The last man stand วบัติ 2026 เล่มที่ 10 ตอนที่ 3

The last man stand วบัติ 2026 เล่มที่ 10 ตอนที่ 3
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 19 ต.ค. 2568
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


พยองยาง

มุมมองสายตา แอนนา

กันยายน 2026

โรงพยาบาลพยองยางในวันไฟดับยังคึกคักเช่นเดิม แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกผนังเข้ามาแทนแสงไฟฟ้า ทีมเรดซันยิ้มสดใสขวัญใจคนป่วย พวกเธอกลายเป็นผู้นำแฟชั่นให้สังคม

ลานมุมอาคารฝั่งซ้ายริมกระจก...

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! หม่าม้าถือเข็มฉีดยาหัวเราะร่าท่ามกลางสาวชุดแดง

“ชื่นใจจัง! เห็นอย่างนี้แล้วหายเหนื่อยเลยเนอะป๊า?” ฉันปลื้มใจมาก

เมื่อเดินมาถึงลานกลมเล่นระดับกลางโรงพยาบาล กลุ่มเด็กนั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือ อีกกลุ่มกำลังซ้อมทำ CPR น่าชื่นใจที่เด็ก ๆ ไม่ปล่อยเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ นี่สินะที่จูยอนเคยบอกว่า Leaning by doing

“ม้า! รีบเดินก่อนที่จะเดินไม่ได้เถอะ” ซอนดึงดึงฮู้ดคลุมหัวก้มหน้าเดินลิ่วแวะเข้าห้องคุณหมอ...

“หนีห่าว!

ท่านนั่งก้มหน้าจดบันทึกบนโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมา...

“อ้าว!..ซอน! แอนนา! แวะมามีอะไรครับ?” คุณหมอยิ้มกว้างลุกจากเก้าอี้มาต้อนรับ

“ฉันมาเยี่ยมท่านนายพลค่ะ!

“แวะไปเยี่ยมมาหรือยังครับ?” ท่านอมยิ้มมีเลศนัย

“ยังเลยค่ะ! แวะมาคารวะเจ้าถิ่นก่อน”

“เดินไปอีก 4 ห้อง ผมเอามาไว้ข้าง ๆ ตัวเพราะมีเรื่องต้องคุยกับเขาเยอะ ไป่ไป๋สั่งให้ผมล้างสมองให้ปล่อยวางลงบ้าง ผมทะเลาะกันทุกวัน” สองพ่อลูกนี่ก็สุดยอด...หาเรื่องดื้อจนได้

“แก้แค้นเหรอคะ?” ฉันเย้าท่านหัวเราะร่วนก่อนจะเอ่ย...

“นายพลของคุณจิตใจดีใช้ได้ทีเดียว แต่มันถึงคิวที่เขาต้องถอดหัวโขนฟังเราบ้างแล้ว เขาไม่อยากเห็นหน้าผมหรอก” ท่านหัวเราะร่วนคงแอบไปทำเรื่องไว้แหละ

ซอนจับแขนโครงกระดูกเข้ามาแหย่ ทำหน้าทะเล้น...

“ฉีดยาให้ตายไปเลยสิครับ”

“ไม่ได้สิ! ไป่ไป๋รู้เอาผมตายเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” คุณหมอยังคงเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่พวกเราไว้วางใจในทุกเรื่อง

“ไฟดับอย่างนี้คนไข้ ICU ทำไงคะ?”

“เรามีเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง แต่คุณหมอคิมอยากมีประสบการณ์ร่วมกับชาวบ้านเลยไม่เปิดใช้ ทั้ง 25 โรงพยาบาลในเมืองนี้ไม่มีผู้ป่วยหนักเลย หมอคิมรับหน้าที่บริหารจัดการสาธารณสุข ส่วนผมกำลังเตรียมความรู้ทางการแพทย์เอาไปสอนเด็ก ซอนขอปรึกษาหน่อยสิ! ท่านหันไปมองซอนที่ยืนนับชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์

“ครับคุณหมอ! ซอนช้อนเอวโครงกระดูกเต้นลีลาศเข้ามาเลย

“ผมอยากได้เด็กชายหญิงความรู้ถัวเฉลี่ยระดับกลางสัก1,000 คน จะเอามาเรียนแพทย์ ผมจะสอนเอง”

“ฮ้า! ฉันตาแทบหลุด...“ทำไมคะ! นึกสนุกอะไรขึ้นมา?”

“ผมก็อายุมากแล้ว ความรู้ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตอยากให้เป็นวิทยาทาน ต่อไปพวกคุณเป็นตำนานแน่นอน สร้างคนเล่าเรื่องไว้มากมาย ผมก็ขอทำบ้างจะเป็นไปได้มั้ย?” สิ่งที่ท่านตัดสินใจทำให้ฉันยิ้มค้าง

แต่...

“งงครับ! ใครเล่าเรื่องแล้วเล่าเรื่องอะไร?” ซอนเกาหัวไม่เข้าใจ

“ผมมีเพียงภรรยาและไป่ไป๋ที่จะเล่าเรื่องราวของผมในวันที่จากโลกไป ผมโลภมากอยากให้มีคนกล่าวถึงผมมาก ๆ เหมือนกับพวกคุณ ผมอยากสร้างลูกศิษย์ที่เป็นหมอแบบผมบ้าง ผมอยากให้ใครหลายคนคิดถึงผมแล้วยิ้มได้”

“ได้เลยครับผมอนุมัติ!

“เอ่อ! ฉันปลื้มใจตัวชา...

“คุณหมอคะขอกอดหน่อย ฉันและครอบครัวจะเป็นคนเล่าเรื่องของท่านด้วยค่ะ” ฉันโผกอดอย่างซึ้งใจ นานแล้วที่คุณพ่อจากไป...ฉันไม่เคยได้กอดผู้ใหญ่อย่างอบอุ่นอีกเลย

ซอนขมวดคิ้วสงสัย...

“ทำไมถึงใช้เด็กที่มีความรู้ถัวเฉลี่ยล่ะครับ ทำไมไม่เอาเด็กเกรด A มาเรียนแพทย์”

“เด็กเกรด A สมควรไปเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือครู ถ้าเอาคนโง่เป็นครูจะถ่ายทอดอะไรไปให้เด็กนอกจากการท่องจำ ส่วนพวกช่างกลวิศวกรและแพทย์ต้องอยู่ในระดับเดียวกันเป็นช่างซ่อมเหมือนกัน การแพทย์กับการช่างเป็นศาสตร์ตายตัวใครก็เป็นได้ ไม่ต้องฉลาดล้ำลึกหรอก แต่เดิมที่มันยากก็เพียงเพราะว่าตำรามันเป็นภาษาอังกฤษและโลกยังมีอุปสรรคด้านภาษาและเทคโนโลยี” ท่านพลิกความเชื่อเดิมอย่างสิ้นเชิงและฉันเห็นด้วยทุกประการ

1,000 คนพอเหรอครับ?”

“ผมบอกเผื่อคัดทิ้งแล้วล่ะ ผมต้องการคนที่ต้องการมันจริง ๆเท่านั้น” ท่านอมยิ้มแก้มชมพู แววตาเปี่ยมประกาย

“ได้เลยครับ ผมขอค่าจ้างด้วย” ซอนยิ้มกว้างแบมือขอ

“อยากได้อะไร?” ท่านอมยิ้มใจดี

“ผมเห็น ออรุส เซนัท จอดอยู่หน้าโรงพยาบาล ขอยืมขับหน่อยสิครับ!” ซอนขอรถยนต์ของอดีตท่านผู้นำ

“ได้สิ! ในรถมีของเล่นเยอะเลยมันเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ ผมไม่กล้าใช้หรอกเจ้าแทนยึดมาให้แม่ยายนั่ง” ท่านหัวเราะร่วนส่งการ์ดให้อย่างไม่รีรอแล้วหันมาตบไหล่ของฉันเบา ๆ...

“ผมฝากด้วยนะแอนนา ช่วยผมหน่อยนะครับ!

“เรื่องเล็กน้อยค่ะคุณหมอเตรียมตัวได้เลย ฉันขอตัวก่อนนะคะ! ฉันได้ยินเสียงแปลก ๆ จากนอกห้องขนลุกซู่สัมผัสได้ถึงรังสีของภัยคุกคามรุนแรงกำลังมาทางนี้

พอเปิดประตูห้องก้าวเดินออกไปแทบเป็นลม...

“ออกมาแล้ว!..”

“เซมค้า!...พวกเรา! เซมออกมาแล้ว!...กรี๊ด!...เรดซันกรูเข้ามาหาแดงพรึบไปหมด

ซอนหยุดเดินแล้วหันมา...

“ป๊าต้องเอารุ่นนี้คืนสู่เหย้าให้โอกาสพวกนี้ก่อน ต้องคิดคำถามเกี่ยวกับทัศนคติอาชีพแพทย์ไว้คอยคัดเลือกด้วย ม้าเดินไปก่อนนะ” เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้แล้วเดินแยกไปหาลูกศิษย์

“เซมไม่สบายเหรอคะเดี๋ยวหนูดูให้ ไอหรือเปล่าคะ! ตัวร้อนนะเนี่ย?” เด็กสาวเข้าถึงตัวเอามืออังหน้าผากซะงั้น

“เซม!...อันยองฮาเซโยโกพอชิบตา วี๊ด! ว้าย! เหมือนฝูงปิรันย่ารุมทึ้งเหยื่อ

“ไป่ไป๋เซมจะจัดคอนเสิร์ต สนใจไปเป็นหางเครื่องกันมั้ย?” ฮ่าฮ่าฮ่า! อีตาบ้านี่เห็นไป่ไป๋เป็นสาวรำวงไปได้

“กรี๊ด! หนูอยากเป็นหางเครื่อง” สาว ๆ ดีดดิ้นลั่นโรงพยาบาล

จูยอนพูดไม่ผิดจากความจริงเลย ซอนเป็นไอดอลของวัยรุ่นเกาหลีไม่ว่าจะเดินไปทางไหนจะต้องมีคนมารุมล้อมไม่ต่างจากเธอ เพียงแต่ Fc คนละกลุ่มเท่านั้นเอง พอเขานั่งลงกลุ่มเด็กเสื้อสารพัดสีก็วิ่งเข้ามาห้อมล้อมฟ้องกันกระจองอแง ฮอตจริง ๆ ผัวฉัน...

......................................................................

“ชุงซอง!

 “หนีห่าวมะเจี่ยเจี้ย!...

เยวอนกับเก้อเฉิงตะโกนมาจากด้านหน้าโรงพยาบาล ฉันหยุดรอก่อนจะถึงห้องพักของท่านนายพลห่าว

“ได้ข่าวว่านายพลซีชานยิงท่านเหรอ?” เก้อเฉิงร้อนรนหน้ามุ่ยไม่พอใจ

“อือ! หลายวันแล้ว หายแล้วมั้ง?” ฉันไม่ใส่ใจกับท่าทางของเขา

“ผมบอกแล้วว่าอย่าส่งคืน ผู้หมวดก็ไม่เชื่อ!” น้ำเสียงเหมือนเด็กโดนขัดใจ

“เออ! ฉันผิดเอง ใครจะรู้ว่าซีชานมันจะกล้ายิงท่าน ไอ้เนรคุณ”ฉันตอบโดยไร้ความรู้สึก

แต่เก้อเฉิงชักสีหน้าฮึดฮัด...

“ถ้าท่านตายไปผู้หมวดจะรับผิดชอบยังไง?”

“ก็เอาไปฝังสิ! พอใจรึยัง?” ฉันชักจะไม่พอใจแล้วไอ้นี่ลามปาม

“ท่านเป็นผู้มีพระคุณของเราสองคนนะครับ” เสียงแข็งมาก

“เก้อเฉิง! พูดเยอะไปแล้วนะ” ฉันหันจ้องหน้าถ้าไม่หุบปาก หูมึงวิ๊งแน่!

“ก็จริงอ่ะ! เขาก้มหน้าหนีแต่ยังบ่นอุบอิบ

“ฉันอนุญาตให้พูด ไม่ได้หมายความว่าให้มาแขวะกัน ฉันเคารพท่านนายพลไม่ต่างจากนาย แต่ฉันไม่ได้เป็นทหารจีนแล้ว”

เยวอนหันไปแยกเขี้ยวกินหัว...

“พูดจาให้มันดี ๆ หน่อยอย่าลามปาม อนนี่ไม่ได้เป็นคนยิงนะ” เธอขู่ตาเขียว /ดีมากรู้จักเลือกข้าง/

“เยวอนสบายดีมั้ย ดีกันรึยังคะ?” ฉันเข้าไปจัดปกเสื้อให้เธอ เก้อเฉิงอมยิ้มเหล่มอง

“ไม่ดีหรอกค่ะ!” เธอยืนตัวแข็งเป๊ก

ฉันเดาว่าคงยังเกร็งที่เคยโดนลงโทษ...

“ยังงอนกันอยู่อีกเหรอ? เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปรึเปล่า? ปัญหายิ่งเก็บไว้นานด้านมืดก็ยิ่งหาเหตุผลมาสนับสนุนให้โกรธเกลียดมากขึ้น คุยกันให้จบไปเลย ไม่ดีไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกันไป เราต้องทำงานร่วมกัน” ฉันขอเคลียร์ปัญหาให้คู่นี้ก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าเยี่ยมท่านนายพลทีหลัง

“ฉันขอไม่คิดเรื่องนี้นะคะ ตอนนี้เด็ก ๆ กำลังสอบแข่งขันกัน ฉันจะตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนสหายผู้นำและทุกคนที่เอ็นดู ฉันจะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหาอีกแล้วค่ะ” เยวอนหมดสวยเพราะความกังวลภายในใจ

“ถ้าลำบากใจเรื่องอะไรก็บอกฉันได้ ต่อไปเรามีงานใหญ่ต้องทำอีกมาก เธอต้องเติบโตไปเป็นผู้นำ ส่วนนาย...” ฉันหันไปหาเก้อเฉิง

“ฉันจะย้ายมาดูแลท่านนายพล ถึงเวลาที่นายจะต้องเลือกข้างและฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”

“แล้วผมจะได้เจอกับเยวอนอีกมั้ย?” แม่งไม่สนใจเรื่องอื่นเลย...

ห่วงเรื่องเดียวเลยนะมึง! อยากเจอก็เจอไปสิอย่ามางอแงกับฉันนะ”

“ก็เธอโกรธไม่ยอมให้อภัยเลย ช่วยทำให้เธอหายโกรธผมก่อนสิ!” เขาเริ่มงอแงอีกแระ

“ฉันรู้แล้วว่าทำไมไป่ไป๋ถึงมองนายได้แค่เพื่อน พอมีปัญหานายก็ตีโพยตีพายเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ นี่ถ้านายไปต่อว่าค่อนแคะเยวอนด้วยเท่ากับเข้าสูตรเลยนะเนี่ย”

“เจี่ยเจี้ย! อย่าซ้ำเติมสิ!

“เยวอนโกรธอะไรเขาคะ?”

“เขาปากพล่อยกล่าวหาว่าแทนโอปป้าเป็นแฟนของฉันค่ะ เขาไม่มีสิทธิ์พูดถึงผู้มีพระคุณของฉันแบบนั้น เขาผิดหวังแล้วเที่ยวใส่ร้ายคนอื่น สันดานไม่ดี!” เยวอนเม้มปากกำหมัดโกรธจริง

“นั่นไง! มึงเข้าสูตรจริง ๆ ด้วย รีบเปลี่ยนนิสัยด่วนเลย สันดานไม่ดี!

“หือ! สูตรอะไรเหรอเจี่ยเจี้ย?” เก้อเฉิงหน้าเสีย

“สูตรผู้ชายหน้าตัวเมียน่ะสิ อย่าทำตัวเหมือนดาราไอดอลที่สร้างภาพเป็นคนดีไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่เที่ยวกลางคืน หลงตัวเองคิดว่าแค่นั้นก็เป็นคนดีแต่ใจทรามไม่เคยรักษาเกียรติให้สตรี ขอร้องเลยนะ! อย่าเป็นผู้ชายแบบนี้ มันต่ำกว่าหมา”

“โอ้โห!...ผมแค่ถามด้วยความอยากรู้เฉย ๆ และขอโทษไปพันครั้งแล้วด้วย เจี่ยเจี้ยก็ด่าแรงด้วยอ่ะ!” เก้อเฉิงหน้าตูม

เยวอนจ้องหน้าตาขวาง...

“ถ้าในใจไม่คิดร้ายก็ไม่ถามแบบนั้นหรอก แทนโอปป้าทำงานเหนื่อยมากไม่เคยขี้อิจฉาเหมือนคุณสักนิด ใจของเขากว้างกว่าทะเลตะวันออกและไม่เคยนินทาใครเลย” เธอไม่ยอมและฉันเห็นด้วย ความเลวร้ายเกิดขึ้นจากใจก่อนที่ปากจะพูดทุกครั้ง

“แต่ผมอธิบายได้ ผมไม่ได้คิดเรื่องของแฟนไป่ไป๋ตั้งนานแล้วและเขาก็เคยช่วยชีวิตของผมไว้ด้วย ผมรอว่าถ้าเจอกับเขาอีกครั้งผมจะขอโทษและขอบคุณจากใจ” มันก็ไม่เข้าสูตรสารเลวนี่หว่า แต่ต้องต้อนมันไว้ใช้งานขอยืนข้างเยวอนไว้ก่อน

“ถ้านายรักใครด้วยใจจริง แม้ผู้หญิงที่นายรักจะผ่านผู้ชายมาเป็นร้อยก็ย่อมเข้าใจได้ เยวอนเป็นฉันก็เสียใจ...อย่าไปเอามันเลย! ฉันยุส่งซะเลยสร้างปัญหากดดันให้มันปวดหัวไว้มาก ๆ ก่อน

“อ้าว! เจี่ยเจี้ยไม่ช่วยเลยเหรอ?”

“ถามจริง ๆ นายไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหนวะ? ชายชาติทหารทำไมเหยียบคนอื่นเพื่อจีบผู้หญิง ศักดิ์ศรีของนายหายไปไหนหมด เกียรติของนายที่รักนักรักหนากับยศที่เทิดทูนอยู่ที่ไหน?” ฉันเทปัญหาลงไปอีก

“เจี่ยเจี้ยอ่ะ! ผมไม่ได้เลวขนาดนั้นหรอกนะ ผมเข้าใจผิดจริง ๆ” เขาก็น่ารักดีโดนด่าก็ไม่ก้าวร้าวกลับ

ทันใดนั้น...

“เฮ้ย! ผู้กองมาถึงแล้วเหรอ?” ซอนโบกมือเดินยิ้มร่าเข้ามา
           เก้อเฉิงกระเด้งตาโตยิ้มปากแหกวิ่งเข้าไปหา ท่าทางของเขาไม่ต่างจากซอนตอนวิ่งเข้าหาเจ็ทโด้...

“เก่อเก้อ!... เขาเข้าไปซุกรักแร้ท่าทางมันชอบซอนมาก

“เป็นไงบ้างมึง ไม่เจอกันเลย?” ซอนกอดคอยิ้มกว้าง

“สบายกายแต่กำลังไม่สบายใจ ดูหน้าเจี่ยเจี้ยสิจะกินผมอยู่แล้ว” ไอ้นี่กวนตีนใหญ่แล้ว หนีไปหาซอนคิดว่าจะรอดเหรอ

“เก้อเฉิงกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ฉันกระดิกนิ้วเรียก

“ไม่ต้องคุยกับผมแล้ว มีอะไรก็คุยกับลูกพี่ได้เลย” เขาแอบหลังซอน/ฉันเอะใจ...อย่าบอกนะว่าซอนเป็นตัวต้นเหตุ/

“เรื่องอะไร?” ซอนหันมอง

“ก็เรื่องที่เก้อบอกผมนั่นแหละ”

“ฮ้า!ทั้งฉันและเยวอนหันมองหน้ากันทันที

ซอนเลิ่กลั่กหันไปมองเก้อเฉิง...
           “เรื่องอะไร? กูบอกอะไร? เมื่อไหร่? มึงอย่ามามั่วนะ! ซอนถอยกรูดสายตาระแวงเหลือบมองฉัน

“ฮึ๋ย! ฉันอยากจะขยุมหัวอีตานี่จริง ๆ ไม่รู้ไปล้อเล่นกันยังไงเด็ก ๆ ทะเลาะกันยาวเลย...
            “มานี่!

ซอนยิ้มแหยเดินนำเข้ามา

“ป๊า! ขอโทษเยวอนเดี๋ยวนี้!

“เรื่องอะไร? เยวอนมีอะไรกัน?” เขายังงง

ฉันไม่ปล่อยผ่านแน่...
           “ป๊าไปบอกเก้อเฉิงเหรอว่า เยวอนเป็นแฟนกับแทน ดูสิ
! เธองอนข้ามชาติแล้วยังไม่หายเลย”

เขาหันมองเก้อเฉิง...
         “อ้าว
! กูแค่ยกตัวอย่างเรื่องความจิตใจดีของเจ้าแทน นาตาลีจะเอาเยวอนมาเป็นแฟนอีกคนแต่เจ้าแทนมันปฎิเสธ มึงคิดไปถึงไหน?” เขาหันไปมองเก้อเฉิง

“ผมแค่คิดตาม ผมคนซื่อ! ถ้ายกเยวอนให้ ผมเอานะ ไม่ปฎิเสธหรอก” เขาถูมือยิ้มหน้าแป้น กวนตีนได้ใจมากไอ้นี่

“คนซื่อเหรอ?” เยวอนเหวี่ยงหมัด...

“ป็อก!โดนเต็มกราม เก้อเฉิงถึงกับเข่าทรุดยกสองมือยอมแพ้
           ซอนเดินขวาง...

“อย่าเยวอน! เด็ก ๆ มองอยู่!” เขาขยับเข้าหา...
          “โกรธมากเลยสินะ ผมขอโทษ
! ยกตัวอย่างผิดเลยทำให้มันเข้าใจผิด ขอโทษนะ” เขาแตะไหล่น้อง

“ฉันหายโกรธก็ได้ค่ะ! แต่ขอเถอะนะคะแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” เธอพุ่งใส่เก้อเฉิงแล้วรัวหมัดใส่...

“ผลั้วะ! ผลั้วะ! ผลั้วะ! อย่าทำให้เซมต้องเสียเกียรติ ถ้ามีอีกครั้งนายตายแน่! เธออัดเจ้าเก้อเฉิงซะอยู่หมัด เยวอนของฉันสอบผ่านแล้ว

ซอนดึงแขนเยวอนออกมา...

“พอแล้ว! ปรับความเข้าใจกันซะนะ” เขาหันมองเก้อเฉิง “ส่วนมึง!...เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่! ผั๊วะ!” เขาตบหัวเก้อเฉิงแล้วเดินผ่านไป

“ไปกันต่อเถอะ!” ฉันเดินมาหยุดหน้าห้องท่านนายพลรวบรวมสติก่อนจะเคาะประตู...

“ก๊อก!ก๊อก!หนีห่าวมะท่านนายพล!ส่งเสียงนำแล้วรีบถลาเสนอหน้าไปเกาะขอบเตียง

“แอนนา! เก้อเฉิง! มากันแล้วเหรอ?” ท่านยิ้มขยับตัว

“ไม่ต้องลุกหรอกค่ะ! ฉันแตะฝ่ามือ

“นอนมากก็ไม่ไหว! เก้อเฉิงปรับเตียงให้ผมหน่อยสิ พวกคุณมาก็ดีแล้วผมมีเรื่องจะถาม” ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพันธนาการผ้าพันแผล

เก้อเฉิงเข้ามาปรับเตียงแล้วชวนคุย...

“ผมพึ่งรู้เรื่องข่าว! ท่านดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ?” เขาบีบแขนด้วยความเป็นห่วง

“อื้อ! หายใจสะดวกแล้ว นายเป็นยังไงบ้าง?”

“สบายดีครับ! สาวเกาหลีดูแลดีมากครับ”

“นายพาน้องผู้หญิงออกไปข้างนอกก่อนนะ ผมจะคุยกับแอนนาหน่อย”

“ครับ!” เก้อเฉิงกับเยวอนเดินออกจากห้องไป ท่านนายพลมองฉันด้วยสายตาสืบค้นอยู่สักพักก่อนจะถาม...

“บอกกับผมมาตรง ๆ ในใจของคุณคิดอะไร? ทำไมหันหลังไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย?” ท่านถามด้วยน้ำเสียงปรกติ

“ฉันอยากรักษา Soullessห้หมดทั้งโลก ฉันอยากลบล้างความผิดในใจ ฉันเป็นคนเริ่มต้นพรากครอบครัวของพวกเขา รู้สึกผิดและจะอุทิศตัวเพื่อแก้ไขค่ะ!” ฉันยืนยันความตั้งใจเดิม

“ไม่น่าจะทันหรอก แล้วคิดยังไงกับเกาหลีเหนือ?”

“ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายใจ ชาวบ้านที่รอดชีวิตทั้งหมดเป็นคนระดับล่างใสซื่อบริสุทธิ์จริงใจ ฉันอยากให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขชดเชยเวลาที่สูญเสียไป อยากให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ปรกติ ฉันชอบพวกเขาค่ะ!

“เธอไม่รักชาติแล้วเหรอ?”

“เทิดทูนเลยค่ะ! แต่ฉันไม่ได้รักผู้นำเลยไม่อยากอยู่ที่นั่น”

“ถ้ากองทัพจีนบุกมา คุณจะช่วยเกาหลีใช่มั้ย?”

“หวังฉวนประทับตราให้ฉันเป็นศัตรูไปแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นค่ะ”

“พวกคุณไม่กลัวกันเลยใช่มั้ย ถึงได้ท้าทายแบบนี้?” ทำไมจู่ ๆ ถามแบบนี้

“เรื่องอะไรคะ?”

“ผมเตือนไปแล้วว่าอย่าประมาททำไมไม่ฟังกันบ้าง เกาหลีเหนือเป็นเป้าหมาย ทำไมพวกคุณถึงชะล่าใจอย่างนี้” น้ำเสียงโกรธขึ้นมา แต่มันเป็นความปรารถนาดี

“ท่านงอนเหรอ?” ฉันแหย่

“ถ้าผมเป็นผู้บัญชาการของเกาหลี พวกคุณติดคุกกันหมดแน่ ทำไมถึงไม่คิดว่าเสือคอยจ้องกัดอยู่ มันรอโอกาสอยู่?” ท่านพูดมาอย่างนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเป็นห่วงกันนี่เอง

“ท่านเป็นห่วงเรื่องตัดไฟฟ้าใช่มั้ยคะ?”

“เรื่องนี้สำคัญมาก คุณเปิดช่องให้โดนโจมตี”

“คงไม่ใช่หรอกมั้งคะพวกเขาอาจจะเปลี่ยนแผนไปแล้วก็ได้ อีก 3 วันมันก็ปราศรัยแล้ว”

“เด็กจริง ๆ เลย ผมรู้จักหวังฉวนมากกว่าคุณ มันไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นจะตายมีโอกาสเมื่อไหร่มันคว้าทันที ลูกเมียของมันยังทิ้งได้ลงคอ” ท่านเริ่มหายใจหอบ

“ใจเย็น ๆ ค่ะ! ท่านยังไม่หายนะ อาจจะไม่มีเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นก็ได้” ฉันกุมมือมือเจ้านายอย่างขอบคุณ

“ผมเคยรายงานไปแล้วว่าเกาหลีเหนือไม่มีอาวุธทางทะเล ทำไมเตือนแล้วไม่ฟัง! ซีชานมันมาอีกแน่ ๆ ท่านเดือดอีกแล้ว ฉันจะบอกได้ยังไงว่าหม่าม้าลืม

“แค่พรุ่งนี้อีกวันเดียวเอง ไม่น่าจะมีอะไรหรอกค่ะ! ฉันอ้อมแอ้มตอบ ท่านชักมือกลับ...

“แอนนา! สายลับของจีนอยู่ที่นี่เต็มไปหมด คุณคิดว่ามันจะไม่รายงานเหรอ?” พอได้ยินอย่างนั้นเข่าแทบทรุด

“ก๊อก!ก๊อก!ประตูเปิดผลัวะ...

“ม้า! ต้องไปแล้ว! ซอนท่าทางร้อนรนเข้ามา

“อ้าว! ไมเคิลมาด้วยแล้วทำไมไม่เข้ามา รังเกียจผมเหรอ?” ท่านส่งยิ้มให้

ซอนโค้งศีรษะ...“ท่านนายพล!

“มีอะไรคะ?”...

“เอ่อ!..” ซอนเหลือบมองท่านนายพลแล้วไม่พูด

“พูดได้เลย! ท่านอยู่ข้างเดียวกับเราแล้วค่ะ”

“จริงเหรอ?” ซอนขมวดคิ้ว

ท่านนายพลส่งยิ้มก่อนจะตอบ...

“กลับไปผมก็ตาย อยู่ที่นี่ช่วยพวกคุณเพื่อตอบแทนก็แล้วกัน ถ้าพวกคุณสู้ไม่ได้ก็ตายด้วยกัน ผมวิ่งไม่ได้อยู่แล้ว ฮึฮึฮึ!

“............” ซอนอมยิ้มมอง

“ป๊ามีอะไรด่วนเหรอ?”

“คยองชั่ลที่นัมโพรายงานมา ทหารจีนตายเกลื่อนชายหาดไม่รู้มันเข้ามาได้ยังไง?”

“ฮ้า!ทั้งฉันและนายพลร้องลั่นห้อง

“ตายได้ยังไง สอบถามมาหรือเปล่า?” ท่านนายพลถามเองเลย

“ทหารจีนประมาณ 3 กองร้อยตายเกลื่อนชายหาด สันนิษฐานว่าจมน้ำตายไม่เกิน 8 ชั่วโมง”

“..........” ท่านนายพลอึ้งไป

ฉันก็สับสนทหารจีนมาตายเกลื่อนชายหาดเกาหลีไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ

“หรือว่าพวกมันโดนนกหวีด” ฉันคิดถึงความน่าจะเป็นของอาวุธที่จะทำให้คนตายไร้บาดแผลได้มากขนาดนี้

“ผมก็คิดว่าน่าจะใช่แต่ใครจะเป็นคนเป่าล่ะ จูยอนไม่มีนกหวีดแล้วนี่นา ไมเคิลไปเรียกเก้อเฉิงให้หน่อยสิ” ท่านขมวดคิ้วลังเล ซอนเหลียวมองก่อนจะเดินออกไป

“เป็นไปได้ไหมคะว่าเป็นทหารจากหน่วยงานอื่น ฉันฉีดวัคซีนให้กองพันที่ 8 แค่ 1,500 นาย ท่านก็พามาตายซะตั้งเยอะ”

“ผมก็คิดอย่างนั้น แต่สงสัยว่าหวังฉวนรวบอำนาจได้เบ็ดเสร็จแล้วเหรอ นายทหารหน่วยอื่นไม่มีใครชอบขี้หน้ามันสักคน ตัวผมเองก็โดนพวกนั้นเกลียดไปด้วย” ท่านนายพลเริ่มใช้ความคิดทำให้ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นบ้าง อย่างน้อยคนที่รู้เรื่องนี้ก็อยู่ข้างเราอีก 2 คน เป็นการรวมตัวกันของผู้สร้างและผู้ทำลาย

“แต่ตอนนี้ซีชานมีอำนาจสูงสุดนะคะ เขาจะเอาทหารของหน่วยไหนส่งมาก็ได้ ทหารตั้ง 2 ล้านนาย เหลือ ๆ”

“ผมก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ซีชานใช้อำนาจเป็นอาจจะกดหัวผู้นำเหล่าทัพไว้หมดแล้วก็ได้”

“ถ้าจีนจะบุกเกาหลี ท่านคิดว่ามันจะเข้าจากทางไหนบ้างคะ?”

“พวกมันจะไม่เข้าจากทางเหนือหรอก เส้นทางลำบากภูเขาสูงชันหิมะปกคลุมยอดเขาทั้งปี มันจะมาทางทะเลเหลืองกับชายแดนแถบตะวันตกของเกาหลี ตั้งแต่เหยียนเปียนถึงตานตงเหนือจรดใต้จีนมี 3 กองพันพร้อมโจมตี”

“ถ้ามันเคลื่อนย้ายกองกำลัง ทหารเกาหลีต้องรู้ตัวแล้วค่ะ ฉันว่าไม่น่าจะเป็นการเปิดสงครามมั้งคะแค่ 3 กองร้อย?”

“ผมกลัวว่ามันจะแหลกลาญน่ะสิ! ซีชานมาแน่เพียงแต่มันจะมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง จูยอนก็เป็นผู้นำที่ไม่มีจุดอ่อนและไม่มีอะไรจะต้องสูญเสีย ด้วยความแค้นในหัวใจกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของประธานคิมยังต้านไม่อยู่เลย ศัตรูที่โดนมองข้ามกลายเป็นผู้นำที่ยากจะคาดเดา” ถึงจะเป็นคำชมแต่ท่านไม่รู้หรอกว่า ลึก ๆ ในใจจูยอนไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลย

“งั้นไอ้ 3 กองร้อยนี้มาจากไหนกันแน่หรือจะเป็นหน่วยงานอื่นที่อยากโจมตีเกาหลีทำผลงาน?” ฉันยังมึนไม่หาย

“ก็ไม่แน่! คนอย่างซีชานมันทะเยอทะยาน ถ้าคุมมันไม่ได้มันไม่หยุดแค่นั้นหรอก แต่ยังไม่น่าจะถึงเวลาที่ซีชานจะหักหลัง ถ้ามันได้ตัวนาตาลีหรือคุณกลับไปสิ มันหักหลังหวังฉวนแน่” ท่านทำงานมานานจนรู้จิตใจของเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดี

“หรือมันจะเข้ามาจับตัวประกันคะ?”

“เข้ามาแล้วก็ต้องทำทุกอย่าง มันคงต้องการหยั่งเชิงด้วย พวกมันรู้ว่าเกาหลีเหนือมีแต่ทหารฝึกหัดทั้งนั้นแค่หวั่นนิวเคลียร์”

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!ซอนกลับเข้ามาพร้อมกับทั้งสองคน เก้อเฉิงปรี่เข้ามายืนตรงต่อหน้านายพลห่าว...

ครับท่าน!

“เก้อเฉิง! ทหารจีนมาจมน้ำตายที่ชายหาด 3 กองร้อย เดาสิมันจะมาจากไหน?”

“มีค่ายทหารเรือชิงซานที่แหลมเวยไห่ครับท่าน ทางทะเลที่ใกล้เกาหลีที่สุดจะเป็นจุดนั้น บินผ่านทะเลเหลืองมาขึ้นเมืองนัมโพของเกาหลีเหนือหรือเลยไปขึ้นอินชอนเกาหลีใต้ ทางทะเลบริเวณนั้นน่าจะมีแต่ทุ่นระเบิดเรือใหญ่ล้ำน่านน้ำเข้ามาลำบากหน่อยครับ” เก้อเฉิงตอบได้ทันทีไม่ต้องคิด

“นายคิดว่า จากเหตุการณ์นี้มันจะเข้ามายังไง?”

“คงเอาเรือบรรทุกเครื่องบินตานตงมาลอยลำในร่องน้ำลึกแล้วปล่อยเรือพิฆาตยกพลขึ้นบกที่นัมโพเข้าพยองยางได้เลยครับ”

ซอนยกมือดัก...

“แต่เข้าทางนั้นจะเจอกับค่ายนัมโพ ค่ายแคซ็อง เข้าไม่ง่ายหรอก”

ท่านนายพลแหงนมองซอนแล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยเชิงรบอาวุโสที่เหนือกว่า...

“มันถึงต้องรอลงมือวันที่สะดวกไงล่ะไมเคิล วันนี้จึงเหมาะที่สุดเกาหลีขาดการสื่อสารภายใน” ท่านพูดซะขนลุกเลย

ฉันร้อนใจอยู่ไม่ไหวแล้ว...“เยวอน! อยู่ดูแลท่านนายพลกับเก้อเฉิงที่นี่ มีอะไรก็รายงานมา”

“เย่!

ฉันหันหานายพลห่าวอู๋...

“ท่านคิดกันไปก่อนมีอะไรก็บอกเยวอนนะคะ ฉันเป็นห่วงลูกชายขอตัวก่อนค่ะ” จิตใจของฉันเตลิดไปแล้ว คว้ามือซอนเดินออกมา

“ม้า! วันนี้เจ็ทโด้ไปไหน?”

“ไม่รู้สิ!” ฉันก็ไม่ได้ถามเขาซะด้วย

“แทนล่ะ?” เขาถามกลับ

“แทนพาดอกเตอร์ไปดูกล้องส่องดวงดาวที่ศูนย์ดาราศาสตร์แคซ็องค่ะ”

“มันอยู่ใกล้กับนัมโพนี่นา เรียกนาตาลีกลับมาเลย” ซอนร้อนใจ

ตั้งแต่มาอยู่ที่เกาหลี ฉันไม่เคยมีความรู้สึกกังวลใจเท่ากับวันนี้เลย ความรู้สึกกลัวแผ่ซานไปทั่วลำตัว มันเป็นลางสังหรณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงและไม่อาจปล่อยผ่าน

                        .................................................
 

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,907 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,023 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม