The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 25 (จบเล่มที่ 8)

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 25 (จบเล่มที่ 8)
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 3 ก.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เกาหลีเหนือ

มุมมองสายตาแทน

มิถุนายน ค.ศ.2026

05.00 น.  

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!

“ผู้โดยสารทุกท่านครับ เราไปเริ่มต้นจากเมืองชายทะเลตะวันออกแล้วบินตัดคาบสมุทรไปทะเลเหลืองดีกว่าครับ นักบินโอเคนะครับ!” ผมหันปรึกษานักบินหลังจากเครื่องลอยลำออกจากฐานที่ค่ายโชซอน

“รับทราบค่ะ!” นักบินของผมคึกคักมาก อารมณ์ดียิ้มตลอดเวลา

MI-17 ลำอ้วนบรรจุกระสุนเต็มท้อง บินโฉบไปทางซ้ายเป้าหมายย่านดงแฮ เมืองโกซอง เมืองชายทะเลของเกาหลีเหนือด้านตะวันออกติดทะเลญี่ปุ่น

คาบสมุทรเกาหลีมองจากบนฟ้าลงไป มีแต่ภูเขาสูงทับซ้อนกันจากการชนกันของเปลือกโลก ยอดภูเขาและพื้นราบดูเหมือนผ้าผืนใหญ่สีน้ำตาลอมเขียวที่ยับยู่ยี่สูงต่ำไม่เท่ากัน หมู่บ้านชนบทซ่อนตัวตามหุบเขาห่างไกล ความเจริญกระจุกตัวเฉพาะในเมืองอุตสาหกรรมใหญ่ เหมือนกับทุกที่ทั่วโลก

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!เครื่องบินล้อลมมาได้สักพัก ผมเหลือบมองเห็นอาคารสีฟ้าหลังเล็กบนยอดเขาสูงเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ชี้ให้ทุกคนดู...

“ผมเคยมาที่นี่ด้วย” ผมชี้ไปที่อาคารเล็กสีฟ้า ตั้งโดดเดี่ยวบนลานหินบนยอดเขาสูง ล้อมรอบด้วยหุบเหวลึกและน้ำตกสูงใหญ่ ใบไม้เขียวครึ้มในฤดูร้อน

“อะไรเหรอคะ?” ยายเหน่งของผมตื่นเต้นกว่าใคร

เครื่องบินเอียงโฉบให้ทุกคนได้ดู นักบินของผมใจดีที่สุดในโลก สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเด็กที่พึ่งขี่จักรยานเป็นครั้งแรก ใครใช้ไปไหนก็ไป ไกลแค่ไหนก็ไม่บ่น วันนี้เธอคงมีความสุขมากตั้งใจขับ ยิ้มคนเดียวมาตลอดทาง สายตาดีใจเหมือนน้องแทนตอนขี่นกกระจอกเทศเลย

“ภูเขานี้สูงมากเลยนะคะ” เธอชะโงกมองจากที่นั่งนักบิน

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดกลางสายพันธ์รัสเซีย ความเร็วในการบิน 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง กำลังเอียงลำให้ชมยอดเขาในตำนาน

“ยอดเขากึมกัง สถานที่ประวัติศาสตร์ ผมเคยมาวันรวมญาติกับจูยอน วันนั้น! ผมมารับเหรียญติดหน้าอกกับบัตรเข้าชมขบวนพาเหรด” ผมยังจำแววตาของผู้พลัดพรากของสองชาติที่มาพบเจอกันได้ไม่ลืม สายตาแห่งความโหยหาและความดีใจล้น

“คุณเลยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเกาหลีเหนือไปเลยเนอะ?” นาตาลีนั่งคู่กับไป่ไป๋ด้านหลังหัวเราะเบา ๆ

“ผมต้องอ่านแผนที่บ่อย ๆ เลยพอรู้ครับ งานบังคับให้เรียนรู้ ผมต้องทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อช่วยงานจูยอน” ผมชื่นชมพี่สาวที่ทำตัวเหมือนตอม่อสะพานแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว

“ว้าว! ว้าว! ว้าว!! นักบินกรี๊ดเมื่อเครื่องบินพ้นเทือกเขาสูงออกมา

โค้งน้ำสีฟ้าสะท้อนเกล็ดทะเล แสงเหลืองทองของอรุณรุ่งระยับตา ฝูงนกการ่อนเวหาออกล่าอาหาร

“แถบนี้เรามีทหารประจำการหรือเปล่าคะ?” นาตาลีถาม

“มีครับ!เจ็ทโด้ส่งทหารมาคุมค่ายทุกที่แล้ว เมืองนี้มีขีปนาวุธนิวเคลียร์ด้วยนะ เขาเคยเล่าให้ฟังว่ามาเปลี่ยนพิกัดหัวรบนิวเคลียร์จาก ลอส แองเจลิสให้ยิงไปที่เซี่ยงไฮ้” ผมสังเกตมองลงไปยอดตึกด้านล่าง ยามเช้าทุกอย่างยังสงบเงียบ มีเพียงสายลมหยอกล้อกับยอดไม้

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!เฮลิคอปเตอร์ลอยลำเหนือเมืองโกซอง แล้วเริ่มบินเลาะตะเข็บชายแดนด้านใต้ ทงแฮบุนบูจุดเริ่มต้นของเส้นแบ่งแยกดินแดนจากชายทะเลตะวันออก เครื่องบินเข้าสู่ DMZ เขตปลอดทหารเส้นขนานที่ 38 อันเลื่องชื่อ

“ไหนคะ! เส้นขนานที่ 38 สัญลักษณ์ของมันคืออะไร ไม่เห็นมีป้ายติดไว้เลย?” นาตาลีถามเมื่อผ่านป่าเขียวและภูเขาสูง เครื่องบิน MI-17 ลอยเหนือรั้วลวดหนามยาวไม่มีจุดสิ้นสุด

“พอพูดถึงDMZ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงที่ JSAหรือ Join Security Area ที่บริเวณหมู่บ้านบันมุนจอง เพราะตรงนั้นมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นั่นไงครับ ! เส้นขนานที่38” ผมชี้ลงไปด้านล่าง...

“ปราการเส้นบาง ๆ ที่แบ่งชนชาติเกาหลีจากกัน เส้นพลัดพรากญาติพี่น้องที่ตระกูลคิมฉวยโอกาสแบ่งครึ่งหนึ่งไปเป็นของตัวเอง”

“หือ!” นาตาลีร้องมองลงไป รั้วลวดหนามลากผ่านปราการธรรมชาติ ขุนเขาเขียวขจีสูงเสียดฟ้าผืนป่าที่หนาทึบ หน้าผาสูงชันและหุบเหวลึก อีกทั้งด้วยมวลไม้พรรณลดหลั่นไล่ระดับยาวสุดสายตา

“นั่นมันรั้วลวดหนามไม่ใช่เหรอ?” ไป่ไป๋ร้องสงสัย เอียงคอมอง           

“ก็รั้วไงครับ!ชื่ออย่างเป็นทางการของรั้วคือเส้นแบ่งเขตทหารหรือ MDL มีชื่อเต็มว่า Military Demarcation Line มีความยาวโดยประมาณ 248 กิโลเมตรและวัดจากแนวรั้วนี่แหละออกไปข้างละ 2 กิโลเมตร เรียกพื้นที่กว้าง 4 กิโลเมตรบริเวณข้างรั้วนี้ว่า DMZ หรือ Demilitarized  Zone เขตปลอดทหารครับ” ผมอธิบายตามที่จูยอนเคยสอนไว้

“หนูเคยดูซีรี่ย์เกาหลี ทหารเดินเวรยามเลาะรั้ว 2 ฝั่ง พวกเขาถางต้นไม้ข้างรั้วโล่งดีจัง ง่ายต่อการดูแลดีเหมือนกันนะคะ เดินมาก็เห็นหน้ากัน เป็นอย่างนี้นี่เอง นั่น!!ป้อมไม้ริมรั้ว เหมือนในหนังมากเลย” ไป่ไป๋ตื่นเต้นดี๊ด๊ากอดนาตาลี ชี้ชวนกันมอง

ป้อมไม้ของทหารแต่ละหลังห่างกันราว 500 เมตร ควันไฟดำลอยเหนือทิวไม้เป็นจุด ๆ แสงไฟวับวาบมาพร้อมเสียงระเบิดสลับกันดังสนั่น รั้วล้มราบ Soulless ก้าวข้ามมาได้แล้วในบางจุด

“ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! เสียงระเบิดดังต่อเนื่องไปทั้งแนวรั้ว ควันระเบิดที่ลอยขึ้นมา ทำให้เห็นความคดเคี้ยวของเส้นขนานที่ 38 ยาวสุดสายตา

ผมทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยว...

“ในอดีตทหารทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ต่างก็ขนอุปสรรคถมลงไปในพื้นที่ 2 กิโลเมตรในเขตของตัวเอง กับระเบิดสารพัดชนิดนับล้านลูกที่ยังไม่โดนเก็บกู้และฝังเพิ่มมากขึ้นมาตลอดจนนับไม่ถ้วน”

“จำนวนเงินมหาศาลที่ถมลงไปเพียงเพื่อปกป้องอำนาจของผู้นำ มันสร้างความกลัวขู่ทั้งสองฝั่งในเวลาเดียวกัน” นักบินเสียงเหยียดมาก

“ความยาว 248 กิโลเมตรจากริมทะเลญี่ปุ่นที่เมืองโกซองไปจนถึงแม่น้ำอิมจินที่เมืองย็อบชอน แล้วใช้เส้นครึ่งแม่น้ำแบ่งเขตจนลงไปที่ทะเลเหลืองแถว ๆ เมืองอินชอนเกาหลีใต้ แถบนี้เต็มไปด้วยอันตราย”          

เครื่องบินเข้าสู่ลานโล่งหน้าภูเขาสูง

“โน่น ! เห็นถ้ำไหมครับ ตรงลานข้างล่างหน้าภูเขา?” ผมชี้มือลงไป ทหารของเรายืนประจำการหน้าถ้ำ

“เห็นแล้ว มันคืออะไรคะ?” นาตาลีหันมา

“อุโมงค์ที่4!ที่นี่คือเมืองฮันมยอน ผู้นำเกาหลีเหนือมันขี้โกงแอบขุดจากจุดนี้เพื่อไปกรุงโซล อุโมงค์นี้ไกลจากกรุงโซลมากที่สุดในบรรดา4อุโมงค์ แต่ก็ขุดได้แค่ 2 กิโลเมตรถูกจับได้เมื่อปี 1990 ที่ผ่านมานี่เอง”

ผมชะโงกมองลงไปด้านล่าง ทหารของเราที่ควบคุมพื้นที่วิ่งออกมาโบกมือ น้อง ๆ พวกนี้บ้านอยู่แถบนี้อาสามาปกป้องดินแดนที่พวกเขาคุ้นเคย

เมื่อเครื่องบินผ่านเลยเข้าสู่ผืนป่า เสียงเดิมก็กลับมาดังอีกครั้ง...        

“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! เสียงระเบิดแรงบ้างเบาบ้าง สลับกันดังกระหึ่มป่าพร้อม ๆ กัน  แขนขาคนขาดกระเด็นขึ้นยอดไม้ เสื้อผ้าปลิวไสวเหมือนธงขอพร


ด้วยกรณีพิพาทยาวนาน ระเบิดถูกฝังลงไปจนเบียดเสียดกันมากมายจนทำให้  DMZ เป็นพื้นที่อ่อนไหวเปลาะบางที่สุดในโลก ขนาดหมาเห่าหรือใบไม้ไหวก็ยิงใส่กันแล้ว ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยากจะไปเฉียด

“บรึ้ม!บรึ้ม! บรึ้ม!เสียงระเบิดดังตลอดทาง ราวกับว่าเวลาได้ย้อนกลับไปในสมัยสงครามปิตุภูมิ ทุกเสียงระเบิดดังหมายถึงอย่างน้อยหนึ่งชีวิตดับลง

นักบินขับ MI -17 ตัดกลางคาบสมุทรเกาหลี ทัศนียภาพมุมสูงของสองฝั่งต่างกันสิ้นเชิง ด้านซ้ายโลกเสรีของเกาหลีใต้ ขยายเมืองเจริญมาชิดชายแดนเกาหลีเหนือ มองเห็นถนนขวักไขว่เหมือนไยแมงมุม Soullessโดนต้อนมาปล่อยไว้ เดินเบียดเสียดไร้ทิศทางเข้ามาในเขต DMZ

มองเข้าฝั่งเกาหลีเหนือ มีเพียงทุ่งหญ้าสีน้ำตาลแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวาเหมือนหญิงชราสิ้นเรี่ยวแรง เสียงหวีดหวิวในยามต้องกระแสลมคล้ายเสียงโอดครวญ ภายใต้ท้องฟ้ากลมใสที่เหมือนกับครรภ์ของมารดาเดียวกัน

“ตูม! ตูม! โครม!ซ่า!เสียงระเบิดทำงานกับเสียงกิ่งไม้หักโค่นระนาวเป็นหย่อม พวกเขากลับกลายเป็นหน่วยพลีชีพ กู้กับระเบิดไปโดยปริยาย

ผมหันไปหาหมวดจาง เมื่อเครื่องบินมาถึงเมืองชอวอน เมืองที่มีประวัติสำคัญ

“เมืองซอวอน เป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรแทบง จุดกำเนิดราชวงศ์ที่ปกครองเกาหลีให้เป็นหนึ่งเดียว หรือเรียกอีกชื่อว่าโคกูรยอ

นาตาลีนั่งมองเก็บรายละเอียดอย่างสนใจ ไป่ไป๋กระโดดกระเด้งตื่นเต้น....

“อื้อ! หนูเคยดูหนัง โคกูรยอ โครยอ โชซอน คุ้น ๆ ”

“เกาหลีเป็นประเทศที่น่าสงสาร รวมกันได้ไม่นานก็แตก เพราะทำเลคาบสมุทรนี้เป็นเมืองกันชนชั้นดี ใคร ๆ ก็ต้องการ สมัยก่อนราชอาณาจักรอยู่ที่เกาหลีตอนกลางของคาบสมุทร พื้นที่รอบ DMZ ข้างล่างนี่แหละครับ” ผมชี้นิ้วอธิบาย...

“เมืองหลวงเดิมซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ป้องกันการโจมตีได้อย่างดี ในสมัยสงครามปิตุภูมิ บริเวณนี้จะได้ชื่อว่า สามเหลี่ยมเหล็ก โจมตียากที่สุด" ผมยืดอกอย่างภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราว

“ไม่โม้ใช่มั้ย? ฉันกำลังจำนะ” นาตาลีเอื้อมมือมาสะกิด

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เธอเรียกเสียงฮาจากเพื่อน ๆ

“ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงครับไม่ได้โม้ เกาหลีกว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ ต้องเจอกับความวุ่นวาย ความแตกแยก ทั้งหมดมาจากความต้องการของผู้ปกครองเพียงไม่กี่คน พวกเขาล้างสมองและยัดเยียดความต้องการของตนให้เป็นเป้าหมายของชาติให้ชาวบ้านออกไปสู้รบแทน”

นักบินหันมา...

“แทนคะ! คุณไปเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ดีกว่านะ ถ้าไม่ได้โม้อย่างที่นาตาลีบอก คุณเก่งใช้ได้เลย” เธอหัวเราะเสียงใส รั้วลวดหนามด้านล่างยาวสุดลูกตา เต็มไปด้วยฝูง Soulless ที่เดินตาลอยไร้สติไปเรื่อย ช่วงที่เป็นภูเขาสูงหน้าผาชันกับแม่น้ำเท่านั้นที่ไม่มี Soulless

“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!! เสียงระเบิดไม่ได้ทำให้ Soulless กลัว พวกเขายังเดินเข้าหาความตาย อย่างไม่รู้ตัว

“แถบนี้เดินเข้ามาได้เลยนี่นา” หมวดจางชี้ไปที่สะพานปูนข้ามคลองเล็ก ๆ  ริมคลองปกคลุมไปด้วยต้นไม้เป็นทิวแถว เลื้อยคดเคี้ยวไปตามลำคลอง ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ชี้ให้หมวดจางดู...

“นั่นไงครับ! คนของเราแทรกตัวปนกับ Soulless ข้ามไปฝั่งใต้แล้ว”

นาตาลีตะโกนจากด้านหลัง...

“ฉันสั่งให้ทหารเข้าไปสอดแนมและจับกุมตัวผู้บังคับโดรน ฉันเกลียดขี้หน้าพวกมันนัก อีกไม่นานพวกเราก็ฉีดวัคซีนให้พวกเขาได้แล้ว ชั่วจริง ๆ” นาตาลีบ่นอุบ

“แทนคะ! เกาหลีใต้มีประชากรเท่าไหร่?” หมวดจางร้องถาม

“ที่ผมรู้นะครับ 51ล้านคน ไม่รวมต่างชาติที่มาอาศัยทำงาน”

“งั้นคิดแค่ 50 ล้านก็พอ” หมวดจางพูดติดตลกแต่ไม่มีคนขำ ทั้ง 51ล้านคน ตอนนี้มากระจุกกันอยู่ตามชายแดนยาว

“ตรงนี้เมืองอะไรคะ?”  นักบินสงสัย

“อ๋อ!ย่านดงซองเมืองซอวอน นั่นครับ!อุโมงค์ที่ 2 พวกเขาแอบขุดไปกรุงโซลแต่โดนจับได้ปี1975 คุณสังเกตไหมที่เกาหลีเหนือมีแต่อุโมงค์เต็มไปหมด?”

นาตาลีพูดแทรก...

“เกาหลีใต้ก็มีเหมือนกัน ขุดตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นเข้ามาปกครอง

“เหมือนในซีรี่ย์เลยนะคะ” ไป่ไป๋สนใจอยู่เรื่องเดียว

ผมมองนาฬิกาข้อมือ 07.30 น. แสงแดดอ่อนคลุมทั้งผืนป่า เก้งกวางออกมาเล็มหญ้า สัตว์ป่ายังมีให้เห็นมากมายในประเทศปิด

“รู้จักกวางน้ำมั้ยครับ?”

“ฉันรู้จัก!” นาตาลีตอบ นักบินพยักหน้า ไป่ไป๋ส่ายหน้า

“ดูโน่นสิครับ!ยืนอยู่ริมสระน้ำนั่นไง มันแตกต่างจากกวางอื่นก็ตรงที่มันมีเขี้ยวยาวงอกออกจากปากเหมือนหมา เมื่อตอนเช้าบินผ่านภูเขากึมกัง ผมลืมชี้ฟาร์มของจูยอนให้ดู”

“น่ากลัวอ่ะ!” ไป่ไป๋สลัดตัว

“ตรงนี้เป็นเขตภูเขาสูงมีแต่ป่าทึบ ไม่มีคลองเลย” หมวดจางบินต่ำเรี่ยไปกับรั้วลวดหนามบนยอดเขาสูง ป้อมทหารฝั่งใต้ร้าง แต่ฝั่งเหนือมีทหารนั่งประจำป้อมชะโงกหน้ามาโบกมือให้

“ถึงแม่น้ำทังกุลแล้วครับ แถบนี้ข้ามไม่ได้แม่น้ำกว้างและเชี่ยวมาก ไปอีกนิดก็ถึงเมืองพาจูแล้วครับ ตรงนี้ไม่น่าเป็นห่วง รีบไปต่อเถอะ!” ควันไฟและเสียงระเบิดแถบนี้เงียบสนิท

หมวดจางขับเครื่องบินไปจนสุดขอบคาบสมุทรทางปากแม่น้ำอิมจินทางทิศตะวันตกติดกับทะเลเหลืองของจีน(ทะเลตะวันตกของเกาหลี)

“ทุกคนเห็นนั่นไหมครับ สะพานยาวลงเกาะมันเป็นสันเขื่อนกั้นน้ำทะเล” ผมชี้ลงไปที่เขื่อนยาวชายทะเลปิดปากแม่น้ำแทดง

“น้ำท่วมด้วยเหรอ?” นักบินถาม

“น้ำทะเลหนุนท่วมไปถึงพยองยาง พื้นที่เกษตรกรรมเสียหาย”

หือ! ไกลขนาดนั้นยังไปถึงเหรอ?”

“แค่ 50 กว่ากิโลเอง มันชื่อเขื่อนนัมโพ สวยมากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว”

“ตอนนี้จูยอนมาที่นี่เหรอคะ?”

“สหายจูยอนไปโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฮันกยองใต้ครับ เธอกำลังกระจายระบบไฟฟ้าใหม่ จากเดิมที่ส่งไปให้ฝ่ายมั่นคงวิจัยในทางทหาร เอามาให้ประชาชนใช้ จริง ๆแล้วตอนนี้ชาวบ้านก็ไม่ได้ลำบาก พวกผมไปขโมยโซล่าเซลล์จากฝั่งใต้มาเยอะแล้ว อีกไม่นานถ้าเชื่อมระบบเสร็จเกาหลีเหนือสว่างกว่านี้แน่”

“แต่เดิมใช้พลังงานไฟฟ้าจากไหนคะ?”

“มีเขื่อนที่แม่น้ำยาลู่ แม่น้ำอันนกและที่อื่นอีก 9 แห่งแต่ไม่เพียงพอเพราะทหารเอาไปใช้กันในกลุ่ม จูยอนยึดทุกอย่างเอามาให้ชาวบ้านหมดแล้ว กลับกันเถอะครับ!

นักบินวกกลับเข้าเมืองอุตสาหกรรมแคซ็อง อดีตเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรเกาหลีเมื่อคราวยังไม่แยกประเทศจากกัน เมืองนี้ใหญ่ไม่ต่างจากเมืองหลวงปัจจุบัน

“สหายนักบินเข้าไปใกล้ ๆ สิ” ผมสั่งให้หมวดจางนำเครื่อง MI-17โฉบลงไปหาเปลวไฟด้านล่าง

“ระเบิดทำไฟไหม้ป่า ไปทางโน้นครับ!” ผมชี้ไปที่ทางรถไฟสายสันติภาพที่เชื่อมต่อ 2 ประเทศ เส้นทางรถไฟเพื่ออนาคตสร้างไว้สำหรับวันรวมชาติเกาหลี ตอนนี้เป็นถนนสายหลักให้ Soulless เดินนวยนาดเข้ามาอย่างสบายใจสบายอุรา เป็นจุดปลอดระเบิด

นักบินหันมา...

“จุดนี้บอดนี่นา”

“พวกนั้น!ลั้ลลากันสบายใจเลยนะ หึหึหึ! กลับไปกีจองดองกันครับ” การฆ่าล้างเผ่าพันธ์จากเชื้อ Tame 26 ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง ชนชาติที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือยังคงต้องรอปาฏิหาริย์ต่อไป

เครื่องบินอยู่ในน่านฟ้าเกาหลีเหนือ บินวนสำรวจหมู่บ้านขนาดใหญ่ ลอยลำคู่กับเสาธงยักษ์ที่สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ไป่ไป๋นั่งยิ้มตลอดทั้งเส้นทาง สนใจทุกอย่างที่ผ่านตา...

“ทัวร์วันนี้คุ้มค่ามากเลย หนูได้ความรู้เรื่อง DMZ มากเลยค่ะ แทนคะ! เดี๋ยวกลับบ้านหนูให้รางวัลอีกนะ”

“รางวัลอะไรอีกยะ?” นาตาลีเหล่มอง

“หนูจะเอาริบบิ้นผูกอนนี่ ให้ไปเป็นของขวัญ” เธอหยอดยิ้ม

“เดี๋ยวนี้อยู่เป็นนะ” นาตาลีอมยิ้มคอแข็ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นักบินหัวเราะร่วน

“กีจองดอง!หมู่บ้านที่ชาวโลกเชื่อกันว่าไม่มีคนอาศัยครับผู้นำสร้างเพื่อตบตาชาวโลก ในช่วงเวลานั้นเกาหลีเหนือเจริญกว่าเกาหลีใต้ ข้อมูลทั้งหมดมาจากสหายโกและสหายจูยอนนะครับ”

“หมู่บ้านนี้สวยจัง”หมวดจางชะโงกมองหลังคาบ้านสีฟ้าตัดกับสีขาวของตัวบ้าน สลับกันเป็นตาหมากรุกและคอนโดฯ สูงตระหง่าน            

“ท่านผู้นำสร้างไว้ตามข้อตกลงหยุดยิงของ UN คุณเห็นธงชาติเกาหลีใต้ตรงโน้นไหมครับ” ผมชี้กลับเข้าไปฝั่งใต้ นักบินหมุนตาม             

“ค่ะ! ทำไมคะ?” นักบินและลูกทัวร์ของผมน่ารักมาก ชะเง้อมองตามนิ้วไปที่เสาธงสูงลิบ ๆ ในเกาหลีใต้

UN อนุญาตให้สร้างหมู่บ้านสันติภาพได้ประเทศละหนึ่งหมู่บ้านครับ ฝั่งใต้มีหมู่บ้านชนบทชื่อว่า แทซองดอง อยู่ที่เสาธงนั่นแหละครับ แต่ที่นั่นเป็นบ้านเกษตรกร ตอนนี้คงเป็น Soulless กันไปหมดแล้ว” ผมให้ข้อมูลอย่างกับเป็นบ้านเกิดของตัวเอง

“แล้วที่นี่ล่ะคะ มีคนอยู่ไหม? ” ไป่ไป๋ถาม ส่วนนาตาลีของผมนั่งนิ่งเงียบสายตาของเธอมองฝูง Soulless เหมือนคนสิ้นหวัง

“ที่นี่! ท่านผู้นำได้ประกาศต่อหน้าสื่อทั่วโลก เชิญชวนให้ชาวบ้านมาจับจองอยู่ฟรี มีคนที่ไม่ทันเกมท่านผู้นำหลงมาอยู่ตามคำเชิญ โดนยิงทิ้งทั้งครอบครัวครับ”

“ฮ้า!!! ทุกคนร้องเสียงหลง

“ทำไมคะ! มันเกิดอะไรขึ้น?” นักบินหันมามอง

“โดนข้อหาฝักใฝ่ประชาธิปไตย ต้องตายเป็นเยี่ยงอย่างครับ” ผมส่ายหัวรันทดใจ

“เออ!เจริญล่ะมึงสมควรแล้วที่จูยอนกำจัดมัน ฉันเข้าใจความอึดอัดใจความสิ้นหวังของเธอแล้ว” นักบินย่นจมูกไม่พอใจมาก

“จีนไม่เป็นแบบนี้เหรอครับ?”

“ไม่หรอก ถ้าไม่ไปยุ่งกับกฎหมายความมั่นคง จะไม่มีคนมาสนใจคุณเหมือนกับประเทศทั่วไปที่หวงอำนาจ ฉันเข้าใจนะที่อเมริกากับฝ่ายคอมมิวนิสต์มันทะเลาะกัน จริง ๆ แล้วมันเพราะอะไร?”

“อะไรคะ?” ไป่ไป๋ชะโงกหน้าข้ามมาทันที

“ถ้าทุกชาติในโลกปกครองด้วยระบอบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นระบอบไหนก็ตามจะไม่มีปัญหาเลย แต่พอมันเป็นสองระบอบมันก็เกิดการเปรียบเทียบ ในดีมีเสียในเสียมีดี ผู้นำมันเสียหน้าเลยแก้อุดมการณ์ความคิดเดิมจนบิดเบี้ยวไปหมด จีนรุ่นหลังก็เอาทุนนิยมของอเมริกาเข้ามาเหมือนมังกรติดปีก ในขณะที่ฝ่ายเสรีต้องเอาสังคมนิยมเข้าไปเพราะสังคมมันเน่า ไม่น่าอยู่ ใครจะว่าเกาหลีใต้ดีก็ตาม สำหรับฉันแล้ว...No.

ผมหันขวับ...

“เหมือนกับที่คุณเสนอเรื่องการปกครองที่เราคุยกันวันก่อนน่ะเหรอ?”

“ใช่!คุณหมอกับจูยอนก็รู้เรื่องนี้”

“ผมยังอ่อนอีกมากจริง ๆ หมวดจางเก่งมาก เก่งจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจูยอนไม่มีทางยอมคุณแน่ รู้มั้ย...เธอแอบชมคุณให้พวกเราฟังบ่อย ๆ”

“แหงอยู่แล้ว! ใครจะมาเก่งกว่าฉัน ใช่มั้ยดอกเตอร์?”หมวดจางอมยิ้มยืดอก

“แหวะ! ไอ้นิสัยอย่างนี้ไง ถึงทะเลาะกับฉันตั้งแต่เด็ก ยายขี้อิจฉา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นักบินหัวร่อร่าอารมณ์ดี

“นักบิน!ไปที่ตึกขาวนั่นหน่อยครับ”ผมชี้ไปที่ JSA

“รับทราบค่ะ!” นักบินแข็งขันมากไม่มีปริปากบ่นเลย

“พั่บ!พั่บ!พั่บ! เครื่องบินตรงเข้าไปที่หมู่บ้าน บันมุนจอง อันเลื่องชื่อ หมู่บ้านเล็กที่บังเอิญอยู่ตรงเส้นขนานที่ 38 พาดผ่านพอดี โดยมี Camp Bonifas ค่ายทหารอเมริกันคอยปกป้องดินแดนนี้

“นั่นคนนี่นา!” หมวดจางชี้ลงไปที่ลาน Soulless บริเวณนี้ปริมาณหนาตามากกว่าทุกจุด

“มองเลยไปที่ฝั่งใต้สิครับ พวก Soulless ที่น่าสงสารถูกต้อนมาบนถนน Freedom highway ยาวหาจุดสิ้นสุดไม่เจอเลย” ผมชี้ให้พวกเธอมองหัวคนเรียงกันเหมือนขวดน้ำอัดลมในลัง แออัดยัดเยียดยาวมาจากถนนสันติภาพเกาหลีใต้ ล้นทะลักลงท้องทุ่งเดินดาหน้าเข้ามาเหมือนกองกำลังปีศาจ Dead man Walking

ทันใดนั้น...ฝูง Soulless เริ่มเคลื่อนไหวเร็วผิดปรกติ ผืนป่าสะเทือนเลื่อนลั่นราวแผ่นดินไหว

“หวือ!!! ฝูงโดรนใหญ่นับสิบตัวบินขึ้นจากฝั่งเกาหลีใต้พร้อมเสียงปีศาจ...

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! พวกเขาถูกปลุกแล้ว       

“พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หมวดจางครับ! ไปทางซ้ายหน่อย”  ผมมองนาฬิกาข้อมือ 08.30.

“เอาเครื่องลงที่ ทงกิลกัก ให้ผมหน่อย”

“เย่!หมวดจางบังคับ MI-17 มาลอยลำเหนือเครื่องหมาย H ที่อาคาร ทงกิลกัก ด้านหลังอาคารบันมุนกัก ฝั่งเกาหลีเหนือในบริเวณพื้นที่ JSA

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ! กระแสลมหมุนจากใบพัด ส่งมวลพายุโจมตีต้นไม้ไหวเอน

“โครม! คราม! Soulless นับล้านคน โดนนกหวีดปลุกกลายเป็น Tamer 30 ที่น่ากลัวอีกครั้ง พวกเขาสภาพร่างกายดูไม่จืด แตกต่างจาก Soullessของจูยอนสิ้นเชิง ดวงตาขาวขุ่นเสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมีแต่สะเก็ดแผล ตุ่มน้ำเหลืองไหลเยิ้ม กลิ่นเหม็นเน่าลอยฟุ้ง...

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!

กลุ่มแรกวิ่งออกจากป่า มาจากด้านหลังอาคารเสรีภาพฝั่งเกาหลีใต้ข้ามถนนมาที่อาคารห้องประชุมเจรจาหยุดยิงสีฟ้า จุดแบ่งเขตของสองชาติ

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!

พวกเขาวิ่งตามโดรนกำลังข้ามแท่งคอนกรีตเส้นขนานที่ 38 เส้นสมมุติที่ไม่มีชาวเกาหลีใต้หน้าไหนอยากจะเดินเฉี่ยว แต่ร่างที่ไร้วิญญาณกลุ่มนี้ได้เข้ามาประทับรอยเท้าในแผ่นดินแม่ที่ถูกแบ่งแยกมานาน

“โดรนพวกนี้บังคับได้ไกลถึง 60 กิโลเมตร คุณต้องหาฐานปฏิบัติการของมันให้เจอ” หมวดจางมองไปที่กลุ่มโดรน

“โดรนนี่!ใช่ที่คุณเอาไปตามล่าพวกฉันหรือเปล่า?” นาตาลีถาม

“หนูก็ว่ามันคุ้น ๆ นะคะ ใช่ไหมคะเจี้ยเจี่ย?” ไป่ไป๋เข้าคู่

“ไม่รู้! ฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว” หมวดจางเสียงสูงเฉไฉอมยิ้ม

โดรนปีกกว้างพาเหล่าคนเลื่อนลอย วิ่งผ่านอาคารเซ็นสัญญาหยุดยิงสีฟ้า 3 หลัง เลยมาถึงลานหญ้าหน้าอาคาร บันมุนกักและกำลังเลยมาที่นี่...ทงกิลกัก

ทหารเกาหลี 4 นายวิ่งออกมาบนลานกว้างโบกมือให้สัญญาณ  นักบินลงจอด ผมหันไปยิ้มให้กับสองสาวและบอกกับนักบิน...

“ทัวร์เส้นขนานที่ 38 จบแล้วสหาย กลับฐานไปก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวผมหาทางกลับเอง”

“แทนระวังตัวนะ” นาตาลีตบไหล่

“หนูช่วยลุ้นนะคะ” ไป่ไป๋ตีมือ

“ตึกโน้นชื่อบันมุนกักเหรอคะ?” นักบินชี้ข้ามถนนไปที่ตึกขาวด้านหน้าฝั่งเกาหลีเหนือ                       

“ใช่ครับ! เวลาคนมาเที่ยวที่นี่ ถ้าถ่ายรูปจากฝั่งเกาหลีใต้จะเห็นตึกสี่เหลี่ยมทรงรัสเซียสีขาวอยู่ด้านหลังอาคารหยุดยิงสีฟ้า 3 หลังคือตึกนี้แหละครับ บันมุนกัก

“ส่วนอาคารกระจกทรงทันสมัย ฝั่งเกาหลีใต้ที่ตั้งประจันหน้ากัน ชื่ออาคารเสรีภาพ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาก็ยืนออกันอยู่ในนั้นแหละครับ พวกคุณไม่เคยเข้าเกาหลีใต้แล้วมาเที่ยวที่นี่เหรอครับ?”

“หนูกับเจี่ยเจี้ยมาที่นี่ไม่ได้หรอก” ไป่ไป๋น้ำเสียงตัดพ้อ สีหน้าของไป่ไป๋บ่งบอกว่าไม่ชอบใจ ผมแปลกใจกับท่าทางของสาวจีนทั้งสองคน นักบินหันมาส่ายหน้า ไป่ไป๋ใส่เป็นชุด...                       

“รัฐบาลเกาหลีใต้มันไม่อนุญาตให้คนสัญชาติจีนมาที่นี่หรอกค่ะ ห้ามเด็ดขาดเพราะจีนเป็นพันธมิตรกับเกาหลีเหนือค่ะ การเมืองแยกประเทศยังไม่พอ ยังยุให้คนแยกออกจากกันอีกด้วย”พอเธอตอบมาผมเข้าใจได้ทันที จีนสนับสนุนอาวุธให้เกาหลีเหนือและมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันและใช้เกาหลีเหนือเป็นกันชนให้ตัวเอง

“ไปก่อนนะ!” ผมกระโดดลงบนพื้นแล้วส่งสัญญาณให้นักบิน...

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!  MI-17 บินหายไปลับตา

ผมหันมองกลับไปที่อาคารบันมุนกัก Soulless กำลังวิ่งตามโดรนมาทางนี้

ทันใดนั้น...  

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!เสียงสุดสยองดังกระหึ่มบีบรัดหัวใจ พวกเขาวิ่งกรูอยู่บนถนนลาดยางด้านหน้า กำลังวิ่งมาที่ผมยืน

การรุกรานไม่เคยสร้างความสงบให้กับใคร ฝ่ายรุกก็ต้องเกณฑ์ไพร่พลพรากลูกพรากแม่ของทหารออกมารบ ในขณะที่ฝ่ายรับก็ต้องทำเช่นเดียวกัน ความเสียหายความตายกลิ่นรุนแรงมากขึ้น คราวนี้ก็คงไม่ต่างจากทุกครั้ง Tamer 30 พวกนี้แหละที่จะเป็นกลุ่มคนที่ตายครั้งที่ 2
                                       .....................................................

  จบเล่มที่ 8 โปรดติดตามเล่มที่ 9

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม