
อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย
มุมมองนาตาลี
เมษายน ค.ศ.2021
ชั้น15ตึก The 3 temple แสงไฟฟ้าสว่างไสวใกล้เลิกงาน เจ้าหน้าที่ในชุดขาวต่างกำลังเก็บของ ฉันแอบเตรียมของสำหรับหนีออกไปอีกครั้งหลังจากติดต่อกับเพื่อน ๆ ได้ ความฝันที่จะหนีออกไปอยู่ใกล้แค่เอื้อม ความหวังเริ่มกลับมาอีกหน ครั้งนี้ต้องไม่ให้ถูกจับได้อีก คิดแล้วยังโกรธหมวดจางไม่หาย คนบ้าโกหกได้ไม่ซ้ำคำ
วัคซีนป้องกันโควิด Anti-Tame26 ของฉัน พวกมันก็เอาไปแต่ไม่เห็นได้ใช้เลย ใจคอของพวกเขาต้องการให้มนุษย์เป็นแบบนั้นจริงหรือ? พวกเขาต้องการให้มนุษยชาติอยู่อย่างขาดความฝัน ควบคุมได้เหมือนสัตว์เลี้ยงจริงเหรอ? กฎหมายที่กดหัวอยู่ทุกวันไม่เพียงพอสำหรับพวกมันอีกเหรอ? ความสำเร็จของพวกเขา คืบหน้าไปเรื่อย ๆ ในขณะที่สังคมกำลังโดนครอบงำด้วยความกลัว และไม่มีใครระแคะระคายแม้กระทั่งปัจจุบัน
ความกลัว เป็นอาภรณ์ของอารมณ์ ที่เกิดจากการรับรู้ภัยคุกคามของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเคมีทางสมองและการทำงานของจิตใต้สำนึก เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคน
ความกลัว เป็นพฤติกรรมตอบสนองต่อตัวกระตุ้น ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ซึ่งหน้าหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้คนรับรู้ว่าเป็นความเสี่ยง
มนุษย์ทุกชาติกำลังมอบตัว ยอมศิโรราบให้กับความกลัวโรคโควิด การเว้นระยะห่างคือวิธีควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อได้ดีที่สุด แต่ก็ทำให้ความสนิทใจค่อย ๆ หมดลงไปด้วย วัฒนธรรมการกอดจูบแบบโลกตะวันตก ไม่สนิทใจเหมือนเดิมอีกต่อไป
“ตึง!ตึง!”เสียงเท้าลงน้ำหนักเดินมา...
“เก็บของ! แล้วไปด้วยกันหน่อย” เสียงเด็ดขาดของโมเสสดังกังวานจากด้านหลัง หันกลับไปเห็นหมวดจางเดินตามหลังมาใจหายวาบ
“อึ้ย!” ฉันรีบถีบกระเป๋าเข้าใต้โต๊ะแล้วเดินเข้าไปหา
คราวก่อนพวกนี้ก็บังคับให้ไปคองโกกับหมวดจางมารอบหนึ่งแล้ว มันจะมาไม้ไหนอีก
“ไปฉวีจิ่งกัน!” โมเสสชวนอย่างรีบร้อน
ฉันคิดว่า คงเป็นเพราะข่าวเมื่อวานนี้แน่ จึงไม่ถามให้มากเรื่อง คว้ากระเป๋าสะพายกับเสื้อกันหนาวเดินลงลิฟต์ตามไป วุ่นวายกันจริง ๆ ต้องเดินทางไกลไปกับพวกนี้อีก กังวลจัง...จะได้หนีรึป่าวนะ
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เฮลิคอปเตอร์บินลัดฟ้าจากยอดตึก มุ่งสู่ทิศตะวันตกของประเทศ เป้าหมายเมืองฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ ฉันได้ยินชื่อก็ขนหัวลุกซู่แล้ว
ทุกอย่างดูเร่งรีบร้อนรน หลังจากเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ลานสาขาของบริษัทฯที่ฉวีจิ่ง หมวดจางก็พาขึ้นรถตรวจการณ์ออกไปอย่างรวดเร็วตีคู่กับรถแวนสีดำที่รออยู่ก่อนแล้ว
“บรื้น...นน!!” รถยนต์มาถึงกลางเมืองฉวีจิ่งในเวลาสามทุ่มเศษ ถนนหนทางยังสว่างไสวอากาศด้านนอกเย็นสบาย
เธอขับรถตามแผนที่หน้าจอเล็กที่คอนโซลหน้ารถยนต์ เวลาล่วงเลยไป...เธอขับรถตะเวนตามมาจนเจอ
“เจอแล้ว!” กลุ่มผู้ติดเชื้อ เดินรวมกลุ่มลงไปทางใต้ กำลังเดินออกนอกเมือง ต้นไม้ริมถนนไหวโยก ลมหนาวกรรโชกแรง
ผู้ที่ได้รับเชื้อ Tame 26 อาการถึงช่วงเปลี่ยนสภาพเป็น Soulless พวกหมวดจางมีวัคซีนแก้แล้ว สามารถช่วยคนเหล่านี้ได้ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่า พวกเขาจะจัดการอย่างไรกับผู้คนเหล่านี้ หรือจะใช้วิธีกำจัดทิ้งเหมือนรัฐบาลประเทศอื่น
“อือ!ออ!” พวกเขาคงหนาวเหน็บเดินเบียดเสียดกัน ทนทรมานกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างทรหด ทิ้งบ้านช่องเดินต่อไปโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเขาอยู่ที่ไหน ต้องใช้เวลาเดินอีกนานเท่าไหร่?
“ต้องเก็บนักข่าวก่อนค่ะ” หมวดจางหันบอกฝรั่งตัวอ้วนพยักหน้า
“นาตาลี! ดูผลงานที่เธอสร้างไว้สิ” เขาหันมาพูดแล้วหันไปยิ้มกับหมวดจาง
คำพูดของโมเสสทำให้ฉันโกรธ แต่ก็ยังสบายใจเพราะถ้าพวกเขาเลือกวิธีนี้ ฉันมีทางแก้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอเวลาให้ฉันรอดเท่านั้นเอง
“พวกคุณมาเป็นแพ็คเลยนะ เลวสำเร็จรูปจริง ๆ นะ เหมือนกันทั้งลูกพี่ลูกน้อง ทำผิดแล้วมาโยนให้ฉัน” ฉันนั่งมองจากเบาะหลัง หมั่นไส้ไอ้ฝรั่งอ้วนนี่จัง ตีฉันหลายทีแล้ว อย่าให้มีโอกาสก็แล้วกันจะกระทืบให้หนำใจเลย...
“คุณทำคนให้เป็นปีศาจ พวกเขาเป็นอย่างนี้แล้วคุณจะได้ประโยชน์อะไร งานการก็ทำไม่ได้” ฉันบอกแล้วเมินมองไปข้างนอกหน้ารถยนต์
สองข้างเป็นอาคารพาณิชย์สมัยใหม่ ไฟทางสว่างไสว เหล่าผู้ติดเชื้อเกาะกลุ่มกอดอกเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ชาวบ้านฉวีจิ่งยืนมุงมองเป็นแถวริมถนนทั้งสองฝั่ง
“ผมยังไม่ได้สั่งให้ทำงาน ผมสั่งให้ทำอะไรก็ได้ คุณรู้อยู่แล้วนี่” เขาตอบกลับ
“Soulless พวกนี้เดินมาไกลมาก มาจากกลุ่มชาติพันธ์มู่เหลา บางคนยังใส่ชุดชนเผ่าอยู่เลย คุณจำได้มั้ยดอกเตอร์?” หมวดจางถามฉันผ่านกระจกมองหลัง
“จำได้สิ! เธอใจร้ายมาก เสียดายนะ หน้าตาก็ดีแต่ใจหมา ถ้าตายไปขอให้เกิดในฉนวนกาซ่า” ฉันตั้งใจแขวะเต็มที่ เกลียดขี้หน้านัก เธอถอนหายใจนั่งนิ่งไม่โต้ตอบ
ยังดีนะที่ฉันเบาใจไปแล้ว ได้รู้ข่าวว่าทุกคนยังไม่ตาย ไม่งั้นฉันอาละวาดหนักกว่านี้ ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน วันนี้อาจจะได้วิ่งอีก ถ้ามีโอกาสฉันจะหนี หันมองไปที่กลุ่ม Soulless แล้วก็หดหู่ใจ...
“เดี๋ยวพวกเขาก็หนาวตายกันหมด คุณไม่สงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลยหรือไง? ธรรมชาติที่โหดร้าย ยังสู้ใจของพวกคุณไม่ได้เลย” ฉันพูดลอย ๆ สายตายังคงมองไปที่ร่างไร้วิญญาณทั้งสองฝั่งถนน
“คุณยังเด็กไม่รู้เรื่องการเมืองระดับโลกหรอก ถ้าคุณยังไม่ตายไปซะก่อน ก็อาจจะได้เห็นการกินเมือง” โมเสสไม่มีความรู้สึกผิดเลย
Soulless ยังเดินรุดหน้ากันต่อไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก รถยนต์นักข่าวขับตามหลังมาเป็นขบวน ฉันยังไม่แน่ใจว่า สองคนนี้คิดอะไรอยู่ เขาพาฉันมาดูอะไรกันแน่
“อือออ!” หัวแถวฝูง Soulless กำลังเดินผ่านสะพานคอนกรีตข้ามแม่น้ำ เซาเซียงเกียง แม่น้ำสายเล็กที่หล่อเลี้ยงชาวบ้านฉวีจิ่ง
“เรามีเวลาจัดการแค่ 30 นาทีต้องรอจังหวะให้ดี ปล่อยพวกเขาเดินไปก่อน” หมวดจางออกความเห็นกับโมเสส
“ดีเหมือนกัน ในเมืองนี้กล้องวงจรปิดเยอะ ไม่ดีแน่”
“แป๊น! แป๊น! ปี๊น! ปี๊น!” แตรรถยนต์ระงมถนน
พวกเราจอดรถยนต์รอ...จน Soulless เดินข้ามสะพานไปจนหมด การจราจรที่ติดขัดมาตลอดตั้งแต่พวกเราเข้าเขตฉวีจิ่ง เริ่มคลี่คลาย
“พวกนั้นข้ามไปเขตหงเหอแล้ว เป็นไปตามแผนค่ะ” หมวดจางจ้องไปที่สะพานข้ามแม่น้ำ ฉันไม่ชอบท่าทางของเธอเลย ใจร้ายชะมัด
“ฝั่งนั้นเป็นเขตกองพันที่ 4 ใช่หรือเปล่า?” โมเสสชี้ไปที่กำแพงยาวฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ
“ใช่ค่ะ! ท่านนายพลห่าวอู๋ได้เบิกทางให้แล้วค่ะ ส่งทหารนำหน้าไปเตรียมการให้ก่อนแล้ว เดี๋ยวเลยกองพันไปอีกนิดก็เข้าป่าได้”
“คุณพาฉันมาด้วยทำไม คุณจะกำจัดพวกนี้เหรอ?” ฉันร้อนใจกับสิ่งที่ทั้งคู่กำลังสนทนากัน
“จะปล่อยให้ข่าวไปลงสร้างความแตกตื่นไม่ได้ โลกไม่สงบ ชาวบ้านไม่สบายใจ หึหึหึ!” ไอ้อ้วนกวนตีน ใจร้ายมาก
“ฉันขอลง ฉันทนดูไม่ได้” ฉันไม่อยากให้ภาพติดตา
“ไม่นานหรอก เสร็จแล้วคุณต้องไปกับผม ยอร์นต้องการพบคุณ” โมเสสหัวเราะหึหึ กวนประสาท
หมวดจางหันมามอง...
“เนื้อตัวของพวกเขาเน่ายุ่ย มันมาจากเชื้อคางคกซูรินาม ที่คุณบอกจริง ๆ มันเปื่อยเร็ว เพราะพวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ และขาดการดูแลร่างกายที่ดี” เธอหันมาชวนคุย
“รุ่นหลัง ฉันแก้ไขให้แล้ว” ฉันเมินหน้า
สักพักใหญ่เธอก็ออกรถ ตามกลุ่มนักข่าวและจีนมุงที่ติดตามมาดูเป็นขบวน ฉันเหลือบมองดูนาฬิกาหน้าปัดรถบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว
“บรื้น!...นน!” หมวดจางเพิ่มความเร็วแซงนำหน้าทุกคันออกไป
เธอเสือกหัวรถเข้าพุ่มไม้ข้างถนน หลังจากเลยกำแพงรั้วกองพันที่ 4 แล้วลงจากรถยนต์วิ่งข้ามถนนหายไป
“เอ้อ!” ฉันบิดตัวแล้วลงเดินสลัดแขนขา คอยสังเกตท่าทีพวกเขา ฝั่งตรงข้ามเป็นถนนลูกรัง ตัดตรงเข้าไปในป่า มีไม้กระดกกั้นไว้
หมวดจางวิ่งข้ามถนนกลับมาจากฝั่งตรงข้าม
“นาตาลีขึ้นรถ เร็ว!”
“ท่านประธานเร็ว ๆ ค่ะ” เธอสั่งเสียงดัง ฉันเดินเอ้อระเหยขึ้นรถไม่รีบร้อน โมเสสรีบก้าวเดินมาจากชายป่ามือรูดซิปกางเกง
“บรื้น...นน!!” รถยนต์ขับข้ามถนนลงไปบนทางลูกรัง เลาะกำแพงกองพันเข้ามาด้านหลังเป็นป่าสนามซ้อมของกองพันที่ 4 ไม่ลึกมากนัก มองเห็นถนนอยู่ด้านหลัง
บริเวณนี้มืดมากทหารสองนายถูกทิ้งไว้ที่ไม้กั้นริมถนน สักพักใหญ่แสงไฟจากหน้ารถยนต์สาดส่องถนนให้เห็นเงาฝูงชนเดินกันมาใกล้ถึงแล้ว ทันทีที่มองเห็น Soulless ตนแรกเดินพ้นกำแพง...
“วี้ด…ดด!” หมวดจางชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่างแล้วเป่านกหวีดมัจจุราชของเธอ เสียงแหลมเล็กดังพลิ้วไปตามสายลม ดั่งขลุ่ยผิวของศิลปินจีนที่ปลอบประโลมจิตใจอ่อนล้า แต่นี่มันกลับเป็นเสียงของความตายที่เพราะพริ้ง
“Messiah!” เธอตะโกนเรียก เสียงเท้าอึกทึกด้านนอกดังขึ้นทันที พื้นดินสั่นสะเทือน พวกเขาได้ยินเสียงเรียกจากนกหวีดแล้ว ...
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” เสียงร้องน่ากลัวตะโกนก้องในยามค่ำคืน กลุ่ม Tamer 30 เริ่มวิ่งจากบนถนนเข้ามา ผ่านหน้าทหารสองนายที่เฝ้าไม้กระดกโดยไม่มีใครโดนทำร้าย
“วี๊ด…ดด!” เธอค่อย ๆ ขยับรถช้า ๆ ไปตามทางแล้วมาหยุดที่บ่อดินขนาดใหญ่ที่พึ่งถูกขุด เงาตะคุ่มของรถแบคโฮจอดอยู่บนเนิน
เธอขับเลาะกำแพงต้นไม้ไปช้า ๆ พลางเป่านกหวีดบอกตำแหน่งของตัวเองไปด้วย Tamer30 เริ่มบ้าคลั่ง พวกเขากำลังวิ่งแข่งกันตามหาเสียงนกหวีด
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”
ทันที่ที่ฉันเห็นพวกเขายิ้มเต็มใบหน้า น้ำตาของฉันก็ร่วงพรู ความสลดหดหู่เข้าเกาะกุมจิตใจ อานุภาพของนกหวีดล้างสมองให้พวกเขากลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ที่เชื่อฟังผู้เป่าอย่างไม่ลืมหูลืมตา อารมณ์รักขึ้นขีดสุด พวกนี้ขาดสติทำได้ทุกอย่าง น่ารันทดใจ...
แสงไฟจากรถนักข่าวส่องสว่างตามหลังมา กลุ่ม Tamer30 วิ่งเข้ามาล้อมรถของเรา หมวดจางก้าวลงเดินอย่างทระนง...
“เงียบ!” เสียงสั่งประกาศิต
“...........” เธอเดินขึ้นไปยืนยืดอกตัวตรงบนขอบบ่อดินสั่งการ
ฉันปีนขึ้นมายืนบนหลังคารถมองสังเกตการณ์ ความซวยมาเยือนกลุ่มนักข่าวและจีนมุงที่ติดตามหลักร้อยคน พวกเขากลายเป็น Tamer30กับเขาไปด้วย หมวดจางยืนรอจนกระทั่งบนท้องถนนไม่มีใครหลงเหลือ
“ขอความร่วมมือ ปิดไฟหน้ารถด้วยครับ” เสียงทหารสั่งเฉียบขาด กับนักข่าวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน สักพักไฟหน้ารถยนต์ทุกคันก็ดับลง ความมืดแทรกเข้ามาแทนที่ ยังไม่ทันที่จะตั้งตัว หัวใจก็เต้นรัว เมื่อได้ยินคำสั่ง
“ฆ่านักข่าวให้หมด!” หมวดจางตะโกนสั่งเฉียบขาด ฉันเมินหน้าหนี เกลียดคำสั่งนี้ของเธอจังเลย จะทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทำไม?
ไฟฉายจากทหารสาดชี้เป้า ไปจับที่กลุ่มรถยนต์ของนักข่าว พวกเขาตกใจใบหน้าตื่น เหรอหรา ถอยหลังกรูด เตรียมหนีตายแต่ยังปากกล้าขาสั่นร้องถาม...
“จะทำอะไร! พวกคุณจะทำอะไร? ผมเป็นสื่อนะ!เจ้านายของผมเป็นเพื่อนกับรัฐมนตรีนะ” นักข่าวชายใบหน้าถอดสี ที่เหลือประมาณ 7-8 คน จับมือกันรวมกลุ่ม
“ยินดีด้วย เป็นสื่อตายก่อนเลย ฆ่ามัน!” ยายโหดชี้นิ้วแผ่นดินสะเทือนทันที…
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ฝูงTamer30 กลับหลังหัน หน้าตาโกรธเกรี้ยววิ่งเข้าใส่กลุ่มนักข่าวทันที
ในขณะเดียวกัน ทหารสองนายที่เฝ้าไม้กระดกขึ้นลำปืนเดินเข้ามาช่วยกันกระหน่ำยิงนักข่าวและผู้ติดตามไปพร้อมกัน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!!!”
“อ้าก…กก!” เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เวลาผ่านไปไม่ถึง 3 นาที ศพกลุ่มนักข่าวและชาวบ้านผู้ใคร่รู้นอนเกลื่อนพื้น
บางรายยังไม่สิ้นใจตาย พยายามกระเสือกกระสนหนีสุดชีวิต ทหารเดินเอาปืนไปจ่อหัวยิงอย่างเลือดเย็น
“เอาไปทิ้งในบ่อให้หมด” สิ้นเสียงสั่งการของหมวดจาง
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”กลุ่ม Tamer30 ทั้งลากทั้งดึงร่างไร้วิญญาณของกลุ่มผู้โชคร้าย
“...............” เหมือนกาลเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่ หูของฉันดับมีเพียงเสียงวิ๊งดัง สายตามองค้างไปที่ผู้คนล้มตายด้วยความห่อเหี่ยวรันทดใจ ความรู้สึกผิดและสงสารประดังเข้ามา น้ำตาแห่งความอดสูไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันกลายเป็นความเสียใจที่ฉันต้องหาทางรับผิดชอบให้ได้ แปลกใจที่ฉันกลับไม่กลัวการตายเหล่านี้เลย นั่งกัดฟันแน่น
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”พวกเขาถูลู่ถูกัง ร่วมมือร่วมใจกันทั้งลากทั้งแบกเอาศพไปทิ้งในบ่อลึก ส่งรอยยิ้มแห่งความภูมิใจที่ได้ทำตามคำสั่งไปที่หมวดจาง ใบหน้าของ Tamer30 ที่เคยไร้สีสันกลับกลายเป็นมีความสุข
“ทั้งหมดลงไปในบ่อ!” สิ้นเสียงหมวดจางทุกคนก็ปฏิบัติตามทันที
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ทั้งสายตาและรอยยิ้มไร้เดียงสานั้น เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ช่างซื่อสัตย์กับคำสั่งเจ้านายเหลือเกิน มันกินใจจนต้องเบือนหน้าหนี
ฉันเพิ่งสังเกตเห็นทหารอีก 6 นายยืนอยู่รอบบ่อนั้น หมวดจางก้มหน้าเดินลงมาหาฉันที่รถยนต์ โมเสสก้าวขึ้นไปแทนที่ให้สัญญาณมือ
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!!!!” เสียงปืนกลอัตโนมัติดังยาวนาน ทหารทั้งหกนายตัวสั่นจากแรงถีบของปืนกลในมือ ส่งกระสุนจากปลายกระบอกปืนกลเข้าสู่ร่างที่น่าสงสาร Tamer30 ล้มตายไปต่อหน้าต่อตา
โมเสสเดินวนรอบบ่อ สอดส่ายสายตาดูคนที่ยังรอดชีวิตแล้วยิงซ้ำทีละคน ๆ อย่างเหี้ยมโหด…
“ฟึ้บ!ฟึ้บ!ฟึ้บ!” เขาแสยะยิ้มลำพองใจ
เหตุการณ์ครั้งนี้มันเหมือนกับฉันถูกยิงเสียเอง ความเสียใจเศร้าใจน้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาฆ่าคนเป็นร้อยภายในไม่กี่นาที นี่หรือคือผลงานของฉัน
คนเหล่านี้ทำอะไรผิดถึงต้องฆ่าทิ้งอย่างทารุณเช่นนี้ คนเหล่านี้ก็มีครอบครัว มีคนที่รัก มีความหวังและมีความฝัน ทำไมไม่พาเขากลับบ้าน บ้านที่ยังรอคอยพวกเขากลับไป ฉันสะท้อนใจน้ำตาไหลพราก
ทหารนายหนึ่งขึ้นขับรถแบ็คโฮจ้วงดินกลบหลุมศพ ทหารที่เหลือเดินกลับไปที่รถยนต์ของนักข่าว ลงมือรื้อค้นของกระจุยกระจาย ไอ้ฝรั่งอ้วนเดินขาเบียดไปหา...
“เอากล้องทุกตัวมารวมกันไว้ตรงนี้ อะไรที่ถ่ายภาพได้เอามาให้หมด” เขาสั่งการเสียงดัง เหล่าทหารเลวได้ใจกันทุกคน เข้าค้นหากันอย่างขะมักเขม้น พวกเขาซื่อสัตย์กับเงิน ไม่ต่างจาก Tamer 30 ที่ซื่อสัตย์กับนกหวีด
“ทำลายทิ้งทั้งหมด เผารถด้วย! อย่าให้เหลือซากดูให้เรียบร้อย แล้วพวกคุณกลับได้เลย” เขาดึงซองกระดาษหนาจากกระเป๋าเสื้อสูทดำส่งให้ทหาร ก่อนจะเดินมาขึ้นรถแวน
“ตึง!” รถยนต์โคลงเมื่อเขาทิ้งน้ำหนักตัวลงมา หมวดจางเดินมาเข้าที่ของตัวเอง ม้วนรถแวนกลับขึ้นถนนใหญ่ขับย้อนกลับไปทางสะพานข้ามแม่น้ำ เซาเซียงเกียง
โมเสสหันไปมองหน้าหมวดจาง....
“หมวดจางพาผมไปส่งที่โรงแรมแกรนด์ฉวีจิ่งให้ที ผมจะพานาตาลีไปพบกับยอร์น แล้วเราแยกย้ายกัน”
“ได้ค่ะ!”
“สารเลว!” ยิ่งคิดยิ่งแค้น ฉันจะได้เห็นหน้าหัวหน้าใหญ่สักที สงสัยมานานแล้วว่า มันเป็นใคร ทำงานมาด้วยกันตั้งหลายปี ไม่เคยเจอหน้าชัด ๆ สักครั้ง
จู่ ๆ แสงไฟจ้าจากหน้ารถยนต์ส่องสวนเข้ามา หน้ามืด…
“บรื้น...นน!!” เงาวูบปาดเข้าหน้ารถยนต์...
“เอี๊ยด….ดด!” หมวดจางกระทืบเบรกตัวโก่ง ก่อนจะถึงสะพานข้ามแม่น้ำไม่ไกล
“เฮ้ย!อะไรวะ?” เธอโกรธอย่างเห็นได้ชัด ดึงปืนพกสั้นขึ้นมาจากเอว
ทุกอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะได้ขยับตัว..
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ชายชุดดำ 2 คนกระโดดลงจากรถยนต์คันนั้นแล้วสาดกระสุนใส่ทันที จะโหดไปไหนเนี่ยไม่ทักทายกันเลยเหรอ?
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” มันเกิดอะไรขึ้นมาอีก ความตายมาเยือนอีกแล้ว คนพวกนี้จิตใจทำด้วยอะไร? ทำไมถึงได้คิดแต่จะเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกอีกแล้ว ฉันจะได้หนีมั้ยเนี่ย? ฉันออกจากตึกไม่ได้จริง ๆ ต้องวิ่งอีกมั้ยเนี่ย?
……………………...................................................................…………………………….
ติดตามความสนุกต่อในเล่มที่ 4