หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 20 ต.ค. 2568 |
ปักกิ่ง
หนานโหลวกู่เซียง หูท่ง
มุมมองสายตา จาง แอนนา
เราออกจากสถานีรถไฟฟ้าเสิ่นหมิงที่ถนนจิ่งซานด้านหลังพระราชวังต้องห้ามแฝงตัวเข้าไปปะปนกับชาวบ้านที่เดินกันขวักไขว่ street food หลากหลายสีสันกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งย่าน
“เธอจะพาฉันไปไหน?”นาตาลีสวมเสื้อวอร์มสีแดงสวมหมวกดำสวมหน้ากากปิดหน้ามองซ้ายขวาท่าทางเหมือนสายลับ พิรุธชัดมาก
“หูท่ง”
“อ๋า! บ้านเก่าของคุณที่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม?”
“อื้อ! อยู่นี่แหละ ไปหาเกสต์เฮาส์พักสักคืน” ขัดลูกตากับท่าทางของเธอเหลือเกิน ฉันสะกิด...
“นี่!...เดินชิว ๆ หน่อยสิ มันแข็งไป”
ป้ายหน้าร้านห้อยเป็นระเบียบเรียบร้อย โคมมงคลแดงต้องลมสะบัดดวงไฟระยิบระยับอร่ามตา เตรียมต้อนรับงานสำคัญวันพรุ่งนี้ นักท่องเที่ยวเบียดกับผู้ลี้ภัยที่ทะลักมาจากถังซานแออัดไหล่ชนไหล่ เดินผ่านสถานที่คุ้นตาหัวใจเต้นรัว...
“ดอกเตอร์! นี่ไงมหาวิทยาลัยปักกิ่งตำหนักแดง ฉันจบเกียรตินิยมเหรียญทองวิทยาศาสตร์จากที่นี่” เห็นแล้วใจหวิวคิดถึงอดีต ส่งยิ้มให้กำแพงปูนทึบสูงเหมือนคุกที่ปกปิดตึกทรงจีนโบราณเคร่งขรึมไว้ด้านใน
“ดูทึมทึมไม่เป็นมิตรเหมือนค่ายทหารเลยเนอะ?” นาตาลีเดินมาหน้าประตูรั้วใหญ่
“อาคารของพรรคคอมมิวนิสต์จะทรงแบบนี้แหละ บึกบึนดุดันข่มขู่แข็งแกร่ง” ฉันหยุดยืนมองสถาบันเก่าแล้วคิดถึงช่วงชีวิตวัยรุ่น
“ไปต่อเถอะ! ไม่ใช่เวลารำลึกชาติ” เธอก้มหน้าเดินต่อ
หนานโหลวกู่เซียง ตรอกชุมชนช่วงหัวค่ำพลุกพล่าน ชาวปักกิ่งจะออกมาหาของกินและเดินชมแสงไฟในย่านหูท่งที่เก่าแก่ที่สุดในนครปักกิ่ง เวลาช่วงนี้หลบหลีกสายตาของตำรวจได้ดีความชุลมุนวุ่นวายช่วยได้มาก
ประชาชนทุกเพศวัยพร้อมใจกันมาร่วมงานและรอฟังคำปราศรัยจากประธานาธิบดีในวันพรุ่งนี้ ทุกใบหน้าเบิกบานรอยยิ้มสดใสแววตาวาดฝันรอฟังข่าวดี
“นี่พวกเท้อ!...ฉันปลื้มท่านประธานาธิบดีคนนี้จังเลย”
“เป็นคนแก่ที่หล่อที่สุด แดดดี๊มาก” เสียง FC กรี๊ดกร๊าด
ผู้คนชวนกันคุยด้วยความสงสัยใคร่รู้ ปักกิ่งยังคงไม่รู้ความเคลื่อนไหวภายนอก ไม่มีใครตื่นตระหนก
“จริงหรือเปล่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะให้พวกเราไปเลือกอยู่ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ฉันตื่นเต้นจังเลย” เจ้อ้วนดีดดิ้นกระแทกฉันกระเด็น นาตาลีก้มหน้าอมยิ้ม
อาซ่อแฉลบเข้ามากระแทกอีกด้าน...“ได้คนพื้นเมืองเป็นคนรับใช้ด้วย อันนี้เริ่ดสุด”
“วันนี้มีแต่คนอยากรู้เซอร์ไพรซ์ของท่านจะคุ้มกับที่ปิดประเทศขังเราตั้งนานมั้ย?”
“ฉันได้ข่าวมาว่าที่ท่านปิดประเทศเพราะข้างนอกมีโรคระบาด ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
“ฉันโคตรโล่งอกเลยจะได้สิ้นสุดความอึดอัดด้วย”
“ตั้งแต่เขาสั่งปิดประเทศ ฉันลุ้นมาตลอดกลัวจะกลับไปลำบากเหมือนสมัยก่อน ไม่ได้ข่าวญาติ ๆ จากมาเลเซียเลย”
“นี่ตัว! เพื่อนฉันบอกว่าที่ บรูไนมีวังด้วยนะ ฉันไปจับจองก่อนดีกว่า ไปด้วยกันไหม?”
อาโกทรงผมหัวตั้งกระบังสูงแต่งหน้าจัดจ้านแก้มยุ้ยเป็นพวงหางตาเรียวยาวท่าทางไม่ยอมคน เบียดเสียดดันเข้ามาจนฉันต้องยืดคอเดินไปกับฝูงชน
“อุ๊ย!” เธอกระแทกนาตาลีกระเด็นหลุดวงโคจร
“หึ๋ย!” นาตาลีฟึดฟัดหันมองแล้วเดินเบียดกลับมา...
“ที่ Kala Democracy เยอะกว่านะคะ!” เธอไปประจ๋อประแจ๋กับเขาเฉยเลย
“หือ!” สร้างความสนใจให้อาโกและฉัน
ยายดอกเตอร์ตาใสจะดื้ออะไรอีกแน่ ปรกติยายนี่ไม่มีทางจะคุยกับคนแปลกหน้าง่าย ๆ ...
“ของแท้ต้องมีรูปปั้นผู้ทรงศีลนั่งหลับตา ที่กำแพงรอบวังจะมีแกลลอรี่รูปถ่ายขาวดำ มีเตาผิงด้วยนะ!”
ฉันก็ไม่เคยไปที่ Kala Democracy ซะด้วยสิ ไม่รู้จักเหมือนกัน อาโกอ้วนขมวดคิ้วหันมองมาสายตาแบ่งชนชั้น ท่าทางเธอจะเป็นหัวหน้าแก๊งนี้...
“เธอมาด้วยกันรึเปล่า?” เสียงเค้นมาก
“ฮ่อ! ฮ่อ!” ฉันรีบพยักหน้า
“เธอพูดจริงมั้ย?” สายตาเชือดเฉือนมองตรวจสอบ
ฉันยังไม่ทันได้ตอบ นาตาลีก็โฆษณาชวนเชื่อต่อ...
“อ่อ!..จุดสังเกตนะคะ ด้านนอกอาคารจะมีเตาผิงปล่องสูงบันไดขึ้นลง 3 ด้านแค่ 3 ด้านเท่านั้น!” เธอไปเอาข้อมูลมาจากไหนวะ จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้?
โกอ้วนหันมองหน้าเพื่อนแล้วหันกลับมามองนาตาลีอย่างพิจารณา...
“นี่! เธอเคยไปมาแล้วรึไง พูดเก่งนะเนี่ย?” อาโกท่าทางข่มมาก
“อื้อ! ไปมาหลายครั้งแล้ว” นาตาลีลอยหน้าลอยตาตอแหลมาก ปรกติเธอไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ตั้งแต่ไปฝึกทหารก็เปลี่ยนไปมาก
บนถนนแปดเลนคลาคล่ำด้วยฝูงชน ด้านหน้าฝั่งตรงข้ามเป็นพระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้ามที่ทั่วโลกรู้จัก ถนนเส้นนี้อยู่ด้านหลังพระราชวังต้องห้ามไกลจากลานจัตุรัสเทียนอันเหมินมาก
นาตาลีสไลด์ยื่นหน้าฉอเลาะกับอาโกต่อ...
“วังที่นั่นไม่ใหญ่เท่าของเราหรอก แต่กะทัดรัดน่าอยู่ดี กูกุ! รีบไปนะ! ช้าจะอด!”
ได้ผล อาโกเด้งดึ๋ง...
“จริงเหรอ?...นี่พวกเธอไปดูกันมั้ย ถ้าถูกใจจะได้จับจองใกล้ ๆกัน?” อาโกยิ้มหน้าบานหันไปหาผองเพื่อน
“เอาสิ ๆ ฉันไปด้วย” สมาคมสตรีเห็นพ้องต้องกัน
ฉันสะกิดสีข้างนาตาลี...
“ดอกเตอร์! ญาติคุณเหรอ? ฉันต้องสวัสดีมั้ย?”
“ไม่รู้จัก!” นาตาลีส่ายหน้ายิ้มตาใส
“อ้าว! แล้วคุณไปยุ่งกับพวกเขาทำไม”
“เออน่า!อย่าพึ่งยุ่งตอนนี้ ฉันไม่ชอบอีพวกนี้” เธอปราดเข้าไปหาอาโกอีกครั้ง...
“จำไว้นะ! ของแท้ต้องมีฝูงหมาด้วยนะคะ อาหารสำรองเอาไว้เชือดรับแขก”
อาโกหน้าบานยิ้มสมหวัง....
“ฉันไปแน่ พวกเรา...ที่นั่นอุดมสมบูรณ์ไปกันเถอะ”
ทันใดนั้นเสียงไซเรนตำรวจมาด้านหลัง...
“ออด!ออด!วี้ว!! ขอทางหน่อย! หลีกทางด้วย! ให้ความร่วมมือด้วย! ออด!ออด” เสียงดังไล่ผู้คนแตกตื่น
ฉันหันกลับไปมองแล้วก้มต่ำ ตำรวจ 4-5 นายยกโทรศัพท์ดูบ่อยผิดปรกติสายตาของเขาควานหาคนแน่ ๆ
นาตาลีสะกิด...“ฉันว่า…พวกมันกำลังตามหาเรา คุณมองไปที่14 นาฬิกานะ ตรงนั้นมีผู้หญิงสวมหมวกขาวเสื้อแดงตามเราตั้งแต่ลงรถไฟแล้ว ที่ 9 นาฬิกาผู้ชายเสื้อดำหมวกดำหน้าร้านหนังสือ นั่นก็ใช่!”
ฉันหันมองไปตามที่เธอชี้ พวกนั้นขยับตัวเดินตามมาชะเง้อโยกคอมองกวาดสายตามองหา
“รีบเดิน!! เปลี่ยนแผนไม่พักในหูท่งแล้ว สายตาของโลกคอมมูนถี่ยิ่งกว่าตาสับปะรดอีก” ฉันขยับปีกหมวกปิดหน้ารีบเดิน
“ไปไหน?” เธอท่าทางเหมือนสายลับเข้าไปทุกที
“ย้อนกลับไปพระราชวังต้องห้าม!”
“ตุ้งแช่! ตุ้งแช่! ตุ้งแช่! ตุ้งแช่!” กิจกรรมบนถนนจิ่งซานทั้งสองฝั่งหลากหลายลานตา ฝั่งซ้ายมังกรทองตัวยาวกำลังเหินฟ้า
“ตื้ดตื้ด!..” เสียงดนตรี EDM ดังทางฝั่งขวา ไอดอลวัยรุ่นชายจีนหน้านวลจับกลุ่มกำลังเต้นอย่างเมามันส์ ผสมผสานวัฒนธรรมเก่าใหม่อย่างลงตัว
“ปัง! ปัง! ปัง!! ปัง!” ของคู่บ้านคู่เมืองที่ขาดไม่ได้ เสียงประทัดดังขรมควันลอยฟุ้ง ฉันก้มหน้าเดินนำนาตาลีเบียดฝูงชนไปพระราชวัง
“ต้องหาที่ซ่อนตัวก่อน ฉันคิดว่ามันคงรู้ตัวแล้ว” ฉันมองไปที่ประตูเสินอู่เหมินทางเข้าพระราชฐานส่วนใน
“ในกู้กงมีเกสเฮาส์ด้วยเหรอ?” เธอถามอย่างใสซื่อ
“อืม! วันนี้เราจะพักที่ฉู่ซิ่วกงเกสเฮ้าส์” ฉันชี้ไปที่ช่องเล็กข้างประตูแดงแล้วดึงกระเป๋าเงินมาเลือกบัตรประจำตัว ก่อนจะส่งบัตรสมาชิกเงินกู้สหกรณ์ไปให้...
“เอานี่ไป! แค่ยื่นให้เขาดูนะแล้วเอากลับมาด้วย เห็นมั้ยที่ข้างประตูแดงจะมีช่องสำหรับคนจีนเข้าฟรี” ฉันชี้ข้ามหัวฝูงชนข้ามถนนไป
“อ๋า!เห็นแล้ว”นาตาลีชะเง้อมองตามไปที่อาคารทรงจีนโบราณหลังคาโค้งบนกำแพงแดงในรั้วพระราชวัง
“เข้าไปแล้วเดินไปทางขวา เจอสวนโอ่งเมื่อไหร่ก็หยุดรอตรงนั้น ถ้าไม่เจอเดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอ ไป!” ฉันตบก้นนาตาลีพุ่งพรวด วิ่งดุ๊กดิ๊กคล่องแคล่วมาก
ฉันก้มหลังเดินแยกขวาไปริมสวนสาธารณะจิ่งซานชะเง้อคอมองตามนาตาลีวิ่งข้ามสะพานผ่านเข้าอุโมงค์ประตูกำแพงแดงไปแล้ว
“โอเค! เยี่ยมมากดอกเตอร์”
แต่ฉันต้องรอให้ตำรวจที่ต้องสงสัยเดินผ่านไปก่อนถนนด้านหลังกั้นระหว่างพระราชวังกับสวนสาธารณะจิ่งซานพลุกพล่าน ด้วยความอึดอัดที่โดนขังมานานชาวบ้านทะลักทะลานออกมาปลดปล่อย ผู้ต้องสงสัยของฉันเดินส่ายสายตาผ่านไป
ฉันรีบวิ่งข้ามสะพานผ่านประตูเสินอู่เหมินตามเข้าไปด้านใน เมื่อเดินผ่านในส่วนพระราชฐานชั้นในไปสะดุดตากับดอกไม้สารพัดสีฝังอยู่ในก้อนหินใหญ่กลมกลืนกับสวนโบราณ นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่เลย
ก้าวเดินผ่านอุทยานหลวงสวนสวรรค์เข้าเขตขุมนรกแล้วขนลุก ต้นท้อไร้ใบกิ่งก้านหงิกงอบิดเกลียวเพราะโดนทรมานกักขังมาชั่วชีวิต ข้าราชบริพารรวมถึงราชวงศ์สุดท้ายถูกปลดปล่อยไปเกือบร้อยปีแล้ว
“เฮ้ย!..” สะดุ้งเฮือก!
สายตาเหลือบไปเห็นตำรวจหญิงสองคนเดินคุยกันสวนมารีบกระตุกหมวกก้มหน้าเดินเลี้ยวหลังต้นไม้ นั่งดูปลาคราฟรอจนทั้งสองเดินผ่านไป
เมื่อทางโล่งก็เดินข้ามสะพานมังกรขาวข้ามแม่น้ำสีทองที่สมมุติขึ้นตามความเชื่อโบราณ ในวัยเด็กฉันและเพื่อนมาเดินดูปลาเป็นประจำแม่น้ำน้อยไหลเลื้อยวนผ่านทั่วทุกตำหนักภายในบริเวณพระราชฐานชั้นใน
ฉันเดินมาไกลแล้วยังไม่ถึงครึ่งทางเลย พอไม่เห็นนาตาลีอยู่ในสายตาก็รู้สึกเป็นห่วง...
“กว้างจริง ๆ วิ่งดีกว่า”
ฉันวิ่งผ่านพลับพลาหลังคาสองชั้นมาเจอลานกว้างของตำหนักใหญ่
“เฮ่อ!...” แม้เวลาจะผ่านไปแต่ความทรงจำมักจะตราตรึงอยู่กับสิ่งที่ประทับใจ ฉันหันไปส่งยิ้มให้ตำหนักคุนหนิงกงแล้วโบกมือทักทายเพื่อนวัยเด็ก...
“คิดถึงจังเลย! ไม่ได้เจอกันนานยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ” ภาพวัยเด็กฉายชัดเป็นความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้เดินย้อนรอยอดีต
ในสมัยราชวงศ์หมิงที่นี่เคยเป็นตำหนักของฮองเฮาด้านซ้ายและขวามีหมู่พระตำหนักของบรรดาพระสนมฝั่งละ 6 ตำหนัก ฉันโค้งศีรษะลาตำหนักคุนหนิงกงแล้ววิ่งผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวจนมาถึง 6 ตำหนักฝั่งตะวันตก นาตาลียืนลูบหัวมังกรสัมฤทธิ์รออยู่ที่ประตูเข้าสู่อาณาเขตของพระตำหนักฉู่ซิ่วกงของพระนางซูสีไทเฮา เลยถัดไปทางขวาสุดริมกำแพงเป็นตำหนักเสียนฝูกง
เธอเดินห่อตัวในเสื้อแดงเข้ามาหา...
“ประเทศจีนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วอากาศเริ่มเย็นแล้วนะ”
“ไปต่อกันเถอะ นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันออกแล้ว” ฉันรอช้าไม่ได้จะเป็นที่สังเกต
กำแพงพระตำหนักแดงหลังคาทองคำตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฉันพาเดินหลบเข้าสวนหย่อม นาตาลีเดินหมุนมองอย่างสนใจ...
“เราไปเช็คอินกันก่อนดีมั้ย?” เธอชวนไปเกสเฮาส์แล้ว ฉันขำเมินหน้าอมยิ้ม
นกเอี้ยงฝูงใหญ่ร้องเจื้อยแจ้วบนต้นไม้สูง สวนเขียวกว้างร่มรื่นสบายตาไปด้วยต้นไม้พุ่มขนาดกลาง กบน้อยรอคอยคู่บนใบบัวในสระน้ำ สายน้ำตกต้องสายลมละอองฟุ้งต้นมอสเฟิร์นชุ่มฉ่ำ โอ่งดินเผาโบราณวางเรียงรายจมดินใต้ต้นไม้หงิกงอ พุ่มไม้หนาพรางตาอย่างดี ที่นี่คือเป้าหมาย
ฉันเดินมาหยุดใต้ต้นบ๊วย แหงนมองสัตว์มงคลตัวเล็ก 6 ตัวบนชายหลังคาตำหนักสีทองนั่งระวังภัยมองฟ้าไปทางทิศเหนือ เวลายังเหลือต้องรอคอย หันไปหานาตาลีแล้วแบมือขอ...
“เอาบัตรฉันคืนมา” ฉันยังเหนื่อยยืนหลังพิงโอ่ง
นาตาลีหรี่ตาเบะปากสายตาเหยียดหยันมาก...
“นี่!...คุณหน้ามืดถึงขนาดต้องกู้สหกรณ์เลยรึ? ฮึ!” นั่นไง!...ยัยนี่ได้ทีก็กัดเลย
“เปล่า! ตอนนั้นฉันสวยมากเลยชอบถ่ายรูป” ในช่วงชีวิตของคนก็ต้องมีความคิดแบบนี้กันบ้างแหละ ทำบัตรมันทุกอย่างเพียงเพราะอยากเก็บรูปสวย ๆไว้
“คุณนี่ก็โรคจิตเหมือนกันนะ?”
“เอ๊า!...ก็คนมันสวย” ฉันยอมซะที่ไหนก็คนมันสวยจริง ๆ
“เอาไงต่อดีล่ะคนสวย?” เธอยักคิ้วให้...เรื่องกวนตีนได้คะแนนเต็มตลอด ยิ่งกับฉัน...เธอก็ไม่เคยพลาดเหมือนกัน
“ใจเย็น ๆ คุยกันหน่อยสิ” ฉันนั่งหลบพิงหลังโอ่ง นาตาลีนั่งลงข้าง ๆ มองสระน้ำ ฝูงนักท่องเที่ยวเดินอ้อยอิ่งใกล้หมดเวลาเยี่ยมชม
“มีอะไรคะคนสวย?” ยังกวนไม่เลิก
ฉันยังไม่ได้สะสางเรื่องหนีมาจีนเลย...
“คุณทำให้ทุกคนเดือดร้อนรู้ตัวมั้ย?”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคุณ” ฉันยัดข้อหาเพราะเธอหนีมาทำให้ทุกคนต้องตัดสินใจเร่งด่วน
“ฉันไม่เกี่ยว! ฉันแค่รับผิดชอบในสิ่งที่ฉันสร้าง ฉันเป็นคนกุมชะตาชีวิตของหวังฉวน” เธอกำนกหวีดในคอ
ฉันอยากจะดึงหูเหลือเกิน นกหวีดมั่นใจไม่ได้แล้วมั้ง...
“แผนล่ะ?”
เธอหันมาคิ้วขมวด…
“ทำไมต้องมี! แค่เดินไปเป่านกหวีดใส่หน้ามัน แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”
“สิ้นเรื่องได้ไงลูกน้องมันก็ยิงตายสิ อย่าเอาแต่ใจตัวเองสิ”
“ครั้งนี้ฉันไม่ได้หนีและมีเป้าหมายชัดเจน”
“ถ้าคุณโดนจับได้ก่อน รู้มั้ยว่าอะไรจะเกิดขึ้น?”
“รู้สิ!”
“อะไร?”
“ฉันก็จะยิงตัวตาย ฉันรู้ว่ามันต้องเอาฉันไปต่อรองแน่” เธอก็รู้เรื่องนี่หว่า
“ตั้งใจมาตายว่างั้น”
“เปล่า! ฉันต้องชนะแล้วกลับไปหาไป่ไป๋กับแทน” เถียงไม่มีสลดสักนิด
“แหม! เก่งเหลือเกินคิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ?”
“คุณต้องเชื่อใจฉันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา”
“เหรอ?...รอดมาอย่างฟลุ๊คเนี่ยนะ ขี้โม้เอ้ย!” ฉันไม่อยากให้เสียบรรยากาศปล่อยไปก่อน เดี๋ยวเจอชุดใหญ่แน่...
“ต่อจากนี้…ต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้นนะ! เข้าใจมั้ย?”
“เฮ่อ!” เธอเมินหน้าถอนหายใจโบกมือไล่...
“คุณไม่รีบไปเช็คอิน เดี๋ยวก็ไม่มีที่นอนหรอก”
นักท่องเที่ยวบางตาลงมากแล้ว ฉันต้องเข้าไปสำรวจในตำหนักด้วย พานาตาลีเข้าห้องพักก่อนก็แล้วกัน คว้าข้อมือพาเดินเข้าพุ่มไม้ที่หมายตาสวนโอ่งข้างสระ
“จะไปไหน?” เธอเดินเอามือลูบโอ่งใบใหญ่ที่จมดินครึ่งใบ
“พาคุณเข้าห้องพัก”
เธอหมุนมองรอบตัวมีแต่โอ่ง...
“ไม่เห็นมีเลย คุณไม่เช็คอินเหรอ?”
“อ๋อ! ฉันจองออนไลน์มาแล้ว เลือกได้เลยจะพักห้องไหนก็ได้”
นาตาลีงุนงงไม่เข้าใจ...
“อะไรของคุณวะ?”
“ลงไปอยู่ในโอ่งก่อน” ฉันกัดฟันกลั้นหัวเราะ
“หือ!”
“อืม!”
“บ้า! No way! ไม่มีทาง!”
ฉันดันก้นให้เดิน...“เออน่าแป็บเดียว! พอนักท่องเที่ยวออกไปหมดแล้วค่อยออกมา”
“นี่เหรอฉู่ซิ่วกงเกสเฮาส์ของคุณ?...” เธอแยกเขี้ยวกระฟัดกระเฟียด
“เลือกสิ! จะพักห้องไหนดี?” ฉันอยากจะหัวเราะให้กำแพงพระราชวังล้มไปเลย
“ไม่ลง!” เธองอนหน้าตูมเลย
“ฉันบอกแล้วว่า จากนี้ไปต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น ลงไปเดี๋ยวนี้!” ฉันผลักหลัง
นาตาลีสะบัดสะบิ้งกระทืบเท้าบ่นงึมงำ...
“คุณตามมาทำไมวะ? ถ้าคุณไม่มาด้วยป่านนี้ฉันนอนโรงแรม 5 ดาวไปแล้ว”
“อย่าบ่นนักเลยคนสวยคนเก่งที่สุดในโลก ลงไป! ลงไป!” ฉันดันก้นส่งเธอขึ้นขอบโอ่ง
“ทีหลังไม่ต้องตามฉันไปไหนอีกแล้วนะ” ยายดอกเตอร์บ่นงึมงำผลุบลงไปก้นโอ่ง /ปล่อยให้ทบทวนตัวเองอยู่เงียบ ๆ ไปก่อน/
ฉันเดินหัวเราะอย่างสบายใจผ่านรูปปั้นเต่ายักษ์กับกวางสัมฤทธิ์หน้าลานตำหนักฉู่ซิ่วกง เจ้าหน้าที่สาว 2 คนกำลังก้มหน้าก้มตาเร่งมือเก็บของ ในโลกของการเอาตัวรอดทุกคนต่างสนใจแต่เรื่องของตน ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องเกาหลีโจมตีจีนแม้แต่น้อย
“หนีห่าว!...เหนื่อยกันไหมคะ?” ฉันส่งยิ้มให้เจ้าหน้าที่
แต่พวกเธอหันมามองแล้วเมินสายตาแข็งไม่เป็นมิตร...
“ปิดแล้ว!” เสียงแข็งมาก
“ขอโทษนะ!” ฉันวางบัตรประจำตัวนายทหารบนโต๊ะท่าทางของพวกเธออ่อนลงส่งยิ้มมาให้
“ใกล้จะปิดแล้วผู้หมวดยังไม่กลับอีกเหรอคะ?” เจ้าหน้าที่ก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่ลิ้นชัก ส่วนอีกนางเดินไปปิดประตูหน้าต่างพระตำหนัก
“พอดีฉันมาราชการเลยแวะมาดูที่นี่หน่อย” ฉันหมุนมองสำรวจไปรอบ ๆ แสงไฟสะท้อนอาคารไม้เงาวับ อาณาบริเวณพระตำหนักกว้างขวางจนไม่ได้ยินเสียงกลองเชิดสิงโตและเสียงแตรรถยนต์ด้านนอกเลย...
“บรรยากาศน่ากลัวเนอะ! ให้ฉันนอนที่นี่ไม่กล้าแน่” ฉันชวนคุย
“ไม่มีใครกล้ามานอนในนี้หรอกค่ะ พวกเราก็จะรีบออกแล้วเดี๋ยวมืด!!” เธอเงยหน้ามายิ้มสยอง
“คุกใต้ดินยังเปิดอยู่มั้ยคะ?” ฉันเริ่มหวั่นใจ
“เอ๊ะ! ผู้หมวดรู้ได้ยังไง?” เธอชะงักเงยหน้ามอง
“ฉันเกิดที่หูท่ง สมัยเด็ก ๆ เคยมาวิ่งเล่นที่นี่”
“อ๋อ! น้อยคนที่จะรู้นะคะ ผู้หมวดจะลงไปเล่นเหรอสยองจะตาย ฉันเคยลงไปครั้งเดียวตอนมาทำงานใหม่ ๆ ไม่กล้าลงไปอีกเลย”
“ปิดนานหรือยังคะ?” ฉันเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ
“หลายปีแล้วนะคะ”
เพื่อนของเธอเดินจ้ำอ้าวกลับมาจากปิดประตูหน้าต่างพระตำหนัก...“อาลี่!เก็บเสร็จหรือยัง ไปกันเถอะ?”
ฉันขยับเข้าหา...
“ในนี้ปิดประตูหน้าต่างสนิททุกวันเลยเหรอคะ เหนื่อยแย่เลยที่ต้องทำงานซ้ำ ๆ กันทุกวัน?”
“ตามระเบียบก็ต้องอย่างนั้น แต่ไม่มีใครบ้าปิดทั้งหมดหรอกค่ะ เจ้าหน้าที่หัวโกร๋นไปหลายคนแล้ว วังนี้ผีดุมากโดยเฉพาะที่นี่!” เธอทำตาโตใส่
“เอ๋า!..” ฉันอุตส่าห์ทำเป็นแกล้งลืมดันมาตอกย้ำกันอีก คนกลัวมักจะคิดวนเวียนและสร้างสรรค์จินตนาการหลอกตัวเองได้อย่างสุดล้ำอยู่แล้ว ไปดีกว่าเดี๋ยวเธอพูดอะไรให้ฝังในหัวอีก
“ผู้หมวด!”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองเดินตามมาทันก่อนจะออกประตูกำแพงแดง...
“อย่าไปทางนั้นนะ มืดแล้ว!...เดี๋ยวผีโอ่งจับทำเมียนะ” อาลี่ชี้ให้เลาะกำแพงไปทางขวาแล้วหัวเราะกันคิกคัก น่าโดนตบกะโหลก
“ขอไปฉี่ก่อนค่ะ” ฉันโบกมือลาปล่อยให้พวกเธอเดินไปจนลับตารีบก้มหลังวิ่งไปที่นาตาลีซ่อนตัว
หนทางแห่งชัยชนะยังอีกยาวไกล แค่ผ่านคืนนี้ไปแบบสดชื่นจะทำได้ไหม ในใจของฉันหวั่นผีมากกว่าสงครามซะแล้ว
...........................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |