หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 10 ก.พ. 2567 |
อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย
มุมมองสายตาไป่ไป๋
มีนาคม ค.ศ.2021
ยอดเขาอู่ตัง…ทิวทัศน์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตระการตาภูเขาปกคลุมด้วยหิมะสูงเสียดฟ้าสลับซับซ้อนและหุบเหวลึกหากมองย้อนไปในอดีตจะเห็นได้ถึงความศรัทธาอันแรงกล้าความปรารถนาสูงสุดที่จะบรรลุเป็นเซียนของผู้สร้างมนุษย์ไม่เคยยอมจำนนกับความตายสร้างขึ้นเพราะความเชื่อที่หยั่งลึกว่า จะได้เจอกับโลกหน้า
ฉันคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าต้องมีความมุ่งมั่นขนาดไหนถึงดั้นด้นด้วยความวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญเพียรจนขึ้นมาถึงยอดเขานี้ได้ ต้องใช้ทั้งแรงงานและม้ารอนแรมเร่ร่อนกลางป่าใหญ่ การหาโรงเตี๊ยมในระหว่างเดินทางแรมปีในป่าสมัยนั้น คงไม่ใช่ง่าย ๆ ความยากลำบากพิสูจน์ความศรัทธาได้จริง หากไม่มีการตัดถนนแบบในปัจจุบัน เราคงไม่ได้มีโอกาสขึ้นมาอยู่ที่นี่
อารามชั้นเดียวสไตล์จีนโบราณทาสีแดงชาดตามความเชื่อของลัทธิเต๋าอาคารดินยาวต่อเนื่องกลมกลืนกับธรรมชาติจนดูเหมือนเป็นกำแพงเลื้อยเลาะตามหุบเหวและหน้าผาสูงชัน หลังคาเขียวแอ่นโค้งสะท้อนแสงแวบวับ แวดล้อมด้วยหมู่พรรณไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตอนนี้ดอกเหมยบานสะพรั่ง ลมหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ
“แทนคะ! มานี่หน่อย” อากาศหนาวจนควันออกปาก ฉันกอดแขนของเขาแล้วพามาหยุดตรงประตูใหญ่ มีแผ่นป้ายหินอ่อนชื่อสลักไว้ตรงกลางด้านบนเป็นภาษาจีน
“อธิฐานสิคะ! วันหนึ่งถ้าเราจากกันไป และถ้าคิดถึงกันเมื่อไหร่ให้กลับมาที่นี่ หลับตาแล้วพูดตามนะคะ”
เขาหันมองก่อนจะหลับตาลง
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ ดลบันดาลให้เราได้กลับมาเจอกันอีก” เขาพูดตามที่บอก แต่ในใจ...ฉันภาวนาให้แทนปลอดภัยและมีชีวิตยืนยาว
“ที่นี่คืออะไรเหรอ?” เขาหันมองไปรอบบริเวณ
บนยอดเขาสูงที่นี่!...มองไปทางไหนก็มีแต่สีแดงของอารามโบราณตัดกับหิมะขาวโพลน
“ตำหนักหวนคืน” ฉันมองหน้าเขาแล้วใจหาย อีกไม่นานเขาคงหวนคืนกลับบ้านของเขา ฉันติดตามเขาหลายเดือนจนสนิทและวางใจมาก เขาไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่น
“ที่ตรงนี้…มีตำนานการเปลี่ยนใจกลับมาปฏิบัติธรรมจนบรรลุเซียนของว่าที่ฮ่องเต้คนหนึ่งคะ หนูชอบชื่อของตำหนักนี้ ฟังแล้วสุขใจดี”
“อืม! ขลังดี”
อักษรจีนความหมายดี ๆ ถูกสลักไว้ที่ยอดเขาสูง ด้วยบรรยากาศเงียบสงบและความสวยงามของขุนเขา ทำให้หลายคนต้องหวนกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง…
“ไปข้างบนต่อดีกว่า ยังมีอีก” ฉันพาเดินไต่เขาขึ้นมาตามทางเดินคดเคี้ยว จนถึงตำหนักเมฆสีม่วง
“ที่นี่เป็นมรดกโลกด้วยนะคะ ฮงอี้เซิน! ศิลปินจีนสมัยราชวงศ์หมิง เคยกล่าวชื่นชมความงามของเขาบู๊ตึ๊งไว้ว่า ห้าลี้หนึ่งอาราม สิบลี้หนึ่งตำหนักกำแพงแดงชาด กระเบื้องหลังคาเขียวมรกตงามระยับจับตา เป็นประกายสาดส่องให้พลัง ท่องไปยังขุนภูแดนหมู่ตำหนัก ดูประหนึ่งอยู่ในภาพวาดงาม” ฉันสุดแสนจะภูมิใจในบ้านเกิดของตัวเอง
ฉันเดินพิจารณาหินรองก้าวที่พวกเราเดินผ่าน ร่องรอยการเหยียบย่ำจนสึกกร่อนตามกาลเวลา ลบเหลี่ยมคมจนฝังลงแน่นกับพื้น ลองหลับตาจินตนาการย้อนอดีตไป 500 ปีที่ผ่านมา นึกถึงนักบวชรุ่นแรกที่ดั้นด้นขึ้นมาสร้างตำหนักเหล่านี้ ก็อดยิ้มให้กับความวิริยะของพวกท่านไม่ได้ บากบั่นขึ้นมากว่า 3,000 เมตรสูงเสียดฟ้าเช่นนี้ทั้งที่ในสมัยนั้น ต้องใช้เวลาแรมปีกว่าจะขึ้นมาถึงด้านบน
“ข้างบนมีอะไรครับ?” ด้วยด้านบนเป็นภูเขาชัน เราจึงต้องเดินขึ้นตามทางที่บรรพชนได้สร้างไว้
“รู้จักมวยไท้เก๊กมั้ยคะ?” ลานหินกว้าง ต้นไม้ร่มรื่นเป็นจุดกึ่งกลางศูนย์รวมนักเดินทาง นักพรตหญิงก่อฟืนไฟต้มน้ำทำกิจกรรมของตนเอง
“ย่าห์! ย่าห์!” อาจารย์มวยผู้ชายพาลูกศิษย์ตัวน้อยในชุดขาวนับร้อยคนมาฝึกในสนามด้านหน้า
“รู้จักครับ! เคยเห็นคนแก่ ชอบรำมวยไท้เก๊กตามสวนสาธารณะ ในลอนดอน” แทนบอกเรียบ ๆ
“ต้นกำเนิดอยู่ที่นี่แหละค่ะ เคยได้ยินคำว่าต้านชิงกู้หมิงมั้ยคะ? ที่นี่เลยค่ะ! ลูกศิษย์สมัยก่อนรวมเป็นกลุ่มเพื่อล้มราชวงศ์ชิงของแมนจู ใช้วิชามวยของบู๊ตึ๊งในการสู้รบจนสำเร็จ ฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงบัญชาให้คนมาสร้างและห้ามเปลี่ยนแปลงทุกประการ ผ่านมาเกือบ 600 ปีแล้วทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
ดูสีหน้าของแทนคงซาบซึ้งกับคำอธิบายของฉัน ไม่โต้ตอบใด ๆ พยักหน้าแล้วเดินตามต้อย ๆ จนข้ามเนินไปเจอวิมานบนยอดเขา ที่นี่เรียกว่า ตำหนักเมฆสีม่วง สร้างย่อส่วนมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง ตั้งตรงตามหลักฮวงจุ้ยโบราณ ด้านหลังติดภูเขาลักษณะเหมือนธงที่คลี่ออกโบกสะบัด เบื้องหน้าเป็นเหวลึกเปรียบเทียบได้กับห้วงมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล ด้านขวามีถ้ำเสือสีขาว ด้านซ้ายเป็นภูเขามังกรเขียวตามหลักความเชื่อของลัทธิเต๋า” ไกด์อย่างฉันก็แม่นข้อมูลนะคะ พาเขาเดินเที่ยวสักพัก รู้สึกไม่ไหว กว้างเหลือเกิน...
“เมื่อยแล้ว! ไปตำหนักหนานเหยียนกงดีกว่า” ฉันชวนแทนเดินขึ้นทางชันไปทางใต้ เพื่อออกไปชมจุดที่สวยที่สุดบนยอดเขานี้
จากทางเดินลาดชันจนสู่ทางเดินราบเลียบเลาะหน้าผาที่หวาดเสียวด้วยเหวลึก ก้าวพลาดครั้งเดียวจบชีวิตหาศพไม่เจอ
“แทน! แวะตรงนี้ก่อนค่ะ” ฉันชวนเขาแวะบริเวณที่สลักชื่อ บนยอดผาสูง
ผู้ที่มีศรัทธาได้มาจารึกชื่อตนเองไว้นับร้อยปีบนยอดเขาแห่งนี้ ด้วยความเชื่อเรื่องความเป็นยอดคน แต่ฉันไม่ได้คิดเช่นนั้น ฉันอยากสร้างความทรงจำดี ๆ ไว้ที่นี่กับแทน
“ถังไป๋หลาน แทนบุพการี” ฉันบรรจงเขียนชื่อลงบนแผ่นหินด้วยใจมั่น อยากให้ชื่อของเราอยู่ด้วยกันจนชั่วฟ้าดินสลาย
คิดในใจ...ฉันคิดอย่างนี้ได้ไง งงตัวเองเหมือนกัน ชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว ที่รักของฉันคือนาตาลีต่างหาก ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ
“ชื่อของคุณแปลว่าอะไรครับ?” เขายิ้มอบอุ่น เส้นผมปลิวสะบัดจากแรงลม
“ไป๋หลาน แปลว่าดอกจำปี คุณล่ะ?”
“อื้อ!..ชื่อสวยดี..ส่วนชื่อของผมหมายถึงเป็นตัวแทนของผู้ให้กำเนิด หมายถึงความรักของทั้งสองท่าน” เขาสีหน้าเศร้าทันที เขาค่อนข้างอ่อนไหวถ้าต้องพูดถึงคนที่เขานับถือ
“ไปต่อเถอะครับ” เหงื่อเริ่มซึมเป็นเม็ดเป้ง นี่!ขนาดอากาศเย็น ยังเดินกันเหงื่อตก
ฉันพาเดินมาถึงบริเวณ หลงโถวเซียง กระถางธูปมังกรตั้งอยู่ที่ปลายสะพานแคบ ยื่นตรงออกจากตัวตำหนักไปกลางอากาศเหนือหุบเหวลึกน่าหวาดเสียว ชาวจีนเชื่อกันว่า ถ้าใครได้ปักธูปที่กระถางนี้ถือว่า ได้บูชาสูงสุด คำอธิษฐานจะเป็นจริง
ฉันรีบจุดธูปแล้วอธิษฐาน แอบเล่นของนิดหน่อย...
“แทนขา..ออกไปปักให้หน่อย” เสียงสองเริ่มทำงาน เอาธูปไปยื่นให้แล้วดึงเสื้ออ้อน ชี้นิ้วไปที่กระถางกลางอากาศ ทั้ง ๆ ที่กระถางธูปข้างขาเรียงอยู่ 4-5 ใบ
“ไม่ไหวหรอก เสียวขาสั่น ดูสิ! เหมือนที่เราไปตกเขากันมาเลย” เขาชะโงกหน้าลงไปมองด้านล่างทำท่าไก่สลัดขน
“นะนะ!” ฉันอ้อนไม่เลิก ขาเริ่มขยับตามจังหวะ คิดในใจ..นายไม่รอดหรอก ยอมดีดีเถอะ
“ผมไม่อยากเป็นเซียน ผมกลัว..ตกไปตายเลยนะนั่นน่ะ”
“ที่นี่! เป็นสถานที่วัดใจของคู่รักชาวอู่ฮั่นนะคะ ถ้าผู้ชายรักจริง เขาจะเดินไปปักธูปให้สาวคนรักของเขา” พูดขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ทำให้ ก็ไม่ใช่แล้วล่ะ
“ เหรอ? งั้นเอามานี่!” เขาเดินมาคว้าธูปไปจากมือ
“กึ๋ยกึ๋ย!” หัวใจบานฉ่ำ...นี่เขากล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อฉัน ใจหล่อจริง ๆ ฉันยืนบิดยิ้มปลื้มปริ่ม
“ฉึก!” พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพอดี
เขาเอาธูปไปปักไว้กระถางข้าง ๆ ขา//รีบหุบยิ้มอย่างไว อีตาบ้า! ถ้าตรงนั้นฉันปักเองก็ได้/
“มีที่อื่นอีกมั้ย?” เขาทำท่ารำคาญแล้วเดินหนี ใจร้ายมาก
ฉันเดินกระทืบเท้าอย่างขัดใจ...
“เที่ยวสามวันก็ไม่หมดค่ะ มีกระเช้าขึ้นไปตำหนักทองต่ออีกนะ ไปมั้ยคะ?”
“...........” แทนส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ที่ลานข้างสิงโตหิน กลุ่มหญิงสาววัยรุ่นจีน 4-5 คนแต่งตัวสุดชิคเดินวี้ดว้ายกระตู้ฮู้ผ่านมา…
“หนีห่าว! ไป่ไป๋!”
ฉันหันไปตามเสียงเรียก...
“อ้าว! ผิงผิง! มาเที่ยวเหรอ? นี่ทุกคนยังเกาะกลุ่มกันอีกเหรอ? คิดถึงจังเลย” ฉันสวมกอดเพื่อนเก่า จากมหาลัยอู่ฮั่นที่ขึ้นมาเที่ยวด้วยกัน
“ไปไป๋! ดีใจกับฉันหน่อยสิ ฉันผ่านออดิชั่นกับ JYP แล้วนะ!” เธอดีใจเนื้อเต้น
“จริงเหรอๆ? ผิงผิง! เก่งจังเลย” ฉันก็ดีใจกับเธอด้วย เพื่อนเดินไปถึงฝันแล้ว แต่ฉันยังงมโข่งอยู่เลย เสียเวลากับนายแทนตั้งนาน
“รอหนูเดี๋ยวนะคะ หนูเจอเพื่อน” ฉันหันไปบอกเขาแล้วรีบจูงมือผิงผิงเดินไปหากลุ่มเพื่อน
“ใครน่ะไป่ไป๋! แฟนเธอเหรอ? หล่อมากเลย ตัวสู้งสูง” ผิงผิง! ชะเง้อข้ามหัวกลับไปมอง
ฉันรีบดึงไปไกล ๆ...
“บ้า! ไม่ใช่! เพื่อนกัน คนต่างชาติน่ะ! อย่าไปสนเลย!”
ผิงผิง!หันไปหาเพื่อน….
“นี่พวกเรา ไม่ใช่แฟนไป่ไป๋! จีบได้!”
“งั้นไป่ไป๋! เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” กลุ่มสาวเปรี้ยวของฉัน วี้ดว้ายกระตู่วู้เริงร่ากางปีกร่อนไปหาเขาทั้งฝูง
“ไป่ไป๋! คิดถึงจังเลย” ผิงผิง เพื่อนคู่แข่งในสถาบัน เส้นทางชีวิตไปได้สวยกว่าแล้ว
“แล้วเธอมาได้ยังไง? ไม่ต้องซ้อมเต้นเหรอ?”
“เขาให้กลับมาเตรียมตัวก่อนเข้าค่าย ถ้าเข้าไปแล้วต้องอยู่ยาว เลยกลับมาหาพวกเธอนี่แหละ อยากทิ้งทวนสักหน่อย” อิจฉาเธอจังเลย แต่ก็ดีใจกับเธอมากได้เป็นเด็กฝึกเกาหลีใต้แล้ว
“แล้วแฟนเธอล่ะ ไม่บ่นแย่เลยเหรอ?” ฉันแปลกใจที่เห็นเธอมาคนเดียว เมื่อก่อนตัวติดกันตลอด
“คนไหนล่ะ?” หือ! มีหลายคนเลยเหรอ? ฉันยังไม่มีสักคน อายจัง!
“ก็อาซ่งไง! เขาก็ดีนะ!”
“เทไปแล้ว พวกขนมกรุบกรอบ ฉันไม่เอาไว้ให้เกะกะหรอก” เธอไม่แยแสเบะปาก แล้วยิ้มชี้ไปที่แทน...
“ว่าแต่! คนนั้นไม่ใช่แฟนเธอแน่เหรอ? อยากได้มาเป็นพ่อของลูกง่ะ ติดต่อให้หน่อยสิ!” ดวงตาของเธอลุกวาว
ฉันหันไปมองใจหายวาบเพื่อนสาวของฉันรุมทึ้งเขาอย่างกับแย่งของในงานเทกระจาด นายแทนกำลังแจกทั้งเบอร์โทรฯแจกทั้งรอยยิ้ม หน้าบานเชียวนะ เริงร่ามากเดี๋ยวสวย
“ไม่ใช่แฟนฉัน แต่เป็นแฟนเพื่อน พามาเที่ยวเฉย ๆ” ฉันรู้สึกไม่พอใจมาก นายแทนให้เบอร์โทรเพื่อนฉันทำไม?
“แนะนำให้รู้จักหน่อยสิ ฉันชอบ! คนนี้ฉันเอา” ผิงผิงไม่รอคำตอบวิ่งเข้าไปหาเขาอีกคน
“หนีห่าว! ชื่อผิงผิงค่ะ! ขอยืมโทรศัพท์หน่อยค่ะ จะถ่ายรูปให้” ยายนี่ไวจริง ๆ คว้าแขนแนบหน้าเข้าประชิดตัว เหมือนกับสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน
นี่! ตกลงว่า พวกเธอคิดถึงฉันจริงหรือเปล่า? ไปห้อมล้อมนายแทนกันหมดปล่อย ฉันยืนเด๋ออยู่คนเดียว
“ผมชื่อแทน โสด สูง ไม่ส่ำส่อนครับ”
ฉันอยากจะกระโดดถีบขาคู่จริง ๆ จะมากไปแล้วนะ ต่อหน้าต่อตาเลย...
“นี่!!!” ฉันแหกปาก
“หือ!!!” ทุกคนหันมา...แล้วหันกลับไปปะจ๋อปะแจ๋กับเขาต่อ ไม่สนกันเลยนะ
“ฉันต้องกลับแล้ว นายแทน...กลับบ้าน!” ฉันเรียกอย่างขัดใจแล้วเข้าไปจูงมือเขาออกจากกลุ่มอีแร้งสาวจีน
“ไป่ไป๋เดี๋ยวสิ! ฉันยังถ่ายรูปไม่เสร็จเลย” ผิงผิงเลื้อยกอดคอ เอียงแก้มเซลฟี่ นายแทนก็ลอยหน้าลอยตาน่าตบ
“หึ๋ย!!” ฉันอยากจะเข้าไปควักลูกตาของเขาจัง ยิ้มหวานตาเยิ้มเชียว นิสัยเจ้าชู้ไม่หายจริง ๆ
“ไม่ทันแล้ว! ต้องไปเดี๋ยวนี้!” ฉันไม่สนเพื่อนแล้ว เดินแหวกเข้าไปดึงมือนายแทนออกมา แล้วหันไปบอกเพื่อน...
“ไปก่อนนะทุกคน ฉันมีธุระจริง ๆ โทรมานะ!” ฉันกระชากแขนไม่ให้เขาโบกมือให้สาว ๆ รีบพาเดินหนี
“จ้า! โทรมานะ!” ทำไมเพื่อน ๆ ไม่มองหน้าฉัน มองหน้านายแทนทำไม? ผิงผิงคนสวยกระโดดโบกมือตัวลอย...
“อย่าลืมนะคะแทน! ไปหาที่เกาหลีใต้นะคะ จะพาไปกินรามยอนด้วยกัน”
“ผิงผิง! ไฟท์ติ้ง!” นายแทนยิ้มกว้างปากฉีกถึงหูเลย ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ ชอบหาเรื่องมาให้ปวดหัว.
..................................................................................................
เราค่อย ๆ เดินลงภูเขากลับไปลานกระเช้า สถานที่แห่งนี้มีประวัติยาวนาน จางซันฟง หนึ่งในจอมยุทธ์ชื่อดังก็เคยอยู่ที่นี่
“ชอบมั้ยคะ?” ฉันเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ซึมบนใบหน้าของเขา
“อื้อ..ชอบสิ! สวยดีหุ่นโดนใจมาก เธอจะได้เป็นไอดอลเกาหลีแล้ว ผิงผิง! คนนี้ใช่ไหม? ที่คุณบอกจะติดต่อให้ผม ตกลงผมเอาคนนี้ คุณเอานาตาลีไปเลย”
“ห่ะ!” ฉันหันขวับ...ตอบอะไรมาวะ ฉันถามถึงทิวทัศน์นะ
“มากไปแล้วนะคุณ หนูถามถึงวิวนี่” ขัดใจจริง ๆ
“อ๋อ!!” เขาเงยหน้าสูดลมหายใจ...
“ใช้คำว่ายิ่งใหญ่ก็ยังไม่คู่ควร เหมือนอยู่บนสวรรค์ เหมือนอยู่บนก้อนเมฆ มีนางฟ้าด้วย” ทิวทัศน์ของขุนเขายิ่งใหญ่สลับซับซ้อน นางฟ้าอยู่ตรงไหนวะ? กวนตีนเข้าไป ขัดใจเข้าไป เดี๋ยวจะร้องไม่ออก
“วู้ว! ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงคนตะโกนเสียงสะท้อนก้องขุนเขา ฉันหันไปยิ้มแล้วกอดแขนเขา...
“ที่นี่ก็สวยตะโกนค่ะ สวยแหกปาก สวยจึ้ง!” ฉันหันไปมองเพื่อนสาวเดินขึ้นไปยอดเขาแล้ว โอย...ปลอดภัยแล้ว เผลอไม่ได้จริง ๆ
“กลับกันเถอะ!” เขาหันมาจับมือพยุงเดินลงบันได
เรานั่งกระเช้าฝ่าสายหมอกขาว ลงไปลานจอดรถด้านล่าง ยอดเขาบู๊ตึ๊งห่างไกลจากตัวเมืองอู่ฮั่นนับร้อยกิโลเมตร แต่อยู่ในมณฑลหูเป่ยเหมือนกัน
“บรื้น…นน!!” แทนขับรถกลับมาบนถนนหวังเซินที่ฉันแข่งจักรยาน
ฉันอดยิ้มไม่ได้เมื่อแทนขับรถผ่านจุดพักรถจักรยานที่ได้รู้จักกับ นาตาลีครั้งแรก ยังเห็นภาพเธอล้มลุกคลุกคลานฝุ่นตลบใต้ต้นไม้นั่น พอเห็นสถานที่ประวัติศาสตร์แล้วก็คิดถึงเธอ... //อนนี่คะ รออีกนิดนะคะ//
“ถ้าต้องจากกันคุณจะคิดถึงหนูมั้ย?” ฉันเอ่ยปากชวนคุยหลังจากขับรถยนต์มาได้สักพัก คิดไปคิดมาแล้วรู้สึกใจหาย ถ้าไม่ต้องมาช่วยนาตาลี พวกเราคงแยกจากกันไปแล้ว
ฉันใช้เวลาผูกพันอยู่กับแทนเกือบปี เราไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไป เราอยู่ในวงกลมความไว้ใจเดียวกัน เขาเป็นคนเดียวที่คุยกับฉันรู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะเขารู้เรื่องของนาตาลี และเขาก็ชอบร้องเพลง ฉันจึงคุยกับเขามากกว่าใคร
แม้ในใจฉันจะบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่า ไม่ได้รักเขา แต่ลึก ๆในใจแล้วก็อยากอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกหวง ความรู้สึกนี้แรงกว่านาตาลีอีก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อยากรู้จังเขาคิดกับฉันอย่างไร?
“............” เขาไม่ตอบคำถามได้แต่ยิ้มแล้วหันหน้าหนี
ฉันยอมไม่ได้แน่นอน เมินฉันไม่ได้ แน่นท้องเครียดเรื่องน้องแหม่มตั้งนานเพราะเขาเมินหน้านี่แหละ
“จะไม่พูดอะไรสักคำเหรอ?” ฉันจงใจขยับตัวยื่นหน้าไปใกล้ใบหน้าที่คุ้นเคย ตอนนี้กลับมาอยู่ในจีนแล้ว รู้สึกมั่นใจตัวเองมากกว่าอยู่ที่บ้านเขา
“พูดอะไรดีล่ะ?” เขาหันหน้ามาในระยะใกล้ จนได้กลิ่นลมหายใจ คิ้วดำดวงตาสีน้ำตาล จมูกเป็นสัน แก้มขาวเนียนไร้สิวฝ้า ตาต่อตาประสาน...
“ตึกตึก! ตึกตึก!” หัวใจหวิว ๆ ชอบกล ทำไมอยู่ใกล้แล้วใจเต้นเร็ว ทำไมประหม่า? รีบหลบสายตากลับลงไปนั่งเหมือนเดิม โอย..ใจสั่น เป็นอะไรนี่ สงสัยหิวข้าว//
“จะไม่คิดถึงหนูเลยเหรอ?” ฉันอ้อนเสียงสอง แปลกมากความรู้สึกสุขใจแบบนี้ มันเริ่มเกิดขึ้นมาตอนไหนกันนะ? พอเขาไม่อยู่ก็นอนไม่หลับ เป็นห่วงต้องลุกออกมาเดินกลางดึก หลายอย่างที่ฉันไม่เคยทำก็ทำเพราะคิดถึงเขา
“ยังไม่รู้สิ! เรายังไม่เคยได้ห่างกันเลย”
“...........” แทนยิ้มแล้วหันไปอีก ตอบแบบนี้หมายความว่ายังไงกันแน่
“งั้น! คุณคิดถึงนาตาลีรึป่าว?”
“คิดถึงสิ! นาตาลีหายไปตั้งหลายเดือนแล้ว คิดถึงมากด้วย สบายดีหรือเปล่านะ? กินข้าวได้หรือเปล่า? นอนร้องไห้ทุกคืนมั้ย? กลัวมั้ย? โดนซ้อมทรมานรึเปล่า? ผมคิดทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอ” เขาตอบสีหน้าเรียบเฉย
“งั้น!ถ้าหนูไม่อยู่ คุณก็ต้องคิดถึงหนู” ฉันทึกทักสรุปเอาเอง
“มันก็แหงอยู่แล้ว ผมสนิทกับคุณที่สุดนะ”
“คุณคิดกับพวกเราอย่างไร? หมายถึงหนูกับ...อนนี่!” ฉันยิงคำถามเห็นแก่ตัว เพราะใจฉันอยากรู้ว่า เขามีใจให้ฉันบ้างหรือเปล่า? เขาคิดกับฉันอย่างไร จะได้ระวังตัวถูก? // แต่ฉันไม่ชอบเขาหรอกนะ แค่อยากรู้เฉย ๆ//
“น่ารักดีทั้งคู่ เหมาะสมกันดีแล้ว” แทนตอบเรียบ ๆ สายตามองถนน
จริง ๆ แล้วฉันรู้จักกับนาตาลีพร้อม ๆ กับแทน แต่ฉันอยู่กับแทนนานจนบางครั้งก็ลืมไปว่า ยังมีเธออีกคน และเหมือนเธอเองก็จะชอบแทนซะด้วยสิ ปากเธอบอกว่ารักฉัน แต่เธอชอบไปเกาะแกะกับเขาด้วย ตกลงฉันเป็นอะไรกันแน่ เธอเองก็แสดงออกหลายครั้งแล้วว่า ชอบแทน ฉันสับสนและไม่เข้าใจเธอในเรื่องนี้เช่นกัน แต่นาตาลีเป็นของฉัน...ฉันไม่ให้ใคร
ระยะหลังๆ ฉันใจเต้นคิดถึงแทนบ่อยมากเกินไป แทบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมถึงก็ยังคิดถึง ความรู้สึกนี้กวนใจมาตลอดและไม่เคยลดลงเลย
“ให้ตอบใหม่ ไม่ตรงคำถาม” ฉันไม่ถูกใจ
“ก็ดี! มีเพื่อนดีกว่าไม่มี” เขาตอบแล้วเมินหน้าเหมือนเดิม
“อันนั้นรู้อยู่แล้ว คุณน่ะคิดยังไง?” ตอบไม่เคยตรงใจเลยสักครั้งฉันเริ่มไม่ถูกใจอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าจะถามอย่างนั้น แต่จริง ๆ มันหมายถึงคุณคิดกับฉันยังไงต่างหาก? ซื่อบื้อเอ้ย// บื้อจริง ๆไอ้ลูกเต่าน้อย!//
“ผมเคยบอกแล้วไงว่า ผมรักทุกคน ผมเป็นคนของประชาชน ใครจะเอาไปเป็นสมบัติส่วนตัวไม่ได้” เขาหน้านิ่งมาก ฉันไม่ชอบคำตอบนี้เลย แต่ก็ยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อนความผิดหวัง
“คุณรักนาตาลีมากมั้ย?” เขาถามทำไม? ไม่ชอบให้ถามอย่างนี้มันแทงใจดำ
“มากมั๊ง! ไม่รู้สิ! ถามทำไม?” ฉันสะบัดเสียงเชิดหน้า รู้สึกไม่พอใจ ยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไปไม่ชอบ ถามเรื่องหนึ่งแฉลบไปอีกเรื่องหนึ่งเสมอ น่าเบื่อ
“ต้องการอะไรจากคนรักครับ” เขาจะมาไม้ไหนอีก?
“อ้าว..รักกันก็อยากอยู่ด้วยกันสิ ไม่งั้นจะรักกันทำไม? เสียเวลา” ฉันขึ้นเสียงกับเขาอีกแล้ว ยิ่งนับวันยิ่งเอาแต่ใจตัวเอง ก็เขานั่นแหละทำให้ฉันเคยตัว
“ถ้านาตาลีหายไปเลย คุณยังจะรักเธออยู่หรือเปล่า?”
ฉันหันไปจ้องหน้า กวนใจอีกแล้ว…
“จะพูดอะไรให้งงอีก ทุกวันนี้หนูก็ยังรักอนนี่อยู่นะ” ฉันโวย คุยเรื่องรัก ๆ กับเขาทีไรเป็นต้องปวดหัวทุกที
“เปล่าครับ?” เขาตั้งใจขับรถก่อนที่พายุจะลง เดี๋ยวนี้เก่งใหญ่แล้วนะรู้จักหลบหลีก
“แล้วความรักของคุณมันเป็นยังไง? ถามจริง! คุณเคยรักใครบ้างหรือเปล่า?” ฉันสงสัยจริง ๆ ทำเป็นมาปากดี เที่ยวมาสอนคนอื่น
“ผมรักทุกคนและผมไม่เคยคิดจะเป็นเจ้าของใคร ผมไม่ต้องการความรักตอบ เป็นไงหล่อมั้ย?” //กวนตีนน่ะสิ!//
“บ้า!..รักทุกคนเลยหรือไง? ปัญญาอ่อน!” ฉันจั่วเต็ม ๆ
เขาอึ้งไปสักพัก…
“คุณคิดมั้ยว่า ถ้าผมไม่ได้รักคุณทั้งสองคน ผมจะทำงานให้ฟรี ๆ มั้ยครับ?”
“หือ!” ฉันจ้องตาไม่กระพริบ นี่ไง!..ออกลายแล้ว ไอ้หมอนี่คิดไม่ดีกับพวกเรามาตลอด
ฉันขยับตัวนั่งใหม่ เรื่องนี้ไม่ปล่อยผ่านแน่ ๆ นิสัยเจ้าชู้นี่เอง…
“ตลกละ! คุณรักใคร? หนูกับอนนี่ไม่เคยสนใจคุณตั้งแต่แรก ไม่เคยมองด้วยซ้ำไป... เชอะ!” ฉันเมิน ไม่ถนอมจิตใจด้วย
“ผมก็ไม่ได้สนใจว่าเป็นคุณหรือใคร? ผมสนใจแต่เรื่องราวของพวกคุณ ผมคิดว่าพวกคุณกำลังทำในสิ่งที่มีคุณค่า ผมจึงอยากช่วย ถึงไม่ใช่พวกคุณผมก็ช่วย...ถ้ามันคุ้มค่า ผมเคยบอกเรื่องนี้ไปแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย อย่าหลงตัวเอง!” เขาบอกกลับแบบไม่แยแสเช่นกัน
“?????” ฉันอึ้งถอยหลังไปนิด แต่ยังมองหน้าไม่ละสายตา //ใจดำ เดี๋ยวนี้หัดเถียง //
“ความรักของคุณคืออะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจ” ฉันเปลี่ยนน้ำเสียงเบาลง ขึ้นเสียงแล้วใช้ไม่ได้ เปลี่ยนวิธีพูดดีกว่า
“คือความปรารถนาดี ถ้าให้คุณเข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนคุณรักไอดอลของคุณนั่นแหละ คุณรักพวกเขา ตามเชียร์พวกเขา เก็บเงินซื้อสินค้าราคาแสนแพงของพวกเขา หัวเราะและร้องไห้ไปด้วยกัน มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าให้เขาประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจอตัวกันจริง ๆ แล้วสุดท้ายคุณได้อะไร? เหมือนกันเลยครับ ”
“มันไม่เหมือนกันนี่คะ?”
“มันก็คือความรักที่อยากให้เหมือนกัน ไม่ใช่เหรอ?” เขาหน้ามึน
“มันจะเหมือนกันได้ยังไง? หนูไม่เคยเพ้อเจ้อขนาดอยากจะไปเป็นเมียไอดอล แค่ชื่นชอบในความคิดและความสามารถแค่นั้น แล้วของคุณล่ะ?” ฉันลุ้นรอคำตอบ นายแทนยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย สายตาแพรวพราวน่าขนลุก...
“เมื่อก่อนก็ไม่คิด แต่พอเจอผิงผิง! ผมกลับคิดอยากเป็นผัวไอดอลเหมือนกันนะ ผมสมัครเป็น FC เธอไปแล้วด้วย จึ๋ย!จึ๋ย! สักวัน!ผมจะเป็นติ่ง Complete ผมจะไปอยู่เกาหลีใต้”
“โบ๊ละ!” ฉันตบหัวสั่นไปเลย มากไปแล้วนะ
“ตีผมทำไม?”
“นี่ไง!ถึงต้องตั้งกฎ! เจ้าชู้จีบคนมั่วไปหมด หนูรู้สึกไม่ปลอดภัย”
“ไม่ปลอดภัยยังไง? ผิงผิง! เป็นเพื่อนคุณนะ คุณสัญญากับผมในป่าแล้วว่า จะแนะนำให้ผมรู้จัก ผมจะเอาคนนี้ ผมทำตามสัญญาทุกอย่างแล้ว คุณก็ต้องทำตามสัญญาสิ” แน่ะ!ยังปากดี ชะตาจะขาดอยู่แล้วยังไม่สำนึกอีก
“เออ! ไม่ปลอดภัยก็แล้วกัน หนูรู้สึกอย่างนั้น คุณไม่ต้องรู้หรอก” ฉันโมเมไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างด่วน...
“แล้วคุณไม่ได้อยากอยู่ด้วยกันกับคนรักเหรอคะ? คนรักกันก็อยากอยู่ด้วยกันสิ อยากอยู่ใกล้ ได้คุยกันตลอดเวลา ได้กินข้าวด้วยกัน”
“ผมยังไม่อยากมีคนรักตอนนี้ ค่อย ๆ ใช้ชีวิตตามฝันของตัวเองให้เต็มที่แล้วค่อยมีความรัก เพราะถ้ามีคนรักก็จะเป็นอย่างที่คุณพูด ต้องตัวติดกัน ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี มัวแต่ง้องแง้งกัน”
“คุณทำให้หนูงงทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ มันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ มันต้องง้องแง้งสิ เพื่อให้สัมพันธ์แน่นแฟ้น” ฉันส่ายหน้า เขาไม่เคยเข้าใจผู้หญิงเลยต่างหาก
“ผมไม่ใช่คนโรแมนติกมั้ง? ไม่ใช่ผู้ชายคลั่งรัก ผมรักในความเป็นตัวตนของเขา ผมรักเจ็ทโด้เพราะเขาหนักแน่น รักจริง จิตใจมั่นคง ผมรักพี่ซอนเพราะเขาเก่งและซื่อสัตย์กับเจ็ทโด้ ผมรักนาตาลีเพราะเธอเป็นมนุษย์พิเศษ ผมรักจูยอนเพราะเธอเป็นนักสู้ และผมก็ไม่เคยคิดว่า รักใครแล้วต้องได้อะไรตอบแทน” เขาพูดขึงขังแล้วเหล่ตามามอง...แล้วฉันล่ะ? ไม่รักเลยเหรอ ไม่มีอะไรดีเลยเหรอ?
“หรือว่า คุณจะรักเพราะต้องการเซ็กซ์ ถ้าต้องการเซ็กซ์ อย่ารักกันดีกว่า” อ้าว! เขามองฉันเป็นอะไรไปแล้ว พูดอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว
แต่มาคิดอีกที...ทั้งหมดมันเรื่องเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ผู้หญิงเขามัดรวมเป็นเรื่องเดียวกันหมด สิ่งที่เป็นปริศนาน่าค้นหาคือเรื่องเซ็กซ์นี่แหละที่สาว ๆ อยากรู้ อยากลอง
“ยังไงค่ะ ไม่เข้าใจ?” ฉันสับสน เขานี่แหละที่ชอบมั่วข้อมูล
“สมมุติว่าเราเป็นแฟนกัน คุณต้องไปเป็นไอดอลเกาหลี เขาห้ามมีแฟน ไม่ได้มีเซ็กซ์กัน ผมก็ยังคงรักและรอคุณประสบความสำเร็จดังที่ฝันไว้ ยังคงคอยสนับสนุนในเรื่องอื่น ๆ หรือคุณจะไม่สนกฎ แอบไปมีเซ็กซ์จนโดนจับได้ โดนไล่ออก หมดอนาคต ฝันสลายเพื่อแลกกับเซ็กซ์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม” แหม!พูดเก่ง พูดซะฉันรู้สึกผิด...
“อีตาบ้า! ใครจะทำให้จับได้ล่ะคะ ดาราไอดอลคุณคิดว่า พวกเขาจะหนีความต้องการทางธรรมชาติได้เหรอ? เขาก็แอบเอากันทั้งนั้นแหละ หนูยังสงสัยว่า ไอ้พวกผู้จัดการหนุ่ม ๆ พวกนั้น มันคงประหารไอดอลหมดแล้วมั้ง?” ช่างจะกล้าพูดนะฉันเนี่ย ขอให้ชนะเถอะ...ฉันเถียงทุกดอก อายก็อายใจเต้นรัวแล้ว
“เอาอะไรมาพูดอีกเนี่ย? ใส่ร้ายพวกเขา บาปกรรม” เขาขมวดคิ้ว
“จริง! ไอดอลเกาหลีชื่อดังโดนผู้จัดการเชิดเงิน 4ล้านหยวนมีข่าวดังไปทั่วโลก แต่ไม่มีการดำเนินคดีกัน แค่ขอโทษแล้วปล่อยผ่าน คุณคิดว่ามันสมเหตุผลมั้ยล่ะ? ผู้จัดการก็ยังหนุ่ม ไอดอลก็เต็มสาวขนาดนั้น”
“ไอดอลคนนั้น อาจจะสำนึกบุญคุณของผู้จัดการล่ะมั้ง?” เขาตอบแบบนี้แสดงว่า ไม่รู้เรื่องวงใน
“เดี๋ยว!เดี๋ยว!ตื่นก่อน! มาทำความเข้าใจกันก่อน ตำแหน่งผู้จัดการดารามันคือผู้รับใช้ คอยวิ่งซื้อของ คอยขับรถให้ คอยกันคน คอยแก้ปัญหากระจุกกระจิกเล็กน้อยให้ ไม่เหมือนกับผู้จัดการธนาคารนะคะ คนละเรื่องนะคะ”
“อ้าวเหรอ? เห็นเรียกว่า ผู้จัดการ”
“ก็ใช่ไง! เขาทำตามหน้าที่ได้ค่าจ้าง ไม่เป็นบุญคุณหรอกค่ะ เงินขนาดนั้นใจดีแค่ไหนก็ต้องเอาเข้าคุก ถือว่ากรุณาที่สุดแล้ว หนูคิดอย่างไรก็ให้อภัยไม่ลง ขอยืม...ก็มากไป เงินขนาดนั้นผู้จัดการดาราจะเอาปัญญาจากไหนมาคืน หนูไม่ให้ยืมกันตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถ้าขโมยบัตรไปกด...ยิ่งน่าคิด ถ้าไม่สนิทกันจริง รหัสต่าง ๆ จะรู้ได้ยังไง? เราสองคนก็สนิทกันไม่น้อยนะคะ คุณยังไม่รู้เรื่องพวกนี้ของหนูเลย”
“แล้วคุณเคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมบริษัทจึงเอาชายหนุ่มมาเป็นผู้จัดการให้กับศิลปินสาว?”
“คุณไม่ฉลาดเลย...คนอยู่ด้วยกันทุกวัน ความผูกพัน ความรักมันเกิดขึ้นได้ตลอด ถ้าเขามีความสัมพันธ์กันจริง ทางค่ายฯ ก็จะได้รับประโยชน์เพราะศิลปินจะไม่ย้ายค่าย เพราะถ้าย้ายก็แฉ พวกศิลปินเกาหลีถึงฆ่าตัวตายมากที่สุด หนูคิดอย่างนี้ว่ะ!”
“แต่เขาก็มีกฎนะ”
“กฎก็เอาไว้เล่นงานไอดอลที่ไม่ดัง หรือเอาไว้กำจัดตอนชื่อเสีย”
“เราคุยเรื่องความรักถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด สักวันพวกเขาต้องออกมายอมรับว่าเป็นแฟนกัน ทางค่ายฯไม่ยอมให้เป็นข่าวหรอก เด็กกำลังทำเงิน” เขายังเข้าข้างความรักเหมือนเดิม
“งั้น! หนูก็พูดถูกคนรักกันต้องมีเซ็กซ์กัน ของมันคู่กัน” พูดเพราะอยากเอาชนะแท้ ๆ กระดากปากฉิบหาย ใจเต้นแรงด้วย อายก็อาย แต่ไม่ยอมแพ้หรอก ผิงผิง! ยังมีแฟนได้ตั้งหลายคน ผู้หญิงก็คุยเรื่องนี้กันทั้งนั้น นายนั่นแหละผิดปรกติ
แอบคิดถึงนาตาลี ฉันต้องการมันถึงต้องตามช่วยคนรักไง? นายไม่เข้าใจผู้หญิงต่างหาก ไอ้เต่าน้อยเอ้ย!
“คุณลองถามใจตัวเองอีกครั้งสิ ที่มีแฟนเพราะคุณต้องการอะไรกันแน่ ระหว่างความรักกับความใคร่? ผู้หญิงที่ดีมักจะมองผู้ชายขยันขันแข็ง รักจริงและดูแลครอบครัวได้ ผู้ชายที่ดีต้องการกุลสตรีมาเป็นแม่ของลูก ถ้าเที่ยวไปชอบคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วมีเซ็กซ์ไปทั่ว เท่ากับกำลังดูถูกตัวเอง ลดศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ไม่สามารถดูแลจิตใจตัวเองได้ ถ้าพลาดท้องขึ้นมาล่ะ...” เขาเอาอะไรมาพูดอีกแล้ว ฉันเกาหัวไม่เข้าใจ เขาไม่ฉลาดจริง ๆ
“ถุงยางเยอะแยะไป” อุ๊ย! ฉันรีบปิดปากพูดอะไรออกไป
“หือ!” เขาคิ้วขมวดจ้องหน้า อีตานี่เหมือนคนแก่จริง ๆ ชอบสอน
“ถ้าคุณเกิดท้องขึ้นมา จากฝันสุดฟ้าต้องมานั่งเลี้ยงเด็ก มันคุ้มค่าไหมครับ? คู่รักที่คบกันเพราะชอบเซ็กซ์อยู่ด้วยกันไม่เกิน 3 ปีก็เลิกกัน เพราะมันเบื่อ หมกมุ่นเรื่องเดียวไม่ได้มองคุณค่าและความสวยงามของคู่รักอย่างแท้จริง”
“อ๋า!หนูเข้าใจแล้ว งั้น!ใส่ถุง 2 ชั้นจะได้ไม่ท้อง แล้วเปลี่ยนผู้ชายทุก 3 ปีจะได้ไม่เบื่อ”
“จะบ้ารึไง? ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น คู่รักกันต้องประกอบไปด้วยความเข้าใจ มันจะมีสายใยผูกพันธุ์ไปทั้งชีวิตครับ” เขาเกาหัวบ่อยไปแล้ว สงสัยต้องสระผมให้แล้ว
“รู้แล้วน่า! แค่ล้อเล่น!” ฉันก็แค่อยากเอาชนะ...
“ว่าแต่ว่า!..หนูจะไปหาผู้ชายอย่างนั้นได้ที่ไหน? ชี้ช่องให้หน่อยจิ”ฉันหมายถึงนายน่ะแหละ เขินจัง!...ลุ้นรอคำตอบใจจดจ่อ...
“ถ้าคุณอยากได้ผู้ชายแบบนั้น...” เขาโยกหัวครุ่นคิด ฉันลุ้น...อยากให้ตอบว่าเป็นเขา
“งั้น! ผมเอานาตาลีนะ! ”
“ห่ะ!”
“ผลัวะ!” ตบซะหัวทิ่มไปเลย //เซ็งเลย เปิดช่องไม่ได้ทีเดียว กำลังคุยสนุก ๆ เสียอารมณ์//
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ก็คุณจะเอาผู้ชายไง?” เขากุมหัวยิ้มร่า ไม่สลด
“หนูสมมุติไง?” ฉันเงื้อมือ เดี๋ยวซัดอีกผลัวะหรอก
“เยอะแยะไป! แต่คนดี ๆ มักจะไม่หล่อ คนหล่อมักจะไม่ดี” เขาตอบแล้วสะบัดหน้ากลับไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม ฉันมองหน้าเขาแบบพิจารณา อีตานี่เป็นคนยังไงกันแน่นะ
“คุณมีแฟนมากี่คนแล้วคะ?” ฉันถามเพราะเห็นว่าเขามีความคิดดี แต่จริง ๆ ที่ซ่อนไว้คือ...อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขามาก...กกกก
“คนเดียว! เลิกกันแล้ว”
“คุณเลิกกับแฟนเพราะอะไร? คุณก็ไม่ได้เลวร้ายนี่?”
“ถามเยอะไปมั้ย?” เหล่มองอีกแล้ว
“เออน่า! หนูไม่ไปเล่าให้ใครฟังหรอก” ขยับไปเกาะแขน
“มันไม่ได้เกี่ยวกับไปเล่าให้คนอื่นฟัง คุณถามผมมากไปมั้ย?” โวยเสียงดังเชียวนะนายแทน
“เล่ามาจะฟัง นานรึยัง?” ฉันตีสีหน้าขรึม
“ผมไม่ได้เลิก เธอเทผมไปมีคนอื่น เราอยู่ไกลกันเธอก็เลยหาคนใหม่ใกล้ ๆ เพราะเธออยากได้คนอยู่ด้วย กินข้าวด้วย คอยเอาใจ ถ้านั่นคือความสุขของเธอก็ปล่อยไป” เขาบอกไม่เต็มเสียง ท่าทางอึดอัดที่โดนถามจู่โจม คิดแบบเขา...ความรักก็พังเหมือนกัน
“นั่นไง! ความรักของคุณมันก็ใช้ไม่ได้ ของหนูถูกต้องที่สุด ถูกใจปล้ำเลย! ลุยปะฉะดะไปคว้ามันมา แก้ปัญหาทีหลัง ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉันแลบลิ้นใส่ /ใจจริงแล้วก็ไม่กล้าขนาดนั้น/
“รักทางไกลเป็นบทพิสูจน์ความรักอย่างดีที่สุด มันเป็นการวัดจิตใจที่มั่นคง ดูอย่างเจ็ทโด้สิ! เขารักน้าเอื้องเสมอต้นเสมอปลาย โดยไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคนรักเลย เขาเป็นไอดอลของผม ผมไม่สนใจความรักฉาบฉวย ผมไม่มาคอยนั่งรับโทรศัพท์หรือต้องรายงานตัวตลอดเวลา” อุตส่าห์ตั้งใจฟัง ยังแวะมาเฉี่ยวฉันอีก...
“คุณว่าหนูเหรอ?” ฉันรู้สึกขวาง ๆ หู
“ว่าตอนไหน?” เขาสีหน้าเรียบเฉย วิธีคิดของเขาก็เรียบง่ายดี เขามีวิธีคิดที่ทำให้ตัวเองไม่ทุกข์ได้ด้วย ไม่จมลึกกับความเสียใจ
“เพื่อนหนูก็มีให้เห็นทั้งสองมุมที่คุณพูดนะ คู่ที่รักกันช่วยเหลือกันเรียนจบไปได้ดีกันทุกคน แต่พวกที่มีรักและมีเซ็กซ์ในวัยเรียนชีวิตกระท่อนกระแท่นกันหมด” มันก็มีเรื่องจริงซ่อนอยู่ในเรื่องเล่าของเขา แต่ช่างเถอะ! ฉันมีเซ็กซ์กับนาตาลีไม่ท้องหรอก นายไม่รู้อะไรต่างหาก
“ความรักที่แท้จริงคือการให้และรับอย่างมีศิลป์” เขาพึมพำสงสัยยังไม่จบ //แต่ไม่มีเลยเหรอ ที่ความรักของคุณจะเอี่ยวฉันไปด้วย?
“นาตาลีกับคุณคงไปด้วยกันด้วยดี ผมเป็นกำลังใจให้นะ อยู่เป็นเพื่อนกันจนแก่เฒ่า ผมจะแวะไปเยี่ยมบ่อย ๆ ผมยังไม่มีแฟนง่าย ๆหรอก” โฮะ!โฮะ!โฮะ! ถูกใจ...พูดดีก็เป็นนี่นา ฉันปลื้ม…
“เนอะ!..หนูก็คิดอย่างนั้น” รู้สึกลิงโลด
“คุณรู้มั้ยว่า ระหว่างเพื่อนกับแฟนต่างกันตรงไหน?” เอ๊า! ยังไม่จบอีกเหรอ?
ฉันหันไปมองหน้า ...
“เพื่อนนอนด้วยกันไม่ได้ แฟนนอนได้ค่ะ” ตอบมั่ว ๆ ไปก่อน
เขาหันขวับ...
“หัวสมองคิดแต่เรื่องนี้เหรอ? หมกมุ่นจริง!”
อ้าว..ซวย! ก็คุณถามฉันนี่ โดนด่าฟรีเลย
“..........” ไม่รู้แล้ว ฉันส่ายหน้า
“เพื่อน...ถึงจะรักมันคิดถึงมัน แต่หัวใจเราไม่เต้นแรง เพื่อน..เราวาดอนาคตกับมันแค่จบการศึกษา เราเข้าใจและยอมรับในความผิดพลาดที่เรามีส่วนร่วม แต่แฟน...เราคิดถึงทุกเรื่อง อยากเสือกไปทุกอย่าง เราเข้าใจและยอมรับในความผิดพลาดได้ทุกเรื่อง เป็นห่วงกับเรื่องขี้หมาและคิดถึงแม้เขานั่งอยู่ข้าง ๆ” แหมตอบหล่อจังเลย ฉันชอบมากจริง ๆ นะ ตอนนี้ฉันก็เป็นแบบที่นายบอก คิดถึงนายแม้อยู่ข้างๆ...ฉันชอบนายเหรอ...ไม่ใช่มั้ง?
เขารู้ว่า ฉันกับอนนี่เป็นคู่รักกัน จึงไม่ได้คิดอะไรกับเราทั้งสองคน มีเพียงความเป็นเพื่อนที่ดีให้เท่านั้น ฉันคงอ่อนไหว คิดอะไรเกินเลยไปเองเพราะความสนิทสนม การได้คลุกคลีกันอาจทำให้เข้าใจผิด คิดไปเอง //เขาก็คงไม่ได้คิดอะไรกับฉันหรอก หยุดแค่นี้เถอะ! คิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว!
“ไปบ้านหนูนะ เล่นโดรนบนดาดฟ้ากัน มองเห็นตึก The 3 templeด้วย” ฉันเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะสร้างความอึดอัดให้ตัวเองไปกว่านี้ ทำไมฉันสับสนตัวเองอย่างนี้นะ? ตกลงอย่างไรกันแน่? //ไม่คิด ไม่คิด เอามือทุบหัว//
ความรู้สึกและอารมณ์ของคน โอนเอนไปตามสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ ความสนิทความผูกพันไม่มีรูปแบบตายตัว เริ่มเมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะจำได้ รู้แต่เพียงว่า เราหวงและห่วงมากกว่าจะสนใจเรื่องของตัวเองด้วยซ้ำไป บางครั้งก็คิดแทนเขาไปเสียทุกเรื่อง วุ่นวายจริงสมองของคน
.............................................................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |