หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 20 ต.ค. 2568 |
พยองยาง
กันยายน ค.ศ.2026
มุมมองสายตา แอนนา
“ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!”
โรงพยาบาลโกลาหลสับสนวุ่นวายคนเจ็บทั้งชาวบ้านและทหารถูกเข็นผ่านไปมา หัวใจของฉันเต้นรัวเดินอย่างไม่มั่นใจตามหลังซอนเลี้ยวหัวมุมห้อง
“หือ!” เขาชะงักกึก
คุณหมอชายและอีซูมินยืนน้ำตานองหน้าอยู่ข้างเตียงรถเข็นคลุมผ้าขาวหน้าห้องผ่าตัด 2 เตียง เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางดวงใจของน้อง ๆ
“ไม่ใช่หรอก!” เขาสะบัดหน้าน้ำตากระเด็นเดินไปทรุดก้มหน้าสะอื้นพิงผนัง
“โฮโฮ! โอ้ปป้า! อนนี่!” นาตาลีร้องไห้เสียงดัง...
“กลับมานะ! เจ็ทโด้กลับมา ฮือ!” นาตาลีเขย่าร่างไร้วิญญาณร้องไห้น้ำตานองปานจะขาดใจ เสียงที่เคยโต้ตอบเงียบหายอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล
นาตาลีร้องไห้เสียขวัญกอดร่างพี่ชาย...
“แทน! ปลุกเจ็ทโด้สิ เรามาแล้ว”
อารมณ์ของพวกเราขึ้นลงตลอดเวลา พึ่งจะใจพองโตที่ไป่ไป๋รอดอย่างปาฏิหาริย์แต่ต้องมาหดแฟบจุกอก
เธอเขย่าร่างไร้วิญญาณ...
“ลุกขึ้นมาดุด่าพวกเราสิ โอปป้าลุกขึ้นมา คุณบอกทุกคนห้ามเจ็บห้ามตาย อย่าโกหกกันสิ!” เธอเขย่าร่างที่คลุมผ้าขาวบนเตียงอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนรู้ว่าทั้งสองเป็นคู่กัดกันมาตลอดและก็รู้เช่นกันว่านาตาลีรักเจ็ทโด้มาก
“ฉันจะไม่ดื้ออีกแล้ว โอปป้าลืมตาสิอย่าทิ้งฉันไปนะ” นาตาลีเลือดแดงเปื้อนใบหน้าร้องไห้แทบขาดใจ
แทนน้ำตาไหลพรากก้มลงไปกอดร่างพี่ชายของเขาที่จากไปไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว...
“พี่ตุ๋ย! ฮือฮือ!” แทนหัวใจสลายความตายมาพรากชิ้นส่วนสำคัญจากชีวิตไปแล้ว จากนี้ไปจะไม่มีใครเป็นผู้นำคอยสั่งสอนอีกแล้ว
ซอนคลานเข่าร้องไห้สะอื้นเข้ามากอดร่างเจ็ทโด้...
“ผมยังไม่ได้บอกรักพี่เลย ผมรักพี่ ผมรักพี่”
“ซอนปลุกเขาขึ้นมาสิ ปลุกขึ้นมา” นาตาลีเสียขวัญผลุนผลันขาดสติร้องไห้จ้าวิ่งออกไป
ฉันยืนคอตกจมอยู่กับความเสียใจ สัญชาติญาณเตือนว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงกับครอบครัวของเรา
คุณหมอชายยืนมองอยู่นานเอ่ยขึ้น...
“สองศพนี้ ไม่ใช่เจ็ทโด้ซอนเซงนีมทงมูกับจูยอนทงมูหรอกครับ ทั้งคู่อยู่ในห้องผ่าตัด” คำพูดของเขาฉุดทุกคนขึ้นจากหลุมดำ
“หือ!” ฉันเดินเข้าไปหาอย่างน้อยก็ยังมีความหวัง...
“สหายจูยอนอยู่ที่ไหน?
“อยู่ในห้องผ่าตัดกับเดวิดเซมครับ ท่านบอกว่าสหายจูยอนเคยเป็นคนไข้ของท่าน” คุณหมอพูดให้ความหวัง โล่งอกโชคดีที่มัจจุราชยังไม่ชักปลั๊ก
“เฮ้อ!” ฉันโล่งใจเดินไปดึงแขนซอนให้ลุกยืน...
