The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 24

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 3 ตอนที่ 24
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 3
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 10 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย

มุมมองสายตาของแทน
มีนาคม ค.ศ.2021

เราขึ้นมาบนดาดฟ้าทุกวัน ร่อนโดรนทุกวันก็ยังไม่เจอนาตาลี เริ่มจะหมดกำลังใจ คิดว่าสัญญาณในคอมฯ คงผิดพลาดหรือใครบางคนเก็บโทรศัพท์ของนาตาลีไว้

ลานโล่งชั้นดาดฟ้าของบ้านไป่ไป๋ เหมาะที่จะเล่นเครื่องเล่นโดรน  ผมขึ้นมาซ้อมสำหรับการแข่งขัน เป้าหมายที่แท้จริงของเราไม่ได้ต้องการชนะ เราต้องการส่งข้อความให้นาตาลี 

“เราต้องส่งสัญญาณให้นาตาลีรู้ก่อนว่า พวกเราอยู่ที่นี่” ผมบอกกับไป่ไป๋ที่กำลังสนุกกับการบังคับเครื่องร่อน หัวเราะเสียงใสสนุกสนาน 

“คิดออกหรือยังคะจะส่งสารยังไง?” เธอหันมาถามก่อนจะบังคับให้โดรนร่อนมาจอดแทบเท้า แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ

“หนูว่าโยนไอ้นี่ทิ้งไปเถอะ ดูกี่ครั้งก็เหมือนเดิม” เธอชี้ย่นจมูกไม่พอใจ ผมดึงโน้ตบุ๊กหนี

“ฮื้อ!..ของจูยอนไม่ได้นะ อย่างน้อยก็เป็นตัวแทนของเธอ” ผมบอกกับไป่ไป๋ด้วยความรู้สึกแบบนั้น เห็นของเท่ากับเห็นคน

จูยอนน่าสงสาร อย่างน้อยเธอก็เป็นรุ่นพี่ที่ใจดีและคอยรับฟังเรื่องการเมืองจากผม เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป มีความเพียบพร้อมในหลายด้าน

ส่วนไป่ไป๋อยู่กับผมจนสนิทแนบแน่น แต่ก็ทะเลาะกันบ่อย เธอชอบหาเรื่อง ผมก็ยอม ๆ ไปไม่อยากมีปัญหา เรามีเป้าหมายเดียวกัน มาเพื่อช่วยนาตาลี ตอนนี้คิดอย่างเดียวต้องหาตัวให้เจอ ใจจริงผมก็แอบชอบนาตาลีเหมือนกัน แต่..สงสารยายเด็กนี่ไม่อยากแย่ง

“คิดถึงจูยอนเหรอ?”เธอถามหน้าตูมนับวันยิ่งงอแง นิดหน่อยเป็นงอน ไม่เข้าใจเหมือนกันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ถ้าอายุมากกว่านี้ก็พอจะเข้าใจว่าวัยทอง

“แน่นอนคิดถึงสิ คิดถึงทุกวัน คิดถึงทุกคนน่ะแหละ คิดถึงนาตาลีด้วย” ผมตอบทันทีโดยไม่ได้คิดอะไร

“คิดอะไรกับเธอ”

“จูยอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นรุ่นพี่ที่ผมนับถือ ผมต้องเก็บคนเก่งแบบนี้ไว้เป็นเพื่อนสิ เธอก็เป็นเพื่อนคุณด้วย”

ส่วนนาตาลีก็มักทำตัวแปลก ๆ กับผม กอดจนน่าเกลียด ผมวูบหน้ามืดหลายครั้งแล้วนะ แต่ยังสงสารไป่ไป๋ ถ้าโดนแย่งคนรักคงร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ ยายนี่ก็น่ารักไม่อยากให้เสียใจ

“ทีหนูถามว่าคิดถึงหนูไหม? ไม่เห็นจะตอบเร็วอย่างนี้” เธอบ่นพึมพำข้างๆ ผมคิดในใจ...จะให้ตอบยังไง? ตัวติดกันทุกวัน แค่ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน จะคิดถึงยังไงคิดไม่ออก

ผมไม่สน ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง...

“ติดลำโพงไว้ดีมั้ย? พอขึ้นข้างบนแล้วเปิดให้มันเรียกนาตาลี” ผมหันไปขอความเห็นจากเธอที่กำลังมองไปที่ตึก The3temple

“ดีสิ!..พอมันเรียกปุ๊ป ทหารก็รู้ตัวปั๊ป คราวนี้..ยาว มีวิธีง่ายกว่านั้นตั้งเยอะ แค่นี้ก็คิดไม่ได้” เธอยังหน้างอ มองไปข้างหน้าไม่สนใจผมแล้วพูดต่อ

“จะส่งข่าวให้นาตาลีรู้ยังไงดีนะ?” ผมยังสนใจวิธีของเธอ แต่เธอคิดอะไรได้ก็ไม่ยอมบอก                 

“ส่งจดหมายไง ยากตรงไหน?” เธอยิ้มกว้างตอบแบบมั่นใจ 

ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี...            

“อธิบายมาสิ ต้องทำยังไง?” ผมหันไปถาม            

“หนูคิดแผนได้หมดแล้ว เรื่องพานาตาลีหนี” เธอยิ้มหน้าบานอีกครั้ง  ดูสิ! เด็กจริง ๆ คิดอะไรเป็นเล่นไปหมด...

“เราบินไปข้างตึกดีกว่า ตอนนี้มองเห็นข้างใน ชั้นบนเปิดไฟด้วย” เธอหันมาชวนเล่นโดรนอีกครั้ง

“หวือ! เราปล่อยโดรนลำน้อยบินไปที่ตึก ห่างจากบ้านไม่เกิน 1,500 เมตร ซึ่งสบายมากเพราะโดรนสองตัวนี้บังคับได้ไกลถึง 4 กิโลเมตรทีเดียว โดรนทั้งสองลำของเราบินเข้าไปรวมกับของคนอื่น ๆ ที่บินว่อนที่หน้าตึกหลายลำ ผมบังคับให้มันบินขึ้นไปชั้น 15 ที่เปิดไฟสว่าง ไป่ไป๋บินวนไปอีกด้าน

“เจอตัวแล้ว อยู่นี่เอง!  เหมือนยกภูเขาเอฟเวอเรสต์ออกจากอกยิ้มให้ภาพในจอที่เห็นตัวนาตาลี

“อยู่ไหน ๆ” เธอกรี๊ดก๊าดเสียงหลง

“แถวกลางลำตัวเลวีอาซาน นั่งอยู่บนโต๊ะ” ผมมองผ่านกล่องแว่น นาตาลีนั่งเหม่อใจลอย

“ยู้ฮู! อนนี่! เธอดีใจร่อนโดรนมาคู่กัน             

“ส่งข้อความตอนนี้ทันรึป่าวนะ คุณตามไว้นะ” เธอเรียกโดรน กลับมาแล้ววิ่งลงไปชั้นด้าน

ภายในอาคารชั้น15...โมเสส ฝรั่งผมทองตัวอ้วนใหญ่ เดินส่ายอาด ๆ เข้ามาพร้อมหมวดจางทั้งคู่สีหน้าเครียด ยืนคุยอย่างเอาเป็นเอาตายกับนาตาลีแล้วทหารก็เข้ามาควบคุมตัว

ผมบังคับโดรนติดตามเธอ แต่เธอเดินเข้าไปด้านหลังซึ่งเป็นมุมอับไม่สามารถมองเห็นได้

“มาแล้ว! ไป่ไป๋ขึ้นมาพร้อมม้วนกระดาษ

“ไปแล้ว! ผมบอกเสียงอ่อยเรียกโดรนกลับมาแล้ว

“อ้าว! ไม่ทันเหรอ?” เธอจิ๊จ๊ะเสียดาย ก่อนจะยิ้มกว้างกระโดดเข้ามากอด...

“อนนี่ยังอยู่ ดีใจจังเลย” เธอโผเข้ามากอดแน่น

“รอดแล้ว เธอไม่ตาย! เรากระโดดดีใจไปด้วยกัน พอได้เห็นนาตาลี ความรู้สึกสบายใจปลอดโปร่ง หมดกังวลและความสุขก็ถาโถมเข้ามา

                                                   ....................................................................

ผมทิ้งตัวนอนเหยียดยาวดูดวงดาวบนท้องฟ้า ปล่อยความคิดลอยล่องไปในห้วงอวกาศ เป้าหมายของเราอยู่ข้าง ๆ นี้เอง ยังหาวิธีดี ๆ ไปช่วยไม่ได้สักที แค่หาทางติดต่อยังยาก

“คุณมีแผนอะไร บอกมั่งสิ?” ผมหันไปหาไป่ไป๋ที่ยังร่อนโดรนหานาตาลี ทั้งที่ชั้น15 ปิดไฟไปแล้ว 

“รอเดี๋ยวนะคะ” เธอเรียกโดรนบินกลับมาร่อนลงแทบเท้า//ฝีมือไม่เบาเหมือนกัน//

“มันง่ายมาก ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวหนูจัดการเอง” เธอตอบแล้วนั่งลงข้าง ๆ อากาศหนาวเย็นคุยกันควันออกปาก 

ท้องฟ้ามืดทำให้มองเห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เสียงแตรรถยนต์เริ่มซาลง เวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว            

“งั้นผมกลับก่อนนะ” ผมถูมือไล่ความเย็นหันมองหน้า รู้สึกมั่นใจว่าจะได้เจอกับนาตาลีอีก

เธอยืนมองจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมสดใสเหมือนดวงดาวยามนี้เส้นผมด้านหลังถูกรวบผูกจุก ผมชอบเวลาที่เธอมัดผมอย่างนี้ ทำให้เธอน่ารักมาก ๆ             

“จะกลับเลยเหรอคะ จะรีบไปไหน? คุณพักที่ไหนทำไมไม่บอกหนูเลย? คุณรังเกียจหนูชัดมากขึ้นทุกวันเลยนะ” เสียงเธออ่อยลง แล้วทิ้งตัวลงมานั่งข้าง ๆ มาบทนี้ทีไรผมใจสั่นทุกที ถ้าเธอมาโล้งเล้งใส่ผมยังสบายใจกว่า เธอสวยมากเวลาอ้อน ผมระทวยทุกที แต่ผมเป็นคนมีคุณธรรม

“ขอหนุนแขนหน่อยนะคะ”

บางครั้งผมก็สงสัยว่า เราเป็นอะไรกัน เธอชอบมาซุกมากอดจนเกินเพื่อน ผมรีบยืดแขนออกให้ยาวสุด เพื่อจะให้เธอหนุนไกลหน่อย

“ฮึบ! แต่ผิดคาดเธอแหมะลงมาตรงรักแร้พอดี กลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอลอยเข้าจมูก แอบสูดลมหายใจชื่นใจจังเลย นี่คือสาเหตุที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้กับเธอ เวลาเธออ้อนได้ผลทุกครั้งใจของผมละลายไปกับเธอทุกที อาจจะเพราะความไร้เดียงสาของเธอด้วยละมั้ง? หรือว่าผมชอบเธอกันนะ?

“ไม่มีเพลงที่ไม่มีวันจบ  ไม่มีวันพบที่ไม่มีวันจาก” เธอกล่าวลอย ๆสายตามองขึ้นบนท้องฟ้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะพลิกตัวมากอดซบหน้านิ่ง ผิวขาวเนียน เนื้อนิ่ม กลิ่นตัวหอมทำให้ใจสั่น             

“ความสนุกความสุขในช่วงที่เราอยู่ด้วยกัน แม้มันจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ความทรงจำที่สวยงามของพวกเราจะอยู่นิจนิรันดร ผมจะไม่ลืมมัน”ผมนอนตัวแข็ง พยายามไม่คิดถึงหน้าอกนุ่มของเธอที่เบียดอยู่

ถึงผมจะเคยเห็นเธอเปลือยกายหลายครั้ง แต่ใจมันก็สั่นทุกครั้ง ไม่ยอมชินสักที ผู้หญิงคนนี้เซ็กซี่มากจะสวมเสื้อผ้าหรือไม่สวมก็มีค่าเท่ากัน สิ่งเหล่านี้ที่มันจะทำให้ผมสติแตก // คอเคล็ดไปหมด ไม่อยากคิด ไม่อยากอยู่ใกล้ แต่พอหนีเธอก็โกรธ ผมแอบคิด...สงสัยเข้ากฎข้อ 2 ของเจ็ทโด้//

“เพราะพัคอนนี่คนเดียว...ทำให้เราได้เจอกัน” เธอยังคงพูดอยู่ในท่าเดิม

“และก็จะเป็นเพราะนาตาลีอีกนั่นแหละ...ที่ทำให้เราต้องจากกัน”  ผมบอกเรียบ ๆ

“ทำไมต้องพูดว่าจากกันบ่อย ๆ ด้วย ใจคอไม่ดี ไม่อยากได้ยิน” เสียงเธอชักอาการไม่ค่อยดีอีกแล้ว งอแงอีกแล้ว                    

“เสร็จภารกิจแล้วก็จบไม่ใช่เหรอ? คุณก็ได้อยู่กับคนรัก ผมก็ไปตามทางของผม” ผมก็ใจหายเหมือนกันแหละ             

ผมก็คงไปเคว้งคว้างเหมือนกับจูยอน งานการก็ไม่มีทำแล้วจะให้ผมกลับประเทศคิดว่า คงยังไม่ถึงเวลา แค่กลับไปเยี่ยมเล็กน้อยก็พอได้ แต่ถ้าให้ตั้งรกรากทำงานที่นั่นคงไม่อีกแล้ว             

“อย่ารีบจากกันเร็วเกินไป หนูยังไม่คุ้นกับการที่ไม่มีคุณอยู่ข้าง ๆ” เธอก้มหน้าซุกรักแร้ เสียงเบา ๆ เล็ดลอดออกมา

“ถ้าไม่มีผมอยู่ข้าง ๆ แล้วคุณต้องเข้มแข็งนะ เดี๋ยวเวลาผ่านไปคุณก็ลืมกันไปเองแหละ” ผมบอกเธอเบา ๆ เช่นกัน ไป่ไป๋เป็นคนเก่งทำได้อยู่แล้ว ผมเชื่อเช่นนั้น

เธอมุดส่ายหน้ากับรักแร้...            

“ลืมเหรอ? หนูรอดตายหลายครั้งเพราะคุณนะคะ คุณคือคนที่ร่วมทุกข์มากับหนู หนูไม่เคยคิดจะลืมคุณเลย หนูจะลืมคุณได้ยังไง ไม่มีวัน?” เธอเงยหน้าดวงตาใสบริสุทธิ์                 

“ที่พูดนี่ไม่ใช่สัญญาใช่ไหม? อย่าสัญญาอย่างนี้นะ ผมไม่อยากได้ยิน มันบั่นทอนจิตใจ”             

“บั่นทอนยังไงหนูไม่เข้าใจ”             

“การพูดอย่างนั้นกับคนที่ต้องจากกัน มันเห็นแก่ตัว มันจะตามไปหลอกหลอนและทำให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตลำบาก ระยะทางยาวไกล วันเวลาที่เนิ่นนาน ทำให้คนลืมกันไปแน่นอน ถ้าจากกันแล้วจิตใจเปลี่ยน อีกคนจะได้ไม่ต้องเจ็บใจ” ตัวอย่างของเจ็ทโด้คือหนึ่งในเหตุผล ผมไม่ต้องการผูกมัดกับใคร ปล่อยให้ทุกคนคิดแบบเสรี แต่ถ้ารักกันจริงสักวันเราต้องได้เจอกันอีก เพียงแต่จะเป็นสถานที่ไหนเท่านั้นเอง           

“งั้น! หนูขอเห็นแก่ตัวนะคะขอพูดเลยก็แล้วกัน หนูจะไม่มีวันลืมคุณ หนูจะเก็บทุกความทรงจำทุกอย่างที่เคยทำร่วมกันไว้ตลอดไป” เธอเงยหน้ายิ้มมองด้วยสายตาแปลก ๆ

“ตึกตึก!ตึกตึก!” หัวใจของผมเต้นรัว ดวงตาสุกใส ริมฝีปากชมพูอวบอิ่ม น่าจูบจังเลย 

“ผมก็จะทำเช่นกัน พวกคุณจะอยู่ในใจผมตลอดไป”           

“คุณเคยกินเล่อกันเหมี่ยนหรือยังคะ? เดี๋ยวพาไปกินข้างตึก The 3 Temple นั่นแหละ!...อร่อยมากกก!” เธอก้มหน้าซบรักแร้เหมือนเดิม

ไป่ไป๋ที่ผมรู้จักสวยขึ้นทุกวัน แววตาช่างฝันเป็นประกายสดใส  ท่าทางกระตือรือร้น อยู่ใกล้ใครคนนั้นก็มีความสุข เวลาเดินไปไหนกับเธอผมแอบภูมิใจอยู่ลึก ๆ

เธอพลิกตัวกลิ่นหอมของเส้นผมเย้ายวนใจ ใช้ยาสระยี่ห้ออะไรนะทำไมหอมจัง เส้นผมสลวยดูแล้วนิ่มเชียว ขอดมหน่อยนะจะจำไปซื้อมาใช้บ้าง

ผมหลับตายื่นหน้าไปสูดดมกลิ่นเส้นผมด้วยความอยากรู้ ....
           “อุ๊บ! เธอเงยหน้าขึ้นมาในจังหวะที่ผมก้มลงไปพอดี ริมฝีปากสองเราประกบกันอย่างพอเหมาะพอเจาะเหมือนตั้งใจ

“อ๊ะ! ผมช็อกตาเบิกโพลง ฉิบหายแล้วตายแน่กู! ทำไงดีเธอฆ่าผมแน่ ไป่ไป๋..ผมขอโทษ นาตาลี...ผมขอโทษ เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ ปล่อยเพื่อนเรา ลุงฉุนออกไป! หัวสมองฟุ้งซ่าน ตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูก ดวงตาค้างปากยังจูบกันอยู่อย่างนั้น

“............” แต่เธอนิ่ง ไม่มีทีท่าจะถอนปากออกหรือหลบเลี่ยง สายตาประสานกันอย่างจัง...

เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เราสบตากันท่ามกลางดวงดาวอีกครั้ง สายตาเว้าวอนแบบนี้หมายความว่ายังไง? ผมไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้จากเธอ ใจสั่น ตัวชา เธอเองก็ไม่ยอมขยับหนี

เฮ้ย!..หลับตาแล้ว!

หลับตาทำไม!?

หลับตาทำไม!? 

“แกร๊ก! แกร๊ง!!! ไม่รู้เท้าใครปัดไปโดนโดรนลำน้อย เสียงทำให้ได้สติกลับมา เรารีบผละถอยออก เด้งลุกขึ้นยืนพร้อมกัน

“เอ่อ! เอ่อ! คอแข็ง หันหน้าหนีไปคนละทาง

“..............” ความเงียบคืบคลานเข้ามา มีแต่เสียงสายลมแผ่วเบา ทุกอย่างรอบกายหยุดเคลื่อนไหว จิตใจวาบหวิว สับสน หูร้อนผ่าว หัวใจเต้นรัว เงียบงันกันไป

เธอก้มหน้าห่อตัวเดินวนกลับไปกลับมา ผมแหงนหน้ามองดูดาวแก้เก้อ แกะเล็บมือจนนิ้วจะกุดอยู่แล้ว

“จึ้ง!...” หันไปมองสบตากันโดยบังเอิญ...

“จะกลับแล้วเหรอคะ? ขับรถดีดีนะคะ” อ้าว!..ไล่กันซะแล้ว มือไม้อยู่ไม่สุข ดึงแขนเสื้อจนยืด จะขาดอยู่รอมมะร่อ

“เอ่อ!..กำลังจะกลับพอดี ง่วงแล้ว! โชคดีโว้ย! ไม่โดนด่า หันหลังไม่ล่ำลา รีบลุกวิ่งลงบันไดอย่างเร็วไว โดยไม่ได้หันหลังกลับ 

“โครม! ตึง! โป๊ง! เป๊ง!ผมลนลานเตะของกระจัดกระจาย             

“ไม่ส่งนะคะ!เสียงเธอตะโกนตามหลัง

ผมพยายามเว้นระยะห่าง แต่เธอพังมันเข้ามาทุกครั้ง สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ เธอรู้ตัวไหมว่า มันทรมานจิตใจผู้ชายอีกคน ถ้าผมเป็นคนเห็นแก่ได้สักนิดทั้งสองสาวเสร็จผมไปตั้งนานแล้ว 

ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมอมา โหยหาความรักจากแม่มาตั้งแต่เด็ก ผมรักและบูชาน้าเอื้องเพราะเธอเป็นผู้หญิงใจดี ผมเห็นผู้หญิงเป็นเพศที่สวยงาม น้าเอื้องปลูกฝังไว้ว่า ถ้าดูแลผู้หญิงแล้วผมจะเป็นคนดี แม่จะกลับมาหา แม้โตขึ้นจะรู้ว่าถูกหลอก แต่มันก็ฝังในใจผมไปแล้ว ผมคิดเสมอว่า วันหนึ่งข้างหน้าผู้หญิงทุกคนต้องโตขึ้นไปเป็นแม่ที่ดีของลูก ผมไม่ต้องการทำให้เกิดความด่างพร้อยในตัวของว่าที่แม่ พวกเธอจะได้เล่าความทรงจำที่สวยงามให้กับลูกน้อยฟังด้วยความภูมิใจ ไม่ต้องสะดุดใจกับความคึกคะนองในวัยเยาว์ ที่สำคัญ! ไป่ไป๋มีฝันอยากเป็นไอดอล ผมยิ่งแตะต้องไม่ได้ เธอต้องบริสุทธ์ทั้งกายและใจ เพื่อเป็นที่รักของแฟนคลับในวันข้างหน้า เธอต้องทำตัวให้คู่ควรกับความรักที่ผู้อื่นมอบให้    

                                                                    .........................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม