
ป่าโบราณ
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
พฤศจิกายน ค.ศ.2020
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กลับกลายเป็นกับดัก โอกาสรอดที่ริบหรี่อยู่แล้วปิดลง นายทหารพร้อมอาวุธออกมาตามล่า พวกนี้ไม่ได้มาจับพวกเราเพราะทำผิดกฎหมาย พวกมันมาตามหานาตาลีและดูเหมือนว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อน พวกเขาไม่ฆ่านาตาลีแน่ แต่ที่แน่ ๆ ฉันกับแทนเป็นส่วนเกินแน่นอน เราไม่มีราคาที่เข้าต้องเก็บไว้
เรือลำเล็กแค่นั้น เขาไม่ให้ฉันไปด้วยแน่ เอาชัวร์ไว้ก่อนหนีดีกว่า อยู่กับแทน น่าจะปลอดภัยกว่าอยู่กับทหารกลุ่มนั้น เขาอาจจะยิงเราทิ้งอย่างไม่ลังเลเลยก็ได้
“สวบ!สวบ!” ฉันลากแขนของแทนวิ่งเข้าป่าอย่างรีบร้อน วิ่งตะลุยป่าออกมาทางต้นนุ่นด้านหลัง วิ่งผ่านป่าโปร่งกว้างเก้งกวางน้อยใหญ่เล็มหญ้ากันเป็นฝูง พวกมันไม่กลัวเราแล้ว เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามอง
“เราหนีก่อน ทหารมันมาไม่ดี” ฉันบอกก่อนวิ่งขึ้นเนินชัน สัตว์เล็ก ๆ กระโดดด้วยความตกใจ
“กลับไปช่วยสิ! จะหนีทำไม เราทิ้งนาตาลีไม่ได้นะ!”
ฉันยังวิ่งก้าวกระโดดต่อไป พอเหลียวหลังกลับไปมอง...เขายืนเฉยมันขัดใจมาก มันจี๊ด ไฟโกรธลุกท่วมหัว ฉันก็อุตส่าห์เป็นห่วงมาพาหนียังจะไม่สำนึก…
“รีบมาเลยนะ! อย่าอวดเก่ง! พวกมันมีปืนหลายกระบอกนะ”
“ฟืดฟาด!ฟืดฟาด!” ฉันหยุดยืนหอบ เมื่อเห็นเขาไม่วิ่งตามมา ต้องโวยซะหน่อยแล้ว...
“มันเหนื่อยนะโว้ย! อย่าให้ต้องพูดมากได้มั้ย? หายใจทางปากแล้วนะ” ฉันอยากจิกหัวของเขาจริง ๆ
“กลับไปหาทางช่วยดีกว่า ผมกังวลใจเรื่องนาตาลี ผมทิ้งเธอไม่ได้ เธอเป็นคนสำคัญและผมก็สัญญาแล้วว่าจะปกป้องเธอ”
ฉันแอบคิดในใจ...กวนตีนจริง ๆ โง่แล้วยังอวดเซ่ออีก มือเปล่าจะเอาอะไรไปสู้...
“มานี่!...หนูพูดไม่ได้ยินรึไง? กลับมาเดี๋ยวนี้!” ฉันโวยลั่น เขายังมึน ลังเล ยืนมองกลับไปทางที่เราวิ่งผ่านมา
“ถ้าเรากลับไปก็โดนจับกันหมด เราโดนมันยิงทิ้งแน่ ๆ พวกเขารู้จักกัน นาตาลีมีราคาไม่เป็นอะไรหรอก ไอ้คนไม่มีราคา กลับมา!” ฉันจ้ำพรวด ๆไปดึงเสื้อ ลากคอเดินไปต่อ คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองจริง ๆ
“ผมจะกลับไปช่วยนาตาลี คุณหนีไปเถอะ!” เขาหยุดหันมองหน้า จะบ้าไปใหญ่แล้ว
“หึ๋ย!!” ฉันเกือบจะข่วนหน้าเขาซะแล้ว...
“เป็นพระเอกหนังรึไงจะไปสู้มือเปล่า? อาวุธอะไรก็ไม่มี อย่าลืมตัวสิ! มีมีดอันกะจิ๋วเดียว มะพร้าวยังปอกกินไม่ได้เลย อย่าซ่าส์ให้มาก มานี่! ” ฉันบ่นแล้วลากคอเสื้อให้เดินตาม ถ้าไม่ติดว่าช่วยเคยชีวิตฉันไว้นะ... นายโดนแน่
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” เสียงปืนเร้าใจดังจากด้านหลัง มันตามมาฆ่าปิดปากแน่ เขาหน้าตื่นคว้าแขนฉันดึงจนเซ พาวิ่งเข้าไปแอบหลังหินใหญ่
“.............” เสียงปืนเงียบหายไปพักใหญ่
เราขยับตัวออกเดินขึ้นเนินเขาขึ้นไปอีก...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนกลดังอีกครั้ง เสียงกิ่งไม้หักใกล้มาทุกที ฉันก้มมองลอดซุ้มไม้กลับไป
“สวบ! สวบ!” ทหารหนุ่มถือปืนวิ่งลุยหญ้าตามมา
มันตามมายิงพวกเราจริงดังคาด ร้อนตัวกลัวตายคว้าแขนของเขา พากันวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานขึ้นเนินไปต่ออีก จิตใจว้าวุ่นสับสนกลัวจนอึดอัดไปหมด นาตาลีก็ถูกจับ พวกเราก็โดนล่า
“คุณไม่ต้องห่วงนาตาลีหรอก เธอส่งสัญญาณให้หนูหนี และพวกนั้นก็ไม่น่าจะฆ่าเธอด้วย”
เราวิ่งมาจนถึงเนินลานหินกลม ที่เคยมาดิ้นเอาทากออกจากตัวในคราวก่อน พงหญ้าด้านหน้าพลิ้วไหว พอเห็นแล้วก็ถอดใจ ไม่กล้าเดินต่อ
“เอาไงต่อดี ฮึ?” ฉันหันไปถาม ใจเต้นแรงเป็น 2เท่า
“ลุยดงหญ้าไปก่อน!” เขาฉุดแขนพาวิ่ง ฉันใจหายวาบ สะบัดมือออก…
“โน๊โน!!!.ไม่เอา! ไม่มีทาง!” ฉันเบะปาก ทิ้งตัวลงพื้นทันที แค่คิดก็หลอนแล้ว
“ทากแกะได้นะครับ ลูกปืนแกะไม่ได้ ไปเถอะ!” เขาดึงมืออีกครั้ง
“ฮือ!ฮือ!ฮือ!! โน๊โน! โน๊โน!” ฉันดิ้นพล่านถีบเท้า กลัวขี้ขึ้นสมองร้องไห้จ้า….
“หนูกลัว!” ฉันส่ายหน้าส่งสายตาอ้อนวอน น้ำตาไหลพราก พยายามแกะมือของเขาออก เข็ดแล้ว กลัวแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว...
“กลับไปให้ทหารมันยิงตาย ๆ ไปซะดีกว่า หนูไม่เข้าไปนะ”
“งั้นไปทางนี้!” เขาดึงฉันลุกขึ้นวิ่งไปทางซ้าย
“แกรก! แกรก!” เสียงทหารแหวกกิ่งไม้ไล่หลังเรามาแล้ว
ทันใดนั้น!...
“ปัง!”
“โอ๊ย!” ฉันขาพลิกปากร้องรับเสียงปืนพอดี ลำตัวเซเอียงล้มวูบ..
“ไป่ไป๋!” เขาร้องเสียงหลงพุ่งตัวเข้ามาช้อนเอว ทิ้งตัวเอาตัวเองรองรับไม่ให้ฉันกระแทกพื้น
“พรึบ!พรึบ!” ทหารจีนลายพรางวิ่งพรวดหน้าตาตื่น ในมือถือปืนยาวโผล่มาจากหลังก้อนหินใหญ่ ท่าทางของเขาเหมือนหนีอะไรบางอย่าง ท่าทางไม่ได้น่ากลัวสักนิด หน้าตาก็ดูยังเด็ก
“หยุด! ยกมือขึ้น!” เขาเล็งปืนมาที่เรา แทนไม่สนใจมองเขาแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจภาษา สายตาของเขากังวลกับอาการของฉัน
“เจ็บตรงไหนครับ? โดนยิงตรงไหน?” สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ร้อนรนละล่ำละลักถาม มือค่อย ๆ เขี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของฉันอย่างแผ่วเบา
ฉันยังกังวลกับทหารจีน คอยสังเกตมอง ท่าทางของเขาเหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง ลังเล หันหลังตลอดเวลา
“ทหาร! คุณหนีอะไรมา” ฉันร้องถาม
“เสือ!” เจ้าทหารเด็กตาโต
“แล้วคุณตามมาทำไม จะยิงฉันเหรอ?” ดูท่าทางเขากังวลกับเสือมากกว่า
“ถ้ากลับไปด้วยกันดี ๆ ผมจะไม่ยิง!” โอเค! เขาพูดอย่างนี้ก็เบาใจหน่อย แทนขมวดคิ้วหันมองไปมา คงไม่เข้าใจว่า ฉันพูดอะไรกัน
“มันพูดอะไร?” เขายังไม่เลิกพลิกตัวของฉัน ลูบแข้งลูบขา พอเขาลูบท้องจับเอว มันสยิวมาก ต้องทนไว้ ๆ ขนลุกง่ะ!
“มันบอกว่า ให้คุณอุ้มหนูกลับไปเอง” ฉันตอแหลแล้วหน้าเหยเก ฉันจะพลาดโอกาสแกล้งนายได้ยังไง? เรื่องตายเอาไว้ทีหลัง ไอ้ทหารมันบอกแล้วว่าจะไม่ยิง
“คุณไม่เคยห่วงหนูเลยใช่มั้ย? หนูเจ็บ!”เจอเสียงสองหน่อยเป็นไงล่ะ
“อดทนไว้ คุณต้องไม่เป็นอะไร? ผมจะอยู่กับคุณ” น้ำเสียงของแทนอบอุ่นจัง ฉันแอบยิ้มในใจนายเสร็จฉันแล้ว
เขาเข้าใจว่าฉันโดนยิง แกล้งทำเหมือนดีกว่า อิอิ! ไป่ไป๋โชว์ไทม์จะเปิดการแสดงสด ณ.บัดนี้...
“อูยส์!” หน้าตาเริ่มบิดเบี้ยวแสดงการเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส มือไม้เริ่มอ่อนแรง คอเริ่มพับ ตัวสั่น แถมชักกะตุกให้อีกนิด //นายยุ่งกับแฟนฉันมากไปแล้ว นายจะต้องเจอดี...นายแทน//
“อย่าเป็นอะไรนะ!” เขาหน้าตาตื่น สายตาของเขาก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าฉัน
“เจ็บมั้ย? ตรงนี้เจ็บมั้ย?” เขาจับตัวฉันพลิกไปมา ยกแข้งขาหมุนอยู่หลายรอบ ฉันต้องยิ่งทำเหมือน ต้องแสดงอาการเจ็บปวดให้เขาสงสาร
“โอ๊ย! หนูเจ็บ! ฮือ! ฮือ! หนูจะตายไหมคะ? หนูคิดถึงอนนี่!” ฉันยิ่งร้อง เขายิ่งลนลาน
สายตาของฉันยังคงแอบมองทหารไปเรื่อย เขายืนหันรีหันขวางเด๋อด๋ามองหน้ามองหลัง ถือปืนยืนคุมอยู่ห่าง ๆ ใบหน้าของเขาขาวซีด ตื่นกลัว บรรยากาศแปลกตาแถบนี้ หลอนประสาทดีนักแหละ
ส่วนนายแทนก็ยังกังวลกับร่างกายของฉัน บาดแผลที่เขาไม่มีวันหาเจอ
“ไม่เป็นไรนะ! ไม่เป็นไร!” เขาลนลานคลำหาบาดแผลบนหัว
“โอ๊ยหนูเจ็บ!”
“ตรงไหน! ตรงไหน?” เขาแหวกเส้นผม คลำมือทั่วหัว
“อูยส์!” ฉันแสดงหน้าตาเหยเก เสียงเจ็บปวดทรมาน นายเจอเสียงสองของฉัน นายตายแน่...
“โอ๊ยคิดถึงหม่าม้า”
“ไม่เป็นไร! ผมอยู่ด้วยคุณไม่เป็นอะไรหรอก” เขาหน้าเสียเงอะงะ กอดฉันไว้ในอ้อมอก ฉันคิดในใจ..ปลาติดเบ็ดแล้ว จะทำอะไรกินดีน้อ...
“อย่าเป็นอะไรนะ คุณจะเป็นอะไรไม่ได้นะ!” เขาหันไปจ้องหน้าทหารด้วยความอาฆาตแค้น ไอ้ทหารนั่นไม่ได้น่ากลัวสักนิด เขาดูตลกเสียมากกว่า ยังคงหวาดกลัวหันซ้ายขวาตลอดเวลา
“ถ้านายยิงฉัน นายจะเจอฝันร้ายจากป่าแห่งนี้ เสือที่นายเจอยังน้อยไป” ฉันต้องยืดเวลา และหาทางให้แทนจัดการกับมัน แต่ยังไม่ทิ้งการแสดง...
“แทนคะ! ขอบคุณมากนะคะ หนูคงไม่รอดแล้ว หงึ!หงึ!” ได้ผลเขาหน้าเสีย กอดฉันไว้ในอ้อมอก
ฉันใจหวิววาบแปลก ๆ รู้สึกอบอุ่นดี แตกต่างจากฉันกอดเขา ฉันซึ้งใจมากกับท่าทางที่เป็นห่วงของเขา ตอนเขากอดมันรู้สึกปลอดภัยสบายใจจัง /แต่ฉันไม่ได้ชอบเขานะ/
“หนูเจ็บ! อูย…ยย!” เสียงสองของฉันออดอ้อนออเซาะต้องบาดใจเขาแน่ ๆ น้ำตาของเขาเอ่อล้นออกมาด้วย ฉันแอบคิด..เสแสร้งล่ะสิ! /ฉันไม่ชอบนายหรอกนะ นายชอบเกาะแกะกับนาตาลีของฉัน/
“อย่าเป็นอะไรนะ คุณยังมีฝัน อย่าทิ้งมันไป คุณอยากไปกรุงโซลไม่ใช่เหรอ? อดทนไว้นะ ผม..ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง อย่าเป็นอะไรนะ” เสียงของเขาสั่นเครือ น้ำตาหยด
โอ้โห!...คำพูดของเขาทำเอาฉันปลื้มมาก เล่นเอาเคลิ้มตาม เขาลูบหน้าลูบตาของฉันอย่างห่วงใย ใส่ใจจำเรื่องราวที่เราคุยกันได้หมดเลย น้ำตาไหลพรากทำเอาฉันใจเสีย นี่นายเป็นห่วงฉันจริงเหรอ?
อย่างนี้ให้อยู่ใกล้นาตาลีมากไม่ได้ เดี๋ยวเธอหลงรักเขา อีตานี่!อันตราย แสดงได้สมจริงมาก
ทหารยกวิทยุเรียกตลอดเวลา แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ เขาขยับเดินเข้ามา
“ลุกขึ้น!” เขาใช้ปลายกระบอกปืนสะกิดขา ดูจากหน้าตาน่าจะยังเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน
แทนตะโกนสวนไป...
“คนเจ็บอยู่ไม่เห็นรึไง! ทำไมต้องยิงด้วยวะ?”
“.........” เจ้าทหารยืนนิ่งเขาคงไม่เข้าใจภาษาต่างชาติ
แทนหันมา แล้วถอนหายใจแรง...
“ขออนุญาตอุ้มนะครับ” เขาช้อนแขนยกตัวขึ้น ฉันคว้าคอหมับ แอบอมยิ้ม
“เดินกลับไปที่เก่า!” เจ้าทหารสั่งแล้วใช้ปลายกระบอกปืนดันหลัง
เขาก้าวขาเดินอย่างยากลำบาก แต่ฉันไม่สน ยิ่งเขาลำบากมากฉันยิ่งชอบ นิสัยไม่ดี ชอบแอบไปยุ่งกับนาตาลีของฉัน ต้องแกล้งให้เข็ด
“ฮี่!ฮี่!” ฉันเผลอนอนยิ้มกริ่ม
“หือ!” เขาก้มหน้าขมวดคิ้วมองมา หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ยิ้มอะไรครับ?” เขาก้มหน้าลงมากระซิบ เสียงอบอุ่นจั๊กกะจี้จัง
“หนูไม่ได้โดนยิง แค่เจ็บขา”
“หลอกกันเหรอ เดินไหวมั้ย?” เขามองแปลก ๆ ต้องรีบกลับเข้าสู่บทบาทเดิมอีกครั้ง เดี๋ยวเขาปล่อยให้เดินเอง
“อูยส์..เจ็บข้อเท้า สงสัยขาแพลงค่ะ!” ฉันแสดงสีหน้าเจ็บปวด งานนี้ได้ถ้วยแน่
“เฮ้อ!...แสดงเก่งนักนะ เดินไปเองเลย” เขาวางฉันลงพื้นแล้วเดินหนี ทหารยังกังวลกับวิทยุ ถือปืนเดินคุมเชิงมาด้านหลังห่าง ๆ เดินระวังมองหน้ามองหลังตลอด มือกำปืนแน่น
“หนูไม่ได้พูดสักคำว่าถูกยิง คุณคิดไปเอง แต่หนูเจ็บขา หนูเดินไม่ไหว แต่ไม่เป็นไรถ้าคุณลำบาก เดินเองก็ได้” ฉันหน้าง้ำเดินขากระเผก ลากขาโชว์กันเห็น ๆ
“งั้น! ขี่หลังดีกว่า ถ้าอุ้มผมเดินไม่ถนัด” เขาย่อตัวนั่ง
อิอิอิ! นายไม่ฉลาดสักนิด เสร็จฉัน. ไม่ล่ะ!..ฉันไม่ขี่หลัง ฉันขี่หลังผู้ชายไม่ได้ ไม่สุภาพ!
“อึ้บ! อึ้บ!” ฉันตะกายขึ้นขี่คอสูง นั่งกอดหัวเขาดีกว่า หัวใจพองฟูมาก สะใจที่แกล้งคนสำเร็จได้ขี่คอด้วย อะไรจะสุขขนาดนี้
ฉันแอบยิ้มบนหัวของเขา โง่จริง ๆ ผู้ชายคนนี้…
“เดินดี ๆ หน่อยสิ กิ่งไม้มันเกี่ยวหน้านะ” ฉันซัดหัวเขาไปหนึ่งโป๊ะ
“คุณก็ปัดมันออกสิ ผมหนักมือเอื้อมไม่ไหว” เขาเสียงสั่น
ฉันเหลือบมอง ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงมาก สาแก่ใจยิ่งนัก...
“ย่อเข่าเป็นมั๊ย? ย่อเข่าน่ะ!” ฉันฟึดฟัด ข้างหน้ามีกิ่งไม้ห้อยลงมา เขาพยายามย่อตัวไม่ให้ถูกหัวของฉัน เดินก็ลำบากยังจะย่ออีก ซื่อดีจริง ๆ อิ! อิ! อิ!
มีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสองแล้วมีเรื่องคาหัวใจ เคลียร์กันก่อนก็น่าจะดี ฉันเก็บไว้นานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้อยู่กันแบบนี้...
“นี่นี่!” ฉันดึงหูเบา ๆ เขาเดินเซไปเอามือยันต้นไม้
“เราเป็นเพื่อนกันใช่รึป่าว?” ฉันนั่งบนคอเต็มตูดดีจัง ขาไขว้ล็อคคอเขาไว้ สบายที่สุด
“ผมคิดอย่างนั้น คุณคิดยังไงล่ะ?” เขายอกย้อน /ปากดีเดี๋ยวสวย/
“เป็นเพื่อนกันสิ! เราเป็นเพื่อนกัน! หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณฉันท์เพื่อนสักหน่อย” ขาสองข้างของฉันหนีบใบหน้าของเขา ฉันยีหัวเขาเพื่อเตือนให้รู้ตัวกลาย ๆ ว่า ฉันอยู่สูงกว่านะต้องข่มไว้ก่อน หันกลับไปมองข้างหลัง เจ้าทหารยังคงกลัวเหมือนเดิม ไม่ต้องพะวงกับมันแล้ว
“ว่ามาเลย!” เขามีหน้าที่เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ทางลาดขึ้นก็หนักเอาการ พอเจอทางลาดลงต้องจิกเท้า มือก็ไขว่คว้าเถาวัลย์พยุงตัว
ยากลำบากยังไง ก็ไม่มีเสียงบ่นจากปากเขาสักคำ มีแต่เสียงหอบเหนื่อย ขาอ่อนของฉันเปียกชุ่ม เหงื่อบนใบหน้าของเขาไหลโทรม /นี่! ก็คงจะแสดงเหมือนกัน/
“เพื่อนกันจะไม่หักหลังกันใช่ป่ะ?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเราเดินออกมาถึงป่าโปร่งทางราบ
“ม.ม.ไม่สิ!” เขาหอบเหนื่อย
ตลอดเวลาที่ฉันสังเกตได้ เขาก็เฉย ๆ แต่นาตาลีนั่นแหละชอบแวะ ชอบเลี้ยว เธอชอบพูดแปลก ๆ ให้ฉันหวั่นใจ ฉันห้ามทางโน้นไม่ได้ ฉันต้องกันทางนี้ไว้ก่อน ทางนี้น่าจะหัวอ่อนกว่า ควบคุมง่ายหน่อย
“หนูเป็นคนตรง ๆ ขอถามหน่อย คุณชอบ อนนี่! รึป่าว?”
“ชอบ!” เอ๊า!...ไอ้บ้า! ตบกบาลซะดีมั๊ย? ตอบช้าหน่อยก็ได้
“ไหนบอกไม่หักหลังกัน? ชอบแฟนเพื่อนได้ยังไง?” ฉันเริ่มหัวร้อน อีตานี่น่ากลัว ต้องให้อยู่ห่าง ๆ ยายนั่นน่าจะมีใจอยู่แล้วด้วย
“ผมไม่ได้เกลียดนาตาลีแล้วนี่ ตอนแรกโคตรเกลียดเลย อยากจะถีบให้ตกเหวไปเลย ตอนนี้ไม่แล้ว ผมชอบ! เธอน่ารักดี เป็นคนเก่งด้วย ไม่ถือตัวด้วย อยากรู้อะไรก็ถามเธอ? ง่ายดี ชอบ ชอบมาก” เขาตอบไปเดินเซไป สงสัยขาจะอ่อน แต่ฉันไม่สงสารนายหรอก.
“ไม่ใช่อย่างนั้นสิ! ชอบแบบแฟนน่ะ?” แหม!...ทำมาเป็นบื้อ
“เธอไม่ถือตัวดีนะ แต่ผมไม่กล้าคิดเป็นแฟนหรอก ผมจะหาเงินจากไหนมาเลี้ยงเธอ ชีวิตอยู่คนละชนชั้นกันเลย ” เออ! ตอบแบบนี้ค่อยคบกันต่อได้หน่อย...
“ดีแล้ว! นาตาลีของหนู หนูเจอก่อน!” ฉันต้องแสดงความเป็นเจ้าของไว้ก่อน
“แล้วถ้านาตาลีมาชอบผมล่ะ ผมต้องทำยังไง?” เออว่ะ! ทำไงล่ะ? เขาพูดก็มีมูล เพราะยายนั่นก็มาป้วนเปี้ยนกับเขาตลอดเหมือนกัน ช่วงหลังมานี่! ชักจะเลื้อยแล้ว
เอางี้! ดีกว่า...
“ปฏิเสธไปสิว่า...คุณมีแฟนแล้วก็ได้ บ้านคุณจนก็ได้ เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายใกล้ตายก็ได้ บอกไปเถอะยังไงเธอก็เชื่อ” ฉันชี้ทางสว่าง
“เห่ย!” เขาส่ายหน้า…
“คุณเอาเปรียบให้ผมแช่งตัวเอง ถ้านาตาลีมาชอบผม คุณก็ต้องเสียสละสิ! คุณไม่ใช่เพื่อนผมเหรอ แฟร์หน่อยสิ!”
อ้าว! ไอ้นี่...
“ไหนบอกว่าไม่กล้าคิด ชีวิตคนละชนชั้นไง? โกหกเหรอ พูดให้ดูดีเหรอ?” ชักจะขึ้นแล้ว อีกนิดเดียวนายโดนแน่
“ถามเผื่อไว้ ไอ้ผมก็หล่อน้อยซะที่ไหน? สาวติดตรึม!” น้ำเสียงยียวนมาก ยั่วโมโหจริง
ฉันค่อย ๆ สางนิ้วเสยเส้นผมให้เขา...
“เพี๊ยะ!!” เนื้อ ๆ เน้น ๆ ซัดหน้าผากไปหนึ่งดอก ต้องเตือนสติ
“เริ่มคิดไม่ดีแล้วนะ! หรือคุณคิดจะหักหลัง หนูรู้สึกไม่ชอบใจแล้วอ่ะ” ดึงหูซะเลย นี่นาย!..เท่ากับเปิดตัวเป็นคู่แข่งกันเลยนะ เกรงใจน่ะมีบ้างมั้ย?
“เพี๊ยะ!!” ตบหัวไปซะอีกดอก...มันขึ้น!
“ก็แฟร์เกมไง ถ้านาตาลีชอบใคร คนนั้นก็ได้ไป ทำไม!...ไม่มั่นใจตัวเองเหรอ?” เขาสวนนิ่ม ๆ ฉันสะอึก...เขาพูดถูก ต้องหาวิธีไม่ให้เขาใกล้กัน อีตานี่ใจดีจนน่ากลัว
“เอาเป็นว่าจากนี้ไป คุณต้องให้เธอเรียกครั้งที่ 3 ถึงจะขานรับ โอเค! ตกลงตามนั้น” ฉันสรุปจบ เหลือบมองเจ้าทหารก็ชักเดินเซ เหมือนกัน
ทันใดนั้น...

“โฮก!…กกกก!!” เสียงเสือคำรามดังในระยะใกล้
แทนหยุดหันมอง...
“...........” ทุ่งหญ้ารอยต่อระหว่างป่าโปร่งกับชายหาด เงียบกริบ พุ่มไม้เขียวข้างโขดหินน่าสงสัย
“ตึกตึก! ตึกตึก!” หัวใจเต้นรัว
“รอด้วย!” เจ้าทหารตาเหลือกรีบวิ่งเข้ามาใกล้
“วางหนูลงก่อน จัดการกับไอ้คอมมิวนิสต์นี่ก่อน” ฉันกระซิบ
“หือ!” แทนขมวดคิ้วมองหน้า พอเท้าของฉันแตะพื้นได้ ก็หันไปโวยทันที...
“ทหาร! นายโดนเสือกินแน่ มีปืนก็ยิงเข้าไปสิ!” ฉันไม่ชอบพวกคอมมิวนิสต์เป็นทุนอยู่แล้ว เขาหน้าตื่นหมุนมองรอบตัว
“โฮก!...กกกก” เจ้าลายพาดกลอน กระโดดออกมาดักหน้าจากพุ่มไม้ แยกเขี้ยวขาวเดินวนไปมา
“หยึย!” ฉันผวาหันเข้ากอดแทน…
“มันมาแล้วแทน! ทำอะไรสักอย่างสิ!”
“เฮ้ย! อย่าไปทำร้ายมัน” แทนหันไปสั่ง ทหารจีนฟังไม่ออก
“............” ทหารจีนเล็งปืน ดวงตาลุกวาวจ้องเสือโคร่งใหญ่
“ยิงสิ! ยิงเลย!” ฉันร้องบอกเป็นภาษาจีน
เขาหันมามอง แล้วก้าวเดินถอยหลังไปเล็งปืนใส่แทน
“อ้าว! ยิงเสือสิ!” ฉันแอบสงสัยว่า ทำไมมันไม่ยิง หรือว่ากระสุนของมันหมดเพราะยิงจระเข้ไปแล้ว เมื่อกี๊มันก็ยิงไปอีกตั้งหลายนัด
“กระสุนเหลือน้อย อย่าตุกติก! ผมจะยิงคุณก่อน” สถานการณ์ตึงเครียดหนักเข้าไปอีก
“มันพูดอะไร?” แทนหันมาถาม
“มันบอกว่า จะเก็บกระสุนปืนไว้ยิงคุณ” ฉันโบ้ย...เขาถอนหายใจ มองเสือสลับกับมองหน้าเจ้าทหาร
“เจ้าตัวนี้มันหากินแถวนี้แหละ ปรกติมันไม่เคยดุนี่นา ทำไมวันนี้ถึงดุจัง สงสัยไอ้นี่ไปยิงปืนใส่มันแน่เลย”แทนพึมพำมองเจ้าเสือเดินวนเวียนอยู่กับที่ ท่าทางของมันก้าวร้าว แยกเขี้ยวขู่ตลอด เหมือนเตือนไม่ให้เข้าใกล้
“แทน! ใช่ตัวนี้หรือเปล่า? ที่มันชอบคำรามทุกวัน” ฉันได้ยินเสียงมันบ่อย แต่วันนี้ได้เจอหน้ากันขาสั่นไปหมด มันยังเดินวนเวียนอยู่ที่เดิม ไม่เข้ามาทำร้าย
ทันใดนั้น...
“แง้ว! แง้ว!” เจ้าลูกเสือตัวน้อยสามตัววิ่งออกมา
“ว้าว!” ฉันโล่งใจที่ทหารไม่ได้ยิงมัน หันไปบอกทหารจีน...
“นายเดินหลบไปทางโน้น! เสือแม่ลูกอ่อนอย่าไปทำร้ายมัน” ฉันชี้แล้วเดินหลีกทาง
เราต้องเดินลุยพงหญ้าหลีกทางให้มัน แทนหันกลับไปโบกมือ...
“ไปก่อนนะเลี้ยงลูกดี ๆ ไม่ได้มารบกวน”
ฉันหันไปหาทหารจีน
“นี่นี่! นายจะยิงฉันหรือเปล่า? เราจะได้กลับบ้านหรือเปล่า?” ฉันถามขณะลุยป่า
“เดินไปเถอะ! อย่าถามมาก!” เขาตอบสั้น ๆ แล้วหันมองหลัง เจ้านี่กลัวเสือจริง ๆ
“นายระวังก็แล้วกัน เสือมันอยู่เป็นคู่ ผัวมันคงอยู่แถวนี้แหละ!” ฉันหลอกให้มันกลัว จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเราและก็ได้ผลเขาส่ายกระบอกปืนสอดส่ายสายตา
ช่างมันเถอะ! คุยกับแทนดีกว่า...
“แทนขา!” ฉันอ้อน
“หือ!”
“ให้หนูขี่คอหน่อยจิ หนูเจ็บขา” เรื่องอะไรจะเดิน ขี่คอสนุกกว่าตั้งเยอะ
“เดินเองได้แล้วนี่” เขาเมิน
“ไม่เป็นไร! ให้มันอักเสบไปเลย เดี๋ยวก็คงช้ำบวม” ฉันเสียงอ่อย
“ขึ้นมา!” เขาก็แสนดี นั่งลงกับพื้นให้ฉันขึ้นขี่
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ!” ฉันเชิงเยอะ เหนื่อยหน่อยนะ
“เราสองคนอาจจะโดนยิงทิ้งก็ได้ เราเป็นมิตรกันดีกว่ามั้ย? เรื่องนาตาลีช่างมันเถอะ! ตอนนี้ห่วงตัวเองก่อน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล หันมาพยักหน้า /ก็เข้าทางสิคะ รีบตะกายขี่คอ/
“คุณจัดการกับไอ้ทหารนี่ก่อนสิ ต่อยมันเลย!” ฉันยุส่ง
“ผมก็หาจังหวะอยู่ แต่คุณขี่คอ ผมจะไปสู้กับมันได้ยังไง?”
อ้าว!...เป็นฉันผิดไปอีก
“ถ้าหนูไม่ขี่คอ คุณสู้ปืนได้หรือเปล่า?” สงสัยจริง ๆ ทำเป็นปากดีมากล่าวหาว่าฉันเป็นอุปสรรค
“ผมเป็นนักศึกษานะครับ ไม่ใช่พวกเจ็ทโด้กับซอนนะจะได้ต่อสู้เก่งขนาดนั้น”
นั่นไง! กะแล้วเชียว...
“งั้น! เลิกคิด เดินเงียบ ๆ ไปเถอะ!” ไอ้ขี้โม้เอ้ย คิดถึงนาตาลีจัง...
“เอาเป็นว่า คุณต้องให้เธอเรียก 3 ครั้งก่อนค่อยขานรับนะ เราจะได้เป็นเพื่อนรักกัน หนูจะดีกับคุณทุกอย่างเลย”
“เธอคงเกลียดขี้หน้าผมแหละ”
ฉันคิดในใจ...มันแหงอยู่แล้ว ไม่งั้น! จะให้นายทำ ทำไม?...
“คุณก็คิดมากไปได้ อนนี่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย” ฉันต่างหากล่ะที่คิด ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ทั้งกลัวทั้งกังวลใจ แต่ฉันก็ยังห่วงเรื่องนี้ ช่วงหลัง ๆ นาตาลีแทบจะนั่งตักเขาอยู่แล้ว ติดงอมแงม
“แล้ว...ผมจะ...ได้อะไร?” เสียงหอบเหนื่อย ขาก้าวเดินอย่างไม่มั่นคง ฉันมองเห็นพื้นน้ำไกล ๆ แล้ว
“หนูจะแนะนำเพื่อนสวย ๆ ให้ สวยกว่านาตาลีอีก ชื่อผิงผิง! ตอนนี้ไปออดิชั่นที่เกาหลีใต้ ตกลงตามนี้นะ!” ฉันได้แต่ภาวนาให้เขาตกลง ฉันไม่อยากต้องนอนผวา
“โอเค!” เขาตอบตกลง ฉันดีใจเหมือนถูกหวยกอดหัวของเขาอย่างลืมตัว...
“โอเคตามนั้น!เพื่อนรัก!” โอย...สบายใจสุด ๆ มีความสุขจังเลยที่กำจัดศัตรูหัวใจไปได้
“คุณ..ไม่ชอบ..ผู้ชายเหรอ?”
“ชอบสิ! แต่ชอบผู้หญิงมากกว่า” ฉันตอบตามที่คิดในตอนนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีแฟน ยังไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ แล้วชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย รู้แต่ว่าตอนนี้ชอบนาตาลี
“ไม่อยากมีลูกเหรอ?”
“ไม่ค่ะ!” จะถามทำไมนักหนา
“ถ้านาตาลีมาชอบผมจริง ๆ เดี๋ยวผมหาเพื่อนผู้หญิงสวย ๆ ให้ ตกลงตามนี้ดีกว่า” อ้าว! ๆ ๆ นายแทน...พูดอย่างนี้อยากตายใช่ไหม? ฉันปวดหัวอีกแล้ว
“โน๊โน!.ถ้าคุณอยากตายก็ลองดู” อีตานี่จะมึนไปถึงไหนกันนะ ตกลงกันแล้วเปลี่ยนใจอีกทำไม? ยิ่งคิดยิ่งแค้น ดึงหูซะเลย...
“โอ๊ยเจ็บนะ! ปล่อย!...โอเค! ยอมแล้ว ไม่ยุ่งแล้ว!” เขาร้องเสียงหลงจนฉันปล่อยมือ สมน้ำหน้าหูแดงเลย
“จำไว้นะครั้งที่ 3 ผลัวะ!” ตบหัวไปซะอีกหนึ่งดอก ไม่รู้จะมึนไปถึงไหน?
ไอ้ทหารเบอร์ 6 เดินระแวงตามหลัง ทั้งวุ่นวายกับวิทยุทั้งกลัวเสือส่ายกระบอกปืนไปมา ฉันไม่ได้กลัวมันเลย แต่ที่น่ากลัวรออยู่ข้างหน้า ยายทหารหญิงนมโตนั่นต่างหาก สายตาของเธอเย็นชามาก เดี๋ยวก็รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร?
…………………………………….............................................……………
