หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 20 ต.ค. 2568 |
8 กันยายน ค.ศ. 2026
เกาหลีเหนือ ชายแดนฝั่งทะเลตะวันออก(ทะเลญี่ปุ่น)
1 วันก่อนสิ้นโลก เมืองฮัมฮึง...
“ฟ้าว!!!..” เสียงเครื่องบินรบกระหึ่มท้องฟ้า
ไฟกระพริบจากท้ายฝูงบินเกาหลีตระเวนคุ้มครองชายฝั่งพุ่งทะยานออกไปกลางทะเล
จองโบริมนายทหารสาวนั่งยิ้มมองจากโขดหินริมทะเลอย่างอุ่นใจ กลุ่มเดอะแก๊งกระจายตัวซุ่มซ่อนหลังโขดหินห่างกันไปตามโค้งของอ่าวสุดสายตา
“โบริมนูน่า! มันจะเข้ามาทางนี้ใช่มั้ย?” เด็กหนุ่มหัวหน้ากลุ่มเดอะแก๊งเดินเข้ามา
“อ้าว! คยองบอมมาเงียบเชียวนะ นั่งก่อนสิ!” เธอหันไปยิ้มแล้วยื่นมือรับมานั่งข้างกัน
“ซู่! ซ่า!” คลื่นทะเลซัดพรายฟองขาวกระทบผืนทรายด้านล่าง
“ถ้ามันเข้ามา มันจะขึ้นฝั่งที่นี่แหละ เพราะจุดนี้เป็นจุดที่ขึ้นง่ายที่สุด”
“โบริมนูน่า! เรือดำน้ำของเราไปไหน ตอนผมเรียนหนังสือเขาบอกว่ามี 70 กว่าลำแน่ะ”
“เราไม่มีทั้งเรือรบและเรือดำน้ำค่ะ มีแต่เรือลาดตระเวนชายฝั่งลำเล็ก ๆ นั่น” เธอชี้ลงไปท่าเรือชายฝั่ง
“วันนี้ทะเลสงบแต่หัวใจของผมเต้นรัวมาก ผมได้ยินว่าเรือรบของมันมาใกล้แล้ว” เด็กหนุ่มนั่งมองไปเวิ้งน้ำด้านหน้า
“สหายกลัวเหรอ?” โบริมดึงน้องมากอดคอ
“แค่ตื่นเต้นครับ! ผมฝึกอย่างตั้งใจทุกวัน พวกเราฝึกอย่างหนัก ซอนเซมบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวแค่ทำเหมือนทุกวัน พวกเราพิมพ์ค้นหาคำสั่งแข่งกันจนเชี่ยวชาญทุกคน” หนุ่มน้อยยิ้มกว้างยกแท็บเลตขึ้นโชว์
“ซอนเซมเก่งมากเลยนะที่คุมพวกสหายอยู่ แต่ละคนแสบ ๆ ทั้งนั้น เขาดุมั้ย? ด่าแรงหรือเปล่า?”
“เซมไม่เคยด่าใครเลยและไม่ดุด้วย เขามักจะตั้งคำถามให้พวกเราคิดกันเอง การแข่งขันก็ให้ตั้งกติกากันเองทั้งแข่งกับเพื่อนและแข่งกับตัวเอง ผมศรัทธาเซมมากอยากไปสนามรบด้วยแต่...โชคไม่ดี...” เด็กชายเสียงอ่อยอมยิ้มมองกลางทะเล
จองโบริมเหล่มอง…
“สหายหมายความว่ายังไงโชคไม่ดี มาอยู่กับฉันโชคไม่ดีเหรอ?”
“แหะ!แหะ! ผมล้อเล่น”
โบริมกอดคอแล้วมองไปกลางทะเล...
“แต่สหายโชคไม่ดีจริง ๆ แหละ จุดนี้อันตรายที่สุดป้องกันยากที่สุด”
เจ้าคยองบอมกลับดี๊ด๊าดีใจ...
“งั้นดีเลย! เซมเคยบอกว่าตรงไหนที่ยากที่สุด ตรงนั้นจะมีฮีโร่ ผมอยากเป็นฮีโร่ให้เซมภูมิใจ” เขายิ้มตาลอย
“พวกสหายรักซอนเซมมากเลยเหรอ?”
“คำว่ารักไม่พอเรียกครับ พวกเราเรียกว่า ศรัทธา” เขาเงยหน้ายิ้มภูมิใจ
“ฉันก็ศรัทธานินจาเซมเหมือนกัน พวกนายเตรียมตัวกันดี ๆ นะ ซ่อนตัวเงียบ ๆ รอให้มันเข้ามาใกล้”
เสียงวิทยุทหารดัง...“ซองนาฮีเรียกจองโบริม!”
เธออมยิ้มก่อนตอบกลับ...“เย่! ว่ายังไงนาฮี?”
“สหายอยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยู่ริมทะเลฮัมฮึง สหายล่ะ?”
“ฉันอยู่ริมทะเลราจิน”
“โอ้โห! อยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไกลสงครามมาก โชคดีจัง”
“สหายอีจองอักสั่งให้ฉันย้ายไปอยู่กับสหายแล้ว กำลังเตรียมเครื่องบินกันอยู่”
“ว้าว!” โบริมกระเด้งดีใจ...“ดีจังเลย รีบ ๆ มานะ คิดถึงมากไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“ฉันไม่เข้าใจสหายผู้พันจริง ๆ ทำไมถึงให้พวกเราดูแลเด็ก เกะกะ วิ่งเล่นโดรนกันไม่รู้จักกลัวตายเลยหรือไง” นาฮีบ่นใส่น้ำเสียงรำคาญ
“ของฉันก็มี 250 คนน่ารักจะตายไป ของเธอล่ะมีกี่คน?” โบริมยิ้มแย้มสุขใจ
“300 คน ซนเป็นลิงเลยปวดหัวมาก” นาฮีไม่สบอารมณ์
“พวกเขาเชื่อมั่นและมุ่งมั่นมาก ไม่มีใครกลัวตายสักคน อยู่กับเด็กวัยรุ่นมีความหวังสดใสและสนุกมากด้วย ฉันชอบ!”
“แต่ฉันหวั่นใจจัง กองทหารจีนใหญ่มาก ทหารของเราก็ยังไม่เก่ง เด็กพวกนี้จะทำอะไรได้เหรอ?” ซองนาฮีเสียงอ่อย
“85!” โบริมเสียงแข็งสวนกลับทันที...
“เธอหมดความศรัทธาในตัวสหายผู้นำแล้วเหรอ?”
“เอ่อ!…ฉันกลัว! ฉันเห็นแต่ความมืดมน”
“กลัวอะไร กลัวตายเหรอ?”
“ใช่! แต่ไม่ใช่ฉันนะ”
“ใคร?”
“ผู้นำทั้งสองคนและตอนนี้สหายผู้บัญชาการของเราก็ยังเสี่ยงไปจีนอีก”
“เธอคงเสียใจมากที่เพื่อนรักต้องเจ็บตัว”
“กลับมาให้ได้เห็นหน้าอีกนะ 88 ของฉัน” นาฮีเสียงอ่อย
“ฉันก็ภาวนาให้เธอปลอดภัย เรามาช่วยกันให้หนักขึ้น แผ่นดินนี้เป็นของเราอย่าให้เป็นภาระคนอื่น สหายผู้บัญชาการและเพื่อน ๆ ไม่มีความจำเป็นต้องช่วยพวกเราเลยสักนิด แต่เธอก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอรักษาสัญญา”
“เป็นห่วงจังเลย...”
“สหายคิดให้เหมือนกันนะ! คิดถึงสหายครูฝึกของพวกเราไว้ เจ็ทโด้เซมเคยบอกไว้ว่า ขอให้เชื่อใจใครสักคนแล้วความกลัวจะหายไป ฉันจะเชื่อใจนินจาเซมจนวันสุดท้าย”
“เย่!”
จองโบริมอดีตหัวหน้าหน่วยทหารฝึกหัดของนาตาลี หันไปยิ้มกับคยองบอม...
“บางครั้งชีวิตก็ไม่มีทางให้เลือกมากนัก คนเก่งคนฉลาดจะใช้โอกาสเพียงเล็กน้อยเพื่อทำให้มันสำเร็จ คยองบอม! สหายจะเป็นคนคนนั้นใช่มั้ย?”
“เย่นูน่า ผมจะเป็นฮีโร่”
เสียงวิทยุทหารดังขึ้น...
“ฐานเรียก สหายผู้กองจองโบริม”
“เย่! จอง! โบ! ริม!”
“กองเรือรบของจีนมาถึงเกาะเชจูเกาหลีใต้แล้ว เตรียมพร้อมด้วย”
“เย่!”
โบริมลุกยืนแล้วหันไปสั่งคยองบอม...
“สหายทำหน้าที่หัวหน้าให้ดี สั่งการไปให้ทุกคนเตรียมพร้อมเรือรบจีนมาถึงเกาะเชจูแล้ว”
เธอยกวิทยุแล้วหันไปมองรถยิงต่อต้านขีปนาวุธริมชายหาด...
“จ่ามาฮันนา!”
“เย่”
“เตรียมตัวต้อนรับกองเรือจีน”
......................................................................
กลางทะเลตะวันตก (ทะเลเหลือง)
กองเรือรบของจีนลอยลำดาหน้าเข้าหาฝั่งเกาหลีเหนือนับร้อยลำ กองเรือแล่นปิดน่านน้ำรุกคืบเข้ามา เรือพิฆาตแล่นโต้คลื่นนำหน้าระดมยิงขีปนาวุธจากน้ำขึ้นสู่ฝั่ง เรือบรรทุกเครื่องบินปล่อยฝูงบินตระกูล Su ขึ้นเวหา...
“ฟุ่บ!ฟุ่บ!ฟุ่บ!ฟุ่บ!” ลูกไฟพุ่งตรงขึ้นฟ้าก่อนจะหักหัวพุ่งฝ่าความมืดขึ้นฝั่งเป้าหมายเมืองชายทะเลนัมโพ
“บรึ้ม!!บรึ้ม!!บรึ้ม!!บรึ้ม!!บรึ้ม!!” จรวดพุ่งเหมือนดอกไม้ไฟเข้าชนกับขีปนาวุธต่อต้านของฝั่งเกาหลีเหนือ ท้องฟ้าแดงวูบวาบ
“ฟ้าว!!!” ฝูงบินรบขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินฝูเจี้ยนอย่างต่อเนื่อง เกาหลีเหนือโดนอย่างหนักทั้งจากทางน้ำและทางอากาศ
ทันใดนั้น…
“ฟ้าว!!” ฝูงบินเกาหลีโฉบลงมาประกบ
เกาหลีเหนือโต้ตอบกลับด้วยฐานยิงขีปนาวุธภาคพื้นดิน ท้องฟ้าสว่างวับวาบไปด้วยลำแสงหลากสีพร้อมกับเสียงระเบิดดังกัมปนาท
..........................................................
ชายหาดเมืองนัมโพ เกาหลี
ปราการป้องกันเมืองหลวงทางทะเลเป็นเป้าหมายแรกที่จะถูกทำลาย จรวดถูกยิงจากกลางทะเลลอยโค้งมาชนกับจรวดต่อสู้ภาคพื้นดินก่อนเข้าสู่ผืนแผ่นดิน
“บรึ้ม!...” บนท้องฟ้าแดงฉานไปด้วยลูกไฟ
“แว๊น! แว๊น! แว๊น!” แสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์ของกลุ่มเดอะแก๊งไต่จากภูเขาสูงลงมาที่ชายหาด
หัวหน้าทีมส่งสัญญาณมือให้หยุด...
“พวกเรามาประชุมกันก่อนแยกย้ายนะ หน้าที่ของพวกเราคอยปกป้องผืนดินฝั่งใต้ เราจะเข้าประจำที่ต่อจากลำโพงยักษ์ดอกสุดท้ายที่อินชอนห่างกันคนละ1 กิโลเมตร ใครมีอะไรสงสัยมั้ย?”
จองอุงอิลหัวหน้าของเดอะแก๊งเปิดประชุมด้วยรอยยิ้ม ท่าทางเป็นคนหัวอ่อนเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้าน
“พวกเราเงียบ ๆ ฟังพันจังนีมก่อนจะได้รีบไปต่อ” เดอะแก๊งขยับรวมกลุ่มเตรียมพร้อม
เด็กชายตัวเล็กหัวเกรียนใบหน้ามอมแมมดวงตาแดงช้ำสวมเสื้อเหลืองตัวโคร่งเดินเข้าแทรกไปนั่งข้างหน้ายกมือ...
“พันจังนีมทงมู! เรายังไม่ได้กินข้าวเลย” เขาทำวงประชุมสะดุ้งหันมอง
“หือ!” หัวหน้าก้มลงไปมองสหายตัวเล็กผอมเกร็งกำลังหอบเหนื่อย...
“จะออกรบอยู่แล้ว สหายยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอ ทำอะไรอยู่?”
“เรารีบเกาะรถทหารตามมาเลยยังไม่ทันได้กิน” เขาพูดดวงตาใส
อุงอิลควักขนมจากกระเป๋าส่งให้...
“สหายกินโฮต็อกรองท้องไปก่อนนะเดี๋ยวค่อยไปหาอะไรกินใหม่”เขายิ้มยื่นขนมรูปร่างคล้ายแพนเค้กให้เพื่อนแล้วหันไปพูดกับที่ประชุม...
“สหาย! ถ้าเราจับเรือของจีนได้แค่ลำเดียว พวกเราจะชนะศึกนี้”เขาเริ่มปลุกขวัญเพื่อน
“เย่!...”
กลุ่มเพื่อนอีกกว่า 200 ชีวิตคึกคักร้องรับเสียงดังอย่างมั่นใจ
ทันใดนั้น...
“ต้องทำยังไงเหรอ?” เจ้าเด็กที่นั่งกินขนมอยู่ข้างขาเอียงคอมอง กองกำลังเงียบกริบ
อุงอิลอึกอัก...
“อือ!..นั่นน่ะสิ! ใครคิดออกบอกด้วย” เขาตอบอ้อมแอ้ม
“พันจังนีม! บ้านเราอยู่ชายทะเลให้เราขับเรือเล็กออกไปไหมล่ะ เราทำได้?” เขาเคี้ยวขนมตุ้ยตุ้ย
“ไม่ได้หรอกอันตรายเกินไป ถ้าพลาดจะไม่ได้กลับบ้าน” อุงอิลชำเลืองมอง
“ถ้าเราแพ้ก็ไม่ได้กลับบ้านเหมือนกันนะ” เจ้าตัวเล็กยักไหล่ไม่ได้กลัวเกรงความตายเลย
“เอ่อ!...” จองอุงอิลอึ้ง
“พันจังนีมอย่าไปยุ่งกับมัน สหายกินไปเงียบ ๆเลย” เพื่อน ๆ ชักขัดใจ
หัวหน้าพูดต่อ...
“สหายทหารบอกว่า พวกมันเข้าใกล้ไม่ได้หรอก ในน้ำมีแต่ทุ่นระเบิด”
แต่เจ้านั่นยังคงสวนมาเสียงหนืด...
“เชื่อเราสิสหาย เรื่องแค่นี้...เราทำได้สบายมาก”
“ไม่ได้! สหายทหารวางแผนมาให้แล้ว เราต้องปฎิบัติตาม”
“อยากแพ้ก็ตามใจ!” พอกินขนมหมดก็ลุกขึ้นยืนปัดกางเกง ลำตัวเขาเล็กมากจนเสื้อที่ใส่ดูหลวมโคร่งยาวเกือบถึงหัวเข่า ความสูงก็แค่หัวไหล่ของเพื่อน ท่าทางยังเด็กกว่าทุกคนในกลุ่ม
อุงอิลเมินหน้าหันไปหากลุ่ม...
“ด็อกซุน!” โดรนของสหายบินได้ไกลแค่ไหนกี่กิโลเมตรรู้ใช่มั้ย?” เขาชวนคุยกลบเกลื่อน
“4 กิโล บินได้ครึ่งชั่วโมง”
“มีของใครบินได้ไกลกว่านี้มั้ย?”
“4 กิโลไกลสุดแล้วสหาย! บางลำเรียกไม่กลับแล้ว”
“ของฝั่งใต้บินได้ตั้ง 6 กิโลแต่ซนพันจังเอาไป”
ในกลุ่มเริ่มเสียงแตกคุยกันจอแจ...
“อันที่ยึดมาจากทหารจีนมีจอทีวีด้วย อันใหญ่เท่ารถกระบะโคตรเทพเลย คิมจูฮันมันได้ไป” เสียงอิจฉาดังลั่น
“ก็มันชนะที่ 1 มันก็ต้องได้สิ สหายสอบได้ที่เท่าไหร่?”
“620”
“โอ้...บ้านนอกมาก ไกลความเจริญสุดกู่”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”
“จูฮันได้ไปกับเยวอนเซมด้วย อยากไปจัง” เพื่อน ๆ คุยกันเรื่อยเปื่อย
จองอุงอิลหันมองไกลไปกลางทะเล เส้นขาวปุกปุยของจรวดถูกปล่อยมาจากเรือรบยังถูกปล่อยมาไม่ขาดสาย เสียงระเบิดดังสะเทือนไปทั่วทั้งผืนฟ้า เด็กหน่มสายตาครุ่นคิดยกวิทยุขึ้นมาอย่างรอคอย
“น่าอิจฉาพวกที่ไปจีนได้ของญี่ปุ่นใช้ด้วย ในจีนก็มีทั้งโดรนทั้งมอเตอร์ไซด์เสียดายเราน่าจะจับฉลากได้ไปด้วย” ทั้งกลุ่มบ่นอื้ออึง
เจ้าตัวน้อยยิ้มมุมปากเมินการถกเถียงเดินเข้าไปเบียดอุงอิลแล้วกระซิบ...
“สหาย!...เราเอาเรือเล็กออกไปได้ไหม?” เจ้าตัวเล็กตื้อไม่เลิก
“เสี่ยงเกินไปเรือของเราหนีไม่ทันหรอก เซม! สั่งว่าห้ามเสี่ยง”
“เสี่ยงตรงไหนไม่เสี่ยงเลยสักนิด เรือของเราลำใหญ่”
อุงอิลเมินหน้าหนีไปกลางทะเลแล้วชี้ไปที่แสงจรวดพุ่งฝ่าความมืดขึ้นฟ้า แล้วตะโกนดังถามเพื่อนในกลุ่ม...
“สหายคิดว่าจุดนั้นอยู่ไกลมั้ย?”
“นั่นมันไม่ต่ำกว่า 10 กิโลนะ ไกลมากนะสหายโดรนของเราบินไม่ถึงหรอก”
“เราว่าไกลกว่า 30 กิโลเมตร”
“เราว่า 50”
“100 กิโลมั้ง”
“300!” เจ้าตัวแสบตอบเงียบกันทั้งวง
อุงอิลไม่สนหันไปกระตุ้นเพื่อน...
“พวกเราเป็นกุหลาบดินที่รอวันเบ่งบาน เรามาสอนทหารจีนให้รู้จักกับเดอะแก๊งค์กันเถอะ พร้อมหรือยัง?” เขาชูโดรนเหนือหัว
“เย่!!”
“พวกเราแยกย้ายกระจายไปตามแนวชายฝั่ง หาที่หลบให้มั่นคงรอให้เรือพวกมันเข้าใกล้รัศมี 4 กิโลเมตร ปล่อยโดรนได้เลยไม่ต้องรอคำสั่ง”
“เย่!!”
“สหายด็อกซุน!”
“เย่!”
“นำทีมไปอินชอน!”
“เย่!” กลุ่มเด็กคะนองวิ่งแยกย้ายไปหารถมอเตอร์ไซด์คู่ใจ...
“แว๊น!แว๊น!แว๊น!แว๊น!” ฝูงมดแตกรังไปแล้ว ดวงไฟจากมอเตอร์ไซด์แยกไปทางซ้ายเลาะชายทะเลเข้าฝั่งอินชอน เกาหลีใต้
จองอุงอิล...ยืนมองตามกลุ่มเพื่อนแล้วขยับจะไปที่รถมอเตอร์ไซด์ของตัวเอง
ทันใดนั้น...
“ช้าก่อน! อุงอิลพันจังนีมทงมู” เจ้าตัวเล็กดึงแขนไว้...
“เชื่อเราสิ! เราขับเรือได้ บ้านเรามีเรือ” มันตื๊อไม่เลิก
“ไม่เอา!”
“อยากจะกินปลา ถ้าไม่ลงน้ำจะได้กินเหรอ?” เจ้าตัวน้อยก็ไม่ยอม
“เรายืนตกเอาชายฝั่งก็ได้”
เจ้าตัวเล็กเท้าเอวเหล่มอง...
“เด็กจริง ๆ คนสิ้นคิดเท่านั้นแหละที่ยืนตกปลาชายฝั่ง คนพวกนั้นมันพวกปลายแถวได้กินแต่ลูกปลา หัวหน้าก็เป็นพวกปลายแถวเหรอ?” น้ำเสียงเชือดคอสายตาเชือดเฉือน
“..........”
“เอาอย่างนี้เพื่อความสบายใจของพันจังนีม เรามาทายปัญหากัน ถ้าพันจังตอบได้ ไม่ต้องไป”
“ไม่เอา!”
“กลัวแพ้ล่ะสิ เด็กจริง ๆ เลย” เจ้าตัวเล็กเตะพื้นทรายหัวเราะร่วน
“ถามมาเลย” อุงอิลเป็นเด็กฉลาดที่จูยอนไว้ใจมาก แต่เด็กวัยนี้ฆ่าได้หยามไม่ได้และในตำแหน่งหัวหน้าทีมมิอาจปฎิเสธคำท้าทาย
เจ้าตัวเล็กอมยิ้มเจ้าเล่ห์...
“ถ้าพันจังนีมวิ่งแข่งรอบสนามฟุตบอล 10 รอบทั้งเหนื่อยและหิวน้ำที่เส้นชัยมีน้ำวางอยู่ 2 แก้ว แก้วหนึ่งเป็นยาพิษอีกแก้วเป็นเยี่ยว พันจังนีมจะกินแก้วไหน?”
“กินเยี่ยวสิ!” อุงอิลตอบอย่างมั่นใจ
“ทำไมพันจังนีมไม่กินน้ำล่ะมีตั้ง 2 แก้ว”
“เอ่อ!...”
“ป่ะ!” เจ้าตัวน้อยจูงมือเดินนำ
กองทัพตัวน้อยจิตใจยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นของวัยรุ่น กล้าหาญปะฉะดะ เหตุผลไม่จำเป็นเท่ากับความสะใจ ความสำเร็จเป็นเป้าหมาย ความตายไม่อยู่ในหัว ความกลัวไม่มี ถ้าเจอสตรีทิ้งงาน
......................................................................
ฉางชุน มณฑลจี้หลิน
ฐานปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์
รถยนต์ไต่ขึ้นภูเขาคดเคี้ยวแสงไฟหน้าจับพื้นถนนกรวด เยวอนนั่งนิ่งเงียบสายตากังวลกับท้องถนน
“เซมครับทำไมไม่ถึงสักที” จูฮันถามน้ำเสียงเริ่มไม่มั่นคง
“ของสำคัญมันต้องซ่อนลึก เราเสียเวลาหาข้างล่างตั้งนาน”
“เซมแน่ใจเหรอว่าทางนี้”
“สหายไม่มีสัญชาติญาณของคนขับบ้างเหรอ? ผิดหรือถูกสหายต้องรู้ก่อนสิ” เยวอนโยนปัญหากลับไป
จูฮันมุ่งมั่นไปต่อในพื้นที่แปลกตา รถยนต์ไต่ขึ้นเนินหักศอกสูงชันไปทีละขั้น ผ่านผืนป่าและป้อมปราการที่เป็นระเบียบ
เมื่อรถยนต์ขึ้นถึงที่ราบด้านบนเนินสุดท้าย จูฮันร้องลั่นชี้นิ้ว..
“ป้อมทหาร”
“สหายเตรียมปล่อยโดรน!” เยวอนกระโดดลงก้มหลังวิ่งไปแอบหลังต้นไม้สายตามองจ้องไปที่ประตูค่าย เงากลุ่มคนยืนจับกลุ่มอยู่หลังรั้ว
จูฮันนั่งประกอบชิ้นส่วนโดรนแล้วปล่อยบิน
“วื้ด!” โดรนบินตรงขึ้นฟ้า เสียงหวีดหวิวพลิ้วผสมสายลมปลุกกลุ่มคนด้านใน...
“Messiah! Messiah! Messiah!”
“ฉันอยากได้หัวผักกาดมาทำกิมจิค่ะ” เสียงของจูยอนยังคงทำหน้าที่ปกป้องพี่น้องเกาหลี
จูฮันตะโกนบอกเยวอน...
“เซมครับ ไม่ใช่คนครับ! พวกมันเป็นพวกเลื่อนลอยไปแล้วครับ” สายตาของเขาสับสน
“หลบให้มันวิ่งไปก่อน” เยวอนล้มตัวนอนรอจนพวกเลื่อนลอยวิ่งลงภูเขา
จูฮันหลบข้างรถยนต์นั่งมองตาม
“สหายคิดยังไงถึงสั่งให้ไปเอาหัวผักกาด” เยวอนสายตาทึ่งมองศิษย์เอกที่สอบได้ที่ 1ของรุ่น
“มันก็ต้องวิ่งไปตลาดสิ มันต้องเข้าเมือง หึหึ!”
“อ๋า!...เก่งมาก! เอารถทิ้งไว้ที่นี่แล้วเราเดินขึ้นไปกันดีกว่า”
สองหนุ่มสาวเดินตามโดรนขึ้นไปหาดวงจันทร์บนยอดเขา เสียงหรีดหริ่งเงียบสนิทเมื่อได้ยินเสียงนกหวีดดัง เยวอนเดินถือปืนสั้นเดินกวาดสายตาอย่างระมัดระวัง เด็กวัยรุ่นเดินตามแหงนหน้ามองไฟกะพริบท้ายโดรน
“จูฮัน! ไม่มีคนหลงเหลือแล้วล่ะ เก็บโดรนเถอะ!” เยวอนสั่งเมื่อมาถึงลานหน้าปูนยอดเขา
จูฮันแหงนมองขึ้นไปด้านบน
“ที่นี่ดูแปลก ๆ นะ ขึ้นไปข้างบนกันเถอะครับ” จูฮันบังคับโดรนแล้ววิ่งขึ้นสะพานเหล็ก
“โอ้โห!”