“ยังมีหวัง โชคดีมากที่จูยอนให้เราชุบชีวิตพวกแพทย์ไว้ก่อน”
“ไป่ไป๋เจอหมอรึยัง?” ซอนนิ่งจนน่ากลัว
“ไม่ต้องห่วงยัยกระดูกเหล็ก ปาฏิหาริย์ชัด ๆ” พอรู้ว่าไป่ไป๋รอด ฉันเหมือนลอดผ่านอุโมงค์แห่งความเป็นความตาย เหมือนสูดลมหายใจแรกหลังขึ้นจากจมน้ำ ความกดดันที่ถาโถมเข้าใส่สลายไป
“แอนนาอนนี่! ฮือฮือ!” อีซูมินเดินร้องไห้เข้ามาสวมกอด
“เธอทำได้ดีแล้ว” ฉันลูบหัวเรียกขวัญ
“ไปหาไป่ไป๋อนนี่กันเถอะค่ะ ฮือฮือ”
“เอาสิ!”
ซูมินเดินเอาแขนเสื้อปาดน้ำตานำไปห้องพักคนป่วย กลุ่มสาวเสื้อแดงยืนออล้นออกมาขวางทางเดิน แสดงว่ายายเหน่งพักห้องนั้นแน่
“อันยองขอทางหน่อย!” ฉันร้องทักทั้งกลุ่มแหวกทางโค้งศีรษะเมื่อเห็นฉันกับอีซูมินเดินเข้าไป
“อันยองฮาเซโยแอนนาพันจังนีม อีซูมินพันจังนีม!”
ซูมินถามน้ำตานองหน้า...
“ไป่ไป๋เซมเป็นยังไงบ้าง?”
“หัวเราะได้แล้วค่ะ”
“ถ้าหัวเราะได้แล้ว สหายก็ช่วยกระจายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้วค่ะ พวกเราบาดเจ็บกันมากต้องการกำลังใจ” ซูมินเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกวัน
“เย่!” พอทั้งกลุ่มสลายตัว
ซูมินก็เปิดประตูร้องไห้จ้าวิ่งไปกอดยายเหน่ง...
“ฮือฮือ! อนนี่” ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ระงมความอดทนสิ้นสุด ฉันนั่งมองสองพี่น้องถ่ายทอดความห่วงใย
“หนูใจหายหมดเลย ฮือฮือ!”
ไป่ไป๋น้ำตานองหันมาชูแขนกว้าง...
“ฉันก็ดีใจที่ได้เห็นหน้าซูมินอีกครั้ง”
“ฮือฮือ! หนูกลัวมาก หนูกลัวว่าจะไม่ได้กลับมา” ลูกสาวของพวกเราเสียขวัญร้องไห้หนักมาก
“ซูมินจ๊ะ! เธอเป็นผู้นำต้องเข้มแข็งไว้ อย่าร้องไห้นะจ๊ะ! ฮึบ!ฮึบ!”
“หงึ !หงึ!” สาวน้อยสะอึกสะอื้น
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเสียใจ
“กลับไปที่บ้านแล้วเข้าไปเก็บ External harddisk สีแดงในห้องของดอกเตอร์ไว้กับตัวแล้วไปอยู่กับน้องแทนในหลุมหลบภัยในสวนหลังบ้าน รอจนกว่าฉันจะกลับมาเรียก ตกลงนะ!”
“แล้วอนนี่จะไปไหนกันคะ?”
“ทำหน้าที่ของตัวเอง ไปได้แล้ว!” ฉันตบไหล่น้องเบา ๆ ซูมินหมุนตัวเดินออก
ไป่ไป๋สะอื้นร้องสำทับตามหลัง...
“แวะไปเยี่ยมเซคยองให้ก่อนนะ” ไป่ไป๋เบะปากเตรียมร้องไห้ ฉันผวาเข้ากอดปลอบใจลูบหน้าลูบหลัง สาวสวยของฉันใบหน้าหมองเศร้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...
“ยายเหน่งเก่งมาก” ฉันทั้งสงสารและดีใจ
“เจี่ยเจี้ย! หนูไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว หนูกลัวไปหมดแล้ว” เธอไม่เคยถอดใจร้องไห้หนักขนาดนี้หรือไบโพล่ากลับมาอีกแล้ว
“มันผ่านไปแล้ว พระเจ้าคุ้มครองไม่ต้องกลัวแล้ว”
“หนูไม่ได้กลัวตาย หนูไม่อยากเห็นสงคราม”
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ทหารของเกาหลีจัดการได้”
“ไม่ใช่! เจี่ยเจี้ยอย่าทำเป็นไม่เข้าใจไปหน่อยเลย ฮือฮือ!”
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ นะ มีเรื่องอะไรคะ?”
“หนูไม่อยากให้แทนไป หนูกลัว”
“โถ!...อย่าคิดมากสิและอย่าคิดแง่ร้าย” การพูดอย่างนี้แสดงว่าเธอตั้งหลักได้และคิดล่วงหน้าไปแล้ว
“แทนไม่ต้องไปได้มั้ย?”
“ไม่มีผู้นำแล้ว แทนต้องทำหน้าที่นั้น อย่าทำให้เขากังวลใจ”
“เจี่ยเจี้ยใจดำไม่เคยสงสารหนูเลย ไม่รักหนูเลย หนูอดทนแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ”
“อ้าว! แล้วจะให้ทำยังไง?”
“ห้ามสิคะ! เจี้ยเจี้ยห้ามทุกคนได้ ไม่มีใครกล้าขัดใจแม่ใหญ่หรอก”
“ฉันทำไม่ได้” วันนี้ยายเหน่งงอแงมาก จิตใจคงสลายตั้งแต่อยู่ใต้กองอิฐ
“ฮือฮือ! เจี่ยเจี้ยไม่ทำต่างหาก หนูเชื่อใจเจี่ยเจี้ยนะคะอย่าไปรบเลย” เธอคิดล่วงหน้าไปไกลมากแล้วกำลังจะสติแตก
“ยายเหน่ง!...ตั้งสติ!” ฉันประคองใบหน้าหมองเศร้าเคล้าน้ำตาของเธอขึ้นมามองจ้อง...
“ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้รู้จักกับนาตาลีมันก็เปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอไปตลอดกาล ฉันคิดว่าเธอเข้าใจและยอมรับมันได้แล้วซะอีก เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าพวกเราไม่เหมือนคนทั่วไป”
“หนูไม่รู้ หนูไม่เคยสนใจพวกนั้น หนูแค่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ข้าง ๆกับพี่น้องทุกคน หนูมีความฝันอยากจะสร้างครอบครัวกับอนนี่กับแทน หนูมองแค่นั้น” เธอทำทุกอย่างเพื่อความรักโดยแท้
“พวกเรามีชะตาชีวิตร่วมกัน เธอจิตใจงดงามกว่าทุกคน พี่น้องของเราไว้ใจเธอมาก อย่าให้ความกลัวมาทำลายความเป็นตัวตนของเธอสิ ใช้ความฉลาดความเก่งไหวพริบดีของเธอ คิดหาทางช่วยกันดีกว่า”
“หนูไม่เอาแล้ว หนูไม่เคยอยากได้อยากดีกับการเมืองการปกครองบ้าบออะไรพวกนี้เลย หนูอยากอยู่กับทุกคนไม่อยากเสียใครไป ให้หนูไปขายของในตลาดนัดเลี้ยงทุกคนก็ได้ หนูทำได้ ฮือฮือ!”
“ไม่เชื่อใจแทนแล้วเหรอ?”
“ไม่เชื่อเลย! แทนไม่ใช่คนเก่ง ทุกครั้งที่เขาออกไปสู้กับทหารจีน หนูไม่เคยทำงานได้เลย หนูต้องเดินวนไปมาเหมือนคนบ้ากลัวว่าเขาจะได้รับบาดแผลหรืออันตรายอีก เวลาเสียงวิทยุดังหนูผวาทุกครั้ง เขาผ่านความโชคร้ายนั้นมาแล้วหนูไม่อยากให้เหตุการณ์เดิมกลับมาอีก”
“ไม่เชื่อใจซอนแล้วเหรอ?”
“หนูก็ไม่อยากให้ซอนไปรบ หนูเคยเชื่อใจเจ็ทโด้กับจูยอน แล้วเป็นไงล่ะ ทั้งสองยังเจ็บอยู่เลย เจี่ยเจี้ยคะลูกปืนนะคะ ฮือฮือ!”
“ทำไมถึงมองในแง่ร้ายขนาดนั้นล่ะ? ไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอก มันแค่หมาลอบกัด ซอนจัดการซีชานไปแล้ว”
“ซีชานตายแล้วเหรอ?” ดวงตาใสขึ้นมาเชียวนะ...
“แต่เมื่อกี๊พัคอนนี่ก็เข้ามาพูดแปลก ๆ เจี่ยเจี้ย! ดูพัคอนนี่ดี ๆ นะหนูคิดว่าต้องทำเรื่องใหญ่อีกแน่ ๆ ฮือฮือ!” เอ๊า! ร้องไห้ไปซะอีก
“ดอกเตอร์ใจสลายเข้าใจเธอด้วย”
“หนูก็สลายนะคะรู้สึกไม่ดีเลย ความตายของหนูดูด้อยค่ามากเหมือนว่าเธอต้องทำบางอย่างอีก หนูเชื่ออย่างนั้น” ยายเหน่งเป็นคนช่างสังเกตสายตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ยังไง?”
“ไม่รู้ค่ะ! แต่เธอไม่ใช่คนแบบนั้น เข้ามากอดหนูแน่นมากแล้วพูดแปลก ๆ เหมือนสั่งเสียแล้วก็ร้องไห้วิ่งออกไป” ยายเหน่งหายสะอื้นแล้วฟ้องเป็นชุด
“ร้าวใจน่ะ คนเสียใจมากจะเป็นอย่างนั้นแหละ”
“แต่หนูมีลางสังหรณ์ จริง ๆ นะ!” ไป่ไป๋ยังยืนกราน
“ฉันยังอยู่ทั้งคน จำไม่ได้เหรอฉันเคยสัญญาไว้ว่าอย่างไร มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เรามาเข้มแข็งผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปพร้อมกันเถอะ สิ่งที่จูยอนตัดสินใจยอมตายพร้อมลูกนั่นก็บ่งบอกแล้วว่าจะไม่มีการยอมแพ้ ฉันจะรับไม้ต่อจากเธอเอง”
“ฮือ!ฮือ! ทำไมใจเด็ดขนาดนั้นล่ะ ลูกทั้งคนนะคะ?” มีหลายเรื่องที่ไป่ไป๋ยังไม่รู้
ฉับลูบฝ่ามือน้องเบา ๆ
“ไป่ไป๋!...ในตัวของเธอมีหลายร่างใช่มั้ย ปรับโหมดเป็นร่างฮองเฮาสิคะ ใช้ร่างทองควบคุมและสั่งการ”
“พูดเป็นเล่นไปได้ ความเป็นความตายทั้งนั้นนะคะ
“ถ้าเราแพ้น้องจะไม่มีที่วิ่งเล่น สังคมจะโยนความผิดมาให้พวกเราและทั้งหมดทั้งปวงจะไปตกกับน้อง น้อง ๆ จะโดนตราหน้าว่าเป็นลูกของคนเลวและจะโดนย่ำยีใช้ชีวิตปรกติไม่ได้ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นและจูยอนก็รู้เหมือนกัน”
“งั้นเราก็แพ้ไม่ได้น่ะสิ?” สติของเธอกลับมาขยับท่าทางสนใจหายงอแงเป็นปลิดทิ้ง ยายเหน่งเป็นคนน่ารักคุยง่าย
“ไป่ไป๋!...ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจำคำพูดของฉันไว้นะว่า คนที่เก่งที่สุดในพี่น้องของเราคือเธอ อย่าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง มองหาโอกาสรอดเหมือนที่พวกเราเคยต่อสู้มา เมื่อเรามีผ้าห่มผืนเล็กกันหนาวไม่เพียงพอก็ต้องไปหาผืนใหญ่กว่ามาปกป้อง”
“หนูไม่เข้าใจ”
“คิดไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เข้าใจ ลืมโหมดพยาบาลไปก่อนตอนนี้ใช้โหมดฮองเฮา ใช้ท่านนายพลห่าวให้เป็นประโยน์จะช่วยสหายโกได้” ฉันคาดหวังว่าเธอจะเป็นตัวแทนของพวกเราถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยกับทุกคน
“ก๊อก!ก๊อก!”
“ไป่ไป๋!” แทนน้ำตาเลอะใบหน้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมซอน
“มาเลย มาเลย” ฉันโล่งอกที่เข้ามาได้จังหวะพอดี
“ซอน! แทน! มานั่งก่อน” ฉันกวักมือ
ไป่ไป๋รีบเช็ดน้ำตาปรับท่าทางใหม่หันไปยิ้มให้ทั้งสองคน
“ผลเอ๊กซเรย์เป็นยังไงบ้าง?” แทนเข้ามาสวมกอดลูบหลังยายเหน่ง
“ปลอดภัยทั้งสองคนค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เสียงใสขึ้นเชียวนะ
“ไม่เจ็บตัวเลยแน่นะ” ซอนใบหน้าเครียดถามย้ำ
“แน่สิคะ! เดี๋ยวหนูก็ลุกไปช่วยงานแล้ว” เธอเก็บอาการได้สนิท
“เก่งมาก” แทนจุ๊บหัวเหน่ง
ฉันยังมีเรื่องที่สงสัยมากมายเข้าไปดึงแขนของแทนแล้วหันไปสั่งซอน...
“ป๊า! อยู่คุยกับยายเหน่งนะ ฉันไปทำธุระกับแทนแป๊ป!”
“เย่!”
“ยายเหน่ง! ไฟท์ติ้ง!” ฉันจ้องหน้าส่งสายตาให้กำลังใจ
เธอปากจู๋...“เดี๋ยวเจี่ยเจี้ยแวะมาใหม่นะ!”
ฉันลากแขนของแทนเดินผ่านหน้าห้องผ่าตัด ได้แต่ชะเง้อคอส่งพลังใจให้พี่ทั้งสองคนสู้กับความเจ็บปวด ในยามที่หาทางออกไม่ได้พระเจ้ามักแวบเข้ามาในหัวทุกครั้ง เมื่อมีสิ่งที่หาคำตอบไม่ได้ก็โยนไปให้พระเจ้าก่อน
ตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่สุดรออยู่ ฉันต้องจัดการกับเจ้ายักษ์นี่ก่อน...
“คุณคิดจะตอบโต้มั้ย?” ฉันเดินนำพาไปกลางโรงพยาบาล
“ผมไม่เคยชอบการใช้กำลังไม่เคยคิดจะทำสงครามและไม่เคยคิดอยากจะเป็นทหารด้วย ทำไมเหตุการณ์ต้องบีบให้ผมเดินมาถึงจุดนี้?” เขาเป็นคนจิตใจดีไม่เคยหาเรื่องใครมีแต่หยิบยื่นไมตรีให้ทุกคน ยากที่คนแบบนี้จะเป็นผู้นำทหารไปเข่นฆ่าศัตรู
“จักรพรรดิไร้บัลลังก์มีมากมาย แต่บัลลังก์ไร้จักรพรรดิไม่ได้แม้แต่วันเดียว กองทหารต้องมีผู้นำ คุณต้องยึดอำนาจ!”
“ฮ๋า! ยึดอำนาจเลยเหรอ?” เขาเสียงสูงปรี๊ดตาเหลือก
“เบา ๆ สิ!” ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่เอาด้วยแน่ คนที่ต่อต้านรัฐประหารไม่คิดเรื่องนี้ในใจแน่
“นั่นเป็นสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด ผมไม่ทำ!” เขาสวนโดยไม่คิดสักนิดอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน
“ถ้าคุณไม่ทำ ความคิดของประชาชนจะแตกแยกแล้วจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่คุณและจูยอนช่วยกันคิดทำไว้จะจางหายไปทันที อย่ามองข้ามความโลภในใจคน” ต้องกระตุ้นต่อมนักกิจกรรมด้วยมวลชน
“ผมไม่ทำได้มั้ย ให้พี่ซอนทำเถอะ?”
“คุณกลัวอะไร?” ฉันพูดขนาดนี้แล้วยังลังเลอีก
“ที่นี่เป็นบ้านเมืองของเขา ผมมาเพื่อช่วยไม่ได้มาเพื่อยึดครองเสร็จงานผมก็กลับ” กลิ่นทุ่งลาเวนเดอร์ฟุ้ง โลกสวยเหลือเกินนะพ่อหนุ่ม
“แต่คุณยังทำงานไม่เสร็จ คุณยังช่วยพวกเขาไม่พ้นน้ำเลย ถ้าคุณไม่มีอำนาจจะนำพาพวกเขาหลุดพ้นได้ยังไง คุณก็รู้จักเกมการเมืองดีนี่นา...คนดีกลายเป็นคนร้ายได้แค่พลิกฝ่ามือ คุณเคยเจ็บปวดกับมันมาแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าลืมสิว่า แค่คุณคิดดีไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะคิดตาม”
“แต่ให้คนอื่นเป็นก็ได้”
“ใช่! แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่จะปล่อยมือ อย่าลืมนะ! ประชาชนต้องการคนปกป้อง ถ้าคุณไม่ทำแล้วใครจะทำ” จี้จุดกันไปเลย
“ผมไม่ได้อยากเป็นนักปฎิวัติ”
แหม!...พูดเต็มปากเลยนะ ชักหมั่นไส้แล้วสิ!...
“แทนตื่น ๆ ...สิ่งที่คุณกับจูยอนทำอยู่ตอนนี้น่ะ เขาเรียกว่าการปฎิวัติ คุณกับจูยอนเป็นนักปฎิวัติรู้ตัวซะด้วย”
“อ้าวเหรอ? แต่ผมไม่ได้อยากเป็นผู้ปกครองนะ” เขาซื่อดีจริง ๆ ถ้าเป็นซอนมาตอบอย่างนี้คงโดนต่อยทรุดไปแล้ว
“อย่าลืมสิ! คุณเป็นคนบอกเองนะว่ามีสายลับและมันก็ลงมือทำสำเร็จไปแล้วด้วย” ฉันรู้ว่าคนที่มีความรับผิดชอบจะไม่ทิ้งงานกลางทาง
“............” แทนยืนลูบคางใช้ความคิด
ทันใดนั้นเด็กเสื้อเหลืองวิ่งผ่านหลังร้องไห้จ้า...
“เอาออมม่าของกูคืนมานะ ออมม่า! ฮือฮือ!” เสียงแผดร้องของการสูญเสียกัดกินใจ เด็กชายเสียแม่วิ่งขาดสติออกไปด้านหน้าโรงพยาบาล
“ซุกอึน! ลีซุกอึน!” แทนตะโกนตามแต่น้องไม่ได้ยินวิ่งน้ำตาแตกออกไป
“รู้จักกันเหรอ?”
“เขาเป็นคนให้เบาะแสสายลับครับ แต่คุณเจอตัวมันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ซะที่ไหนล่ะ! เขาเอาตัวรับกระสุนแทนจูยอน ดีนะที่ฉันไม่สั่งให้ซอนยิงเขาก่อน ไม่เช่นนั้นสาหัสกว่านี้อีก”
“..............” เขาลูบคางกะพริบตาถี่ ท่าทางแบบนี้ที่นาตาลีเกลียดนักหนา...
“ถ้าจะยึดอำนาจต้องทำยังไง? เริ่มจากใครก่อนครับ?”
อ่ะฮ้า! เข้าล็อก
“คิมจุนซอง”
“ฮ้า! ไม่เอา...เกรงใจคุณลุง” เขาถอยหลัง 1 ก้าว
“มานี่อย่าคิดมาก” ฉันลากแขนช่วยตัดสินใจ
......................................................................
ลานด้านหน้าโรงพยาบาล...
พื้นลานน้ำนองหลังฝนกระหน่ำ ชาวบ้านนั่งก้มหน้าภาวนาน้ำตาอาบแก้มทุกดวงใจโดนบีบจนแหลกสลาย
“สหายจูยอนกลับมานะ เรายังต้องการสหาย” สหายอาจุมม่าตีอกชกตัวร้องไห้จ้า ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความรักกับเธอ ที่ผ่านมาฉันสังเกตว่า พวกผู้ใหญ่เหล่านี้ช่วยกันดูแลลูกสาวมากกว่า
“ฉันขอโทษที่ตามสหายกลับมา ถ้าสหายไม่กลับมาเป็นผู้นำ สหายคงไม่ต้องตกเป็นเป้าหมายอย่างนี้” ท่านร้องไห้เกลือกกลิ้งลงกับพื้น บรรยากาศหดหู่ร้าวใจ
“ฮือฮือ!” เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวนั่งคุกเข่าร้องไห้คอตก
ฉันมองหาเป้าหมายแล้วสะกิดแทนให้หันไปมองที่ลานหน้าบันไดด้านขวา กลุ่มสหายสูงวัยยืนก้มหน้าเรียงแถวตอน สหายคิมจุนซองนั่งคุกเข่าหน้าแถว
“คุณเข้าไปบอกเขาว่าคุณจะทำสงคราม ฉันจะสังเกตท่าทางของเขาเอง”
“หือ! แค่นี้ก็ยึดอำนาจได้แล้วเหรอ?” เขาตาโตใส่
“แค่นี้แหละ! ถ้าเขาคิดร้ายกับคุณ เขาจะไม่มีวันยอมให้อำนาจทหารอยู่ในมือคุณ”
“เย่!” แทนเดินเกาหัวลงไปท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงม
“ผมขอโทษ! ผมขอโทษ! ผมขอโทษ!” กลุ่มของสหายคุณลุงคิมจุนซองคุกเข่าโขกศรีษะกับพื้นอย่างขาดสติ…
“ผมประมาทเอง ผมผิดคนเดียวลุกมาลงโทษผมเถอะ” ชายชราผู้เป็นเพื่อนแท้ของจูยอนร้องไห้อ้อนวอน ทีมของท่านอีกกว่าร้อยชีวิตนั่งคุกเข่าก้มหน้า /อีกเดี๋ยวจะได้รู้ว่าการร้องไห้นั้นของจริงหรือปลอม/
แทนเดินโย่งเข้าไปหา...“สหายลุกเถอะ!”
พอได้ยินเสียงของแทน เขาก็สติหลุดร้องไห้เสียงดังขึ้น....
“ฮือฮือ! ผมจะรอจนกว่าทั้งสองคนจะกลับมา” เขาลนลานหมุนตัวก้มโขกหัวรัว...
“เซมครับผมขอโทษ! ผมขอโทษ! ผมขอโทษ!”
ฉันดูจากท่าทางความสำนึกผิดจากใจของเขาแล้วยังไม่พบพิรุธ ชายชราทุกคนเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีถ้าไม่รู้สึกผิดจริง ไม่มีวันยอมคุกเข่าโขกหัวจนเลือดท่วมหน้าให้เด็กรุ่นลูกแน่นอน
“คนที่รุกรานต่างหากที่ผิดอย่าโทษตัวเองเลย เราต่างก็สูญเสียคนที่รักเหมือนกัน สหายลุกขึ้นยืนมองฟ้ากันเถอะครับ” แทนดวงตาแดงก่ำเศร้าไปกับเขาด้วย
“ถ้าผมไม่ตัดไฟฟ้าเหตุการณ์นี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ฮือฮือ! ผมผิดเอง ผมผิดคนเดียว”
“ถ้าสหายไม่ลุกขึ้นชาวบ้านจะยิ่งเสียขวัญนะครับ ผมจะทำสงครามกับจีน” แทนเอ่ยประโยคสำคัญออกไป ฉันจ้องไม่กะพริบ
“หือ! สหายจะโจมตีจีนเหรอ?” เขาลุกยืนไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที ไฟแค้นในดวงตาลุกโชน /ฉันรู้สึกพอใจ เขา...ยังคงเป็นคิมจุนซองคนเดิมที่จูยอนไว้วางใจ/
“ใช่ครับ!”
สหายคุณลุงหันไปด้านหลังสั่งการทันที...
“สหายทุกคน! ถึงเวลาที่จะได้พิสูจน์ตัวตนแล้ว เราจะทำสงครามกับจีน”
“อาจอชี่ทงมูนีม!...” ลูกทีมลุกเข้ามาห้อมล้อม
สหายคิมจุนซองคำรามเสียงกร้าว...
“เราจะสนับสนุนนินจาเซมทำสงครามอย่างสุดกำลัง สหายพาชาวบ้านหลบให้ปลอดภัย และถ้านินจาเซมร้องขออะไรจงทำสิ่งนั้นทันที ไปจัดการได้เลย!”
“เย่!” เสียงตอบรับดังสนั่น /ฉันโล่งอกที่ผ่านด่านแรก/
สภาพอิดโรยของคุณลุงผู้โอบอ้อมไม่ต่างจากพ่อผู้สูญเสียลูกสาวการทิ้งตัวร้องไห้คงมาจากหัวใจที่แหลกสลาย ความสำนึกเสียใจโหยหาจะเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่เป็นผู้มอบความรักและผูกพันด้วยใจบริสุทธิ์กับสิ่งที่จากไป
แทนจับหัวไหล่ของเขาเขย่าเบา ๆ...
“สหายต้องรักษาจิตใจนะครับ ก่อนที่ร่างกายจะป่วย”
“ฮือฮือ! ถ้าสหายจูยอนไม่กลับมาผมจะชดใช้ได้อย่างไร ชีวิตของผมทดแทนไม่พอ” เขาสุดกลั้นโผเข้ากอดแทนแล้วร้องไห้โฮหัวใจของเขาพังทลายลงไปแล้ว
“สหายไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ อย่าโทษตัวเองเลยครับ”
“ผมตั้งใจจะทำงานกับสหายจูยอนจนวันสุดท้ายของชีวิต ผมหวังว่าก่อนตายเกาหลีจะได้ผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่ ผมทุ่มเทเพื่อให้งานราบรื่นเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเอาเธอไปเปรียบเทียบกับใคร ไม่ต้องการให้ใครตำหนิเธอ ฮือฮือ!” ชายชราสะอื้นพรั่งพรูความปรารถนาภายในใจ
“ผมทราบครับและสหายจูยอนก็รับรู้เรื่องนี้ เธอรักและศรัทธาสหายอาจอชี่มากนะครับ ถ้าเธอรู้ว่าสหายอ่อนแอคงไม่สบายใจ อย่าทำให้เธอไม่สบายใจเลยครับ” แทนน้ำตาคลอพูดกับผู้ใหญ่อย่างสุภาพ
“ผมให้อภัยตัวเองไม่ได้ที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในอันตราย ผมขอนั่งสำนึกผิดตรงนี้” ท่านทรุดตัวก้มหน้าแล้วไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีก
“แทน!” ฉันกวักมือเรียกเขากลับเปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งปลอบใจ อารมณ์ของเขาดิ่งลงในความมืดมนทุกคนต่างก็บาดเจ็บปวดใจเหมือนกัน
แต่...
“เอ๊ะ!” สายตาเหลือบไปเห็นรองเท้าดำขอบขาวผูกเชือกรองเท้าสีขาวที่เท้าของคิมจุนซอง สะดุดใจเอียงตัวไปกระซิบ...
“แทน! ดูที่รองเท้าของจุนซองสิ”
“หือ!” เขาหันไปแล้วหันกลับมาสบตา...
“เอาไงดีครับ!”
“เดี๋ยวหาคนตามประกบ เฉยไว้ก่อน” จากที่อารมณ์อ่อนไหวไปกับบรยากาศของการสูญเสีย ฉันรีบสลัดหัวมองใหม่คิดใหม่
เสียงวิทยุเรียกเข้ามา...
“ม้ามาหาหน่อย ป๊าอยู่โซฟากลมกลางโรงพยาบาล”
“ไปหาซอนด้วยกัน” ในหัวของฉันโดนกวนใจจากเบาะแสอีกแล้ว
“ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!” ความโกลาหลภายในยังไม่ลดลง เด็ก ๆ ยังคงวิ่งวุ่น เสียงตะโกนเร่งดังตลอดเวลา
ซอนกวักมือเรียกให้ไปหาที่โซฟาสีม่วงกลางโรงพยาบาล เด็กชายหญิงที่นั่งล้อมวงค่อย ๆ ลุกถอยออกไป...
“นาตาลีไปไหนเรียกวิทยุไปหลายครั้งแล้วไม่ตอบ?” เขาถามเรียบ ๆ ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ…
“ร้องไห้หลับไปแล้วมั้ง ช้ำใจมากขนาดนั้น”
“แทน!...กูรอคำสั่งจากมึงอยู่นะ” ซอนเสียงเข้ม
“ขอผมคิดหน่อยนะครับพี่”
“กูกำลังโดนไฟเผาใจ กูอยู่ที่นี่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก อยู่ที่มึงตัดสินใจว่าจะให้กูไปคนเดียวหรือจะให้กองทัพเดินตามหลังกู” แก้มของซอนเป็นสันนูนจากการกัดฟันเครียดแค้น /นี่คือเหตุผลที่ฉันต้องยึดอำนาจ/
“พี่ไปดูแลเดอะแก๊งไว้ก่อนนะครับ ผมขอตัวไปค่ายโชซอนก่อน แอนนาไปกับผมหน่อยครับ” เขายังสับสนอึดอัด ในสถานการณ์อย่างนี้ก็พะวักพะวงเป็นธรรมดา
ฉันเข้าไปกอดซอนอย่างเข้าใจ สภาพจิตใจของเขาสาหัสกว่าสหายคิมจุนซองหลายเท่า เจ็ทโด้เป็นเทพเจ้าที่เขายอมสละทุกอย่างโดยไม่ลังเล แต่ความแค้นและความโกรธไม่สามารถชนะสงครามได้ หมากเดินมาใกล้จะจนกระดาน ถ้าแก้เกมไม่ได้ก็พ่ายหมดรูป
“ป๊าช่วยฉันหน่อยนะคะ ไปเรียกรวมเดอะแก๊งไว้ก่อนเด็ก ๆ กำลังสับสน” ฉันกอดเขาด้วยความรู้สึกห่วง คงไม่มีใครห้ามการตัดสินใจของเขาได้แน่
“คืนนี้นอนกับลูกกันนะ” พอเขาบอกอย่างนี้ฉันยิ้มออก
“รักป๊านะ” ฉันหอมแก้มลึกสุดใจแล้วหันหลังกลับเดินนำแทนออกไป
“มินอาเรียกนินจาเซม!”
“เย่! ว่ามา”
“ผมเห็นสหายผู้บัญชาการขับรถยนต์เร็วมากไปทางชงบุล ทำไมไม่มีทหารติดตามล่ะครับ?”
“แน่ใจนะ?”
“แน่ใจครับ”
ฉันได้ยินแล้วปวดหัวตึ้บ ถ้าใช่...แผนของฉันพังทลายแน่ นาตาลีคิดไม่เหมือนใครอยู่แล้วถ้าตัดสินใจแล้วใครก็ห้ามไม่ได้ ไอ้รองเท้าดำคาดขาวก็กวนใจให้ขุ่น ศึกนอกศึกในมาประชิดคนสนิทแปรผัน อำนาจและเงินตราสามารถเปลี่ยนใจคนได้ทุกเสี้ยวนาทีเพิ่มความยากในการระวังตัว
.....................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |