The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 18

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 18
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 3
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 9 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


หมู่บ้านกลางขุนเขาชนบท 
ภาคเหนือ Kala Democracy
มุมมองสายตา ชเว จูยอน
มีนาคม ค.ศ.2021
3 เดือนกว่าแล้วที่จิตใจสงบนิ่งและมีความสุขอยู่ที่นี่ อาการบาดเจ็บหายดีแล้วได้เจ้าบราวนี่เป็นเพื่อนพาเดินทุกเช้า เจ็ทโด้หายหน้าไปกับความตั้งใจที่แน่วแน่ แทนบอกว่าเขาจะไม่กลับมาที่บ้านนี้อีกแล้ว
ไป่ไป๋สาวน้อยของฉัน รับหน้าที่แม่บ้านได้อย่างขยันขันแข็ง มีงอแงบ้างยามเหนื่อยจัด แต่คนที่โดนเฉ่งจะเป็นแทนเสียส่วนใหญ่ เธอเข้ากับลูกน้องเจ็ทโด้ได้เป็นอย่างดี /ยกเว้นน้องแหม่ม/
แหม่ม! เห็นไป่ไป๋ไหมคะ?”ฉันร้องถาม เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องครัวหลังบ้าน น้องแหม่มโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว หน้าตาน่ารัก ผิวขาว ผมยาวจมูกโด่ง เธอชี้นิ้วไปที่โรงไก่ชนหน้าบ้าน
น้องสาวคนสวยของฉันไปเป็นขวัญใจหนุ่ม ๆ นั่งดูเขาชนไก่สนุกสนาน เด็กสาวทันสมัยที่ฉันคิดว่าทำอะไรไม่เป็น...แต่ฉันคิดผิดไปหลายเรื่อง เธอช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้เมื่ออยู่ในป่า แต่เธอเป็นแม่บ้านชั้นเยี่ยมเมื่ออยู่ในเมือง ขยันและสะอาดมาก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราสองคนแลกเปลี่ยนความรู้กัน ฉันสอนเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัว การขับรถและการใช้ปืนสั้นให้เธอ ส่วนเธอก็สอนให้ฉันยืน เดิน นั่งและแต่งหน้า การเลือกสีเสื้อผ้า เวลาไป่ไป๋จะเดิน นั่งหรือยืนจะดูสูงสง่าโดดเด่นกว่าทุกคนเรียกได้ว่า เธอถูกฝึกมาดี
พวกเราถึงเวลาที่ต้องจากลากันแล้ว ฉันเก็บข้าวของเพื่อเดินทางไปสถานทูตเกาหลีใต้ เสียงเพลง See you again ในรถยนต์หน้าบ้านดังอ้อยสร้อย ฉันยอมเป็นคนแพ้ที่เดียวดาย เป็นคนขี้ขลาดที่แกล้งทำเป็นเข้มแข็งไปแบบนี้ก็แล้วกัน ลาก่อนนะบ้านแสนสุข ลาก่อนนะเจ้าของบ้านผู้โชคร้ายและใจดี ในยามที่เขาทุกข์ใจแค่จะเข้าปลอบใจ ยังคิดหลายรอบว่ามันสมควรทำหรือไม่?
ฉันตัดสินใจเดินทางไปจัดการเรื่องของตัวเองก่อน ต่างคนก็มีปัญหาที่รอการแก้ไขแยกกันไปจัดการ สักวันถ้าสวรรค์เป็นใจเปิดทางให้เราคงได้เจอกันอีก
วันนี้เราต้องเดินทางต่อ ไป่ไป๋ยังเล่นกับเพื่อน ๆ
ไป่ไป๋คะ! เร็ว ๆ
“ฉันกลับบ้านก่อนนะ ถ้าว่างไปเที่ยวอู่ฮั่นกันนะคะ!”เธอเดินกลับมาที่รถยนต์ ลูกน้องเดินตามมาส่งเป็นฝูง ล่ำลาแล้วก้าวขึ้นรถนั่งข้างหน้าคู่คนขับรถยนต์สีเทาดำ สตาร์ทเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำคอยอยู่ก่อนแล้ว
แทนล่ะคะ! เรียกหนูแล้วไปไหนอีก?” เธอถามหลังจากขึ้นรถแล้วไม่เจอแทน เขายังเดินอยู่ข้างบ้าน
เดี๋ยวก็มาค่ะ ฉันเอ็นดูเธอมาก เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนรู้นิสัยใจคอกันแล้ว ไป่ไป๋พื้นฐานจิตใจดี น่ารัก ขี้เล่น ขี้อ้อน เอาใจเก่งอยู่ด้วยแล้วไม่เหงา
เจ็บจัง!” เธอจับที่นิ้วชี้แล้วบีบสีหน้าแสดงความเจ็บ ชะเง้อมองไปข้างบ้าน
ไปโดนอะไรมาคะ?” ฉันเอื้อมมือไปหา
ไก่จิก!” เธอสะบัดมือแรงและบีบนิ้วตัวเอง
ไหน? มาดูให้ฉันขยับตัวจะเข้าไปดู
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอโบกมือห้าม ชะเง้อมองหาแทนจนคอยืดยาว
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้นะคะ จูยอนอนนี่จะได้เริ่มชีวิตใหม่แล้ว รอหนูด้วยนะ ช่วยนาตาลีได้แล้วจะตามไป แทนจะไปช่วยหนูด้วยล่ะเธอหันมายิ้มตาใส 
ฉันเองก็แยกไม่ออกว่า คู่นี้เป็นเพื่อนหรือเป็นคู่รักกันแน่ อาจจะเพราะว่ามาอยู่ไกลบ้าน และเคยสนิทกันเธอเลยจำเป็นต้องสนิทกับแทนไป่ไป๋จะติดเขามาก ไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ต้องวิ่งไปดูเขาก่อนว่า อยู่หรือเปล่า? แค่ได้เห็นถึงแม้ไม่ได้คุยกัน เธอก็สงบทำงานขยันขันแข็ง
แต่ถ้าแทนออกไปข้างนอก เธอจะกระสับกระส่ายคอยชะเง้อมองหน้าบ้านตลอดเวลา ไม่เป็นอันทำงาน ยิ่งถ้าวันไหนเขาไปกับแหม่มสองคน วันนั้นวงตีไก่แตกทุกที
ในใจลึก ๆ ฉันก็หวั่นใจว่าจะมีปัญหา ยังเหลือนาตาลีอีกคน ไม่รู้จะลงเอยกันอย่างไรระหว่างสามคนนี้ อย่าเป็นรักสามเส้าเลยนะ
ฉันไม่ได้เอาโน้ตบุ๊กไปด้วยนะคะ ตอนนี้!...นาตาลีกลับมาที่อู่ฮั่นแล้วด้วย
จริงเหรอคะ? เธอตาโตดีใจวี้ดว้ายลั่นรถ ฉันสอนให้แทนใช้โปรแกรมและยกโน้ตบุ๊กให้ เขาเทียวมาดูมันทุกวัน
“ป๋อฮ่อ! ป๋อฮ่อ! นานแล้วที่ไป่ไป๋ไม่ถามหานาตาลีเลย เมื่อก่อนตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ตอนนี้ไปติดแทนซะแล้ว
“ปึง!” แทนปิดหน้าต่างบ้านเสร็จกำลังเดินมาที่รถยนต์ เขาหันหน้ากลับไปมองตัวบ้านอีกครั้งแล้วโบกมือ ก่อนเปิดประตูรถ 
ไป่ไป๋พุ่งเข้าหาทันที...
แทนคะ! เจอนาตาลีแล้ว นี่เป็นเรื่องปรกติของเธอ คนแรกที่เธอจะตะโกนหาคือ แทน
ไปกันได้แล้ว เดินทางไปลาพระกันก่อน เขากระโดดขึ้นรถไม่ได้สนใจที่เธอบอก ฉันแอบดีใจลึก ๆ ที่จะได้เจอกับเจ็ทโด้อีกครั้ง ไม่ได้เห็นหน้าเขานานแล้ว                  
ไม่ฟังกันเลยนะ หนูบอกอะไรก็สนใจหน่อยสิ เธองอนซัดไปที่แขน   
อะไรเหรอ?” เขาทำหน้างง             
แทนคะ! เจ็บนิ้วอ่ะ!เธอยื่นมือ ปากจู๋หน้าทะเล้น ฉันแอบยิ้มที่เห็นเธออ้อน ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเธอแอบชอบเขาแน่นอน          
ไหน ๆ?...โอม...เพี้ยงหาย  แทนจับมือมาพลิกดู เป่าลมไปพรวด 
“หายเจ็บเลย!” แค่นี้เธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฉันจะบ้าตายสงสัยจะเป็นหนัก แทนจะรู้ตัวไหมนะว่ากำลังถือระเบิดเวลาลูกใหญ่
น้องแหม่มเดินหน้าเศร้ามาเกาะหน้าต่างรถยนต์ สาวน้อยคนนี้ก็สวยสดใส แต่ดูแล้วแทนไม่ได้รักเธอแบบชู้สาว
พี่แทนคะ! คราวนี้อย่าไปนานนะ เธอยิ้มเศร้า                       
ไม่นานหรอก! แหม่มตั้งใจเรียนให้จบเร็ว ๆ นะ จะได้มาช่วยดูงานให้พ่อ ตอนนี้ท่านไม่สะดวกแล้ว เรามาช่วยกัน เออ! แวะไปดูคุณตาบ่อย ๆ นะแทนยิ้มแล้วลูบหัวน้อง          
โชคดีนะคะทุกคน! แล้วว่าง ๆ มาเที่ยวใหม่นะคะเธอกล่าวลาอย่างเศร้าสร้อย
“เจ๊! ดูแลพี่แทนให้ดีๆนะ” แหม่มหน้าเศร้าเข้ามาจับมือกับไป่ไป๋แต่ไป่ไป๋เริงร่ามากจับมือยิ้มเขย่าหน้าบาน...
แหม่มโชคดีนะ! เรียนหนังสือหนัก ๆ นะ ไฟท์ติ้ง! ” เธอยิ้มกว้างกว่าใคร   
ก่อนออกจากแนวรั้วบ้าน ฉันอดที่จะมองย้อนกลับไปไม่ได้ ต้นเสลาแผ่กิ่งก้านสาขาดอกม่วงขาวบานเต็มต้น ฤดูกาลผันผ่านไปทุกวันดอกโรยล่วงหล่นพื้นเต็มลานหน้าบ้าน ทุกอย่างมีเวลาของมันเอง          
หัวใจเศร้าที่เป็นเห็นเจ้าบราวนี่นั่งอกตั้งชะเง้อคอ คอยส่งพวกเราอยู่ข้างน้องแหม่ม ลูกน้องของไป่ไป๋เดินตามโบกมือให้จนลับตา อย่างน้อยฉันก็อยู่บ้านหลังนี้นานที่สุดและนอนหลับลึกที่สุด ตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านเกิดมา
ฉันสะกิดแทน...          
ฝากดูแลเจ็ทโด้ดี ๆ ด้วยนะคะฉันทำได้ดีที่สุดแค่นั้น ใจหายที่รถยนต์ค่อย ๆ ขับห่างจากตัวบ้าน....จนไกลลับตา          
คิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย?”  ไป่ไป๋หันมาแซวเสียงใสทำตาเจ้าเล่ห์  ฉันแอบตอบในใจ...คิดสิ ฉันคิด คิดว่าจะกลับมาอีกได้อย่างไร?
แต่ตอบความจริงแบบนี้ไม่ได้...แม้แต่น้องก็ยังต้องเก็บเงียบ ไม่บอกให้รู้ ฉันไม่น่าเล่นเกมนั้นเลย ถ้ารู้จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแบบนี้กับเขา  คงไม่ชวนเล่นตั้งแต่แรก ฉันมองหน้าเขาไม่ติด รู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นเขาเศร้า
ไป่ไป๋ยิ้มหวานหันไปหาแทน...
ส่งจูยอนแล้วไปช่วยนาตาลีด้วยกันนะคะ เธอมองรอคำตอบ
ไม่! ยังไม่ว่าง แทนตอบห้วน ๆ เธอไม่สนคำปฏิเสธ ขยับรุกต่อ
จูยอนอนนี่บอกว่านาตาลีมาที่อู่ฮั่นแล้ว อยู่ข้างบ้านหนูเลยนะ
ไม่!”             
ไปพักบ้านหนู หนูอยู่คนเดียว เธอเริ่มเกาะแขนตามสเต็ป เอียงหัวซบไหล่             
ยิ่งไม่ไปใหญ่เลย แทนรีบปฏิเสธ ฉันแอบยิ้มขำในท่าทางของทั้งคู่ เหมือนคู่จิ้นมาก ยายน้องแง่งอนทั้งวัน
คุณมากินข้าวที่บ้านหนูทุกวันเลยนะ หนูจะทำอาหารจีนไว้ให้ทุกเช้าเลยไป่ไป๋ยิ้มวาดฝันไปเรื่อย            
อืมดี! เอาไว้ก่อน                  
เดี๋ยวหนูพาไปเที่ยวด้วย หนูจะพาไปดูที่สวย ๆ        
รู้แล้ว! เอาไว้ก่อน แทนนั่งมองตรง เขาสวมแว่นดำปกปิดสายตา ฉันแอบสงสารเธออุตส่าห์หาของมาล่อ เขาก็ไม่สน...           
ใจร้าย!ฉันช่วยน้อง คนอย่างแทนเหรอจะปฏิเสธ ...ไม่มีทาง
ช่วงนี้เพื่อน ๆ ประท้วงกันอยู่ อยากไปช่วยเพื่อนก่อนครับ
ไป่ไป๋ยื่นหน้า เบะปาก...
โห!..ประท้วง ไม่ไปช่วยก็ไม่มีใครตายหรอก แค่ไปเคาะหม้อเธอยังพยายามไม่เลิก ตอนนี้ยังไม่ใช้ท่าไม้ตายถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ร้องไห้ เขาไม่รอดหรอก ยายนี่พูดเป็น ลีลาเยอะ!
ประท้วงบ้านผม...ตาย! เด็กโดนยิงทุกวัน! โดนแก๊สน้ำตาทุกวัน!” แทนพูดขึงขัง
อนนี่! เราอยู่ประเทศอะไรคะเธอหันมาถาม ทำหน้างง ๆ             
Kala Democracy ชู 3 นิ้ว” ฉันรีบตอบ เธอเกาหัวหน้านิ่วเหลือบตามองบนใช้ความคิด แทนขยับมองกระจกในเก๋ง...
พวกนี้ตลกนะ ปากก็บอกทำเพื่อประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ พอประชาชนมาเรียกร้องเสนอความต้องการ รัฐก็ยิงทิ้งเฉยเลย  ตกลงมันยังไงกันแน่ จูยอนคุณเป็นรุ่นพี่จะแนะนำยังไง?”
ถ้าถามเผด็จการน้อยอย่างฉัน ถึงจะหนีออกมาก็จริงแต่ฉันก็ถูกระบอบล้างสมองเรื่องชนชั้นมานาน การมองประชาชนแบบไม่มีความหมายไร้ราคา ฉันน่าจะเข้าใจมากกว่าใคร เพราะฉันยืนอยู่จุดนั้นมาก่อน ถึงแม้จะคนละประเทศก็ตามแค่มองตาก็เข้าใจ
ถ้ารัฐเอาความมั่นคงมาอ้างเมื่อไหร่? ผู้ชุมนุมก็ถูกยิงเมื่อนั้น มันเป็นเหมือนใบเบิกทางให้เข้ากวาดล้าง มันคือใบอนุญาตฆ่า
พวกเราเรียกร้องเพื่อปากท้องนี่นะครับ มันเกี่ยวกับความมั่นคงตรงไหน?”  เขาหันกลับมาถาม                   
อื้อ!นั่นสิ!” ไป่ไป๋หันมองไปมา
พวกผู้ปกครองเผด็จการ มันจะคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้า และมองว่าตัวเองมีบุญคุณกับประชาชน ผู้ที่มาเรียกร้องท้าทายอำนาจ ไม่เคารพกฎหมาย ดูหมิ่น ก้าวร้าว ก่อความไม่สงบ ก่อความวุ่นวาย ปลุกระดมมวลชน เดี๋ยวพวกมันก็โยงไปเรื่องความมั่นคง คุณคิดว่ามันเป็นความมั่นคงกับคนกลุ่มไหนล่ะ? ฉันเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ในกลุ่มประเทศเผด็จการทุกที่ ทุกคนอยู่ใต้กฎหมาย ยกเว้นกลุ่มผู้นำและพวกกลุ่มทุน 
แต่พวกผมไม่ได้ใช้ความรุนแรงนะครับ พวกเรามามือเปล่าจริง ๆ นักเรียน นักศึกษาจะไปเอาอาวุธที่ไหน? หรือว่าจะเป็นพวกมือที่สามแทนสีหน้าเครียดขึ้น
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ฉันขำในความไร้เดียงสาและอ่อนเยาว์         
มือที่สามไม่มีจริงหรอกค่ะ มีคนตั้งใจส่งเข้าไปสร้างความรุนแรง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้เจ้าหน้าที่รัฐ พวกเขาจ้องจะยิงทิ้งอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้มันดูดีมีเหตุผลหน่อย เพื่อตบตานักข่าวต่างชาติ คุณลองสังเกตดี ๆ นะ มันจะมาเป็นสูตรสำเร็จในการปราบปรามมวลชน”
“ยังไงเหรอ?” ไป่ไป๋นั่งยกขาหันมาถาม
“รัฐจะออกมาพูดชี้นำเรื่องความสงบเรียบร้อย อ้างว่ากีดขวางการจราจรสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน แล้วนักข่าวในสังกัดจะไปสัมภาษณ์พวกเดียวกันที่เป็นชาวบ้านให้ออกมาด่าม็อบ โดยไม่เสนอข้อเรียกร้องของม็อบ ในขณะเดียวกันจะมีข่าวปล่อยเรื่องการมีผู้ก่อการร้ายหรือคนต่างชาติเข้าร่วมประท้วงเพื่อดีสเครดิตม็อบ”
“อ๋อ! เบี่ยงประเด็นเพื่อหาแนวร่วมสร้างความชอบธรรม ผมพอจะรู้ แล้วยังไงอีกครับ?”             
“หลังจากนั้นจะมีการผลิตวาทะกรรม ลดทอนความน่าเชื่อถือม็อบ ยกตัวอย่างเช่น แกนนำทะเลาะกันเอง แย่งกันรับเงินบริจาคหรือใส่ร้ายว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ปล่อยข่าวลือข่าวลวงให้ฝ่ายประท้วงเสียกระบวน ข้ออ้างเรื่องความมั่นคงจะออกมาในช่วงนี้ นักวิเคราะห์ข่าวจะเริ่มเอามาตั้งประเด็นคุย เพื่อชี้นำสังคมในโทรทัศน์”
“น่ากลัวนะคะ! ถ้ารัฐเป็นคนวางแผน ก็เท่ากับว่าต้องหาความผิดมาป้ายม็อบใช่มั้ยคะ?”
ฉันพยักหน้า...
“ใช่ค่ะ! เพื่อสร้างภาพปีศาจให้ม็อบและสร้างความชอบธรรมให้เจ้าหน้าที่ สื่อในสังกัดรัฐจะออกมารับลูกนักวิเคราะห์ ประโคมข่าววนไปมาประมาณ1-2 อาทิตย์ สัมภาษณ์คนมีชื่อเสียงฝ่ายตัวเองสัก 2-3 คน ช่วงนี้จะเริ่มมีข่าวออกมาว่า เจออาวุธในม็อบ ไอ้มือที่สามจะเริ่มทำงานตอนนี้แหละมีการยิงปืน มีระเบิด แต่จับใครไม่ได้เลย กล้องจับภาพเห็นหน้าชัด ๆ ก็จับไม่ได้ อาชีพไหนที่มีอาวุธสงครามคะ?” ฉันยิ้มกับไป่ไป๋
“อ๋า!พอเข้าใจแล้วค่ะ!” เธอปากจู๋
“เมื่อสื่อกล่อมมวลชนว่าม็อบเลวร้ายสำเร็จ รัฐจะส่งเจ้าหน้าที่ติดอาวุธเข้าไปล้อมปราบบีบพื้นที่ การยิงไก่ในสุ่ม เชือดไก่ให้ลิงดูขู่แนวร่วมจนไม่กล้าเข้าช่วย ช่วงชุลมุนนี้เป็นช่วงที่นักข่าวตาบอดสนิท กล้องจะถ่ายติดแต่ประชาชนที่ถือไม้ลูกชิ้นไว้ป้องกันตัว แต่ไม่เห็นปืนในมือทหาร”
“อันนี้จริงครับ!
“หลังจากปราบม็อบเสร็จก็เผา สูตรสำเร็จในการโยนความผิด ข่าวจะประโคมความรุนแรงตอกย้ำ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้เจ้าหน้าที่ ก่อนจะปิดโครงการด้วยการ...”
ทั้งคู่หันมาจ้องหน้า...
“เปลี่ยนแนวข่าวมาเป็นปลอบขวัญ เห็นอกเห็นใจผู้ชุมนุมเบี่ยงเบนอารมณ์ที่โกรธแค้น เริ่มพูดเรื่องเยียวยา นิรโทษกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่พวกมันจะเล่น ทุกประเทศทำแบบนี้เหมือนกันหมด ถ้าคุณคิดจะไปประท้วง คุณต้องรู้ขั้นตอนพวกนี้ นักประท้วงมืออาชีพไม่โดนยิงหรอก คุณเคยเห็นแกนนำโดนยิงมั้ยล่ะ? คนที่โดนยิงส่วนใหญ่คือคนที่มีอุดมการณ์ นักสู้มือเปล่าและผู้ที่เชื่อว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด 
ไป่ไป๋นั่งมองหน้าฉันกับแทนสลับไปมา...
“อ๋า! คอมมิวนิสต์จีนก็เล่นงานม็อบฮ่องกงแบบนี้ ฝ่าหลุนกงก็โดนกล่าวหาแบบนี้ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย หาเรื่องมาใส่ความแล้วเข้าทำลาย หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะ! ความมั่นคงเท่ากับความกลัวค่ะ และความรุนแรงเกิดจากการสร้างสถานการณ์ของรัฐทั้งสิ้น แค่ผู้นำเสียหน้าชาวบ้านต้องจบชีวิต ถ้าเป็นประชาธิปไตยผู้นำต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก” ฉันยืดอกตอบอย่างมั่นใจ กฎหมายเผด็จการพวกนี้ออกมาเพื่อปกป้องผู้นำ ไม่ใช่ปกป้องประเทศ
“ก็จริงนะ!” แทนพยักหน้าคิดตามที่ฉันพูด ส่วนไป่ไป๋ได้แต่หันมองหน้าเราสลับกันไปมา             
ชาวบ้านมองรัฐเป็นที่พึ่ง ในขณะที่รัฐมองชาวบ้านว่าเป็นภาระ ผู้นำที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนจะดูถูกว่า พวกเขาโง่จนเจ็บเพราะขี้เกียจ เมื่อรัฐไม่มีปัญญาแก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้าน ก็จะเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นและหาเรื่องจับเพื่อปิดปาก และไม่มีการแก้ปัญหาข้อเรียกร้องนั้น”
“อ๋า!เท่ากับว่า รัฐบังคับให้ทุกคนต้องเชื่อฟังทุกอย่างเลยเหรอคะ? คอมมิวนิสต์ชัด ๆ” ไป่ไป๋บ่น
แทนสวนทันควัน
“บ้านของผมเป็นประชาธิปไตย เรามีวิถีของเรา” ท่าทางของแทนก็ดื้อเรื่องนี้ไม่เบาเหมือนกัน คงกลัวเสียฟอร์ม ฉันรับปากกับเจ็ทโด้ว่าจะเตือนเรื่องนี้กับเขา...
ยากจริง ๆ นะคะ ประท้วงมือเปล่า ใจถึงมาก บริสุทธิ์มาก ฉันมองว่าไม่มีทางชนะได้เลย คนฮ่องกงใจถึงกว่าบ้านคุณเยอะมาก คนทั้งเกาะออกมาประท้วง...แล้วยังไง?”
แทนหันมายิ้มแหย ไป่ไป๋เสนอหน้า...
“ใช่! จีนมันบังคับให้ฮ่องกงเป็นคอมมิวนิสต์ มันเอาปืนไปกดหัวคนเห็นต่าง พวกเขาก็อยู่ของเขาดี ๆ อันนี้หนูก็ไม่ชอบเลย”
แล้วผมต้องทำอย่างไร?”
ฉันไม่รู้จักประเทศของคุณดีพอ แต่จะตอบเป็นกลางนะคะ พวกเผด็จการมันใช้ตำราเดียวกัน พวกคุณไม่รอดหรอก อย่าดูแคลนอำนาจรัฐ โจรที่ว่าร้ายยังเลวน้อยกว่ารัฐที่มีผู้นำตาขาว พวกเขาจะใช้สมุนเล่นงานคุณทั้งที่ลับและที่แจ้ง ประท้วงมือเปล่าใครจะฟังคุณ เอาอะไรไปกดดัน เอาอะไรไปต่อรอง เลิกเถอะฉันไม่อยากพูดทำลายความฝันใคร แต่ฉันรับปากเจ็ทโด้ไว้ว่าจะเตือนเขาให้ ฉันต้องเอาเขาออกจากวังวนนี้
.                                       ................................................................................................


“เฮ้อ! ฉันนั่งมองข้างทางในขณะที่รถยนต์แล่นไปเรื่อย ๆ ชาวบ้านในชนบทยังคงสู้ชีวิต ดิ้นรนต่อสู้เพื่อเลี้ยงตัวอย่างยากลำบาก กว่าจะได้เศษเงินเล็กน้อยมาซื้อของกินประทังชีวิต เขาอาจต้องเสียเวลาทั้งวัน แต่ทุกครั้งที่ซื้อของจะมีเงินภาษีไปสนับสนุนพวกนั้นอยู่ดี
คิดแล้วน่าเจ็บใจกว่าเกาหลีเหนืออีก ท่านผู้นำของฉันไม่เก็บภาษีจากชาวบ้าน ไม่ได้เอาเงินภาษีมาแปลงเป็นกระสุนยิงชาวบ้าน ไม่หักหลังกันแบบนี้ เพียงแค่เขาสนใจแต่เรื่องสงคราม จนไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องค้าขาย
แทนแหงนมองกระจกส่องหลังมาที่ฉัน...          
ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เขาก็ใช้การประท้วงทั้งนั้น คุณไม่เห็นเหรอ?”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ฉันหลุดหัวเราะ ไป่ไป๋หน้ายุ่งคิ้วขมวด             
ฮัลโหล!...แทนคะ! บ้านของคุณ...เป็นประชาธิปไตยจริงเหรอ? เอาอะไรมาพูดเนี่ย?”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ไป่ไป๋ตบมือชอบใจ หันมาตีมือ
 “ตื่น! แทนตื่นก่อน! ฉันฟังข่าวจากญี่ปุ่น พอเห็นการยึดอำนาจของทหาร ฉันก็รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่! ประชาธิปไตยที่ไหนกันยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาชนได้ด้วย ประชาธิปไตยที่ไหนกันที่รัฐบาลไล่ยุบพรรคฝ่ายค้าน
เอ่อ!” เขาชะงักไป คุยเรื่องนี้กับแทนสนุกกว่าคุยกับเจ็ทโด้เยอะ ฉันพอจะเข้าใจทั้งสองคน พออยู่ในวังวนก็มักจะมองไม่เห็นภาพรวม
คุณจะเอาวิธีของประเทศที่พัฒนาแล้วมาใช้กับประเทศที่ไม่มีวันพัฒนาน่ะเหรอ? ไม่มีทาง! ฉันไม่ได้ว่าบ้านของคุณนะคะ ฉันพูดถึงประเทศที่มีการยึดอำนาจ ประเทศพวกนี้ไม่ต้องมีผู้นำที่เก่งก็ได้ แค่เขาเป็นคนดี มีความยุติธรรมในหัวใจ ประเทศก็เจริญไปตั้งนานแล้ว เพราะประเทศมันขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจ
ฉันไม่ได้สบประมาท ถึงแม้จะเจริญทางวัตถุ แต่ถ้าคุณภาพชีวิตของคนในชาติยังเหลื่อมล้ำกันมาก มันไม่ใช่การพัฒนา มันแค่เบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้นเอง
“แรงไป!ไป่ไป๋สวนเข้ามา
ฉันไม่ได้พูดถึงบ้านของเขา แค่แสดงความคิดเห็นเรื่องระบอบ ไม่ได้ว่าอะไรเขาสักหน่อย” ฉันตอบไป่ไป๋แล้วหันไปหาแทน...
“ฉันไม่รู้ลึก ๆ เกี่ยวกับบ้านของคุณ แต่ฉันมีคำถามต่อเนื่องจากการประท้วง มีสักครั้งไหมคะที่ชุมนุมประท้วงแล้วชนะรัฐบาลโดยไม่มีคนตาย ทุกครั้งที่ผู้ชุมนุมตาย จับผู้กระทำผิดได้สักครั้งหรือไม่? ลงโทษมากี่คนแล้ว?”
“เอ่อ! ผมก็ไม่ได้อาศัย อยู่ที่นี่เหมือนกัน” แทนขยับ
“ถามต่อเนื่องนะคะ นายพลฯ ที่ยึดอำนาจโดนจับติดคุกมาแล้วกี่คนคะ? และทุกครั้งที่ยึดอำนาจจะมีสินค้าผูกขาดเกิดขึ้นอย่างน้อย 1 ชนิดและมีการต่ออายุสัญญาสัมปทานล่วงหน้าใช่มั้ยคะ?” ฉันถามเพราะไม่รู้ ไป่ไป๋กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
“เอ่อ!” แทนหน้าจ๋อย
ขอขยับคุยระดับภูมิภาคหน่อยนะคะ ในสถานการณ์เดียวกันประท้วงต่อประท้วง ฉันทำนายได้เลย...ประเทศของซอน จะมีประชาธิปไตยที่แท้จริงก่อนแน่นอน ถ้าพวกเขาชนะครั้งนี้ บ้านของเขาเจริญกว่าทุกชาติแน่นอน คุณดูประชาชนของเขาสิ! ไม่มียุบ! ไม่มีถอย!เขาร่วมมือร่วมใจตายสิบเกิดแสนของแท้ กำลังมวลชนมีแล้ว แนวร่วมทหารติดอาวุธมีแล้ว ตอนนี้เขารอเพียงสื่อสารมวลชนฝ่ายเขาทำงานได้ คุณอาจจะไม่ได้ตามข่าวต่างประเทศ
ไป่ไป๋หันมามอง
"แต่เขาก็ต้องเสียเวลาเรียนกันนะคะเธอคิดตามประสาเด็ก
แทนหันขวับ...
เรียนจบก็ไม่มีงานทำ สุดท้ายก็ไปสอบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วก็กลายไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
ฉันเห็นคนของเขาที่หนีไปต่างประเทศได้ไม่ทิ้งคนข้างหลัง พวกเขาแทรกซึมไปทุกสถานีข่าวทั่วโลก ได้ออกอากาศตบหน้ารัฐบาลทุกวัน ยังไงพวกเขาก็ชนะ เชื่อฉันเถอะ! คุณไปช่วยนาตาลี แล้วลืมเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาซะ ถ้าชาวบ้านไม่ช่วยเหลือตัวเอง พวกคุณก็เหนื่อยเปล่า” ฉันต้องดึงเขาให้พ้นจากวังวนนี้ให้ได้
“แต่ผมอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง” เขาดื้อจริง ๆ แหละ
“คุณไม่มีอำนาจจะเปลี่ยนอะไรได้คะ อำนาจคืออาวุธค่ะ ไม่ใช่มวลชนที่แตกสามัคคี” ฉันใช้คติประจำตัวของเกาหลีเหนือเตือนสติเขา เกาหลีเหนือเชื่อเรื่องการรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่ชอบเสียงแตกเหมือนเกาหลีใต้
“คุณโหดเกินไป ถ้าใช้อาวุธมันจะรบกันไม่จบสิ้น ต้องล้างแค้นกันไปมาจะหาข้อยุติไม่ได้เหมือนสงครามศาสนาทุกวันนี้”
“โลกสวยจริงนะคะ” ยิ่งคุยกับแทนยิ่งสนุก
“คุณไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่ประท้วง พวกเขายิงคนอย่างคุณมาตลอด คนเก่งและผู้กล้าหลายคน ต้องกลายเป็นวีรชน ไม่เคยเห็นคนสั่งการโดนฟ้าดินลงโทษหรือโดนล้างแค้นจากพวกคุณสักคนเดียว วันรำลึกวีรชนไม่สนุกหรอกนะคะ”
“เอ่อ! เอ่อ! แทนอึกอัก ฉันพยายามเตือนด้วยความหวังดี ทุกวันนี้เขาเองก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนี้เหรอ?
แทนขยับหันมา...                    
เราให้ความรู้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวชาวบ้านเข้าใจก็เข้ามาช่วยใช้เวลาหน่อยก็ไม่เป็นไร เขาไม่ลดละ ความพยายามเป็นเยี่ยม มุ่งมั่นดี       
รัฐก็ใช้ความรุนแรงมากขึ้น เชือดไก่ไปเรื่อย ๆ ลิงที่ไหนจะกระโดดเข้ามาช่วย รางวัลในการฆ่าเตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่แล้ว หลายคนได้ดิบได้ดีเพราะฆ่าได้เยอะ ผู้สั่งการกลายเป็นผู้นำ อำนาจรัฐก็ไม่ต่างจากอำนาจเถื่อน ถ้าได้ผู้นำมีคุณธรรมก็โชคดี
“อนนี่! โหดมาก” ไป่ไป๋ครวญหน้าจ๋อย
“ประเทศเผด็จการเป็นแบบนี้ทั้งหมดแหละ จีนก็เป็น เกาหลีเหนือก็เป็น แทนเข้าใจที่ฉันพูดมั้ยคะ?”
“เข้าใจครับ!
ความรู้ที่คุณมี ชาวบ้านก็รู้แต่พวกเขาเลือกที่จะเฉยและพร้อมที่จะกลับมาทำร้าย เมื่อคุณเพลี่ยงพล้ำ ทุกคนพร้อมจะเอาตัวรอด คนที่มีจิตสาธารณะอย่างคุณจะเจ็บปวดภายหลัง มีเพื่อน ๆ กี่คนที่ต้องสังเวยความอำมหิตนี้คะ?
“เอ่อ! แววตาของแทนผิดหวังมาก
“คุณมองไปที่ผู้นำประเทศเผด็จการต่าง ๆ สิคะ พวกนั้นใช้อาวุธห้ำหั่นกันทั้งสิ้น พอชนะแล้วมันถึงมาสร้างภาพเทวดาทีหลัง เมื่อก่อนมันก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคุณ”
“พอแล้วจูยอน ผมจุก!” เขาสีหน้าเครียด
“ถ้าการเจรจาสัมฤทธิ์ผลจริง โรงงานอาวุธจะผลิตกระสุนใหม่ขึ้นมาทำไมทุกวัน? การเจรจาที่สำเร็จส่วนใหญ่ เกิดขึ้นหลังจากสงครามเริ่มไปแล้วทั้งสิ้น ถ้าอยากเจรจาต้องถล่มกันก่อน” ฉันเป็นห่วงเขาจริง ๆ ประท้วงเหมือนเด็กเล่นขายของ ชุมนุมประเดี๋ยวประด๋าวแล้วเลิก ถ้ายังทำอย่างนี้ผู้ชุมนุมไม่ตายก็ติดคุก
แทนนั่งเงียบ ไป่ไป๋หันมามองปากจู๋...
นี่พี่สาวหนูเหรอเนี่ย?”
เฮ้อ!..... เขาส่ายหัว //แทนเอ๋ยอึดอัดใช่มั้ยล่ะ? นี่ไงเหตุผลที่ฉันอยากได้อำนาจ ถ้าฉันมีอำนาจ คุณได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแน่ // 
“เชื่อฉัน! ไปช่วยนาตาลีดีกว่า ประเทศที่ไม่เคยผ่านศึกสงครามประชาชนไม่มีวันสามัคคี” ฉันสังเกตท่าทางของเขา คงจะยอมแล้ว
“ผมไม่อยากทิ้งอุดมการณ์” อ้าว! ยังดื้อไม่เลิก
“ฉันไม่ได้บอกให้ทิ้งอุดมการณ์ แต่ฉันบอกให้เปลี่ยนวิธีการ เวลาอยู่ข้างคุณ ค่อย ๆ คิดหาวิธีสิคะ”
“แต่วิธีของคุณมันรุนแรง”
“สิ่งที่พวกคุณโดนไม่รุนแรงเลยเหรอคะ พวกคุณมีหลายชีวิตเหรอคะ? หรือคุณซาดิสต์ชอบความเจ็บปวดคะ?”
“เอ่อ!
“เมื่อคุณพามวลชนดั้นด้นฝ่าฟันจนจะถึงยอดเขาแล้ว จงยึดภูเขาลูกนั้นเพื่อให้มวลชนมีที่พักและหลบภัย อย่าหยุดและลงจากภูเขาถ้าไม่ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด”
“ทำไม?”
“จะไม่มีใครยืนข้างผู้แพ้ ถ้าจะลงมือต้องชนะเท่านั้น เพราะถ้าแพ้พวกเขาก็เอาคุณตาย ถ้าไม่พร้อม ไม่กล้าก็ถอยออกมาซะ”
“เฮ้อ! แทนถอนหายใจ
“เฮ้อ!ไป่ไป๋ถอนด้วย
บ้านฉันมีม่านแบเรียคลุมประเทศตัวเอง ทั่วโลกใช้อินเตอร์เน็ตบ้านฉันใช้อินทราเน็ต ห้ามรับข้อมูลจากต่างประเทศ แม้น!ประชาชนจะไม่ได้ถูกมัดผ้าก็เหมือนถูกปิดตาปิดหู ประท้วงอย่างพวกคุณ ถ้าเป็นที่บ้านของฉัน ทหารตามยิงยันที่นอนเลยค่ะ บางทีเข้าไปยิงในส้วมก็มี ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”               
“จีนก็ใช้ Single gateway เหมือนกัน” ไป่ไป๋เสริม
“ที่บ้านของผมก็กำลังพยายามทำสิ่งนี้อยู่ สงสัยว่าคงแอบทำสำเร็จไปแล้วมั้ง?”
“นั่นเป็นการปิดหูปิดตาได้ดีที่สุด ถ้าเขาทำสำเร็จพวกคุณยิ่งลำบาก ถ้าฉันยังอยู่เกาหลีเหนือก็จะบอกกับคุณว่า ยินดีต้อนรับสหาย!” ฉันยังคิดว่าเขาโชคดี ถ้าปล่อยต่อไปก็เหมือนบ้านของฉัน             
ไม่มีทางเลยเหรอ?” แทนถามอีกครั้ง             
มี!...แต่พวกคุณไม่กล้าหรอก
แทนตาใสปิ๊งหันมามอง...          
ทำไงครับ?              
Eye for an eye” ถ้าถามฉัน ฉันก็ใช้วิธีที่เผด็จการถนัดสิ 
“..........” แทนส่ายหน้า
ฉันบอกแล้ว คุณไม่กล้าหรอก
“มันไม่สันติวิธี”
“ฉันไม่ได้บอกว่า วิธีของคุณไม่ดีนะคะ แค่เสียดายชีวิตที่สวยงามของวัยรุ่น คุณจะต้องสังเวยอีกกี่ชีวิตที่ไปตายฟรี โดยไม่มีเป้าหมายอย่างนั้น อย่างไรก็ต้องตาย แลกกันหน่อยจะเป็นไรไป ใช้สิทธิ์ของวัยรุ่นให้คุ้มค่ามีมือมือเท้าเหมือนกัน”
“เอ่อ! ผมไม่ได้อยากเป็น เช กูเอวารา”
“ขอร้องนะแทน! เลิกคิดแล้วไปช่วยนาตาลีเถอะ! เรื่องที่เราพูดกันมาทั้งหมดมันเป็นเพียงคำถามที่รอคำตอบ อย่าคิดมาก”
โลกในอุดมคติมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายก็เพราะผู้ที่กุมอำนาจไม่ยอม ต้องใช้เวลาอีกกี่ชาติ ต้องเสียคนรุ่นใหม่อีกเท่าไหร่ กว่าจะหลุดพ้นจากคุกทางความคิด? จับโจรถ้าไม่จับหัวหน้าโจรก่อน ไม่มีวันชนะแน่นอน ฉันคงบอกกับเขาได้แค่นี้และไม่เห็นด้วยกับการประท้วง มันช้าและต้องใช้คนมากเกินไป

                                               ..........................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,861 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,977 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท7 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม