
เป่ยซี เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
ธันวาคม ค.ศ.2020
จูยอนออกมาพักฟื้นรวมกับพวกเรา อาการเธอดีขึ้นตามลำดับหลังเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม เดินได้ช้า ๆ แต่ต้องมีไม้เท้าช่วยพยุง โชคยังดีที่ใบมีดเข้าไม่ถึงจุดสำคัญ แต่ต้องนอนนานเพราะเสียเลือดมาก ผมมองหน้าจูยอนที่ยังมีรอยบวมช้ำเหมือนนักมวยแพ้น็อกคาเวทีแล้วสะเทือนใจและเสียใจอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่น่าเพิ่มแผลบนร่างกายให้เธอเลย ผู้หญิงคนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากจะลบเลือน
ผมไม่น่าเห็นแก่ตัวชวนเธอไปด้วยเลย เป็นความผิดของผมเองที่มั่นใจตัวเองเกินไปว่าจะปกป้องทุกคนได้ ไม่เช่นนั้นป่านนี้เธอคงอยู่เกาหลีใต้แล้วเรื่องนี้ผมรู้สึกผิดมาก แต่...อีกใจก็ขอบคุณที่เธอเอาตัวเองเข้ามาเป็นเกราะกำบัง ใจเด็ดจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเจ็บมากกว่าใคร
แต่ตอนนี้สภาพจิตใจผมย่ำแย่มาก ไม่รู้ว่าจะเอาพลังจากไหนไปปลอบใจคนอื่น สมองได้แต่คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องการตายของเอื้อง อยากรีบกลับไปหา แต่ก็ไม่ทันทางบ้านคงเผาศพเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดตำนานรักอันยาวนานของผม เอื้องเสียตั้งแต่พวกเราอยู่ในป่าโบราณ สาเหตุจากรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากทางการ พวกเขาติดต่อเราไม่ได้
ผมขยับมานั่งตรงกลางระหว่างเตียงของซอนกับจูยอน ทั้งสองคนนี้ผมติดหนี้บุญคุณอย่างมาก ซอนอาการดีขึ้นมากกินอาหารเองได้แล้ว แค่รอแผลหายสนิทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จูยอนเดินได้แล้วแต่ยังไม่ค่อยถนัดนัก
“อาทิตย์หน้า! ออกจากจีนไปพักบ้านผมก่อน รอดูอาการของคุณที่นั่นก็แล้วกัน ผมจะรับผิดชอบเอง” ผมบอกกับจูยอน
“ค่ะ!” เธอโค้งศีรษะเล็กน้อย หลังจากฟื้นขึ้นมา เธอก็ห่างเหินไม่ปฏิบัติกับผมอย่างเคย อาจเป็นเพราะเธอเจ็บหนักเลยไม่มีอารมณ์จะแหย่เล่นเหมือนทุกครั้ง /ถามคำตอบคำ/
ผมจับมือน้องชาย...
“ซอน! มึงไปกับกูก็แล้วกัน จะได้ดูแลพร้อมกันทีเดียว” น้อง ๆสะบักสะบอมกันถ้วนหน้า
“เดี๋ยวผมให้ลูกน้องมารับ กลับบ้านดีกว่า ผมมีคนดูแลเยอะไม่เป็นอะไรแล้ว” จริงของมัน ซอนก็เหมือนเจ้าพ่อน้อย ๆ คนหนึ่งที่มีลูกน้องไม่ขาดมือ ผมโชคดีที่...มันรักผม
“ได้!..ตามใจมึง” ผมไม่ขัดใจ
เจ้าแทนได้จังหวะหันมา...
“แล้วเรื่องนาตาลีเอายังไง?”
ผมไม่มีความคิดเรื่องนี้เลย คิดในใจ...มึงยังไม่เข็ดอีกเหรอวะ แทน? ผู้หญิงคนนั้นอันตรายมาก ชีวิตของเธอเป็นที่ต้องการของผู้มีอำนาจ ยุ่งด้วยก็มีแต่อันตราย
ไป่ไป๋นั่งอยู่ไกลผวาเมื่อได้ยินชื่อนาตาลี เธอรีบกระโดดจากเตียงยิ้มหน้าบานเดินเข้ามายืนเบียดเจ้าแทน…
“คุณจะกลับไปช่วยเหรอคะ?”
“อืม! เสร็จธุระก่อนค่อยว่ากัน” แทนตอบเบา ๆ เธอยิ้มหวานแล้วขยับตัวไปหาเจ้าซอน
“ไปด้วยกันอีกมั้ยคะ?” เธอถามซอน มันพยักหน้ายังพูดไม่ถนัดนัก ซอนมันกลับไปฆ่าหมวดจางแน่ ผมรู้จักนิสัยของมันเวลาดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายใครก็ห้ามไม่ได้
“เจ็ทโด้ล่ะคะ ไปกับหนูอีกมั้ยคะ?” เธอถามเสียงอ่อย
“ผมจะบวช!”
เธอคงไม่เข้าใจหันไปหาแทน...
“บวชคืออะไรคะ?” เธอถามตาใส
“บวชหมายถึงการสละชีวิตแบบปรกติ โกนหัวแล้วไปอยู่ที่วัดถือ ศีลปฏิบัติ คล้าย ๆ กับหลวงจีนน่ะครับ แยกไปใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นความเชื่อทางศาสนาไม่ใช่ลัทธินะ” แทนพยายามอธิบายตามความเข้าใจของเขา แทนเองก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับบ้านเกิดของตัวเอง
“ส่งจูยอนก่อน! แล้วค่อยไปตามหานาตาลีกัน” แทนบอกกับเธออย่างนั้น
“คิดดีดีนะ!” ผมไม่อยากให้มันกลับมาจีนอีก อันตรายเกินกว่าจะมาเกี่ยวข้องกับองค์กรข้ามชาติ ปล่อยให้นาตาลีไปตามชะตาชีวิตของเธอเถอะ มันยากเกินไปที่คนอย่างเราจะไปช่วยเหลือ
สำหรับผมแล้ว...จูยอนน่าสงสารมากที่สุด เห็นเธอนอนเจ็บแล้วก็ต้องโทษตัวเองทุกที นาตาลีต้องช่วยตัวเองไปก่อน จะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้? แต่มันก็เป็นชะตากรรมของเธอ คนทุกคนต่างก็มีชะตากรรมเป็นของตัวเองทั้งสิ้น
สถานการณ์ตอนนี้ ต้องช่วยคนอยู่ใกล้ให้พ้นตัวไปก่อน นาตาลีเหมือนเม็ดทรายที่สายลมพัดพามาเข้าตาของพวกเรา แล้วจากไปโดยทิ้งบาดแผลไว้ให้กับทุกคน อย่าไปเลยนะแทน/ได้แต่ภาวนาในใจ/
“ไป่ไป๋! ไปเที่ยวบ้านผมมั้ย?” เจ้าแทนหันไปชวน
“ไป!” เธอลืมตัวดีใจกระโดด
“อูย!” เจ็บแผลตัวงอ
ผมมองเจ้าแทนแล้วหมดห่วง หลังเหตุการณ์เลวร้าย เขาได้พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาเป็นลูกผู้ชายที่ดีคนหนึ่งทีเดียว จิตใจสะอาดหมดจด แทนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไป่ไป๋เข้าไปนัวเนียกับเจ้าแทน ยิ้มหวานใบหน้าเกือบชนกัน เอามือหวีผมให้มันอย่างสนิทสนม...
“ไปด้วย! อยากไปเห็นกับตาว่าพวกคุณอยู่กันอย่างไร? พาหนูไปด้วยนะคะ!..นะคะเจ็ทโด้!” เธอเดินมาอ้อนผมอีกคน
ไป่ไป๋สวยสะดุดตาเป็นคนน่ารัก น่าปวดหัว ถึงจะดื้อไปหน่อยแต่จิตใจดีมาก ผมชอบแกล้งยิ่งเวลาโกรธ กะฟัดกะเฟียดยิ่งน่ารัก แต่ตอนนี้ ไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย ได้แต่พยักหน้ารับ
“อูยส์!” จูยอนขยับตัวจะลุกนั่ง เจ้าแทนปราดเข้าไปช่วยช้อนหลัง…
“ช้า ๆ ครับ ค่อย ๆ ไม่ต้องรีบ”
เธอโหนแขนของแทน พยุงตัวเอง...
“ฉันใส่เครื่องติดตามตัวไว้ที่โทรศัพท์ของนาตาลีแล้ว เดี๋ยวฉันหายดีก่อนจะเปิดให้ดู”
“หือ!” เจ้าแทนกับไป่ไป๋หันขวับ
ใบหน้าของเธออิดโรยมากจากการเสียเลือด พยักหน้าน้อย ๆ ไป่ไป๋ยิ้มกว้างเข้ามาเสนอหน้าทันที…
“อนนี่!เก่งที่สุดเลย” แววตาของเธอเปี่ยมความหวัง
ผมพอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เคยเห็นจูยอนประกอบชิ้นส่วนโทรศัพท์มือสอง เก่งจริง ๆ เหมือนกันนะ ผู้หญิงคนนี้
“ฉันตั้งใจจะติดตามทั้งสองคน สักวันที่ฉันดีขึ้น ฉันจะกลับมาตอบแทนพวกเธอ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก” เธอพูดช้า ๆ กับไป่ไป๋ แต่ยายเด็กนั่นยิ้มหน้าระรื่น ชื่นบาน
“หนูไม่โกรธเลย รู้สึกดีมากด้วย แต่ว่า ดูตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ? อยากเห็นจังเลย คิดถึงพัคอนนี่” ไป่ไป๋เข้าไปอ้อนจูยอนเขย่าแขน นี่แหละตัวจริง! ยัยน้องเล็กคนนี้ยุ่งไปทุกเรื่อง
เจ้าแทนลูกคู่กระโดดมาหา เข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย...
“ผมไปเอาคอมฯให้นะ?” มันขออนุญาตเสร็จก็วิ่งออกไปข้างนอก
ผมยังไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น หัวใจแหลกสลายเป็นผุยผงเหมือนเถ้ากระดูกคนรักไปแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น การรอคอยความรักทั้งชีวิตของผมสิ้นสุดลงแบบปวดร้าวใจ
ทำไมนะ? ชะตาชีวิตต้องเป็นแบบนี้ ในหัวมันวนเวียนถามตัวเองแต่เรื่องพวกนี้ เพราะชีวิตมันไม่ง่าย มันถึงมีคำว่าชะตาชีวิตสินะ
“มาดูนี่กันคะ!” ไป่ไป๋เรียกทุกคน หลังจากเจ้าแทนเปิดโน้ตบุ๊กให้จูยอน
“เธออยู่ที่นี่ค่ะ!” จูยอนชี้ไปที่ไฟกระพริบสีเขียวบนจอภาพ
“ยังมี....ชีวิตอยู่..ใช่มั้ยคะ?”ไป่ไป๋ถามตะกุกตะกัก สีหน้าไม่ค่อยดีแหงนหน้ามองตาแป๋ว
“ยังบอกไม่ได้คะ รออีกวันสองวันก็รู้ค่ะ” เธอบอกเรียบ ๆ สีหน้าแววตาดูสบายใจขึ้น
“คุณรู้ได้ยังไงว่า อยู่หรือตาย?” ซอนพูดไม่ชัดเอียงคอสงสัย ซึ่งทุกคนก็สงสัยเหมือนกัน
“โปรแกรมติดตามตัวมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลค่ะ เวลาเธอเดินทางไปไหนจะถูกบันทึกไว้เป็นเส้นทางให้ตรวจสอบได้ แต่ถ้าไม่ขยับไปไหนเลยก็สันนิฐานได้ว่า อาจจะจากพวกเราไปแล้ว ดูตามเส้นสีเหลืองสิคะ นั่นคือเส้นทางที่เธอไปจากเรา" เธอชี้บนจอภาพ
เส้นสีเหลืองวิ่งพาดผ่านประเทศจีนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงมณฑลเหลียวหนิง เมืองเสิ่นหยางติดชายแดนเกาหลีเหนือ หมดหนทางช่วยเหลือ...เธอโดนจับตัวไปไกลมาก
ผมรู้โดยสัญชาติญาณ พวกนั้นไม่ฆ่าเธอหรอก...
“เรื่องใหญ่มากวางแผนกันดี ๆ ก่อนลงมือนะ หรือไม่ก็ปล่อยมือซะ คิดซะว่า ทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ ผมเดาว่า พวกนั้นไม่ฆ่าเธอหรอก” เราไม่มีทางรับมือกับกองทัพจีนได้หรอก ทุกคนก้มหน้านิ่งจนปัญญาจะกลับไปช่วย
พวกเราพักกับคุณหมอเกือบ 2 เดือน ท่านทั้งสองเหมือนเทวดากับนางฟ้าในใจของผม โดยเฉพาะคุณหมอผู้ชายชอบมาคุยกับผมเรื่องสนามรบต่าง ๆ ทั้งสองท่านสลับกันมาดูแลอาการของพวกเราทุกวัน จนพวกเราสนิทสนมกันและอาการทุกคนดีขึ้นตามลำดับ
แล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับกันแล้ว
………………………………………..

หลังจากที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว ผมออกมานั่งรับลมด้านนอกอาคาร สมองยังคงปั่นป่วนคิดแต่เรื่อเดิม อยากร้องไห้ออกมาดัง ๆ มันจะได้ลดความอัดอั้นลงได้บ้างก็ทำไม่ได้
ได้แต่คิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ คิดถึงคำพูดที่เราเคยหยอกล้อกันเมื่อยามมีความสุข เคยให้กำลังใจกันในยามท้อแท้ ตั้งใจฝากชีวิตที่เหลือทั้งหมดไว้กับเอื้อง แต่เธอก็มาด่วนจากไปก่อน ผมไม่มีใครอีกแล้ว
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะ?” อ้าว..จูยอนมา ตกใจหมดเลยเดี๋ยวเห็นภาพที่ไม่ควร ผมปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปรกติ
“จูยอน! ขอบใจมากนะที่ช่วยชีวิตผม จนคุณเกือบเอาชีวิตไม่รอด” ผมขอบคุณอย่างจริงใจ ในใจรู้สึกผิดต่อเธอมาก
“ด้วยความยินดีค่ะ ถ้าคุณเป็นฉันก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกัน” เธอตอบแล้วยิ้มหวาน ผมใจหายแวบที่ยังเห็นรอยช้ำบนใบหน้าของเธอ ด้านหลังตั้งแต่หัวลงไปมีแต่ผ้าพันแผลแปะเต็มไปหมด
ผมเพิ่มบาดแผลให้กับเธอโดยไม่ตั้งใจ รอยแผลเป็นที่ถูกแส้ฟาดด้านหลังยังอยู่ในความทรงจำของผม เธอน่าสงสารจริง ๆ ผมคารวะจิตใจที่หนักแน่นของเธอด้วยใจจริง
“เสียใจด้วยนะคะ เรื่องแฟนคุณ” เธอบอกแล้วนิ่งไป เธอคงรู้ว่าผมเสียใจจึงไม่ล้อเล่นกับผมเช่นเดิม
ผมพยักหน้าเบา ๆ...
“รักษาตัวให้ดี อย่าเจ็บอย่าไข้ อย่าปล่อยให้ท้องว่างมันจะเป็นโรคกระเพาะ ถ้าลำบากให้ติดต่อเจ้าแทนทันที ให้คิดถึงเจ้าแทนก่อนเป็นคนแรก แทนจะเข้าไปช่วยจัดการปัญหาของคุณทุกเรื่อง ไม่มีข้อยกเว้น!” ผมคงส่งเธอได้แค่นี้ ความผูกพันหลายเดือนของเราทำให้รู้สึกใจหายเหมือนกัน ที่ต้องส่งเธอไปมีชีวิตของตัวเอง
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ฉันจะจำทุกอย่างที่คุณเคยสอนไว้ค่ะ ขอบคุณที่สร้างช่วงเวลาที่สวยงามให้” เธอยิ้มได้แล้ว ทำให้ผมสบายใจ
“ฉันติดต่อคุณได้ใช่มั้ยคะ?” เธอเสียงอ่อนโยนราบเรียบไม่แสดงสีหน้า
“ติดต่อกับเจ้าแทนก็แล้วกัน ผมไม่แน่ใจว่าจะปิดโทรศัพท์เมื่อไหร่? ผมไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ผมจะไม่ใช้ชีวิตแบบนี้อีกแล้ว” ผมตอบเลี่ยง ๆ กันตัวเองไว้ ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว พอเสียคนหนึ่งก็รีบคว้าอีกคนมาแทนที่ ผมให้เกียรติผู้หญิงทั้งสองคน
“เราเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้เหรอคะ” เธอมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ผมส่ายหน้าช้า ๆ ใครนะ...มาเปิดเพลง I’ll never love again@ Lady Gaga ดังแว่วมาพอดีและนั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่จะตอบจูยอนได้ในขณะนี้
“ฉันก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน ถ้าไม่ได้พวกคุณ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร? ฉันต้องหาทางตอบแทนลูอิสด้วย เขาก็เป็นผู้มีพระคุณที่ยื่นมาเป็นคนแรก” เธอเอื้อมมือมากุมมือผม
“รักษาสุขภาพดี ๆ นะคะ ฉันยินดีมากทีมีโอกาสรู้จักคุณ ถึงคนที่คุณรักจะจากไป แต่คุณอย่าลืมว่ายังมีอีกหลายคนที่รักคุณ ฉันเสียใจด้วยค่ะ” เธอเตือนสติก่อนเดินจากไป
การพบการจากยังคงวนเวียนในทุกชีวิต ไม่มีใครหลีกหนีได้ การจากลาจะกินใจมากน้อยแค่ไหน? อยู่ที่เวลาและความสัมพันธ์ และทุกการจากลา มักจะลากน้องคนเล็กติดมาด้วยเสมอ...เศร้าใจ
..................................................