หมวดหมู่ | the last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 4 ต.ค. 2568 |
มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน
มุมมองสายตา ซอน
ย่านกู่เซิง....
ผมยืนส่องกล้องสำรวจสนามรบอยู่บนเจดีย์หกเหลี่ยมริมภูเขา ควันดำลอยเหนือหมู่บ้านโบราณที่กระจุกตัวริมสระใหญ่ หลังกระเบื้องสีเทาไล่ลำดับสูงต่ำเรียงไปตามเนินต่อกันเป็นชุมชนริมคลอง ทหารจีนไม่ลังเลที่จะยิงจรวดใส่อาคารไม้เก่าแก่แน่นขนัดเบียดเสียดยัดเยียดยืนยาวมาช้านาน เปลวไฟสงครามลุกท่วม กองกำลังของจีนตั้งแถวตั้งรับเต็มอัตราศึก ...
“เฟี้ยว!!! ฟ้าว!!!” เครื่องบินรบของเกาหลีโดนสอยควงสว่านโหม่งโลก ในขณะที่เครื่องบินจีนไฟลุกท่วมพุ่งชนภูเขา
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!”
บนท้องฟ้าเสียงอึกทึกชุลมุนการเข้าประจันบานไปด้วยกองบินรบทั้งสองชาติ ฝ่ายจีนปกป้องผืนดินเกิดในขณะที่ฝ่ายเกาหลีปกป้องเด็ก
ฝูงเฮลิคอปเตอร์ Z-19 E ของจีนบินวนอารักขาอยู่เหนือยอดเขาสูงเฉียดกำแพงเมืองจีนที่พาดไปตามโค้งของขุนเขา รถยนต์ยิงจรวด VT-4, VT-5, HQ-7 ของทหารจีนจอดเรียงริมผายิงอาวุธวิถีโค้งถล่มจากยอดเขาลงสู่ด้านล่าง
“วี๊ด...ดด!!...” ลูกไฟนับร้อยหลากขนาดสาดลงมาเหมือนม่านไฟพลุในวันเฉลิมฉลอง
“ตูม!!!” กองทัพรถถังและรถหุ้มเกราะของจีนตั้งแถวสลับกันยิงโต้ตอบอย่างหนักหน่วง
“บรื้ม...มม!!”
ทีมเดอะแก๊งว่องไวราวกับปีศาจ ผลุบโผล่ไม่เป็นระบบยากแก่การคาดเดา การกระจายตัวทำให้ทหารจีนหาจุดยิงไม่ได้ เมื่อเสร็จภารกิจพวกเขาจะสลายตัวไปกับสิ่งก่อสร้าง
หลังจากผ่านพื้นที่เกษตรกรรมเข้าสู่เขตชุมชนชนบท พื้นที่กว้างใหญ่ไม่มีจุดสะดุดตาของกลุ่มเกาหลีเลย
“เอ๊ะ!”
ขับมอเตอร์ไซด์ลุยเดี่ยวพุ่งทะยานเลาะลำคลองกลางหมู่บ้าน /ในหัวของผมมีแต่คำถาม?...ใครวะ? /
“บรึ้ม!” ระเบิดลงดักหน้าอาคารบ้านเรือนแหลกกระจายไฟลุก เขาหักเลี้ยวหลบไปออกอีกทาง
ผมตามลุ้นใจเต้นรัว ทำไมกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้. ใครสั่ง. ทำไมไปคนเดียว?
“แว๊น!...” เขากระชากรถเหินขึ้นสะพานโค้งข้ามคลองคล่องแคล่วเปลี่ยนเส้นทางผลุบหายเข้าซอย
หลังคากระเบื้องบดบังสายตา แต่ยังเห็นแวบ ๆ ตามช่องว่างที่เขาขับผ่าน ถ้าผมเดาไม่ผิดเขาต้องข้ามสระไปหากองรถถังแน่
“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!” รถถังระดมยิงสวนมาไฟลุกท่วม รถมอเตอร์ไซด์คันเดียวทำให้กองรถถังทำลายบ้านเรือนเป็นวงกว้าง
“วี๊ด!...” จรวดพุ่งลงจากยอดเขาลงดักหน้า
“บรึ้ม!”
“เฮ้ย!” ระเบิดชุดใหญ่ลงใส่ถนน
ผมถึงกับช็อคขวัญผวารีบส่ายกล้องมองหากลัวเด็กจะเจ็บ
“....................” หลังจากควันจางลง...
บ้านไม้เก่าแก่ตัวแทนอารยธรรมโบราณหลายชั่วอายุคน โดนระเบิดลงเป็นช่องโหว่ ไฟโหมกระหน่ำหอกลอง
“..................” ผมลุ้นใจจดจ่อ
“ลุกขึ้นสิไอ้ลูกชาย!... ขับรถต่อ!” แต่คำขอของผมไม่เป็นผล เวลาเดินผ่านไปอย่างเงียบเชียบ
ใคร? ชื่ออะไร? รุ่นที่เท่าไหร่? ผมรู้สึกเศร้าใจหมุนมองหา ทุกการตัดสินใจโจมตี พวกเขาเป็นคนเลือกวิธีเอง
“บอกแล้วว่าอย่าเสี่ยง! เฮ้อ!” ผมได้แต่นึกเสียใจลดกล้องลงอย่างหดหู่
“ฟุ่บ!” ผมหันกลับไปมอง
“โบล๊ะ!” พลุสีเขียวระเบิดกลางท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านเมื่อครู่
“หือ!” ผมรีบส่ายกล้องมองไปที่จุดเดิม
“แว๊น!...” มอเตอร์ไซด์ของเดอะแก๊งพุ่งทะยานรุดหน้าเหินลอยข้ามสะพานไปกลางสระ
นักบิดทิ้งตัวลงน้ำปล่อยมอเตอร์ไซด์พร้อมเสียงนกหวีดลอยข้ามฝั่งสไลด์ไปหากองรถถัง
“Yes!. เก่งโว้ยไอ้คนนี้!” ผมจำผ้าโพกหัวของเขาได้ฮีโร่ของผมรอด
“ถึงเวลาประจัญบาลแล้ว!...”
ผมหันไปมองตามเสียง
“สหายบุก!” เจ้าซนบ๊กซูยืนบัญชาการรบอยู่บนแท๊งค์น้ำ
“แว๊น! แว๊น! แว๊น!..”
กองกำลังผสมของเกาหลีเหนือออกจากที่ซ่อนแยกออกเป็นแม่น้ำ 3 สาย
กลุ่มมอเตอร์ไซด์ทหารแล่นทะยานตรงเข้าย่านกู่เซิง เดอะแก๊งสยายปีกกระจายออกด้านข้างเตรียมขึ้นภูเขา
“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!”
ทหารจีนจากยอดเขาทั้งสองด้านระดมยิงชุดใหญ่ ควันระเบิดขาวฟุ้งครอบคลุมพื้นที่เหมือนม่านหมอกในยามหน้าหนาว
“แว๊น! แว๊น! แว๊น!...”
เด็กวัยรุ่นเกาหลีสนุกกับความท้าทายบิดมอเตอร์ไซด์เฉียดกลุ่มรถถังของจีนแล้วพุ่งใส่กลุ่มรถหุ้มเกราะอย่างไม่เกรงกลัว
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!” ผมสะใจมาก
“บึ้ม!บึ้ม!บึ้ม!บึ้ม!” เมื่อเดอะแก๊งขับผ่าน กองรถถังของจีนก็หันกระบอกปืนซัดกันเองทันที
ผมมั่นใจขึ้นอีกขั้นที่พวกเขาเอาชนะกองรถถังได้อย่างง่ายดาย ถึงเวลาที่ผมจะต้องขึ้นไปตัดแขนขาอาวุธทางไกลยึดฐานยิงบนเขา
เสียงเจ้าซนยังสั่งการดังลั่น...
“ดันมี! ดันมี! สั่งกองหน้าเก็บโดรนแล้วเอาลำโพงติดตัวไว้เปิดเสียงให้ดังสุด ไปทางสระน้ำด้านขวาสุดทาง แหงนมองฟ้าด้วย!” เขายืนส่องกล้องสั่งการอยู่บนแท๊งค์น้ำหมู่บ้านไม่ไกลจากเจดีย์ที่ผมยืน
“อาจง!อาจง! สหายทำสำเร็จแล้ว หาที่ซ่อนตัวรอกองหลังก่อน”
“ซาน! สหายหลุดจากวิถีกระสุนแล้ว เข้าโจมตีหมู่บ้านข้างหน้า ปล่อยโดรนบินกินพื้นที่เปิดทาง” ไอ้นี่โหดกว่าผมซะอีก หมู่บ้านที่กระจัดกระจายไฟเริ่มลุกเจ้าซนใช้คนน้อยมากในการจู่โจม
“ซนบ๊กซู! ผมจะขึ้นยอดเขานะ!!” ผมวิ่งลงบันไดวนไปที่ปืนจาวาลิน FGM-148 ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์วิบาก
“รอเดี๋ยวครับเซมผมไปด้วย!” เขายังส่องกล้องมองหากลุ่มสหาย บนพื้นที่กว้างใหญ่จนมั่นใจ หมู่บ้านชานเมืองกระจัดกระจายตามแหล่งน้ำธรรมชาติตรงไหนมีควันที่นั่นแพ้แล้ว
“ดงกี! อย่าออกมานอกอาคาร คอยเฝ้าแท่นชาร์ตไว้ให้ดี ถ้าแบตฯเต็มแล้วอย่าลืมแปะกระดาษเขียวด้วยเพื่อนจะได้รู้” ทีมชาร์ตแบตเตอรี่จะตามเก็บแบตฯที่ทีมโยนทิ้งไว้มาชาร์ตเพิ่ม
“ทีม 6 ปล่อยโดรนขึ้นเขา เซมกำลังจะไปทางนั้น!” เจ้าซนสั่งสหายแล้วเก็บวิทยุกระโดดลงมา
“เซมครับ! ทำไมยังมีคนไม่อพยพด้วยล่ะ ผมคิดว่าจะมีแต่ทหารจีนมาซุ่มยิง” เขาหันกลับไปมองฝูง Tamer 30 วิ่งตามโดรนอย่างไม่เข้าใจ
ผมต้องอธิบายตามความเข้าใจอันน้อยนิดที่เคยเรียนมา
“สหายจูยอนเคยบอกว่าเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น คนจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มความคิด กลุ่มแรกเชื่ออย่างไม่โงหัว กลุ่มที่สองค้านอย่างไม่โงหัว กลุ่มที่สามอย่ามายุ่งก๊ะกู! ในสถานการณ์นี้กลุ่มแรกหนีไปหมดแล้ว กลุ่มที่สองลังเลแต่มีประมาณครึ่งหนีไป กลุ่มที่สามมั่นใจตนเอง กูเก่งคนเดียว...กลุ่มนี้ตายหมด”
“อ๋า!...” เจ้าซนพยักหน้าเป็นไก่เลย
“แบกไอ้นี่ไปด้วย” ผมชี้ปืนจาวาลิน
เขาคว้ากระบอกปืนสะพายหลังแล้วกระโดดซ้อนท้ายอย่างคล่องแคล่ว...
“ไปเลยครับ!”
..........................................................
ภูมิประเทศยิ่งใหญ่ภูมิทัศน์สวยงามแปลกตา คลื่นทุ่งหญ้าสเตปป์ล้อลมไปตามภูเขาหัวโล้นกว้างไกล หมู่บ้านซุกตัวในหุบอย่างเงียบหงอยไม้พุ่มเปลี่ยนสีเหลืองแดงก่อนเข้าฤดูหนาวตัดกับพื้นหญ้า
กลุ่มมอเตอร์ไซด์แล่นไต่ขึ้นภูเขาหัวโล้นเหินข้ามร่องน้ำท้ายปัด หมู่บ้านชนเผ่ากระจายแทรกตัวตามเชิงเขา เฝ้าซากโบราณสถานของกำแพงเมืองจีนที่ยังไม่ได้บูรณะ
“เซมครับ! ชะลอหน่อย ผมไม่ได้ยินเสียงของนกหวีดแล้ว” เจ้าซนยืนบนเบาะเกาะไหล่ของผมส่องกล้อง
ผมชะลอตามคำสั่ง พวกเราอยู่บนภูเขาหัวโล้นทุ่งหญ้าเขียวโล่ง ท้องฟ้าเปิด ท้องทุ่งด้านล่างฝูงเฮลิคอปเตอร์ปักหัวไล่ยิงตามหลังมอเตอร์ไซด์ทหารเกาหลี อาวุธและกองทหารจีนมากมายทำลายไม่ยุบเลย
เดอะแก๊งทีม 6 ล่วงหน้าขึ้นภูเขาข้ามเนินนาข้าวขั้นบันไดไปแล้ว
“กึมจาเปิดเสียงนกหวีด!” สหายซนสั่งการผ่านวิทยุ
ทันทีที่โดรนของเด็กขึ้นบินคลุมพื้นที่บริเวณกลางภูเขา
“วี๊ด!...”
“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งเฮือก
“Messiah!” กองทหารจีนในที่กระจายซ่อนตัวในพุ่มไม้วิ่งกรูออกมา ทหารบนหอคอยกำแพงเมืองเก่ากระโดดลงมาวิ่งแข่งกับเพื่อน
ซนบ๊กซูฉุนขาด....
“ถ้าสหายไม่ฟังเสียงนกหวีด สหายจะได้ฟังเสียงปืน! อย่าคะนอง! อย่าเหม่อ! เสียงนกหวีดต้องดังคลุมพื้นที่ตลอดเวลา”
“สหายที่ขับนำหน้า! เปิดเสียงนกหวีดเดี๋ยวนี้! สหายปล่อยผ่านไปได้ยังไง?” สหายซนเกรี้ยวกราดโมโหใส่เพื่อน
ผมเลี้ยวเข้าหากำแพงเมืองหมายตาว่าจะขึ้นไปยืนส่องกล้องข้างบน เส้นทางขรุขระทุลักทุเลล้อสะบัดดิ้นหน้าสั่นตะลุยไปบนกองอิฐ ป้อมทหารเก่าผุพังตั้งเดียวดายริมหุบตื้น
“วี๊ด...ดด!!” เสียงจรวดดังตามหลัง หันไปดูขนตูดลุกซู่
“กะจึ๋ย! ซน!...กอดแน่น ๆนะ” ผมบิดมอเตอร์ไซด์หนี
“บรึ้ม...มม!” มอเตอร์ไซด์กระเด็นไปทาง เจ้าซนไปทาง
ผมตกลงไปบนกอหญ้าข้างกองอิฐซากศาลาโบราณ ชะเง้อคอมองหาใจหายแวบไม่เห็นลูกศิษย์คนสนิท
“บ๊กซูเป็นอะไรมั้ย?”
“........................”
ผมหมุนมองจากป้อมทหารเก่ามีแต่เสียงสายลมและทุ่งหญ้าพริ้วไหวไร้ร่องรอย
“ซน!”
“.............” เสียงเงียบเกินไปชักใจไม่ดี ขยับเดินหา...
“ซนบ๊กซู!”
“พรึบพรับ!” พุ่มไม้สั่นไหวโยก
“หือ!” ผมกระโดดหลบข้างเสาซากโบราณสถานชักปืนเล็งใส่
“แก่ก! แก่ก!” เจ้าซนตะปีนขึ้นมาจากหลืบเขา สลัดหัวมึนงงหมุนมองรอบตัว
“ซน!...”
“.............” เจ้าซนบ๊กซูเดินขึ้นเนินมาหา เอียงคอเอามือตบบ้องหู
“ซน!” ผมร้องเรียกเขาก็ไม่หันมอง
เขาโหนเถาวัลย์ไต่ซากเจดีย์โบราณดึงตัวขึ้นมาแล้วเดินเหมือนคนเสียศูนย์เดินเอานิ้วแหย่หูสลัดหัว
“ซน!”
“............” ไม่มีคำตอบ
“ซน!”
“..........” ผมยืนประจันหน้าก็ยังไม่ขานรับ เจ้าซนหูดับไปแล้ว
ผมเอามือแตะไหล่แล้วชี้ที่ปากของตัวเองแล้วตะโกนใส่หน้า...
“กลืนน้ำลาย...”
“อยู่ที่ไหน?” เขาหมุนมองหา
“หือ?” มันพูดอะไรวะ...
“กลืนน้ำลาย” ผมสั่งซ้ำ
เขายังหมุนมองหา... “ไม่เห็นมีม้าลายเลย”
“โอเค!” ผมอมยิ้มเข้าใจ เจ้าซนยังหูดับมีแต่เสียงวิ๊งอยู่ในหัวต้องรอเขาสักพัก
ผมพาเขาเดินเข้ามานั่งพักข้างเจดีย์หัก...
“เจ็บมากมั้ย?”
ผมสำรวจเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลมีแต่รอยถลอกเล็กน้อย
“ไม่ครับ! หูอื้อเฉย ๆ” ใบหน้าเลอะเทอะดินโคลน
“กลืนน้ำลายไปเรื่อย ๆ นะ เดี๋ยวก็หาย”
“ปัง!..ปัง!..ปัง!..ปัง!.!” เสียงปืนแตกไปทั่วบริเวณเหมือนเสียงจุดปะทัดวันตรุษจีน
ทันใดนั้น..
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!!”
เฮลิคอปเตอร์ Z-10 ไล่ยิงกลุ่มเดอะแก๊งบินโฉบขึ้นจากหุบเหวมาทางนี้
“หลบเร็ว!” ผมดึงแขนเขาแอบข้างเจดีย์เอียง
“จาวาลินล่ะ?”
“เอ่อ! อยู่ไหนละ?” เขาหมุนมอง เดาไม่ยากถ้าข้างบนนี้ไม่มีก็คงตกลงไปในหุบนั่นแหละ
“สหายวิ่งล่อมันไว้ ผมจะลงไปเอาปืน”
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ลูกกระสุนยิงลงผ่ากลาง เรากระโดดไปคนละทาง
“วิ่ง!...” ผมไถลลงหุบพุ่งหลบใต้พุ่มไม้
วัดใจกับนักบินให้มันเลือกว่าจะตามใคร
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!!” มันตามเจ้าซนที่กำแพงเมืองร้าง
ผมหันไปคว้าจาวาลินวิ่งกลับขึ้นเนิน ในจังหวะนั้นเจ้าซนมุดเข้าไปในรูโหว่ของกำแพง
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!!” เฮลิคอปเตอร์หมุนหัวกลับมาสาดกระสุนใส่
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ผมทิ้งตัวกลิ้งหลบ
“เซม!” ในจังหวะนั้นทหารเกาหลีทิ้งมอเตอร์ไซด์สะพายปืน FN6 วิ่งเข้าแอบหลังพุ่มไม้ /ผมแอบดีใจ รอดแล้วกู/
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!!” เฮลิคอปเตอร์เอียงลำ นักบินคงมองเห็นปืน FN6 บินโฉบออกตามสัญชาตญาณ
“ยิง!” ผมตะโกนสั่ง
“............”
“ทหาร! ยิงสิ!”
“ผมยิงไม่เป็นครับ!” เขาก้มแกะหาที่ปลดเซฟ
ผมคันหัวเลย มึงเป็นทหารจริง ๆหรือเปล่าวะเนี่ย?
“เอากระบอกปืนพาดบ่า” ผมต้องสอนแบบลัด
ปืน FN6 รูปร่างเหมือนท่อแป็ปชุดยิงจะอยู่ปลายด้านหน้าส่วนด้านท้ายเปลือยเปล่า ทหารเอาปืนพาดบ่าตามที่สั่งแต่ดูเก้งก้างเหมือนไม่เคยได้รับการฝึกใช้อาวุธนี้
“ขยับให้ชุดยิงใกล้ตามากที่สุด ปล่อยปลายห้อยลงไป”
“ถูกมั้ยครับ?” เขาตะโกนถาม
“เซฟอยู่ที่ด้ามจับข้างไกปืน ปลดแล้วเล็งยิงได้เลย” ผมหันหลังวิ่งขึ้นเนินไปหาซนบ๊กซู
เจ้าซนแหกปากวิ่งออกจากรูโหว่ของกำแพงชี้นิ้วสวนมา...
“เซม! มันกำลังหนี”
“ฝันไปเถอะ!” ผมต้องเอานักบินลงมาดูหน้าสักหน่อย
ผมแบกกระบอกจาวาลีนพาดบ่าตั้งขาพาดฐานปูนเจดีย์ เปิดกล้องเล็กสำหรับยิงกลางวัน แล้วหันไปล้อเล่นกับเจ้าซน...
“เหลือกระสุนเม็ดเดียว ถ้าพลาดก็เผ่นนะเว้ย”
เจ้าซนหน้าทะเล้นเข้าหา...
“เซม!! สอนผมยิงอันนี้ด้วยสิ ผมยิงปืนนั้นได้แล้วเมื่อกี๊ผมได้ยิน” เขาชี้ไปที่ทหารด้านล่าง
ไอ้ทหารนั่นยังสนใจปืน ไม่ยิงสักที
“มาดูนี่! อันนี้วุ่นวายหน่อยมันเป็นของฝรั่งเทคโนโลยีมันล้ำ ส่วน FN6 มันของจีนใช้ง่ายกว่า” ผมก้มมองหน้าจอเรดาร์เล็งเป้าแล้วหันไปบอก...
“ปลดล็อคตรงนี้นะ! สหายเห็นเส้นกากบาทสีดำที่ตัดกันกลางกล้องไหม?” ผมชี้ที่จอเรดาร์สี่เหลี่ยมเล็กข้างปืน
“เย่!”
“กดเปิดเรดาร์” ผมกดปุ่มแดงบนกล่องคอนโทรล...
“ปี๊ป!!!” เส้นกากบาทเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ใจเย็น ๆ ช้า ๆ”
“ฟริ๊ง!” หลังจากสัญาณเชื่อมต่อ
ผมค่อย ๆ หันปากกระบอกปืนไปทางเฮลิคอปเตอร์แล้วอธิบายเพิ่ม...
“พอเครื่องบินอยู่กึ่งกลาง กากบาทสีแดงมันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว”
“ตื้ด! ตื้ด! ตื้ด! ตื้ด!” เสียงสัญญาณเตือนพร้อมยิงดังขึ้น
“ถ้าได้ยินเสียงนี้ ยิงเลย!” ผมกระดิกนิ้วเบา ๆ
“ฟุ่บ!” จรวดท่อนเท่าน่องพุ่งออกไป
“ฟู่ว...วว!!” จรวดกางปีกทิ้งควันควันขาววิ่งเข้าหาเป้าหมาย
เจ้าซนจ้องเขม็ง...
“โดนแล้วมึง! โดนแล้วมึง!” เขาลุ้นปากบิดปากเบี้ยวบิดตัวเกร็ง
ทันใดนั้น...“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!!”
“ฉิบหายแล้วเป้าลวง” ผมรู้ชะตากรรมรีบโยนปืนทิ้ง...
“ซน! ขึ้นรถเร็ว!” ผมลุกไปคว้ามอเตอร์ไซด์หันกลับไปมอง
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เครื่องบินใหญ่หันหัวกลับมา
“โหเซม! ง่ายนิดเดียวเอง แค่นี้ก็ยิงไม่ถูก” เจ้าซนเย้าแหย่หัวเราะคิกวิ่งตามกระโดดซ้อนท้าย
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” กระสุนจากเฮลิคอปเตอร์ Z-10 ผ่าทุ่งโล่งพุ่งตรงเข้าใส่
“แว๊น...นน!!” มอเตอร์ไซด์วิบาก 250 ซีซีตะลุยขึ้นภูเขาท้ายสะบัด เจ้าซนกอดเอวแน่น
“ระวัง!” จรวดหลุดเข้ามา
ผมบิดคันเร่งส่ง...
“แว๊น!...”
“ตูม!!” จรวดเฉี่ยวท้ายรถเลยไปโดนกำแพงเมือง
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ลูกปืนลงไล่หลังไม่ห่าง
ผมขับหนีขึ้นยอดเขา หลบหลีกวิถีกระสุนเลาะกำแพงเมือง
“เซม! ช่องโหว่ทะลุได้” ซนชี้ไปที่กำแพงยาว
“แว๊น...!” ลอดผ่านช่องตะลุยกองอิฐขึ้นไปบนซากทิ้งรถแล้ววิ่งแอบผนัง
“เซมครับ ปืน!” เขาส่ง AK74 มาให้
ผมแอบข้างขอบปูนแตกชะโงกหน้าออกไปมอง...
“เหวอ!”
มันยิงจรวดมาอีกแล้ว...
“วิ่ง!...” ผมวิ่งทะลุกำแพงไปอีกด้าน
“บรึ้ม!” ฝุ่นฟุ้งกระจายอิฐแตกหักร่วงกราว กำแพงแตกรูใหญ่ขึ้นไปอีก
“ซนมานี่” ผมดึงระเบิด M7 ออกมา
“ใช้เป็นมั้ย?”
“ไม่เป็นครับ”
“กำไว้แล้วดึงสลักตรงนี้” ผมไม่เคยสอนให้เด็กใช้อาวุธ แต่คราวนี้ต้องช่วยกัน
“เย่!”
“กำไว้! ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด มันจะระเบิดเข้าใจมั้ย?”
“เย่!”
“เล็งแล้วกลิ้ง โยนหรือขว้างไปหาเป้าหมาย”
“เซมสอนผมทำไม?” เขามองมือกำระเบิดคิ้วขมวด
“สหายหาทางขึ้นไปบนกำแพง ผมจะล่อมันมาใกล้ ๆ”
“อ๋า...จะให้ผมขว้างใส่มันใช่มั้ย?”
“ทำได้รึเปล่า?”
“สบายมาก” เจ้าซนวิ่งแน่บแล้วตะโกนกลับมา...
“เซมไปล่อมันมาเลย”
“ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด!”
ผมคว้าปืนวิ่งออกไปยืนยิงกราดยั่วโมโห แหงนมองบนกำแพงไม่เหนเจ้าซน
“เซม! ผมแอบได้แล้ว” เสียงวิทยุดัง
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เครื่องบินใหญ่พุ่งกลับเข้ามาเหมือนช้างกำลังบดขยี้ลูกวัว
ผมวิ่งหลบเข้ารูกำแพงแล้วยิงโต้...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!”
เฮลิคอปเตอร์เกรี้ยวกราดยิงใส่...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” กระสุนเจาะกำแพงเป็นรู
กำแพงเมืองจีนโบราณลากผ่านสันเขาเหมือนมังกรเลื้อยขึ้นลงไปตามภูมิประเทศ เฮลิคอปเตอร์ลดเพดานบินลงมาในระนาบเดียวกับช่องโหว่เตรียมยิงจรวดอัดเข้ามา
ผมยืนล่อหลอกกลางรูโหว่....
“ซนจัดการ”
เงาวูบผ่านหางตาเข้าหาเฮลิคอปเตอร์...
“แก๊ง!” เสียงใบพัดเครื่องบินกระทบเหล็กดังสนั่น
พอแหงนไปดูหัวใจแทบวาย
“เฮ้ย!” ลูกระเบิดที่เจ้าซนโยนไปกระเด็นกลับมา
“บึ้ม!”
“บรึ้ม!...” เสียงกัมปนาทดังในจังหวะเดียวกัน
“วืด! วืด! วืด!” เฮลิคอปเตอร์หักกลางลำหมุนคว้างเสียศูนย์
“เซม! มันร่วงไปแล้ว” เจ้าซนวิ่งเข้ามาดึงแขน
“มันโดนอะไรวะ?” ผมหันมองฝุ่นที่ลูกรเบิดของเจ้าซนตกแล้วมองเลยไปที่กองเฮลิคอปเตอร์อย่างสงสัย
“เซม!” เจ้าทหารคนนั้นยิ้มโบกมืออยู่ด้านล่าง
“เก่งมาก” ผมยิ้มออกไอ้ทหารเด็กยิงปืนเป็นแล้ว
เจ้าซนกระโดดโบกมือให้ทหาร...“ฮยองนีม คัมซามนีดะ!”
“ไปกันต่อเถอะ!”
ผมขับรถมอเตอร์ไซด์สังเกตการณ์ มองดูลูกศิษย์ติดกระสุนขึ้นไปต่อไม่ได้ ขับรถแล่นทะลุกำแพงมาเจอลานแผ่นหินกว้างเอียงเทลงหุบเหวลึก
ผมจอดรถส่องกล้องย้อนกลับไป...
“เราผ่านมันมาแล้ว เดอะแก๊งกลับไปขึ้น ฮ.เตรียมเดินหน้าอีกแล้ว”
ทันใดนั้น...ปีกหมุนของโดรนสังหารของทหารจีนค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากหุบเหว ผมรีบลงจากรถมอเตอร์ไซด์
“เซม!...” เจ้าซนตีแขนแหกปากลั่น
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ” ปืนกลคู่ข้างปืนยิงใส่ทันที
“กระโดด!”
ผมกระโดดนำ เจ้าซนกระโดดตามลงบนแผ่นหินกว้าง
“เฮ้ย!..” ซนลื่นตูดจ้ำ
“แย่แล้ว!!..” ผมลื่นหงายหลังไถลพื้นลงไปหาโดรนที่ปลายหน้าผา
“เซมช่วยด้วย!” เจ้าซนลื่นร่วงเร็ว
“เอาเท้ายันไว้” แผ่นหินชนวนเรียบแทบจะไม่มีเสี้ยน พวกเราไหลลงไปเป็นน้ำฝนหล่นจากหลังคา
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ลูกปืนยิงเฉี่ยวหัว
ผมดึงปืนออกมาเล็งไปที่โดรน
“เซม!...” เขาคว้าขาเสียจังหวะลิ้นไถลลงไป
ซนบ๊กซูดิ้นกระเสือกกระสนพยายามเอารองเท้าดันพื้น เสี้ยวเวลาแห่งความเป็นความตายสายตาเหลือบไปเห็นกอหญ้า
ผมเอื้อมมือไปคว้า ถ้ายังมีโชคขอให้มีก้อนหินซ่อนอยู่เถอะ...
“หมับ!” ผมคว้าติด
แต่...
“อ้าก!...” เอวแทบขาดโดนเจ้าซนดึงขา
ผมโหนตัวเกร็งมือซ้ายเกาะเกี่ยว มือขวาเล็งปืนใส่โดรน...
“ไม่ได้กินกูหรอก”
“ปัง!..ปัง!..ปัง!” โดรนปีกหักดิ่งลง ผมก้มมองตาม
“อ้าว!” เหวไม่ลึกสักหน่อย
“เซมเกาะดี ๆ นะ! ผมยังไม่อยากตาย” เจ้าซนเกาะขาหลับตาร้องเสียงหลง
ผมเกาะหินห้อยต่องแต่งมองลงไปด้านล่างสูงราว 20 เมตร ด้านล่างเป็นหลังคาของหมู่บ้านเกาะกลุ่มซุ่มซ่อนในหลืบเขา ถ้าตกลงไปน่าจะมีขาหักเป็นอย่างน้อย
“อึ้บ!” ซนไต่ขึ้นมาบนตัวของผมแล้วเอื้อมมือไปเกาะหินที่หน้าผาปีนแยกออกไปบ่นพึมพำ...
“ไม่สูงสักหน่อย”
“แล้วสหายแหกปากร้องทำไม?” ผมขำ
“เซม! ตรงนั้นมีโซ่ด้วย โหนไปที่นั่นได้” เจ้าซนชี้ไปที่บันไดไม้แนบหน้าผา ชาวบ้านสร้างไว้ขึ้นไปด้านบน
“น่าจะเป็นที่เก็บรังนกของชาวบ้านมั้ง” ผมเอื้อมคว้าโซ่กระชากดูความแข็งแรง
“เซม! จะโหนไปเหรอ?” เจ้าซนเกาะตะกายไต่ลง
“มาแข่งกัน!”
ผมปล่อยตัวโหนโซ่แกว่งผ่านหลังเจ้าซนไปลงลานบันได
“ไปก่อนนะ!” ผมเย้าแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปต่อ
“เซมรอด้วย!”
..............................................................
ผมส่องกล้องขึ้นยอดเขาเห็นโดรนของเดอะแก๊งบินผ่านฐานปืนยิงขีปนาวุธของจีน ความโล่งอกหมดกังวลสดชื่นเหมือนได้อาบน้ำ...
“ซนชนะแล้ว! เดอะแก๊งขึ้นยอดเขาได้แล้ว”
“เย้!!!” เขาเข้ามากอด
ผมเบาใจขึ้นมาอีกระดับ ส่องกล้องข้ามไปภูเขาอีกฟากแล้วยกวิทยุไปหาผู้บัญชาการ...
“แทน! กูยึดฝั่งนี้ได้แล้ว มึงขึ้นยอดเขาได้รึยัง?”
“ฝั่งนี้เป็นป่าทึบ พวกมันใช้ลำโพงมาเปิดเพลงกลบเสียงนกหวีดหมดเลย ขึ้นยากมาก”
“รออีกเดี๋ยวมันจะโดนทำลายแล้ว สั่งเคลื่อนรถต่อต้านขีปนาวุธขึ้นมายึดพื้นที่ด้วย ระวังตัวด้วยนะ เลิกกัน!”
ผมเรียกวิทยุใหม่...
“เดอะแก๊งทุกหน่วยเปลี่ยนเป็นคำสั่งอารักขา ด่วน!”
ผมรูสึกโล่งอกสบายใจที่ยุติการสูญเสียของพี่น้องทหารได้ เดินยิ้มไปที่มอเตอร์ไซด์ ในจังหวะที่โดรนพารอยยิ้มหวานของจูยอนโฉบลงมา...
“Messiah! อารักขาเดอะแก๊ง! ปกป้องเกาหลี!”
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”
“ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!!”
รถยิงขีปนาวุธของจีนเปลี่ยนเป้าหันปลายกระบอกปืนยิงใส่รถถังของพวกเดียวกันพลิกคว่ำ กองกำลังต่อต้านของจีนโดนโจมตีถอยร่น
โอกาสทองมาถึงแล้ว...
“ซน! สั่งให้ทุกหน่วยหลบก่อน!”
กลุ่มทหารเกาหลีและเดอะแก๊งด้านล่างสลายตัวหายไปกับสิ่งก่อสร้าง เปิดทางให้ทหารจีนซัดใส่กันเอง
ผมกวักมือเรียกเจ้าซนที่กำลังมีความสุข เดินยิ้มแก้มป่องมองกองทหารด้านล่างอย่างสบายใจ...
“ซนบ๊กซูขึ้นไปยึดฐานปืนกัน”
กองทัพรถยิงขีปนาวุธจับกลุ่มเรียงกันไปตามสันเขานับร้อยคัน ส่วนริมหน้าผาบนนี้โดรนบินผ่านได้รับคำสั่งหมดแล้ว
“แว๊น!...”
ผมจอดรถมอเตอร์ไซด์ขวางถนนแล้วเดินหาแอบนั่งพิงเจดีย์นั่งมองทหารจีนโจมตีพวกเดียวกัน
“ซน! อยู่นิ่ง ๆ นะ อย่าให้มันมาสนใจเรา เดี๋ยวซวย”
เจ้าซนยกวิทยุ...
“เดอะแก๊งห้ามเคลื่อนไหว ซ่อนในที่ปลอดภัยจนกว่าจะได้รับคำสั่ง”
โดรนบินผ่านหัว...
“Messiah! อารักขาเดอะแก๊งปกป้องเกาหลี” จูยอนของเรายิ้มหวานลอยผ่านไป
เจ้าซนยิ้มภูมิอกภูมิใจกับชัยชนะในศึกแรก แอบป้องปากโบกมือให้กับโดรน...
“สหายผู้นำ! เราชนะแล้ว เนกาเจอิลจัลนากา” เสียงเบาหวิวทะเล้นหน้าบาน
ผมยิ้มอิ่มใจมองตามโดรน เด็ก ๆ ทำงานได้ดีกว่าที่ผมกังวลใจวัยรุ่นที่มีเป้าหมายเสมือนดั่งเพชรที่โดนเจียรนัยเปล่งแสงประกายวาววับเหนือกองทัพที่เกรียงไกร
“ฮ. ร่วงไปหลายลำแล้วครับ” เจ้าซนนั่งส่องกล้องยิ้มมองลงไปกลางเมือง
“กองทัพจีนยิ่งใหญ่มากจริง ๆ” ผมกวาดตามองลงไปที่อาวุธและอุปกรณ์สนับสนุนทันสมัยมากมาย พร้อมกำลังทหารที่เติมเข้ามาไม่ขาดสาย เด็กเสื้อเหลืองจำนวนน้อยนิดไม่ต่างจากใส้ถั่วของซาลาเปาใบใหญ่
“ฟู้ว...วว!!”
ผมนั่งมองอย่างใจเย็น จรวดจากฐานปล่อยควันขาวพุ่งข้ามไปทำลายกลุ่มรถถัง VT-4 ที่หน้าผาของเทือกเขาอีกด้าน
เมื่อเวลาผ่านไป...สิ่งที่ผมรอคอยก็ปรากฎตัว ฝูงนกเริ่มออกโบยบินทหารจีนทยอยปล่อยมือจากอาวุธทีละคนหันหน้าเดินไปอย่างไร้จุดหมาย นี่คือสัญญาณของความปลอดภัย
ผมเดินไปส่องกล้องข้างรถยิงขีปนาวุธ...
“ข้างล่างโล่งแล้ว รถถังโดนเก็บหมดแล้ว เราต้องรีบรุกเข้าไปเขตไคปิง” ผมชี้ไปทางเมืองถังซานทางทิศตะวันตก
ย่านกู่เซิงอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารเกาหลีแล้ว อาวุธของจีนทั้งหมดจะตอบโต้กลับไปหากองทัพจีน การชนะศึกนี้เท่ากับได้ก้าวขาเฉียดเข้าใกล้การชนะสงคราม
เสียงวิทยุดัง...“ฐานเรียกซอนซอนเซงนีม”
“เย่!” ผมหันกอดคอเจ้าซน
“จีนถอนทหารเร็วผิดปรกติเปิดพื้นที่กว้างมาก สันนิษฐานว่ามันจะยิงขีปนาวุธขนาดใหญ่คลุมพื้นที่ครับ”
“หื้อ!...” ความดีใจหายวับ
“เครื่องบินรบของเรายังคอยปกป้องอยู่ครับ ผมคาดว่ามันคงไม่กล้าใช้นิวเคลียร์ในดินแดนตนเอง เซมตัดสินใจด้วย เปลี่ยน!”
“ระเบิดทำลายมีหลายขนาด ต้องวัดใจกันว่ามันจะกล้าทำลายบ้านเมืองตัวเองหรือเปล่า? ขอบคุณมากสหายโกคุ้มครองผมด้วย!” งานเข้าซะแล้วต้องให้เด็กหาที่หลบก่อน
“ซนสั่งสหายออกจากเมืองไป หลบใต้อุโมงค์ ใครใกล้ภูเขาให้ขึ้นไปเลย ห้ามซ่อนตัวในอาคารเด็ดขาด!”
จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ อุโมงค์ลอดภูเขา ผมต้องใช้สิ่งนี้เพื่อความปลอดภัย
“เย่!”
ด้านล่างหมู่บ้านไฟไหม้เสียหายเป็นวงกว้าง เดอะแก๊งขับมอเตอร์ไซด์ออกจากเมืองทิ้งไว้เพียงฝูง Soulless ที่น่าสงสาร ผมตัดสินใจเลือกเดินช้าอีกนิดเพื่อรักษาชีวิตของเด็ก สันนิฐานว่ากองทัพจีนคงตัดสินใจส่งขีปนาวุธ IBM มาทำลายจุดนี้ทิ้ง ทั้ง Soulless และบ้านเรือนที่นี่ไม่มีความหมายในใจของผู้นำอีกต่อไปแล้ว
“แทน!...”
“เย่!”
“ฐานรายงานว่าพื้นที่ด้านหน้าโล่งมาก พวกมันถอยเปิดพื้นที่”
“รู้แล้วครับ ผมกำลังรอเด็กขึ้นภูเขาครับ”
“ระวังตัวให้ดีนะน้องชายเราน่าจะโดนอาวุธหนัก สั่งทหารไปซ่อนตัวก่อน เก็บชีวิตคนไว้ไม่ต้องสนอาวุธ มันไม่มีทางเข้ามาเคลียร์ในพื้นที่ของเราได้หรอก”
“เย่!”
“บ๊กซู!”
“เย่!”
“สั่งทีมให้เปลี่ยนคำสั่งเป็น สวมเสื้อเหลืองขับรถมอเตอร์ไซด์ชมเมืองไคปิง”
“รับทราบ!” เจ้าซนเดินไปสั่งการ
ผมยกวิทยุเรียก...“นักบินฮัน! มารับหน่อย”
ไม่มีผืนแผ่นดินใดจะให้ไออุ่นเท่ากับแผ่นดินเกิด การรบครั้งนี้ของทั้งสองฝ่ายก็ทำเพื่อปกป้อง ไม่ว่าขนาดของประเทศจะใหญ่หรือเล็กมันก็ให้ความรู้สึกหวงแหนได้เท่ากัน
............................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,889 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,005 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ต.ค. 2568 |