
หมู่บ้านชาติพันธ์มู่เหลา
มุมมองสายตาไป่ไป๋
มีนาคม ค.ศ.2021
ภาพแห่งความน่ากลัวยังตราตรึง เมื่อเราขับรถยนต์เข้ามาถึงจุดที่ขึ้นเรือครั้งสุดท้าย มองเห็นเวิ้งน้ำแล้วใจหาย โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่ยังอยู่ที่เดิมเห็นแล้วก็คิดถึงเพื่อน ๆ คิดถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมาพวกเราเคยได้ร่วมทุกข์สุข สนุกด้วยกันแล้วก็เจ็บตัวด้วยกันที่นี่ เพราะฝีมือหมวดจาง
ขุนเขาสีเทาจาง ๆ ไกลตา โอบล้อมรอบน้ำยังนิ่งสงบดูลึกลับยิ่งใหญ่เช่นเดิม เวิ้งน้ำกว้างไกลดูเหงาหงอย ซากุระสลัดใบผลิดอกล้นหลามลานตา จนทั่วบริเวณกลายเป็นสีชมพูทั้งภูเขาและเงาในน้ำ
เสียงเพลงในรถยนต์ ดังขึ้นมา...
“Heal the world. Make it a better place. For you and for me, and the entire human race” บทเพลงเพื่อมวลมนุษย์จากโลกเสรี สะท้อนถึงทุกชนชาติ ดังเศร้าสร้อย
ไม่ต้องสังเกตก็เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน บนลานหน้าร้านค้าเกลื่อนไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ วางกระจัดกระจาย ระเกะระกะไร้การจัดการ เศษขยะใบไม้ปลิวเกลื่อนตามสายลม ชาวบ้านชนเผ่าหน้าตามอมแมมเสื้อผ้าเลอะเทอะ ดูไม่สะอาดตาเดินวนเวียนอยู่บริเวณท่าเทียบเรือหน้าร้านค้า บางคนยังนอนหลับขดตัวด้วยความหนาวเย็นอยู่บนม้านั่งที่เราเคยนั่งเล่น
“อื้อหือ!” ศพนอนอืด ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งชวนอาเจียน ศพชายชาวเผ่าจากผิวขาวเปลี่ยนเป็นเทาดำ บวมอืด ผิวหนังบวมปริแทบระเบิด แขนขาพองแตกเป็นเส้นฝอย น้ำเหลืองไหลซึมหยดย้อย หนอนตัวอ้วนไชออกจากสะดือยั้วเยี้ยยุบยับ ไม่ต่างจากตัวทากที่ฉันเคยวิ่งเมื่อคราวก่อน
โดยเฉพาะที่ดวงตาโปนถลนออกมาน่าสะอิดสะเอียน ไม่มีใครให้ความสนใจศพเหล่านี้เลย ปล่อยให้แมลงวันตอมหึ่ง อีกาดำสองสามตัวกำลังแย่งกันจิกกินไส้ที่ทะลักจากท้องศพผู้หญิงข้างกัน
“พรึบ! อี่!!!!!” ยามที่นกขยับปีก ฝูงแมลงวันก็แตกฮือ สุนัขขี้เรื้อนผอมโซยืนเลียปากศพชายชราที่ลิ้นจุกปาก พะอืดพะอมจนต้องเมินหน้าหนีจากความอดสูนั้น หลายชีวิตที่รอดคงพยายามเรียนรู้การใช้เครื่องมือต่างๆ ที่ปรกติพวกเขาเคยใช้อยู่ทุกวัน
“อืออา!” เสียงฮึมฮัมครางในลำคอ ชายเสื้อลายคนนั้นไม่รู้จักไฟแช็ค เขายืนลูบคลำพลิกดูไปมาแล้วยัดใส่ปากเคี้ยว อาการของพวกเขาเหมือนลิงที่เวลาได้ของ มองทุกอย่างด้วยความสงสัย Tame26 มันเป็นอาชญากรรมของโลกชัด ๆ
สภาพร้านค้าไม่เหลือรูปร่างเดิม ข้าวของล้มเกลื่อนระเนระนาด ร่องรอยการถูกรื้อค้นหาของกินจนพังพินาศ หญิงเจ้าของร้านไปไหนแล้วก็ไม่รู้
พวกเขาลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น บางคนนั่งสายตาเหม่อลอย ไม่มีใครสนใจใคร นี่สินะ! Soulless มนุษย์ไร้วิญญาณที่นาตาลีเคยบอกไว้
Soulless ทุกคนสงบเสงี่ยม ฉันไม่เห็นพวกเขาคุยกันหรือทำกิจกรรมร่วมกัน นี่น่ะเหรอที่หมวดจางบอกว่า พวกเราจะได้โลกใบใหม่ ไม่มีการเมือง ไม่มีศาสนา ไม่มีกดขี่ ไม่มีเหลื่อมล้ำ?
สรุป! ไม่มีอะไรเลย ไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งความรู้สึกยินดียินร้าย สัญญาณของมนุษย์ก็สิ้นสูญ นกหวีดทำได้ขนาดนี้เลยหรือ?
“แทนคะ! เรียงลำดับเรื่องให้หนูฟังหน่อยสิคะ มันเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ต้น” ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวของโรคร้ายมากนัก
“ผมก็ไม่รู้ลึก ๆ แต่ที่จับใจความที่ทั้งหมดคุยกัน เรื่องมันเริ่มจาก ในจีนก่อน”เขานั่งกำพวงมาลัยรถยนต์ สายตามองไปที่ร้านค้า
“ยังไงคะ?”
“เรื่องทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมา มันเป็นทฤษฏีสมคบคิด สร้างความกลัวขึ้นมา ทำให้มนุษย์ทุกชาติตกอยู่ในความหวาดระแวง มันเริ่มจากปล่อยเชื้อไข้หวัดโควิด หลังจากโควิดระบาด ทั่วโลกก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน กลัวและยอมจำนน เรื่องนี้จูยอนเป็นคนกระจายข่าวคนแรก”
ฉันนึกถึงวันแรกที่เจอจูยอน เธอเล่าว่า เป็นคนแอบส่งข่าวให้เพื่อนนักวิทยาศาสตร์
“พอทั่วโลกตกอยู่ในความกลัว วัคซีน Anti-Covid ก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามา หมวดจางเอาเชื้อราซอมบี้ไปผสม จนกลายเป็น Tame26 แล้วหลอกแจกจ่ายไปทั่วโลกว่า มันเป็น Anti-Covid ผู้นำประเทศต่าง ๆ มาขอรับไปฉีดให้ประชาชนของตัวเอง”
ฉันค่อย ๆ คิดตามที่เขาบอก ช่วงแรกข่าวนำเสนอออกมาน่ากลัวมาก คนชักดิ้นชักงอตายต่อหน้า อาการรุนแรงมาก นี่เท่ากับว่าเป็นแผนที่ฉลาดมาก ไม่ต้องไปบังคับใคร ประชาชนจะบังคับกันเองด้วยความกลัว จนทำให้บางประเทศถึงกับออกกฎหมายบังคับให้ทุกคนฉีดวัคซีน
“ทั้งหมดมาจากความกลัว คนที่ไม่กลัวและไม่ฉีดวัคซีนจะโดนล่าแม่มด อย่าง โนวัค โยโควิค นักเทนนิสชื่อก้องโลกที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน แล้วมีปัญหากับประเทศออสเตรเลีย เพียงเพราะเขาไม่ยอมฉีดวัคซีนและตอนนี้เขาก็ยังแข็งแรง ไม่เป็นอะไรเลย ในขณะที่ออสเตรเลียไม่น่ารอด”
ใช่! ฉันเคยเห็นข่าวที่เขาบอก ข่าวนี้ดังไปทั่วโลก เป็นประเด็นใหญ่
“เมื่อหมวดจางเป่านกหวีดผู้ที่ฉีด Anti-Covid จะกลายเป็น Tamer 30 พวกเขาจะคลุ้มคลั่ง ลุ่มหลงแบบสิ้นคิด อยู่ใต้มนต์สะกดของนกหวีด สั่งให้ทำอะไรก็ได้ แต่เมื่อเลยเวลา 30 นาทีไปแล้วTamer30 ก็จะกลายเป็น Soulless มนุษย์ไร้ความรู้สึก มีเพียงลมหายใจ สมองไม่รับรู้ใด ๆ ยกเว้นอาหารเหมือนพวกนี้” เขาชี้ไปที่กลุ่มคน
อ๋อ!...เรื่องเป็นมาอย่างนี้นี่เอง หมวดจางสั่งให้พวกเขาทำอะไรก็ได้ ด้วยนกหวีดแค่อันเดียว
“หนูเห็นตอนที่เขาวิ่งไปหาหมวดจาง เหมือนพวกติ่งไอดอลวิ่งเข้าหาเมนเลยค่ะ แววตาท่าทางตื้นเต้นตื้นตัน ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะยิ้มดี สับสนลังเล ประหม่าเหมือนกับ Tamer 30 ไม่มีผิด ปากก็ร้องเรียกไป มือก็ไขว่คว้า”
“ใช่ครับ! มนุษย์เมื่อได้รับวัคซีนไปแล้วจะกลายเป็นสัตว์ที่เชื่องมาก เราต้องช่วยนาตาลีออกมาให้ได้ ไปกันต่อเถอะครับ ยิ่งช้าก็ยิ่งสิ้นหวัง”
เมื่อคิดดูให้ดี Tamer30 ก็ไม่ต่างอะไรกับฝ่ายที่สนับสนุนผู้นำ ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะให้ทำอะไร พวกเขาจะขาดสติเฮละโลเข้าไปทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ มนุษย์มีสติก็เหมือนไร้สติ ตราบที่ยังเชื่อฟังคนที่ตัวเองชื่นชมชื่นชอบโดยไร้การตรึกตรอง เรานั่งดูพวกเขาประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วก็จากมาด้วยความหดหู่ใจ
…………………………………………………………..

เช้าวันใหม่...หลังจากทิ้งบ้านไปเกือบปี ดีใจมากที่ได้กลับมาอู่ฮั่นอีกครั้ง ฉันนอนกลิ้งเกลือกไปมาอย่างสุขใจในเช้าที่สดใส ห้องนอนที่แสนจะอบอุ่น หมอนและผ้านวมกลิ่นคุ้นเคยสูดดมให้หายคิดถึง
รูปถ่ายงานอีเวนท์ต่าง ๆ ที่ออกไปเป็นนางแบบและกรอบรูปการแสดงนาฏศิลป์แห่งชาติ สมัยเรียนยังส่งความภูมิใจมาให้ทุกครั้งที่ได้เห็นบรรดารูปโอปป้าเกาหลี ยังยืนยิ้มฟันขาวที่ข้างฝารอวันฉันกลับเช่นเดิม นอนกลิ้งไปมา คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างสุขใจ
นาตาลีที่รักของฉันอยู่ที่ The 3 temple ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ จูยอนอนนี่ถึงเกาหลีใต้แล้ว คงได้เริ่มชีวิตใหม่ในอีกไม่นาน เจ็ทโด้อยู่อย่างสงบที่วัด คงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าจิตใจที่บอบช้ำจะกลับคืนสภาพเดิม น่าสงสารเขามากถึงมากที่สุด
ซอนพักรักษาตัวบ้านของตัวเอง แผลหายดีแล้ว หม่าม้าอยู่กับคุณหมอที่เป่ยซีมีความสุขสบาย ฉันรู้สึกอิ่มใจ สบายใจมาก...ปล่อยท่านไป ส่วนแทนอยู่กับฉันที่นี่แล้ว เราจะได้ช่วยกันพานาตาลีหนี ตอนนี้เขาพักที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย? มาส่งฉันแล้วก็ไม่ยอมเข้าบ้าน บอกว่าจะหาที่พักเอง
เดี๋ยวนี้ชักกล้าจะขัดใจมากขึ้นทุกวัน บอกให้โทรรายงานก็ไม่โทร วันนี้นัดกันว่า จะไปที่หน้าตึกThe 3temple ให้มาหาที่บ้านก่อนก็ไม่ยอมเข้า ลองโทรหน่อยดีกว่ามาหรือยัง?
“คุณอยู่ที่ไหนคะ?” เสียงรถยนต์ดังแทรกเข้ามาสงสัยอยู่ริมถนน
“หน้าตึก The 3 temple ครับ แถวป้ายรถเมล์”
ฉันนึกภาพออก ป้ายรถเมล์อยู่ข้างประตูฝั่งตะวันตกของตึก ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร
“เดี๋ยวหนูไปหานะ รออยู่ตรงนั้นแหละ” ฉันจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว อยากใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ไปอวดเขา แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะหนาวจะตายอยู่แล้ว //อากาศเย็นมาก//
อู่ฮั่น! ช่วงปลายของหน้าหนาว ท้องฟ้าขาวหม่นทั้งวันและอากาศหนาวจัด ฉันรู้สึกสบายใจเมื่อมีแทนมาอยู่ข้าง ๆ เขาเป็นคนอบอุ่นและสุภาพอยู่ด้วยแล้วมีความสุข
แม้เวลาแห่งการเสียใจได้ผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่า เขายังอยู่ในวังวนความรู้สึกที่เศร้าโศก เขายังใจดีตามมาช่วยเพื่อนถึงที่นี่ ซาบซึ้งใจมาก
แทน! สวมเสื้อกันหนาวสีดำตัวยาวสวมฮู้ด สวมหน้ากากปิดปากสวมแว่นดำนั่งกอดอกไขว่ห้างโชว์รองเท้าหุ้มข้อยี่ห้อดังและยีนซีด โน้ตบุ๊กวางอยู่บนตักที่ป้ายรถหน้าตึก ด้านหลังเป็นป้ายผ้าขนาดใหญ่ขึงตามรั้วยาวเขียนเป็นภาษาจีนว่า
รับสมัครการแข่งขัน King of Drone Racing แบบ First Person View ชิงเงินรางวัล 10,000 หยวน ผู้ที่ได้ 3 อันดับแรกจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งชิงแชมป์โลกที่กรุงโซล เจอกันที่สนามด้านหลังตึก The 3 temple กำหนดวันแข่งขันไว้อีก 7 วันที่จะถึงนี้
“ฮาย! หนีห่าว!” ฉันเดินเข้าไปนั่งคู่ เขายังนั่งชะเง้อมองเข้าไปในตึก The 3 Temple
“มาแล้วเหรอ?” เขาหันมายิ้ม แล้วยังคงมองไปที่ตึกไม่วางตาพนักงานภายในเดินกันพลุกพล่าน
“ใครกันนะ สร้างตึกได้สวยอย่างนี้?” แทนเอ่ยชม ฉันเองก็ชอบตึกนี้ มันสวยสง่าและน่าเกรงขาม โดยเฉพาะเจ้างูใหญ่นั่น เลื้อยโค้งได้รูปสวยงาม คิดแล้วยังสยองกับอานาคอนด้าแดงในป่าโบราณเลย
“คุณรู้ไหมคะ? ที่นี่เขาลือกันว่า เป็นของคนต่างชาติ รู้สึกว่าจะเป็นชาวยิวนะคะ โมเสสน่าจะเป็นยิว” ฉันหันไปบอก
“แป๊น! ปี๊น!” เสียงแตรรถยนต์วุ่นวาย บนท้องถนนหน้าอาคาร
“เราเข้าไปนั่งในสวนหย่อมกันดีกว่า”เขาเดินนำไปนั่งที่ม้านั่งในสวนหย่อมหน้าตึก หยิบโน้ตบุ๊กออกมาเปิด
“เธอไม่เปิดโทรศัพท์เลย จะติดต่อได้ยังไง?” ฉันพยายามโทรติดต่อแต่ไม่เป็นผล ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง?
“เธออยู่ชั้นนั้น” เขาชี้นิ้วแหงนหน้าขึ้นไปมองชั้นบน แล้วก้มดูจอภาพคอมฯ สลับไปมา ซึ่งดูกี่ครั้งฉันก็เห็นว่า มันเหมือนเดิมสัญญาณไม่เคยขยับไปไหน
“เราต้องหาทางขึ้นไปข้างบน” ฉันลุกขึ้นยืนหมุนตัวเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วคิดหาทาง สุดท้ายก็ปิ๊งไอเดีย...โธ่เอ๋ย!...ง่ายนิดเดียวเอง
“คิดไม่ออกว่าจะทำยังไง?” เขาสีหน้าเครียด
ฉันคิดว่าเขาไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่? ตั้งแต่ขับรถตกเขาแล้ว ตัวเองไม่ได้ขับลงไปสักหน่อย ไม่ได้ทำผิดสักนิด ยังเถียงสู้นาตาลีไม่ได้เลย คิดเรื่องง่าย ๆให้เป็นเรื่องยากทุกที
“คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด” อยากให้เขาใจเย็นลง ฉันมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไง?
“จะสื่อสารกับด้านบนยังไงดีน้า?” เขาบ่นพึมพำ นี่...เขาดูมาตั้งนานแล้ว ยังคิดไม่ออกเลย ไม่รู้จะบื้อไปถึงไหน? // ถ้าไม่เห็นว่า เคยลำบากมาด้วยกัน ไม่เสียเวลาคุยด้วยแล้ว//
“ง่ายจะตาย ไม่เห็นจะยากตรงไหน?”
“?????” เขาเอียงคอหันมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย...
“ทำไง?”
“ใช้โดรนไง! หนูมีตั้งหลายตัว” ฉันยืดอก
“ทำได้เหรอ?” เขาดีใจตาเป็นประกาย ลุกขึ้นยืนเกาคางกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนคนพบทางออกหลังจากหลงป่าอยู่นาน
“วันนี้ยังไม่ต้องช่วยหรอก ไปเที่ยวกันก่อนดีกว่า” ฉันดึงแขนเขา
“ไปไหนครับ?” เขาเก็บของเดินตามอย่างลังเล ยังคงแหงนมองไปบนยอดตึก
“ไปลงสมัครแข่งขันโดรนกันก่อน หนูมีแผนแล้ว” เราสองคนคลุมหัว ก้มหน้าเดินใจสั่นผ่านทหารยามเข้าไปในตึก สายตามองสำรวจไปรอบห้องโถงกว้าง กลุ่มคนจีนยืนมุงคุยกันเสียงดังโวยวายที่มุมด้านขวา
“แทน! ไปทางโน้นกัน ระวังด้วยนะ มันเอาทหารมาเฝ้าตรึมเลย” ฉันเดินเข้าปะปนกับกลุ่มคน หมุนมองสำรวจภายในเผื่อจะเจอนาตาลีมาเดินเกะกะข้างล่างบ้าง
“คุณก้มหลังหน่อยสิ ไม่รู้จะสูงไปไหน?” ฉันดึงเขามาใกล้ตัว เดินมาถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่สาวจีน ยิ้มหวานต้อนรับ...
“รับเอกสารไปกรอกด้วยค่ะ ชนะให้ได้นะคะ ไฟท์ติ้ง!” เธอยื่นกระดาษมา
เราพากันไปนั่งโต๊ะที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ เข้าถ้ำเสือแล้วหัวใจเต้นรัวจังเลย ฉันรีบก้มหน้าก้มตาเขียนอย่างเร็วจะได้ไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้ก่อน
“สวัสดีค่ะท่านประธาน!”
“หือ!” ฉันหันไปตามเสียง ใจหายวาบโมเสสเดินออกจากลิฟต์
“พรึบ! หนินห่าว” เจ้าหน้าที่ลุกยืนโค้งศีรษะพร้อมกัน
“ตึง!” ฉันรีบกดหัวแทนลงบนโต๊ะ
“เฉย ๆ นะ อยู่นิ่ง ๆ โมเสสกำลังมา” ฉันเกรงไปหมด ดึงฮู้ดมาคลุมหัวให้เขา โมเสสท่าทางมันน่ากลัวมาก ตัวอ้วนใหญ่ดวงตาดุ
“เบา ๆ ก็ได้ หัวโขกโต๊ะมันเจ็บนะ!” แทนก้มหน้าดิ้นเสียงอู้อี้
“เออน่า! เอาชัวร์ไว้ก่อน เรายังจำมันได้เลย ทำไมมันจะจำเราไม่ได้อย่าประมาท” ฉันดุเบา ๆ
“ต้าเจี้ยห่าว!” โมเสสยิ้มพยักหน้าให้กับบรรดาพนักงานที่รายล้อม เดินพุงพลุ้ยโยกเยกสูงโย่ง แวะมาโต๊ะที่พวกเรากำลังเขียนใบสมัคร
“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!” มึงจะมาที่นี่ทำไม หน้าอกของฉันแทบจะระเบิด ทำยังไงดี? เขามาใกล้ทุกทีแล้ว ฉันดึงฮู้ดมาคลุมหัว คว้าแว่นดำของแทนมาสวม
“ต้าเจี้ยห่าว!สวัสดีครับทุกคน! ขอบคุณมากนะครับที่สนใจการแข่งขันนี้” เขากล่าวทักทายเสียงดัง
ทุกคนวางปากกาแล้วหันมอง มีแต่นายแทนคนเดียวที่นั่งฟุบคาโต๊ะ ไม่เหมือนชาวบ้าน ทำไมพวกเราถึงได้ซวยไม่เลิกซักที
“ขอให้ทุ่มเทเพื่อชัยชนะนะครับ เพื่อเป็นตัวแทนของบริษัทฯ แล้วไปคว้าแชมป์โลกมาให้ได้ ไฟท์ติ้ง!” เขาก้าวเดินเข้ามาใกล้เข้ามา
“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!” ฉันจะทำยังไง? ลุ้นเยี่ยวเหนียวแล้ว
“คนนี้เป็นอะไรเหรอ?” เขาวางมือลงที่ไหล่ แทนสะดุ้งเฮือก
“เขาไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ ไม่ต้องห่วง!” ฉันก้มหน้ารีบเขียน
“ไม่สบายเหรอ? ไปหาหมอของบริษัทก่อนสิ รอเดี๋ยวนะ!” โธ่เอ๋ย! เขาจะมาใจดีอะไรตอนนี้กันนะ
คุณป้าแม่บ้าน โผเข้ามาพร้อมไม้กวาด...
“พาผัวไปสิหมวย! ไม่ต้องเสียเงิน ฉันก็เคยไปรักษา หมอเขาเก่งนะ” เธอเข้ามาช่วยเบี่ยงเบน //เขาไม่ใช่ผัวหนู ป้าอย่ามั่ว//
“ไม่เป็นไรค่ะ! ไม่รบกวน” ฉันบอกในขณะที่มือกำลังปั่นใบสมัคร
“ไปเถอะหมวย! เดี๋ยวฉันพาไปเอง” คุณป้าดึงแขนคะยั้นคะยอ
โอย…ป้า! อย่ามายุ่งกับหนู อย่าจับแขนหนูจะรีบเขียนให้เสร็จโมเสสยกวิทยุสื่อสาร พร้อมยื่นมือจับไปที่ฮู้ดของแทนอีกครั้ง...
“หมวดจาง แอนนา! ลงมานี่หน่อยครับ มีคนป่วย!”
“หยึย!” ฉันเด้งดึ๋ง ...
“ตายแล้ว!ลืมให้ข้าวหมา”
โมเสสชะงักมือ หันมา...
“ฝากด้วยนะคะ! ต้องรีบกลับบ้านก่อน” ฉันรีบยัดใบสมัครใส่มือโมเสส แล้วหันไปพยุงให้เขาลุกขึ้นเดินหนี...
ทันใดนั้น
“หมับ!” ฉันโดนดึงแขน...
“อ๊ะ!” ใจตกไปที่ตาตุ่ม // ซวยแล้ว ซวยแล้ว//
“ไม่ไปเหรอ? ป้าพาไป!” หึ๋ย!...ป้า! อย่ามายุ่งกับหนู
“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจเฮือก ตกใจหมดเลย//งานดีจริงนะป้า//
ก้มลงไปประคองเขาใหม่...
“ชินชิน! กลับบ้านได้แล้ว ลุกไหวมั้ยคะ?” ทุกสายตาจ้องมากดดัน แทนลุกยืนแล้วก้มหลังเดินฉันเข้าประคองเก็บอาการตื่นเต้น กำลังจะผ่านหน้าโมเสส ถ้าผ่านได้ก็ออกประตูได้...
“รอเดี๋ยวสิครับ! เลขาผมกำลังลงมาแล้ว” เขาเรียกอีกครั้ง ใครจะรอล่ะ ถ้าเจอหมวดจางได้ตายกันพอดี…
“ไม่ทันแล้ว! ไม่ทันแล้ว! ชินชินวิ่งไหวมั้ยคะ? หนูลืมปิดแก๊สด้วย โอย! นัดคนส่งของออนไลน์ไว้อีก” สิ้นเสียงของฉัน…
“พรวด!”
นายแทนวิ่งจู้ดออกนอกประตูไปเลย เขาวิ่งสับแขน ขากางสุดชีวิต ไม่เหมือนคนป่วยสักนิด ตั้งแต่รู้จักนายมา นายพาฉันวิ่งทุกงานเลยนะ
“รอด้วย...ยย!!”
หลังจากเสร็จเรียบร้อยมีเวลาเหลือเฟือ พาเขาไปเที่ยวกันก่อนดีกว่า ไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้ว คราวก่อนไปบ้านของเขาก็ไม่ได้พาไปไหน เขากลัวโดนจับ พาเขาไปเที่ยวสบาย ๆ ดีกว่า ปล่อยนาตาลีไว้อย่างนั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก/
“เมื่อกี๊คุณเรียก ผมว่าชินชินเหรอ น่ารักดีแปลว่าอะไรครับ!” อ๊าว! อีตาบ้าดันมาชอบซะอีก ฉันเล่นละครตบตาชาวบ้าน จะให้ฉันเรียกนายอย่างนั้น ฉันไม่เรียกแน่ ชินชิน มันแปลว่าที่รัก
“คุณอย่าไปรู้มันเลย”
“ชินชิน ไม่เป็นไรเอาไว้ถามนาตาลีก็ได้ จะไปไหนต่อครับ?”
“ไปเที่ยวกัน หนูจะพาไปเที่ยวที่สวย ๆ” ฉันจูงมือเขาไปขึ้นรถยนต์
“อีก 2 วันนะครับ ผมขอไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้ก่อน จะรีบกลับมา”
“ว้า!เสียดายจัง รีบกลับมานะคะ” ฉันจะตอบแทนที่เขาเคยช่วยเหลือ ฉันจะพาเขาไปย้อนตำนานมวยไท้เก็ก
ยิ่งใกล้ยิ่งสุขใจและมีความหวัง ในตอนนี้ถึงจะยังมองไม่เห็นทางแต่ความรู้สึกลึก ๆ สัมผัสได้ว่า นาตาลีต้องอยู่ที่นี่แน่นอน ฉันจะลองส่งโดรนไปบินดู เพื่อเจอหนทางและรอแทนกลับมาก็แล้วกัน
............................................