หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 20 ต.ค. 2568 |
เกาหลีเหนือ
มุมมองสายตา ซอน
ริมแม่น้ำยาลู่แนวชายแดนตะวันตกติดกับจีน...
เมื่อแรงกดดันถึงขีดจำกัดทางเลือกสุดท้ายของผู้ที่ถูกกดขี่คือต้องปลดปล่อยตัวเองออกจากทุกกฎที่มนุษย์สร้างขึ้น การตอบโต้ด้วยกำลังจึงเป็นทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทุกอย่าง ตะเข็บชายแดนรอยต่อจีน-เกาหลีเหนือเหลืองอร่ามไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นกับมอเตอร์ไซด์คู่ใจของเขา ผมยืนมองลูกศฺษย์อย่างชื่นชมและขมใจไปพร้อมกัน
“แว๊น!แว๊น!แว๊น!” วัยห้าวฮึกเหิมรอคำสั่งข้ามสะพานรถไฟจากชินอุยจูเข้าฝั่งจีนท้ายแถวยาวสุดสายตามืดฟ้ามัวดิน วันนี้มณฑลเหลียวหนิงจะตื่นขึ้นมาพบกับความกลัวสุดชีวิต ความกลัวเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้และเพื่อความเป็นธรรมผมจะจบมันลงด้วยความกลัวเช่นกัน
ผมไม่ได้มีคุณธรรมเหมือนกับพี่ชายไม่ได้ใจดีขาวใสเหมือนเจ้าแทน ผมอยู่อย่างสงบได้เพราะเมียบังคับให้ดูแลน้อง ๆ จิตใจอ่อนโยนลงได้เพราะลูกชาย การโจมตีครั้งนี้ผมมีเหตุผลเดียวคือ แก้แค้น
เมื่อแสงสีฟ้าผันเปลี่ยนเป็นสีส้มในยามอรุณรุ่งเป็นสัญญาณของกาลผันเปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวันจากปัจจุบันไปสู่อนาคต ผมจะเดินตามตะวันจนกว่ามันจะลับไปเป็นอดีต...
“ยึดเหลียวหนิง!” ผมประกาศสงครามครั้งสุดท้ายของยุคสมัย
“หวือ!” กลุ่มเด็กชายสวมกล้องยืนข้างมอเตอร์ไซด์ของตนปล่อยโดรนขึ้นบิน
“วี๊ด!...” เสียงนกหวีดปลุกทุกชีวิตจากหลับใหลโดรนพุ่งไปด้วยความเร็ว
“ตามไป!”
“แว๊น!....” หัวแถวยกล้อพุ่งทะยาน
พลังของวัยรุ่นเกินจินตนาการยากจะหยุดยั้งทั้งสร้างสรรค์และทำลายในคนเดียวกัน เป็นสิทธิ์เฉพาะวัยเท่านั้นที่ทำได้
“ทีม 1ไปทางซ้ายเข้าตานตงยึดอาคารสูงที่มีจอภาพทั้งหมด”
“ทีม 2 ตามไปให้ถึงเมืองชายทะเลต้าเหลียน”
“ทีม 3 ตรงไปเข้าเสิ่นหยาง”
ผมต้านทานเสียงร้องขอจากพวกเด็ก ๆ ไม่ไหวและผมก็อยากลองของด้วย การตัดสินใจครั้งนี้เดิมพันด้วยชนชาติเกาหลีถ้าไม่ลุกขึ้นสู้ในวันนี้พรุ่งนี้ก็โดนโจมตีอยู่ดี ถือว่าสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายผมได้ล้างแค้นเด็ก ๆ ได้ปกป้องแผ่นดิน
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” ฝูงเฮลิคอปเตอร์พาเดอะแก๊งไปปล่อยที่ฉางชุนและเมืองชายแดนจีนทางทิศเหนือของเกาหลี เพื่อป้องกันการโจมตีดัดหลัง
“ทีม 9 ไปเมืองอันซาน”
“แว๊น!แว๊น!แว๊น!” ทีมเสื้อเหลืองกระจายตัวไปตามถนนเข้าสู่ผืนแผ่นดินมังกรยั้วเยี้ย
“บ๊กซู!...”
“เย่!” เขากำลังโบกมือไล่เพื่อน
“สหายยืนส่งเพื่อนจนถึงคนสุดท้ายแล้วกลับเข้าเตรียมชุดที่ 2 ไว้เราจะเข้าไปใช้บริการรถไฟฟ้าของจีน”
“เย่!...” ซนบ๊กซูเป็นหัวหอกสำคัญในการรบครั้งนี้
ผมหันไปมองทหารหนุ่มน้อยหน้าอ่อนนักบินเฮลิคอปเตอร์ที่ฐานส่งมากับทหารหนุ่มเจ้าเนื้อตุ้ยนุ้ยสวมแว่นสายตายืนอกตั้ง ทหารใหม่เสื้อผ้าไม่เข้าที่เข้าทางพุงดันเสื้อหลุดลุ่ย
“สหายรายงานตัวด้วย!” ผมเข้าไปตบไหล่นักบินสูงเพรียวหล่อเหลา
“ชุงซอง! นักบินฝึกหัด! ฮัน! ยู! ริม! กองบินปีกหมุนจากค่ายชินอุยจูอิบนิดะ!” นักบินยืดอกคอตั้ง
ผมหันไปหาทหารอีกนายที่ดูไม่เหมือนทหาร เขาเหมือนคุณหนูใบหน้ากลมแก้มยุ้ยตาหยีแต่งชุดคอสเพลย์ทหารถือกล้องบันทึกภาพพะลุงพะลัง เห็นเขาแล้วก็คิดถึงคังแทจุนของผมที่เกาหลีเหนือนอกจากอดีตผู้นำแล้วคงจะมีแต่เจ้าสองคนนี้แหละมั้งที่อ้วน แต่ไม่ได้อ้วนเพราะมีกินหรอก เขาเป็นโรค
“ตากล้อง! แพ็ค! ฮเย! ยอง!” ยืดอกคอตันเชียว
“สหายยิงปืนเป็นมั้ยเนี่ย?” ผมเข้าไปจัดปกเสื้อให้
“เป็นครับแต่ไม่เก่ง ผมชอบถ่ายภาพ เก่งเรื่องตัดต่อภาพมากกว่าครับ”
“กลัวมั้ย?” ผมดึงปีกกระเป๋าเสื้อมากลัดกระดุมให้เขา
“ตอนนี้ตื่นเต้นมาก ยังไม่กลัวครับ”
“งั้นไปกันต่อกันเถออะ” ผมเดินไปขึ้นเครื่อง KAI LAH (Light Armed Helicopter) เห็นเครื่องบินแล้วแอบคิดในใจ...นี่ขนาดนักบินฝึกหัดยังได้ใช้ของดีขนาดนี้ เจ้าแทนคงไปโขมยของเกาหลีใต้มาแน่ ๆ
ตากล้องแพ็คหอบของพะลุงพะลังวิ่งตามมา...
“เมื่อกี๊ผมกับพลทหารฮันเอามอเตอร์ไซด์ไปโฉบได้ภาพอย่างโหดมาเพียบเลย เซมจะไปที่ไหนต่อครับ?” เจ้านี่ดื้อใช้ได้ทีเดียว
“เมืองมันโป สหายเก็บภาพออกมาให้สวย ๆ เลยนะ ตัดต่อให้สัก 10 EPแล้วส่งกลับฐาน”
“เย่!”
................................................................................................................
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เฮลิคอปเตอร์บินเรียดลำน้ำยาลู่ขึ้นสู่ทิศเหนือ ผมส่องกล้องมองขึ้นฝั่งจีนเสียงนกหวีดจากลำโพงเข้าควบคุมพื้นที่ไปไกล เด็กเสื้อเหลืองกับมอเตอร์ไซด์ของเขากระจายตัวพุ่งทะยานไปตามถนน
ชายแม่น้ำ...คังซอจิน นายทหารผู้คุมชายแดนฝั่งตะวันตกยืนบนหลังคารถบรรทุกทหารโบกมือไล่เดอะแก๊งข้ามไปเมืองตงหัวของจีน
“สหายไม่ต้องกลัวพวกเราจะคอยปกป้องท้องฟ้าให้เอง เจอกันอีกครั้งที่บ้านนะสหาย” รุ่นใหญ่ให้กำลังใจรุ่นเล็กยิ่งห้าว
“แว๊น!แว๊น!แว๊น!...” เด็ก ๆ ฮึกเหิมหนักทุกคนทะยานไปด้วยสายตามุ่งมั่น
“สหายนำความหวังออกไปแล้วจงพาชัยชนะกลับมา เราเชื่อใจสหาย!” ซอจินชูกำปั้นกระตุ้น
นายทหารคนนี้เคยช่วยชีวิตของผมกับเมียไว้เมื่อคราวที่โดนทหารจีนไล่ต้อนหนีเข้ามาเกาหลีครั้งแรก เขาเติบโตในหน้าที่การงานได้รับความไว้วางใจจนได้เป็นผู้คุมทหารฝั่งตะวันตก
“นักบินโฉบเข้าไปหน่อยสิ”
“เย่!”
“ซอนเซมเรียกผู้กองคังซอจิน”
“เย่! คัง! ซอ! จิน!”
“ผมอยู่บน ฮ.หันกลับมาสิ!”
เขาหันมายิ้มแล้วยืนยืดอกทำความเคารพ เท่มาก...
“ชุงซอง!”
“มีปัญหาอะไรมั้ย?”
“ผ่านตลอดครับไม่มีปัญหา ทหารและเดอะแก๊งเข้าควบคุมค่ายฉางชุนได้แล้วแต่ยังเข้าฐานยิงขีปนาวุธไม่ได้ครับ”
“โอเค! ถ้าเด็กข้ามหมดแล้ว สหายเตรียมตัวสนับสนุนทางอากาศด้วยนะครับ ส่วนฐานยิงขีปนาวุธที่ฉางชุนทางฐานกำลังหาวิธีจัดการ”
“ทหารเข้าประจำแท่นปืนยิงต่อต้านอากาศยานแถบตะวันตกเรียบร้อยแล้ว ผมพร้อมมากครับ!”
“คัมซามนิดะทงมู!! ” ผมไม่อยากก้าวก่ายทางทหาร แค่ขอยืมตัวมาใช้ชั่วคราว
ก่อนที่เครื่องบินจะเลยลับผมหันกลับไปมองทีมมอเตอร์ไซด์วัยรุ่นกับเป้สะพายหลังก้มหน้าหมอบพุ่งทะยานไปข้างหน้า ทุกคนมีเพียงหัวใจกับความเชื่อที่เหมือนกัน... เราทำได้
“พี่ซอน” เจ้าแทนเรียกมา
“เย่!”
“ทำไมพี่ไม่โจมตีเฉพาะค่ายทหาร?” ผู้นำสูงสุดเสียงเขียวมาเลย
“เราจะแพ้ก่อน” ผมตอบอย่างใจเย็น
“แต่ไม่มีใครบ้าทำอย่างนี้นะ ผมไม่เข้าใจ!”
“ไอ้หวังฉวนไง! บ้ากว่ากูอีก วัคซีน Tame 26 ทำขึ้นมาเพื่อควบคุมคน ผลลัพท์สุดท้ายก็จะเป็นเช่นนี้ไม่ว่าวัคซีนจะอยู่ในมือของใคร”
“ช่างมันสิ! เราไม่ได้เลวแบบนั้นซะหน่อย” เขาสวนอย่างไม่ลังเล คนแบบนี้เหนื่อยทั้งชีวิตเข้าใจแต่คนอื่น
“มึงมีวีธีที่ดีกว่ามั้ย กูจะสั่งให้เด็กกลับ?”
“ส่งทหารเข้าไปโจมตีค่ายของมันใช้เวลาหน่อยก็ไม่เป็นไร เราต้องรบด้วยเกียรติของทหาร”
“มึงมีทหารเท่าไหร่? อาวุธของมึงมีเท่าไหร่? เสบียงมึงมีเท่าไหร่? ต้องใช้เวลากี่ปี? ใครจะยื่นมือมาช่วยถ้ามึงแพ้? ถ้าต้องหนีอีกครั้งมึงจะหนีไปที่ไหน?”
“ไม่รู้?” ผบ.สูงสุดเสียงเบามาก
“แล้วมึงจะสนอะไรอีก! ถ้ามันทำได้กูก็ทำได้! ผิดตรงไหนวะ?” ต้องให้ขึ้นเสียง
“แต่ผมรู้สึกผิดในใจ พลเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยสักนิด”
อ้าว! แล้วมึงพูดให้กูรู้สึกผิดทำไมเนี่ย?
“เออไอ้คนดี! มึงรบให้ชนะก่อนเถอะแล้วค่อยสำนึก ทีกะเกาหลีเหนือมึงยังไม่สำนึกกันเลย สองมาตรฐานว่ะ!” ผมล่ะขำ! มันกับจูยอนล่อซะกองทัพของประธานคิมเจ๊งบ้งไปเลย
“แต่ผมก็ห้ามจูยอนเหมือนกันนะ ผมไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดหรอก” เขาบ่นหงุงหงิง
เจ้าแทนเป็นคนใจอ่อนใจดีจนพี่น้องเห็นพ้องต้องกันว่า เขาไม่เหมาะกับการเป็นนักรบเลยแต่เขาเข้าเกาหลีมาในมาดของนักรบก็ต้องปล่อยให้เดินไปแบบนั้น
“แทน!..วางคุณธรรมลงก่อน นี่คือภารกิจ Call of duty” ผมเตือนสติน้องชาย....
“หน้าที่ต้องแยกออกจากความรู้สึกอื่นใด มึงอาจเลือกที่จะกระทำการด้วยเหตุผลอันเป็นเท็จ เหตุผลที่น่ารังเกียจ เหตุผลที่เลวร้ายหรือความใจร้ายล้วน ๆ แต่หน้าที่จะบังคับให้มึงทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยปราศจากความกลัวการลงโทษ ปราศจากความหวังในรางวัลลาภยศสรรเสริญหรือเหตุผลอื่นใดนอกจากการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ การได้ยินเสียงเรียกร้องแห่งหน้าที่คือการรู้ว่าสิ่งใดควรทำ ด้วยเหตุผลอันสูงส่งที่สุด” ทหารรับจ้างทุกนายจะคุ้นชินกับคำสั่งนี้และปฎิเสธไม่ได้
“เย่!”
“สหายที่มึงฝึกมาทุกคนต้องได้กลับบ้าน เราไม่ได้รบเพื่อชาติแต่เรารบเพื่อปกป้องประชาชน เพื่อความถูกต้องชอบธรรมและก้าวไปสู่โลกเสรีปลดแอกให้มวลมนุษย์ชาติ!” ผมต้องฝืนใจหยอดคำเลี่ยน ๆ พวกนี้ให้กับไอ้อดีตนักประท้วง
“ครับพี่!” เสียงดังเลยนะมึง
“I will survive. พูดสิ!” ผมต้องระเบิดหัวของผู้นำสูงสุดก่อน
“I will survive.” เสียงเบาหวิว
“ดังอีก!”
“I will survive!.”
“เออ! จำไว้...กูจะรอดและมึงต้องรอด ไปบัญชาการรบให้ดี แค่นี้นะ!”
..........................................................................................
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!...”
เครื่องปีกหมุนพาลัดฟ้ามาถึงเมืองกันพยองชายแดนทิศเหนือ ทีมทหารกำลังเคลื่อนที่ประชิดชายแดนหลังจากทีมเดอะแก๊งข้ามไปหมดแล้ว
“ซอนเซมเรียกอีจองอัก!”
“เย่!อี!จอง!อัก!”
“มีปัญหามั้ยสหายผู้กอง?”
“ไม่มีครับ ผมส่งข้ามไปเหยียนเปี่ยนและให้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งที่ฮาร์บินด้วยครับ”
ผมปิดพื้นที่การโต้คืนทางภาคพื้นดินรอบทิศด้วยโล่มนุษย์ Soulless...
“ดีมาก! ผมรบกวนสหายแค่นี้นะ ต่อไปสหายรอคำสั่งจากฐานนะครับ ผมจะเข้าจีนไปดูเด็ก ๆ”
“เย่! เซมระวังตัวด้วยครับ!”
ผมหันไปสั่งนักบิน...“นักบินฮันไปเก็บภาพพวกเลื่อนลอยตามชายแดนกัน ผมจะเริ่มปฎิบัติการแล้ว”
“เย่!” นักบินโฉบเอียงลำ เสียงวิทยุดังขึ้น...
“ฐานเรียกซอนเซม”
“เย่!” ทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงของเจ้าแทนจะรู้สึกอุ่นใจมากเพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งผม
“จีนรู้ตัวแล้วพี่ พวกมันติดต่อกลับมาแล้วครับ”
อย่างที่ผมคาดไว้...
“คุยกับหวังฉวนคนเดียวเท่านั้น!”
“แต่ที่ติดต่อมาเป็นนายทหารทั้งนั้นเลยจะทำไงกับมันดี?”
“กวนตีนใส่ได้เลยไม่ต้องให้ราคากับคนที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ การเจรจาทุกอย่างให้ไป่ไป๋จัดการเครื่องกูจะเข้าจีนแล้ว แค่นี้นะ!” ผมมองเห็นแม่น้ำยาลู่ด้านล่างแล้ว
“เดี๋ยว!”
“มีอะไร?”
“พี่ถล่มฉางชุนยังไงบอกผมหน่อยสิ?” ไอ้นี่สงสัยไม่เลิก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! กูไม่บอกแค่นี้นะ!” ผมวางสายแล้วสั่งนักบิน...
“นักบินฮันไปตานตงกัน”
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!”
เครื่องบินลัดผ่านเกาหลีลงทิศใต้มุ่งสู่เมืองชายทะเลเหลืองของจีน ถนนในเมืองด้านล่างกลุ่มมอเตอร์ไซด์แล่นผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์ประธานเหมาเจ๋อตงกลางเมืองเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อยมาได้ไกลกว่าที่คาด
“Messiah! Messiah! Messiah!” ผมแปลกใจที่ยังได้ยินเสียงความอึกทึกและความโกลาหนสับสนวุ่นวาย
“เซมครับ! เรือลำโพงพึ่งจะมาถึง ดูเหมือนเดอะแก๊งยังไม่รู้ตัวนะครับ” ตากล้องแพ็คก็เห็นสิ่งผิดปรกติเหมือนกัน
จากริมแม่น้ำเสียงนกหวีดกินพื้นที่เข้ามาเกือบ 20 กิโลเมตรประชากรแถบนี้กลายเป็น Tamer 30 ที่โหดร้าย นกหวีดถูกเป่าโดยไม่ได้ออกคำสั่งทำให้พวกเขาไม่มีจุดหมายกลายเป็นปีศาจจอมโหดขี้หงุดหงิด
“ตากล้องแพ็คเก็บภาพมุมสูงได้มากหรือยัง?” ผมมองลงไปด้านล่างลูกศิษย์กลุ่มแรกขับเลยออกชายทะเลมุ่งหน้าไปเมืองต้าเหลียน โชคดีมากที่ไม่แวะเข้ามาในเมือง
“พอสร้างเป็นซีรี่ย์ได้เลยครับ” เขายิ้มแก้มยุ้ย
ผมสังเกตเห็นความเหมือนกันของคนเจ้าเนื้อคือ อารมณ์ดีและเป็นมิตร
“งั้น! นักบินลงจอด...บนนั้นก็ได้” ผมชี้ลงไปที่รูป H บนยอดอาคารโรงแรมตานตงอามาเรีย ด้านล่างเด็กกลุ่มที่สองเลี้ยวรถเข้าเมืองมา
“ลงไปเก็บภาพด้านล่างกัน” ในใจของผมเริ่มหวั่นไหว เด็ก ๆ จะทันได้สังเกตมั้ยนะว่ามี Tamer 30 กระจายตัวอยู่รอบด้าน
.................................................................................................................
“ฟื้ด!...” ประตูลิฟต์ชั้นล่างเปิดออกสภาพล็อบบี้โรงแรมหรูกลายเป็นสลัม หางตาของผมสะดุดกับสิ่งเคลื่อนไหว Tamer 30 นอนหมอบอยู่รีบกดคอของทั้งสองคนให้ลงต่ำย่องเข้าแอบข้างแจกันใหญ่
ในจังหวะนั้นเดอะแก๊งมาจอดมอเตอร์ไซด์ด้านนอก วัยรุ่นท่าทางมั่นใจตัวเองบอกกับเพื่อน...
“ผมจะเข้าไปที่ห้องโสตในนี้” เขาไม่รู้ชะตากรรมเลยว่า Tamer 30 ข้างในมันเตรียมตัวเล่นงานแล้ว
“ที่นี่เสียงน่าจะมาไม่ถึง สหายไปต้าเหลียนเลยนะ”
“แว๊น!...” เพื่อนของเขาขับมอเตอ์ไซด์จากไป
เด็กหนุ่มหมุนมองรอบด้านก่อนจะก้าวเดินเข้ามาบนลานกว้างของล็อบบี้ Tamer 30 ข้างชุดเก้าอี้รับแขกหมอบต่ำเตรียมกระโจนใส่
เขาชะงักขมวดคิ้วแหงนมองผ่านโคมระย้าขึ้นไปบนชั้นลอย ภายในห้องโถงเหมือนถูกหยุดเวลาเงียบสงบนิ่งไร้สิ่งเคลื่อนไหว
“ตาฝาดเหรอวะ?” เขาบ่นกับตัวเองก่อนจะก้าวขาเดินต่อ
ทันใดนั้น...
“ฆ่ามัน Messiah!”
ไอ้ตัวที่ซ่อนข้างเคาน์เตอร์กระโจนใส่ กลุ่ม Tamer 30 กรูออกจากที่ซ่อน
“น่ารำคาญตายซะเถอะ!!” หญิงสาวเกรี้ยวกราดวิ่งเข้าใส่
เจ้าหนุ่มหมุนมองมึนงง ทันใดนั้น...
“เฮ้ย!” ผมหลุดร้องออกไป
“โครม!”
“เพล้ง!” แจกันทุ่มใส่แผ่นหลังแตกกระจาย
“โอ๊ย!” เขาล้มลง
“มันล้มแล้ว ฆ่ามันเลย” กลุ่ม Tamer 30 วิ่งลงบันไดวนกรูเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ...
“ฆ่ามัน Messiah!” เสียงบีบหัวใจก้องห้องโถง เด็กหนุ่มเดินถอยหลังเอามือลูบหัวแล้วมองเลือดแดงสดในมือตัวเอง
พลทหารฮันขยับจะวิ่งเข้าไปช่วย ผมยกมือขวาง...
“ขอดูฝีมือของเขาก่อน”
เดอะแก๊งกระโดดขึ้นไปยืนบนเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ยืนหมุนมองรอบตัวพร้อมรับมือ
“วิ้ว!...” เงาบางอย่างพุ่งเข้าหา...
“ฮึ้ย!” เขาเอี้ยวตัวหลบ...
“เพล้ง!!” ขวานของหุ่นนักรบโรมันติดคานาฬิกาแขวนบนผนัง
“ฆ่ามัน Messiah!” กลุ่มคนกระหายเลือดกรูกันล้อมเคาน์เตอร์
ผมหันบอกทหาร...
“เตรียมตัวช่วยเหลือ สหายเก็บกล้องซะแล้วขึ้นลำปืนรอคำสั่ง” ผมยังอยากเห็นการเอาตัวรอดของลูกศิษย์
“เข้ามาเลย!” เขายืนบนเคาน์เตอร์ร้องท้าใจกล้าบ้าดีเดือดดีเหมือนกัน ไม่กลัวจำนวนคนที่มากกว่าเลยสักนิด
ผมชอบใจสิ่งนี้...นี่ขนาดเขาอยู่คนเดียวยังกล้าขนาดนี้ ใจเกินร้อยของจริง
“ไม่แม่นนี่หว่า หึ้ย!หึ้ย!” เขาเดินบนที่สูงคอยหลบแก้วและขวดที่ปาเข้ามา
“Messiah!” เสียงอึกทึกเรียกแขกกลุ่มใหม่เข้ามาสถานการณ์เลวร้ายลงทุกขณะ
เขาดึงแท็บเล็ตสำหรับติดโดรนออกมาจากเป้หลัง กดคำสั่งแล้วโยนลงไป
เสียงจูยอนดังขึ้นเบา ๆ ได้ยินในพื้นที่แคบ
“นอนหลับฝันดีนะคะ...”แม้จูยอนจะพูดเป็นภาษาเกาหลีแต่พวกเขาก็รับรู้คำสั่ง...
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”
“........................” ห้องโถงที่ชุลมุนจากการรุมทึ้งยื้อแย่งสงบลงทันตา พวกเขาหาที่ล้มตัวนอนอย่างง่ายดาย
ผมชื่นชมในความสามารถที่เขาหาคำสั่งจัดการได้อย่างนุ่มนวล
“ว้าว!” ตากล้องแพ็คอ้าปากค้าง
“เจ๋งโคตร!” พลทหารฮันอึ้ง
“ตากล้องแพ็คถ่ายไว้นะ”
ผมจะตะโกนเรียกน้องก็เกรงใจกลัวพวกมันตื่น หันไปพยักหน้ากับทหาร...
“ย่องไปเบา ๆ นะ” พอผมขยับขา เสียงผู้หญิงร้องตื่นกลัวก้องอาคารดังมาจากด้านในโรงแรม...
“ไหลเหลินนา! ไหลเหลินนา!...” เสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“หื้อ!” เด็กชายหันมองแล้วกระโดดลงจากเคาน์เตอร์วิ่งไปตามเสียง
“ไหลเหลินนา!” หญิงสาววิ่งหน้าตั้งมาจากโซนสรรพสินค้าเข้ามาเขย่าแขนของเขา...
“จูเหลินนา!” เธอหันรีหันขวางสายตากลัวสุดขีด Tamer 30 ใบหน้าถมึงทึงวิ่งกรูตามมา
เดอะแก๊งของผมอึกอัก...
“พูดเกาหลีได้มั้ยครับ?”
“ซัลรยอ จูเซโย!” เธอหันกลับไปมองกลุ่ม Tamer 30 กำลังวิ่งเบียดเสียดตามหลังมาชนเก้าอี้ล้มระเนระนาด
“ตามมา!” เด็กชายจับมือของเธอวิ่งกลับเข้ามาในห้องโถงล็อบบี้อีกครั้ง
ผมเดินออกไปยกมือเรียก...
“สหาย!”
“เซม!....” เขาดีใจทิ้งผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา ผมรีบโบกมือไล่...
“กลับไปดูผู้หญิงก่อน”
“เอ้อ!...เย่!” เขาหมุนกลับไปหาหญิงสาวใบหน้ายุ่งมองพวกมันนอน
ในขณะที่อีกกลุ่มวิ่งพรวดเข้ามา…
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”
“นอนหลับฝันดีนะคะ”เสียงของจูยอนดึงขาทุกคนให้ชะงัก พวกเขาเดินไปหาที่นอนสร้างความแปลกใจให้หญิงสาว
ผมเดินเข้าไปยื่นมือให้พร้อมแนะนำตัว...
“ซอน! จากเกาหลีครับ”
รูปหน้าผู้หญิงคนนี้สวยมากการแต่งตัวเหมือนผู้บริหารระดับสูง เนี้ยบ เท่ สง่างาม แค่เฉียดเข้าใกล้ยังได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง
“ฟานหลิงหลิงค่ะ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“สงคราม! คุณต้องหนีก่อนมีทางเลือก 3 ทาง 1.ไปกับผม 2.หนีไปเอง 3.ตายที่นี่”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ที่นี่บ้านของฉัน”
“ได้ครับ! ถ้าชีวิตมีค่าน้อยกว่าทรัพย์สินก็ตามใจคุณก็แล้วกัน”ผมหันไปหาเดอะแก๊ง...
“สหายชื่ออะไรครับ มานี่สิ” ผมดึงน้องมากอดคอ
“วอนนาชินอิบนิดะ!”
“สหายต้องรักตัวเองก่อนนะถ้าช่วยไม่ได้หรือยากเกินไปก็ปล่อยมือเถอะ เราไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลือใคร แต่ครั้งนี้...สหายเก่งมากนะตัดสินใจได้ดีมาก ออกคำสั่งได้ยอดเยี่ยม ได้คะแนนเต็ม 10 เลย” ผมลูบหัวให้รางวัล ชอบใจที่เขาจิตใจงดงาม
“เย่!” ยิ้มแป้นเชียว
“สหายจะประจำที่นี่เหรอ?”
“ไม่แล้วครับ ผมจะไปต่อให้สุดเสียงนกหวีดครับ”
“ระวังด้วยนะเจ็บมากมั้ย?” ผมแหวกดูบาดแผลบนหัว
“นิดหน่อยครับ”
“จะกลับไปทำแผลก่อนมั้ย?”
“เลือดหยุดแล้ว ยังไม่กลับครับ!” เขารีบปฎิเสธทันที
วิทยุเรียกเข้ามาขัดจังหวะ..."ไป่ไป๋เรียกซอน"
“ไป่ไป๋ว่าไง?”
“ซอนเจออนนี่มั้ย เจอรึยัง?”
“ยังไม่เจอเลย! ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงแรมตานตง เจ้าแทนเป็นยังไงบ้างคุยกับทหารจีนรู้เรื่องมั้ย?”
“มันกำลังปวดหัวกับหนูอยู่คงไปประชุมกันใหม่มั้งเดี๋ยวก็ติดต่อมาอีก คุณรีบกลับมานะหนูจะขู่มันให้ขนตูดตั้งเลย” ยายตัวแสบของผมหายบ้าแล้วเชื่อมือได้ ถ้าเธอไม่เศร้าใจจมทุกข์ปากของเธอจะเป็นอาวุธชั้นดี
“ได้เลยน้องสาว” ผมจบการสนทนาหมุนตัว...
“พวกเรากลับ!”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ! เมื่อกี๊คุณพูดกับไป่ไป๋ล้วพูดถึงแทน คุณรู้จักนาตาลีมั้ยคะ?” หลิงหลิงรีบก้าวพรวด ๆ เข้ามา
“คุณรู้จักเหรอ?”
“นาตาลีเป็นเพื่อนของฉัน เธอมาพักที่นี่เห็นบอกว่าจะไปปักกิ่ง เธอเตือนฉันแล้วว่าจะมีสงครามในไม่ช้าฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้”
“เจอเมื่อไหร่?” ผมเนื้อเต้นเจอเบาะแสดอกเตอร์แล้ว
“เมื่อคืนค่ะ! ฉันยังหัวเราะเธออยู่เลย แต่งตัวตลกมากอย่างกับคอมมานโดสะพายเป้มาด้วยไม่รู้ว่ายังอยู่ข้างบนหรือเปล่า?”เธอให้ความหวัง
“อ้าวแจ่ม!” ผมตื่นเต้นที่ได้ยินข่าวดีรีบสั่งการ...
“พลทหารฮัน! นาชิน! ขึ้นไปกับคุณผู้หญิงแล้วพาสหายผู้บัญชาการกลับมา”
“ยึ๋ย!...” หลิงหลิงเด้งหนี...
“แล้วพวกผีดิบนั่นล่ะคะ” เธอชี้ไปที่ Soulless เดินเลื่อนลอย
“พวกเขาไม่น่ากลัวอีกแล้ว” ผมหันมองพวกที่นอนเมื่อสักครู่ลุกเดินไป หมดเวลาของความดุร้ายแล้ว
ทั้งสามเดินไปขึ้นลิฟต์ ผมเดินไปหาตากล้องแพ็คที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำบางอย่างกับแท็บเล็ต
“สหายตัดต่อให้เสร็จก่อนเราลงจอดที่ค่ายโชซอนทันมั้ย?”
“จะเสร็จแล้วครับ” เขายิ้มฟันขาว หมอนี่เก่งสมราคาคุย
“ดีมากสหาย! เอาให้ดูเถื่อน ๆ โหด ๆ เดี๋ยวขนตูดมันไม่ตั้ง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“สหายฉายภาพกว้างให้เห็นปริมาณทั้งหมดแล้วถ่ายเจาะทีละคนเน้นให้สยอง ปิดเสียงใช้ซับบรรยายเป็นภาษาจีน สื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด”
“นั่นแหละ! ผมทำแบบนั้นเลย” เจ้าแก้มยุ้ยตอบได้โดนใจมาก
“ฟื้ด!...” ลิฟท์เปิดออก ฮันยูริมเดินออกจากลิฟต์กลับมาพร้อมกับหลิงหลิง...
“เซมครับ! ในห้องไม่มีคนไม่มีร่องรอยร้อนรนครับ เมื่อคืนบนชั้น 60 มีแขกพักแค่ห้องเดียวด้วยครับ”
ผมเดาว่า นาตาลีมานอนห้องที่เคยมาพักกับเจ้าแทน คงเตรียมลุยเข้าไปหาหวังฉวนจริง ๆ ผมไม่แปลกใจที่เธอตัดสินใจพุ่งเข้าหาต้นตอของปัญหาโดยตรงแบบนี้ นาตาลีไม่เคยทำเรื่องเล็ก ๆ ขยับทีไรวุ่นวายทุกครั้ง
“ซอนเซมเรียกไป่ไป๋เซม”
“เย่!”
“คอยจับสัญญาณโทรศัพท์ดาวเทียมกับมือถือไว้ด้วยนะ ผมเจอเบาะแสของดอกเตอร์แล้ว”
“ว้าว!ว้าว! ซอนคะ! หนูเต้นอยู่! หนูเต้นอยู่!” ไป่ไป๋ดีใจสุดขีด
“คุยกันครับ...”ผมส่งวิทยุให้หลิงหลิงแล้วเดินหลบมาโทรศัพท์รายงานเมีย...
“ม้า! นาตาลีไปจากตานตงแล้วไม่รู้เวลาแน่ชัด ตอนนี้ม้าอยู่ที่ไหน?”
“ฉีเฟิ่ง! เขตปกครองตนเองมองโกเลียในกำลังจะเดินทางต่อ ดอกเตอร์ยังไม่เปิดเครื่องมือสื่อสารเลย รถไฟฟ้าไม่ให้บริการแล้วคงไปได้ไม่ไกลหรอก”
“ม้าจะไปยังไง?”
“ฉันจะนั่งแท็กซี่ตามไปดอกเตอร์ต้องไปที่ถังซานแน่ ถ้าเธอไปถึงก่อนก็คงเข้าปักกิ่งไปแล้วเพราะที่นั่นยังมีรถไฟฟ้า”
“ผมกลับเกาหลีก่อนนะ เดี๋ยวจะมาใหม่”
“ป๊า!ไฟท์ติ้ง!” มันสมองของทีมกำลังไปตามหายายตัวป่วนถ้าใครสักคนโดนจับได้บรรลัยเกิดแน่
“เย่! ม้าไฟท์ติ้ง!”
“ระวังตัวดี ๆ นะคะ รักป๊านะ!”
“จ้า! รักเหมือนกัน” ผมเป็นห่วงนาตาลีมากกว่าเมียเพราะฝีมือการต่อสู้และไหวพริบคนละชั้น
“ซอนคะ” หลิงหลิงรอจนวางสายยื่นวิทยุคืนมา
“ตัดสินใจยังไงครับ?” ผมรับวิทยุมาเก็บ
“ฉันขอไปปักกิ่งค่ะ”
“ได้! เชิญเลยครับ! พาคนที่รักหนีออกไปจากเมือง อย่าอยู่ใกล้ผู้คน”
วอนนาชินออกจากประตูหนีไฟเหงื่อเต็มตัว....
“เซมครับ! ข้างบนไม่มีสหายผู้บัญชาการครับ” เขาวิ่งลงมาจากชั้น 60 เหรอเนี่ยสุดยอดมาก
“นาชิน! ผมกลับก่อนนะสหายไปต่อได้เลย เดี๋ยวกลับไปฉลองชัยชนะ ผมจะทำไอศกรีมให้กิน”
“เย่!”
ผมหันมองตามหลังสาวสวยเดินจากไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลาวิกฤติเช่นนี้ครอบครัวมาก่อนทุกอย่างผมคิดว่าเธอน่าจะมีครอบครัวอยู่ที่นั่น ในยามมีเหตุร้ายทุกคนมักคิดถึงครอบครัวผมไม่ได้อยากให้เธอจากไปเลย แต่เธอเป็นคนเลือกชะตากรรมของตัวเอง
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!”
เครื่องบินปีกหมุนพาลัดข้ามแม่น้ำยาลู่กลับมาฝั่งเกาหลี กองทหารเกาหลีทะลักข้ามไปพร้อมรถขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานข้ามสะพานเป็นขบวน อีกไม่นานเครื่องบินรบของจีนต้องมาเอาพื้นที่คืนแน่นอน
ผมทอยลูกเต๋าออกไปแล้วและมันกำลังหมุนจะออกเบอร์อะไรใครจะรู้ ...?
...............................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |