หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 19 ต.ค. 2568 |
บันมุนจอง
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
DMZ เส้นขนานที่ 38
“ฟ้าว...วว!” เครื่องบินรบเฉิงตู J-10 ของจีนร่อนผ่านผืนป่ารอยต่อสั่นสะเทือน เครื่องบินกองหน้าของทหารจีนเข้ามาพร้อมท้องฟ้าแดงฉานของตะวันสีเลือด เมฆฝนเตรียมกระหน่ำซ้ำ
“เซม! มันไม่ได้โจมตีแคซ็องกับนัมโพ แต่มันเข้าโจมตีกีจองดอง เซมออกจากบันมุนจองได้หรือยัง?” เสียงเตือนผ่านวิทยุ
“ออกไม่ทันแล้ว”
“ผมส่งทหารเข้าไปช่วยเซมแล้ว ระวังตัวด้วย!”
“ฟ้าว...วว!!” เครื่องบินรบบินผ่านหัวเสียงเสียดแก้วหู พวกมันมาเร็วกว่าที่คาดไว้
กลุ่มเด็กและชาวบ้านวิ่งกระจายกันออกด้านหลังไปที่หลุมหลบภัย ทีมงานฉีดวัคซีนนับหมื่นชีวิตกำลังวิ่งเข้าป่า จูยอนท้องใหญ่อุ้ยอ้ายยืนโบกมือไล่ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดหลุดเข้ามาใกล้...
“เข้าไปในอาคาร! ปั้ลลี่! วิ่งปั้ลลี่ปั้ลลี่!”
“สหายหาที่กำบัง! หาที่กำบัง! เข้าไปใต้อาคารบันมุนกัก! วิ่ง! ทุกคนวิ่ง!” ผมร้องแข่งกับเครื่องบินปล่อยลูกระเบิดลงมา
“เด็ก ๆ หนีไป! ปั้ลลี่ปั้ลลี่!” จูยอนกุมท้องร้องไล่ไม่สนใจอันตรายของตนเอง
“วี๊ด!…ดดด!!” เสียงหวีดปีกจรวดคว้านหัวใจ
ผมคว้าตัวจูยอนอุ้มวิ่งหนี...
“ไม่ทันแล้วหลบก่อน!” ผมเล็งก้อนหินแกะสลักใหญ่ วิ่งเข้าไปยืนเอาหลังพิงอุ้มจูยอนไม่ให้เท้าของเธอเหยียบพื้นดิน แรงระเบิดอาจทำให้แม่และลูกบาดเจ็บจากแรงอัดอากาศ
“วี๊ด…ดดด!!” เสียงหวีดแหลมดังแข่งกันลงมา
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!” พื้นดินสั่นสะเทือน คลื่นช็อคเวฟซัดทำลายสิ่งก่อสร้าง กระชากต้นไม้ขาดปลิว
“หง่าง! ๆ ๆ” ระฆังโบราณขาดกระเด็นกลิ้งกลางสนาม แรงอัดซัดอาคารไม้โบราณปลิวหายไปทั้งหลัง
“..............” ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวล เปลวไฟเผาไหม้ตอไม้รอบด้าน
“เจ็บตรงไหนมั้ย เจ็บท้องหรือเปล่า?” ผมวางเธอลงรีบสำรวจร่างกายจับพลิกไปมาแล้วแหงนหน้ามองฟ้า
“..............” น้ำฝนปรอยลงมาไร้เงาของเครื่องบินทิ้งระเบิดชุดที่ 2
“เข้าอาคารก่อน” ผมพยุงเธอฝ่าฝุ่นคลุ้ง
ต้นไม้หักล้มระเนระนาด แรงอัดฉีกร่างของ Soulless และน้อง ๆ ล้มลง ทหารนอนเจ็บเกลื่อนถนน ผมเบือนหน้าหนีเจ็บปวดแทนน้อง ๆ ที่โชคร้าย
จูยอนหน้าตื่นหันมองซ้ายขวา...“โอปป้า! น้องแทนอยู่ไหนคะ?”
“ฮึ้ย!!!” เหมือนโดนกระชากหัวใจเลือดตกลงไปกองที่ขาหน้าชาจุกอก.../น้องแทนอย่าเป็นอะไรนะ เจ็บตัวไม่ได้นะลูก/
“จูยอนใจเย็น ๆ นะ” ผมเตือนทั้งที่ในใจแทบสลาย เดินช้าไม่ทันใจต้องอุ้มเธอกลับไปที่อาคาร น้อง ๆ วิ่งออกมารับ
“สหายผู้นำเจ็บมั้ยคะ เจ็บท้องหรือเปล่าคะ?”
“พักตรงนี้ก่อนนะ” ผมวางจูยอนบนพื้นอาคารแล้ววิ่งกลับไปมองตามเสียงเจ็บปวด...
“เซมช่วยด้วย! ช่วยหนูด้วย หนูเจ็บจังเลย” น้องบลูสกายใบหน้าเลอะเลือดร้องหน้าตาเหยเก
“เซม! ช่วยเพื่อนหนูด้วย! ซานอ๊ก! เจ็บมากมั้ย? ฮือฮือ!” เพื่อนเด็กสาวน้ำตาแตกร้องไห้วิ่งเข้าพยุง
เมื่อเห็นน้อง ๆ เจ็บ ผมรู้สึกเจ็บกว่าถลาเข้าไปอุ้ม…
“ซานอ๊กแควนจาน่า! แควนจาน่า! เดี๋ยวทหารมารับแล้ว” คำปลอบใจคงไม่ได้บรรเทาความเจ็บ ผมอุ้มร่างโชกเลือดของเธอวิ่งไปวางไว้ที่ภายในอาคารบันมุนจอง
“อดทนอีกนิดนะ!” ผมปลอบอย่างร้อนใจ หันมองหาน้องแทนก็ยังไม่เจอความกังวลกดดันอึดอัดไปหมด
“น้องแทน!...” จูยอนลุกเดินแหวกผู้คนตามหาเจ้าตัวน้อย
ผมผวาลุกวิ่งไปตามเสียง...
“เห็นน้องแทนหรือเปล่า? ใครเห็นน้องแทนบ้าง?” หัวใจของผมสับสนกังวลแทบคลั่ง แต่ทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายและไม่มีวี่แววของน้องเลย
“เซม! เฮลิคอปเตอร์จีน 2 ลำกำลังไปที่บันมุนจอง” ทหารรายงานวิทยุเข้ามาผมไม่มีเวลาสนใจ...
“น้องแทน! น้องแทน!” ผมตะโกนลั่นใจสั่นรัววิ่งไปออกถนนหลังอาคาร กลุ่มบลูสกายยืนออกันที่แท็งก์น้ำใหญ่
“หลบหน่อย!” ผมแหวกสุดฤทธิ์ใจลุ้นระทึก /ไม่ใช่นะ! ต้องไม่ใช่สิ!.../
“น้องอยู่นี่หรือเปล่า?” เป็นคำถามที่ผมไม่อยากฟังคำตอบเลย ลุ้นใจหายใจคว่ำก่อนที่ตัวเองจะไปถึง /เจ้าเด็กน้อยอย่าหายไปนะ อย่าเป็นอะไรนะ/
“อยู่กับหนูค่ะ!” เสียงอีซูมินกระชากความกังวลใจออกไปทันที
“ฮู่ว!” ผมปล่อยความอึดอัดออกมาแล้วถลาเข้าไป…
“น้องแทน!”
“อะป้าเค้าอยู่นี่!..” เจ้าตัวน้อยยิ้มตาใส ซูมินจับเปลี่ยนใส่ชุดซูเปอร์แมนให้แล้ว
ผมจับหมุนตัวหาบาดแผล ลูบหน้าลูบหลังคว้ามากอดโล่งใจไล่ความอึดอัดออกไป...
“น้องแทน! ไฟท์ติ้ง!”
“ไพ้ติ้ง! อะป้า!”
“น้องแทน!...” จูยอนวิ่งน้ำตาแตกถลาเข้ามา...
“ลูกแม่!...ใจหายหมดเลย! ใจหายหมดเลย! ฮือฮือ!!”
“ออมม่า! เขายิงปืนเสียงดังเลย” น้องยังยิ้มสนุกไม่ทุกข์ร้อน
จูยอนดึงเข้ามากอดแน่น...
“เก่งมากลูก!”
เธอลูบหน้าใบหน้าน้องอย่างโล่งใจ เวลาไม่เอื้ออำนวยให้ชักช้าร่ำไร
“จูยอนพาน้อง ๆหนีไปก่อน ผมจัดการทางนี้เอง”
“ค่ะ!”
ทันใดนั้น...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” เสียงปืนดังมาจากถนนฝั่งอาคารเสรีภาพทหารจีนบุกเข้าจากฝั่งใต้
จูยอนหันไปโบกมือไล่เด็ก ๆ ...
“ทุกคนหนีเร็ว! หนีไปที่เขื่อนกันก่อน อีซูมิน! พาน้องแทนหนีไปที่ Ouellette Camp ที่นั่นมีหลุมหลบภัย” เธอสั่งแล้วหันหลังกลับมองไปที่อาคารเสรีภาพฝั่งตรงข้าม ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธจัดขยับขาเตรียมเดินกลับไปราวี
ผมรีบดึงแขนไว้...
“จูยอน! คุณก็ต้องไปด้วย เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“โอปป้าปล่อยฉันก่อน!” เธอกัดฟันตัวสั่นพยายามดิ้นแกะมือ สายตาจ้องมองทหารจีนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“คุณพาทุกคนไปซ่อนก่อน ผมสงสัยว่าพวกมันอาจจะรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ มันไม่ได้โจมตีค่ายทหารแต่มุ่งมาที่นี่โดยเฉพาะ” ผมกลัวใจของเธอ ถ้าฮึดสู้ขึ้นมาจะหนักใจมากไปอีก
ผมรีบยกวิทยุเรียกตัวช่วย...
“แทน! มึงอยู่ที่ไหน?”
“พี่! คอนโดกีจองดองถล่มติดต่อไป่ไป๋ไม่ได้เลย ผมกำลังไปหาไป่ไป๋ครับ พี่ซอนกับแอนนากำลังไปหาพี่แล้ว” เสียงแทนตื่นตระหนก ผมช็อคหูอื้อพูดไม่ออก…
“ไปช่วยน้องให้ได้นะ” สถานการณ์ตรงหน้าก็ตึงเครียดโกลาหลทุกคนกำลังเสียขวัญไม่ทันตั้งตัว ต้องรีบโต้กลับก่อนที่ทุกคนจะถอดใจ
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ทหารจีนไล่ยิง Soulless เปิดทางเข้ามาทางอาคารสันติภาพเกาหลีใต้
จูยอนกำปืนสั้นน้ำตาคลอโกรธจัดผวาเข้าหา ผมดึงเธอมากอดแล้วลูบหลังให้ใจเย็น...
“มันต้องมีสายคอยรายงานอยู่ที่นี่แน่ ๆ ดูเหมือนว่ามันจะรู้ความเคลื่อนไหวของเรา”
คนนับหมื่นอพยพเคลื่อนที่ไม่ได้ง่าย ผมหันไปมองตามเหล่าสหายคุณป้ากำลังวิ่งเข้าป่าด้านหลังทงกิลกักแล้วก็เบาใจ ซูมินพาน้องแทนวิ่งไปกับกลุ่ม
“คุณตามผมมา” ผมดึงมือจูยอนเดินลงถนนด้านหลังอาคาร
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” เสียงปืนดังระงมจากฝั่งเกาหลีใต้
“ทหาร! เอาคนเจ็บออกไปก่อน” ผมประคองจูยอนเดินตามกลุ่มออกด้านหลัง ข้ามถนนมานั่งพักที่หน้าบันไดอาคารทงกิลกัก
“เซม! อาวุธปืนไม่พอครับ” จีมินจุน ทหารอารักขาวิ่งเข้ามาหา
“สหายไปเอาที่ท้ายรถ ขนมาแจกเพื่อนให้หมด” ผมชี้ไปที่ถนนหน้าอาคาร เสียงวิทยุทหารสื่อสารรายงาน...
“เซม! กองเรือรบกลางทะเลตะวันตกเป็นตัวหลอก ทหารจีนยึดอินชอนฝั่งใต้เป็นฐานโจมตีครับ”
“รับทราบ!” ผมหันมองไปทางทิศใต้ มันรุกเข้ามาอยู่ใกล้มากเกินไปแล้ว
“เซมต้องออกจากที่นั่นให้เร็วด้วยครับ” ฐานยังไม่กล้าโจมตีเพราะพวกเรายังอยู่ในพื้นที่อันตราย
“รับทราบ!”
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ทหารจีนวิ่งไล่ยิงโอบล้อมเข้ามา
ทหารของเรามาช่วยกันฉีดวัคซีนและไม่มีอาวุธครบมือถอยกรูดเข้าใต้อาคารบันมุนกัก
“คุณต้องหนีไปซ่อนก่อน ไปกับน้อง ๆ นะ ค่อย ๆ เดินพรางตัวไปในป่า” ผมหันไปมองกลุ่มเด็ก ๆ ยืนรอปากทางเข้าป่า
คังมีแรอาจุมม่าวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา...
“สหายจูยอนไปกับฉัน” ท่านเข้ามาดึงมือจูยอน
“ฝากด้วยครับอาจุมม่า” ผมหันมองหาทหารไปสะดุดตากับคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่พอดี...
“สหาย! คนที่ใส่รองเท้าสีดำขอบขาว มานี่หน่อย!”
“เย่!” ทหารหนุ่มเดินเข้ามาหาเชือกผูกรองเท้าหลุดรุ่ย
“ตกใจมากสินะ” ผมนั่งลงไปผูกเชือกรองเท้าสีขาวให้
“เซม!...เอ่อ!” เขายืนประหม่าตัวแข็ง
“เราเตรียมตัวไม่ทันกันเลย สหายสวมรองเท้าผ้าใบมันอันตราย ระวังด้วยนะ!” ผมเป็นห่วงทหารทุกนาย พวกเขาเป็นน้องที่ผมฝึกมาทั้งนั้น
“คัมซามนิดะ!” เด็กหนุ่มอายุไม่น่าจะเกิน 25 ปีโค้งศีรษะอย่างประหม่า
ผมจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาแล้วฝากฝังคนรักอย่างตั้งใจ...
“พาสหายจูยอนไปหลบในที่ปลอดภัย ผมไว้ใจสหายนะ!” ผมส่งปืนสั้นให้ไว้ป้องกันตัว
“เย่!”
“เซม!!” กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งสามสีวิ่งกลับเข้ามาล้อมตัวจูยอน
“สหาย! ฝากด้วย เดี๋ยวผมตามไป” ผมส่งจูยอนให้พวกเขาพากันเดินออกไปที่ถนนลูกรังในป่าด้านหลังอาคารไปที่ค่าย Ouellette Camp
เสียงวิทยุดัง...
“เซม! ด้านหน้าต้านไม่อยู่แล้วครับ!” ทหารเกาหลียึดชั้นล่างของอาคารบันมุนกักเป็นฐานที่มั่นยิงโต้กลับ ทหารบริเวณนี้เจ็บกันหมดเลย สถานการณ์ไม่ดี พวกเราเพลี่ยงพล้ำบาดเจ็บล้มตาย
“จ่ามินจุน! ถอยมารวมกันที่ทงกิลกัก!” ผมวิ่งย้อนจากชายป่ากลับไปที่อาคารสี่เหลี่ยมชั้นเดียวกลางลานปูนกว้าง
“พั่บ! พั่บ! พั่บ!” ในขณะเดียวกันเฮลิคอปเตอร์จีนทั้ง 2 ลำบินมาลอยลำอยู่ด้านบน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ด้านล่างลูกกระสุนปลิวว่อน เสียงปืนจากทหารทั้งสองฝ่ายยิงโต้ตอบหูอื้อ
ผมมองจนมั่นใจว่าไม่มีเด็ก ๆ ในบริเวณนี้แล้ว สั่งเปิดทางถอย...
“ทหาร!...ไม่ต้องสนใจพวกเลื่อนลอย ถอยกลับมาที่ทงกิลกัก” ผมสั่งปลดความกังวลใจ พวกเขามาเพื่อช่วยเหลือจึงไม่ค่อยกล้ายิงโต้กลับ
ทันใดนั้นเสียงปลอบประโลมใจก็ดังขึ้น รู้สึกชื่นใจเหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์...
“เซม! พวกเรามาถึงแล้ว!” เสียงวิทยุทหารดังเพิ่มความมั่นใจ
“สหาย! ผมอยู่ทงกิลกัก!”
“เย่!” ทหารกองหนุนเข้ามาเสริมแล้วค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย
มินจุนและกลุ่มทหารจากบันมุนกักวิ่งเข้ามาภายในอาคาร
“สหายยิงโต้ไว้อย่าให้มันรุกคืบ เพื่อนเรามาช่วยแล้ว” ผมตบไหล่จีมินจุนแล้วเดินไปยืนมองริมหน้าต่างด้านข้างอาคารหวังว่า รถบรรทุกทหารจะมาทางนี้
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” กำลังใจเหล่าทหารเกาหลีถูกเติมเต็มยิงโต้อย่างดุเดือด
ภายในอึดใจความหวังก็มาถึงพร้อมกับความผิดหวัง...
“เซม!..ผมติดพวกเลื่อนลอยเข้าไม่ได้!”
รถยนต์ GMC ของทหารแล่นมาทางสะพาน 72 ชั่วโมงติดกลุ่มเลื่อนลอย ผมหัวเสียมากทำไมมันไม่มีไหวพริบกันเลยวะ...
“สหายทำไมไม่เข้าด้านหลัง ไปทางนั้นทำไมถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”
“พั่บ! พั่บ! พั่บ!” ในขณะเดียวกันเฮลิคอปเตอร์ Z10 ของจีนก็วนมาถึง ลอยลำต่ำเฉียดยอดไม้กระแสลมแรงซัดข้าวของกระจัดกระจาย
“จะหนีทันมั้ย?” ผมได้แต่พึมพำจดจ้องกับมัจจุราช พอมันกดหัวลงผมรู้ได้ทันทีว่ามันกำลังจะยิง...
“ทหารทิ้งรถ! วิ่ง!...”
“วื้ด…ดด!!” กระบอกปืนกลกลมติดใต้ท้องทั้งสองข้างเริ่มหมุนพร้อมยิงระเบิดพิสัยใกล้ทำลายวัตถุภาคพื้น…
“ฟุ่บ!!”
“พรึ่บ!” กลุ่มทหารในรถคันแรกกระโดดกลิ้งลงข้างทาง
จรวดพุ่งเข้ากลางลำคันที่ 2-3-4-5 ...
“บรึ้ม...มม!!” ทหารหนีไม่ทันดิ้นทุรนทุรายกลางกองไฟ
“วิ่ง!...” ผมตะโกนสุดเสียง กลุ่มทหารสิบกว่านายลุกวิ่งหลบเข้าใต้ต้นไม้
“พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เครื่องบินเอียงลำลั่นกระสุน 30 ม.ม.จากพลปืนประกายไฟพุ่งต่อกันเป็นสายยาวลงพื้นดั่งฟ้าผ่า...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ยอดไม้ป่าสนเข็มแดงหักกระจุยเปิดทางโล่ง
“วิ่ง!...”
กลุ่มทหารวิ่งเข้ามาแอบท้ายรถยนต์หน้าอาคาร หัวใจของผมหลุดไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตรงนั้นหลบไม่ได้...
“อย่าหยุด! วิ่งมาที่นี่!”
ผมลุ้นให้พวกเขาวิ่งต่อเพราะรู้ว่ารถยนต์นั้นบอบบางเกินกว่าจะต้านอานุภาพของกระสุนชนิดนี้ได้ แต่เสียงปืนดังกลบจนพวกเขาไม่ได้ยินเสียงวิ่งเข้าไปแอบอย่างที่คิด...
“อย่าหยุด! อย่าหยุด!!” มินจุนผวาออกไปกวักมือเรียกในจังหวะที่...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” กระสุนเพชฌฆาตจากอากาศสู่พื้นผ่าซีกรถยนต์
“บรึ้ม!!” ทหารกระเด็นไปคนละทาง
“โครม! เพล้ง!” รถยนต์แหลกกระจายห่ากระสุนซัดผ่านทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ทหาร 3 นายที่โชคดีวิ่งสุดแรงหลุดออกจากวิถีกระสุนลนลานล้มลง ผมรีบเข้าไปดึงตัวให้เข้ามาในอาคารแล้วกอดเขาไว้…
“สหายปลอดภัยแล้ว นั่งพิงเสาไว้หายใจลึก ๆ”
สายตาทหารนั้นตื่นกลัวสุดชีวิตร่างกายสั่นระริก มินจุนเทน้ำลูบหน้าปลอบเพื่อนที่เฉียดตาย...
“ใจเย็น ๆ สหาย หายใจลึก ๆ !”
“พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เฮลิคอปเตอร์ยักษ์ลอยออกไปในป่าด้านหลังทงกิลกัก ผมชักใจคอไม่ดีจูยอนและเด็ก ๆ หนีไปทางนั้นด้วยรีบยกวิทยุเรียก...
“จูยอน! หลบได้หรือยัง?”
“อีกนิดค่ะกำลังรีบเดินอยู่ น้องแทนลงหลุมหลบภัยไปแล้วค่ะ”เสียงของเธอคล้ายกัดฟันพูด เสียงเด็กแว่วเข้ามา...
“เซมคะ! สหายผู้นำปวดท้องเดินไม่ไหวแล้วค่ะ”
“อ้าว! หาที่พักใต้ต้นไม้ก่อน นั่งก่อนเดี๋ยวผมไปหา” ผมเริ่มกังวลหนักขึ้น ถ้าช้าอาจจะไม่ทันกาลหันไปหาทหาร...
“เราต้องเข้าป่าไปช่วยสหายผู้นำ” ผมร้อนใจมาก ผลุนผลันไม่ทันระวังวิ่งไปประตูหลัง
“เซมอย่าพึ่งออกไป!” มินจุนวิ่งตามมาดึงแขนแล้วผลักเข้าริมผนัง
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” ระเบิดมือ M26 กลิ้งผ่านลานหน้าประตู...
“บรึ้ม!...”
เสียงระเบิดมาพร้อมกับสายฟ้าแลบแปล็บสายฝนเทกระหน่ำ เสียงเฮลิคอปเตอร์โฉบเข้าไปด้านหลังดังสยบเสียงฟ้า...
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” แรงลมซัดกดดันไปทั่วราวป่า
ผมจดจ้องกับการหนีออกจากอาคารต้องรีบไปอารักขาจูยอน...
“พร้อมมั้ยสหาย?” ผมถามทหารที่เพิ่งเฉียดตาย
“เย่!” เขาพร้อมเดินหน้าต่อ
“มินจุนเคลียร์!” ผมพยักหน้าให้สัญญาณ มินจุนดึงสลักระเบิดมือโยนเปิดทางวิ่ง...
“บึ้ม!”
“ไป!”
ทุกคนกระโจนพรวดวิ่งสุดชีวิตเข้าเขตป่าสีเหลืองด้านหลัง สายฝนกระหน่ำมืดฟ้ามัวดินหัวใจของผมวิ่งแซงรุดหน้าไปหาเมียและลูกแล้ว หันมองไปทางเขื่อนชักใจคอไม่ดีเมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์บินโฉบไปแถบนั้น พวกเราวิ่งมาถึงถนนขึ้นเขื่อนด้านหลัง...
“4 นาย! เฝ้าจุดนี้ไว้!” ผมสั่งแล้ววิ่งต่อไปกับทหารอีก 8 นาย
มินจุนวิ่งตีคู่ขึ้นมาแล้วชี้ลงไปข้างทางด้านขวา...
“หลุมหลบภัยปิดสนิทหมดแล้ว แต่ที่ลานหน้าทางขึ้นเขื่อนเหมือนกำลังมีปัญหาเฮลิคอปเตอร์บินวนหลายรอบแล้ว”
“มินจุน! วิ่ง!” ผมอยากจะหายตัวไปที่นั่นให้ได้ดังใจ
“เหมือนมันรู้ว่าสหายผู้นำไปที่นั่น” มินจุนคิดเหมือนกัน
“อย่าให้มันจับตัวสหายผู้นำได้ เครื่องบินกำลังลงจอดแล้ว วิ่ง!...” ผมวิ่งไปพร้อมยกวิทยุเรียก...
“จูยอน! จูยอน!”
“เย่!”
“คุณอยู่ตรงไหน หนีได้หรือยัง?”
“โย้วโบ้! ไม่ต้องห่วงฉัน สั่งสหายโกถล่มมันเลยอย่าให้มันได้กลับบ้าน” น้ำเสียงของเธอโกรธจัด ถ้าโกรธสุดเธอไม่หนีแน่
“รอผมก่อนนะอีกนิดเดียว อย่าใจร้อนนะ!” ผมหันไปหากลุ่มทหาร
“วิ่งให้เร็วกว่านี้!”
“ข้างบนยังมีเด็กเล็กเหลืออีกกลุ่มครับ” มินจูวิ่งแซงขึ้นนำ
“แย่แล้ว!” ผมไม่อยากให้กลุ่มศิลปินจินตนาการได้เห็นภาพแบบนี้เลย
ผมวิ่งขึ้นเนินบนลานหน้าสันเขื่อนในจังหวะทหารจีนเดินเท้าขึ้นจากเนินป่าด้านขวา กวาดสายตาฝ่าสายฝนกระหน่ำหนักมองหาจูยอนและกลุ่มเด็กบนลานปูนกว้างแต่ไร้เงา
“มินจูมองหาสหายจูยอนให้เจอ!”
หน้าผาสันเขื่อนดำทะมึนสายลมโกรธเกรี้ยวสายฝนซัดสาดไม่ลืมหูลืมตา เฮลิคอปเตอร์บินวนบนลานปูนกว้างระเกะระกะไปด้วยอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่ ผมใจหายที่ยังเห็นรถบัสรับส่งเด็กยังจอดหลงเหลืออยู่
“อยู่โน่นครับ! ยืนอยู่กับจองชิก” มินจูชี้ไปที่หน้าผาด้านซ้ายของสันเขื่อนถัดไปอีกนิดเป็นถนนลงจากเนินไปด้านล่าง
จูยอนยืนเท้าเอวตากฝนอยู่ที่ปากหลุมหลบภัย
“ทหารคนนั้นชื่อจองชิกใช่มั้ย?” ผมถามชื่อของทหารรองเท้าดำขอบขาว
“เย่! ทหารใหม่ครับ”
ผมยกวิทยุ...“เจ็ทโด้เซมเรียกจองชิก!”
“เย่! อี!จอง!ชิก!”
“เกิดอะไรขึ้นทำไมไม่พาสหายผู้นำไปซ่อนตัว?”
“เซมรีบมาเลยครับ ผมห้ามไม่ไหวแล้ว สหายผู้นำโกรธมากไม่ฟังใครแล้วครับ”
ผมรู้สถานการณ์ทันทีถ้าจูยอนไม่ยอมใครก็ขวางไม่ได้ ในยามปรกติก็อ่อนหวานปานน้ำผึ้งป่าเวลาโกรธอาฆาตแค้นยิ่งกว่าหมีซะอีก
“สหายอย่าให้เธอเดินออกจากปากหลุมนะ น้องแทนอยู่ที่ไหน?”
“น้องอยู่ข้างล่าง ปิดประตูหลุมหลบภัยไปแล้วครับ”
“เลิกกัน!” พอผมได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย แต่ต้องรีบไปสงบศึกในใจของจูยอนก่อน
“ทหาร!...วิ่ง!” พวกเราต้องไปให้ถึงก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะลงจอด
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ทันใดนั้นเสียงปืนจากทหารจีนก็ลั่นขึ้นมาจากอีกด้านของเนิน
กองทหารจีนนับสิบนายวิ่งกรูเข้ามากลางลานก่อนจะถึงศาลา
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!”
“อย่าให้พวกมันผ่านศาลามาได้” ผมชี้ไปที่ศาลาริมลานปูนเชิงเขาจุดกึ่งกลางของลาน เฮลิคอปเตอร์จีนลอยลำต่ำกดดันหัวใจ
“มินจุน! ยิงไว้แล้วค่อย ๆ ขยับไปที่หน้าผา”
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ทหารยิงพลางวิ่งพลางเคลื่อนย้ายไปหาจูยอนทางด้านซ้ายของหน้าผา
“โอ๊ะ!” ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าอกเซล้มลง
“เซม!” ทหารร้องเสียงหลง
“เซม!แควนจาน่า” มินจูผวาเข้ามาพยุงถอยเข้าไปหลบข้างกระถางใต้ต้นไม้
“แควนจานาโย” ผมพยายามแข็งใจกัดฟันเอาปลายปืนยันพื้นลุกขึ้นยืนในหัวใจคิดอยู่อย่างเดียวต้องช่วยลูกและเมีย
“เซม! ยังไหวมั้ย?”
“ไม่เป็นไร แค่เฉี่ยว ๆ วิ่งไป!” ผมเอามือกดหน้าอกกัดฟันวิ่งมาจนถึงปากทางเข้าหลุมหลบภัยแล้วนั่งขวางทางไว้ ใครจะผ่านทางนี้ต้องข้ามศพผมไปก่อน
“มินจุน! ไปหาที่กำบัง”
“เย่!” ทหารแยกย้ายเข้ากำบัง
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” ผมแหงนคอมองเฮลิคอปเตอร์จีนกำลังลงจอด
“อย่าให้มันลงจอด!”
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ทหารเกาหลีลุกยิงอย่างกล้าหาญ กองทหารจีนรุกโอบล้อมระดมยิงเข้ามาไม่ขาดสาย
“โอ๊ย!”
“อ้าก!” ทหารของผมร่วงเป็นใบไม้
“เซม! ผมถูกยิง” มินจุนกุมแขนขวาหน้าเหย
“สหายหมอบไว้” ผมรู้สึกหายใจติดขัดมองเฮลิคอปเตอร์จีนอย่างแค้นใจ
ผมเดินผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วนและไม่เคยรู้สึกกลัวเลย อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นไม่มีใครให้เป็นห่วง แต่ทุกวันนี้ผมรอคอยด้วยความหวังที่จะได้เห็นหน้าลูกและพร้อมจะลาจากอำนาจไปพร้อมกับเมีย ไม่ได้คิดจะตายตรงนี้
“พรึบ!พรึบ!พรึบ!” นายทหารจีนรูปร่างคุ้นตาลงมาจากเครื่องบิน ทหารจีนวิ่งกรูเข้าไปอารักขาแล้วพากันเดินมาหา
“Hi!” นายทหารจีนใบหน้าบากร่างสูงใหญ่ยกมือปรามลูกน้องให้หยุดยิง...ไอ้ลูกหมาซีชานนั่นเอง
ผมสูดลมหายใจลึกกัดฟันกดแผลที่อกก้มมองเลือดไหลเปื้อนลำตัว บาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก...
“ผมเห็นหน้าคุณแล้วเสียใจมาก ผมไม่น่าลดตัวไปต่อสู้กับคุณเลย ทำแบบนี้ภูมิใจเหรอแล้วจะเล่าต่อให้ลูกหลานฟังยังไง?”
“เรื่องเล่าหลอกเด็กเยอะแยะไป มหาบุรุษรัฐบุรุษที่คุณรู้จักก็หักหลังทั้งนั้นแหละ คุณจะตายอยู่แล้วร้องขอชีวิตสิ อย่าปากดี!”
“ไร้สาระ! ใครกันแน่ที่ต้องร้องขอชีวิต” ผมหันมองน้องทหารเจ็บกันหมด ไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบ
“แอนนาเรียกเจ็ทโด้” วิทยุอีกเครื่องดังขึ้น ผมเลือบมองแต่ไม่รับ
นายทหารจีนเดินเข้ามาห่างไปราว 20 เมตร ทหารอารักขาตั้งแถวขยับเดินตาม
“ชะล่าใจจังเลยนะ ลูกแมวมักจะประมาทไม่รู้ว่างูเหลือมซุ่มรอคอยได้เป็นเดือน หลงระเริงกันพอแล้วปิดงานกันสักที” รอยยิ้มที่เยาะเย้ยมันกัดกินหัวใจ
“ยังกลับไม่ถึงบ้านอย่าพึ่งมั่นใจ” ผมรู้สึกหน้ามืดแขนขาสั่นไปหมด ภาพใบหน้าของเขาเริ่มซ้อนกัน
“ปากยังดีอยู่สินะ"
“อ่อก!” เลือดสำลักออกมาและรู้สึกเหนื่อยหายใจรั่วแสบหน้าอก /แค่นี้ไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรเลย/
“ลูกกระสุนมันไม่มีดวงตา คุณเดินไม่ดีเองนี่นา” เป็นทีของมันที่จะเยาะเย้ยถากถาง
ผมขอแค่ดึงเวลาให้ทหารมาช่วย...
“เข้ามาแล้วก็ออกไปให้ได้เถอะ!”
“เชอะ! หมาที่เก่งตัวเดียวมันปกป้องไร่กว้างไม่ได้หรอก คุณกับทหารเด็ก ๆ พวกนี้เอาชนะผมไม่ได้หรอก”
“กลับไปซะ!” ความรู้สึกระบมเจ็บแปลบ ผิวกายวูบวาบ ตาลายแขนขาสั่น เลือดไหลทะลักนองพื้นมือไร้เรี่ยวแรงกดบาดแผล แต่มันไม่ได้ทำให้ผมถอดใจ
“จูยอนไปไหนแล้วเห็นอยู่แว้บ ๆ” พอมันถามถึงจูยอนควมโกรธของผมขึ้นถึงขีดสุด ผมลุกยืนพรวด...
“มึงผ่านกูไปให้ได้ก่อนเถอะ! อ่อก!!!” เสียวที่หน้าอกแวบสำลักเลือดออกมา ตาลายหน้าเริ่มมืด
“เซม!” ทหารปราดเข้ามาพยุง
ทันใดนั้น ...
“นายมีอะไรกับฉันว่ามาเลย!”
เสียงที่ไม่อยากได้ยินตอนนี้ดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหลับตาน้ำตาตกในเธอกลับมาอีกทำไม สถานการณ์อย่างนี้กลับมาทำไม?
“สหายจูยอนอย่าดื้อสิ กลับเข้าไป” มีแรอาจุมม่าดึงแขนเธอสะบัดเดินต่อ
“สหายกลับไปกับหนู!” เสียงเด็กยื้อยุดร้องห้าม
ผมหูอื้อตาลายพร่ามัวเริ่มมองไม่เห็น...
“จูยอนกลับมาอีกทำไม หนีไปสิ!” ผมยังพอรับสัมผัสได้เมื่อเธอเข้ากอดจากด้านหลัง...
“โย้วโบ้! ฉันจะไม่ทิ้งคุณไว้ลำพัง” เสียงเด็ดขาดของเธอก้องหู
“คุณไม่ใช่แม่บ้าน คุณไม่ใช่คนธรรมดานะ ทำอย่างนี้ไม่ได้ คุณเป็นผู้นำต้องอยู่ต่อไป ห่วงประเทศของคุณก่อน” ผมหายใจไม่ถนัด อึดอัดใจไม่อยากให้เธออยู่ตรงนี้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่กลัว!”
“คุณต้องรอดสิ! คุณต้องอยู่ต่อไปนะ ทุกคนยังต้องการคุณ อ่อก!” ผมกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“อิจฉาจัง ล่ำลาพอแล้ว!” ซีชานก้าวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้น
ผมรู้สึกวูบวาบหน้ามืดได้ยินเสียงของจูยอนกร้าว...
“ซีชาน!...ลูกผู้ชายไม่ลอบกัด เข้ามาเลยอย่าตาขาวหยุดแค่นั้น” เธอกระชากขึ้นลำปืน Sig sauer
“สหายผู้นำ!!” เสียงเด็กหญิงร้องไห้ระงมขยับตัวเข้ามาล้อม
เธอยกมือให้ซีชานแล้วร้องบอกกับเด็ก ๆ...
“ขอเวลาให้คนที่ไม่เกี่ยวได้ถอยออกไปก่อน”
“เชิญ!” เขาผายมือ
เธอหันไปหากลุ่มเด็กและอาจุมม่าที่ร้องไห้น้ำตาเลอะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“สหายทุกคน! เราต่างมีหน้าที่แตกต่างกัน สหายได้ทำหน้าที่ของสหายอย่างสุดกำลังแล้ว ต่อไปฉันต้องทำหน้าที่ของฉัน ขอให้ทุกคนลงหลุมหลบภัยแล้วปิดประตู ห้ามออกมาจนกว่าจะได้รับการติดต่อ”
“ไม่ได้! เราต้องลงไปด้วยกัน” มีแรอาจุมม่าร้องไห้เกาะกระโปรง
“อาจุมมานีม! ขอบคุณมากที่ไว้วางใจฉันมาตลอด เลี้ยงเด็ก ๆต่อไปให้ดีที่สุดพาน้อง ๆ เข้าไปหลบคือหน้าที่ของผู้ใหญ่ ศัตรูยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเวลาที่ฉันต้องทำงาน อย่าทำลายสมาธิของฉัน รบกวนด้วยค่ะ!” เธอใบหน้านิ่ง
“ไม่เอา! นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะทำยังไง?” ท่านไม่ยอมปล่อยมือจากกระโปรง
“อาจุมมานีม อย่าลดเกียรติของฉันแบบนี้ ทหาร!”
“ฮือฮือ! เด็ก ๆ ไป ฮือฮือ!”เสียงร้องไห้ระงมดิ้นงอแง ทหารพาไปลงหลมแล้วปิดประตู
“ซีชาน! ฉันพร้อมแล้ว” เธอก้มลงประคองผม
ก่อนที่สติจะดับ...ผมได้เห็นความรักแท้ของหญิงสาว ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่า สิ่งที่สวยงามที่สุดของมนุษย์คือความรัก อย่างน้อยความรักที่ผมให้กับทุกคนไปก็ได้กลับมาหาในหลายรูปแบบ ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่น้อย ถ้าเพื่อคนที่รักแล้วผมจะทำมันอย่างไม่ลังเล
.....................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,907 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,023 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |