หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 19 ต.ค. 2568 |
จำนวน | ชิ้น |
DMZ เส้นขนานที่ 38
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
กันยายน ค.ศ.2026
ผมขับรถออกจากค่ายทหารแคซ็องผ่านหมู่บ้านกีจองดอง เลาะมาตามเส้นชายแดน DMZ มุ่งหน้าไปหมู่บ้านบันมุนจอง
“เลี้ยวซ้ายค่ะ!” จูยอนชี้ไปถนนลูกรังแดง
ธงรวมชาติของหมู่บ้านแทซองดองในเกาหลีใต้ปลิวไสวอยู่บนยอดเสาทางขวามือพุ่มไม้เขียวริมลำคลองน้ำไหลเอื่อยถูกกำหนดให้เป็นเส้นขนานที่ 38 ลากลงไปทางใต้สู่แม่น้ำอิมจินออกทะเลเหลือง
ผมเพิ่งจะเข้าใจว่าเส้นขนานที่ 38 ไม่ได้ลากเป็นเส้นตรงอย่างที่คิดไว้ มันคดเคี้ยวยักเกิดจากการดึงดันเอาแต่ใจตัวเองของทั้งสองฝั่ง วันประกาศหยุดยิงคือวันที่เสียทหารมากที่สุดและรบกันหนักที่สุดของสงครามเพื่อรุกคืบยึดดินแดนให้ได้ก่อนหมดเวลาถึงวันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าอำนาจต่างหากที่ทำให้เกิดปัญหาไม่ใช่ระบอบการปกครอง
“บรื้น!...” ถนนลูกรังตรงยาวคู่ขนานไปกับสวนผลไม้เขียวขจีของเกาหลีใต้ ในขณะที่ฝั่งเกาหลีเหนือแห้งแล้งปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสีน้ำตาลมอซอ
“ลำโพงยังเหลืออยู่อีกนี่นา” ผมหันมองโคตรลำโพงกระจายเสียง โฆษณาชวนเชื่อของทั้งสองชาติที่เคยประจันหน้ากัน
“มีตลอดเส้นแบ่งเขตเลยค่ะ ทหารทยอยขนไปชินอุยจูและชายแดนทางทะเลแล้วค่ะ บางส่วนเดอะแก๊งเอาไปดัดแปลงเป็นรถแห่หลายร้อยคัน”
“เสียงดังไปไกลมั้ย?”
แผงลำโพงสูงใหญ่เท่าตึก 5 ชั้นอัดแน่นไปด้วยดอกลำโพงขนาดใหญ่นับร้อยตั้งเรียงเป็นแถวเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้นำทั้งสองชาติ
“ตอนกลางวันก็ราว ๆ 10 กิโล ถ้ากลางคืนไปไกลถึง 20 กิโลเลยค่ะ สมัยก่อนก็เปิดใส่กันทั้งวันคืนต่างฝ่ายต่างก็เกทับกัน พักหลังเกาหลีใต้เอาเพลง K- pop มาเปิดใส่ ท่านผู้นำแพ้...สั่งยิงจรวดใส่เลย!” เธอส่ายหน้าหัวเราะลั่น
“ย้ายมันไปตั้งริมทะเลนัมโพดีกว่า ตรงนั้นเป็นจุดอ่อนของเรา ถ้าจีนหาเจอก่อนเราซวยแน่” ผมกังวลใจชายทะเลจุดนั้นมากที่สุด ทหารจีนสามารถรุกเข้ามาถึง DMZ ได้อย่างง่ายดาย
“ส่วนหนึ่งสหายโกสั่งให้ทหารขนไปติดตั้งแล้ว ลำโพงที่เหลือเอาไว้เพื่อเป่านกหวีดให้กับพวกเลื่อนลอยฟื้นตัวทุกวันค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาเนื้อจะเน่าแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้เลย”
การรักษาก็ยุ่งยากใช้ทั้งคนและอาหารมากมาย ผมมองไม่ออกเลยว่าเมื่อไหร่ปัญหานี้มันจะสิ้นสุด น้องแทนนั่งยิ้มบนตักของเธอหันซ้ายหันขวามองตามที่เราคุยกัน
“อะป้า! เค้าอยากยิงปืนมั่ง” น้องยิ้มกว้างชี้ไปที่ทหารข้างถนน วันนี้จูยอนจับน้องแทนแต่งตัวทหารเต็มยศ สวมหมวกดาวแดงซะด้วย
“หูย! หล่อเจ็บอกเลยนะ” ผมต้องเลี้ยงพี่ชายคนโตของครอบครัวให้ดี อีกหน่อยเขาจะต้องเป็นคนดูแลน้อง ๆ ที่กำลังจะเกิดมา ทุกความหวังฝากไว้กับเด็กชายคนนี้
“นั่น! นั่น!” จู่ ๆ น้องก็ตีแขนรัว ๆ แล้วชี้ไปถนนข้างหน้า...
“จอด! ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!”
“เย่!” ผมรีบหักพวงมาลัยเข้าเทียบข้างทางตามคำสั่ง น้องแทนก้มหน้าก้มตาหอบขนมและน้ำอัดลมกระป๋องไปเด็ดดอกไม้ยืนคอยริมถนน
“น้องแทนจะไปไหนคะ?” จูยอนลงไปยืนงงอยู่ข้างทาง
ชายหนุ่มกำลังขี่รถสามล้อร้องเพลงอย่างมีความสุขมาบนถนนลูกรัง โดยมีเด็กหญิงผมยาวสลวยหน้าตาน่ารักสวมแว่นตาดำในชุดโกโจรีสีแดงขาวนั่งมาด้านหน้า น้องแทนเดินออกไปยืนกลางถนน
“อันยองเยโยซัมชุน เซยองนูน่า!” เจ้าตัวน้อยของผมโค้งซะหัวเกือบติดพื้น สาวน้อยผมยาวสลวยในชุดโกโจรีสีแดงขลิบขาวกระเด้งเมื่อได้ยินเสียงของน้องแทน
เธอยิ้มร่าหันมองมาตามเสียงแล้วยื่นมือออกมา...
“น้องแทน!..ขอจับมือหน่อยค่ะ!” สองมือที่ไขว่คว้าแสดงว่าดวงตาทั้งสองข้างมืดบอด น้องแทนเดินเข้าไปใกล้แล้วจับมือของเธอมาแนบใบหน้า
“โกพอชิบพอนูน่า!” เจ้าตัวน้อยพยายามจะตะปีนขึ้นไปแต่ขาก็สั้นยกไม่ถึง มือก็ถือของดูเกะกะวุ่นวายไปหมด
ชายหนุ่มกระโดดลงมาอุ้มน้องขึ้นไปนั่งข้างลูกสาวบนเบาะหน้ารถสามล้อถีบแล้วก้มลงไปถาม...
“มาเที่ยวเหรอครับ?” เขายีหัวน้องที่กำลังเสียบดอกไม้ทัดหูให้พี่สาว
“ช่วยอะป้าทำงานครับ” เจ้าทหารน้อยตอบแล้วก้มแกะซองขนมเอาไปป้อนสาว
“นูน่ากินนี่สิ! อันนี้เรียกว่า ช็อกกะแลต” เขาเอาขนมช็อคโกพายป้อนใส่ปากเด็กสาวอย่างสนิทสนม
“น้องแทนเก็บไว้กินเองเถอะค่ะ!” เธอเอาขนมยัดคืนใส่มือน้อง
“นูน่ากินเยอะ ๆ เลย เค้ามีน้ำซ่าส์ด้วยนะ!” เขาหมุนตัวหากระป๋องน้ำอัดลมแล้วคว้ามาดึงสลักเปิดฝา
“แก๊ก! แก๊ก!!” สองมือน้อยไม่สามารถดึงสลักได้
“ส่งมาครับ!” ผมรับมาเปิดแล้วส่งให้เด็กหญิง
“ฟู่ว!..” ฟองฟอด... “ค่อย ๆ ดื่มนะครับ” น้ำอัดลมฟองฟู่ล้นออกมา
“อ๊าห์...” น้องแทนมองลุ้นอ้าปากกว้าง
“อ๊าห์! ออกจมูกน้ำตาไหลเลย น้ำอะไรคะ?” เธอคงจะได้กินเป็นครั้งแรกถึงกับกรี๊ด
“น้ำดำซ่าส์!” น้องแทนยิ้มหน้าบาน
เธอคลำไปที่กระเป๋าสะพายแล้วหยิบไข่เป็ดขึ้นมาปอก... “น้องแทนกินนี่สิคะ”
“โอ้โห! ใบใหญ่เบิ้มเลย เค้าชอบกินไข่” น้องแทนขยับเข้าไปเอียงหัวซบไหล่ประจบ เจ้าทหารเด็กและสาวโกโจรีตัวน้อยเอื้อเฟื้อให้กัน
จูยอนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนก้มหน้ากุมมือประหม่าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบสายตา
“อันยองฮาเซโย สหายแบดงจินจะพาลูกสาวไปเที่ยวที่ไหนกันคะ?” จูยอนถามเสียงหวาน เขาสะดุ้งเฮือก...
“สหายรู้จักชื่อของผมด้วยเหรอครับ?”เขาถูมือเลิ่กลั่ก
“รู้สิคะ! สหายและลูกสาวชื่อดังมากเลยนะคะ ยินดีมากที่วันนี้ได้เจอกัน ฝากตัวด้วยนะคะ!” เธอโค้งศีรษะอ่อนหวานให้กับทุกคนเสมอ
“อ๊ะ! อย่าครับ!” เขาไม่กล้ารับความเคารพรีบคุกเข่าทันที แต่ขาข้างซ้ายเหมือนจะเคยหักแขนขวาโก่ง ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกยืน
“สหายลุกขึ้น! คงเหนื่อยมามากเลยสินะจะไปไหนกันครับ?” ผมสังเกตจากเสื้อผ้าและสมบัติทั้งหมด เขาคงใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก แสดงว่าเขาไม่รับความช่วยเหลือจากทหารของเราแน่เลย
“ไปกีจองดองครับ เซคยองไปทำงานกับไป่ไป๋ซอนเซงนีมที่นั่นครับ”
“ใครสั่ง?” ผมวืดโกรธฉุนขาดเชือก ใครบังอาจใช้ VIP ของผมทำงาน
“ไม่มีใครสั่งหรอกครับ เซคยองอยากอยู่ใกล้กับคนที่เธอรัก ผมเคยพาไปงานร้องเพลงของไป่ไป๋ซอนเซงนีม ผมไปนั่งฟังเพลงกันด้านนอกสนาม พอเธอได้ยินเสียงร้องเพลงแล้วชอบมากอยากเจอกับนักร้อง ผมใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้พบกับไป่ไป๋ซอนเซงนีม”
“ทำไมไม่บอกทหารล่ะคะ?”
“กลัวครับ! กลัวมาก! ในตอนนั้นสหายยังไม่ได้ประกาศเรื่องบุคคล VIP ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้เขตของสหาย ได้แต่แอบมองไกล ๆ โนยุนซอคอยให้ความช่วยเหลือผมกับลูกสาวมาตลอดครับ”
“ใครเหรอ?” ผมถามเขาแล้วหันมองจูยอนส่ายหน้า
“เดอะแก๊งครับ! กลุ่มพวกเขาสร้างความอุ่นใจให้กับพวกเราได้มากกว่าทหารอีก ไม่เคยปล่อยให้ใครหิวเป็นธุระจัดหาสิ่งของเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน พวกเขาเคยมาหมดแรงหลับที่ศาลากลางหมู่บ้าน คนเฒ่าคนแก่ต้องออกมาก่อกองไฟห่มผ้าโบกยุงให้ ชาวบ้านรักพวกเขามากเลยครับ”
“ขอโทษนะคะที่ฉันทำให้กลัว” จูยอนเข้าไปจับมือ
“ผมเข้าใจผิดไปเอง ในวันที่สหายประกาศยกระดับคนพิการ รัฐจะเข้ามาเป็นพ่อแม่บุญธรรม ผมซึ้งใจจุกอกน้ำตาไหลเลย ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีคนเหลียวมอง” น้ำตาของพ่อผู้ทรหดรื้นขึ้นมา
“จากนี้ไปถ้าสหายต้องการความช่วยเหลือก็บอกกับทหารได้เลย เข้าใจมั้ย?” ผมเข้าใจของหัวอกของคนที่ต้องดูแลคนพิการ มันเป็นงานหนักและดึงเวลาทั้งหมดไปด้วย หากินก็ลำบากเดินทางไกลก็ไม่ได้
“เมื่อสหายคุณลุงเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าเสร็จ เกาหลีเหนือจะไม่เป็นแดนสนธยาอีกต่อไปแล้ว เรามาช่วยกันสร้างประเทศนี้ให้ปลอดภัยและเป็นของทุกคนกันเถอะค่ะ”
“ผมขาพิการเลือกอะไรไม่ได้เลย ถ้าผมจะสร้างประโยชน์ได้บ้างก็ยินดีมากครับ” ผู้เป็นพ่อยอมทุกอย่างเพื่อลูก
“เซคยองได้เรียนหนังสือหรือเปล่าคะ?” จูยอนเดินเข้าไปหาเด็กหญิง
“ไม่ได้เรียนครับ เซคยองเป็นเด็กพิเศษถึงดวงตาจะบอดแต่หูของเธอมหัศจรรย์มาก ทหารเคยสอนรหัสมอร์สกับเธอจนวันนี้เธอก็ยังไม่ลืม ถ้าได้รับการศึกษาที่ดีผมเชื่อว่าลูกสาวของผมก็เก่งไม่แพ้ใครเลย” ผู้เป็นพ่อน้ำตาร่วงหันมองลูกสาวแล้วกล้ำกลืนก้อนความขมขื่นลงคอ
“อันยองฮาเซโยเซคยอง!” จูยอนเข้าไปยืนหน้ารถสามล้อถีบลูบหัวน้องแทน เด็กสาวได้ยินเสียงรีบลุกยืนแล้วโค้งศีรษะลงต่ำ
“อันยองฮาชิมนิก๊า เซคยองอิบนิดะ!” เธอกุมมือยืนเรียบร้อย น้องแทนถอยห่างนั่งยิ้มมอง
“รู้จักฉันมั้ยคะ?”
“สหายผู้นำใช่มั้ยคะ? หนูเคยได้ยินเสียงตามสายบ่อย ๆ ค่ะ”
“เก่งจังเลย! ฉันขอกอดหน่อยได้มั้ยคะ?” เธออ้าแขนเซคยองขยับคลำเข้ามากอดหมับ
“เหนื่อยมานานเลยนะคะ หมดทุกข์หมดโศกซะทีไม่ต้องเร่ร่อนหลบหนีอีกแล้ว”เธอลูบหัวของน้องเบา ๆ
“หนูขอจับใบหน้าของสหายผู้นำได้มั้ยคะ?”
“เชิญเลยค่ะ!” จูยอนขยับยืนตรง เซคยองเริ่มลูบไล้ตั้งแต่เส้นผมไล่ลงมาที่ใบหน้า
“สหายผู้นำสวยจังเลยค่ะ” เธอเลื่อนมือลงมาที่ท้อง
“อุ๊ย! สหายผู้นำคะ น้องดิ้นด้วย”เธอยิ้มกับจินตนาการของตน น้องแทนยื่นหน้าไปหา...
“น้องชื่อนีน่า ออมม่าก็ใจดี”
“เซคยอง! ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” จูยอนดึงเข้ามากอดอีกครั้ง ผู้เป็นพ่อยืนมองสะอื้นตื้นตันน้ำตาท่วมหน้า
ผมหันมองรอบกายบริเวณนี้ก็เป็นเขตชายแดนมีแต่พวกเลื่อนลอยจากเกาหลีใต้ สองพ่อลูกขี่รถสามล้อมาจากตรงไหนกัน…
“สหายบ้านอยู่ที่ไหน?”
“ผมอยู่ที่หุบเขาเสือหมอบ เลยเขื่อนที่กำลังสร้างไปนิดเดียว เซมครับ! ใช้ผมทำงานด้วยนะครับ ผมอยากช่วย”
ผมสังเกตจากแววตาที่ทรหดจริงจังเขาคงอยากจะช่วยงานพวกเรา แต่ภาระของเขายิ่งใหญ่กว่าจะทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดายได้
“แล้วใครจะดูแลลูกสาวล่ะ?”
“เราคุยกันแล้วครับ เซคยองรอให้โครงการฉีดวัคซีนยุติลง เธอจะไปอยู่ที่ศูนย์ดูแล VIP ข้างโรงพยาบาลพยองยาง ถ้าลูกไปอยู่ที่นั่นแล้วผมก็คงว่างงาน”
“ถ้าสหายอยากช่วยงานก็ไปทำงานที่ศูนย์ VIP กับลูกเถอะจะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน เอามั้ย?” ผมยื่นข้อเสนอที่ยากจะปฎิเสธ
“ได้เหรอ? เอาครับ! เอา! เอา!” เขาลิงโลดดีใจจนลืมตัวโผเข้ามากอด…
“คัมซามนิดะเซม! คัมซามนิดะ!”
“ตั้งใจทำงานนะ เรามาเริ่มกันใหม่ลืมเรื่องเลวร้ายให้หมด” ผมลูบหลังให้กำลังใจ
“เย่!...” เขาถอยกรูดไปยืนโค้งศีรษะต่ำนิ่งนาน
“ไปกันต่อเถอะเดี๋ยวแดดจะร้อน แยกย้ายกันนะดงจิน!”
“เย่!” เขาดีใจลิงโลดเข้าไปหาลูกสาว...“เซคยอง! อะป้าได้งานแล้ว อะป้าดีใจจังเลย” เขาโผเข้าไปกอดลูกสาวทั้งน้ำตา
“คัมซามนิดะ คัมซามนิดะ” เซคยองตะโกนลั่นกอดพ่อไว้แน่น
“ดีใจ! ดีใจ!” น้องแทนกระโดดโลดเต้นไปกับสองพ่อลูก
“น้องแทนครับ! ไปทำงานกันต่อครับ” ผมหิ้วคอเจ้าตัวยุ่งกลับมาขึ้นรถยนต์
ธงรวมชาติเกาหลีปักท้ายรถสามล้อถีบปลิวไสวสองพ่อลูกเดินทางต่อไปตามถนนฝุ่นแดง ภาพจางจางของกลุ่มอาคารคอนโดมิเนียมกีจองดองที่เราผ่านมาเห็นอยู่อีกไกลลิบ กว่าเขาจะถีบไปถึงก็คงใช้เวลาเป็นชั่วโมง
จูยอนหันมองตามหลังยิ้มแป้นแววตาประกาย...
“หวังว่าเขาคงไม่โชคร้ายอีกแล้ว”
“เขาโชคร้ายเรื่องอะไรครับ?” ผมมองกระจกส่องหลัง เซคยองยืนกางแขนร้องเพลงอย่างมีความสุข
“พวกเดียวกับโอปป้านั่นแหละ! ความรักเป็นพิษค่ะ เขาเป็นนักศึกษาเกรด Aที่มหาวิทยาลัยคิมอิลซุงเป็นรุ่นพี่ของเสือน้อยแบ็คตู แต่ด้วยความที่อ่อนวัยจึงทำให้อารมณ์นำเหตุผล สุดท้ายก็ทำแฟนท้อง”
“เด็กมหาลัยก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ”ผมเห็นเป็นเรื่องปรกติมากเด็กสาวมหาวิทยาลัยได้ใบประกาศนียบัตรมาเป็นตัวอ่อน
“แต่แฟนของเขาเป็นลูกสาวของนายทหารฝ่ายความมั่นคงระดับ 10 เขาตามล่าแบดงจินและแฟนอย่างพลิกแผ่นดิน เซคยองเกิดมาพร้อมกับความสูญเสียและเจ็บปวดค่ะ”
“ยังไงครับ?”
“นายทหารส่งลิ่วล้อมากดดันครอบครัวของเขา สุดท้ายมันก็ลงมือเผาบ้านฆ่าพ่อแม่ของเขาและพรากเมียกับลูกที่พึ่งเกิดไปด้วย ดงจินอาการสาหัสปางตาย หลังจากที่เขาหายบาดเจ็บก็ไปตามลูกและเมียที่บ้านนายทหาร....”
ผมรู้สึกจุกอกเศร้าใจ ความรู้สึกย่ำแย่แบบนี้ผมสัมผัสได้ง่ายมาก แม้จะได้ยินเรื่องของคนอื่นก็ตาม...
“โดนหนักเลยล่ะสิ!” น่านับถือจิตใจที่เข้มแข็งของเขา
“เฮ้อ!...ชาวบ้านไปหาปลา เจอดงจินร่างอาบเลือดนอนสลบกอดแพลอยน้ำมา เซคยองเสียดวงตาทั้งสองข้าง”
“แล้วแม่ของเธอล่ะ?”
“แม่ของเซคยองยิงตัวตายเพราะคุณตาของเธอเอาดวงตาของหลานมาเป็นตัวต่อรอง เซคยองเสียดวงตาและแม่เพราะคุณตาที่ถือชนชั้นของเธอเอง น่าเศร้ามาก!” จูยอนแหงนมองท้องฟ้าท่าทางอึดอัดใจ
เรื่องของชนชั้นมีอยู่ทุกชาติทั่วโลก เรื่องราวของเขาไม่ต่างจากเรื่องของผมในวัยเด็ก การโดนกีดกันดูถูกเหยียดหยามผมเข้าใจมันดี มันเป็นเพื่อนรักของผม
“เจ้าเสือน้อยเล่าว่า เขาหนีมาปลูกกระท่อมอยู่ในเขตหมู่บ้านชายแดน เลี้ยงเซคยองด้วยน้ำนมวัวน้ำนมหมู สำหรับฉันแล้วเขาเป็นพ่อที่เต็มไปด้วยความรัก พ่อในแบบที่ลูกสาวทั่วโลกต้องการ พ่อที่ปฎิเสธความสุขสบายเพื่อดูแลลูกสาวที่ตาบอดอย่างดี โอปป้าสังเกตไหมคะชุดของเซคยองทั้งสวยและใหม่ แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่กลับดูเก่ามอซอมาก”
“ช่างเถอะไม่ต้องเล่าแล้ว มันจบไปแล้วครับ” ผมรีบตัดบทก่อนที่หัวใจจะหม่นไปกับชะตาชีวิตที่แสนเศร้าของเขา ถ้าเจ้าแทนมาเจอต้องฉุดมือเขาขึ้นมาจากหลุมดำของชีวิตแน่และผมก็จะทำเช่นเดียวกัน...
“จูยอน...”
“คะ”
“ครีมลอกคราบของนาตาลลีจะใช้ได้มั้ย? ผมอยากลอง”
“โอ๊ะ!” เธอกระเด้งทันที...“ฉันกำลังสงสัยอยู่พอดีเลย คิดตรงกันพอดี”
“เจ้าแทนกับเยวอนใบหน้าอย่างกับอสูรใต้พิภพยังรักษาหายกลับมาหล่อตาแตกได้เลย น่าลุ้นนะ!” ผมมีความหวังลึก ๆ ในใจ
“เธอเคยบอกว่าตัวยาจะกระตุ้นเซลล์ชั้นที่ลึกสุดให้กลับมาซ่อมสร้างเซลล์ที่เสียหายได้ แต่ว่าดวงตาจะลอกคราบได้รึเปล่าคะ?”
“งูมันก็ลอกคราบทั้งตัวแหละ เราเน้นทาที่ดวงตาของเธอก็พอ!” ผมอยากทำ การให้ดวงตากับคนเป็นสิ่งที่สมควรที่สุด
“ฮื้อ! เดี๋ยวตาบอดนะ” จูยอนร้องเสียงหลง
“เธอบอดอยู่แล้ว”
“เนอะ”
“ผมเชื่อว่าหายเพราะเธอไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด”
“โอปป้าไปปรึกษากับคุณหมอก่อน หิ้วนาตาลีไปด้วยฉันก็อยากให้เธอหาย”
“โอเค! ผมจะจัดการเอง” ผมอยากจะทำให้สำเร็จ ผมอยากช่วยให้เธอได้มองเห็นใบหน้าของพ่อสักครั้ง
จูยอนอมยิ้มกอดน้องแทนแน่น...
“ฉันมีความสุขที่สุดเลย เกาหลีก็รวมประเทศได้หลวม ๆ แล้ว ถ้าซอนทำสำเร็จอีกเราติดปีกบินได้เลยล่ะ ลูกหลานเกาหลีจะได้หลุดพ้นจากวงจรฆาตกรการเมืองเสียที”
เราขับรถยนต์มาบนถนนฝุ่นแดง พอเข้าเขต JSA (Join Security Area) กลุ่มทหารหนุ่มหัวเราะสนุกสนานวิ่งออกไปต้อนฝูง Soulless ที่แตกแถวกลางทุ่ง
“บรื้น! บรื้น!” ขบวนคาราวานสารพัดรถขนส่งวิ่งสวนกันไปมา แม้วันนี้สหายคุณลุงจะสั่งให้หยุดงาน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ยังคงมาทำงานตามปรกติ
“แป๊น! แป๊น! แป๊น!” รถบัสสองชั้นคันยาวแล่นแซงออกไปทางสถานีรถไฟฝุ่นตลบอบอวล
จูยอนชี้ไปที่ป้อมไม้ของทหารและเขตแนวรั้วลวดหนามที่โย้เย้ล้มลง...
“สมัยก่อนชายแดนแถบนี้จะมีทหารยืนเฝ้าตลอดแนวค่ะ เป็นเขตปลอดทหารที่มีทหารมากที่สุดในโลก ต่างฝ่ายต่างก็เฝ้ารั้วลวดหนามที่ผู้นำอ้างว่าป้องกันผู้บุกรุก แต่ความจริงมันเป็นคุกป้องกันการหลบหนีต่างหาก” เธอยกเลิกทุกอย่างที่เคยกดหัวชาวบ้าน
รถยนต์แล่นเลียบผืนหญ้าแห้งในฝั่งเกาหลีเหนือทางด้านซ้าย ด้านขวาเป็นลำคลองน้ำไหลตื้น ๆ ไปลงแม่น้ำอิมจิน ด้านหน้ามีสะพานปูนเก่ารกเรื้อไปด้วยพุ่มไม้รกคลึ้ม...
“สะพานตรงนี้เข้าไป JSA ได้มั้ยครับ?”
“Bridge of no return. สะพานนี้ปิดตายมาหลายสิบปีแล้วค่ะ สหายโกมาขออนุญาตทำลายทิ้ง แต่ฉันไม่อนุญาตจะเก็บไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขับไปอีกหน่อยไปข้ามสะพาน 72 ชั่วโมงข้างหน้าโน้นค่ะ”
แค่ชื่อสะพานก็บอกว่าทรหดขนาดไหน ทั้งสะพานไม่หวนคืนและสะพาน 72 ชั่วโมง มันคงไม่ได้สร้างเสร็จภายใน 72 ชั่วโมงแน่ ๆ
เธอหันมายิ้มอ่อนโยน จูยอนไม่เคยโลภหรือแสดงตัวเหนือคนอื่น ยิ่งนานวันก็ยิ่งอ่อนหวานคุยกับชาวบ้านเหมือนคนในครอบครัว ยอมสละชีวิตสร้างชาติและต้องการเดินผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย
“คุณคุยกับแทนดีแล้วใช่มั้ยว่าจะทำอย่างนั้นจริง ๆ” ผมชื่นชมกับการตัดสินใจเด็ดขาดของทั้งสองคน
“ค่ะ! หยุดวงจรอุบาทว์ได้ก็หมดหน้าที่ โกรธหรือเปล่าคะที่ไม่ปรึกษาเรื่องนี้เลย”
“ไม่หรอก! ผมไม่ชอบการเมืองอยู่แล้ว คุณคิดว่าใครจะเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำคนใหม่”
“สำหรับฉันแล้วใครก็ได้ที่กล้าตะโกนใส่ฟ้าโดยไม่ละอายปากว่า ถึงแผ่นดินเกาหลีจะถล่มทลายความเป็นธรรมจะยังอยู่ที่นี่ ใจจริงฉันอยากให้สหายคุณลุงคิมจุนซองเป็นผู้นำสูงสุด ท่านเป็นคนทำให้ระบบทุกอย่างกลับมาใช้งานได้ ฉันอยากจะประทับความภาคภูมิใจให้กับท่านก่อนจากโลกนี้ไป” เธอเสียสละตนเองเดินออกจากวงอำนาจเพื่อเปิดทางให้สหายคุณลุงได้เดินต่อไป
“คุณไม่เสียดายอำนาจเหรอ กว่าจะได้มาก็แลกด้วยชีวิตเหมือนกันนะ?” ผมลองหยั่งเชิงอีกครั้งให้แน่ใจ
“ฉันได้อำนาจมาอย่างผิดวิธี ไม่สมควรเป็นตัวอย่างให้สังคมชื่นชม”
“คุณก็ลงเลือกตั้งแข่งกับเด็ก ๆ สิ!”
“จริง ๆ แล้วสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่นี้เป็นเพียงของแถม ฉันได้แก้แค้นก็หมดเป้าหมายแล้ว ฉันจะไม่ฟอกตัวด้วยวิธีการแบบนั้นจะไม่ยอมเป็นตัวอย่างชั้นเลวของห่วงโซ่กาลเวลาเช่นเดียวกับนักปฎิวัติทั้งหลาย เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมีตัวตนก็ได้” เธอยังยืนหยัดอย่างเดิม
“หมดรุ่นคุณลุงแล้วจะทำยังไงต่อ? รู้ใช่มั้ยว่าเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่สภาวะปรกติทุกคนหายตกใจ เราจะถูกตามล่าจากลูกหลานของคนที่คุณเป่านกหวีดใส่การล้างแค้นจะตามมา” ผมรู้ว่าเมื่อไม่มีอำนาจคุ้มครองเมื่อไหร่ คนที่สูญเสียญาติจะกลับมาเล่นงานพวกเราแน่ ๆ
เธอไม่แสดงความกังวลให้เห็นแม้แต่น้อย...
“ถ้าฉันไม่อยู่ในตำแหน่ง พวกลูกหลานของเผด็จการจะหมดข้ออ้างในการกลับมาปกครอง ฉันไม่กลัวโดนตามล่าหรอกแค่ไม่อยากฆ่าเด็ก ๆ ที่พวกเราเคยดูแลในวันนี้ ฉันรักพวกเขา” เธอรู้ทุกย่างก้าวที่เดิน รู้ด้วยว่าเด็กที่กินอาหารจากน้ำพักน้ำแรงของเราวันนี้จะกลายเป็นศัตรูเมื่อพวกเขาโตขึ้น
“แล้วคุณจะเอาไงต่อหรือว่าผมต้องเป็นคนจัดการต่อ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน” ผมยังมองไม่เห็นอนาคตเพราะไม่เคยคิดว่าเรื่องจะจบลงแบบนี้
“หึหึหึ! อย่ากังวลไปเลยค่ะ เรามีหน้าที่ดูแลและให้ความรักก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ กว่าจะถึงวันนั้น...เดอะแก๊งคงโตพอและพร้อมที่จะดูแลตัวเองกันแล้ว ฉันขอเพียงมีบ้านและเตาสำหรับทำอาหารให้ลูกกับโอปป้ากินทุกวันก็พอ”
“โลกมีผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ คุณอยากจะอยู่ที่ไหนก็ได้ผมจะพาไปเอง” เป้าหมายสุดท้ายของผมคือการหาที่สงบและใช้ชีวิตต่อไปเงียบ ๆ
“ฉันยอมสละตัวเองเป็นคนเลวขนาดนี้แล้ว ถ้าพวกเขายังยอมแพ้ให้กับสิ่งลวงตาเดิม ๆ ก็คงจะตกอยู่ในวังวนนั้นตลอดกาล” เธอมองไปที่กลุ่มน้องบลูสกายบนถนน
“คุณคิดยังไงกับอุงอิลและเจ้าม้าสีขาวของเขา”
“อ๋า! เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง เราแค่รอวันที่เขาเปล่งประกาย เดอะแก๊งรุ่น 1เชื่อใจได้ทุกคนค่ะ พวกเขาก้าวเข้ามาด้วยหัวใจไม่มีใครรู้ว่าจะต้องทำอะไรแต่พวกเขาก็เชื่อใจเรา ซนบ๊กซูห้าวหาญกล้าได้กล้าเสียก็อาจจะได้เป็นผู้นำ จองอุงอิลเป็นเด็กจิตใจสะอาดฉลาดล้ำลึกก็อาจจะเป็นผู้นำ สุดท้ายก็แล้วแต่ผลเลือกตั้งค่ะ”
“อือออ! อือออ!”
เหล่า Soulless กระจุกตัวหนาแน่นเมื่อรถยนต์ขับมาใกล้สะพาน 72 ชั่วโมง พวกนี้โดนระเบิดตายกองพะเนิน ไป่ไป๋รักษาหายส่งกลับบ้านกันทุกวันแต่ก็ยังไม่บางตาลงเลย
“อันยองฮาเซโย!...” ทหารเหงื่อเต็มหน้าเดินข้างทางหันมาตะโกนโบกมือทักทายให้น้องแทน
“โฮ่ง! โฮ่ง!” น้องแทนโบกมือเรียกทหาร
จูยอนอมยิ้มก้มลงไปสอนน้อง...“ฮยอง! ฮยองนีมค่ะ”
“ชุงซอง! โฮ่งนีม” น้องยืดอกตะเบ๊ะ
“ชุงซอง! แทนนัมดงแซง” น้องทหารยืดอกตะเบ๊ะกลับ
จูยอนหมั่นเขี้ยวก้มลงไปฟัดหอมแก้มน้อง…
“สำหรับฉันแล้ว...ฉันขอบแอนนา เธอเก่งที่สุดไหวพริบดีที่สุด เธอคงเหงาที่มาอยู่กับเราแล้วไม่ได้แสดงความเป็นผู้นำออกมาเลย แม่ใหญ่คงอึดอัดใจไม่น้อยเหมือนกัน”
“เชื่อผมเถอะ! เสือไม่กินซากเน่าหรอก ตอนยังไม่ถึงเวลาล่าอาจจะมองว่าเป็นแมวเชื่องก็ได้ ดูอย่างเจ้าซอนสิ! ดื้อยิ่งกว่าน้องแทนอีก เวลามันดุผมยังไม่กล้ายุ่งเลย เมื่ออยู่ในสนามรบซอนจะเหี้ยมได้เกินจินตนาการ” ผมคิดไม่ต่างกัน แอนนาล้ำลึกพวกเราทุกคนรู้จักความสามารถของแม่ใหญ่ดี
ผมทอดสายตามองออกไปฝั่งเกาหลีใต้ Soulless อีกหลายล้านคนยังแน่นขนัดทุกตรอกซอกซอยเบียดเสียดดูน่าสังเวชใจ แต่ยังโชคดีที่พวกนี้ไม่ได้วิ่งไล่กัดคนเหมือนซอมบี้ฝรั่ง คงจะวุ่นวายพิลึก
สุดท้ายแล้วเวลาจะทำหน้าที่ของมันเอง ทุกชีวิตต้องดับสลายไปในสักวันความแน่นอนคือความไม่แน่นอนเราอาจจะกำหนดปัจจุบันได้แต่ไม่ตลอดกาล
.........................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |