
ตงชวน คุนหมิง มณฑลยูนนาน
มุมมองสายตา นาตาลี พัค
เมษายน ค.ศ.2021
เช้าวันต่อมา...เสียงหมาเห่ากรรโชก ฝูงไก่แตกตื่น ฉันนอนตื่นสายโด่งนั่งบิดขี้เกียจบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวของเมื่อวาน ก่อนจะมาถึงที่นี่ ซอนเป็นคนพาฉันมานี่นา เขาอยู่ไหนเนี่ย...?
“ซอนคะ! ซอน!” ฉันลุกพรวดจากที่นอนอย่างเร็ว วิ่งออกมาดูที่โซฟาก็ไม่มี เดินออกมาหน้าบ้าน ต้องอุทานเสียงดัง เอามือทาบอกตาโต
“ออม่อ! Awesome!!” ฉันเบิกตากว้าง สูดลมหายใจสุดขั้วปอด
ภาพที่เห็นตรงหน้านี่มันสวรรค์ชั้นไหนกันนะ ช่างสวยงามตราตรึงใจ จนนิ่งอึ่งไปชั่วขณะ สูดลมหายใจเย็นลึกสุดขั้วปอด
บ้านหลังนี้อยู่ยอดเขาริมหน้าผา หมุนมองไปทางไหน ก็เห็นแต่กลุ่มภูเขาทรงพีรามิดลูกย่อม ลาดเอียงเป็นขั้นบันไดสลับสีจากไม้ดอกที่ชาวบ้านตั้งใจปลูก งดงามตระการตาจนไม่อยากกะพริบตา สายหมอกขาวจาง ๆ ลอยอ้อยอิ่งเพิ่มสีสันสดใส
“ตื่นแล้วเหรอครับ ดอกเตอร์?” เสียงซอนมาจากด้านหลัง เขาเดินข้ามมาจากลานกว้างระหว่างบ้านสองหลัง เข้ามายืนสูดลมหายใจเคียงข้าง
“คุณไปไหนมาแต่เช้าคะ?” ฉันถามแล้วสะบัดหน้าให้สายลมพัดเส้นผมสยายเข้าที่เข้าทาง
“ผมเข้าเมืองไปซื้อของใช้และเสื้อผ้ามาให้ใส่ ได้อาหารเช้ามาทานกันครับ ดอกเตอร์ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อน” เขายิ้มอ่อน ๆ ใส่เสื้อคอกลมรัดรูปเห็นกล้ามอกเป็นมัด ร่างกายบึกบึนแข็งแรงมาก แอบคิดดัง ๆ ในใจ...(ฉันเคยเห็นไอ้โตโน่ของเขาแล้วด้วย อิอิ!!!)
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จก็เดินมานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน...
“ที่นี่เมืองอะไรคะ? สวยมากเลย สวยจึ้ง สวยอ้าปากค้าง” ฉันอยากจดจำมันไว้ มีโอกาสคราวหน้าจะให้ไป่ไป๋พามาเที่ยวอีก
“ตงชวน! ภูเขา 7 สี!” เขาตอบยิ้ม ๆ แล้วมองไปที่ทิวเขา เสียงเพลงชาวดอยดังแว่วมาเข้าบรรยากาศ...
“ตงชวนได้รับฉายาว่า เมืองแห่งทุ่งหญ้าของโลกตะวันออกครับ ทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้หลากสีสันที่ปลูกกันเป็นขั้นบันได พวกนี้มาจากความคิดสุดสร้างสรรค์ของเกษตรกรท้องถิ่น พวกเขานำพืชผักมาปลูกสลับสีไล่ไปทีละชั้น ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามตรึงตราตรึงใจ คุณชอบที่นี่เหรอครับ?” เขาอธิบายไป ยิ้มอายไป
ฉันนั่งตั้งใจฟัง...ท่าทางของซอนน่ารักดี แปลกไปอีกแบบ สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจอีกเรื่องคือ หมวดจางพูดอย่างไร ถึงจับซอนได้อยู่หมัดเมื่อคราวก่อน
“ถ้าแทนได้มาเห็น เขาจะต้องบอกว่า สวยตะโกน มันน่าตะโกนจริง ๆ ”เห็นแล้วคันปาก ภูเขาขั้นบันไดสีสวยเจ็บ
“ผมก็ว่ามันสวยครับ สวยมากด้วย!” เขาแอบยิ้มมอง ทำเอาฉันเขินไปด้วย
ซอน…รูปหล่อดวงตาดำขลับ จมูกโด่ง เส้นผมหยักศกใบหน้าสี่เหลี่ยมมีลักยิ้ม ไหล่กว้างเหมือนนักมวยตัวสูงใหญ่ แต่เขาเตี้ยกว่าแทน
“คุณได้สอบถามสองคนนั้นหรือยังคะ?” ได้หลับสบายเมื่อคืน ตื่นเช้าวันนี้หายโกรธแล้ว อารมณ์เปลี่ยนไปแล้ว
“เดี๋ยวกินข้าวก่อน ผมเห็นว่ามันยังเช้าอยู่เลยยังไม่ได้ถาม ถ้าได้คำตอบแล้ว ผมจะจัดการให้”
“.........” ฉันได้ยินแล้วใจหายวาบนึกสงสาร ฉันหายโกรธแล้ว ความคิดเริ่มเปลี่ยน ถึงสองคนนี้จะเลวแค่ไหน ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่ไปสั่งฆ่าเขา ใจหนึ่งอยากจะห้าม แต่อีกใจก็ไม่อยากรับรู้ พวกเขาเป็นศัตรูกับซอนด้วยให้เขาตัดสินใจเองก็แล้วกัน
“นี่ครับ! ไก่ตุ๋นหม้อดินของดีคุนหมิง ผมไปนั่งคอยตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด” เขายกหม้อดินมาวางบนแคร่ม้านั่งหน้าบ้าน ควันฉุยกลิ่นหอมกรุ่นเครื่องเทศ ทำให้รู้ว่าพึ่งถูกอุ่นมาเพราะตอนนี้หนาวมาก
“หอมฉุยเลย” เขาวางของเสร็จ ก็วิ่งเข้าไปในบ้านยกอาหารมาเพิ่ม ลูกน้องหน้าโหดยืนยิ้มมอง
“ก๋วยเตี๋ยวเส้นขนมจีน สุดยอดอาหารอีกอย่าง ลองดูนะ!” เขายกมาพร้อมรอยยิ้มชื่นใจ
“ฉันอดข้าวมานาน จะกินให้อร่อยเลยนะคะ” ฉันเบื่ออาหารมานานมาก วันนี้จะกินให้พุงกางเลย
เห็นหน้าซอน ก็คิดถึงใบหน้าเพื่อนทุกคนขึ้นมา พวกเรามีช่วงชะตาชีวิตเกี่ยวพันกันสั้น ๆ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าจนลืมไม่ลง เห็นซอนดีแบบนี้แล้วก็คิดถึงแทนของฉันจังเลย
“มันมีคำพูดอะไร? ที่มีความหมายมากกว่าคำว่าขอบคุณมั้ยคะ?”
“หือ!”
“ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณด้วยอะไร? คุณดีกับฉันเหลือเกิน คุณดูสิคะ! ฉันขนลุกไปทั้งตัวแล้ว ทุกส่วนของร่างกายของฉันกำลังขอบคุณ ขอบคุณมากจริง ๆ” ฉันมีแต่ความชื่นชมในน้ำใจของพวกเขา อยากจะมีอีกสักร้อยสักพันปากจะได้ขอบคุณเขา ทั้งวันทั้งเดือนและตลอดไป
ชายหนุ่มยิ้มอาย ฉันว่าแทนของฉันขี้อายแล้วนะ ซอนอาการหนักกว่าเยอะเลย ดูเขาประหม่าไปหมดเวลาที่ฉันพูดด้วย
“คุณคงจำไม่ได้ คนที่ช่วยชีวิตผมไว้...คือคุณนะครับ ดอกเตอร์นาตาลี”
“หือ!” ฉันขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อไหร่ มีแต่พวกเขาที่ช่วยชีวิตของฉัน
“ฉันนี่เหรอ เมื่อไหร่กันคะจำไม่ได้เลย?”
“ถ้าคุณไม่ฉีดวัคซีนให้ผมก่อน ตอนที่หมวดจางเป่านกหวีดในวันนั้น ผมก็คงกลายเป็น Tamer 30 ทำร้ายเพื่อน ๆ ไปแล้ว และป่านนี้ผมคงกลายเป็น Soulless เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หรืออาจจะตายพร้อมกับกลุ่มเมื่อคืนนี้ก็เป็นได้” เขาเล่าย้อนอดีตใบหน้ายิ้ม
“อ๋า!!” ฉันพึ่งนึกขึ้นมาได้ ฉีดวัคซีนให้พวกเขาบนเกาะในป่าโบราณนั่นเอง แต่แค่นั้น…ไม่ถือเป็นบุญคุณหรอก ที่เขามาช่วยมันต้องเสี่ยงชีวิตมากกว่า ต้องใช้ความกล้ามาก ๆ ฉันแค่ฉีดวัคซีน
“คุณต่างหากที่ต้องได้รับการขอบคุณจากผม แค่นี้ยังน้อยเกินไป ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ จากนี้ไปผมจะดูแลคุณเอง อยากได้อะไรขอแค่ชี้นิ้วก็พอ...” น้ำเสียงเขาหนักแน่น ดวงตาประกายใบหน้ายิ้ม แก้มบุ๋ม //หล่อไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย //
“อึ๋ย! ซอน!” เขินจัง
เขาช่างเป็นคนดีมีน้ำใจจริง ๆ พอไม่มีเจ็ทโด้อยู่ข้าง ๆ บุคลิกของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคน นิ่ง สุขุม เขาเป็นผู้นำที่น่ารักทีเดียว ขนาดลูกน้องหน้าโหดยังยอมสยบ
“ผมจะพาคุณหนีออกจากจีนเอง ให้ผมจัดการกับสองคนนั้นก่อน” เขาพูดแล้วพยักหน้าไปทางบ้านอีกหลัง
ฉันคิดถึงใบหน้าของโมเสสและหมวดจางแล้วจะสงสารก็ไม่เชิง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นความเลวของพวกเขา
วันนี้...พวกเขาคงไม่รอด ดูท่าทางแล้ว ซอนไม่ธรรมดาเลย ลูกน้องที่ดูบึกบึนท่าทางโหดเหี้ยมหน้าตาดุดัน ยังให้ความเกรงใจเขามาก
ในยามที่อยู่ต่อหน้าเจ็ทโด้ เขากลายเป็นคนนอบน้อม บางครั้งก็ดูเหมือนเด็กผู้ชายที่ชอบแหย่ ชอบโดนด่า เขายอมเจ็ทโด้ทุกอย่าง แต่ยามนี้…เขาแทบจะเป็นคนละคนเลยทีเดียว นอกจากฉันแล้วเขาก็ไม่ยิ้มให้ใครเลย.
ทันทีที่ฉันวางช้อนกินข้าว เขาก็เข้ามายกจานชามออกไป ลูกน้องของเขาเดินยิ้มสวนเข้ามารับไปกินกันต่อ ฉันนั่งชันเข่ามองไปด้านนอก ภูเขาหลากสีสวยใต้ฟ้าใส พยายามบันทึกรูปภาพลงในหัวเก็บความงามนี้ไว้ สูดลมหายใจลึกรับโอโซนไปช่วยฟอกเลือด อากาศเย็นจนแสบหน้าอก
ตอนนี้แทนกับไป่ไป๋จะเป็นยังไงบ้างนะ? คิดได้ไม่เท่าไหร่เสียงโทรศัพท์ของซอนก็ดังขึ้น
“Rrrrrr”
“ฮัลโหล! ซอนพูดไป ใครพูดมาครับ!” เขามีวิธีพูดโทรศัพท์ได้น่ารักจัง
“หือ!” สีหน้าเขาเปลี่ยนฉับพลันเป็นเครียด คิ้วขมวดเข้าหากันหลังฟังสักครู่
“แน่ใจเหรอ?” เขาเสียงแข็งแล้วหันมาหาฉัน
ฉันคิดในใจ...อะไรอีกล่ะ? มันเกิดอะไรอีก?
เขาคุยสักพักก็วางสาย แล้วมองหน้าฉันนิ่ง ทำเอาใจคอไม่ดีหนักเข้าไปอีก ฉันคิดในใจว่า คงโดนอีกแล้วสิท่า เอาไงเอากัน..ลงเรือลำไหนเป็นวุ่นวายทุกลำ ทำไมชีวิตฉันเป็นอย่างนี้?
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันเลียบเคียงที่เห็นเขาเงียบไป
“มีรถทหารกำลังขึ้นมา ไม่แน่ใจว่า มันจะมาที่นี่หรือเปล่า? ” ซอนพูดแล้วนิ่งคิด...
“รอผมเดี๋ยวนะครับ เราอาจจะต้องหนี” เขาหมุนตัวออกไปตะโกนใส่ลูกน้อง...
“หลงซัน! หล้า! เอาสองคนนั้นออกมาทีสิ!”
………………........................................................................................…………………..
บนลานกว้างระหว่างบ้านสองหลัง ตอนนี้ถูกใช้เป็นที่ควบคุมเชลย โมเสสและหมวดจางสวมกุญแจมือไขว้หลัง นั่งคอตกอยู่กลางลาน
“ใครโทรเรียกทหารมา?” ซอนถามเสียงเยือกเย็น
ยายตัวร้ายขยับเข้าหา...
“ฉันไม่ได้โทรนะคะ” เธอแหงนหน้ามอมแมมมองซอน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว
“ต้องมีคนหนึ่งที่โทรไป ถ้าจับได้ตัดหูแม่งเลย!” เขาหันสั่งลูกน้อง เสียงเต็มไปด้วยอำนาจ...
“หล้า!..มึงค้นตัวพวกมันอีกทีสิ เมื่อคืนกูไม่ได้เก็บโทรศัพท์ พลาดมาก!” ซอนบอกเสร็จลูกน้องเข้าค้นตัวทันที
ตลอดเวลาที่อยู่ในป่า ซอนดูแลทะนุถนอมหมวดจางอย่างกับคนรัก เหมือนแขก VIP เอาใจเธอทุกอย่างจนไป่ไป๋หมั่นไส้ แต่...เขาเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ คงปวดร้าวน่าดูกับการทรยศของเธอ
สีหน้าเขาเรียบเฉย ยืนมองเธอเป็นอากาศธาตุ ลูกน้องของซอนดึงโทรศัพท์เครื่องเล็กคุ้นตาออกมาจากกระเป๋าที่ขากางเกงทหารของเธอ
ฉันผวาเข้าหา...
“เอ๊ะ!...นี่มัน! ” ฉันรีบดึงโทรศัพท์มาพลิกดู
“อันนี้ของฉันเอาคืนมาเลย จูยอนให้มา ยัยขี้ขโมย!” ฉันพลิกพิจารณาดู มันปิดเครื่องอยู่ก่อนแล้ว
“ซอนคะ! เครื่องนี้โทรออกไม่ได้” ฉันชูโทรศัพท์ในมือ
“ไอ้อ้วน! งั้นมึงเป็นคนโทร” สิ้นเสียงของซอนเงาวูบผ่านหน้าฉันอย่างเร็ว
“ผลัวะ!” เขาเตะเข้าก้านคอโมเสสล้มหัวทิ่ม
“ตัดหูมัน!” ซอนประกาศกร้าว ลูกน้องวิ่งเข้าใส่ทันที
“อ้าก...กก!!” เขาดิ้นพล่านให้หลุดจากพันธนาการ...
“ดอกเตอร์! บอกมาคำเดียวจะให้ผมจัดการพวกมันยังไง?” เสียงดุดัน ฉันเย็นวาบไปทั้งตัว กลัวใจของเขาจังเลย
ฉันรู้ว่า เขาไม่เหมือนกับแทน ถึงแม้ทั้งสองคนจะใจดีเหมือนกัน แต่ซอนเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู กลับดูดุร้ายคล้ายปีศาจเข้าสิง แววตาไร้ความปราณีเหมือนสายตางู เขาตวาดลูกน้องแต่ละครั้ง ฉันเยี่ยวแทบเล็ดดุมาก
“อ๊าก...กก!” เสียงโมเสสร้องลั่น ลนลานเข้ามาหา...
“นาตาลี! เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า ๆ ของเราบ้างเถอะ! ผมดูแลคุณมาตั้งแต่เด็กเลยนะ” โมเสสโดนผลักล้มกลิ้ง เลือดอาบร่าง ส่งแววตาอ้อนวอน
ฉันแสยะยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ ลูกน้องของซอนได้ใจจริง …
“การบังคับฉันนี่เหรอ ที่เรียกว่าดูแล?”
“ผมขอโทษ! เรามาเริ่มกันใหม่นะ”
“โมเสส! ฉันเคยเชื่อใจคุณ แต่คุณกลับหลอกฉัน แล้วยังคิดจะฆ่าฉันด้วย” ฉันอยากตบหน้าเขาสักฉาด
“ผมเป็นลูกน้องของเขา ก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าผมไม่ทำก็ตายเหมือนกัน” โมเสสส่งสายตาอ้อนวอน ไอ้นี่…รู้เรื่องแผนกระจายวัคซีนTame26 มากกว่าใคร
“ใครเป็นเจ้านายของคุณ?” ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยเจอหัวหน้าใหญ่ โมเสสใหญ่ที่สุดในที่ทำงาน
หมวดจางขมวดคิ้ว หันไปมองหน้าโมเสสเช่นกัน
เขาพยายามขัดขืน...
“คุณจะให้ผมพูดต่อหน้าคนพวกนี้เหรอ?” เขาหันมองไปรอบตัว
ฉันหันไปมองหน้าซอน...
“บอกมาเลย เพื่อนของฉันทั้งนั้น” ไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับอะไร เรื่องนี้ต้องเปิดเผย
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เสียงเครื่องบินปีกหมุนดังแว่วไกล ๆ
“เมื่อวานผมก็ตั้งใจจะพาคุณไปพบกับท่าน แต่เกิดเรื่องเสียก่อน” เขาตอบก้มหน้าคางล้น คอเป็นชั้น หายใจไม่สะดวกเสียงดังโครกคราก
“ยอร์นน่ะเหรอ เขาคือใคร?” ฉันได้ยินเขาคุยกับหมวดในรถยนต์ ฉันแน่ใจว่า ไม่เคยรู้จักกับคนชื่อนี้มาก่อนแน่ ๆ
“เขาเป็นคนฝรั่งเศส เป็นองค์กรข้ามชาติระดับโลก” เขาบอกแล้วแหงนมองซอนด้วยสายตาตื่นกลัว มองลอกแลกตลอดเวลา
“วัคซีนนอกจากที่จีนแล้ว ยังมีที่อื่นอีกมั้ย?”
“มีที่นาบีรา อิสราเอล แต่ที่นั่นอยู่ในการควบคุมดูแลของมูลนิธิฯ” เขาอึกอัก
ฉันเงยหน้าไปหาซอน...
“พอแล้วค่ะ ไม่ถามแล้ว” งานนี้ไม่เล็กเลย พวกเขาแยกไปหลายส่วน ไม่ได้มีฉันทีมเดียว หมวดจางหันมองสังเกตตลอดเวลา
“เฮ้ย!...มึงเอาไอ้อ้วนไปขังไว้ก่อน กูมีเรื่องต้องคุยกับผู้หมวดหน่อย” เขาสั่งลูกน้องแล้วเดินไปยืนข้างหมวดจาง
โมเสสถูกนำตัวเข้าห้องไป ตอนนี้คนที่น่าสงสารสุดคงเป็นหมวดจาง ทั้งโมเสสและหมวดจางเป็นโจทย์ของฉันกับซอนโดยตรง
“บรื้น!...นน!”
“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!!!” หมาแม่ลูกอ่อนเห่ารถแวนสีดำที่กำลังไต่เขาขึ้นมา จนกระทั่งถึงรั้วบ้าน แม่ไก่พาลูกน้อยวิ่งหลบเข้าป่า
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” เสียงปืนดังทักทาย
ทหารจีนกระโดดลงจากรถแวน ยิงปืนใส่ตัวบ้าน แล้ววิ่งกรูเข้ามา
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” ฝูงสัตว์เลี้ยงหน้าบ้านวิ่งหนีกระเจิง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินตั้งตัว
ซอนควักปืนสั้นจากเอวยิงสวนทันที ...
“เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!”
“มึงสามคนยิงปะทะไว้!” ซอนชี้นิ้วสั่งการรวดเร็ว ลูกน้องก็รู้ใจกระโดดแยกย้ายโดยไม่ต้องมองหน้ากันเหมือนรู้หน้าที่ ทั้งสามคนยิงปะทะทหารจีนนอกรั้ว
“หลงซัน! โทรเรียกพวกพวกเราข้างล่างขึ้นมา” เขาสั่งแล้ววิ่งมาคว้าแขนฉัน พาวิ่งออกหลังบ้าน
ฉันคิดในใจ...มันเริ่มแล้ว ได้วิ่งอีกแล้ว หนีไม่พ้นเรื่องวิ่งจริง ๆ มันอะไรกันนักหนา
เขาพาวิ่งออกหลังบ้านไปตามสันเขาบันไดดอกไม้ ด้านบนเป็นหลุมดินอย่างดี ต้นไม้บังหนาตา พอมุดเข้าไปก็เจอลูกน้องของซอนนั่งเอาปืนจ่อหัวหมวดจาง นอนในหลุมอยู่ก่อนแล้ว
อีกด้าน...ทหารจีน 8 นายอาวุธหนักครบมือ กำลังวิ่งลงภูเขาตามขั้นบันไดเรียงกันมา
ในขณะเดียวกันด้านล่างที่ขั้นบันไดภูเขา ลูกน้องของซอนสามคนนั้นเป็นปีศาจหรือไง? แต่ละคนกระโดดว่องไวมาก สักพักทั้งสามคนกระจายกันไปคนละมุมโอบทหารกลุ่มนั้น
“ปัง!” ฉันสะดุ้งเฮือก เสียงปืนข้างหู ยกสองมือขึ้นประกบปิดหูอัตโนมัติ สายตายังคงมองไปที่กลุ่มทหาร หนึ่งในนั้นทรุดลงแน่นิ่ง เพื่อนทหารช่วยกันลากลงข้างทาง
“ปัง!” เสียงปืนจากลูกน้องซอนจากฝั่งซ้าย ทหารจีนวิ่งออกจากจุดนั้น ตอนนี้เหลือ 6 นาย
“ปัง!” ทหารตัวสูงที่วิ่งนำหน้าสะดุ้งเฮือกแล้วล้มลงดิ้น เพื่อนทหารที่เหลือกระโดดข้ามฝั่งเพื่อวิ่งหาที่กำบัง ไม่ว่าพวกเขาจะหลบมุมไหน ก็โดนทุกครั้งที่กระสุนดัง
“ปัง!” ทหารคนหลังสุดหัวคะมำลงไปในแปลงดอกไม้
“พั่บ! พั่บ! พั่บ!” มันมาแล้วเจ้าแมงปอยักษ์ กระแสลมแรงพัดดงดอกไม้ไหว ฝุ่นบนพื้นฟุ้งกระจาย
“วี๊ด...ดดดด” ลำกล้องปืนกลมใต้ท้องหมุนติ้ว
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” ตอนนี้มันมาลอยลำเหนือลานบ้าน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ห่ากระสุนยิงกราดลงมา
“ฟิ้ว!” เสียงอากาศดังเสียดหู
“ตูม...มม!....บรึ้ม...มม!” เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว ทุกคนที่อยู่ด้านนอกทิ้งตัวหมอบพร้อมกัน
บ้านหลังนั้นหายวับไปกับตา เปลวไฟเศษไม้กระจัดกระจายฝุ่นตลบ ในบ้านมีโมเสสคนเดียว
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เสียงจากเฮลิคอปเตอร์ทหารคำรามจากด้านบน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!!” ลูกปืนจากเฮลิคอปเตอร์พุ่งลงพื้นดินเป็นเส้นยาว ราวห่าฝน
เครื่องบินลำใหญ่โฉบไปมา ปืนกลและจรวดที่ปีกเล็กกางออกพร้อมยิง มันบินวนไล่ต้อนยิงลูกน้องซอนอย่างบ้าระห่ำ ฉันจ้องลุ้นอย่างใจจดจ่อ ประสบการณ์เสี่ยงตายเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ซอนหยิบปืนยาวหนักขึ้นมา แขนของเขาล่ำบึกเส้นเลือดโปน
“แกรก!” เขาดึงคันชักขึ้นลำปืน สายตาเล็งไปที่กล้อง ปลายปืนยาวไปชี้ที่เฮลิคอปเตอร์ลำนั้น ชีวิตของฉันฝากไว้ในกำมือของชายคนนี้
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!”
“ ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนและเสียงเครื่องบินผสมปนเปมั่วไปหมด กลิ่นดินปืนควันขาวลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ลูกน้องซอนหลายคนวิ่งเป็นเป้า ล่อให้เครื่องบินไล่ตาม พวกเขากระโดดหลบอย่างคล่องแคล่ว เดี๋ยวโผล่ตรงโน้น! ตรงนี้! หลอกล่อให้เฮลิคอปเตอร์ไล่ยิง ในขณะเดียวกันซอนกำลังบรรจงเล็งอย่างใจเย็น
“Z-19E ฮ.รุ่นใหม่ซะด้วย” เขายิ้มมุมปากพึมพำ เลียริมฝีปาก สายตามองเขม็งไปที่เฮลิคอปเตอร์ดุจราชสีห์จ้องเหยื่อ ก่อนจะแนบดวงตาไปที่กล้องติดปืน อีกครั้ง...
ณ. วินาทีนั้น…ร่างกายกำยำนอนราบนิ่งราวกับรูปปั้น กลั้นลมหายใจทุกอย่างนิ่งไปหมด นิ้วชี้สะกิดไกปืนอย่างแผ่วเบา
“ปัง!!!” สิ้นเสียงปืน...
“หวืด! หวืด! หวืด!” เฮลิคอปเตอร์สะบัดหมุนคว้าง เสียการทรงตัว เหวี่ยงทหารประจำปืนบนเครื่องกระเด็นออกมา
Z-19E เอียงวูบลงไปที่ท้องนาขั้นบันไดด้านล่าง กระแทกพื้นอย่างแรง
“บรึ้ม…มมม!” เสียงดังกัมปนาทไฟลุกท่วมท้องดอกไม้
“ฮู้!” ฉันตะลึงหันไปมองหน้า ผู้ชายคนนี้น่าทึ่งมาก นัดเดียวจอด
“เฮ้อ!” รอดสักที ฉันหันมองหน้าหมวดจางที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอสีหน้าสลดลงมาก ทำสีหน้าคล้ายกับตอนติดเกาะอีกแล้ว ฉันไม่มีทางเชื่อเธออีกแล้ว อย่ามาใช้ไม้นี้เปลี่ยนมุกเถอะ หลอกฉันไม่ได้แล้ว
“เธอนี่โชคดีจริง ๆ นะหมวดจาง! ถ้าเอาเธอไปขังคงตายไปแล้ว”
“..........” เธอปิดปากเงียบ ลุกก้าวเดินหนีไป
“ไหวมั้ยครับ?” ซอนถามแล้วโยนปืนยาวไปให้ลูกน้อง
“ไหวค่ะ! โอ๊ะ!..เจ็บมือจัง” มือพลาดไปเท้าโดนหินแหลม
“เหวอ!” ยังไม่ทันตั้งตัว เขาเข้ามาช้อนตัว ยกทีเดียวตัวลอยจากพื้นราวกับว่า ฉันตัวเบาเหมือนตุ๊กตาอย่างนั้นแหละ
“วู้ว!” ฉันเสียวท้องน้อยแวบ มือคว้าคอหนาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อลำตัวของเขาหนากว่าแทนมาก สบายไปเลยไม่ต้องเดิน นอนมองใบหน้าของเขาจากอ้อมแขน กล้ามอกเกร็งจนเป็นกล้ามเด่นออกนอกเสื้อ
ฉันหันไปเบะปาก ยักคิ้วเยาะเย้ยหมวดจาง..มันคนละชั้นเว้ย!
................................................................................................................................

รถแฮมเมอร์เหลืองวิ่งออกจากเมืองตงชวน ขึ้นเหนือไปทางเมืองฉงชิ่ง ถนนแปดเลนเรียบตรงคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์สารพัดชนิดแล่นทะยานไปทางเดียวกัน ซอนกดคันเร่งส่งให้รถยนต์พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนเดินทางซอนให้ลูกน้องแยกย้ายกันไปกบดาน เหลือเพียงเราสามคนนั่งรถมาด้วยกัน บ่ายสามโมงกว่าแล้วซอนจะพาพวกเราไปไหนอีกนะ
“ซอนคะ..คุณยิงตรงไหน? เฮลิคอปเตอร์ถึงร่วงได้” หมวดจางถามจากด้านหลัง
ฉันหันหน้าไปมองด้วยเยาะเย้ย หมั่นไส้ ไม่ได้รู้ชะตาเลยนะ แต่เธอดันส่งยิ้มหวานมาให้ ฉันเลยเบะปากแลบลิ้นใส่ เกลียดขี้หน้านัก ตอนนี้ฉันยึดอำนาจสำเร็จแล้ว เพื่อนฉันมาแล้ว เธอเจอดีแน่
“คุณจะถามทำไม? รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์” ซอนกวนกลับหน้านิ่ง
“ฉันเคยฝึกบิน จะได้คอยระวัง” เธอไม่ธรรมดาหรอก ฉันรู้!! บางครั้งฉันยังคิดว่า เธอเก่งกว่าด้วยซ้ำไป ชื่อเสียงของเธอโด่งดังเป็นที่ยอมรับในที่ทำงาน เธอโดดเด่นมากทั้งสวยทั้งเก่ง ที่สำคัญหลักการเจรจาของหมวดจางน่ากลัวที่สุด ถ้าปล่อยให้คุยกัน เดี๋ยวซอนเสร็จอีก
ซอนหันมาบอก...
“ยิงหัวนักบินร่วงทุกรุ่น คุณยังคิดว่า จะมีโอกาสรอดไปบินอีกเหรอ? อย่างคุณต้องยิงกรอกปาก” เสียงของเขาหนาวจับใจ
“............”เธอเงียบไป
ดีแล้วล่ะซอน อย่าไปพูดกับเธอมาก เดี๋ยวโดนล้างสมองอีก
“คนพวกนี้โหดร้ายมาก ใครเป็นคนสั่งการ?” ซอนถามเสียงดุ
“กองพันที่ 8 เสิ่นหยาง มีมนุษย์ทดลองอีกเยอะเลยค่ะ!” เธอให้ข้อมูลจริง ทำเอาฉันแปลกใจ
“พวกมันคิดจะฆ่าทิ้งเลยนะเนี่ย?” เขาหันมาที่ฉัน…
“ใช่เลย! ฆ่าปิดปากชัด ๆ ฉันเตือนคุณไปแล้วนะ ทำงานกับพวกนี้ รางวัลคือความตาย” ฉันสมน้ำหน้าสาแก่ใจมาก ตอนนี้มีแต่คนอยากฆ่าเธอทั้งนั้น
“ที่ตึกมีใครอยู่มั้ย?” ฉันชำเลืองมองหางตา
“มีแต่ทหารยาม พวกนั้นไม่รู้เรื่องอะไรหรอก” เธอตอบเรียบ ๆ
“ซอนคะ! ฉันขอทำบางอย่างก่อนออกจากจีนได้ไหมคะ?” ฉันหันไปหาซอน
“อยากทำอะไรครับ?”
“ฉันอยากทำลาย The 3 Temple” การทำลายตึกนี้ก็เท่ากับช่วยคนทางอ้อมได้
“ไม่ดีครับ ผมจะไปส่งคุณขึ้นเครื่องที่ฉงชิ่ง อันนี้ดีที่สุดครับ”
หมวดจางขยับตัวมาชิดด้านหลังเบาะของฉัน...
“ดอกเตอร์! ทำไมไม่หนี คราวนี้คุณถึงตายแล้วนะ?” เธอจะมาห่วงฉันทำไม? อยากให้ฉันตายเหมือนกันนี่
“ฉันจะรับผิดชอบ ในสิ่งที่ฉันทำพลาด ซอนคะ! ช่วยฉันหน่อยนะคะ” ฉันขยับแตะแขน
“สถานการณ์ของคุณไม่ปลอดภัย คุณหนีดีกว่าครับ” เขายืนยันเหมือนเดิม
“ถ้าฉันหนีออกนอกประเทศไปเลย ก็เท่ากับเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบ จะมีคนอีกมากมายที่ต้องจากครอบครัวแบบไม่มีวันหวนคืน พวกเขาจะได้รับผลพวงของวัคซีนที่ฉันทำขึ้นมา มันเป็นตราบาปในใจ ฉันคงทุกข์ใจไปตลอดชีวิต ถ้าไม่แก้ไขในสิ่งที่ทำลงไป”
หมวดจางโพล่งออกมา...
“ซอนคะ! คุณพานาตาลีไปส่งสนามบินเลยนะคะ อย่าไปฟังเธอพูด” เธอทำให้ฉันเขว ทั้งสีหน้าและท่าทางของเธอดูจริงใจ แต่...ไม่อยากให้เธอพูดเลย เดี๋ยวใจอ่อนอีก...
“ฉันยังไม่ได้ฆ่าคุณเลย จะไปได้ยังไง?” ปากดี! ต้องขู่ไว้ก่อน
ซอนหันมองหน้านิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ถ้าผมช่วย! เสร็จงานแล้ว คุณต้องออกจากจีนทันที ตกลงไหมครับ? ออกที่อู่ฮั่นไปก็ได้” ซอนเสนอ ฉันยิ้มพยักหน้า
“แต่มันอันตรายนะ ซอน! คุณอย่าไปเชื่อเธอ” หมวดจางไม่ยอม
“รับคำสั่งครับ!” เขาไม่แยแสเธอ หันกลับไปมองแรง...
“แล้วหมวดจางเอายังไง? จะหิ้วไปด้วยเหรอครับ?”
หมวดจางยกมือ ยื่นข้อเสนอ...
“ดอกเตอร์! ถ้าจะทำอย่างนั้น คุณต้องมีฉันนะ” น่าสนใจ ใช่! ถ้ามีเธอทุกอย่างจะง่ายขึ้น เก็บไว้ก่อนดีกว่า
“แต่ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณแล้ว ผมมือสั่นมาก อยากเชือดคอแล้ว” เขาเสียงเขียวมาก
ฉันรีบปราม...
“พาเธอไปด้วย! ถ้าทำให้ฉันหงุดหงิดเมื่อไหร่ คุณโดนแน่?” ความโกรธของฉันลดลงไปเรื่อย ๆ
“เปิดวิทยุให้ทีครับ ดอกเตอร์!”
“จะฟังอะไรคะ เดี๋ยวหาให้” ฉันเอื้อมมือกดปุ่ม
“ฟังข่าวครับ ทั่วโลกยังงมโข่งอยู่กับโควิด-19 กันอยู่เลย เผื่อผมจะช่วยอะไรดอกเตอร์ได้มากกว่านี้ ตัดสินใจแน่แล้วนะ ว่าจะยังไม่หนี?” ซอนยิ้มหน้าทะเล้น…
“ค่ะ! แต่คุณห้ามทิ้งฉันนะ งานนี้ใหญ่มาก ฉันคนเดียวทำไม่ได้หรอก” ฉันหันไปเกาะแขน อุ่นใจไม่น้อยกว่าอยู่กับแทน
“เรื่องนี้ต้องยอมรับว่า พวกเขาวางแผนได้แยบยลมาก มาเหนือเมฆจริง ๆ ใช้ความกลัวเป็นตัวหลอก ทั้งโลกกำลังรอความตายกันอย่างเงียบ ๆ” เขาเริ่มเข้าใจกลไกของการล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกแล้ว
ฉันกังวลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว โมเสสใช้ความกลัวเป็นตัวหลอกและก็ได้ผล การปล่อยข่าวซ้ำ ๆ ทำให้การฉีดวัคซีนรุดหน้าไปมาก
หมวดจางพูดน้ำเสียงไม่พอใจ...
“คุณไม่มีทางหยุดยั้งโครงการนี้ได้หรอก ไม่มีใครเชื่อพวกคุณหรอก พวกมนุษย์ถ้ากลัวแล้ว พวกเขาจะเอาตัวรอดในทุกทาง บางครั้งพวกคุณอาจจะตายเพราะชาวบ้านธรรมดาก็ได้ ถ้าไปขวางการฉีดวัคซีน”
ซอนหันมา …
“ผมว่าหมวดจางพูดถูกนะ ขนาดคนไม่สวมหน้ากาก ยังจะโดนรุมประชาทัณฑ์เลย แสดงความรังเกียจ ต่อว่ากันซึ่งหน้าแบบไม่เกรงใจ รุกล้ำสิทธิส่วนตัวกันหน้าตาเฉย พวกมนุษย์พอมันกลัวตาย แล้วมักจะทำให้ผู้อื่นตายก่อนเสมอ”
สิ่งที่ซอนบอกไม่ได้เกินความจริงเลย ข่าวกระจายไปทั่วโลก ตามโซเชียลมีมากมาย การรังเกียจผู้ไม่สวมหน้ากากกระจายเป็นวงกว้าง และกัดกันคนไม่ที่ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลต่าง ๆ
ยายจางเสนอหน้า สวยมากแต่ใจร้ายมาก...
“ที่พวกเขากลัวเพราะพวกเขาไม่รู้ความจริง ก่อนจะถึงหูของพวกเขา ข่าวก็ถูกบิดเบือนไปหมดแล้ว ที่คนตายไม่ได้ตายเพราะโควิด แต่เป็นเพราะอาการแพ้ของวัคซีน Tame26 มันเป็นการคัดเลือกผู้ที่แข็งแรงไว้”เธอค่อย ๆ ปล่อยข้อมูลออกมาทีละนิด ในการทำส่วนสุดท้ายของวัคซีน เธอเป็นคนจัดการคนเดียว
“งั้น! ก็ปล่อยให้มนุษย์โลกได้เรียนรู้ความจริงกันเองไปก่อน ค่อยจับมาฉีดทีหลังก็ยังไม่เสียหาย เราทำลายมันก่อนก็ได้ เสียดายที่วัคซีนของฉันโดนยายนี่ขโมยไป ไม่งั้น! ก็จะได้ฉีดให้ Soulless ได้บ้าง” ฉันก็อึดอัดใจเหมือนกัน ในบางครั้งการอธิบาย ก็ไม่สามารถใช้ได้กับคนกลัวตาย คนกลัวมักจะไม่มีเหตุผล
“ติดต่อแทนกับไป่ไป๋ด้วยครับ นัดเจอกันสักที่” เขาส่งโทรศัพท์มา
ฉันคิดถึงแทนมากเหลือเกิน เลือกที่จะโทรหาเขาก่อน คิดถึงเขาอยากเจอ
“หวัดดีครับพี่ซอน!” ทันทีที่เขารับโทรศัพท์ หัวใจของฉันก็เบ่งบาน โลกเป็นสีชมพู
“อั่นย๊อง! นาตาลีค่ะ”
“ไฮ! นาตาลี ดีใจจังเล้ย ตอนนี้!คุณอยู่ที่ไหนครับ? พี่ซอนช่วยออกมาได้แล้วใช่ไหม? คิดถึงจังเลย” เสียงเขาดีใจมาก
ชื่นใจจังที่เขาก็คิดถึงฉัน
“ไป่ไป๋อยู่ด้วยหรือเปล่าคะ?” ถามหายายน้องก่อน ฉันมีเรื่องจะต้องเคลียร์กับเขา สงสัยหลายเรื่องไป่ไป๋มาฟ้องไว้
“เอ่อ..ผมไม่ได้เจอไป่ไป๋ หลายวันแล้วครับ” น้ำเสียงเขาอ่อยลง
อย่างนี้ดีเลย! ฉันก็มีเรื่องคาใจกับเขาอยู่นิดหน่อย
“ยังทะเลาะกันอยู่อีกเหรอคะ? เธอมาฟ้องว่า คุณมีแฟนแล้ว ชื่อแหม่ม!” ฉันแอบงอนนิดหน่อย ขัดใจยังชอบกล
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!” ซอนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ขำอะไรของเขานะ?
“เอ่อ!..เจอหน้ากันก่อนนะครับ ผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง” แทนตอบตะกุกตะกัก
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!” แต่ซอนยังไม่เลิกหัวเราะ ...
“วางยาเรียบร้อยเลยนะ ยายตัวแสบ!” เขาหัวเราะชอบใจ แต่ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูด
ขอคุยกับแทนก่อน..คิดถึง!
“ฉันกำลังไปอู่ฮั่น เจอกันที่ไหนดี?” ใจฟู ยิ้มไม่หุบ ฉันอยากเจอเขาที่สุดเลย
“มาบ้านผมเลย ผมเช่าไว้แล้ว เดี๋ยวส่งโลเคชันไปให้นะครับ” เขากระตือรือร้นพูด
“คิดถึงแทนจังเลย!!! มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะเลย” ฉันอ้อนเสียงสอง เขาหัวเราะคิก นี่แหละ! แทนตัวจริงของฉัน พอเข้าใกล้ตัวปุ๊บ เขาจะหยุดทันที คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมืออีกแน่ ๆ
ไม่มีของขวัญใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่า การได้ชีวิตที่ปลอดภัยของเพื่อน ๆ ทุกคนกลับมา ฉันหมดความเศร้าไปจากใจ และใจพองที่จะได้เจอกับแทนอีกครั้ง ผู้ชายใจดีที่แอบคิดถึงมาตลอด
……………....................................................................................…………