เยวอนยืนอ้าปากค้างมองสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่ตระการตาเหนือจินตนาการ หลังคาโดมรูปวงกลมฝังในหลุมภูเขาไฟกว้าง
“ผมเคยเห็นในหนังครับ UFO. เขาเรียกว่า UFO. ครับ” จูฮันตื่นเต้นรีบเรียกโดรนกลับ
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ! ถึงอันนี้จะใหญ่ แต่ก็ยังเล็กกว่าจะเป็นยานที่มาจากแดนไกลได้” เยวอนเคยเป็นนักดาราศาสตร์ตอบอย่างอ่อนโยน
“เซมรู้ได้ยังไง?”
“มันติดกับภูเขาไม่เห็นหรือไง?” เธอชี้ไปที่จุดยึดโยงกับแท่นหิน
“ยิ่งใหญ่มากเลยนะครับเซม ที่นี่เป็นฐานยิงขีปนาวุธเหรอครับ?”
เยวอนไม่ตอบยืนบ่นพึมพำ...
“จะทำยังไงกับมันดีวางระเบิดดีมั้ยน้า ติดต่อนินจาเซมก่อนดีกว่า?”
เสียงวิทยุดังขึ้น...
“ซนฮึงมินเรียกเยวอนเซม”
“เย่!”
“ผมไปต่อไม่ได้ระเบิดลงหนักมาก ท้องฟ้ามีแสงสีประหลาด บางครั้งก็เป็นสีขาววับวาบ บางครั้งก็เป็นสีเขียวแปลบปลาบเหมือนฟ้าจะถล่มลงมา น่ากลัวมากเลยครับ” เดอะแก๊งรายงานร้อนรน
“ออกนอกเมืองหาที่หลบจนกว่าจะสงบ สหายอยู่ที่ไหน?”
“เลยถ่งหยวนมานิดเดียวครับ”
“หลบรออยู่ที่นั่น”
“เย่!”
“ฟ้าว…วว!!”
เยวอนแหงนหน้ายิ้มให้ฝูงบินเกาหลีที่คุมพื้นที่บินโฉบเฉี่ยวผ่านมา
ทันใดนั้น...
“ปัง! ปัง!” กลุ่มทหารวิ่งพรวดออกมาจากซอกเขายิงปืนใส่
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ประกายไฟกระทบหินเยวอนพุ่งตัวรอบเอวจูฮันล้มลงไปด้วยกัน
“เจ็บมั้ย?” เธอหันกลับมองสะพานที่เดินมาก็ยาวเกินกว่าจะวิ่งได้ทัน หันมองด้านซ้ายแล้วกระชากแขนจูฮัน
“หลบซอกนี้ก่อน” เธอผลักเด็กเข้าไปแล้วดึงปืนสั้นออกมา แผ่นหลังแนบก้อนหินค่อย ๆ ยื่นหน้ามองทหารจีนวิ่งเกาะหลังกันมาเป็นแถว
เธอเล็งยิง...
“ปัง! ปัง!”
“โอ๊ย!” ทหารจีนล้มลงพร้อมเสียงปืนดังสนั่นโต้กลับมา...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” กระสุนปลิวว่อน
ทหารจีนกระจายตัวหายวับเข้าหลีบเขา เสียงปืนสงบลง
“..............”
“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!” เสียงหัวใจสองดวงเต้นคอรัสกันส่ายตามองหาศัตรูที่หายวับไปกับตา
สองหนุ่มสาวมีแต่หัวใจที่พาพวกเขาก้าวมาจนถึงจุดนี้ เธอหันมองลูกศิษย์อย่างกังวลใจ ทหารที่เชี่ยวชาญพื้นที่ตอบโต้และทั้งสองกำลังตกเป็นเหยื่อ
ทหารจีนปืนขึ้นเนินหินปูนเตี้ย ๆ คลานเงียบเข้าไปหาทั้งสองคนช้า ๆ ทีละศอกทีละคืบจนสุดขอบ ชะโงกหน้าจากด้านบนลงมาแล้วยกวิทยุ...
“เห็นเป้าหมายแล้ว”
ทั้งสองยังไม่รู้ชะตากรรม ชะเง้อมองหาศัตรูไปตามเหลี่ยมเขา ทหารจีนค่อย ๆ ปลดเซฟ เล็งกล้องไปที่ศีรษะของเยวอนแล้วรอเสียงสั่งการ...
“พร้อม!”
“ยิงเลย!”
ทันใดนั้น...
“ฟู่ว!!!” แสงแฟลชบอมบ์ลอยละลิ่วสว่างจ้า แสงวาบขยี้ดวงตา
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
“..............”
“เยวอน! เป็นอะไรมั้ย?” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วง
เธอนั่งขยี้ตาพอได้ยินเสียงสะดุ้งเฮือก
“หือ!” เธอคลำเหมือนคนตาบอดแล้วจับแขน
“ผมเอง...เก้อเฉิง”
“ไป่ไป๋เซมมาด้วยหรือเปล่าคะ?”
“ผมมากับทหาร 10 นาย นั่งหลับตาสักพักนะครับเดี๋ยวก็หาย” เขาพยุงให้เธอนั่งคู่กับเด็กชาย
“ต้องระวังตัวนะ! พวกนี้ใช้นกหวีดไม่ได้ผลหรอก” เก้อเฉิงเทน้ำใส่มือแล้วลูบใบหน้าของสาวสวย
“เขาปล่อยคุณมาได้ยังไงคะ?”
“ผมมาทำภารกิจ ไปก่อนนะ!” เขาลุกเดินไปบนสะพานเหล็กโค้งทหารเกาหลี 5 นายวิ่งตามไป
เยวอนหันมองตามด้วยสายตาสงสัย เก้อเฉิงขรึมไปจากเดิมที่เธอเคยรู้จัก…
“ไป่ไป๋เซม! ทำไมไม่มาล่ะ ปล่อยมาคนเดียวได้ยังไง?” เธอหันไปหาทหาร
“นี่ครับ!” เขายื่นรีโมทคอนโทรลอันเล็กให้
“อะไร?”
“เพื่อความสบายใจของทุกคน ไป่ไป๋เซมให้ติดระเบิดไว้ที่ตัวของเขา ถ้าเขาบิดพลิ้วให้สหายผู้กองกดรีโมทนี้จัดการได้เลย”
“เอ่อ!...ได้ฉันจัดการเอง” เธอเก็บเข้ากระเป๋าแล้วชะโงกหน้ามอง
เสียงวิทยุดัง...
“สหายผู้กอง! เชิญทางนี้หน่อยครับ” ทหารเรียกมา
เธอชะโงกมองแสงไฟฉายวับแวบที่ซอกเขา
“ไป!” เธอดึงแขนเด็กแล้วเดินไปหาแสงไฟพร้อมกับทหารอีก 5 คน
เก้อเฉิงเดินออกมา...
“เยวอน! รบกวนสั่งทหารให้แยกไปเข้าทางประตูฝั่งโน้น..น ด้วยครับ” เขาชี้ข้ามหลังคาโดมไปอีกฟาก
“ครืด!” เก้อเฉิงดันแผ่นหินค่อย ๆ พลิกเป็นประตูทางเข้า
“ปัง! ปัง! ปัง!” โดนยิงสวนมาทันที
เขาฉากหลบแล้วยกวิทยุ... “ท่านนายพลครับเข้าไม่ได้!”
“ใช้แผน 2 ”
“ครับ”
เก้อเฉิงเดินกลับมายืนประจันหน้ากับเยวอน
“คุณเฝ้าข้างบนนี้ไว้นะ ผมจะลงไปเข้าจากด้านล่าง” เขาขยับเดินไม่มีท่าทีขี้เล่นเหมือนเคย
เยวอนมองจิก...
“ช้าก่อนเก้อเฉิง” เยวอนเรียกแล้วหันไปสั่งทหาร...
“ทหาร! เฝ้าประตูไว้ ถ้ามีใครโผล่มายิงได้เลย”
“เย่!” ทหารเข้าประจำที่
เธอยิ้มใบหน้าเหี้ยมเดินมาหาเก้อเฉิง...
“พาฉันไปด้วย”
“ไม่ได้! ผมต้องขับรถอีกไกลอาจจะถึงเช้าก็ได้ ผมทำคนเดียวคล่องกว่า”
“ตุกติกเหรอ?” เธอเสียงเข้มหยิบรีโมทย์จากกระเป๋าขึ้นมาแกว่ง
“ผมกลัวจะตายอยู่แล้ว อย่าแกล้งผมสิ!”
.............................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |