หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 3 ก.พ. 2567 |
หมู่บ้านชนบทกลางขุนเขา
ภาคเหนือ KaLa Democracy
มุมมองสวยตา เจ็ทโด้
กุมภาพันธ์ ค.ศ.2021
“โฮ่ง!โฮ่ง!”
ทุกคนเริ่มคุ้นเคยกันหลังผ่านเดือนแรกไป บราวนี่! พาจูยอนเดินออกกำลังรอบสระหลังบ้านทุกเช้า ด้านหลังมีสนามซ้อมยิงปืนกับโรงยิมฯ นักมวยวัยรุ่นซ้อมกันอยู่ที่นั่น ไป่ไป๋ก็วิ่งออกกำลังกายไปพร้อมกัน เข้ายิมฯซ้อมมวยมั่ง ไปเข้าวงตีไก่มั่งเธอไม่เหงา พวกเราก็เบาใจ ผมเตรียมกำหนดวันบวชเรียบร้อยแล้ว หลังจากท่องบทขออุปสมบทจนขึ้นใจ...จะได้ทำอย่างที่ตั้งใจเสียที
“ตูม!!” ซ้อมเสร็จแล้วก็ลงเล่นน้ำในบ่อ ทั้งหมาทั้งคนสนุกสนานกันไป แพยางใหญ่มีเพื่อนเล่นแล้ว หลังจากลอยคอรอคอยให้คนไปเล่นด้วย เสียงหัวเราะของสาว ๆ ทำให้บ้านกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“พ่อคะ! พี่สาวสองคนอยู่ไหนคะ?” แหม่มสาวมัธยมปลายผมเปียยิ้มโชว์เขี้ยวหน้าขาว ดวงตาสวยใสไร้จริต ต้องขอบคุณยายของเธอที่เลี้ยงดูจนโตมาอย่างดี ส่วนผมทำได้เพียงสนับสนุนเรื่องเงิน ถ้าผมอยู่บ้านเธอจะมาขลุกให้ผมสอนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสทั้งวัน
“อยู่ในสระหลังบ้าน!”
เจ้าแทนกลับไปอยู่บ้านคุณตา มันรับมรดกคนเดียวอีกมหาศาลที่ดินเป็นพัน ๆ ไร่ กิจการต่าง ๆ มากมายไม่ต้องทำงานเลยทั้งชาติ
ผมนั่งเปิดทีวีดูฟุตบอลรายการโปรด ก่อนที่ภาพจะตัดมาที่ข่าววัคซีนทางรัฐบาล นักข่าวกำลังสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรี ทั้งเขาและหมอต่างก็พยายามเลี่ยงคำถาม ตอบอ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องการแพ้วัคซีน รัฐมนตรีคนนี้พลิกคำพูดไปมาตลอด นัดว่าจะได้วัคซีนเท่านั้นเท่านี้ วันนั้นวันนี้ แล้วก็ผิดพลาดตลอด แต่ไม่แปลกใจเท่าไหร่? ไอ้คนนี้โกหกตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้วว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลทหารแต่ก็หักหลังประชาชน ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีความรับผิดชอบ ในการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง โยนความผิดให้กับผู้เสียชีวิตว่าเป็นเพราะโรคประจำตัว
ชาวบ้านเขาอยู่ของเขาดี ๆ พวกนี้มาบังคับให้ฉีดโดยอ้างมาตรการต่าง ๆ รัฐบาลชุดนี้คิดผิดตั้งแต่หันหลังให้อเมริกา หันหน้าเปิดประเทศรับจีนเข้ามาแล้ว ผมศรัทธาคนพวกนี้ไปได้อย่างไรกันนี่ ? พลาดมากที่ห่วงแต่เรื่องของตัวเอง คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา แต่มันกลับเป็นผลโดยตรงกับทุกชีวิตในประเทศ เจ้าแทนและเพื่อน ๆ พยายามต่อสู้ก็เรื่องพวกนี้สินะ ผมรู้สึกผิดอย่างแรงที่ไปปรามาสเด็ก ๆ เหล่านั้น //ขอโทษจริง ๆ นะ อโหสิให้ด้วย//
“ดูอะไรอยู่คะ?” ไป่ไป๋กับจูยอนเดินตัวหอมนั่งประกบคนละฝั่ง
"ดูฟุตบอล จบแล้วล่ะจะดูอะไรล่ะ?” ผมโยนรีโมทไปให้
“ข่าวค่ะ!”จูยอนตอบแล้วกดเปิดข่าวภายในประเทศภาคภาษาอังกฤษให้ดู จูยอนตั้งใจนั่งฟังแล้วทำตาโตหันมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! วัคซีนหาย ตลกอ่ะ!” เธอขำกลิ้งชี้ข่าวในทีวี ผมได้แต่ยิ้ม ส่วนสาวน้อยไป่ไป๋ เลื่อนโทรศัพท์ดูสลับกับมองโน้ตบุ๊ก เธอทำอย่างนี้ทุกวันซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นว่า จุดบนคอมฯนั้น มันจะขยับย้ายไปไหน
“ข่าวคงต้องหาฟังจากอีกมุม รอเจ้าแทนมาก่อน มันพูดไม่ผิดคำเลย ทุกอย่างเป็นเกมของใครบางคน แม้กระทั่งวัคซีน”ผมคิดว่า สื่อพวกนี้เป็นกระบอกเสียงให้รัฐมากกว่าจะให้ความจริงทั้งหมด
ผมให้โอกาสรัฐบาลนี้หลายครั้งแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ตั้งแต่กติกาเลือกตั้งเลยก็ว่าได้ ผมไม่เคยลืมที่ให้เลือกตั้งไปก่อนแล้วตั้งกติกาทีหลัง มีที่เดียวในโลกจริง ๆ กติกาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามใจผู้มีอำนาจ พอเผลอไปนิดเดียวพรรคที่แพ้เลือกตั้งกลับจัดตั้งรัฐบาลได้ แม่งสุดยอด! พวกเขาให้เหตุผลโดยไม่ต้องมีจิตสำนึก ไม่มีความละอาย เป็นตัวอย่างการขี้โกงที่ไม่อายฟ้าดิน โกงแล้วได้ดี จะไม่ให้เด็กทำตามได้ยังไง พวกมันสอนทางอ้อม? ในวันนั้น!..ผมยังชื่นชมพวกเขาอยู่เลยและเชื่อตามเหตุผลที่เขาบอก แต่ในวันนี้ขอเทก็ละกัน เชียร์ไม่ขึ้นจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่มีจิตสำนึก
จูยอนยิ้มกว้างสายตาเจ้าเล่ห์...
“ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องแปลงร่าง Bad sometime good” เธอหัวเราะร่วน มองในมุมจูยอนก็ดีเหมือนกัน
“ในดีมีเสีย ในเสียมีดีซะงั้น” ผมพูดเบา ๆ หรือจะเป็นโชคดีของชาวบ้านที่มีคนคอรัปชั่นวัคซีน
จูยอนยิ้มหวานสายตา แพรวพราวขยับเข้ามา...
“ต่อไปฉันคงไม่ต้องไปนั่งทับคุณถึงเช้าอีกแล้วนะ เข้าใจเรื่องความเหลื่อมล้ำแล้วใช่มั้ยคะ? โอกาสเป็นของไอ้พวกนั้นมัน ส่วนคนข้างล่างรับชะตากรรม แต่ในเคสนี้ถือว่าชาวบ้านโชคดี พวกนั้นรอวันตาย”
น้องแหม่มเดินมาพอดี…
“แหม่ม! วันนี้ต้มน้ำปลาร้ากินกันดีกว่า”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูดูก่อนนะ” เธอแวะไปห้องครัว
สักพักกลิ่นปลาร้าหอมฉุยโชยเข้าจมูกน้ำลายสอ แหม่มคงเปิดไหปลาร้ากลิ่นแรงโชยเข้าบ้าน
“หือ...กลิ่นอะไร? อ้วก...กกกก!” จูยอนอุดจมูกหน้าเสีย
“ว๊าก! ส้วมแตก!” ไป่ไป๋อุดจมูกวิ่งออกไปหน้าบ้าน หันมองหากลิ่นหน้ายุ่ง
“ไม่ไหว!” จูยอนวิ่งตามออกไป
“หึหึหึ! หอมกว่าเต้าหู้ยี้อีก อร่อยกว่าด้วย” ผมสูดลมหายใจลึก
ผมมองว่านี่คือความแตกต่างที่สวยงาม อาหารท้องถิ่นแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง การถนอมอาหารที่สืบทอดมาแต่โบราณแต่ละถิ่น ล้วนมาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เอกลักษณ์ที่เหมือนกันคือเหม็นไปคนละอย่าง เพียงแต่ผู้มาเยือนมักจะไม่ชินกับกลิ่นในครั้งแรกกันทั้งนั้น แต่ถ้าหลอกให้กินได้ เป็นอันติดใจกันทุกคน
“หนูไปตกปลาก่อนนะ เอาปลาอะไรดีคะพ่อ?” แหม่มเดินยิ้มเข้ามา ชะเง้อคอมองไปหน้าบ้านแล้วขำสองสาวไม่กล้าเข้าบ้าน
“ไปซื้อง่ายกว่าลูก เอาปลาช่อนตัวใหญ่ ๆ ดีกว่าเนื้อมันเยอะดี เอาไปให้ยายทำนะ พี่ ๆ เขาเหม็น เอ้อ!..เก็บผักหลังบ้านมาเยอะ ๆ เลยนะ ทำต้มยำกุ้งมาให้ด้วย”
“จัดให้ค่ะ!” เธอพยักหน้ายิ้มวิ่งออกไปหลังบ้าน กลิ่นรัญจวนของปลาร้าค่อย ๆ หายไป สองสาวค่อย ๆ เดินกลับมานั่งที่เดิม
“กลิ่นอะไรคะเหม็นจัง?” ไป่ไป๋ปากจู๋หน้ายุ่ง
“อาหารพื้นบ้านเรียกว่าปลาร้า” ผมไม่บอกรายละเอียดจะเก็บไว้แกล้งตอนเย็น
“กินอะไรกันแปลก ๆ ของเหม็น ๆ อย่างนี้กินลงเหรอคะ?” ไป่ไป๋เกาหัวแกรก
“ดีกว่ากินค้างคาวก็แล้วกัน” ผมสวนไป เธอหันมาแลบลิ้นใส่
สองสาวสนิทกันมากแล้ว ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของเจ้าแทนดูแลสองคนนี้ต่อไป ผมเตรียมตัวบวชสั่งกับเจ้าแทนว่าไม่ต้องมาเยี่ยม ขอเข้าไปเรียนรู้หลักธรรมในวัดสักพัก หากอยู่ได้อาจจะอยู่ยาว ตายในผ้าเหลืองไปเลย //สาธุ //
พลันสายตาเห็นข่าวแปลก ๆ...
“ขอเสียงหน่อยสิ ข่าวด่วนรายงานอะไรน่ะ?” ผมชี้รีโมทบอกไป่ไป๋ ข่าวด่วนกำลังเสนอภาพข่าวต่างประเทศ
“ตอนนี้ที่นางาซากิมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเหม่อลอย ไร้ความรู้สึกเหมือนพวกซอมบี้เลยครับพี่น้อง ยังไม่ทราบว่าบุคคลทั้งหมดเป็นใคร? แล้วจะไปไหน? ไปทำอะไร? พวกเขาไม่ตอบสนองกับนักข่าว ไม่ตอบคำถามจึงต้องหาสาเหตุต่อไป สมปองถ่ายภาพ สมศรีรายงาน”
ผมเปลี่ยนช่องหารายละเอียด
“รายงานด่วนจากอินโดนีเซีย วันนี้พบกลุ่มคนพื้นบ้านเดนปาซ่าบนเกาะบาหลี ประมาณ 500 คนเกิดอาการผิดปรกติ ไม่เข้าทำงานเดินเหม่อลอยไม่พูดใด ๆ อาการลักษณะเช่นเดียวกับที่นางาซากิเลยครับ ทางทีมแพทย์สันนิฐานว่า อาจจะเป็นเพราะเชื้อโควิด-19 จะติดตามข้อมูลมารายงานให้ทราบภายหลัง ขอให้ทุกท่านรีบเข้ารับวัคซีนกันด้วยนะครับ”
อีกช่อง...
“สำนักข่าวกรองบอกมาแล้วว่า เป็นผลมาจากเชื้อโควิด-19 ผู้ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนจะกลายสภาพเป็นแบบนี้ น่ากลัวจังเลยนะครับ สงสัยจะเป็นการลงโทษของสวรรค์ที่เด็กรุ่นใหม่ไม่รักชาติ ท่านผู้ชมไปฉีดวัคซีนกันมาก ๆ นะครับ” ยิ่งนักข่าวพูดอย่างนี้ ยิ่งเข้าทางที่นาตาลีเคยพูดไว้ วันสิ้นโลกคงใกล้เข้ามาทุกทีแล้วล่ะ
“มันลามปามไปทั่วโลกแล้ว หมวดจางคงไปเป่านกหวีดไว้แน่ ๆ” ผมสันนิษฐานหันไปพยักหน้ากับจูยอน
ไป่ไป๋หน้ายักษ์อารมณ์เสีย...
“ยายจาง! ถ้าเจอหน้าอีกครั้ง หนูจะข่วนหน้าให้ คอยดูสิ!” เธอหมายหัว กำหมัดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“พ่อคะ! บ้านเราจะเป่านกหวีดกันอีกแล้วเหรอคะ?” แหม่มเดินยิ้มกลับจากบ้านยายเข้ามากอดคอคุยด้วย
“คงไม่มีแล้วล่ะ! ตอนนั้นพวกเขาเดือดร้อนเรื่องราคายาง ได้รับความลำบากในการใช้ชีวิต คุณลุงนายกแก้ปัญหาไปแล้ว”
“มันยังไงคะ? หนูยังเห็นพวกเขามาเรียกร้องกันอยู่เลย”
“ตอนนั้นยางพารากิโลกรัมละ 80 แต่ชาวสวนยางไม่พอใจเลยรวมตัวกันมาประท้วง ต้องการกิโลกรัมละ 120”
“รัฐบาลเดิม แก้ปัญหาให้เขาไม่ได้ใช่ไหมคะ? ไม่เก่งล่ะสิ!”
“ใช่! รัฐบาลเดิมแก้ไขปัญหาราคายางไม่ได้ และแก้ปัญหาปากท้องไม่ได้ ผู้ประท้วงต้องการกินอาหารหลากหลาย”
“ดีแล้วค่ะ! ทำไม่ได้ก็ต้องออกไป แล้วรัฐบาลของคุณลุงแก้ปัญหาได้ยังไงคะ?”
“คุณลุงมีนโยบายเปิดตลาดจักรวาล เอาไปขายที่ดาวอังคารจากกิโลกรัมละ80 ลดเหลือ 3 กิโล 100 ตรงตามความต้องการเป๊ะ ได้กินหลากหลายเงียบไปทั้งภาคเลย” ผมพูดขำขำยิ้มยิ้ม แหม่มขมวดคิ้ว
“คุณลุงไม่ดีเหรอคะ แล้วม็อบมาไล่ทำไม?” แหม่มเอียงคอสายตาสงสัย จูยอนนั่งมองอมยิ้มแก้มปริ
ผมอึกอัก…
“ดีสิ! แต่หมดยุคของขุนศึกแล้ว วิธีคิดแบบนั้นบริหารประเทศไม่ก้าวหน้าหรอก”แสลงใจจริง ๆ ช่วงนั้นถ้าผมอยู่ ก็คงไปเป่านกหวีดกับเขาด้วยและอาจจะพาลูกไปด้วย ช่วยกันฝังหัวเด็ก
“พ่อแวะไปหาน้อง ๆ บ้างสิคะ พวกเขาบ่นคิดถึง เจ้าด้วงเรียนเก่งมาก” แหม่มยิ้มกว้างเข้ามาดึงมือ
“เดี๋ยวพ่อบวชแล้วก็ได้เจอทุกวัน เด็กผู้ชายต้องอดทน” ผมส่งเสียเด็กกำพร้าไว้อีก 3 คน ให้อาศัยที่วัดคอยรับใช้พระ
ผมไม่มีเวลาอบรม คอยสนับสนุนเรื่องเรียน โดยตั้งกติกาไว้ง่าย ๆ อยากเรียนถึงไหนจะส่งเสียให้ทั้งหมด แต่ถ้าสอบตกเมื่อไหร่? ก็จบกันไม่มีข้อแก้ตัว ตัดหางทิ้งไปเลย
“บรื้น!” เสียงรถยนต์แล่นเข้ามา ไป่ไป๋หันมองหน้าบ้านก่อนยิ้มหน้าบาน …
“แทนมาแล้ว! ไปหาแทนดีกว่า” เธอเด้งขึ้นทันทีที่เจ้าแทนขับรถผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามา
“ฟิ้ว!” แต่ก็ช้าไป น้องแหม่มที่วิ่งแซงไปถึงตัวก่อน แล้วเข้าไปเดินคลอเคลียเข้ามา
“เอ่อ!” ไป่ไป๋ทำหน้าไม่ถูก ยืนเก้อหมุนไปมา ผมขำที่เธอโดนแย่งเจ้าแทน จูยอนกวาดบ้านเหลือบมองตามแล้วยิ้มขำ
“พี่แทนหิวหรือยังคะ? วันนี้มีน้ำปลาร้า สุดยอด!” แหม่มเข้าไปอ้อนเจ้าแทนด้วยความสนิทสนม ไป่ไป๋หน้าบอกบุญไม่รับ ยืนปากจู๋คิ้วขมวดมองแล้วเกาหัว คงไม่เข้าใจว่าสองคนคุยอะไรกัน
เจ้าแทนเดินกอดคอน้องเข้าบ้าน ไม่ลืมที่จะเรียกไป่ไป๋ให้เดินหน้างอตามมาด้วย
“พี่! ผมขออาบน้ำก่อนนะ” เจ้าแทนเดินแยกไป
“แหม่มมานี่!” ผมกระซิบบอกบางอย่างให้เธอทำ วันนี้จะแกล้งคนสักหน่อย
“เอาอย่างนั้นนะ! ได้ค่ะ!” แหม่มอมยิ้มเดินออกหลังบ้านไป
เจ้าแทนอาบน้ำตัวหอมฉุยลงมานั่งดูทีวีด้วยกัน
“แทนเหนื่อยมั้ยคะ?” ไป่ไป๋ยกน้ำมาอ้อนเจ้าแทน หลังจากที่ก้างขวางคอไม่อยู่
“ไม่เหนื่อยครับ รับงานขนของให้กับลูกน้องเจ็ทโด้ ปล่อยรถไปแล้ว” เจ้าแทนรับอาสาทำงานต่อให้
ผมมีเด็ก ๆ ที่ว่างงานให้ไปขับรถส่งของในระหว่างที่ผมบวช พอเบาใจลงไปเปราะหนึ่ง รายได้พวกนี้ส่วนหนึ่งก็กลับมาเป็นค่าใช้จ่ายให้เด็ก ๆ ที่อุปการะไว้และเลี้ยงพวกเขา
ผมหันไปฟ้องเจ้าแทนกับเรื่องที่ขุ่นใจ...
“มันเอาอีกแล้วว่ะแทน มันโกหกไปเรื่อยเรื่องวัคซีน”
จากนี้คงต้องฟังน้องมันมากขึ้น ถ้าพวกมันไม่เหลืออดกันจริง ๆ เด็กวัยรุ่นมันไม่เสียเวลามาสนใจการเมืองหรอก นี่แสดงว่า มีผลกระทบถึงจิตใจ พวกเขาจึงต้องออกมาเรียกร้อง และเด็กที่ออกมาเรียกร้องเป็นเด็กเกรด A ระดับหัวกระทิทั้งสิ้น
ผู้มีอำนาจสะกดคำว่า เสียสละไม่ออกจริง ๆ ชาวบ้านเดือดร้อนหารายได้เลี้ยงครอบครัวไม่ไหว เด็กออกมาเป็นปากเสียงแทนพ่อแม่ แต่พวกมันก็ป้ายสีเด็ก ๆ กล่าวหาว่า มีคนหนุนหลังเบี่ยงประเด็นหาความชอบธรรมและสั่งให้เจ้าหน้าที่มาไล่ยิง
“คนดีก็เป็นอย่างนี้แหละ ใครลองไปท้วงสิ มันแยกเขี้ยวใส่ทันที ดุกว่าเจ้าบราวนี่อีก” แทนส่ายหน้าหัวเราะ
“ไม่ไปฝรั่งเศสแล้วเหรอ? เห็นว่าจะไปช่วยนาตาลี” ผมถามน้องชาย
“ไม่ไปแล้ว!” มันส่ายหน้า //ไป่ไป๋แอบเย้...ยิ้มหน้าบาน ดีใจกระโดดดึ๋ง ๆ เข้าไปกอดจูยอน//
“พี่ก็เห็นข่าวแล้วนี่ คนติดเชื้อตอนนี้ลามไปทั่วโลกแล้ว ผมเชื่อว่าบ้านเราก็คงมีคนติดเชื้อ โดยเฉพาะพวกเศรษฐีและผู้มีอำนาจที่ได้รับวัคซีนก่อน พวกที่ขโมยวัคซีนไปซวยแล้วล่ะ! สมน้ำหน้าขี้โกงนัก” แทนบ่นยาวหันไปมองหลังบ้าน เสียงเหมือนแหม่มจะเดินกลับมาแล้ว
“เรื่องนี้พวกเรารู้อยู่เต็มอกว่า มันอันตรายขนาดไหน ใครจะช่วยชาวบ้าน รัฐเหรอ? มันต้องโง่ขนาดไหน ถึงออกกฎหมายไล่จับเชื้อโรค พี่เชื่อผมเถอะ ประเทศที่คนตายมากที่สุดน่าจะไม่พ้นบ้านเรา อย่าหวังพึ่งคนแก่กะโหลกกะลาพวกนั้นเลย ไร้อนาคต!” แทนชี้ไปที่ข่าวแล้วถอนหายใจ หันมองไปหลังบ้านแล้วรีบเข้าไปช่วย เมื่อเห็นแหม่มยกถาดข้าวออกมา
“กินข้าวกันค่ะ!” แหม่มยิ้มวางถาดลงกลางโต๊ะหน้าโซฟา บ้านผมไม่มีห้องกินข้าว กินตรงโซฟานี้แหละได้ดูทีวีด้วย
เจ้าแทนขมวดคิ้วมองข้าวในจาน คงสงสัยทำไมวันนี้ทุกคนได้ข้าวเหมือนกัน สองสาวรับจานข้าวไปคนละจาน
วันนี้ยายต้มยำกุ้งแม่น้ำกับต้มน้ำปลาร้ากับปลาช่อนทั้งตัว แล้วให้แหม่มแกะเอาเฉพาะเนื้อปลาขาวฟูคลุกกับข้าวร้อน ๆ ราดน้ำปลาร้าโรยพริกป่นนิดหน่อยบีบมะนาวตบท้าย พร้อมจานสารพัดผักหลังบ้าน
“โห!..พี่! โคตรอร่อยเลย ไม่เคยกินเนื้อปลาต้มแบบนี้ เคยเห็นแต่เขาเอาเนื้อไปโขลกทำน้ำพริก” เจ้าแทนเคี้ยวข้าวตุ้ยหันไปพยักพเยิดกับสองสาว
“อันนั้นเขาเอาไว้ทำขาย เอาลูกปลาเนื้อน้อย ๆ โขลก ต้องกินเนื้อเป็นต่อนอย่างนี้ หรูกว่า”ผมยังอวดสรรพคุณไม่จบ...
“เค็ม!” ไป่ไป๋ชะงักหน้าเบ้
“เผ็ด!” จูยอนหยุด
“เอานี่ครับ!” แทนหักถั่วฝักยาวส่งให้คนละท่อน
“กินกับผักสดนะ สุดยอด!” เจ้าแทนยกนิ้วโป้ง
“ต้มยำกุ้งค่ะ!” แหม่มเสริฟเข้ามา
สองสาวทำตามที่แทนบอก ผมแอบสังเกตท่าทีของทั้งสอง กลิ่นปลาร้าที่ต้มแล้วไม่เหม็นเหมือนกับกลิ่นในไห สองสาวยกดมทำจมูกฟุดฟิดก่อนตักข้าวเข้าปาก
“อื้ม! อร่อยแฮะมันต้องกินพร้อมกับผัก” ไป่ไป๋ยิ้มออก จูยอนก็เช่นกัน สองสาวก้มกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยจนต้องขอเพิ่ม
“มิชลิน! ไม่มีโอกาสได้ชิม” ผมบอกกับสองสาวหลังจากอิ่มกันดีแล้ว
“ขอบใจนะแหม่ม อร่อยดี!” จูยอนหันไปบอกน้อง เธอนั่งกินกับพื้นคนเดียว เงยหน้ายิ้มให้แล้วมองมาที่ผม...
“พ่อคะ! พรุ่งนี้กินแบบนี้ อีกมั้ยคะ?” แหม่มยิ้มถาม
“Yes!” สองสาวพูดพร้อมกัน
ยายแหม่มขยับอ้อนเจ้าแทน...
“พี่แทนขา! ให้น้องแหม่มป้อนข้าวคำนึง”
เจ้าแทนลุกจากโซฟาลงไปนั่งกับน้องที่พื้น
“อยากป้อนพี่เหรอ? มาสิ!” เจ้าแทนอ้าปากรับข้าว จูยอนยิ้มมุมปากเหลือบมองไป่ไป๋ที่มองค้อนเจ้าแทนอย่างขัดใจ
“หนูขอตั้งกฎ!” จู่ ๆ ไป่ไป๋ก็โพล่งออกมา ทุกคนหันไปมอง
“ขอให้ใช้ภาษากลางที่ทุกคนเข้าใจ หนูรู้สึกแปลกแยก เหลื่อมล้ำ ไม่เสมอภาค ไม่ประชาธิปไตย ตอนพวกคุณอยู่บ้านหนู ป๊ากับม้ายังต้องใช้ภาษากลางกับพวกคุณเลย” เธอหน้ามุ่ย แก้มป่อง
ผมอมยิ้มในความฉลาดทันคน ทันเกมของเธอ ผมสังเกตมาได้สักพักแล้ว เวลาที่เธอเห็นสองคนนั้นคุยกัน เธอจะหงุดหงิดงุ่นง่านตลอด เจ้าแทนเงยหน้าขึ้นมา
“ได้! ตกลงตามนั้น” แทนหันไปอ้าปากรับข้าวจากน้องแหม่ม ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“หนูเป็นแขก คุณต้องพาหนูออกไปเที่ยวข้างนอกทุกวัน” เธอนั่งปากจู๋ หน้าตึง
“นี่ก็กฎเหรอ?” จูยอนพูดแล้วแอบยิ้ม
“อื้อ!” ไป่ไป๋พยักหน้าเส้นผมกระจาย เอากับเธอสิ ขี้โกงจริง ๆ
ยายแหม่มก็มึน เหมือนแกล้งกัน...
“พี่แทนขา! วันนี้ไปดูหนังกัน อยากดูก็อตซิลล่าประทะคอง” แหม่มชวนแล้วป้อนข้าวกะหนุงกะหนิง เธอก็คงรักของเธอเหมือนกัน
“ไปด้วย!” ไป่ไป๋ร้อง
“ไปไม่ได้!” แทนสวนทันที เธอหน้าเสีย…
“ทำไมจะไม่ได้? ก็นั่งรถยนต์ไปด้วย ที่เหลือตั้งเยอะ” เธอเชิดหน้าปากจู๋
“หนังมันเป็นเสียงในฟิล์ม คุณฟังไม่ออกหรอก” แทนพยายามอธิบาย ไป่ไป๋อึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มตอบ...
"หนูอยากเรียนภาษา ดูหนังเสียงในฟิล์มได้ฟิลลิ่งดี” เอาสิเอา! เอากับเธอสิ หน้ามึนหันไปมองทีวี สองคนนี้ชักจะยังไง ๆ ซะแล้ว “แทน! อีกสองสามวัน ถ้าว่างเอารถไปต่อทะเบียนให้หน่อยนะ พาสาว ๆ ไปเที่ยวด้วย” ผมสั่งหลังจากกินข้าวเสร็จ
จากนี้ไปหน้าที่ดูแลสาว ๆ เจ้าแทนต้องเป็นคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะยายจอมยุ่งจะได้เลิกหน้างอสักที เวลาของโลกที่วุ่นวายสำหรับผมหมดลงแล้ว ผมจะบวชอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับคนรักและคงไม่กลับออกมาในโลก...ที่ไม่มีใครรอผมอีกแล้ว
.........................................................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |