หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 19 ต.ค. 2568 |
หมู่บ้านกีจองดอง
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
กันยายยน ค.ศ.2026
“Heal the World making a better place. For you and for me and the entire human race.” เสียงเพลงที่เคยกระตุ้นให้ผู้คนช่วยกันรักษาโลกและเผ่าพันธุ์ของมวลมนุษย์ไว้ยังคงเตือนให้ฉันทุ่มเททำงานต่อ ชั้นล่างของอาคารคอนโดมิเนียมไม่เคยหยุดวุ่นวาย เด็กวัยรุ่นชายหญิงเหลืองแดงวิ่งสวนกันตลอดเวลาแข่งขันกันทำงาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดของคนป่วย กลุ่มงานที่รับคนไข้ใหม่เข้ามาวุ่นวายมากกว่าทุกทีม
“ไป่ไป๋ซอนเซงนีม! คนนี้ไม่ไหวแล้ว” เด็กสาวเอาผ้ารองอาเจียนของคนป่วยที่กำลังกระตุกชักเกร็ง ที่นี่มีแต่เรื่องชุลมุนทั้งวันเสียงโอดครวญของคนไข้กัดกร่อนหัวใจทุกวัน
ฉันหันไปคว้าแขนคุณหมอหนุ่มที่เดินสวนมา...
“อึยซานีม! ช่วยดูคนป่วยให้น้องหน่อยค่ะ”
ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่จะมีความสงบเงียบ ทุกคนวิ่งแข่งกับเวลาเพื่อช่วยคนที่มีโอกาสรอด ต้องขอบคุณน้อง ๆ ที่ทำงานด้วยรอยยิ้มและทุ่มเท เสียงหัวเราะของพวกเขาช่วยให้บรรยากาศในบริเวณอาคารดีขึ้น
เสียงอึกทึกจากท้ายอาคารทำให้ทุกคนหันมอง...
“ขอทางหน่อย!...ปี๊ป่อ! ปี๊ป่อ!” เด็ก ๆ ร้องตะโกนสนุกสนาน ทีมงานแหวกช่องหลบ
“โอซัมชุนได้กลับบ้านแล้ว!...” เรดซันยิ้มหน้าบานเข็นรถผู้ป่วยผ่านโถงกลางไปด้านหน้าอาคาร
“สถานีต่อไป...กรุงโซล” หนุ่มฝรั่งผมสีทองเข็นรถวิ่งตามกันอย่างสนุกสนาน
“บิลลี่! เอาลงไปขึ้นรถบัสข้างล่างเลยนะคะ แล้วไปเข็นมาอีก” เด็ก ๆ ร้องสั่งตามหลัง
ทหารหนุ่มอเมริกันหลังจากคืนชีวิตให้ก็ขอเป็นอาสาสมัครช่วยกันทำงานกับเด็ก ๆ อยู่ที่นี่
ลานเสาธงใหญ่หน้าอาคารร่มรื่นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ชายเกาหลีใต้วัยกลางคนผู้รอดตายหัวเราะร่าอยู่ข้างรถบัสโค้งศีรษะคำนับรอบทิศดีใจจะได้กลับบ้าน…
“คัมซามนิดะคอมมิวนิสต์ฝั่งเหนือ! คัมซามนิดะเรดซัน! คัมซามนิดะกีจองดอง!” เขาหัวเราะสนิทสนมคุ้นเคยกับเด็กสาวเสื้อแดง
“ชุนอาจอชี่กลับถึงบ้านแล้วมาเยี่ยมพวกเราอีกนะ คิดถึงพวกเราบ้างนะคะ” เด็กสาวไว้ผมสั้นแค่หูทรงคิดถึงบ้านยิ้มกว้าง
“ยอนอูอย่าลืมไปเยี่ยมผมที่ชองดัมดงนะ ผมขายไก่ทอดยอดมนุษย์อยู่ที่ข้างสถานีรถไฟฟ้าทางออกที่ 4 ผมจะให้โปสเตอร์เคป็อปไปติดที่ห้องนอน” ชายวัยสี่สิบกว่าหัวเราะน้ำตาคลอหยอกล้อเด็กสาวโดยหารู้ไม่ว่า ชองดัมดงเหลือแค่ชื่อเมืองพังพินาศไปหมดแล้ว
“หนูไม่เอาแล้วค่ะ! ไป่ไป๋เซมของหนูเจ๋งสุดแล้ว”
ยายเด็กนี่พูดอะไรก็ไม่รู้!...ฉันได้ยินนะ
“อาจุมม่าเดินช้า ๆ นะครับ” โนยุนซอ...เดอะแก๊งคนสนิทของฉันยิ้มเต็มหน้ายื่นมือไปรับอาจุมม่าเกาหลีใต้ประคองเดินลงบันได
“อาจุมมานีม...พวกเราไม่แบ่งเหนือใต้อีกแล้วนะ ถ้าไม่มีเพื่อนไม่มีข้าวหรือเหงาก็กลับมาที่นี่นะครับ บ้านของเรา!” การกล่าวลาเป็นเรื่องปรกติของทุกวัน เด็กชายวัยรุ่นโค้งศีรษะลาผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ญาติอย่างให้เกียรติ เขาได้ทำหน้าที่เจ้าของบ้านอย่างดี
“คูมอโยโนยุนซอ! ขอให้มีจิตใจดีแบบนี้ต่อไปนะ ผู้นำของพวกเธอเก่งมาก สักวันฉันจะกลับมาทำความเคารพ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”
“กลับมาอีกนะครับ ผมมีความภูมิใจจะแนะนำให้ได้รู้จักกับสหายผู้นำของพวกเรา ชเว จูยอน!”
“อ๋า! มาจากตระกูล ชเว หรอกเหรอ ลูกหลานของกษัตริย์โชซอนกลับมาทวงบัลลังก์แล้วสินะ หึหึหึ! อันยองฮีคเยเซโย” เธอทิ้งปริศนาไว้ก่อนจะขึ้นรถบัส
“อันยองฮีคาเซโย พวกเราจะรอนะครับ!” เด็ก ๆ เรียงแถวโค้งคำนับ
ฉันตื้นตันกับการแสดงออกจากใจบริสุทธิ์ของน้อง ๆ รอยยิ้มปลื้มอย่างภาคภูมิที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นนั้นอิ่มเอมใจ
“สหายโนยุนซอ!” ฉันตะโกนเรียกที่ลานบันไดหน้าอาคาร
“เย่เซม!” เด็กชายหน้าตาดีคล่องแคล่วว่องไววิ่งปรื้ดขึ้นมาหา
“เอาเอกสารนี่ไปให้พี่ทหารที่รถจี๊ปนะคะ ถ้ามีใครจะเข้าพยองยางก็ขอติดรถเขาไปได้เลย เสร็จแล้วรีบมาหาฉันที่ห้องทำงานนะคะ”
“เย่!” เจ้านี่...ซอนส่งมาช่วยงานพูดง่ายใช้คล่อง ขอให้ได้เรียกชื่อเถอะ วันนั้นทั้งวันมันยิ้มไม่หุบเลย
“เซมคะ! มาดูนี่เร็ว!” จองเยริมวิ่งหน้าตื่นลงมาคว้าแขน ภายในอาคารตื่นตระหนกวิ่งไปด้านท้าย
“มีอะไร?” ฉันโดนฉุดมือวิ่ง
“เสียงมันดังจากทางโน้น!” เสียงตื่นตระหนกดังตลาดแตกที่ลานระเบียงหลังอาคาร
กลุ่มเด็กสาววิ่งออกไประเบียงบันไดด้านหลังแหงนมองท้องฟ้าด้านชายทะเล
“หึ่ม! หึ่ม!” เสียงอึกทึกราวกับฟ้าถล่มดังอยู่ไกล ๆ
ท้องฟ้าฝั่งทะเลตะวันตกมืดคลึ้มราวกับพายุฝน แต่นั่นไม่ใช่...มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ต้องการเห็นมันมากที่สุด
“นั่นอะไรคะ?” กลุ่มเด็ก ๆ ทิ้งงานออกมามุงดูท้องฟ้า
“เหมือนฝูงเครื่องบินเลยนะครับ” บิลลี่หันกลับมาสีหน้าไม่ดี เขาเคยเป็นทหารสื่อสารที่ค่ายโบนิฟาส
“ใช่มั้ยบิลลี่?” เยริมถามย้ำด้วยความกังวลใจ ทุกสายตามองขึ้นไปบนฟ้าทางทิศใต้
ฉันเห็นท่าไม่ดีต้องป้องกันตัวไว้ก่อนรีบตะโกนสั่ง…
“บิลลี่พาน้อง ๆ หนีไป เยริมปิดหน้าต่างเข็นเตียงคนไข้มากลางห้อง เร็ว!”
“เย่!” ทีมงานกระจายตัวทันที
หมวดจางเคยสอนไว้ในเวลาที่วุ่นวายต้องนิ่ง เรียงลำดับความคิดความสำคัญก่อนหลัง ฉันวิ่งขึ้นชั้นบนมารวบรวมสติในห้องทำงานหันไปมองเครื่องคอมพิวเตอร์รีบสั่งโหลดไฟล์การรักษาทั้งหมดเก็บไว้ก่อน ยังมีเด็กทีมกลางคืนที่ออกกะไปนอนพักอยู่ข้างบนคอนโดด้วยนี่นา...
“ยุนซอ! โนยุนซอ!”
“เย่!”
“ประกาศแจ้งเตือนให้เพื่อนไปช่วยกันเรียกทีมกลางคืนทั้งหมดให้ออกจากอาคาร ด่วน”
“แล้วเซมล่ะครับ?”
“ไม่ต้องห่วงฉัน สหายไปเรียกเพื่อนก่อน แค่นี้นะ” ฉันยังต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน เรียกวิทยุอีกครั้ง…
“ไป่ไป๋เซมเรียกมินจอง!”
“เย่!” คู่ปรับของเจ้ายุนซอทำงานเก่งไม่แพ้กัน
“ชวนเพื่อนไปช่วยกันเอาผ้า Red cross ผืนใหญ่ในโกดังไปขึงไว้กลางทุ่งให้เห็นชัด ๆ ด้วย”
“เย่!”
เครื่องหมายกาชาดเป็นทางรอดเดียวของที่นี่ ต้องส่งสัญญาณให้นักบินรู้ว่าตรงนี้เป็นสถานที่พยาบาลห้ามโจมตี
“ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!”
เสียงเร่งรีบร้อนรนภายในห้องโถงไม่ต่างจากสนามรบ คนที่วิ่งได้ก็วิ่งคนที่วิ่งไม่ได้ก็คลาน เด็ก ๆ เข้าประกบพาผู้ป่วยเดินลงบันไดชุลมุน
คุณหมอสาวเดินผ่านหน้าห้องเลี้ยวเข้ามากระชากมืออย่างร้อนรน...
“เซมคะ! ลงไปข้างล่างกันค่ะ”
“อึยซานีมพาพวกเราหลบไปก่อนค่ะ ฉันขอดูความเรียบร้อยอีกนิดค่ะ”ฉันเพียรพยายามสายตัวแทบขาดเพื่อช่วยชีวิตคนเหล่านี้จะปล่อยให้ตายง่าย ๆ ไม่ได้หรอก
“เซมต้องห่วงตัวเองก่อน เครื่องบินใกล้มาถึงแล้วนะคะ” คุณหมอสาวลนลานดึงมือ แต่ฉันไม่เชื่อว่ากองทัพจีนจะถล่มสถานพยาบาล
“อีกนิดค่ะ! ไฟล์ทะเบียนคนไข้โหลดเกือบเสร็จแล้วคุณหมอไปก่อนพาน้อง ๆ ไปด้วย ฝากบอกให้รถบัสและรถทหารพาเด็ก ๆ ออกไปจากที่นี่ให้หมด” ฉันผลักหลังเธอให้วิ่งไปต่อ
“หึ่ม!หึ่ม!หึ่ม!” เสียงแห่งความตายใกล้เข้ามา พัคเยริมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา…
“เซมคะ!...คนป่วยติดเตียงทั้งหมดเข็นมาไว้กลางห้องแล้วค่ะ หน้าต่างก็ปิดหมดแล้ว”
ฉันหมุนมองไปรอบตัวกังวลใจกับคนไข้ที่ยังนอนติดเตียง กลุ่มเด็ก ๆ แดงเหลืองวิ่งลงไปที่ทุ่งดอกไม้ด้านหน้าหมู่บ้านกันเกือบหมดแล้ว มินจองกับเพื่อนช่วยกันขึงผ้ากาชาดผืนใหญ่มหึมากลางทุ่งสีชมพู
“เซมครับอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับ?” โนยุนซอเรียกวิทยุอย่างร้อนใจ
“ฉันอยู่กับเยริมด้านหลังไม่ต้องห่วงนะ ฝากดูแลเพื่อน ๆ ให้ปลอดภัยนะและดูแลตัวเองให้ดีด้วย เดี๋ยวเจอกัน!”
“เย่!”
“เซมคะเสร็จแล้ว ไปลงหลุมด้านหลังก็ได้ค่ะ” เยริมส่งแฮนดี้ไดร์ฟมาให้แล้วลากแขนวิ่งออกมาระเบียงด้านหลัง
เครื่องบินเริ่มเห็นลำใหญ่ขึ้นแต่หัวใจของฉันเริ่มเล็กลง ฉันหยุดเดินเมื่อออกจากประตูอาคารรู้สึกคาใจเหมือนมีบางอย่างขาดหายไปแต่ก็นึกไม่ออก ภายในอาคารเหลือเพียงผู้ป่วยติดเตียงนอนเรียงกันยาว...แต่ฉันขาดอะไรไปอีกอย่างนะ?
“ไป่ไป๋!” ใจชื้น ได้ยินเสียงของนาตาลีเรียกวิทยุมา
“อนนี่คะ! เครื่องบินเข้ามาทางทะเลเต็มเลย”ฉันรีบรายงาน
“หนีออกจากที่นั่นทันมั้ย? ฉันกำลังจะไปหา...ใกล้ถึงแล้ว”
“พวกเรากระจายตัวกันหนีแล้วค่ะ อนนี่ไม่ต้องเข้ามาที่นี่นะคะ หนูจะมุดหลุมรอจนกว่ามันจะผ่านไป ไม่ต้องห่วง สบายใจได้เลยค่ะ” ฉันชะโงกหน้าลงไปมอง เยริมยืนกระวนกระวายข้างระฆังสำหรับคนตาบอดที่ลานบันไดชั้นล่าง
“ระวังตัวด้วยนะคะ!” ได้ยินเสียงอนนี่แล้วสบายใจ แต่ขาดอีกคนไม่ได้...
“แทนล่ะคะ!” อยากได้ยินเสียงของเขาด้วย
“ไป่ไป๋ไฟท์ติ้ง!”
“ไฟท์ติ้ง!...”
ความสงบในหัวใจกลับมาอีกครั้ง แม้ภัยกำลังจะเข้ามาแต่ฉันกลับรู้สึกเฉยซะแล้ว เดินลงมาไปหาเยริมบ่นเสียงดัง...
“ทำไมไม่มีวิทยุเตือนล่วงหน้าเลยนะ” พอเธอพูดถึงวิทยุเตือน ฉันฉุกคิด...สิ่งที่ขาดหายลอยวาบมาในหัว..
“เซคยอง! เซคยองอยู่ที่ไหน?”
“เอ่อ!...” เยริมหมุนคว้าง
ฉันก้มมองห้องควบคุมใต้บันไดใจหายวาบ รีบผลักหลังของเยริมให้ไปลงหลุมหลบภัย...
“เยริมลงไปก่อน ฉันจะไปหาเซคยอง”
ฉันผวาวิ่งเข้าไปในห้องโถงใต้บันได โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด
“เซคยอง! เซคยองอยู่ตรงไหน เราต้องออกจากตึกแล้วค่ะ”
“ตึง!ตึง!อนนี่คะ!” ฉันหมุนไปตามเสียงลมแทบจับ
โต๊ะทำงานตู้เอกสารล้มปิดทางออกห้องน้ำหญิง
“อนนี่มาแล้ว” ฉันผลักโต๊ะที่ขวางประตูออกไปแล้วผลักตู้เอกสารเปิดทาง...
“เซคยอง!” ฉันพรวดเข้าไปในห้อง ไม้เท้าไปทางแว่นดำกระเด็นไปอีกทาง
“อนนี่!” เด็กสาวกำลังคลานคลำหาแว่นที่พื้นเงยหน้าขึ้นมา
“ไปกันเถอะ!” ฉันคว้าแว่นดำมาสวมให้เธอแล้วส่งไม้เท้าคู่กายไปให้
“วิทยุแจ้งว่าทหารจีนบุกเข้ามาคะ หนูขอกดปุ่มเตือนก่อนนะคะ” เธอแกว่งไม้เท้าคู่กาย เดินไปที่แผงเครื่องส่งสัญญาณวิทยุแล้วกดปุ่มสีแดงอย่างแม่นยำ...
“ออด! ออด! ออด!” เสียงเตือนภัยแสบหู ไฟเหลืองหมุนกะพริบ
เธอขยับแว่นตาดำบ่นอุบอิบ...
“ขอโทษนะคะอนนี่! ใครไม่รู้ชนหนูล้มเลยแจ้งเตือนช้าเลย ยังเตือนทันใช่มั้ยคะ?” น้ำเสียงที่สำนึกผิดทำให้ฉันรู้สึกผิดกว่า/ใครกันนะช่างใจร้ายจังเลย ชนล้มแล้วไม่ยอมพยุงให้ลุกเดิน/
“ฟ้าว!” เสียงเครื่องบินรบผ่านไปใบหน้าร้อนผ่าว
“ขึ้นขี่หลังอนนี่เร็ว!” ฉันย่อตัวรอรับ
“วี๊ด!...” เสียงจรวดจากฟากฟ้ามาพร้อมเสียงปืนกล...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” กระสุนเจาะผนังกระจุย
ทันใดนั้น...
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!”
อาคารเขย่าตัวรุนแรง โต๊ะเก้าอี้กระเด็นกระดอน ฉันแบกเซคยองซวนเซ…
“ครึ้ม!ครึ้ม!ครึ้ม!” แผ่นดินไหวลำตัวโยกตามแรง
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!”
“ว้าย!” ฉันเซล้มพลิกตัวไปคว้าเด็กมากอด
“โครม! คราม!”
ตัวอาคารสั่นไหวทรุดลง ตู้โต๊ะล้มกระจัดกระจายขวางทาง ฉันหันไปที่แสงสว่างหน้าประตูทางออก
“ไปทางนี้!”
“ครึ้ม! ครึ้ม! ครึ้ม!” อาคารสั่นตัวรุนแรงอีกครั้งเขย่าทุกอย่างซวนเซ ก้อนหินน้อยใหญ่ตกลงมา
“โครม! คราม!”
อาคารเอียงถล่มลงมา ความพยายามสุดท้ายไปไม่ถึง
“อนนี่!..”
“ว้าย!..” อะไรบางอย่างกระแทกลำตัวกระเด็น เห็นภาพสุดท้ายคือเสากลางห้องโถงใต้ถุนอาคารก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง
“…………..”
................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |