยนต์เงียบลง กลางสนามฟุตบอลเต็มไปด้วยเนินดินและสิ่งกีดขวาง

“.............”

ภาพมุมสูงจากโดรนจับภาพซอนยืนองอาจ เหมือนผู้นำเหล่านักรบกำลังเข้าโจมตีข้าศึก เขาชูมือขวาท้าทายต่อหน้าเด็กวัยห้าวพร้อมมอเตอร์ไซด์คู่ใจ สาว ๆ รอบสนามเงียบกริบ...

“ตึกตึก! ตึกตึก! จอภาพซูมไปที่ใบหน้าของสาวน้อยบลูสกายกำลังลุ้นกัดนิ้วตัวเอง

ซอนชี้ไปที่กลุ่มมอเตอร์ไซด์...         

“เดอะแก๊ง!...โชว์ไทม์” 

“เดอะแก๊ง! เดอะแก๊ง!กองเชียร์วัยรุ่นกระทืบเท้าพื้นสะเทือนเดอะแก๊งได้แรงเชียร์จากสาว ๆ ยิ่งห้าวจัดเบิ้ลเครื่องเสียงสนั่น...

“แว๊น! แว๊น! รถมอเตอร์ไซด์โมโตครอสฟรีสไตล์พุ่งพรวดพร้อมกันด้วยความเร็วสูงวนรอบสนามแล้วแยกเป็น 3 สายพุ่งเข้าไปกลางสนามเหินทะยานขึ้นเนินลอยคว้าง....

“แว๊น! แว๊น!มอเตอร์ไซด์ทางซ้ายพุงลอยขึ้นไปสวนกับเพื่อนที่พุ่งขึ้นมาจากทางขวาแล้วรับป้ายผ้ากางคลี่ออก

“พรึบ! ป้ายผ้าปลิวไสว

The Gang Forever

“แว๊น! รถมอเตอร์ไซด์ทางตรงลอยละลิ่วตีลังกาสองตลบข้ามทั้งสองคันลงสู่พื้นอย่างสวยงาม

“แว๊น! แว๊น! แว๊น! แว๊น!แล้วที่เหลือก็เรียงแถวเหินโชว์ท่ายากตามมาอย่างสวยงาม พวกเขาโชว์ความสามารถกันอย่างสนุกสนาน

ใกล้หมดเวลา...

แว๊น!แว๊น!” รถมอเตอร์ไซด์สีสดแต่งสวยหน้าเชิดลอยละลิ่วกลางอากาศ เจ้าคนขับขยับม้วนตัวบนเบาะโชว์ความสามารถอย่างเหนือชั้นลงพื้นอย่างนิ่มนวล อีกคันสวนพรวดขึ้นเนิน

“แว๊น!!!... มอเตอร์ไซด์ลอยสูงตั้งฉากแล้วม้วนกลับหลัง เขาเกาะโหนกับแฮนด์ลำตัวลอยหมุนเป็นวงกลมแล้วดีดตัวกลับขึ้นไปนั่งขี่ก่อนลอยละลิ่วลงพื้นแล้วพุ่งขึ้นเนินบินไปบนเวทีปรี่เข้าหาซอน

“หลบสิ!หัว!หัว!นาตาลีทุบกระจกลุ้นอยู่ข้าง ๆผม

ซอนยืนมองรถมอเตอร์ไซด์ที่พุ่งตรงมาหาเขาอย่างใจเย็น  มอเตอร์ไซด์หมุนครบรอบลงจอดอย่างนุ่มนวลข้างตัวเขา

“เอี๊ยด!

“แทบัก! เดอะแก๊ง! ไป่ไป๋ตะโกนผ่านไมโครโฟน

เดอะแก๊ง! เดอะแก๊ง! เสียงเชียร์ของสหายดังกึกก้อง เสียงเครื่องยนต์คำรามปลุกวิญญาณของผม อยากจะเดินลงไปดริฟต์โชว์ให้เด็ก ๆ มันดูสักหน่อย

จูยอนยืนกระสับกระส่าย...

“ฉันทนดูไม่ไหวแล้ว ซอนฝึกเด็กโหดมากไม่เอาแล้วไม่ดูดีกว่า เสียวไส้ เด็กวัยรุ่นกับมอเตอร์ไซด์มันของคู่กัน เจ้าพวกนี้สู้ตาย!” เธอส่ายหัวเดินหนีไปนั่งบนโซฟา เจ็ทโด้เดินตามไปนั่งข้าง น้องแทนรีบวิ่งไปปีนขึ้นบนตัวของเขา

“วางใจได้เลย ถ้าครูฝึกถึงลูกถึงคนอย่างนี้ เด็ก ๆ รักตายเลย ไอ้ซอนกับวัยรุ่นมันพวกเดียวกัน” เจ็ทโด้ยิ้มกว้างถูกใจแล้วก้มไปบอกกับน้องแทน...

“ป๊าเป็นซูเปอร์แมน”

หมวดจางอมยิ้มมองลูกชายตาเชื่อม นาตาลีลอยหน้าลอยตา...

“ผัวใครวะ บ้าพลัง?” เธอเบะปากแลบลิ้นแหย่พี่สาว เจ้าตัวน้อย ปีนขึ้นหัวเจ็ทโด้...

“ซัมชุน! เค้าอยากขี่ด้วย” น้องแทนชี้ไปนอกกระจก เจ้าหัวฟูยิ้มฟันขาวดื้อตาใส

จูยอนหันไปหา...

“โอปป้า!พาน้องลงไปข้างล่างสิ ฉันไม่ดูแล้วนะ” เธอขนลุกขนพองส่ายหน้า

“กลัวเหรอ สหาย?” ผมแซวพี่สาว ทำเรื่องแสนมหาโหดแต่มากลัวมอเตอร์ไซด์ผาดโผน

“กลัวน่ะไม่กลัวหรอก แต่มันเสียวมองแล้วเวียนหัว” เธอยิ้มแก้มใส คุณหมอและหม่าม้ายืนมองตาไม่กะพริบ

“ฉันคิดว่าจะย้ายไปพักกับเธอด้วยจะได้ดูแลท้องให้เธอได้ ดูแลตัวเองด้วยนะมันสะเทือนไปถึงลูกในท้อง คิดแต่เรื่องดี ๆ อย่าเครียด” ทั้งสองเดินมานั่งกับจูยอน น้องแทนป้วนเปี้ยนปีนขึ้นหัวคุณหมอ

“เดี๋ยวหนูย้ายกลับมาอยู่บนเกาะด้วยดีกว่า อยู่ด้วยกันสนุกดี”

“ดีเลยจะได้ช่วยกันดูแล” หม่าม้าลูบหัวของเธออย่างเอ็นดู

“แทนคะ! ขอคุยด้วยหน่อยสิ” จูยอนหันมาเรียก

“ครับ! ว่ามาเลย”  ผมรีบไปนั่งข้าง

“ฉันจะเปลี่ยนวิธีการปกครองใหม่ ไม่เอาระบอบคอมมิวนิสต์และไม่เอาประชาธิปไตย แต่จะเอาข้อดีของทั้งสองอย่างมายำขยำรวมกัน คิดรูปแบบใหม่ขึ้นมา” สิ้นเสียงของจูยอน เจ็ทโด้ขยับตัว...

“น้องแทนครับ! ลงไปหาป๊าข้างล่างกันดีกว่า” เขาหันไปบอกน้องแทนที่ตอนนี้อยู่บนคอคุณหมอ หม่าม้าอมยิ้มขยับลุกไปอุ้มน้อง...

“ฉันไปด้วย! ซอนก็ดื้อเอาเรื่องดีนะ คงยังโตไม่เต็มที่เหมือนกัน ฉันอยู่โรงพยาบาลก็ได้แต่สงสัยว่า ไอ้เด็กพวกนี้มันเล่นอะไรกันนักหนา แขนหักบ้าง ขาหักบ้างเข้าโรงพยาบาลกันทุกวัน” ท่านหัวเราะแล้วลุกเดิน ท่าทางท่านจะชอบ

“โอปป้าไปด้วย!” นาตาลีกระโดดขี่คอเจ็ทโด้เดินออกนอกห้องไป

ตอนนี้บนห้องชั้นบนเหลือเพียง 4 คนนั่งล้อมวงกัน จูยอนเปิดการสนทนาก่อน...

“ฉันสนใจประชาธิปไตยของคุณ อยากฟังแนวคิดของนักเรียกร้องหน่อยค่ะ” จูยอนยิ้มหวาน ผมยิ้มแหย่ขำขำ...

“ไหนคุณบอกว่าจะปกครองแบบไม่ปกครองไง?” ผมยิ้มล้อ เธอหันมายิ้มอายตาหยี ตีแขนเบา ๆ

“ก็นี่ไง! ถึงได้ถามว่าคุณมีวิธีดี ๆ อีกไหม? ฉันจะรวบรวมความคิดดีดีจากทั่วโลกตั้งรูปแบบการปกครองให้เกาหลีใหม่” จูยอนเริ่มทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปสักวันมันจะเกิดจลาจล

“คุณก็เขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาสิ”

“ฉันเขียนไม่เป็นและไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำเรื่องพวกนี้ คุณนั่นแหละเป็นต้นเหตุทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด เพราะฉะนั้นคุณออกแบบมาเลย รับผิดชอบซะดี ๆ”

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! แม่ใหญ่กับคุณหมอหัวเราะลั่น นี่เป็นสิ่งยืนยันว่า จูยอนไม่ใช่คนจิตใจหยาบช้าหรือเหี้ยมโหด ลึก ๆ แล้วจิตใจเธอก็งดงามที่ทำทุกอย่างลงไปเพราะความคับแค้นใจ

หมวดจางยิ้มมองตาหวาน....

“แทน!...นี่เป็นโอกาสของคุณแล้ว อยากได้ยังไงก็ร่างแผนการมาเลย ฉันขอดูด้วยคนนะ” หมวดจางและคุณหมอขยับเข้ามา ผมยังสนุกกับการแหย่พี่สาวคนโต...

“ไปเอารัฐธรรมนูญของ Kala Democracy มาไหมล่ะ เขียนแล้วฉีกกองไว้เยอะแยะ”

จูยอนหัวเราะแล้วตีแขนผม...

“เอาของฉันดีกว่า รัฐธรรมนูญที่เขียนโดยคนขี้ขลาด เพื่อปกป้องคนตาขาวและให้อำนาจกับลิ่วล้อฉ้อฉล เปลี่ยนอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ไปเป็นลัทธิบูชาบุคคล บังคับชาวบ้านให้บูชาซาตานเป็นเทพเจ้า” เธอหัวเราะร่วนก่อนจะเปรยไปทางคุณหมอ...

“คุณหมอคะ! ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กพวกนั้นมีความสุขกับชีวิตที่ไม่ต้องโดนกดดันสนับสนุนไปให้ไกลสุดฝัน ทุกคนสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ ไม่ต้องมากังวลและกลัวกฎหมายความมั่นคง” แม้แต่ความปรารถนาของเธอก็ยังแสดงออกถึงความห่วงใยคนอื่น

ผมยังจำได้...เจ็ทโด้เคยบอกไว้ว่า เธอนอนหลับไม่สนิทและสะดุ้งตื่นทุกคืน คนดีมักจะคิดถึงจิตใจของผู้อื่นเสมอและความทุกข์มักจะเกิดกับคนที่คิดดี การลบล้างความผิดในใจเป็นเรื่องยาก เธอต้องตัดสินใจระหว่างลืมมันไปซะซึ่งใช้เวลานานและปวดใจเมื่อคิดถึงมัน สุดท้ายแล้วอาจจะไม่หลุดจากฝันร้าย กับการยอมรับมันอย่างภาคภูมิใจและเชื่อว่า สิ่งที่ทำนั้นถูกต้องเป็นสิ่งที่สมควรทำ เมื่อคิดถึงมันจะมีแต่ความอิ่มใจ...

“ก่อนจะทำเรื่องนี้ ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณก่อน” ผมเพียงอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่เอาตัวรอดจากการใช้ชีวิตคนเดียวในนามปีศาจหน้าผี ผมเฝ้าหลอกจิตของตัวเองทุกวันเวลา จนยอมรับใบหน้าของตัวเองได้ถึงจะไม่เต็มสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ทำให้ทุกข์ใจ

“คะ! ว่ามาเลย”

“คุณเคยเห็นนักล่า รู้สึกผิดแล้วลงโทษตัวเองที่ฆ่าเหยื่อมั้ยครับ?”

“ไม่มีหรอกค่ะ นักล่าตัวไหนจะโทษตัวเองมีแต่มันจะขย้ำคอให้ตาย แล้วกินอย่างอร่อย”

ผมสูดหายใจลึกจ้องไปที่ดวงตาของพี่สาว ผมเชื่อว่าวิธีนี้จะพาเธอผ่านพ้นความรู้สึกผิดในใจ...

“จูยอนครับ!ในยามที่เราเป็นเด็กเราต่างก็เป็นเหยื่อ เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านกาลเวลาฝึกฝนจนเรากลายเป็นนักล่า จงยอมยืดอกรับมันและทำภารกิจนั้นให้ลุล่วง เพราะเราถูกกำหนดมาเพื่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่คุณคิดและทำมันลงไปคือสิ่งที่ถูกต้อง” ผมจ้องหน้าของพี่สาวคนสวย และหวังว่าทุกถ้อยคำจะปลดความทุกข์ในใจ

“ขอบคุณนะ คุณรู้ใจฉันมากกว่าตาแก่ของฉันซะอีก” จูยอนพยักหน้าเบา ๆ อมยิ้มสายตาซาบซึ้ง

พอลวอร์ฟิล์ด ทิบเบตส์ จูเนียร์ ขับเครื่องบิน B-29 ชื่ออีโนลา เกย์มาทิ้งระเบิดปรมาณูลิตเติลบอยใส่เมืองฮิโรชิมาเมื่อ 6 สิงหาคม ปี 1945 เมื่อเวลาผ่านจนเขาเข้าสู่วัยชรา ขณะที่เขามีอายุ 92 ปี นักข่าวได้ไปสัมภาษณ์เขาก่อนตายว่า เขารู้สึกผิดกับการทิ้งระเบิดครั้งนั้นหรือไม่? คำตอบคือเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขายุติสงครามเพื่อทุกคน และคุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิด คุณยุติวงจรอุบาทว์เพื่อทุกคนเช่นกัน”

“รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ ขอบคุณนะคะ ฉันจะคิดแบบนั้น เรามาคุยเรื่องงานกันต่อดีกว่าค่ะ”

คุณหมอหัวเราะ ขยับตัว...

“คุณมาถูกทางแล้ว เด็กวัยรุ่นนี่แหละที่จะเป็นลมใต้ปีกให้กับคุณ เด็ก ๆ เหมือนผ้าขาวใส่แนวคิดลงไป สร้างสังคมและวัฒนธรรมใหม่ให้พวกเขานำไปปฎิบัติต่อ ถ้าปลูกฝังพื้นฐานจิตใจของชนชาติให้มีคุณธรรม รัฐธรรมนูญไม่ต้องมีก็ได้”

“หือ! พวกเราหันมองหน้าคุณหมอพร้อมกัน

“ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ในสมัยหนุ่มผมใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ชีวิตที่นั่นเดียวดายไร้เพื่อนแท้ แนวคิดคอมมิวนิสต์ของผมกับเสรีอเมริกันเข้ากันไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นเรื่องคุณธรรมเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ระบอบการเมืองปลูกฝังความคิดไปคนละทิศ แต่การช่วยชีวิตและการช่วยเหลือสังคมกลับเป็นเรื่องเดียวที่เราคุยกันอย่างสนิทสนม”

ผมเสนอหน้า...

“สัญชาติญาณการช่วยเหลือฝังอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน แต่ที่คนเพิกเฉยต่อกันเพราะฐานะและเศรษฐกิจ ที่อังกฤษ! คนรุ่นใหม่ไม่ยึดติดกับการเมืองแบบเก่าพวกเขาออกเดินทางเพื่อหาความสัมพันธ์ใหม่ ผมยังคงเชื่อว่าแท้ที่จริงแล้วคนทุกคนมีน้ำใจไม่เกี่ยวกับระบอบ”

“ใช่! ผมก็คิดแบบคุณ ครั้งหนึ่งผมไปออกพื้นที่บริการชุมชนในเขตบร็องซ์ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังเสร็จงานผมเลยเดินเข้าไปในเขตชุมชนแออัด โดนพวกคนดำรุมกระทืบจนสลบไป ฟื้นมาอีกครั้งในซอกตึกมีผู้หญิงผิวสีและลูกเล็ก ๆ อีก 2 คนนั่งมองผมพร้อมน้ำตานองหน้า ด้วยความกลัวผมหนีจากมาโดยไม่ได้ขอบคุณและรู้สึกผิดมาก” ท่านหยุดถอนหายใจ

หมวดจางขยับถาม...

“เจ็บหนักมั้ยคะ?”

“หนักมาก! เป็นข่าวดังด้วยนะครับ หลังจากหายดีแล้วผมจึงกลับไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อขอบคุณ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้ผมเปลี่ยนไปตลอดกาล”

“เกิดอะไรขึ้นคะ?” หมวดจางยังตามติด

“ผมกลับไปพบแต่ความว่างเปล่า ถามคนแถวนั้นได้ความว่าผู้หญิงและเด็กโดนเจ้าหน้าที่จับไป ผมก็สืบหาจนไปเจอผู้หญิงที่สำนักงานควบคุมคนไร้บ้าน ลูก ๆ ถูกจับแยกเพื่อหาครอบครัวอุปถัมภ์เนื่องจากไม่มีหัวหน้าครอบครัวและแม่เด็กเป็นคนตกงานไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง” สีหน้าของท่านหมองลงกะพริบตาถี่เหมือนกำลังคิด

“พ่อเด็กไปไหนครับ?”

“เขาโดนยิงเสียชีวิตเพราะช่วยผมในคราวนั้น”

“หือ! ทุกคนร้องพร้อมกัน

“ผมได้กล่าวคำขอบคุณและมอบเงินให้กับเธอ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาทำให้ผมพูดไม่ออก เธอปฎิเสธพร้อมรอยยิ้มและสายตาจริงใจในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นรอยยิ้มของผู้มีจิตใจประเสริฐจากคนที่อยู่ในสภาพถูกจองจำ เธอไม่รับทั้งคำขอบคุณและเงิน”

“ทำไมล่ะ? เธอก็ลำบากไม่ใช่เหรอ ลูก ๆ ก็โดนพราก” หมวดจางสนใจเรื่องนี้มากจ้องมองตลอด

“เธอบอกว่า ครอบครัวของเธอรอดตายมาเพราะมีใครบางคนช่วยไว้ สามีสั่งไว้ก่อนตายถ้าได้เจอผมอีกให้บอกกับผมว่า ขอให้ผมช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแต่ช่วยตัวเองไม่ได้อีก 3 คนโดยไม่หวังผลตอบแทน ผมหันหลังให้อเมริกากลับมาเป็นหมอบ้านนอกเพราะผมคิดเช่นนั้น ผมใช้ความรู้เพื่อช่วยคนโดยไม่สนใจกับค่าจ้าง คนเราถ้าไม่สะสมก็ไม่ทุกข์”

“แล้วทำไมเธอถึงไม่รับเงินล่ะ?”

“ถ้ารับเงินเท่ากับไม่ได้ช่วยและไม่ได้ตอบแทนความตั้งใจของคนที่ช่วยเหลือครอบครัวของเธอ ห้ามสงสารเพราะมันเป็นชะตากรรมที่เธอต้องผจญเอาเอง ด้วยแนวคิดแบบนี้ผมคิดว่ามันยกระดับจิตใจของคนให้สูงขึ้น พวกคุณลองเอาไปเป็นแนวทางก็ดีนะครับ อย่ามุ่งไปที่ความสำเร็จกับเป้าหมายเลย สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง”

พวกเรายิ้มออกเพราะมองเห็นความเป็นไปได้ ผมหันไปหาจูยอน

“เกาหลีเหนือปกครองแบบไหนครับ?”ผมไม่รู้ว่าลึกๆแล้วเกาหลีเหนืออยู่กันแบบไหนอย่างไร ความรู้ที่ผมมีส่วนใหญ่มาจากโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายเสรี

“เกาหลีเหนือปกครองแบบเผด็จการรวมอำนาจเป็นรัฐสังคมนิยมใช้ทฤษฎีจูเช่เป็นแนวทางและระบบพรรคการเมืองเดียว บ้านฉันมี 9 จังหวัด 3 เขตปกครองพิเศษและ 2 เขตปกครองโดยตรง” จูยอนยิ้มบอกหันมองไปทีละคน

“ป่ะป๊าครับ! จีนปกครองแบบไหนครับ?”

“จีนปกครองแบบรัฐเดี่ยวเหมือนเกาหลีเหนือ สองประเทศนี้ลอกแบบกันมาจากสหภาพโซเวียตในสมัยนั้น แต่การปฏิบัติภายในแตกต่างกันตรงที่จีนมุ่งไปบูชาที่พรรค แต่เกาหลีเหนือมุ่งไปบูชาที่ตัวบุคคล”

จูยอนยกมือขอพูด...

“โลกได้พัฒนาการปกครองทุกแบบมาจากความไม่รู้และความกลัว ผู้ปกครองทั่วโลกก็ทำเลียนแบบกันมาเพียงเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้โดยเอาคำว่าชาติมากดหัวคน เราจะอยู่แบบสังคมนิยมต่อไปแล้วเอาการปกครองทุกอย่างมาขยำรวมกัน คัดเฉพาะสิ่งที่ดีแล้วตั้งชื่อระบอบใหม่ดีกว่า ทุกคนเห็นว่ายังไง?” เธอหันปรึกษาทั้งคุณหมอและหมวดจางพยักหน้า แต่ผมไม่เห็นด้วย...

“การปกครองแต่ละอย่างมันมีอุดมการณ์ไม่เหมือนกันนะ” ผมไม่เชื่อว่ามันจะเข้ากันได้ มันเหมือนน้ำกับน้ำมัน

หมวดจางแทรกเข้ามา...

“ใช้อุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์แล้วใช้วิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย เอาเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมรวมกับทุนนิยมมาผสมกันก็ดีนะ ทุกอย่างมันมีตรงกลางมันมีจุดลงตัว คุณรู้มั้ยว่าเด็กจีนกับเกาหลีเหนือต้องท่องจำอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์ ในขณะเดียวกันเด็กเกาหลีใต้ก็ท่องจำอุดมการณ์ของประชาธิปไตย แต่ทั้งสองอย่างนั้นมันเป็นเพียงเกราะป้องกันทัศนคติ”

“มันจะไม่สับสนเหรอครับ?”

“ในเมื่อเราเป็นคนกำหนดเกม เราก็เริ่มใหม่ทั้งหมดให้เด็กรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงสังคมและวิธีคิด ความเลวร้ายของการปกครองที่ผ่านมาทั้งหมดคือตัวผู้นำ ถ้าเราออกแบบดีคนเลวไม่มีทางขึ้นสู่อำนาจได้” พอแม่ใหญ่พูดจบผมรู้เลยว่าตัวเองยังโง่อีกเยอะ

คุณหมอยกมือ...

“ผมเห็นด้วย! ส่วนการบังคับใช้ให้ทุกเขตปกครองตนเอง โครงสร้างเดิมมีอยู่แล้วนี่นา ไม่ต้องทำอะไรมาก”

จูยอนเอียงคอก้มมองหน้าท่าน...

“เอาแบบสาธารณรัฐเหรอคะ?”

“ใช่!เอาชาวบ้านเป็นที่ตั้ง ให้พวกเขาสร้างงานจากบ้านเกิด รัฐเป็นผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกทุกอย่าง”

“แล้วยังไงต่อคะ?” จูยอนเลิกคิ้ว

“วางเป้าหมายให้แต่ละเขตสร้างการงานอาชีพแข่งกันเพื่อรองรับความต้องการของชาวบ้าน วัดผลความสำเร็จจากดัชนีความสุขของประชาชน เขตไหนผู้บริหารเก่งเขตนั้นประชากรก็จะมาก” คุณหมออธิบายอย่างใจเย็น ผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ผู้นำที่ชวนคนไปทำงานย่อมพาความอิ่มท้องมาให้มากกว่าการเล่นการเมืองสกปรกและสร้างสงคราม สร้างปีศาจเพื่อรักษาอำนาจ

“ดีนะคะ! ให้ผู้ปกครองเป็นผู้รับใช้ ความคิดนี้ดีฉันชอบให้ทำงานแข่งกัน คุณลุงคิมจุนซองท่านเป็นคนนำทุกคนทำงาน ต้องหาคนแบบนั้นมาเป็นผู้นำ” จูยอนยิ้มตาหยีพยักหน้าเห็นด้วย แล้วหันมาหาผม...

“แล้วเราจะคัดเลือกอย่างไรคะ?”

“เราก็ใช้การโหวตนั่นแหละ ให้อำนาจ 4 ปีครบ 8 ปีออกจากเกมไปเลย ไม่ต้องกลับมาอีกเลย” ผมรู้สึกสนุกเสนอบ้าง

คุณหมอคึกคักยกมือ...

“ส่วนผู้นำสูงสุดก็ให้เลือกจากผู้ปกครองเขตที่สอบผ่านคะแนนความสุขของชาวบ้าน 3 เขตมาโหวตแข่งกัน วัดผลให้คะแนนความสุขทุกสิ้นปี ครบ 4 ปีก็จะได้รู้ว่าใครจะไปต่อหรือตกรอบ”

“แล้วดัชนีความสุขมันวัดอย่างไรครับ มันจับต้องไม่ได้” ผมหันไปหาคุณหมอ หมวดจางชิงยกมือตอบ...

“ตามความพึงพอใจของชาวบ้านค่ะ ถึงผู้นำจะสร้างความเจริญแต่ถ้าประชาชนไม่วางใจก็จะไม่ได้รับเลือก เขาต้องรักษาความสัมพันธ์กับชาวบ้านด้วย เรียกง่าย ๆ ว่าเก่งอย่างเดียวไม่พอ ในขณะที่คนไม่เก่งแต่สื่อสารกับชาวบ้านให้เข้าใจปัญหา เขาอาจจะเป็นที่รักก็ได้”

“ง่ายดียุติธรรมดีด้วย ใครก็ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดได้ถ้าอยากจะเป็น ผมเสนอให้ไปคิดต่อนะครับ ให้เด็ก ๆ เรียนแค่อายุ 15 ปีแล้วเข้าทำงานให้รัฐ อายุ45ปีเกษียณอายุ ผู้บริหารระดับสูงทุกตำแหน่งอายุ 25 ปีขึ้นไป” คุณหมอเสนอในสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยสักนิด แต่...

“เอาแบบนี้! เรื่องอุดมการณ์ก็ปลูกฝังกันใหม่เหมือนที่หมวดจางบอก เริ่มจากเดอะแก๊งของซอนให้เป็นโรลโมเดล ฉันจะมีประธานาธิบดีอายุ 25 ปีมันคงเท่น่าดู ห้ามแยกเพศนะคะ” จูยอนยิ้มหน้าบาน

“ฉันเห็นด้วย! เอาเด็กเข้าไปเรียนรู้และฝึกงานกันจริงจังดีกว่าไปนั่งเรียน แต่จะป้องกันพวกอำนาจนิยมได้ยังไงพวกทหารมันจ้องเข้ายึดอำนาจอยู่แล้ว” หมวดจางตั้งประเด็นใหม่

คุณหมอหันขวับ...

“ไปเอารัฐธรรมนูญของอินเดียมาศึกษา แล้วไปขโมยวิชาทหารของพวกอเมริกันมา ผมชอบวิธีรับสมัครทหารของเขานะ สมัยเรียน...ผมเคยเห็นนาวิกโยธินยืนรอรถเมล์ เด็ก ๆ วัยรุ่นหนุ่มสาวคนเฒ่าคนแก่วิ่งเข้าไปขอจับมือ ขอถ่ายรูปโคตรมีเกียรติเลย

จูยอนเด้งตาวาว...

“เอาอันนี้เลยค่ะคุณหมอฉันชอบ”

“เรื่องทหารแยกออกไปให้ชัดเจน นักรบคือนักรบ กระทิงไม่ปะปนกับควายงาน” คุณหมอยิ้มพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหันมามองผม...

“แทน!...คุณไม่อยากเป็นกษัตริย์บ้างเหรอ อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ในกำมือคนเดียว”

“ไม่ครับ! ไม่อยากมีเมียเยอะ แค่ 2 คนผมก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้ว ถ้าไม่ใช่ไฟต์บังคับผมก็ไม่มีเมียสองคนหรอกครับ” ผมอายมากที่ต้องพูดเรื่องนี้

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! คุณหมอชอบใจตบไหล่หัวเราะลั่น

หมวดจางยื่นหน้าเข้ามา...

“คุณหมอคะ! เรื่องศาสนาล่ะ?” เธอถามตรงใจของผมพอดี นี่อีกเรื่องที่เป็นต้นเหตุความแตกแยก

จูยอนหันขวับโบกมือพัลวัน...

“ไม่เอาค่ะ! เรื่องนี้ฉันขอเลยหมดสมัยศาสนจักรแล้ว ศาสนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผู้ชายสร้างขึ้นมาและเกือบทุกศาสนากีดกันผู้หญิง มนุษย์ถูกบังคับจากกฎหมายบ้านเมืองอย่างเดียวก็แย่แล้ว ไม่ต้องมีกฎของศาสนามายุ่งวุ่นวายอีก โลกสมัยใหม่จะไม่เอาคำสอนเมื่อ 3 - 5,000 ปีมาครอบงำความคิดอีกแล้ว ถ้าเอาคำสอนมาเป็นตำราเรียนฉันโอเค” เธอส่ายหน้ารัวรัวไม่เห็นด้วย

หมวดจางหน้าเสียคิ้วขมวด สายตาจิกยืดอกตั้ง...

“แล้วจะเอาอะไรมาคอยควบคุมด้านจิตใจ คนจะโหดร้ายไม่ต่างจากสัตว์เลยนะคะ ถ้าคุณไม่ใช้ศาสนากล่อมเกลาจิตใจ คุณจะทำอย่างไร?” เธอส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับจูยอน

“ความรับผิดชอบชั่วดีสอนในโรงเรียนก็ได้ เราจะสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมาพร้อมกับเด็กรุ่นใหม่ เราสร้างค่านิยมใหม่ได้นี่คะแทนที่การสวดมนต์อ้อนวอนด้วยการปลูกต้นไม้ มีสมาธิกับการเติบโตของมันและฝังจิตวิญาณไว้กับต้นไม้ของตน คืนต้นไม้ให้โลกใบนี้ก่อนตายและเก็บเถ้ากระดูกของตนไว้ใต้ต้นไม้นั้น” เสียงเธอเด็ดขาดจริงจัง จูยอนให้ความสำคัญกับการฟื้นคืนของธรรมชาติมากกว่าสิ่งอื่น แต่สายตาของหมวดจางไม่เห็นด้วยสักนิด

ผมกับคุณหมอมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม ได้เห็นสองแม่เสือสาวฟัดกัน หมวดจางฮึดฮัดยังไม่ยอมแพ้ เธอเป็นลูกสาวของจีซัส...

“ฉันก็มีพระเจ้านะคะ ฉันมีอารยะเป็นผู้เจริญ” แม่ใหญ่จากรัฐฉานคอแข็ง ท่าทางอย่างนี้มีปะทะ...ชัวร์

“ปรกติพระเจ้าของคุณอยู่ที่ไหนเหรอคะหมวดจาง?” สหายอันเป็นที่รักแห่งเกาหลีก็ไม่เคยยอมใครง่าย ๆ เหมือนกัน

“พระเจ้าของฉันสถิตอยู่ในดวงใจตลอดเวลา และจะอยู่มั่นคงตลอดไปตราบนานเท่านาน” แม่ใหญ่ยืดอกปกป้องความศรัทธาของเธอ

“ก็ถูกแล้วนี่คะ! เก็บท่านเอาไว้ในหัวใจแบบนั้นดีที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่คิดจะหวังผลจากการรวมมวลชน เราก็ไม่จำเป็นต้องเผยแผ่ มันเป็นเกมอำนาจค่ะ มันเป็นเครื่องมือรวบรวมคนชนิดหนึ่ง”

“.............” ทุกคนอึ้งเหวอ

“คมมาก! คมจริง ๆ” คุณหมอถึงกับออกปากชม

“แต่ฉันอยากให้มีโบสถ์” หมวดจางยังดื้อ ไม่ยอม

“ตอนนี้ศาสนสถานว่างเยอะแยะเลย นักบวชทุกศาสนาเป็น Soulless กันหมดแล้ว โบสถ์ไม่ใช่ที่สถิตของพระเจ้านะคะในนั้นมีคนได้ประโยชน์ ลองคิดดี ๆ นะคะมีคนได้ประโยชน์จากการบริจาคของทุกศาสนา” จูยอนหันไปยิ้มหวาน

“...........” หมวดจางอึกอักมองมา ผมหันหน้าหนี

“ฉันเชื่อว่าถ้าการเมืองดี ชาวบ้านอยู่กินสุขสบายไม่มีความกลัวเขาก็ไม่มีความกังวลในใจศาสนาคงไม่จำเป็น ต้นตอของปัญหาทั้งหมดมาจากการเมืองเลวผู้นำเห็นแก่ตัว พอคนเครียดก็ต้องหาที่พึ่งทางใจ” จูยอนปิดการเจรจาด้านศาสนา

Tame 26 สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก แม้กระทั่ง...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดทั่วโลกก็ไม่ได้รับการยกเว้น จิตสำนึกของทุกคนถูกกระชากออกจากร่างกาย ร่างไร้วิญญาณของผู้นำทางศาสนากับคนไร้ศาสนาเดินบนถนนสายเปลี่ยวคู่กัน

คุณหมอยกมือ...

ก็จริงนะ! ถ้าสร้างสวัสดิการรองรับทุกเรื่องของชีวิตได้ คงมีน้อยคนที่จะมาพะวักพะวงสนใจกับอิทธิฤทธิ์มั้ง? วิทยาศาสตร์เข้าแก้ไขและบรรเทาความเจ็บปวดของจิตใจได้ ปัญหาการเงินแก้ด้วยเงิน โรคร้ายแก้ด้วยโรงพยาบาลฟรี ค้าขายไม่ดีรัฐเข้าช่วยพยุง ถ้าไม่มีคนมาโยกเงินงบประมาณไปเป็นของตัวเอง ภาษีของทุกชาติเพียงพอที่จะเลี้ยงทุกคนได้อย่างสบายเพราะเงินภาษีไม่ต่างจากสายน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้งคุณหมอสรุปปิดท้าย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

จูยอนยิ้มดวงตาวาววับ แล้วเอ่ย...

“ส่วนเรื่องทหาร พวกเราคงไม่ปล่อยให้คนอื่นขึ้นมากุมอำนาจหรอก ให้ตาแก่ดูแลไปก่อนสบายใจได้” เธอค่อนข้างมั่นใจ ผมอดใจไม่แซวไม่ได้...

“สหาย!..จะเอาเผด็จการมาใช้งานเหรอ เดี๋ยวนาตาลีโวยเอานะครับ”

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! พวกเราหัวเราะลั่นเพราะรู้จักนิสัยของเจ็ทโด้ดี

“สนุกจังเลย! เสียงคนคุยกันเจี้ยวจ้าว บวกกับเสียงรองเท้าเดินเข้ามาน่าจะเป็นกลุ่มของเจ็ทโด้แน่ ๆ

“ป๊า! เก่งที่ฉุดเลย” หัวของน้องแทนบนคอซอนโผล่ขึ้นเหนือบันไดเป็นคนแรก

“เห็นเด็กผมรึยัง ฮิปไหม?” ซอนยิ้มกว้างตะโกนมา ไป่ไป๋ นาตาลี หม่าม้า เจ็ทโด้ อีซูมินเดินมานั่งเป็นแถวยาว

จูยอนยื่นหน้ายิ้ม...

“เก่งจ้า! ฝากด้วยนะคะ ฉันสบายใจขึ้นมากที่มองเห็นอนาคต เกาหลีของฉันรอดแล้ว” เธอบอกแล้วยกนิ้วโป้งให้ซอน

“พวกเดอะแก๊ง! กลุ่มนี้ผมให้มันเป็นไรเดอร์ ผมยังมีอีกหลายกลุ่มฝึกแตกต่างกัน ส่วนเด็กสาวฝึกวินัยพื้นฐานแล้วส่งต่อให้ไป่ไป๋กับอีซูมินเอาไปทำงานต่อ” ซอนเดินมากอดคอ ผมหันไปรายงาน...

“พี่ซอน!พวกเรากำลังวางแผนการปกครองเกาหลีใหม่กันอยู่ครับ” ผมยิ้มมองซอนอย่างชื่นชม //คนอะไรวะ ยิ่งมีเหงื่อยิ่งหล่อ?// แต่เขาเมินหน้าไม่ให้ราคาแล้วหันไปหาจูยอน...

“ปรึกษาถูกคนแล้วล่ะ! ไอ้นักเรียกร้องนี่แหละแผลมันเยอะดี แต่ไม่รู้จะได้เรื่องหรือเปล่านะ?” ซอนกัดผมแล้วเมินหันไปยิ้มกับเมีย ผมรู้สึกน้อยใจเหมือนกันนะ ทำไมมีแต่คนชอบกระแนะกระแหนผมนัก

ไป่ไป๋ยิ้มกว้างเดินเข้ามากอดคอหอมแก้ม อย่างน้อยผมก็มีเมียอีกสองคนที่เข้าใจ ถ้ายกมือโหวตผมก็มีตั้ง 3 เสียง

“แทนคะ!คุณชอบนี่นาทำให้ดีเลยนะคะ อย่าให้ใครมาประท้วงไล่ล่ะ หนูไม่ช่วยนะ!” ไป่ไป๋ช็อตฟิล ผมหน้าตึงโครตอายเลย

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! พวกเขาหัวเราะกันครืน

ซอนยกมือ...

“ผมเสนอแนวคิดการปกครองบ้างนะ เอาวัคซีน Tame26 ฉีดให้ทุกคนแล้วปล่อยให้พวกเขาอยู่กันไป เราคอยเก็บภาษีอย่างเดียวคนไหนแข็งข้อก็จับไปเป่านกหวีดทีละราย ง่ายดีไม่ต้องระแวงด้วย ใครพูดขัดหูเป่านกหวีดใส่มันเลย” เขาไม่ได้พูดจริงจัง หันไปเต้นยึกยักกับลูกชายแล้วหัวเราะร่วน

“เพี๊ยะ! เรื่องนี้ซีเรียส! เมียตีแขน หยุดกึก

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เจ็ทโด้หัวเราะลั่น....

“มึงนี่! สีเทาจริง ๆ แต่ก็ดีนะกูเห็นด้วย ทำเหมือนกับไอ้หวังฉวน ไม่ต้องสนใจกับปัญหา” เขาลูบหัวซอนที่คลอเคลียแสนเชื่อง

นาตาลีเงยหน้ายักคิ้วเอียงคอยิ้มมองผม สบายใจขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยก็มีนาตาลีนี่แหละเพื่อนแท้ ไป่ไป๋ยังเด็กไม่รู้เรื่องการเมือง...

“แทนคะ! ไป่ไป๋อยากเป็นฮองเฮาคุณก็เป็นฮ่องเต้สิ ฉันจะหาสนมมาให้เยอะ ๆ เลย” เธอยิ้มหน้าบานหันไปสบตากับไป่ไป๋

“เอ๊ะ!ได้เหรอ?” ไป่ไป๋เหวอ

“อุ๊!นาตาลีอมยิ้มดวงตาหลุกหลิก

“โอ๊ะ!” ทั้งสองจ้องหน้ากัน

“อนนี่!ไม่ต้องเลยนะ” ไป่ไป๋โบ๊ะบ๊ะไม่ยอม

“หวงเหรอคะ?” นาตาลีเอียงตัวกระแทก

“หึงเลยแหละ! หนูไม่ใช่อนนี่นะคะ ซอนคะ! อนนี่จะหาเมียให้แทนเพิ่ม หนูไม่ยอมนะ!” ไป่ไป๋หน้าหงิกไปอ้อนพี่ชาย

“เดี๋ยวผมเตะให้”

นาตาลีหันขวับ...

“จะเตะฉันเหรอแน่จริงเข้ามาสิ? เจี่ยเจี้ย! ซอนจะเตะฉัน” เธอวิ่งไปหลบหลังหมวดจาง

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

จูยอนยิ้มยืดอกสูดลมหายใจลึก แล้วลุกขึ้นยืน...

“เรามาช่วยกันวางพื้นฐานไว้ให้พวกเขาดีกว่า เดี๋ยวฉันจะเรียกประชุมระดมความคิดจากสหาย มีหลายประเทศที่เคยสร้างระบอบของตัวเองไว้ดีมาก ถ้าเราเอามาใช้เราน่าจะจัดสรรได้ดีกว่าแน่ ฉันเชื่ออย่างนั้น พวกเรากลับบ้านกันเถอะ” เธอยิ้มสุขใจเดินเข้าไปกอดคอสามี

แต่...

“โน๊โน! เจ็ทโด้โบกมือไม่เห็นด้วย

“??????” พวกเรานิ่งค้างกันทั้งกลุ่ม

“ผมไม่เห็นด้วยที่คุณจะมาปล่อยเสรีในระหว่างสร้างวัฒนธรรมใหม่ การไม่บังคับจะทำให้ความคิดแตกแยก ผมจะใช้กฎหมายลงโทษรุนแรงของเดิมและปกครองแบบเผด็จการทหารเต็มรูปแบบ”

“ฮือ!!! วงแตกทันที

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! จูยอนหัวเราะตัวงอ ผมป้องปากโห่ไล่...

“หู่ว!!! ไม่เอาเผด็จการ!ไปเลย! เขาตกลงกันแล้ว เสียงส่วนมากชนะ”

“เผด็จการจงเจริญ วู้ว...วว!! นาตาลีร้องแซว

“กูพูดจริง ๆ นะ! มึงจะไม่มีวันรวมชาติได้สำเร็จหรอกหากมึงไม่บังคับ สมมุติว่ามึงมีลูกแล้วปล่อยให้มันคิดเองทำเองโตเอง ไม่บังคับเรื่องพื้นฐานเท่ากับมึงจะได้ควายมาตัวนึง แต่ถ้าบังเอิญมันเสือกเก่ง มึงก็จะคุมมันไม่ได้” เขาขึงขัง

“อืม...มม!! ทุกคนหยุดคิดตาม ผมว่าฟังดูก็มีเหตุผลนะ

“แต่เราต้องการปลดปล่อยนะคะโอปป้า! ฉันไม่ยึดติด” จูยอนแย้ง

“คิดอะไรให้เหมือนชาวบ้านเค้าบ้างเถอะพ่อคู๊ณ” นาตาลีเหล่มอง

เจ็ทโด้ขยับตัว หันมองหน้าทุกคน...

“ผมเข้าใจความปรารถนาดีของพวกคุณ แต่สิ่งที่คุณคิดมันจะเกิดขึ้นหลังจากการหล่อหลอมทุกดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียวกันก่อน เผด็จการนี่แหละจะบังคับให้พวกเขาเดินตามแนวคิดของพวกคุณ”

Dictator!! เอาแต่ใจตัวเอง” นาตาลีแขวะ

“ความคิดโบราณ อำนาจนิยม ชอบใช้กำลังบังคับข่มขืนจิตใจริดรอนสิทธิ์ ผมขอชู 3 นิ้ว ม๊อกกิ้ง เจ.” ผมสนับสนุนนาตาลี

“โอปป้าขา! เสียงส่วนใหญ่ค่ะ ฝั่งหนูมี 4 เสียงแล้วโอปป้าแพ้” ไป่ไป๋ช่วยอีกแรงชื่นจัง

ซอนขยับยืนข้างพี่ชาย...

“ผมเห็นด้วยกับพี่ มันจะได้มีระเบียบสวยงาม พูดคำเดียวรู้เรื่อง ผมไม่เอาด้วยหรอกที่ต้องไปอ้อนวอนให้มาช่วยกันทำงาน มันต้องบังคับมาช่วยกัน ” ซอนเด็ดขาดมาก เผด็จการชัดเจน

“ฉันเห็นด้วยกับซอน! หมวดจางเห็นไปในทางเดียวกัน

“ฉันด้วย! หม่าม้าเข้าร่วมสนับสนุนเจ็ทโด้ ตอนนี้เสียงเท่ากันทุกสายตามองไปที่คุณหมอ ท่านอมยิ้มแก้มป่องสายตาเปี่ยมเมตตาพยักหน้าช้า ๆ แล้วยกมือ...

“ผมก็คิดว่าเขาพูดถูกนะ ก่อนที่จะเอาดินมาปั้นเป็นถ้วยชามต้องทุบดินให้เป็นเนื้อเดียวกันก่อนมันถึงจะขึ้นรูปได้ ถ้ายังหล่อหลอมไปในแนวทางกันไม่ได้ขึ้นรูปร่างไปมันก็ไม่เป็นชาม สุดท้ายปั้นไปปั้นมากลับกลายเป็นมีดไปอีก” ท่านขยับหันหน้าเข้าหาทุกคน...

“เผด็จการ...ไม่ได้หมายความว่าเลวร้ายเสมอไป ระบอบกษัตริย์มันก็เป็นเผด็จการเหมือนกัน ถ้าผู้นำจิตใจดีมีคุณธรรมไม่ใช้อำนาจเถื่อนและกฎหมายกลั่นแกล้งชาวบ้าน การปกครองแบบเผด็จการนี่แหละ สงบสุขที่สุด ขับเคลื่อนประเทศได้ดีที่สุด”

“..............” เงียบกันไปทั้งวงสนทนา

เจ็ทโด้เสริม...

“ใช่ครับคุณหมอผมคิดแบบนั้น พวกเราไม่ได้คิดจะสืบทอดอำนาจไปให้ลูกหลาน เพียงแต่ต้องการพลังของพวกเขามาช่วยกันทำตามแผน แต่ถ้าปล่อยเสรีเดี๋ยวแตกแยก ผมยังคงเชื่อเหมือนเดิมว่าความต้องการของคนไม่มีจุดสิ้นสุด เราต้องทำให้ทุกคนมาอยู่ในจุดเริ่มต้นเดียวกัน” เจ็ทโด้ยืนยันเหมือนเดิม

คุณหมอพยักหน้าหงึก...

“อำนาจนี่แหละ! จะเป็นตัวประคองความคิดของทุกคนให้เดินสู่เป้าหมาย และพวกคุณทุกคนสามารถเป็นต้นแบบของสังคมได้เพราะทุกคนมีจิตสาธารณะ” คุณหมอให้เหตุผลแบบนี้ อึ้งกันทั้งวง

“...............” พวกเราแพ้โหวตนั่งมองหน้ากันตาปริบ ๆ

เจ็ทโด้มองหน้าจูยอนแล้วยิ้มอ่อนโยน...

“ผมไม่ชอบการเมือง แต่ผมมีเรื่องจะเสนอ ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ลองฟังหน่อยนะครับทุกคน...” เขามองไล่ไปทีละคน

“ว่ามา!” นาตาลีกอดอกเชิดหน้ากวนประสาทเขา

“เรื่องแรก บุคคล VIP จะได้รับสวัสดิการชั้นเยี่ยมตั้งแต่เกิดจนวันสุดท้ายของชีวิต”

“ฮู่ว!...ไม่เอา” ผมโวยก่อนเลย ไป่ไป๋ขยับเข้ามา...

“มันเปลี่ยนแปลงตรงไหนกัน สุดท้ายก็ทำเพื่อตัวเอง” เธอส่ายหน้าผิดหวัง นาตาลีหน้าง้ำท่าทางโกรธ...

“จูยอนพยายามพาทุกคนหนีจากไอ้พวก VIP แต่คุณกลับจะให้อำนาจคนกลุ่มนี้ ถ้าคิดไม่เป็นก็นั่งนิ่ง ๆ หายใจไปเฉย ๆ เถอะ!” เธอรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

VIP ของผมคือ ผู้พิการตั้งแต่เกิดและคนชราทั้งหมดจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ต้องดิ้นรนทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ”

“หือ! ผมไม่เคยคิดในมุมนี้เลย ทุกคนท่าทางผ่อนคลายลงสนใจในสิ่งที่เขานำเสนอ

เจ็ทโด้ขยับพูดต่อ...

“เราปฎิวัติวัฒนธรรมไปเลย ให้เด็ก ๆ เรียนรู้พื้นฐานแล้วให้เข้าทำงานตามที่พวกเขาอยากจะเป็น ให้เรียนรู้และเติบโตขึ้นไปพร้อมงานที่พวกเขารับผิดชอบ และเกษียณอายุแค่ 50 ปีก็พอ”

“เฮ้ย! ทุกคนเด้งพร้อมกัน คุณหมออมยิ้มหันมองหน้าพวกเรา

“สร้างปัจจัย 4 และสวัสดิการให้มั่นคงรองรับทุกชีวิต ทุกคนจะทำงานเพียง 30 ปีและใช้เวลาที่เหลือไปทำตามความฝันของตนเองในขณะที่ยังแข็งแรง อย่าให้ทุนนิยมอยู่เหนือสังคมนิยม สร้างวัฒนธรรมใหม่ให้ชื่นชมคนที่เสียสละมากกว่าคนมีเงิน” เขาคิดคล้ายกับคุณหมออย่างน่าอัศจรรย์

ซอนยิ้มร่า...

“ผมเห็นด้วยให้เด็ก ๆ ได้เข้าไปทำงานจะได้รักและหวงแหน ถ้าปลูกฝังให้ดีพวกเขาจะรักษากฎกติกาได้ดีกว่าผู้ใหญ่ ผมคิดว่าวิธีนี้จะกำจัดคอรัปชั่นได้หมดสิ้น”

“ฉันเห็นด้วยกับความคิดนี้ค่ะ” หมวดจางขยับยิ้มหวาน...

“ปล่อยให้พวกเขาบริหารจัดการกันเอง ผู้ใหญ่ก็คอยให้กำลังใจ เชื่อเถอะทำแบบนี้ ผู้ใหญ่จะไม่มีอิทธิพลเหนือพวกเขา”

จูยอนเข้ากอดคอเจ็ทโด้แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่...

“ฉันเห็นด้วยค่ะ! ทุนนิยมสร้างแต่ความโลภ ขโมยเวลา ขโมยความสุข ขโมยความเป็นตัวตน หลายคนยอมเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้อื่นย่ำยีเพราะต้องการเงิน ถ้าเราตอบสนองปัจจัย 4 ได้เงินจะลดบทบาทไปเอง”

“แต่มันจะไม่พัฒนา ไม่แข่งขันจะเจริญไปได้ยังไง? ต้องทุนนิยมเสรีสิ มันถึงจะหลากหลาย” ผมไม่เห็นด้วย นาตาลีปล่อยมือจากแขนไปหาเจ็ทโด้...

“ยิ่งแข่งขัน ยิ่งขุด ยิ่งผลิต ยิ่งพัง สิ่งที่คิดมาส่วนใหญ่ก็ตอบสนองเฉพาะกลุ่มคนมีเงินเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นรถซูเปอร์คาร์ประโยชน์แทบไม่มีนอกจากโก้เก๋ พวกเศรษฐีมันเอามาอวดจึงเกิดลัทธิเอาอย่างสร้างกิเลส คนจนก็กระเสือกกระสนอยากได้ สุดท้ายก็เข้าไปเป็นเหยื่อของทุนนิยม จะพัฒนาสิ่งพวกนี้ไปทำไม เราต้องกำกัดความคิดแบบนี้ออกไปด้วย” อ้าว! นาตาลีแปรพักตร์ไปแล้ว

ผมขัดใจมากยื่นหน้าไปหาพี่ชาย...

“สรุปว่า!...ที่เขาประชุมแทบจะกัดคอกันตาย ต้องล้มเลิกใช่มั้ย?”

“เย่!เขายักคิ้วกวนตีน

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทุกคนส่ายหัวเดินแยกย้ายไปคนละทาง

การเริ่มต้นสร้างเมืองเริ่มเป็นรูปร่าง ความหวังที่จะรวมชาติเกาหลีเริ่มเห็นเค้ารางของความสำเร็จ ความตั้งใจดีย่อมนำพาไปสู่จุดหมายปลายทางเป็นเลิศ

ผมคาดหวังและตั้งใจให้ผลของมันเป็นจริง เพื่อส่งมอบโลกที่ดีที่สุดให้กับรุ่นต่อไป แต่โลกใบเดิมสอนให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่พอดีสำหรับมนุษย์ คนก็คือคน

                                       ...............................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,861 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,977 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท7 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม