หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 24 ม.ค. 2567 |
เซี่ยงยี่ มณฑลยูนนาน
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
ตุลาคม ค.ศ.2020
พวกเราออกจากเมืองกุ้ยหยาง หลังจากหาข่าวกันอยู่ 3 วัน เจ้าซอนและจูยอนพูดจีนได้ก็คล่องตัวหน่อย เธอเชื่อมั่นมากว่าทั้งสามคนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งผมก็ได้แต่ภาวนาให้เจ้าแทนมันรอด เจ้าซอนขับรถยนต์มาจอดเทียบริมหน้าผา บริเวณที่รถยนต์สีฟ้าตกลงไป จากข้อมูลบางอย่างที่หาได้ในเมืองกุ้ยหยาง ผมได้แต่สันนิษฐานว่า ทั้งสามคนต้องอยู่ในรถ BMW สีฟ้านี้แน่นอน เหล็กกั้นข้างทางและต้นไม้หักขาดสะบั้น รอยรถยนต์ชน ลู่เป็นทางตกลงไปด้านล่าง
ผมเดินตามร่องรอยทางรถวิ่งลงไหล่เขาเป็นทางยาว ด้านล่าง ชิ้นส่วนกันชนแตกหักกระจัดกระจาย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทางลาดลงไปจนถึงจุดสุดท้าย เป็นหน้าผาตัดตรงลึกประมาณ30-40เมตร มองลงไปมีแต่ต้นไม้ทึบแน่น ไม่เห็นซาก ทั่วอาณาบริเวณป่ากว้างใหญ่ ภูเขาเบียดซ้อนกันเป็นหุบเหว ใบไม้ทั่วผืนป่าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นเหลืองแดงส้ม ทำให้เป็นภาพภูมิทัศน์มีมิติที่สวยแปลกตา ผมคิดไม่ออกว่าเจ้าแทนจะเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตามข่าวที่บอก น่าจะเป็นบริเวณนี้แหละค่ะ” จูยอนหันมาบอกด้วยสีหน้ากังวล แสงแดดจ้าจนเธอต้องหยีตา เอามือป้องหันมองรอบด้าน
ซอนเดินไปชะโงกริมหน้าผาแล้วป้องปาก…
“แทน! พี่มารับแล้ว มึงอยู่ตรงไหน?”มันตะโกนลงไปด้านล่าง เสียงสะท้อนก้องไปทั้งขุนเขา
มันหันกลับมาด้วยแววตาไม่สู้ดีนัก...
“พี่! ถ้าตกลงไปตรงนี้ คงเกินเยียวยาว่ะ! ไม่อยากคิดสภาพเลย” ซอนใบหน้าสลด ชะเง้อมองตามยอดไม้ด้านล่าง
“แล้วมันปีนลงไปตรงไหนได้มั่งวะเนี่ย? เจ็ทโด้ชันฉิบหาย” ผมสบถออกมา หมุนมองไปรอบด้านหาทางลงไม่เจอ ลมพัดเส้นผมยาวปลิวมาตีลูกตาจนต้องเอามือรวบไว้
“ลงไม่ได้หรอก ผมเดินหาแล้ว” เจ้าซอนตะโกนกลับมา
“ยังไงกูก็จะต้องลงไป” ผมตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่ต้องลงไปเอาแทนกลับบ้านให้ได้ ถึงจะโชคร้ายไม่มีลมหายใจก็ตาม
“จูยอน! คอมพิวเตอร์ของคุณดูได้มั้ยว่าข้างล่างมีอะไรมั่ง?” ผมหันไปหาจูยอนที่ก้มดูโทรศัพท์อยู่
“ดูไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเป็นกล้องวงจรปิด ฉันแฮ็กเข้าไปดูได้ ถ้ามีสัญญาณโทรศัพท์ก็เจอตัวแล้วค่ะ แถวนี้เราคงได้แต่คาดเดา อย่างไรเสีย พวกเขาก็คงอยู่ในบริเวณนี้” จูยอนเดินเข้ามายกโทรศัพท์ให้ดูแล้วชี้ไปที่แผนที่
“ไปกันเถอะ!..รออีกสักระยะ จนกว่าจะมีเบาะแสเพิ่มก็แล้วกัน จูยอน คุณหาที่พักบริเวณนี้ให้หน่อย” ผมหันไปสั่งจูยอนแล้วเดินขึ้นไปบนถนนนั่งรอในรถยนต์
ภูเขาก็ช่างสูงเสียดฟ้า หุบเหวก็ลึกจนไม่เห็นพื้น ถ้าบาดเจ็บก็คงตายสถานเดียว ได้เป็นอาหารของสัตว์ป่ากันบ้างล่ะ//ไม่สบายใจเลย//
จูยอนอาสาเป็นโชเฟอร์ ขับรถยนต์ฮัมเมอร์สีเหลืองสดของเจ้าซอนไต่ลงตามทางเข้าป่า
“บรื้น!” เธอค่อย ๆ บรรจงจอดข้างบ้านพักชั้นเดียวริมทะเลสาบกว้าง สถานที่โดดเดี่ยวห่างไกลผู้คน
แสงแดดยามเย็นบังเหลี่ยมเขา ทำให้บริเวณนี้ร่มรื่น ชายเขาโค้งไล่ระดับตามพื้นน้ำยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ใบของต้นเมเปิ้ลป่าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดงส้มรอเวลาร่วงหล่น ยืนคู่กับต้นบ๊วยที่สลัดใบจนเหลือแต่กิ่งเปลือย ดอกกลมอวบอิ่มกำลังบานรับฤดูกาล ต้นไม้ป่านานาพันธ์ต่างก็ต้องปรับตัว เมื่อฤดูกาลกำลังผันผ่านเข้าสู่หน้าหนาว เป็ดแมนดารินฝูงใหญ่ ว่ายน้ำหยอกล้อตามกันเป็นขบวนไปชายป่า คงได้เวลากลับบ้าน สายลมปะทะคลื่นน้ำเป็นริ้วระยิบแนวเทือกเขาเงาจาง ๆ ไกล ๆ ดังกำแพงโอบล้อมขนาดใหญ่
ภายในบ้านพัก ห้องรับแขกด้านหน้าบ้านเป็นห้องกระจกสีชามองเห็นวิวทะเลสาบ
“ตึง!” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาวหน้าทีวีใหญ่ ซอนเอาสัมภาระเข้าห้อง จูยอนเดินเข้าบ้านมาพร้อมกระเป๋า ผมหันไปบอก…
“คุณนอนห้องนั้นนะ ผมกับซอนจะนอนห้องนี้” ผมชี้มือไปที่ห้องทางซ้าย เจ้าซอนเข้าห้องขวาไปแล้ว ตรงกลางบ้านมีโซฟาไว้สำหรับนั่งเล่น
ซอนเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่ง หลังจากเก็บของเสร็จ จูยอนเดินออกจากห้อง...
“เราจะออกค้นหาเมื่อไหร่คะ?” จูยอนเปลี่ยนกางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลมสีดำรัดรูปท่าทางสบายใจ เข้ามานั่งร่วมวงคุยกันที่โซฟากลางบ้าน ท่าทางกระตือรือร้นคอยฟังว่า ผมจะใช้งานอะไร? เธอคอยช่วยงานที่เธอทำได้โดยไม่เกี่ยงงอน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกับซอนจะออกไปหานายพรานนำทางหน่อย คุณพูดจีนได้ก็ช่วยหน่อยนะ แยก ๆ กันไปหาแถวข้าง ๆ รีสอร์ตนี่แหละ รบกวนด้วย” ผมหันไปบอกเธอพยักหน้ายิ้มตาหยี เวลา 2 - 3 วันเธอปรับตัวเข้ากับเราสองคนอย่างแนบเนียน
“ด้วยความยินดีค่ะ” จูยอนยืดอกตะเบ๊ะ ดีใจยิ้มหน้าบานชะเง้อมองไปหน้าบ้านริมฝั่งน้ำ ฟ้ามืดแล้ว
“วันนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เข้านอนรอพรุ่งนี้เช้าค่อย เดินหน้าต่อ”
“หวังว่าเราจะโชคดีนะคะ”
“มากับผม โชคดีเสมอ” เจ้าซอนอมยิ้ม ลักยิ้มแก้มบุ๋ม
พวกเรานั่งดูทีวีจนดึก แล้วแยกย้ายกันไปนอน ผมนอนบนโซฟาตัวนี้แหละสบายหูดี ไม่อยากนอนกับเจ้าซอน มันกรนดังมาก
………………….………………….
อีกสองวันต่อมา...ในตอนเช้าผมยังนอนสลึมสลือที่โซฟา เสียงคนวิ่งบ้านสะเทือนจนรู้สึกโกรธ คนยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย เด็กที่ไหนวะมาวิ่งเล่น ไม่รู้จักเกรงใจกันมั่ง / เงยหน้าขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกขัดใจหมายจะด่าให้หนำใจ
จูยอนวิ่งยิ้มฟันขาวแหกปากลั่นเข้ามา…
“คุณคะ! มีคนหาปลา! เดี๋ยวฉันไปหาข้อมูลก่อนนะ” จูยอนวิ่งมารายงานแล้วกระโดดออกไปอย่างเร็ว ผมกับซอนยิ้มมองตามหลังไป หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง จูยอนทุ่มสุดตัว
“ใจคอกูไม่ดีเลยว่ะซอน 5 วันแล้วนะ! ถ้าไม่มีเรือพวกเราคงต้องเดินลุยป่ากันละงานนี้” ผมเปรยกับซอนที่นั่งไขว่ห้างสบายใจ เกรงใจมันเหมือนกันที่ต้องมาลำบากด้วย
“แค่นี้เองจะเป็นไรไป ไอ้แทนมันก็น้องผมเหมือนกันแหละ” ซอนพูดเรียบ ๆ ยิ้มไม่สะทกสะท้านผืนป่าข้างหน้าเลย
มันไม่ได้สวมเสื้อ จุดแดงเหมือนยุงกัดเต็มไปทั้งตัว
“เจ็ทโด้ผื่นขึ้นเหรอมึง? เม็ดเต็มตัว! กูเห็นมึงเกามาหลายวันแล้วนะ” ผมชี้ไปที่แขนซอน
“อือ! คันฉิบหายเลย” ซอนเกาแขนขาตัวเองบ่อย ๆ
“เอายาหม่องมา กูทาให้” ผมบอกเจ้าซอนเดินเข้าห้องหายไปสักพัก ก็เอายาหม่องมาโยนให้
“แสบมั้ย?” ผมบรรจงทายาไปตามจุดทั่วตัว ในใจก็คิดถึงแต่เจ้าแทน จิตใจร้อนกรุ่นตลอดเวลา
“ไม่แสบ แต่แม่งคัน ถ้าเกาก็ถลอกไปทั้งตัว”
“ไปโดนอะไรมาวะ หรือติดโรคจากเด็ก”
“ไม่หรอก ผมใส่ถุง”
“มึงคิดจะเอาเด็กพวกนั้นมาเป็นเมียหรือเปล่า?”
“ผมไม่ติดนะ พวกเธอคุยสนุกดี แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว” มันอมยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตามีความหวังบางอย่าง
ผมไม่สนใจ ผมได้แต่ครุ่นคิดว่าจะเข้าป่าได้ยังไง แต่ก็ยังหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ เท่าที่สังเกตจากข่าวไม่มีคนออกตามหาพวกเขาเลย ผมยิ่งกังวล
“กูเตรียมตัวเดินป่าดีกว่า ยังไง…พรุ่งนี้กูไปก่อนก็ได้ มึงค่อยตามไป ดูแลจูยอนด้วย” ผมบอกซอนอย่างร้อนใจ แต้มยาหม่องตามจุดบนตัวของมัน
“พี่จะบ้าเหรอ? ก็ไปด้วยกันน่ะแหละ! อย่าคิดมาก ผมจะไปช่วยนาตาลีแฟนผม พี่เห็นหรือยังว่าบุพเพสันนิวาสมันมีจริง เธอไม่ได้กลับไปสวิสฯ กลับมาเป็นหวานใจของผมแล้ว” ซอนหัวเราะหึหึ แล้วมองไปทางจูยอนนอกบ้าน นี่สินะที่มันซ่อนไว้ในแววตา
“ปากดี! พอเจอหน้ากัน มึงกล้า ๆ คุยหน่อยนะ กูว่า มึงก็ไม่กล้าเหมือนเดิม มึงจีบใครไม่ได้หรอก มึงมันตาขาว” พูดแล้วก็หมั่นไส้...
“โป๊ก!” ผมเอาขวดยาหม่องเขกหัวมัน
เจ้าซอนเก่งทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว สาว ๆ ที่มันชอบ มันไม่กล้าคุย มันเป็นตั้งแต่สมัยไหน ๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องลุ้น มันไม่มีทางทำสำเร็จ แต่ถ้ามันไม่ชอบ สวยแค่ไหนมันก็ไม่สน มันเคยปฏิเสธข้อเสนอการขอแต่งงานของลูกสาวแสนสวย เจ้าของเผ่ากลางทะเลทรายที่เพื่อน ๆ ทหารอ้าปากค้างมาแล้ว
“คราวนี้ ผมกล้า ผมฝึกกับน้อง ๆ ที่ซ่องมาเยอะแล้ว ผมพูดเก่งแล้ว” เจ้าซอนขวัญใจน้อง ๆ สาวบริการ หน้าตาของซอนไม่แพ้ใคร เข้าขั้นหล่อเลยเชียวแหละ ข้อเสียนี้ของมันแก้ไม่ได้ มันไม่กล้าจริงๆ ลุ้นแล้วเหนื่อย
“สองสาวนั่น!...กูไม่สนใจหรอก อยากเจอเจ้าแทน เด็กมันโตในเมือง จะเอาตัวรอดในป่าได้ยังไงเป็นห่วงจริง ๆ มันแยกระหว่างคางคกกับกบออกรึป่าว? กูยังไม่แน่ใจเลย” ผมบ่นกะปอดกะแปดคิดสับสนไปหมด ตรึกตรองจนค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าแทนเป็นคนขับรถคันนั้นแน่ มันเคยบอกว่ามันชอบเข่งรถดริฟต์
นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของผม ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่านะ? อากาศก็เริ่มเย็นลงทุกวัน เป็นห่วงจังเลย
จูยอนเดินกลับมาพร้อมกับคนหาปลา…
“มีแขกมาค่ะ!” จูยอนเดินยิ้มกว้างตาหยี นำหน้าเด็กหนุ่มจีนรุ่นกระทง หน้าตาดีเข้ามา
เขาเป็นประมงน้ำจืดอายุราว13-14ปี ร่างกายผอมเกร็งแข็งแรงเริ่มเป็นหนุ่ม ซอนขยับสวมเสื้อแล้วนั่งตัวตรงส่งยิ้มให้แขกผู้มาเยือน ผมเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
จูยอนผายมือ...
“ไห่หนานเป็นชาวบ้านชายป่าแถบนี้ค่ะ ฉันถามแล้วน่าจะเป็นข่าวดี” จูยอนยังยิ้มหน้าบานสายตาประกายระยิบระยับดีใจ ผมตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เอาเธอมาด้วย
“เขารู้จักป่านี้ดีเลยค่ะ แล้วก็รู้เรื่องที่รถตกเขาด้วย” จูยอนยิ้มหน้าบาน พวกเราขยับตัวเข้าหา
จูยอนเป็นคนที่ใช้ได้เลยทีเดียว ช่วยเหลือได้ทุกอย่าง พูดง่าย เข้าใจง่าย ดูแลผมและซอนอย่างดีมาก บางครั้งเธอก็เหมือนผู้ชายห้าวหาญ บางครั้งก็หวานเรียบร้อย
“จูยอน! ถามมันหน่อยว่า ไปได้กี่เส้นทาง เอาทางที่ใกล้ที่สุดนะ” ผมร้องบอก จูยอนหันไปส่งภาษาจีนกับอาหนานสักพักก็หันกลับ
“ทางเดียวค่ะ ทางน้ำ!” จูยอนพูดเสียงใสใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม
หลังจากที่ส่งลูอิสกลับไปแล้ว จูยอนก็ติดผมเหมือนลูกแหง่ เป็นเด็กน่ารัก พูดคำเดียวรู้เรื่อง ไม่เหมือนยัยสองคนนั้น มันเถียงปวดหัวไปหมด คิดแล้วก็เจ็บแขน แม่งกัดเป็นรอยฟันเลย
ไห่หนานชี้ไปที่ทีวีแล้วหันไปพูดกับจูยอนเป็นภาษาจีนที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ ซอนพูดจีนได้คล่องนั่งฟังเขาคุยกันอย่างตั้งใจ
“นั่นจุดรถตกนี่” ผมหันไปมองทีวีตามมือไห่หนานชี้ ข่าวกำลังเสนอจุดที่รถตกและสัมภาษณ์ตำรวจอยู่พอดี
“ไห่หนานบอกว่า จุดนั้นไปอีกประมาณ 200กิโลเมตร ที่นั่นเป็นบริเวณป่าโบราณ” เสียงและแววตาของจูยอนแสดงความเป็นกังวล ถนนในจีนมันสร้างบนยอดเขา พอลงมาพื้นล่างระยะห่างมันไกลเหลือเกิน
เธอทำหน้าที่ล่ามอย่างขันแข็ง ผู้หญิงคนนี้ความสามารถรอบตัวเหมือนกัน
ช่วงบ่าย...
เจ้าซอนกวักมือเรียกเราไปรวมกันที่โซฟาเพื่อวางแผนเดินทาง หลังจากนัดเจอกับไห่หนานพรุ่งนี้เช้า ไปขึ้นเรือที่หมู่บ้านชาติพันธ์มู่เหลาไกลออกไปอีกหลายกิโล
“ไห่หนานบอกว่า เขาจะขับเรือไปส่งที่ทางเข้าเขตป่าโบราณแล้วขอกลับก่อน เขากลัวไม่กล้าเข้าไปด้วย ก็ยังดีหน่อยที่ไม่ต้องแบกสัมภาระตลอดทาง” จูยอนบอกกับพวกเราเสียงใส
“ไม่มีอะไรต้องขนไปนี่ เอาปืนไปคนละกระบอกก็พอ” ซอนบอกด้วยความมั่นใจ
“มีเรือแล้ว ก็ขนไปเถอะอาวุธน่ะ มีให้ใช้ดีกว่าไม่มี” ผมร้องบอก
พวกเราต่างก็เตรียมเก็บของ พรุ่งนี้เช้าจะได้ไม่ฉุกละหุก ผมใช้อูซี่ ปืนกลน้อยคู่ใจไม่เกะกะดี มีดสปาต้าวางคู่กับ Colt.45 กล้องส่องทางไกล และอาหารกระป๋อง อุปกรณ์ยังชีพอีกนิดหน่อย แค่นี้ก็พอ ไม่ได้จะไปรบกับใครที่ไหน เอาไว้ป้องกันสัตว์ใหญ่
เจ้าซอนขนระเบิดลูกเกลี้ยงไปหลายลูก ไอ้นี่ชอบใช้ระเบิด มันเชี่ยวชาญเรื่องระเบิด C4
“ไม่เอาไรเฟิลไปเหรอพี่ตุ๋ย?” ซอนถามขณะเรียงอุปกรณ์และปืนของตัวเองอยู่กับจูยอน
“ใครจะแบก? ให้จูยอนแบกก็ละกัน!” ผมพูดตามน้ำเล่นไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดจริงจัง ปืนหนักขนาดนั้น จูยอนหลังหักตายก่อนพอดี
“ได้ค่ะ! เดี๋ยวฉันแบกไปเอง” เธอเด้งยืนหันมายิ้มตาใส ผมกับซอนมองหน้ากันแล้วหัวเราะในความน่ารักของเธอ
“ฉันแบกให้! อยู่ไหนคะ?” จูยอนลุกขึ้นมองหา
“อยู่บนรถ ไม่ได้เอามา” ซอนบอกแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
จูยอนทำตัวเหมือนน้องสาวที่คอยดูแลพี่ชายสองคน วิ่งทำนู่นทำนี่ให้ไม่ปริปากบ่น
“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะ” จูยอนขยับจะเดินออกไป
“เจ็ทโด้ไม่ต้อง” ผมเรียกไว้ เจ้าซอนหัวเราะกลิ้ง
“ทำไมล่ะคะ?” เธอหันมองด้วยความสงสัย
“เราไม่ได้ไปยิงสัตว์นะ เกะกะไม่ต้องใช้หรอก แค่นี้ก็ถมเถ” ผมยืนยัน
จูยอนพยักหน้าเข้าใจ แล้วไปนั่งข้างซอน...
“ถอดเสื้อด้วยค่ะ!” เธอจับมันถอดเสื้อหน้าตาเฉย แล้วตั้งหน้าตั้งตาทายาแก้คันให้ตามลำตัวของซอน โดยไม่มีท่าทางรังเกียจ เธอเป็นน้องที่น่ารักมากจนเราสองคนเกรงใจ
ผมนั่งมองเธอลุกไปเก็บของเรียบร้อย โดยไม่ลืมเสื้อผ้าของทั้งสามคน เธอเปิดโน้ตบุ๊กหาสัญญาณโทรศัพท์ของแทนและไป่ไป๋ต่อ ผมปล่อยให้เธอได้ทำงานของตัวเอง ลากคอเจ้าซอนปลีกตัวออกมาข้างนอก
ผมกับซอนเดินออกมายืนปลายสะพานหน้าบ้าน แหงนมองขึ้นไปด้านบนภูเขา รีสอร์ตที่เราพักไม่ใช่เล็ก ๆ บนยอดเขาตามหน้าผายังมีบ้านให้พักเลย เลื่อนสายตามองไปกลางเวิ้งน้ำเห็นอะไรบางอย่างลอยกลางอากาศเหนือน้ำไกล ๆ
“เจ็ทโด้! นั่นอะไรวะ?” ผมชี้ไปที่เวิ้งน้ำใกล้ชายเขาด้านขวาไกล วัตถุทรงยาวสีขาวสะท้อนแสง มองเห็นไกล ๆ บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร บินวนตามชายฝั่งร่อนไปมา
“เหมือนเครื่องบินแต่มันเล็กไปหน่อย” ซอนว่าก่อนวัตถุนั้นจะลอยเคลื่อนที่ไกลออกไปจนลับตา
“หรือว่าจะเป็นโดรน เจ็ทโด้แทน! มึงรอดแล้วงานนี้” ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาก เมื่อคิดถึงผู้คนที่ออกตามหา พวกเขาอาจจะมีอุปกรณ์พิเศษกว่าก็ได้ เริ่มมีความหวังกับการค้นหาแล้ว
แต่อีกใจลึก ๆ...มันมีบางอย่างกวนตลอดเวลา ตั้งแต่นาตาลีเตือนเรื่องวัคซีน ผมเอนเอียงไปทางเธอไม่น้อย แต่อีกใจก็เชื่อคุณลุงนายกที่เก่งเรื่องการจัดการ ผมสับสนตัดสินใจไม่ถูก นาตาลีไม่ได้โกหกพวกเราหรอก ถึงจะดูเอ๋อ ๆ ก็เถอะ / ไม่รู้จะเชื่อใครดี/
“กูพึ่งโทรคุยกับเอื้องที่สิบสองปันนาเรื่องฉีดวัคซีน เอื้องจะฉีดวัคซีน Sinoiwax ว่ะ” ผมเปรยกับซอน
“ก็ฉีดไปสิ ไม่เห็นจะเป็นไร ผมก็ฉีด” เจ้าซอนลูบแขนจนน่าสงสาร มันเกาจนลำตัวมีแต่เส้นแดง
“แต่กูกังวลใจเรื่องวัคซีนที่นาตาลีเคยบอก กูคิดว่ายายเด็กนั่นคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอก เธอเคยเปิดให้ดูวัคซีนที่เธอสะพายไว้บนหลัง กูค่อนข้างเชื่อว่า มันเป็นของแพง” ผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ถ้าเกิดผิดพลาด แล้วเอื้องเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง ผมรักของผมมาตั้งนาน
คนตายเพราะแพ้วัคซีนยังคงต่อเนื่องทุกวัน แต่ข่าวไม่นำเสนอและบรรดาหมอก็ออกมากระตุ้นให้ทุกคนฉีด เชื่อตามผู้นำโดยไม่มีใครลังเลหรือสงสัย
ส่วนคนที่แพ้วัคซีนตายไป พวกหมอโยนความผิดไปให้สุขภาพไม่แข็งแรงบ้าง มีโรคประจำตัวบ้าง ผมสับสนเรื่องนี้นิดหน่อยพวกหมอนั่นแหละเป็นคนมาบอกให้ฉีด พอมีคนตายกลับโบ้ยไปอย่างอื่น
พวกเขาไปฉีดเพราะกลัวตาย แต่กลับต้องมาตายเพราะความกลัว
“พี่ตุ๋ยครับ!..ตั้งสติหน่อย พี่เอื้องเป็นหมอนะ เขาก็มีความรู้ของเขา นาตาลีไม่ได้รู้คนเดียวหรอก” ซอนลูบแขน สายตามองไปที่กลางน้ำ
“แต่บ้านกู คนต่อต้านวัคซีนนี้เยอะแล้วนะ คนรุ่นใหม่ออกมาด่าคุณลุงกูทุกวัน ข่าวการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนก็มากขึ้น แรงต้านเป็นวงกว้าง ถึงจะช่วยกันปิดข่าว แต่คนรุ่นใหม่เขาติดต่อกันทางโซเชียล ข่าวรวดเร็วกว่า สดกว่า ตบแต่งไม่ได้ ไม่มีใครฟังข่าวกระแสหลักกันแล้ว และคนต่อต้านกลับโดนโจมตีว่าไม่รักชาติ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย” ผมบ่นด้วยความเป็นห่วงเอื้องและสับสนในข้อมูลจากรัฐ
“ผมเห็นบ้านพี่ไม่เคยลงรอยกันสักเรื่อง ไม่รู้จะเชื่อใครดี พี่ไม่เชื่อฝีมือคุณลุงของพี่แล้วเหรอ พี่รักมาตลอดเลยนี่นา?” น้ำเสียงของซอนไม่ใส่ใจ ลูบแขนลูบขาตัวเองไปเรื่อย เห็นแล้วรำคาญแทนมัน ยาแก้คันที่จูยอนทาให้ช่วยไม่ได้หรือไง?...เกาเป็นลิงเลย
“คุณลุงก็โดนจั่วทุกวัน หยิบจับอะไรก็โดนด่าว่าโง่ หลัง ๆ เห็นพวกเด็ก ๆ ด่ากันมาก พวกแม่งก็ช่างสรรหาคำมาด่า กูกลัวแกจะเสียใจตายซะก่อน เสียดายคนตั้งใจทำงาน คนดีอย่างนี้จะหาจากไหนได้อีกแล้ว” ผมหนักใจกับพวกต่อต้านคุณลุง
“ไปหาข้าวกินแล้วกลับมานอนไว ๆ ดีกว่า พรุ่งนี้จะได้มีแรง” ซอนหันหลังเดินกลับ
จูยอนยิ้มกว้างลั้ลลา ดีใจอะไรนักหนาวิ่งชูมือออกมา…
“ฉันได้รับเมล์ตอบกลับจาก ดร.เหยีนลี่เหมินแล้วค่ะ ฉันส่งเมล์ไปขอบคุณที่ช่วยและส่งลูอิสมารับ” จูยอนในชุดกางเกงขาสั้นจู๋ เรียวขาขาวผ่องวิ่งหน้าบานเอาโทรศัพท์ส่งมาให้ดู
“ดีใจด้วย!!” ผมยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู ท่าทางของเธอเหมือนเด็กดีใจได้ขนม ผมชอบเวลาที่เธอยิ้ม โลกดูสดใสไปด้วย ตาหยีฟันขาวยิ้มกว้างจริงใจ
“แต่มันแปลกอยู่อย่างหนึ่งค่ะ” จูยอนเม้มปากเอามือจับที่คางตัวเองทำหน้าครุ่นคิด
“แปลกเรื่องอะไร?” ผมถามขณะก้าวเดินตามหลังซอนที่เดินขึ้นเนินไปไกลแล้ว
“เรื่องลูอิส!”
“ทำไม? ลูอิสไปฟ้องอะไรเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณไม่อยากรู้หรอก ช่างมันเถอะ!” เธอลังเลก่อนโผเข้ามาหา…
“ไปกินข้าวกันดีกว่า!” จูยอนคว้าแขนไปคล้องแล้วหันมาพูด
“ขอควงหน่อยนะคะ วันนี้ฉันอารมณ์ดีจัง มีความสุขมาก” เธอเอียงหัวซบแขน ผมเอื้อมมือไปยีหัวเส้นผมกระจายส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ
บ่ายแก่ ๆ...
เราเดินขึ้นเนินตามเจ้าซอนไปที่ห้องอาหารของรีสอร์ต เสียงร้องเพลงจีนหวานดังเล็ดลอดออกมาจากภายในอาคารไม้ชั้นเดียว เขาเลือกนั่งโต๊ะสี่เหลี่ยมใต้ร่มไม้ด้านนอกข้างทางเดินเข้าประตูห้องปรับอากาศ เจ้าซอนนั่งจ้องหน้าทหารหญิงในเครื่องแบบที่นั่งโต๊ะตรงข้ามอย่างน่าเกลียด ฝ่ายหญิงก็โคตรสวยเลย ยิ้มอ่อน ๆ มองมาสายตาเชื่อมรับไมตรีจากมัน ทั้งสองต่างอยู่ในภวังค์ เหมือนจะเป็นรักแรกพบ
“มองอะไร? มึงไปจ้องเขาทำไม? เดี๋ยวผัวเขาก็เตะเอาหรอก” ผมตบไหล่ก่อนจะนั่งลงข้างกัน
มันสะดุ้งเบา ๆ…
“ผมเหม่อพี่ ไม่ได้จ้อง!” มันหันมาบอก ลักยิ้มเก๋เพิ่มเสน่ห์บนใบหน้า //ไอ้ตอแหล กูเห็นมึงยิ้ม//
“สวยมากเลยนะคะ ทหารหญิงคนนี้ ซอนจีบเลย ฉันเชียร์ เอาไหม ฉันเข้าไปขอเบอร์ให้?” จูยอนเอ่ยชมเมื่อหันไปมองทหารจีนคนสวย
ทหารหญิงดูท่าทางซีเรียส นั่งซังกะตาย จิ้มผลไม้แบบเซ็ง ๆ ข้างแฟนหนุ่มที่นั่งหันหลังให้พวกเรา อาการของเขาเหมือนจะเมามากแล้ว เริ่มโวยวายคุยไม่รู้ภาษา
ผมชักสนใจหันไปหาจูยอน...
“จูยอนช่วยแปลด้วย อยากรู้ว่ามันคุยอะไรกัน” ผมกระซิบเธอพยักหน้าขยับท่าทางเอาจริง
เธอเริ่มเมา ดิบตาปรือ เสียงอ้อแอ้...
“ทำไมคุณไม่รักผมบ้าง ผมก็ดีกับคุณมาตลอด คุณพ่อคุณผมก็ดูแลให้” เธอดัดเสียงเป็นผู้ชาย เมานั่งเอียงโซเซตามทหารต้นแบบ
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เจ้าซอนระเบิดหัวเราะลั่น ปรบมือยกนิ้วโป้ง ผมก็พลอยขำไปด้วย
“จะบ้าเหรอรึไง? ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” ผมตลกกับการแสดงของเธอ
“อ้าว! ฉันกลัวไม่เหมือน” เธอยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำหน้าทะเล้น
เจ้าซอนหัวเราะชอบใจ…
“จูยอนคุณน่ารักมาก” เจ้าซอนยิ้มยกนิ้วโป้งให้สองมือ
นายทหารชายอ้อแอ้หมดสภาพคงเมาเต็มที่ คู่รักมีปัญหากันหรือเปล่า? ทหารหญิงขยับ…จูยอนขยับด้วย
“คุณเมาแล้ว ฉันไม่น่ามากับคุณเลย เสียเวลาจริง ๆ” จูยอนแปลภาษาตามคำพูดของทหารสาวที่บ่นสีหน้าไม่พอใจ
ทหารหญิงคนนี้งดงามอย่างที่จูยอนพูดจริง ๆ ใบหน้าหวาน คิ้วโค้งเข้มสายตาคม นมโต ผมยาวสลวย ผมนึกชอบในใจกับความสวยของเธอ
ทหารชายลุกขึ้นยืนโงนเงน จูยอนขยับเตรียมแปล...
“ผมไม่เมา! ผมไม่เมา! คุณรับรักผมบ้างไม่ได้หรือไง?” มือไม้ของเขาเหวี่ยงโดนแก้วล้มกระจาย ผู้หญิงคนนั้นก็ทนทายาด เป็นผมลุกหนีไปตั้งนานแล้ว
ผมหันไปกระซิบเจ้าซอน...
“ซอน! ยังโสดโว้ย ไอ้นั่นไม่ใช่แฟน” ผมหันไปลุ้นเจ้าซอน เสียงทหารสาวบ่น จูยอนจ้องตาเขม็ง...
“นี่!!...แทนที่คุณจะไปช่วยเด็ก ๆ มันหา ดร.นาตาลี คุณกลับทำตัวทุเรศมาก แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับบ้าน?”เธอตวาด จูยอนตวาดตาม เจ้าซอนปรบมือชอบใจไม่หยุด
ผมสะดุดใจบางอย่าง...
“ด็อกเตอร์นาตาลีเหรอ?” ผมหันมองหน้าเธอพยักหน้าตอบ ก่อนจะได้คุยกันต่อเด็กยกอาหารเดินมาเสิร์ฟ จูยอนกุลีกุจอลุกไปจัดการเรื่องอาหาร คอยตักข้าวให้พวกเรา หูก็เอียงฟัง
ผมอยากจะลุกไปคุยด้วย แต่เห็นว่าผู้ชายเมาขนาดนั้นคงคุยกันไม่รู้เรื่อง จูยอนคงคิดเหมือนผม…
“เข้าไปถามมั้ย? ฉันเป็นผู้หญิง ฉันไปเอง!” จูยอนก้มหัวลงมาแล้วกระซิบ ได้ใจจริง ๆ น้องคนนี้ ผมส่ายหน้าห้าม
“ทำไมคะ?” เธอยังก้มหลังหยิบนั่นนี่
ทหารหนุ่มเริ่มโวยวายเสียงดังอีกครั้ง เห็นแล้วก็สงสารทหารหญิง สงสัยเป็นลูกน้องเขาเลยต้องอดทน
“เดี๋ยวมันก็จับคุณส่งกลับเกาหลีหรอก นั่งฟังพวกมันไปก่อน” ผมบอกไม่ทันขาดคำ
“โอ๊ย!” จูยอนร้องแล้วเอามือกุมหัว
“เฮ้ย!” ผมลุกพรวดดึงเธอมาใกล้ ตามสัญชาติญาณ...
“จูยอนเป็นอะไร?”
“เนี่ย!” เธอแบมือเปียกน้ำ ผมหันหน้ามองไปรอบ ๆ ไอ้นั่นยืนเอียงแต่ทหารหญิงหลบตามีพิรุธ ขยับตัวก้มหน้า
“ใครเอาน้ำแข็ง ปาหัวก็ไม่รู้” เธอลูบหัว ซอนขยับจะลุกผมรีบกดไหล่ไว้
จูยอนรีบหันไปห้าม...
“ช่างมันเถอะค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลยนะ ฉันไม่เป็นไร เรามีงานสำคัญรออยู่” เธอยกมือห้ามซอน ข้างนอกร้านมีกันแค่ 2 โต๊ะ ถ้าไม่ใช่โต๊ะนั้น ก็ไอ้ซอนแล้วล่ะที่ปาหัวจูยอน
“เจ็บมั้ยไหนมาดูหน่อยซิ” ผมเป็นห่วงดึงเธอมาใกล้ เอามือแหวกเส้นผมดู เห็นเป็นจุดแดงนิดหน่อย
เหลือบตาไปมองทหารหญิงท่าทางอึดอัด เธอเหลือบมองแล้วก้มหน้าส่อพิรุธ ส่วนผู้ชายนั่งหันหลังให้เลยไม่เห็นหน้า
“โอมเพี้ยง! หายเจ็บ” ผมก้มลงไปเป่าหัวให้เธอ แล้วลูบหัวเบา ๆ
“งื้อ! ใจดีจัง” เธอเงยหน้าขึ้นมามองในระยะประชิด สายตาสบประสานกันอย่างจัง เธอยิ้มอาย ผมอึ้ง!
วันนี้สายตาของเธอแปลกไป เธอไม่เคยมองผมด้วยสายตาแบบนี้ ผมใจหายแวบรีบหลบสายตา
เส้นของความห่างระหว่างผมกับเธอไม่มีแล้ว แต่ผมคิดกับเธอแบบน้องสาวไม่มีอย่างอื่น คิดว่าช่วยหมาช่วยแมวที่หลงทาง ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วจะคิดอย่างอื่นไม่ได้ หันไปมองเจ้าซอนกำลังกินอย่างอร่อย เอื้อมมือตักน้ำแกงในถ้วย
ทันใดนั้น...
“จ๋อม!” น้ำแกงจืดกระจายเต็มโต๊ะ ไม่มีใครทันระวังตัว ใครบางคนขว้างก้อนน้ำแข็งลงถ้วยแกง
เจ้าซอนก้มหน้าขยี้ตา...
“ไอ้เหี้ยนี่! เมาแล้วเรื้อนนี่หว่า!” มันลุกยืนพรวด มือก็ยังขยี้ตา
ทหารหญิงรีบลุกจากโต๊ะวิ่งปราดเข้ามา ค้อมศีรษะลงต่ำ...
“ขอโทษด้วยค่ะ! เพื่อนฉันเมา” โอ้เธอพูดอังกฤษได้ เดินมาก้มศีรษะขอโทษทุกคน ผมและจูยอนยิ้มให้ แต่ซอนยังขยี้ตาอยู่
“เป็นอะไรไหมคะ? ฉันดูให้นะ” ทหารสาวสวยจับใบหน้าของเจ้าซอนพลิกไปมา แหกตาของมันดูอย่างตั้งใจ เธอสวยจริง ๆ เหมาะกับไอ้ซอนมากกว่าไอ้ทหารขี้เมาขี้หมาตัวนั้นมาก
“ผมแสบตา” ซอนบอกในขณะที่เธอจูงมือมันไปก๊อกน้ำข้างโต๊ะ
“คุณนั่งเฉย ๆ สิคะ เดี๋ยวฉันล้างให้” เธอวักน้ำจากก๊อก ลูบหน้าลูบตาให้ซอน เช็ดหน้าให้อย่างอ่อนโยน สายตาที่มองมานั้น มันอ่อยกันชัด ๆ เลยนี่หว่า ดูถ้าเธอจะชอบเจ้าซอน เข้าทฤษฏีข้อ 2 กลัวไม่มีคนแทง
“มาจากต่างประเทศเหรอคะ มาเที่ยวเหรอคะ?” เธอชวนเจ้าซอนคุยเสียงหวาน
“ครับ! ทำไมแกล้งกันอย่างนี้ล่ะ?” ซอนถามในขณะที่ทหารสาวเอาน้ำลูบหน้าลูบตาให้มัน
“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ” เธอลูบใบหน้าเจ้าซอนอย่างทะนุถนอม แล้วจับมันแหกตา ก่อนจะเป่าเบา ๆ ท่าทางของเธอนุ่มนวล
ผมมองไม่ผิดหรอก สองคนนี้มองกันก่อนที่ผมจะมาถึง ดูอาการก็รู้แล้วว่าผู้หญิงมีใจ
เจ้าทหารหนุ่มนั่นเดินตัวเอียงแถ่ด ๆ เข้ามา...
“เฮ้ย! อย่ายุ่งกับแฟนกู”
“ป้าบ!” เขาเตะไปที่ก้นเจ้าซอน
“โอ๊ะ!” มันกำลังหลับตาเคลิ้มที่โดนสาวเป่าหัวทิ่ม
“เฮ้ย!” ทหารสาวรีบคว้าตัวไว้
ผมยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้า คิดในใจสนุกแล้วมึงเล่นกับเจ้าซอน ผมดึงจูยอนมายืนข้าง เตรียมดูมวย
เจ้าซอนลุกพรวด ปราดเข้าไปดึงคอเสื้อ ง้างหมัดโถมตัวเข้าใส่ ทหารสาวกระโดดเข้ากอดเอว แล้วดึงตัวไว้
“ฉันขอนะคะ! เขาเมามาก” เธอวิงวอน ซอนหยุดค้างแล้วหันมอง ก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วเอามือลง
แต่...ไอ้ผู้ชายที่มากับเธอนี่น่ากระทืบจริง ๆ เดินเอียงเซเข้ามาอีก
“มึงแจ๋วเหรอ?” เขาเหวี่ยงหมัดใส่ทันที ซอนโยกตัวหลบไอ้ขี้เมาเซถลาไปล้มลงกับพื้น
“ตุบ!”
เจ้าซอนหันมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจ มันพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินหนีกลับมานั่ง หญิงสาวก้มหัวให้ซอนแล้วเดินไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้ไอ้ทหารขี้เมาลุกเดินเซไปมา
พวกเรากลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ไม่สนใจกับคนอื่น จูยอนตักกับข้าววางให้ซอน แล้วหันมาดูแลผม
“ตึง!”
ไม่มีใครทันระวังตัว ผมหันมองเจ้าซอนกำลังดิ้น ใบหน้าทิ่มลงถ้วยเพราะทหารหนุ่มเล่นตอนทุกคนเผลอ เดินเข้ามาจับหัวซอนกดลงไป ทุกคนนั่งตาค้างนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้
“ผลัวะ” เจ้าซอนศอกกลับเข้าเต็มหน้า
“โอ๊ย!” นายทหารเอากุมหน้า เจ้าซอนไม่ปล่อยโอกาสลุกเดินตามไป
“ทีหลัง อย่าหาทำ” มันจับตัวของทหารหมุนกลับมาพร้อมยัดหมัดตรงพุ่งเข้าเต็มกราม
“ป็อก!” เสียงกรามลั่น หมัดเดียวส่งทหารร่วงลงไปนอนสลบนิ่งกับพื้น ทหารหญิงยิ้มมองแล้วพยักหน้าเบา ๆ ไม่ห้าม ไม่พูด
ซอนเดินเข้าไปหา…
“ขอโทษนะครับ ผมใจดีได้แค่นี้ รบกวนดูแลแฟนคุณด้วย ถ้าทะเลาะกันก็คุยกันดี ๆ ” มันบอกแค่นั้นแล้วเดินกลับมากินข้าวต่อ ตอนนี้บนโต๊ะแทบจะไม่มีอะไรให้กินแล้ว
เจ้าซอนใจหล่อมากที่ไม่กระทืบซ้ำ ซัดทีเดียวจบจากกัน เจ้าทหารนั่นนอนไม่ไหวติง หมวดสาวก็ไม่ได้รีบร้อนเข้าไปดูแล เธอยกขนมปังและผลไม้ของตัวเองเข้ามาให้ซอน...
“ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าไม่รังเกียจทานของฉันก็ได้นะคะ เอ่อ!..ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ คนนั้นมาจีบฉัน เข้าใจใหม่ด้วยนะคะ”เธอยิ้มหวานตาเชื่อม เปิดช่องกันชัด ๆ ทฤษฏีของผมถูกต้อง
เธอมองเจ้าซอนสายตาแพรวพราวแล้วกลับไปจัดการกับไอ้ขี้เมา ผมคิดในใจ...ซอนเอ๋ย!...อยากมีเมียไม่ใช่เหรอ? อยากได้ทหารเป็นเมีย จีบคนนี้มีสิ มีลุ้นกว่านาตาลีเยอะ ความสวยก็พอกัน แต่คนนี้นมใหญ่กว่า ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า นาตาลีดูแล้วยังเด็กอยู่เลย อดนมหรือยังก็ไม่รู้? ยายสองคนนั้นอย่าไปยุ่งกับพวกเธอเลย ปวดหัวเปล่า ๆ
หลังจากจ่ายค่าอาหารเสร็จ ผมเข้าไปกอดคอน้องชายเดินกลับบ้านพัก แต่ในใจลึก ๆ ยังติดใจทหารสาวสวยคนนั้น...
“หมวดคนนั้นสวยดีนะ เอารึเปล่าคนนี้ กูยกสองแขนสนับสนุน กูให้จูยอนไปขอเบอร์ให้เอาไหม?” ผมกระแซะน้องชาย ผมชอบที่เธอสวย นิสัยก็ใช้ได้ รู้จักขอโทษด้วย
“ไม่เอาพี่! ผมมีที่หวังแล้ว ผมไม่เปลี่ยนใจ ปีนี้แหละ ผมจะมีเมีย” เจ้าซอนยิ้มหล่อยัดขนมปังเข้าปาก
ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ ทหารพวกนี้ต้องมาตามหานาตาลีแน่ โดยปรกติแล้วเหตุการณ์แบบนี้ ทหารจะไม่ได้เกี่ยวข้อง มันเป็นงานของเจ้าหน้าที่สาธารณะภัย อันนี้ก็น่าสงสัย นาตาลีเป็นใครกันแน่นะ?
…………………………………..................................................................................................………หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |