The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 ตอนที่ 20

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 ตอนที่ 20
หมวดหมู่ the last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 16 ต.ค. 2568
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

National cultural state เกาหลี

โลกทั้งใบร้อยรัดไปด้วยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมเข้าหากันอย่างไร้ข้อจำกัด ผู้คนขึ้นจากสถานีใต้ดินทยอยเข้าสู่ลานจัตุรัสกลางกรุงพยองยางจุดเช็คอินอันดับต้น บนลานกว้างแน่นขนัดไปด้วยผู้คนหลากหลายสีผิวและเชื้อชาติเดินยิ้มทักทายกัน

“แป๊น!แป๊น!แป๊น!” รถซูเปอร์คาร์สีดำบีบแตรลั่นแล่นมาดริฟต์หน้าลานอาคารห้องสมุดประชานที่ยิ่งใหญ่ สถานที่จูยอนเคยเป่านกหวีด

ชายหนุ่มเจ้าถิ่นกลุ่มใหญ่ยืนจับกลุ่มคุยกัน หันกลับไปมอง

“เอี๊ยด...ดดด!!” เสียงล้อกัดลานดังสนั่นก่อนจะสงบนิ่ง พวกผู้ใหญ่คว้าเด็กเข้ามากอดหน้าตาตื่น ทุกสายตารวมกันที่รถยนต์

“ไอ้นี่มาจากไหนวะ? กวนตีนซะแล้ว” วอนนาชินมองด้วยสายตาตำหนิ บนลานมีหลายกลุ่มทำกิจกรรมกันอยู่

เมื่อประตูเปิด...หนุ่มอ้วนสวมแว่นตาดำในชุดเสื้อลายดอกสวมสร้อยคอทองคำเส้นเท่านิ้วโป้งเท้าก้าวออกมา ยืนเก๊กล้วงกระเป๋าเหมือนนักร้องดัง...

“ไซ กังนัมสไตล์มาเหรอ?” ผู้คนแตกตื่นคิดว่าอดีตไอดอลชื่อดังมาเยือน

“คังแทจุน!...” กลุ่มหนุ่มเกาหลีวิ่งกรูเข้าไปไม่พูดพร่ำทำเพลงรุมกินโต๊ะเจ้าอ้วน...

“อึ่กอั่ก! อึ่กอั่ก!! สหายไม่เห็นเหรอเด็ก ๆ เต็มเลย” พวกเขาอัดไปคนละหมัดสองหมัดแล้วลากตัวเจ้าอ้วนลงจากรถยนต์แล้วรุมกระทืบ

“อึ่กอั่ก!อึ่กอั่ก!” เจ้าอ้วนปัดป้องหัวเราะร่วน

ทันใดนั้นเสียงใสของหญิงสาวทักทาย...

“อันยองฮาเซโย!...” สาวสวยหุ่นบึ้มก้าวลงมาทั้งกลุ่มตาค้างถอยกรูด

“ฉันชื่อคาลิอุนจาก อูลานบาตอร์ มองโกเลียค่ะ เป็นภรรยาของคงแทจุน

“ฮ้า!...”

เจ้าอ้วนยิ้มยืดแล้วแหวกกลุ่มเพื่อน...

“ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย!...หลบไป” แทจุนกอดคอสาวงามเดินยืดยิ้มแก้มเป็นพวงขึ้นไปหาซอนบนลานบันไดหน้าห้องสมุดประชาชนที่ยิ่งใหญ่

“บอสครับ! ผมพาภรรยามาแนะนำตัวครับ” เขายืดอกพุงพลุ้ยยิ้มแก้มยุ้ยน่าหยิก     

“ชีวิตของสหายสมหวังทุกอย่างแล้วนะคังแทจุน ฮีโร่ของผมมานี่สิ” ซอนอ้าแขน

“นอมูโพโกชิพพอโย เจ้าอ้วนวิ่งขึ้นไปกอดรัดด้วยความคิดถึงแล้วแนะนำแฟนสาว

“คาลิอุน! คนนี้แหละ...บอส! ผู้ให้แสงสว่างกับชีวิตของพวกเรา”

“อันยองฮาชิมนิก้า! คาลิอุน ฝากตัวด้วยนะคะ หนูเตรียมคำพูดมามากมายแต่พอเจอบอสแล้วพูดไม่ออกเลย” เด็กสาวตาคมผิวผ่องโค้งคำนับอย่างประหม่า

“ยินดีต้อนรับคาลอุน! ฝากดูแลแทจุนด้วยนะ รักและให้เกียรติกันเพิ่มมากขึ้นทุกวันมีลูกหลานเยอะ ๆ”

“คัมซามนิดะ ขอให้บอสสุขภาพแข็งแรงนะคะ”

ซอนหันไปถามแทจุน...  

“ออมม่ากับน้องสาวเป็นไงบ้าง?”

“ออมม่าไปทำงานเอกสารที่กรมปศุสัตว์ครับ น้องสาวขับรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายพยองยางปารีส มีครอบครัวแล้วได้ผัวจีนครับ”

“สหายทำงานเป็นยังบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

“ผมไปอยู่ตะวันออกกลางครับดูแลการขนส่งน้ำมัน ใกล้ถึงเวลาที่จะปิดบ่อแล้วครับ นักวิทยาศาสตร์พัฒนาโซลาเซลล์เรียลไทม์ใช้กับรถไฟฟ้าความเร็วสูงสำเร็จแล้ว ตอนนี้กำลังเร่งผลิตอยู่ครับ แบตเตอรี่รถไฟฟ้าของจีนเป็นวัตถุดิบชั้นดีมากเลยครับ”

“เจอนินจาเซมหรือยัง?”

“โอ้โห...คนนี้หาตัวยากจัง เขาเดินทางไม่หยุดเลย”

“อือ! นินจาเซมทุ่มเทมาก สหายมีธุระที่ไหนมั้ยรอดูไลฟ์สดด้วยกันก่อนสิ” เขาแหงนมองจอภาพด้านบนยอดอาคาร

“ผมจะพาคาลิอุนไปคารวะเจ็ทโด้เซมครับ เดี๋ยวดูที่นั่นก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นสหายไปก่อน เขาอยู่ที่บ้าน”

“เย่!

ทั้งสองลาแล้วเดินลงบันไดไป รถมอเตอร์ไซด์แล่นเข้ามา...

“แทจุน!..มาถึงเมื่อไหร่?” ซนบ๊กซูจอดมอเตอร์ไซด์โบกมือเรียก

“ซนพัลจังนีม!...” เขาคว้ามือสาวน้อยพาไปหาแล้วคุยกันสักพักแล้วลาขึ้นรถยนต์ขับออกไป

ลีซุกอึนยืนรอคิวเดินเข้าไปกอดเอวบ๊กซู...

“พัลจังนีมมาจากไหนครับ?”

“ซินเจียง มีเรื่องจะปรึกษาบอสด้วย สหายล่ะ”

“ผมมาจากเปรูโคตรไกลเลย งานนี้เสร็จก็กลับไปใหม่อยู่ช่วยอะป้าหาเสียงชิงตำแหน่งผู้นำจังหวัดก่อน”

“เสร็จงานนี้แล้วไปทำงานที่ซินเจียงดีกว่า สหายไปเฝ้าหุบเขาแห่งความจริงดูแล God mum แทนผมหน่อย สหายจะได้กลับบ้านได้บ่อย ๆ งานนั้นเอาไว้ก่อนนะ”

“ได้ครับ! แล้วพัลจังจะไปทำอะไรครับ?”

“เดี๋ยวก็รู้! ผมไปหาบอสก่อน” เขาเดินขึ้นบันได

ซุกอึนหันมองตามเพื่อนแล้วหันไปกระซิบจองอุลอิลลูกพี่เก่าที่เคยไปล่มเรือด้วยกันในวัยเด็ก...

“อุงอิลพัลจังนีม! ได้ข่าวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้นำเกาหลีนี่นา ผมมั่นใจว่าชนะแน่ ผมมี 2 เสียงจะยกให้แต่มีข้อแม้นิดนึง...” ชายหนุ่มหุ่นงามไม่ใช่เด็กตัวผอมในเสื้อหลวมโคร่งอมยิ้มปั่นประสาท

“ไม่เอา! อุงอิลถอยหลัง 2 ก้าว

“ตอบไวจัง!

“ขอบใจนะ เรหาเองได้” อุงอิลเมินไม่สนใจในความปรารถนาดี

ซุกอึนขยับเข้าไปกอดเอว เขากลายเป็นน้องที่น่ารักของรุ่นพี่...

“เดี๋ยวแพ้นะ! เราเป็นเดอะแก๊งด้วยกันต้องช่วยกัน เดี๋ยวผมจะช่วยหาเสียง ผมเป็นอดีตผู้นำกองเรือนะ ชนะใส ๆ อยู่แล้ว...เชื่อผมสิ!” เจ้าซุกอึนจุดชนวนอีกแล้ว

“ไม่อ่ะ!” จองอุงอิลส่ายหัวหนักมาก...

“คิดก่อนตอบสิ! เชื่อผมเหอะน่า!” ซุกอึนปะเหลาะลูบแขนลูบขา

“สหายไม่ต้องมายุเลย เรามีวิธีของเราเอง ขอโทษนะ!...สหายไม่ต้องเลือกเราก็ได้นะ” อุงอิลหลอน คงยังเข็ดฝังใจจากอดีต

“มีเรือมีไม้พายแต่ไม่มีคนพาย ก็ไม่ต่างจากขอนไม้ที่ลอยไร้เป้าหมายหรอก เราเคยร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา ผมจะเป็นคนพายเรือลำนี้เอง ผมเคยทำให้พัลจังนีมผิดหวังเหรอ?” ยุทธการปั่นประสาทของซุกอึนจี้ใจ อุงอิลแพ้ทางเขามาตั้งแต่เด็ก

“อ่ะ! ข้อแม้ของสหายคืออะไร?” อุงอิลลังเลเหล่มอง

“ไปเกาะจุงฮวากับผมอีกครั้ง ผมอยากไปเติมพลังก่อนทำงาน”

“เอาสิ! พรุ่งนี้เลยมั้ย?” อุงอิลตอบรับตาวาว

คนแพ้ทางจะแพ้อย่างนี้ต่อไปอย่างไม่มีจุดจบ คนที่จับจุดอ่อนของเพื่อนได้จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถต้านทานแรงปรารถนาภายในใจของตนและยอมจำนนกับทุกข้อเสนอ

กลุ่มของซนบ๊กซูเดินเคียงข้างซอนลบันไดงมาหาอุงอิลกับซุกอึน เพื่อนเข้ามารุมล้อม

ซอนนั่งลงบนขั้นบันไดบอกกับทุกคน...

“พวกเรา! สหายซนจะลงสมัครชิงผู้นำ Realm Mavel รับตำแหน่งต่อจาก God mum สหายเห็นควรว่ายังไงลองเสนอความเห็นบอกเพื่อนหน่อยสิ”

“ถูกต้องถูกเวลาครับ ซนพัลจังเหมาะที่สุดที่จะเป็นคนดูแลต่อไป” ซุกอึนเชียร์ทันที

“สหายซน! ลองหาเสียงกับเพื่อนให้ฟังหน่อยสิ ทำไมถึงอยากไปที่จุดนั้น”

“ผมเพิ่งจะเปลี่ยนใจหลังเหตุการณ์ของสมเด็จอุ้ม ผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นคนแก่ที่เคยมีอำนาจยุเด็กให้แตกแยก ผมสงสารคนที่หลงผิดโดนยั่วยุนิดหน่อยก็เพ้อเจ้อตามเขาไป หลายคนต้องตายไปเพราะแค่คิดไปตามอารมณ์ โดนปรามาสว่าไม่รักชาติก็ยอมโดนต้อนเข้าขบวนการโดยไม่รู้ตัว ผมจะไปนั่งขวางอยู่ตรงนั้นไม่ให้พวกมันกลับมา และจะหาวิธีที่จับให้ได้เร็วขึ้นก่อนที่จะขยายเผ่าพันธุ์”

“เหมาะแล้วครับพันจังคิดถูกแล้ว ผมจะไปอยู่ซินเจียงจะได้ช่วยงานง่ายขึ้นด้วย” วอนนาชินเห็นด้วย

ซอนยิ้มอ่อนโยน...

“ผมบอกไว้ตรงนี้เลย ผมจะช่วยแค่กดโหวตให้เท่านั้น ของผม 1 เสียงจะยกให้สหาย” เขาโอบหลังซนบ๊กซู

“ผมเชื่อว่า ผมทำได้ครับบอส!” ซนบ๊กซูยืดอก

“ดีมาก เก็บความมั่นใจนี้ไปลงสนาม”

“เย่!

“ภาพมาแล้ว...” ซุกอึนแหงนมองจอติดผนังอาคาร

เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว ไลฟ์สดเริ่มถ่ายทอดจากภายในโรงพยาบาลพยองยาง กลุ่มบนลานขยับแหงนมองดูนักร้องตาบอดเปิดผ้าปิดตา

ภายในห้องพักคนไข้ผ่าตัด หญิงสาวผมยาวพันผ้าปิดตานั่งรออยู่บนเตียงได้ยินเสียงเปิดประตูขยับตัวหันมาตามสัญชาติญาณ

“อันยองฮาเซโย!”คุณหมอผู้ชายวัยกลางคนร้องทักทายคนไข้ แล้วก้มถามอย่างอ่อนโยน...

“พร้อมมั้ยเซคยอง?”

“พร้อมค่ะ! เด็กสาวยิ้มแก้มใส

“เริ่มแล้ว!...” กองเชียร์บนลานร้องลุ้นแหงนมองกันหน้าสลอนเมื่อคุณหมอหยิบกรรไกร

“แกร็บ!แกร็บ! เขาค่อย ๆ เล็มผ้าอย่างนุ่มนวล

ซอนหันไปแซวโนยุนซอที่นั่งลุ้นตาไม่กะพริบ...

“ยุนซอ...ทำไมสหายไม่ไปนั่งในห้องนั้นล่ะ?”

“ผมไม่กล้า!” เขาก้มหน้าหวั่นใจ

“ทำไมล่ะ? สหายชอบเธอไม่ใช่เหรอ สหายเป็นคนเดียวที่เซคอยงไว้ใจมาตั้งแต่เด็กเลยนะ?”

“ถ้าเธอไม่ยอมรับ ผมต้องขาดใจแน่ ถ้าผมอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่ต้องเสียเธอไป ถ้าดวงตาของเธอมองเห็นชีวิตของเธอจะได้บินสูงขึ้นไปอีก”

ซอนถอนหายใจ...

“แย่เลยเนอะ! ถ้าสหายไม่มั่นใจตัวเองอย่างนี้ก็ปล่อยเธอไปซะ ใจขี้มดดูแลคนรักไม่ได้หรอก” ซอนไล่ส่งไปเลย

“อ้าวบอส! อย่าพูดอย่างนี้สิ ผมใจเสียนะ!

“รักแท้ไม่ได้วัดจากความสวยหรือหล่อ ในโลกที่มืดมิดเสียงของสหายเป็นเหมือนแสงสว่างที่ให้กำลังใจเธอทุกวัน สหายขี้เหร่ตรงไหนวะมั่นใจตัวเองหน่อย เสียชื่อเดอะแก๊งรุ่น 1 หมด”

“ผมรุ่น 4 ครับ”

“เออ! รุ่นไหนก็เป็นเดอะแก๊งเหมือนกันแหละ”

“ขอเวลารวบรวมความกล้าก่อนนะครับ” เขาถอนหายใจแรงแล้วแหงนหน้ามองจอภาพ

เซคยองนั่งบนเตียงประหม่าปนดีใจยิ้มไม่หุบปาก....

“หนูจะเรียกสีถูกมั้ยคะเนี่ย กลิ่นดอกกุหลาบที่หอมละมุนจะมีสีอะไร หมากับแมวหน้าตาจะต่างกันมากมั้ย?” เธอเต็มไปด้วยคำถาม

คุณหมอวางกรรไกรลงหันไปหยิบสำลีชุบน้ำ...

“หนูกำลังจะได้เห็นหน้าอะป้าแล้วนะครับ”

“หนูมีคนที่อยากเห็นหน้ามากมาย ยุนซอโอปป้า เยริมอนนี่ น้องแทนด้วย”

คุณหมอบรรจงเช็ดสำลีลงที่เปลือกตาอย่างแผ่วเบา...

“หลับตาไว้ก่อนนะครับ”

เขาหันไปสั่ง...“หรี่ไฟลงด้วยครับ”

ผ้าม่านรูดปิด ความสว่างในห้องลดลงจนสลัว

“ค่อย ๆ ลืมตา อาจจะเจ็บหน่อยนะ” เขาค่อย ๆ เกลี่ยเปลือกตา

ดวงตาของเธอขยับกลอกกลิ้งไปมาก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้น เธอนั่งนิ่งมองค้างไปที่ปลายเท้า

“มองเห็นอะไรบ้าง?” คุณหมอลุ้น

เธอยกนิ้วขึ้นมานับแล้วตอบอย่างมั่นใจ...

“หนูเห็นอยู่ตรงนั้น 3 คนค่ะ ในห้องนี้มี 5 คน” เธอชี้ไปที่กลุ่มคุณหมอแล้วชี้ที่ปลายเท้า

“หงึ!หงึ!หงึ! หนึ่งในสามสะอึกสะอื้นพยายามกดเก็บความรู้สึก

แค่เสียงสะอื้นเล็กน้อยทำให้เธอสะดุ้งหันขวับ...

“อะป้า! อะป้า!..แง!..หนูมองเห็นอะป้าแล้ว ฮือฮือ! เธอกางแขนร้องไห้จ้าเมื่อได้ยินเสียงอบอุ่นคุ้นเคยตลอดมาในความมืด เสียงที่คอยประคบประหงมลูกพิการมาอย่างดี

“ตั้ล!...” พ่อผู้ผ่านความอดทนปล่อยน้ำตาแห่งความดีใจท่วมห้อง กลิ่นของความหลุดพ้นตื้นตันอบอวล

“ใบหน้าของอะป้าเป็นอย่างนี้นี่เอง” เธอลูบคลำใบหน้ากร้านแดดของเหยื่อในเกมอำนาจที่ผ่านการต่อสู้มาโดยลำพังอย่างยากลำบาก

“หนูจะได้เห็นหน้าออมม่าด้วยนะ” เขาลนลานดึงกระเป๋าสตางค์

คุณหมอยกมือปาดน้ำตาตื้นตัน...

“ขอไฟหน่อย”

ภายในห้องค่อย ๆ สว่างขึ้นครึ่งหนึ่งของแสงปรกติมองเห็นทุกสิ่งเป็นรูปร่าง รูปถ่ายเก่าของสาวเกาหลีทรงผมนกนางนวลยิ้มเก๋ในชุดนักศึกษาใบหน้าละม้ายคล้ายเซคยอง

เธอเอารูปถ่ายของแม่วางบนเตียงแล้วขยับถอยหลังโค้งคำนับ...

“ออมม่า! สบายดีมั้ยคะ หนูได้เห็นหน้าออมม่ากับอะป้าแล้ว ฮือฮือ!” หยาดน้ำตาของเธอหยดบนรอยยิ้มของแม่

“หงึ! หงึ! แสบตามั้ยลูก?” พ่อขยับกุมมือ

“ไม่แสบค่ะ! หนูเห็นหน้าคุณหมอชัดทุกคนเลยค่ะ”

“เยส! คุณหมอยิ้มร่าหันไปจับมือกัน

หญิงสาวทั้งสองขยับเดินเข้าไปหาแล้วยื่นมือ เซคยองจับมือของคนแรกถึงกับกระเด้งตัวตรง...

“สหายผู้นำ! สหายจูยอน!...

จูยอนคว้ามากอดแล้วลูบหลังเบา ๆ...

“ไม่ต้องกลัวนะ! ยินดีต้อนรับสู่โลกของแสงสว่าง ฉันรอเวลานี้มา 10 ปี ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน”

“ฮือฮือ! ไม่นานเลย หนูไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ดีใจที่สุดเลย” สาวน้อยน้ำตาแตก

“อย่าร้องค่ะเดี๋ยวตาอักเสบ” จูยอนน้ำตารื้นลูบหลังเบา ๆ

“ไม่เป็นไรครับ! ร้องได้เต็มที่น้ำตาจะช่วยประสานทุกอย่างเอง” คุณหมอตอบคลายความกังวล

“สหายผู้นำสวยอย่างที่หนูเคยได้ยินคนพูดจริง ๆ”

เซคยองสะอึกสะอื้นหันยิ้มมองอีกคนแล้วยื่นมือ...

“ซอนแบนีม! ขอหนูจับมือหน่อยค่ะ” เธอยิ้มทั้งน้ำตาแหงนมองยื่นมือออกไป

พอมือแตะกันเธอก็กระโดดตัวลอย...

“ไป่ไป๋ออนนี่!...ไป่ไป๋ซอนเซงนีม!...ฮือฮือ” เธอพุ่งเข้ามากอดร้องไห้โฮ

“เรื่องร้ายผ่านไปหมดแล้ว เธอได้กลับมาในวันที่โลกสวยที่สุด ดีใจด้วยนะเซคยอง”

“ยิ่งกว่าฝันอีกค่ะ ต่อไปหนูไม่ต้องเห็นแต่ความมืดอีกแล้ว ฮือฮือ!

“เซคยองจ๊ะ! มีคนมาให้กำลังใจหนูมากมาย เขารอดูการไลฟ์สดอยู่ พูดอะไรกับพวกเขาหน่อยค่ะ” ไป่ไป๋ชี้ไปที่กล้อง

เซคยองยิ้มกว้างน้ำตานอง...

“อันยองฮาชิมนิก๊า...หนูมองเห็นแล้วค่ะ”

เสียงเพลง My dream come true ที่ไป่ไป๋แต่งให้เธอดังกระหึ่มขึ้นมาทั่วเมือง กองเชียร์บนลานจัตุรัสลุกขึ้นกรี๊ดเต้นสนุกสนานตื้นตันใจ

“จบลงด้วยดี!” ซอนยิ้มกว้างแล้วกระแทกไหล่ใส่โนยุนซอ...

“ขึ้นไปสิ! ถ้าพลาดโอกาสนี้ เวลาที่ผ่านมาสูญเปล่าเลยนะ”

“ผม...เอ่อ!” เขาประหม่าจนสั่นไปทั้งตัว

ซนบ๊กซูยกเท้าถีบตูด...

“เธอเอ่ยถึงสหายเป็นคนที่สองเลยนะ...รีบไป!

ซอนหัวเราะมองตามยุนซอวิ่งไปคว้ามอเตอร์ไซด์บิดไปแล้วหันกลับมาสุมหัวกับเด็ก...

“เราไปตั้งแคมปิ์มน้ำกันดีกว่าา ผมอยากกินปลาดิบ”

“ไปเลยครับ” ซุกอึนยกวิทยุเรียกเพื่อน

บางครั้งความสุขก็ไม่ได้มาเพราะโชคดี ความสุขจากการให้โอกาสจะส่งผลตอบแทนให้ชุ่มชื่นหัวใจได้ตลอดชีวิต ผู้ให้ย่อมได้รับในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ

 

...............................................................................

เกาะคอนยู

สายลมเย็นพัดผ่าน ลานหน้าบ้านเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้บางปลิวว่อน น้องสาวเกาหลีกำลังเตรียมโต๊ะอาหาร เด็กเล็กชายหญิงเจี้ยวจ้าว

เก้อเฉิง กำลังนั่งดูนายพลห่าวอู๋เล่นหมากรุกกับคุณหมอที่แคร่ขอบลานใต้ต้นไม้หน้าบ้านหลังเล็กริมสระน้ำ

“โป๊ก! นายพลห่าวอู๋โขกหมากรุกเสียงสนั่น...

“รุกฆาต! ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เขาปรบมือหัวเราะชอบใจหลังจากวางหมากแห่งชัยชนะ 

คุณหมอยิ้มแล้วหยิบขุนมาถือหมุนไปมา...

“หนี!” คุณหมออมยิ้มแล้วเดินหมากหลบเข้ามุม        

“ตามไป รุก! นายพลไล่ต้อน

“โป้ก!...” ท่านโขกความมั่นใจกระดานสะเทือน

นายพลเฒ่าตีปีกกระหยิ่มยิ้มย่องที่ต้อนหมากของคู่ต่อสู้เข้ามุม เมื่อกำชัยชนะไว้ในมือก็ต้องเยาะเย้ยถ่มถุยกันหน่อยเพื่อความสะใจ...

“ไอ้หมอตายแน่! จะหนีไปไหนได้ อ่อนว่ะ! แพ้ทุกวัน! นายพลได้ทีเชือดเฉือนคุณหมอให้เจ็บใจ

คุณหมอใจเย็นหยิบขุนจากมุมกระดานขึ้นมาถือแล้วยิ้มมุมปาก.       “หนีสิวะ! ฮึ้บ!

ขุนลอยคว้างกลางอากาศแล้วตกลงกลางสระ...

“จ๋อม!!”          

“ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณไม่มีวันชนะผมหรอก ไอ้เสือเฒ่า! เขาหัวเราะตาหยีเกทับ

นายพลห่าวขมวดคิ้วเอียงคอมองตาขวาง...  

“อ้าวไอ้หมอ! โกงกันนี่หว่า!...”

“โกงที่ไหน ผมหนีไปโน่นแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!

“ได้เลย!” นายพลนายพลลุกยืน

“ตามไปรุก!” เขาแหกปากลั่นขว้างขุนของตัวเองตามไป

“จ๋อม...มม!! น้ำกระจาย

เก้อเฉิงหัวเราะตกแคร่ไปแล้ว

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทั้งสองเฒ่าตีมือหัวเราะลั่นบ้าน หม่าม้าอุ้มหลานเดินยิ้มเข้าไปหา...

“ถ้าต่อยกัน! ฉันไม่ทำแผลให้ด้วยนะคะบอกก่อนเลย” ท่านส่ายหัวยิ้มขำ ผู้เฒ่าสองคนที่กลายมาเป็นเพื่อนซี้กัน

“สู้ผมไม่ได้หรอก” นายพลกระเซ้า

“ป๊า! ไม่เหงาแล้วนะ ท่านนายพล...นับวันก็ยิ่งเหมือนเด็กนะคะ ใครไปรับท่านกลับมานะปล่อยให้อยู่จีนก็ดีแล้ว” หม่าม้าอมยิ้มเดินเข้ามากอดคอสามี           

“อาซ้อ! ผมได้ยินนะ แม่กับลูกปากร้ายเหมือนกันเลย หึ!หึ!

“คุณมาที่นี่ทำไม?” คุณหมอชวนคุย

“ใกล้เสร็จงานแล้ว นอนไม่ค่อยหลับ ”

“ทำไม?”

“ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เลยคิดว่าจะทวงสัญญากับไป่ไป๋สักหน่อย” ท่านพูดหน้านิ่ง

หม่าม้ายื่นหน้ามา...

“ไป่ไป๋แรงส์เลยล่ะค่ะ! ฉันขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะคะที่ก้าวร้าวท่าน”

 “ไม่ต้องขอโทษครับซ้อ ผมชอบตรงไปตรงมาดี เธอเคยสัญญากับผมไว้และผมมาทวงสัญญาวันนี้”

“สัญญาอะไร?” คุณหมอถาม

“เธอบอกว่าถ้าชนะสงครามจะให้ผมเป็น ฮ่องเต้!

หือ!..ไอ้แก่!...ไอแค่กเดียวก็หน้ามืดแล้ว แกปีนขึ้นบัลลังก์ไม่ไหวหรอก” คุณหมอเบ้ปาก

ฮ่าฮ่าฮ่า! เก้อเฉิงกับหม่าม้าขำกลิ้ง

“ผมพูดจริง! นายพลห่าวอู๋ขึงขัง ตาขวางใส่สองผัวเมีย...

“ไม่สลด!...ฉันจะเอาไซยาไนต์ฉีดให้ตายไปเลย” หม่าม้าช่วยรุม

“เอาดีดี! นอนไม่หลับเพราะอะไร เจ็บป่วยหรือเครียด?” คุณหมอถามเสียงเข้ม

“ใจหายที่จะไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ตลอดชีวิตของการเป็นทหารผมภาคภูมิใจตัวเองสูงสุดเมื่อได้มาทำงานกับแอนนา ผมไม่รู้สึกลำบากใจที่ต้องลดตัวลงไปและเต็มใจช่วย แต่เมื่อใกล้ถึงเวลางานเสร็จมันเหมือนกับหมดเวลาชีวิตไปด้วย ผมรู้สึกเหงาจับใจ พอคิดถึงวันพรุ่งนี้แล้วมันเหมือนมองกำแพงทึบไม่มีทางเดินต่อ เส้นทางของคนแก่ตันลงทุกวัน” น้ำเสียงของผู้ทรงอำนาจสูงสุดของกองทัพ Real Mavel เศร้าลง

“ท่านนายพลอย่าพูดอย่างนี้สิครับ ผมยังคงอยู่เคียงข้างท่านเสมอ” เก้อเฉิงผวาเข้าหา

“ต้องขอบใจพวกนายนะเก้อเฉิงที่ทำให้ผมได้ย้อนคิดกลับไปในวันที่ผ่านมาแล้วไม่ต้องอึดอัดใจ พอถึงวันนี้ผมได้ตระหนักแล้วว่า ความสุขที่แท้จริงของคนอยู่ที่ครอบครัว พวกคุณมีลูกหลานมากมายมีรอยยิ้มสดใส แต่ผมกำลังจะหมดคนที่เคารพนับถือ”

“อะไรทำให้คุณถอดใจอย่างนั้น?” คุณหมดใบหน้าเครียดไปด้วย

“ลูกหลานของผมไม่ได้กลับมา ผมอิจฉาพวกคุณนะ ดูสิ!

ท่านนายพลชี้นิ้วกราดไปทั่วลาน

กลีบดอกมูกุงฮวาปลิวปลวตามกระแสลม บ้านหลังเดิมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความทรงจำ บนลานกว้างหน้าบ้านไม่มีลีอองกับเจ้าหมาดำวิ่งให้เห็นอีกแล้วมีแต่กลุ่มเด็กเล็กในชุดโกโจรีวิ่งเล่นกันเสียงเจี๊ยวจ๊าวสดใส 

จูยอนนั่งบนพื้นลานไม่ไกลจากกลุ่มของผู้ใหญ่รายล้อมด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเบิกบานของเด็กชายหญิงซ้ายขวา

นาตาลีนั่งยิ้มมองผลผลิตทั้ง 12 คนที่เริ่มโตขึ้นมา ความฝันของเด็กกำพร้าที่อยากมีลูกหลานมากมายได้ครอบครัวใหญ่ขึ้นอย่างที่เคยฝันไว้ ลูกสาวคนเล็กของเธอในวัย 3 ขวบเดินเตาแตะชูแขนมาหา

“ลีอมม่า! อุ้ม!

นาตาลีรับลูกสาวตากลมมาฟัด...

“พัคนารัน! รักกัน! รักกัน!  

คุณหมอลุกมากอดคอท่านนายพลอย่างเข้าใจ...

“ถ้าคุณวางมือแล้วมาทำงานกับผมที่นี่มั้ยล่ะ?”

“ผมไม่มีความรู้เรื่องหมอเลย”

“ท่านเป็นคนบริหารจัดการเก่งมาก ดูคนออก บอกคนได้และใช้คนเป็น มาช่วยผมตอกหมุดอุดมการณ์ให้กับลูกศิษย์ของผมดีกว่า มาช่วยผมผลิตหมอที่มีอุดมการณ์ไว้ช่วยมวลมนุษย์กันเถอะ”

“ข้อเสนอน่าสนใจ”

“ท่านจะได้เจอไป่ไป๋บ่อย ๆด้วย”

“ดี! ผมจะกลับไปคิดดู”

เจ็ทโด้เปลี่ยนบทบาทหันไปช่วยคุณหมอดูแลทีมนักศึกษาแพทย์เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อาสาเลี้ยงลูกที่เกาหลีเท่ากับบังคับให้ทุกคนต้องมาที่นี่

“นาตาลี! สหายผู้ไกล่เกลี่ยกลับมาหรือยัง?” เขาอมยิ้มถามถึงแทน

“จะถึงแล้วล่ะ! คุณบอกฉันหน่อยสิว่าจัดวางคนยังไง อันนี้ขอชื่นชมนะคะ ง่ำ ๆ ๆ” เธอหมั่นเขี้ยวฟัดลูกสาวตัวเอง

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยงานเลือกพวกเขาเอง มีฝันหลายอย่างที่คนทุ่มเทแต่ทำยังไงก็ไปไม่ถึง ผมไม่เคยเชื่อเรื่องคนเลือกงานมีแต่งานเท่านั้นที่เลือกคนควรค่าไปทำมัน พวกเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้” เขายิ้มอย่างอบอุ่นแล้วหันไปหัวเราะชี้นิ้วไปที่เด็กชายหญิงหัวโล้นตัวน้อยกำลังซัดกันนัว

“หยุดนะ! เว่ยโผตีจริง ๆนะ! คุณหมอกับนายพลวิ่งมาจับแยก อุ้มกลับไปที่ม้านั่งข้าง ๆ จูยอน

“อะป้า!...อุ้ม! เด็กสาวผมหยิกตากลมชูแขนเดินเตาะแตะเข้ามาชูแขนให้เจ็ทโด้อุ้ม

“ซันนี่! กินนมหรือยังคะ?” เขาหันไปอ้าแขนรับเด็กสาวแก้มยุ้ยดวงตากลม ลูกสาวคนเล็กของซอน

“แล้ว! อะป้าขาจุ๊บกัน! เด็กสาวตาคมยื่นปากจูจู๊บ

“เนกาเจอิล จัลนาก้า” กลุ่มหญิงสาวเดินแถวร้องเพลงข้ามสะพานมาช่วยงาน

“แว๊น!แว๊น!แว๊น! มอเตอร์ไซด์แล่นเข้ามาจอด

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่แผงอกแน่นคับเสื้อเอวคอด ถอดหมวกยิ้มเขี้ยวสวยรูปหล่อสาวเหลียวหลัง เดินโบกมือไปให้กลุ่มผู้ใหญ่ริมสระ

“แทนโอปป้ามาแล้วเร้อ?” พวกผู้ใหญ่ยิ้มโบกมือให้หลานชายคนโตที่เป็นหนุ่มแล้ว

“อันยองฮาชิมนิก๊าโจโบโม่! น้องแทนตะโกนเสียงดังทักกลุ่มผู้อาวุโสแล้วก้มหัวทักทายรอบสนามเหมือนนักมวยขึ้นเวที

มะลิพรวดเข้าไปหา...

“โอปป้ารู้รึยัง Twins studio ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ออกมาแล้ว เป็นนักร้องผิวสี ชื่อ อดูเรเมอฟีอาโดมานีเก้” วัยรุ่นสนใจแสงสีเสียง

น้องแทนคิ้วขมวด...

“ชื่อเรียกยากจัง”

“เรียก OFK ก็ได้ นี่ดูสิ! เต้นเก่งมาก” เธอยื่นโทรศัพท์ให้

ทันใดนั้น

“ลิอุ้ม!” มะลิโดนเด็กชายดึงขาออกไป บนลานแห่งความสุขมีแต่ความชุลมุนวุ่นวายของเด็กเล็ก

นาตาลีส่งลูกสาวให้เจ็ทโด้แล้วเรียกน้องแทน...

“แทนโอปป้า! ขอลีกอดหน่อย?”

เธออ้าแขนกว้าง น้องแทนยิ้มหน้าบานวิ่งอ้าแขนมากอดหมับ...

“เค้าคิดถึงลีมาก ๆ ๆ ๆ เลย” เขาหอมแก้มนัวเนียเหมือนตัวเองยังเด็ก

นาตาลีกอดเอวเอาคางกดไหล่ยิ้มปลื้ม...

“โตมาอย่างดีแล้วอย่าลืมตัวนะลูก ทำดีมาตลอดแล้ว”

“เค้าไม่เคยลืมที่ลีสอน พวกเราเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกันทำดีให้กันแล้วจากไปด้วยความสุข” เสียงหนุ่มวัยแตกพานห้าวใหญ่ น้องแทนใบหน้าหวานตาคมเหมือนแม่ใหญ่ หุ่นบึ้กสูงสง่าเหมือนซอน

“ไปหาอะป้าเถอะ!” เธอตบหลังเบา ๆ

เขาโผสวมกอดเจ็ทโด้อย่างสนิทใจ...

“อะป้า!..แทนซัมชุนมาหรือยัง? เค้ามีเรื่องจะเคลียร์หน่อย ป๊าด้วย!” เขาสวมกอดเจ็ทโด้แน่น          

“ซัมชุนกำลังขับรถมากับไป๋” เจ็ทโด้ตอบโดยยังสาละวนกับเด็กเล็กรอบตัว

“น้องแทนไปหากลุ่มเวฮัลมอนี่ก่อนครับ”

น้องแทนยิ้มสดใสวิ่งกางแขนเข้าไปหากลุ่มผู้เฒ่า...

“โจโบโม่!...คิดถึงจังเลย” น้องแทนวิ่งเข้าไปกอดหม่าม้าและคุณหมอ ทักทายเก้อเฉิงกับท่านนายพล

เด็กหญิงบอบบางวัยสิบขวบใบหน้ากลมตาหยีหางตาเรียวแก้มตูมสีหน้าบอกบุญไม่รับเดินปรี่เข้ามาหานาตาลีแล้วสวมกอดอ้อน...

“นีน่าอนนี่!” นาตาลีดึงมากอด

“ลีอมม่าขา! แทนโอปป้าดื้อมากบ้านก็ไม่ค่อยกลับ หนูจะไม่ไหวแล้วนะ!” นีน่าหน้าหงิกมองค้อนพี่ชายที่กำลังหยอกล้ออยู่กับคุณหมอ

“เขาต้องฝึกต้องนอนที่ค่ายกลับบ้านไม่ได้ค่ะ” นาตาลียิ้มกอดลูกสาวคนโตของจูยอน

“ฮู้ว...วว!! เสียงเพื่อน ๆ ของน้องแทนโห่ฮานั่งรอที่หัวสะพาน สุมหัวคุยกันเฮฮาตามปะสาวัยรุ่น

น้องแทนเดินผละจากกลุ่มผู้ใหญ่ผ่านหน้านาตาลีไปหากลุ่มเพื่อน ที่หัวสะพาน

นีน่าพุ่งพรวดไปขวาง...

“โอปป้าจะไปไหนอีก! หนูไม่อยากจะบ่นแล้วนะ กลับมานี่!” สาวน้อยปรี่เข้าไปดึงหูพี่ชาย... 

“โอ๊ย! เค้าเจ็บนะ” น้องแทนต้องเอียงตัวเดินตามน้องสาวกลับมา

“เมื่อไหร่จะเป็นผู้ใหญ่สักที ฮึ?”

“โอปป้าผิดอะไร?”

นาตาลีนั่งยิ้มมอง...            

“นีน่าคะ มานี่ลูก”

นีน่าวิ่งเข้ามากอด          

“โอปป้า! เป็นหนุ่มแล้วนะคะ หนูต้องให้เขาไปใช้ชีวิตสิคะ ทุกคนต้องหาตัวตนค่ะ” นาตาลีลูบหัวน้องนีน่า            

“วัน ๆ ขับแต่รถ เดี๋ยวก็ไปแข่งมอเตอร์ไซด์กับเพื่อนอีก พอแขนหักกลับมาหนูก็ต้องมาเหนื่อยดูแล” นีน่าฟ้องเป็นชุด

น้องแทนยิ้มมองน้องสาวไม่โต้เถียง นาตาลีลูบหัวเอ็นดูยิ้มสายตาระยับเปี่ยมความสุข...

“ที่หนูเห็นนั่นน่ะเขากำลังทำงาน”

“เข้าใจรึยังคะ?” น้องแทนยื่นหน้ามายักคิ้วให้น้อง

แต่นีน่ายังโกรธจ้องตาเขียวแล้วบ่นใส่หน้า...

“หนูเหนื่อยมากที่ต้องคอยบ่นคอยเตือน อะป้าก็อุ้มน้องไม่ไหวหนูก็สู้ไม่ได้ อยู่คอยห้ามเฟยหงกับมู่หลานเลย” น้องนีน่าชี้ไปที่กลุ่มเด็กที่นั่งล้อมวงอยู่กับจูยอน

“ชอบมาชวนกันไปดื้อ!” แล้วเธอผลุนผลันลุกเดินไปที่ปลายสะพาน 

นาตาลีเงยหน้ามองน้องแทนแล้วยิ้มหวาน...

“วันนี้มีซ้อมกันเหรอคะ?”

“เย่! แต่เค้าไม่ซ้อมหรอก วันนี้จะมาอยู่ด้วยคิดถึงจะตายอยู่แล้ว ลีให้เค้าหอมให้หายคิดถึงก่อน” น้องแทนกอดฟัด

เธอเบี่ยงหลบแล้วชี้ไปที่สะพาน...

“หยุดก่อน! ดูโน่นก่อน!

นีน่ากำลังเล่นงิ้วกับกลุ่ม Youngster...

“โอ๊ปป้าจะมาพากันไปดื้อที่ไหนอีก? มานี่เลย...จะตีให้หลังลายเลย” สาวน้อยดึงกระโปรงวิ่งไล่หวดไม้เรียว

“เนกาเจอิลจัลนาก้า ไปก่อนล่ะ! ตัวตึงมาแล้ว” วงแตกกระเจิง

น้องแทนหัวเราะตาใส...

“เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ไอ้พวกนั้นก็กลัวนีน่ากันหัวหด” น้องแทนหัวเราะแล้วโบกมือให้เพื่อน

นีน่าโวยวายไล่ส่งแล้วเดินยิ้มสบายใจกลับมาหานาตาลี...    

“พวกนี้ก็ชอบมาชวนเที่ยว คอยดูนะสักวันหนูจะจับโอปป้ามัดไว้กับเสา”

“มานี่สิ!” น้องแทนเข้าไปรวบตัวอุ้มขึ้นมากอดหอม

นีน่าหัวเราะดิ้นชอบใจ มะลิเข้ามาดึงแขน...

“แทนโอ้ปป้าของเค้า”            

“แทนโอปป้าของหนู”

“ของทั้งสองคนแหละ ไปเลี้ยงน้องไป!” น้องแทนรวบทั้งสองคนแล้วหอมแก้มไปคนละฟอด

ทันใดนั้น...             

“ย๊าก! ว๊าก! ของเค้า! อันนี้ของเค้า! ทั้งสามหันมองไปที่ต้นเสียง

“ย่าห์! นีน่ากระโดดวิ่งนำไปก่อน

“อีกแระ! มะลิผวาวิ่งตาม

“ไอ๊กู่!! น้องแทนวิ่งตามไป

เด็กหัวโล้นฝาแฝดกำลังกัดหัวกันท่ามกลางกลุ่มพี่น้องมุงดู ลิปสติกแดงเขียนเต็มหัวเหน่งเจ้าเฟยหง แฝดลูกชายของไป่ไป๋

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! นาตาลีนั่งหัวเราะลั่น

“เล่นไม่ได้นะคะ!” นีน่าดึงลิปติกออกจากมือมู่หลานแฝดหญิง

เจ็ทโด้ตะโกนมา...

“ในบรรดาเด็กทั้งหมด ยายนี่ดื้อสุด! ฉลาดสุด! แสบสุด!”

มู่หลานไม่ยอมให้นีน่ายึดลิปสติกพุ่งเข้าใส่...         

“นั่นของเค้าเอาคืนมานะ!

“โอ๊ะ! น้องนีน่ารูปร่างอ้อนแอ้นเจอมู่หลานดิ้นถึงกับเซล้มลง

“อั้ยกู่! น้องแทนวิ่งไปประคองนีน่า

พอมู่หลานได้อิสระก็วิ่งไปหาเฟยหง...             

“นี่แน่ะ! ๆ ๆ ” เธอเอาลิปสติกป้ายหน้า แดงเถือก

“แงแงง! เจ้าแฝดชายแหกปากร้องลั่น

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! โคตรบันเทิงเลย นาตาลีหัวเราะกวักมือเรียก...

“ถังเฟยหง! ถังมู่หลาน!ไม่คิดถึงลีอมม่าเลยเหรอคะ?” มู่หลานเร็วกว่าโยนลิปสติกทิ้งแล้วรีบวิ่งด๊อกแด๊กเข้ามากอด             

“ลีม่า! เฟยหงเอาสีมาเล่น” เธอปากจู๋มองค้อนเฟยหง

นาตาลีดึงมากอดฟัด...

“ก็อปปี้เหมือนมาก ฮ่าฮ่าฮ่า!

มู่หลานขึ้นมาบนตัวแล้วขยับก้นดิ้นลงไปนอนบนตัก นาตาลีก้มยิ้มมองเจ้าหัวเหน่งดวงตากลมใสปากสีชมพูสดขยับพูดจ๋อย...

“คิดถึงลีม่าที่สุดเท่าฟ้า มากกว่าเฟยหง”

“เฟยหงคะ! มานั่งตักลีออมม่าสิ” เธออุ้มเฟยหงขึ้นมานั่งข้างแล้วจะอุ้มมู่หลานให้ขยับ

แต่...เจ้าตัวร้ายบิดตัวยืดขายาวขวางไว้แล้วขยับคอเสื้อ

“ลีออมม่าขา! เค้าร้อน...ให้เฟยหงนั่งข้างล่างเหอะ”

“อื้อ!เธอถีบเฟยหงตกจากแคร่...

“แง!...แง!

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! นาตาลีหัวเราะลั่นส่ายหัวอุ้มน้องขึ้นมานั่งคู่กัน             

“หนูสองคนเป็นฝาแฝดกัน ต้องรักกันมาก ๆ นะคะ อย่าแย่งของกัน ต้องแบ่งกันเล่นจำไว้นะคะ” นาตาลีลูบหัวเหน่ง

มู่หลานปากจู๋ ...

“เฟยหงดื้อ! เอาสีมาเล่นไม่แบ่งใคร” เธอลอยหน้าลอยตาฟ้อง 

เจ็ทโด้ยืนยิ้มมองแล้วตะโกนมาหา...  

“นิสัยเหมือนแม่มันเนอะ ขี้โกงตั้งแต่เด็กกว่าไป่ไป๋จะพูดรู้เรื่องก็ปาเข้าไปอายุ 25 นี่เราคงต้องทนยายนี่ไปอีก 25 ปีแน่ ๆ”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! จูยอนหัวเราะเสียงใส

นีน่าหันมาฟ้อง...

“หนูเห็นแต่มู่หลานแกล้งเฟยหงนะคะ”

“มู่หลานนิสัยเหมือนไป๋ออมม่า เฟยหงนิสัยเหมือนอะป้าแทน”  นาตาลียิ้มใจดีท่ามกลางลูก ๆ ของแทน              

“บรื้น!!! รถยนต์เข้ามาบนลานกว้าง นีน่าเงยหน้าขึ้นมองแล้วกระเด้งตาโตร้องแหกปาก...

“แอนนาอมม่ากับอะป้าซอนมาแล้ว” นีน่าลุกวิ่งตัวปลิวไปหา

“อมม่า! อะป้า! กลุ่มเด็กทั้งฝูงวิ่งเข้าไปหา

นาตาลีลุกเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับหม่าม้าบนแคร่ริมสระ แอนนากับซอนเดินเข้ามาทำความเคารพผู้ใหญ่

“ท่านนายพล!” ซอนตบเท้าทำความเคารพ

“เป็นไงบ้างไมเคิล?”

“ผมสั่งสลาย Cleanings service แล้วครับ”

“ผมก็กำลังจะจบงานแล้ว รอคำสั่งจากแอนนาอยู่”

“ขอบคุณท่านมากนะครับที่กรุณาพวกเรา” ซอนนอบน้อม

“ไปหาเพื่อนเถอะ” ท่านตบไหล่ซอนเบา ๆ  

แอนนาเดินยิ้มเข้ามากลางวงของจูยอน ทุกคนทักพร้อมกัน...

“อันยองฮาเซโย! แม่ใหญ่”

“อันยองฮาเซโย”

“เหนื่อยมั้ยคะ?” จูยอนส่งน้ำไปให้     

“บรื้น...นน!!รถยนต์สีขาวแล่นเข้ามาจอด

“อะป้ากับอมม่ามาแล้ว!” เด็ก ๆ วิ่งกรูเข้าไปอีก

ไป่ไป๋กับแทนตั้งท่ายิ้มกว้างกางแขน แฝดชายหญิงหัวโล้นเข้ากอดขาไป่ไป๋คนละข้าง แทนจูงมือนีน่าอุ้มซันนี่กับนารันอีลุงตุงนัง ซอนก็โดนเด็กไต่ยั้วเยี้ย

ไป่ไป๋ปล่อยเด็กลงแล้ววิ่งเข้ามากอดนาตาลี

“อนนี่อั่นย๋อง!” เธอกอดหอมนัวเนีย

“อั่นย๋องฮองเฮา”

แอนนาเดินยิ้มเข้ามาสวมกอดอีกคน...

“อั่นย๋องดอกเตอร์!

“อันยองแม่ใหญ่! คุณคือของขวัญพิเศษที่แสนมหัศจรรย์ ฉันนับถือหัวใจของคุณมากนะ God mum!” นาตาลีหอมแก้มพี่สาว

“เกมแห่งอำนาจมันจบแล้วดอกเตอร์ กว่าคนคิดชั่วจะหาวิธีมาเปลี่ยนแปลงได้คงอีกนาน”

“ทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยได้มั้ยคะ?” จูยอนเข้ามานั่งด้วย

“ได้! แค่ตั้งกฎไว้ให้ผู้นำทุกระดับต้องตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนป้องกันโรค ฉันคิดว่า God mum ของฉันจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ ก่อนที่ฉันจะตายความศรัทธามันต้องเกิดขึ้นและหลังจากฉันตาย God mum จะยังคงอยู่ดูแลต่อไป ทุกวันและทั้งวันเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาฉันต้องพูดคุยเพื่อให้เก็บเสียงไว้ตัดต่อเรียงคำพูดไว้มากมายเพื่อตอบทุกคำถาม”

จูยอนยิ้มอย่างเข้าใจขยับเข้ามาเกาะแขน...

“เอาอย่างงี้แหละแม่ใหญ่! เมื่อเวลาผ่านไปมันก็กลายเป็นวัฒนธรรมเอง เดี๋ยวก็มีอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์มาประกอบให้เอง นาตาลีว่ายังไงคะ?”

“ฉันคิดว่าแก้ปัญหาถูกจุดแล้วล่ะ ถ้าผู้นำไม่อยากกลับไปหา God mum ก็อย่าคิดชั่ว ถ้าจิตใจไม่ดีจริงจะไม่กล้าลงสมัครรับเลือกตั้ง คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ไป่ไป๋ว่าไงคะ?” นาตาลีหันมองไป่ไป๋

เฮอะ! เฮอะ! เฮอะ! ตามสะดวกเลยค่ะ หนูเคาะ!

ทันใดนั้นเสียงเด็กร้องลั่น...               

“ย้าก! จ๊าก! เจ้าคู่แฝดทะเลาะกัน

ไป่ไป๋ตาเหลือกวิ่งขากาง...                

“อย่ากัดหัวกันสิลูก โถ!.ชาติที่แล้วเป็นหมาด้วยกันทั้งคู่เลยสินะ ม้า!ไม่รู้จะทำยังไงแล้วไว้ผมยาวก็ดึงหัวกัน”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! เสียงหัวเราะสนั่นลาน...                        

“เฟยหงดื้อจริง ๆ เลย ขี้แงด้วย ” มู่หลานหน้าตาบ้องแบ๊วตากลมโตปากนิดจมูกหน่อยลอยหน้าฟ้องก่อน

“เดี๋ยวม้าจะพาเฟยหงไปอยู่บนภูเขา หนูอยากให้เฟยหงไปมั้ย?” ไป่ไป๋กอดมู่หลานแล้วก้มจ้องตา

หึ! ไม่ให้ไป” เธอขมวดคิ้วส่ายหน้า

“หนูไม่รักเฟยหงไม่ใช่เหรอ อยู่ด้วยก็แย่งของเล่น ม้าเอาไปทิ้งดีกว่า”

“หึ!!” ยายเด็กดื้อเอามือคว้าแขนเฟยหงไว้

“เฟยหงร้องไห้ทั้งวันน่ารำคาญ ชอบแย่งของเล่น หนูก็ชอบไปแกล้งน้อง”

“เค้าไม่เคยแกล้ง เฟยหงขี้แยเอง” แต่เธอยังกอดเฟยหงไว้

แอนนายืนอมยิ้มเอาไหล่กระแทกไป่ไป๋...

“ฉันเอาไม้กอล์ฟมาให้เจ็ทโด้แล้วนะ ลูกของเธอต้องตีด้วยไม้กอล์ฟ”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

ไป่ไป๋ยิ้มอาย...

“ปวดหัวเลย ทำไมดื้ออย่างนี้”

หม่าม้าตะโกนสวนมา

“นั่นแหละนิสัยแกเลย”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” 

“ที่ฉันไม่ยอมตายก็เพราะจะรอดูหน้าลูกของแก มันต้องมีสักคนสิน่าที่เหมือนแก ยายนี่แหละ! สำเนาถูกต้องที่สุด”

ท่านชี้ไปริมน้ำ เด็กชายสี่คนกำลังคุยกันกระหนุงกระหนิงไร้ปัญหา

“ดูสิ! เจ้าลูกชายนั่นรักกันจะตาย ขุดดินหัวรวมกันอยู่โน่น!

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

เจ็ทโด้กอดคอซอนแล้วเดินมาจูงมือแทนออกไปนั่งคุยริมสระรวมกับคุณหมอและท่านนายพล

เขานั่งลงแล้วถอนหายใจหันไปหาน้องชายทั้งสอง...

Youngster ไม่พอใจนโยบายของมึงน่ะแทน เขาขอเคลียร์ น้องแทนรออยู่ กูไม่เกี่ยวนะ กูไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มึงจัดการกันเอง”

ซอนกับแทนหันมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม จูยอนเดินยิ้มหวานเข้ามากอดคอของแทนแล้วพูดขู่...

“คุณเดือดร้อนแล้วล่ะแทน Youngster จะประท้วง โลกสะเทือนแน่”

น้องแทนเดินตัวโย่งใบหน้าเหี้ยมเข้ามา...       

“ป๊า!...ซัมชุน!...เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เสียงเด็ดขาดมาดผู้นำ

น้องแทนยืดอกจ้องมองทั้งสองอย่างองอาจ กลุ่มแม่แม่หันมามอง

แทนยิ้มใจเย็น...

“อึดอัดใจอะไรเหรอครับ น้องแทน?”

น้องแทนยืดอกขึงขัง...            

“ซัมชุนกับป๊าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นการเอาเปรียบมวลชนได้อำนาจมาอย่างไม่ถูกต้อง” เขาหาญกล้าต่อรองกับสองขั้วอำนาจใหญ่  

ซอนขมวดคิ้วมองหน้าลูกชาย...

“ป๊าไม่มีตำแหน่ง ป๊าไร้ตัวตน งานทั้งหมดก็ทำตามคำสั่งของม้านะ ตอนนี้ป๊าตกงานแล้วด้วย แต่ที่ผ่านมาก็สงบดีนี่นา” ซอนสีหน้าฉงบ

“สงบหรือกดทับ ป๊ากับซัมชุนเป็น Dictator ใช้กำลังเข้าสู่อำนาจ” น้องแทนกล่าวหาเสียงดัง

“มามุงเร็ว!...ตรงนี้มีประเด็น” จูยอนอมกวักมือเรียกแม่แม่

ไป่ไป๋เดินเข้ากอดคอน้องแทนแล้วดึงมาหอมแก้ม...

“หนุ่มน้อยคิดถึงจังเลย เหนื่อยมากมั้ยคะ?”

“คิดถึงไป๋จังเลย เดี๋ยวขอแจงกับป๊าก่อนนะครับ” เขาสนใจซอนมากกว่า       

“ป๊ากับหม่าม้าทำงานเหนื่อยมากนะคะกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างนี้” เธออมยิ้มแล้วเดินเลยไปนั่งข้างแทน

“ม้าก็เป็นหุ่นเชิด เป็นนอมินี” เขากล่าวหาแม่ใหญ่เต็ม ๆ 

“ห่ะ! แอนนากำลังเล่นกับลูกชายคนโตของนาตาลีหันขวับ ขยับเดินยิ้มเข้าไปวางมือบนไหล่ลูกชาย...

“แปะ!

“หื้อ! น้องแทนสะดุ้งโหยง ความมั่นใจหายวับสายตาสลดล่อกแล่ก

“ฉันเป็นตัวจริงนะแทนโอปป้า! สหายมากล่าวหาลอย ๆ เดี๋ยวมีเฮ ไปโดนใครปั่นหัวมาล่ะเนี่ย?” เธอจิกสายตาพูดยิ้ม ๆ

น้องแทนก้มหน้างุดบ่นพึมพำออกมา...

“ม้า! คนมองอยู่นะ ห้ามใช้อำนาจในทางที่ผิด เค้ามาในนามประชาชนใช้สิทธิตามพื้นฐานได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย น้องแทนไม่กล้าเงยหน้า

บรรดาแม่ ๆ นั่งลุ้น แอนนาก้มลงไปมองหน้าลูกชายแล้วพูดเสียงเข้ม...

“ยืดอกเงยหน้ามองตากัน! คุยกันทำไมต้องกลัว ผู้นำอะไรวะ! กระจอกจริง ๆ ต้องการอะไรว่ามา?”

“..........” บริเวณลานบ้านเงียบกริบ ทุกคนหันมองน้องแทนเป็นตาเดียวกัน

น้องแทนสูดลมหายลึกรวบรวมความมั่นใจ ชู 3 นิ้ว...

“ผมต้องการปฏิรูปถ้าไม่ยินยอมจะลงถนน ม็อกกิ้ง เจ คืนชีพ”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! แม่ใหญ่ม็อกกิ้ง เจ. มาแล้ว” นาตาลีขำกลิ้ง

เจ็ทโด้ผวาวูบ...

“อ้าว! น้องแทนคิดจะล้มล้างการปกครองเหรอ?”

“ปฎิรูปนะคะ ไม่ใช่ปฎิวัติ! จูยอนปรบมือหัวเราะลั่น...

“แทนโอ้ปป้า!สู้สู้! บรรดาแม่แม่กระซิบแอบชู 3 นิ้วให้น้องแทน

เจ็ทโด้ไม่ยอม...

“มันก็เหมือนกันน่ะแหละ! ถ้าแก้ไขมันก็ต้องเปลี่ยนแปลง แกเป็นกบฎล้มล้างการปกครอง” เขาเครียดขึงขัง

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ทั้งวงหัวเราะกันท้องแข็ง มองเห็นเป็นเรื่องตลก

แทนยื่นหน้าเข้ามา... 

“พี่ครับ! ปฏิรูปกับแก้ไขไม่เท่ากับรื้อและล้มล้างนะ ไม่ใช่ปฎิวัติด้วยนะครับ อย่ามามั่ว!” คู่กัดเก่าได้ปะทะคารมกันอีกครั้ง

เจ็ทโด้ตาเขียวลุกขึ้นชี้หน้าแทน...

“มึงไม่ต้องเข้าข้างกันเลยแทน มึงก็เคยเรียกร้องแบบนี้ มึงรู้อยู่แก่ใจว่าปฎิรูปเท่ากับล้มล้าง เขาตีความกันมาแล้วและมีคนติดคุกด้วย กูเห็น!

“ปรับปรุงซ่อมแซมกับรื้อถอนมันคนละเรื่อง พี่มองยังไงว่ามันเหมือนกัน?” แทนยังใจเย็นเหมือนเดิม

“ไม่ถอนตะปูจะเอาไม้ออกได้ยังไง? ไม่รื้อแล้วมันจะปรับปรุงได้ยังไง? อย่ามาใช้วาทกรรมปลิ้นปล้อน” สองพี่น้องนั่งจ้องหน้ากันแสงแลบ

“อ้าว! ก็แค่ตบแต่งกิ่งใบ ไม่เห็นต้องขุดมาทั้งต้นนี่ครับ” แทนก้มหน้าพูดหงุงหงิงคนเดียวไม่กล้าเถียง

“มันกล้าท้าทายระบบ กูจะยุบ Youngster!

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! บรรดาแม่แม่หัวเราะจนนอนกองรวมกันแล้ว

น้องแทนแย้ง...

“อะป้าไม่มีตำแหน่งอะไรสักหน่อย เอาอำนาจอะไรมายุบ?”

“เอ่อ! เจ็ทโด้อึกอักหันล่อกแล่กมองหาคนช่วย

“อะป้า! สมัยนี้ไม่มีอำนาจนอกระบบแล้วนะครับ”

ซอนหลิ่วตายื่นหน้ายิ้มยียวนกวนตีนเข้าหาพี่ชาย...   

“พี่!..ผมยึดอำนาจให้มั้ย?”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!...เจ็ทโด้ววววว... บรรดาแม่แม่ฮาหัวทิ่มหัวตำ

“ม้า!...ลี้ภัยเหอะ!” น้องแทน ตัวก่อหวอดกอดคอแม่หัวเราะกันคิกคัก

แอนนาลูบหัวลูกชาย...

“ถ้าเห็นว่าอะไรควร อยากจะแก้ไขกติกาที่ไม่เป็นธรรมตามยุคสมัยก็โหวตกันเองได้ตามสบาย หยั่งเสียงกันเองได้เลย น้องแทนไม่อยากทำงานด้านอื่นมั่งเหรอ?”

“อยากเก่งอย่างป๊า”

“ไม่สนุกเลยนะ! รับผิดชอบชีวิตคนมันหนักมาก ลีกับไป๋ว่ายังไง?”

“ตามใจชอบอะไรก็ทำไป”

ซอนกอดคอลูกชาย...

“ป๊าจะทำกีฬาโลกมาทำไอ้นี่ด้วยกันดีกว่า”

น้องแทนส่ายหน้าเอาหัวซบไหล่แม่...

“มีคนบอกว่าเสียงผู้หญิงที่อนุสาวรีย์บรรพชนโลกเป็นเสียงของม้า จริงมั้ยครับ?”

“แค่เสียงเหมือนกันมั้ง ม้าไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” แอนนาอมยิ้มหลบสายตา
           "ม้าทำงานอะไรกันแน่ เค้าไม่เข้าใจ?"
           "ม้าพัฒนา AI ค่ะ"

ขบวนบ่าวสาวเดินแหวกเข้ามาถึงกลางลาน หยกในชุดโกโจรีเดินนำหน้าโปรยกลีบดอกไม้บางเบา สหายโกมีทักผู้นำสูงสุดของเกาหลีเดินจูงมือเจ้าสาวชุดขาวเดินมาหากลุ่มแม่แม่        

“ยอลาบูนอันยองฮาชิมนิก๊า!

น้องคนเล็กของกลุ่มได้แต่งงานมีครอบครัว นาตาลีน้ำตาคลอยิ้มมองเด็กสาวที่เธอช่วยเหลือฟูมฟักจนได้ขึ้นเป็นสตรีหมายเลข 1

“พัคอนนี่!” อีซูมินกางแขนกว้างวิ่งเข้ามาสวมกอด

“มีความสุขกับเวลาชีวิตที่เหลือนะคะ”

“หนูไม่รู้จะขอบคุณทุกคนว่ายังไงแล้ว หนูได้รับโอกาสที่ดีมาตลอดจนไม่อาจทดแทนบุญคุณได้หมด”

“ที่เธอทำมาทั้งหมดก็ถือว่าได้ตอบแทนกันแล้ว มีลูกเยอะ ๆ นะจะได้โตไปพร้อม ๆ กัน”

“ดอกเตอร์! ไหม่สุงค่า หล้าโผล่หน้ามายิ้มกว้างในชุดทักสิโด้พร้อมกับพอดีในชุดเดรสยาว

“หล้า! สบายดีมั้ยคะ? เดี๋ยวนี้หน้าขาวหล่อเชียวนะ”

พอดีเสนอหน้าเข้ามา...

“ป๋าเลยค่ะ! หนูจับแต่งตัวให้ใหม่สาวเหลียวมองทุกคนเลย”

“ตกลงว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันใช่มะ?” นาตาลีถามในเรื่องที่ทุกคนสงสัยกันมาตลอด

“พี่หล้าเป็นของหนู แต่เราไม่ใช่แฟนกัน” พอดีไม่รับ

“มันยังไงเหรอ?” นาตาลีหันมองไป่ไป๋

“ยายล้นเอาแต่ใจตัวเอง หล้าจะกลับบ้านก็ไม่ยอมพอมีสาว ๆ มาชอบก็ไล่ไปหมด เขาต้องเดินทางตามไปด้วยทุกที่รับใช้เยี่ยงทาส ปล่อยหล้าไปมีครอบครัวได้แล้วนะ อย่าเห็นแก่ตัวสิ!” ไป่ไป๋หันไปดุน้อง

“พี่หล้ายังไม่อยากมีครอบครัวหรอก ใช่มะ? หนูก็อยากให้พี่หล้ามีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา หนูให้อิสระทุกอย่างเขาไม่ยอมมีเอง” ยายล้นลอยหน้า

“เหรอ?” หล้าหันมาค้อน

“ฮ่าฮ่าฮ่า!

หยกเดินโปรยดอกไม้ยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามา...

“ตั่วเจ้!...หนูเห็นพี่หล้าคอลกับสาวฝรั่งที่ใต้ต้นไม้”

“ผลั้วะ! พอดี สะบัดมือรวดเร็วปานจอมยุทธตวัดกระบี่

“โอ๊ะ! หล้าหัวทิ่มทรุดลง

“เมื่อไหร่?” พอดีถลกชุดเดรสนั่งคร่อมไม่เกรงใจชุดทักสิโด้เลย

“พี่ไม่รู้เรื่อง หยกอย่ามั่วสิวะ! รู้ก็รู้ว่า พี่จะโดนอะไร?”

“ปากแข็งทั้งคู่สินะ รักกันก็แต่งงานกันสิคะ”

ซอนตะโกนเข้ามา...

“หล้ายินดีต้อนรับเข้าสมาคมของกู” นายกสมาคมคนกลัวเมียดีใจได้สมาชิกเพิ่ม ไป่ไป๋ขำกลิ้ง

แอนนายิ้มหวานให้เจ้าสาวแล้วกระดิกนิ้วเรียก นาตาลีกับไป่ไป๋เดินตามออกมา

“ฉันส่งเธอถึงฝั่งแล้วนะ เธอไม่มีแม่ส่งตัวเข้าหอฉันจะทำหน้าที่แทนให้เอง”

“คัมซามนิดะ! เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะแม่ใหญ่”

“จำไว้นะห้ามลืมเด็ดขาด” แอนนากำชับขึงขัง

“ค่ะ! อะไ รคะ?”

“อย่า! ยก! ขา! สูง!

“ฮ่าฮ่าฮ่า เดี๋ยวหากินกับเด็กแล้วเร้อ...” นาตาลีขำกลิ้ง

ทั้งครอบครัวเดินเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม เหลือเพียงเจ็ทโด้กับแทนยังนั่งเถียงเรื่องปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างยังไม่จบ  

                    ………………………………..

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,907 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,023 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม