หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 21 ต.ค. 2568 |
เกาหลีเหนือ
โรงพยาบาล พยองยาง
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
ฉันแต่งชุดนายทหารเกาหลีเหนือเต็มยศสวมหมวกไบเล่ดาวแดงห้อยเหรียญตราเต็มหน้าอกเดินยิ้มหวานเข็นรถอาหารเข้าห้องพักผู้ป่วย ต้องหาโอกาสขอความช่วยเหลือกับท่านนายพล ฉันคิดคำนวณยังไงก็ต้องเป็นเขาเท่านั้น คนที่มีประสบการณ์ยาวนานในกองทหารที่ยิ่งใหญ่
นายพลห่าวอู๋ขมวดคิ้วขยับตัวหันมาถามกลั้วเสียงหัวเราะ...
“โอ้โห!...ไปรบที่ไหนมาเนี่ยเหรียญเต็มหน้าอกเลย หึ!หึ!หึ!” สีหน้าดูแคลนกันมาก
ฉันยืดอกใส่ยกไหล่โชว์ยศซะเลย...
“หนูเป็นพลเอกเฉพาะกิจพิเศษนะคะ”
“ใครแต่งตั้งให้?” รอยยิ้มของเขาเชือดเฉือนใจ
“แอนนา”
“ยอมแพ้เถอะ!”
เชอะ! ไม่ชมก็ไม่ว่า แต่พูดอย่างนี้ไม่รื่นหูเลย
เจ็ทโด้ไว้ชีวิตนายพลท่านนี้คงไม่ใช่เพราะเพื่อนมนุษย์อย่างเดียวหรอก คนที่คมในฝักอย่างเขาต้องคิดอะไรลึกซึ้งมากกว่าที่ดวงตามองเห็นแน่ แต่ว่ามันคืออะไรฉันยังคิดไม่ออก คำตอบทั้งหมดนอนอยู่บนเตียงคนไข้นี่แหละ
“หนูพึ่งจะเข้าใจความคิดของทหารก็วันนี้แหละค่ะ เมื่อต้องสู้ก็มองไปที่เป้าหมายเดียวคือชัยชนะ การรบต้องเกิดการสูญเสียแน่นอนแต่ต้องไม่ใช่ฝ่ายเรา” ฉันเข็นรถอาหารไปเสียบบนเตียงเตรียมป้อนข้าวเอาใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สวมชุดทหารก็เก่งขึ้นมาเลยเนอะ ยายหมวยเอ้ย” เขาหัวเราะไม่เกรงใจยศกันเลย...
“ไมเคิลบุกไปถึงไหนแล้วล่ะ? ไอ้นี่บ้าระห่ำดีนะ”
ฉันไม่ตอบคำถามหย่อนก้นลงนั่งข้างเตียง ต้องชวนคุยเปิดใจกันก่อนตามหลักการเจรจา
“หนูไม่ได้มาคุยเรื่องสงครามกับคุณลุงหรอกค่ะ ชีวิตมันวนเวียนยุ่งเหยิงเมื่อก่อนคุณลุงก็ตามล่าหนูแต่สุดท้ายก็ต้องมารอความตายร่วมกัน หนูอยากรู้จักคุณลุงให้มากกว่านี้ค่ะ หนูเคยได้ยินว่าสมัยก่อนคนจีนอยู่กันอย่างลำบากแล้วคุณลุงมาเป็นทหารได้ยังไงคะ?” ยิงคำถามปลายเปิดให้เขาได้เลือกตอบ
“หือ!” เขาสีหน้าแปลกใจ
“เราดวงสมพงษ์กันค่ะ แอนนาเคารพคุณลุงมากหนูเลยอยากรู้จักคุณลุงเยอะ ๆ” ฉันต้องคลำหาเรื่องมาเปิดใจก่อน
“แน่ใจนะว่าอยากรู้” เขาดวงตาใสปิ๊งสงสัยอยากเล่าเรื่องนี้
“อ้ำค่ะ อ้ำ!” ฉันป้อนข้าวต้มหมูสับกิมจิใส่ปากเขาอย่างว่าง่าย
“เธอเสมอต้นเสมอปลายดีนะหมวย ฉันขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาด้วยนะและขอบใจพวกเธอมากที่ใจกว้าง” เขาแตะหลังมือขอบคุณเบา ๆ
ฉันรีบฉวยโอกาสเก็บไว้เป็นแต้มต่อ...
“ถือว่าคุณลุงติดหนี้ชีวิตหนูก็แล้วกัน คุณลุงยังไม่เล่าเลยว่าเป็นใครมาจากไหน? บ้านของหนูอยู่ที่อู่ฮั่นรู้จักกับนาตาลีที่นั่นค่ะ”
“อยากรู้จริง ๆ เหรอ? ลูก ๆ ของผมไม่เคยมีใครถามสักคน” เขาหลุบตาลงถอนหายใจเบา ๆ
“อ้ำค่ะอ้ำ! กินข้าวแล้วเล่าเลย หนูชอบคุยกับคนที่มีประสบการณ์ คุณลุงอยู่ในตำแหน่งสูงต้องมีเรื่องราวมากมายที่คนธรรมดาเดินไปไม่ถึงแน่”
แววตากร้านโลกของคนที่ผ่านชีวิตโชกโชนเปลี่ยนลงเป็นอ่อนโยนระยิบระยับ คนหัวล้านทุกคนในสมัยหนุ่มมีเสน่ห์และหล่อมาก แต่เพราะธรรมชาติไม่เคยลำเอียงจึงลงโทษให้หัวล้านตอนแก่....
“วัยเด็ก...ผมอาศัยอยู่กับน้าที่ริมทะเลเซี่ยเหมินมณฑลฝูเจี้ยน เป็นลูกกำพร้าถูกเลี้ยงมาแบบตามมีตามเกิดไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่งต้องคอยหลบหนีพรรคแดง มันจับได้ฆ่าทิ้งหมด” เขานอนยิ้มมองเพดานแล้วกะพริบตาถี่
“อ้าว! คุณลุงไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคฯ ตั้งแต่เด็กเหรอ?”
“พ่อกับแม่ของผมเป็นครูโดนกลุ่มเรดการ์ดประทับตราให้เป็นกระบอกเสียงของชนชั้นต้องกำจัดทิ้ง พวกท่านฝากผมไว้กับน้าแล้วสัญญาว่าจะกลับมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้...ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าพวกท่านอีกเลย ตอนที่มีอำนาจ...ผมเคยส่งทหารไปตามสืบหาทั่วเกาะไต้หวันก็ไม่มีข่าวคราว พวกท่านคงหนีเรดการ์ดไม่พ้น”
“หนูสงสัยค่ะ ทำไมครูถึงต้องโดนฆ่าด้วยล่ะคะ?”
“ครูเปรียบเสมือน IO ของผู้มีอำนาจเป็นตัวปลูกฝังความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นหน่วยงานล้างสมองที่แนบเนียนไม่ต้องใช้อาวุธ เป็นปากเสียงของผู้มีอำนาจในยุคสมัย ครูจึงมักจะมีปัญหาทุกครั้งที่เด็กคิดนอกกรอบ ครูคือปัญหาแรกของฝ่ายเปลี่ยนแปลง”
“หือ!” ฉันไม่เคยได้ยินความหมายของครูในมุมนี้เลย...
“ครูไม่ใช่แม่พิมพ์ของชาติเหรอคะ?”
“คำตอบมันอยู่ที่ว่าคุณถามใครเด็กมองครูเป็นพ่อแม่คนที่สองชาวบ้านมองด้วยความเคารพชื่นชมให้เกียรติ ผู้ปกครองมองแบบทาสในระบบ” เขายิ้มละมุน คำตอบลึกซึ้งคนละชั้นจริง ๆ
“แล้วคุณลุงเข้าพรรคคอมมิวนิสต์ได้ยังไง?”
“ครอบครัวของน้าเป็นสมาชิกพรรคแดง ในสมัยนั้น...ถ้าไม่อยากตายก็ต้องเข้าร่วม เรดการ์ดกวาดล้างคนเห็นต่างหลายรอบบ้านเมืองเต็มไปด้วยความกลัว ผมไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือจนวันที่กองทัพแดงบุกเข้าตีเซี๊ยะเหมิน ชีวิตผมก็ผกผัน”
“ทานข้าวค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นคะ?” ฉันป้อนข้าวท่านเต็มใจรับ ดูท่าทางจะเปิดใจแล้ว
“น้าพาผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯและส่งไปอยู่กับครอบครัวผู้มีอำนาจในตอนนั้น ต้องอาศัยผู้มีบารมีคุ้มหัว”
“ลำบากเหมือนกันนะคะ ดื่มน้ำก่อนค่ะ” ฉันเคยเรียนรู้ว่าช่วงปฎิวัติวัฒนธรรมนั้นคนจีนลำบากมากแต่ก็นึกภาพไม่ออก
“สมัยก่อนอยู่ยากมาก อดอยากและต้องคอยระวังตัวพูดมากก็อาจตายได้ ช่วงสมัยปฎิวัติวัฒนธรรมแม้แต่คนของพรรคเองก็ยังเจอข้อหาไม่จงรักภักดี ฆ่ากันเพราะสงสัยว่าใครจงรักภักดีมากกว่ากัน คนตายเป็นเบือเดิน 3 ก้าวต้องเจอ 1 ศพ”
“แต่คุณลุงก็เก่งนะคะ เอาตัวรอดได้แถมยังเป็นนายพลด้วย”
ท่านนายพลมองมาด้วยสายตาชื่นชม...
“ขอบใจมากนะหมวย ผมไม่แน่ใจว่าลูกสาวของผมจะทำให้ผมได้อย่างนี้ไหมนะ ผมไม่เคยเลี้ยงพวกเธอเลย ทำแต่งาน เฮ้อ!...” เขาถอนหายใจแรงดวงตาเศร้าลงทันที
“พวกเขาคงเข้าใจได้ว่า ท่านต้องทำงานใหญ่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนคะ?” ฉันป้อนข้าว
“แต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว ผมมีลูก 3 คนเป็นผู้ชาย 2 คน หลาน ๆ ก็ไม่สนิทด้วย อำนาจที่ผมมีแค่ทำให้พวกเขาอยู่สุขสบายและไม่ถูกรังแกแต่มันก็ถ่างครอบครัวให้ไกลจากตัวผมไปเรื่อย ๆ”
“แล้วคุณลุงไปรู้จักหวังฉวนได้ยังไงคะ?” ฉันดึงกลับมาเรื่องเดิม
“ช่วงนั้นแหละ! ประเทศจีนกำลังแย่งชิงอำนาจกันเอง น้าเอาผมไปฝากเป็นสมาชิกกลุ่มจิ้งจอกทะเลใต้ของหวังเจิ้งจิน หัวหน้าฝ่ายกองเรือทะเลจีนใต้” เขาหลุบตาลงแล้วถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเอ่ยอย่างลำบากใจ...
“พ่อของหวังฉวน”
“อ๋อ! ที่คุณลุงกลัวหวังฉวน เพราะครอบครัวของเขาอุปถัมภ์ในตอนเด็กสินะ” ฉันกระจ่างทันที
“ผมไม่เคยกลัวมันเลยแค่พูดไม่ออก หนี้บุญคุณและคำสัญญาที่ผมปฏิญาณไว้ทุกวันกับหวังเจิ้งจินมันบังคับใจ พวกเราเคยสัญญาว่าต้องดูแลและสนับสนุนลูก ๆ ของเขา ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรต้องทำเพราะหนีความหิวโหยและต้องการที่ซุกหัวนอน”
“คุณลุงโตมาพร้อมกันเหรอคะ?”
“5 คน! หวังฉวนไปเรียนที่รัสเซีย เขาอายุน้อยกว่าผม 4 ปีพอเขากลับมาก็เข้าทำงานการเมือง ผมได้เป็นทหารพร้อมกับเพื่อน ๆ อีก 4 คน แต่ 3 คนต้องตายเพราะรับผิดแทนมัน” สายตาของคุณลุงเจ็บปวด
“มันก็ไม่ใช่คนดีนี่คะ ทำไมคุณลุงถึงซื่อสัตย์ได้นานขนาดนี้นะ?”
“ผมไม่ได้สบายใจนักหรอกแต่ก็ยอมมันมาตลอด ผมทำงานชั่ว ๆ มากมายเป็นถนนให้เดิน เป็นบันไดให้ก้าวขึ้น เป็นแพยางรองรับยามเพลี่ยงพล้ำ”
“สุดท้ายถึงวันนี้คุณลุงก็ถูกลืม” ฉันถือโอกาสยุแยง
“มันทำแบบนี้ดีแล้ว ผมโล่งอกมากที่หนี้บุญคุณจบลงไปสักที” เขาเหลือบตามองมาดวงตาแจ่มใสขึ้น
“หนูอยากรู้เรื่องแอนนาค่ะ ไปเจอกันได้ยังไง?” ฉันได้ฟังเรื่องราวจากเธอมาบ้างแต่มีอีกหลายมุมที่ฉันไม่รู้
“อ๋อ!...สมัยก่อนเวลาว่างผมมักจะไปส่องหานักศึกษาเก่ง ๆ มาฝึกเป็นทหาร ผมคว้าตัวแอนนามาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบส่งไปฝึกทุกอย่าง เธอบ้าบิ่นอยากเป็นนักบิน แต่ผมเห็นว่าความสามารถของเธอมีมากกว่านั้นเลยแอบสั่งให้เธอสอบตกหน่วยรบพิเศษ ตอนนั้นผมอยากให้เธอไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ตามที่เรียนมาอยากให้ได้เรียนรู้เพิ่มจากนาตาลี”
“อ๋า! เธอเคยเล่าให้ฟังว่าสอบตก แล้วคุณลุงทำยังไงให้สอบตกได้คะ?”
“แอนนาฉลาดไหวพริบดี ในการแก้ปัญหาเดียวกันเธอมักจะตัดสินใจได้ถูกจังหวะกว่าทุกคนและสอบภาคสนามผ่านในเกรดสูงเทียบเท่าทหารผู้ชาย วิชาคำนวณชนะทุกคน แต่ผมบังเอิญเจอจุดอ่อนที่เธอซ่อนไว้” ท่านนายพลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เหรอ!เหรอ?” ฉันก็อยากรู้เตะขาดึ๋ง ๆ...“อะไรคะบอกหนูหน่อย?”
“ตุ๊กแกผี! แอนนากลัวตุ๊กแกกับผี ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาดูมีความสุข
“แหมเก็บเงียบเชียวนะเจี่ยเจี้ย หนูคิดว่าเธอไม่กลัวอะไรเลยซะอีกแล้วเก้อเฉิงล่ะคะมาได้ไง?”
“เก้อเฉิงมาจากสถาบันเดียวกันเรียนเอกฟิสิกส์นิวเคลียร์เป็นตัวท็อปของรุ่น เขามาจากหมู่บ้านชนบทแถบฮาร์บินรอยต่อจีนกับมองโกเลีย ทั้งแอนนาและเก้อเฉิงเป็นนักศึกษาในโครงการบัณฑิตในฝันของรัฐบาล เธอรู้จักมั้ยที่เขาคัดจากนักศึกษาทั้งประเทศ?”
“หนูก็เคยคิดจะไปสอบเหมือนกัน แต่มันไม่มีสาขาการแสดงและหนูก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคฯด้วย ช่างเถอะค่ะเล่าเรื่องแอนนาต่อดีกว่า”
“แอนนาสมบูรณ์แบบทุกอย่าง สวยอย่างกับไซซี เก่งกล้าเหมือนพระนางฉื่อสีไทเฮา...แค่เธอยิ้มให้หนุ่มคนไหนไอ้นั่นก็ดวงตกแล้ว”
“เหรอ?” ฉันเด้งเลยสนใจมาก...
“ทำไมล่ะคะคุณลุง?”
“โดนกระทืบน่ะสิ! เธอมีแต่คนหมายปอง ไอ้ไมเคิลมันโชคดีมากที่ได้เพชรเม็ดนี้ไป” เขาหมายถึงซอน
“สวยขนาดมัจฉาจมวารี เจี่ยเจี้ยสุดยอด” ฉันปลื้มมาก
“แต่ผมแปลกใจอยู่อย่าง แอนนามาสนิทกับนาตาลีได้ยังไงขมิ้นกับปูนชัด ๆ ?” เขายิ้มภูมิใจในตัวลูกน้องสาว
“ทำไมคะ สองคนนั้นรักกันจะตาย?”
“ก็ใช่น่ะสิ! เมื่อก่อนคุณรู้มั้ย..แอนนามีความทะเยอทะยานสูงและโดดเด่นหาคนเปรียบเทียบได้ยาก แต่พอเจอกับนาตาลีก็ไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่วันแรกบ่นเช้าเย็นอยากกินหัวทุกวันจนผมต้องจับแยก ขี้อิจฉาทั้งที่ตัวเองก็เก่งไม่น้อยกว่านาตาลีเลย แต่ก็อย่างว่าแหละ!...เธอไม่เคยแพ้ใครจนกระทั่งมาเจอเด็กอัจฉริยะ”
“ตอนนี้ทั้งคู่ก็ไปด้วยกัน แอนนากำลังไปเด็ดหัวหวังฉวนเข้าไปปักกิ่งกันแล้ว”
“เห่ย! พวกเธอไม่มีใครคิดจะยอมแพ้เลยเหรอ ไม่ห้ามเลยเหรอ?”
“คุณลุงคะ!ยอมแพ้ไม่ได้จูยอนเป็นคนดีไม่ได้ร้ายโดยชาติกำเนิด เธอไปทำงานกับยอร์นเพราะความแค้นส่วนตัวค่ะ พวกหนูก็ติดหนี้บุญคุณเธอเหมือนกับคุณลุงติดหนี้หวังฉวนนั่นแหละ”
“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ฉันสะอึกเสียวหัวใจแว้บไม่อยากพูดถึงรีบป้อนข้าวแล้วส่ายหัว...
“หนูได้แต่ภาวนาให้แอนนาเข้าถึงตัวหวังฉวน ขอให้นาตาลีเอานกหวีดไปเป่าใส่หวังฉวนสำเร็จ” ฉันไม่อยากให้หัวใจหมองคุยเรื่องความหวังดีกว่า
แต่พอเขาตอบมาฉันช็อคหมดหวัง...
“นกหวีดของแอนนาใช้ไม่ได้ตั้งนานแล้วไม่รู้หรือไง ไปหาที่ตายชัด ๆ”
“อ้าว! แล้วของนาตาลีล่ะคะ เธอได้ของยอร์นมา?”
“อันนั้นไม่รู้สิ! ผมไม่รู้เลยแต่ที่รู้แน่ ๆ คราวนี้นาตาลีตายแน่” น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันวืด คุยกันมาดี ๆ แท้ ๆ มาแช่งของรักกันซะได้
“คุณลุงอย่าแช่งสิ! พวกเราทำใจแล้วชีวิตจะจบแบบนี้ก็ไม่เป็นไร หนูภูมิใจตัวเอง” จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด
“จะตายแล้วก็ยังภูมิใจเหรอ?” เขายิ้มเยาะเจ็บใจจี๊ด
“คุณลุงเถอะ! เคยภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองจริง ๆ มั้ย? ความสำเร็จของคุณลุงมีเจ้าของรออยู่แล้ว คุณลุงใช้ชีวิตด้วยการยืมความฝันของคนอื่นเป็นเงาที่ไม่เคยได้ตัดสินใจเอง”
“ยังไง?” เขาเสียงแข็งเหล่มอง
“ก็คุณลุงทำอะไรสำเร็จก็ตามผลงานนั้นก็เป็นของหวังฉวน เขาต่างหากที่จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวิติศาสตร์ ส่วนคุณลุงก็แค่...เงา” ฉันพูดแรงไปมั้ย เขาจะโกรธมั้ยเนี่ยะ?
“เจ็บนะเนี่ยยายหมวย! ปากเธอนี่มันอาวุธทำลายล้างชัด ๆ” เขายิ้มเว้ยเฮ้ยมั่วเลยก็แล้วกัน...
“คุณลุงคะ! เราไปช่วยแอนนากันมั้ย กินอีกคำค่ะ” ฉันรีบบรรจงป้อนแล้วเช็ดปากให้อย่างดี
“จะช่วยยังไงได้ ผมว่าเรียกพวกเธอกลับมาแล้วหนีกันไปไกล ๆ ซะดีกว่า นกหวีดทำอะไรพวกเธอไม่ได้อยู่แล้ว”
“หนีทำไม หนูเชื่อว่าเดอะแก๊งชนะแน่ ๆ”
“ใครวะ?”
“กองกำลังแห่งอนาคตค่ะ คุณลุงลืมไปหรือเปล่าว่าโดรนเล็ก ๆ ลำเดียวฆ่าทหารได้ทั้งกองทัพ พวกเขามีมากกว่าแสนคนนะคะ เอ้าดื่มน้ำค่ะ!” ฉันโม้ไว้ก่อน
เขาขยับตัวสนใจ...
“แล้วยังไง!...ข้าวไม่เอาแล้วพูดต่อสิ?” เขาติดเบ็ดแล้วได้เวลาเชือด
“คุณลุงไม่อยากกลับบ้านเหรอคะ?”
“อยากสิ”
“อยากกลับไปอย่างผู้ยิ่งใหญ่หรือกลับไปกราบกรานหวังฉวนอีก” ฉันมองสบสายตาวัดใจ
“ต้องยิ่งใหญ่สิ! เราไว้ใจกันไม่ได้แล้ว”
“ถ้าช่วยหนู…คุณลุงกลับไปเป็นฮ่องเต้ได้เลย คุณลุงเป็นคนเก่งมีบารมีแต่โดนหวังฉวนบดบังมาตลอด หนูจะช่วยคุณลุงเอง” ฉันเห็นโอกาสรีบหยอด
“อย่ามาพูดมั่ว ๆ ตัวเองยังเอาไม่รอด เล่าสถานการณ์ให้ฟังหน่อยสิ”
“เหลียวหนิง จี้หลิน หลงเจียงโดนหนูยึดได้แล้วค่ะ”
“ล้อเล่นน่า!” เขาสะดุ้งโหยง ถ้าไม่ติดสายน้ำเกลือเขาคงกระโดดลงมาแล้ว
“จริงค่ะ” ฉันเห็นท่าทางแบบนี้ยิ่งใจชื้น
แต่...
“ใกล้โดนนิวเคลียร์แล้วสินะ” เอ๋า! ทำไมพูดอย่างนี้
คำว่านิวเคลียร์ได้ยินเบา ๆ ก็ขนตูดตั้งแล้ว แต่ฉันต้องเก็บอาการกลัวมองข้ามช็อตไปเลย...
“ถึงนิวเคลียร์ลงที่นี่ แต่ยังไงกลุ่มเดอะแก๊งก็เข้าปักกิ่งได้ คิดว่าพวกเขาจะไม่ล้างแค้นเหรอคะประเทศที่จะไร้ผู้คนคือจีนนะคะ”
วัดใจกันไปเลย อย่างน้อยเขาก็เคยทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินมาทั้งชีวิต เขาอาจจะไม่สนใจเรื่องอื่นที่ฉันพยายามหว่านไปแต่ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่ทิ้งอุดมการณ์เรื่องชาติ
“จริงว่ะ! แต่หวังฉวนคงไม่ได้คิดอย่างเธอเมื่อจวนตัวมันยิงแน่ พวกผู้นำหาเรื่องก่อนแต่ตายทีหลังทุกครั้ง”
“หนูอยากให้สงครามสงบแล้วให้คุณลุงกลับไปปกครองบ้านของเราและเป็นพี่ใหญ่ช่วยปกป้องเกาหลีด้วย พวกหนูก็อยู่อย่างที่คุณลุงเห็นนี่แหละไม่ได้ทะเยอทะยานอยากทำสงคราม ถ้ามีเวลาให้นาตาลีได้ทำวัคซีนโลกนี้ก็ตกเป็นของคุณลุงคนเดียว” ฉันติดสินบนเพียบเลย
ท่านนายพลส่ายหน้าไม่งับเหยื่อ...
“ผมไม่ใช่เด็กอย่าเอาขนมมาล่อ” เขาหันหน้าหนี
“หนูเชื่อว่า เราชนะแน่แต่ติดแค่นิวเคลียร์ ถ้ามันยิงมาก่อนพวกเราจะทำงานยากขึ้น”
“กองทัพจีนมีทหารมากกว่า 3 ล้านนายนะหมวย?”
“คุณลุงรู้จักนกหวีดดีนี่คะ! โอกาสที่คุณลุงต้องเลือกครั้งสุดท้ายและครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจโดยไม่มีใครมากดดันความคิด คุณลุงจะยืนข้างหนูและทำเพื่อประชาชนด้วยหัวใจเป็นธรรมหรือเพิกเฉยรอความตายเพื่อให้เข้าทางของหวังฉวน อนาคตของจีนอยู่ที่การตัดสินใจครั้งนี้ค่ะ” ฉันเน้นเสียงเจาะใจหวังผลก่อนจะลุกขึ้นเก็บจานอาหารใส่รถเข็นแล้วจับตัวท่านนายพลเอนนอน
“ลองคิดดูนะคะ!” ฉันรู้ดีว่าคนระดับนี้กดดันไม่ได้ นอกจากทำให้เขาตัดสินใจเองหมุนตัวกลับวัดใจกันอีกครั้ง
“...............” ฉันก้าวขาช้า ๆ หวังว่าจะโดนเรียกกลับ
“ช้าก่อนหมวย!...ไปเรียกเก้อเฉิงมาทีสิ”
ครั้งนี้ไม่ผิดหวัง ฉันหมุนตัวใส่เกลียวซัมเมอร์ซอลล์ดีใจสุดขีด...
“ทันทีเลยค่ะ! Yes…sss!!!” ฉันกำหมัดสะใจวิ่งจู้ดร้องลั่นโรงพยาบาล
ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าสงครามครั้งนี้ใครจะชนะและชนะได้อย่างไร รู้แค่เพียงว่าเมื่อโดนบังคับให้สู้ก็ต้องสู้และหาคนที่มีมูลค่าพอมาช่วยกัน
....................................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |