
อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย
มุมมองสายตา ซอน
พฤษภาคม ค.ศ.2021
เที่ยงคืนพระจันทร์สว่างจ้าทั่วฟ้าอู่ฮั่น ได้เวลาดาวโจรขึ้นแล้ว พวกเราเตรียมตัวเก็บของจากลาบ้านเช่า เจ้าแทนขึ้นประจำที่คนขับ...
“นั่นไงพี่! พวกมันนั่งอยู่ในรถและริมน้ำหน้าร้านกาแฟอีกกลุ่ม” เจ้าแทนชี้ไปที่รถแวนดำ และร้านกาแฟริมน้ำที่ปิดไฟไปแล้ว
“แกคิดว่าเป็นใคร?” ผมสังเกตรูปร่างหน้าตาคุ้น ๆ ไม่ใช่คนจีน
“เดาว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาจากบ้านผมแน่ ๆ เลย พวกล่าสังหาร” เจ้าแทนถอนหายใจ แล้วเปรยต่อ...
“ช่างมันเถอะพี่! วันนี้เราหนีแล้ว ปล่อยให้มันเฝ้าบ้านร้างไปเถอะ”เจ้าแทนพูดจบก็สตาร์ทรถ
หมวดจางพูดแทรกออกมา...
“เมื่อวานตอนแทนออกไปข้างนอก พวกมันก็เข้ามา”
ไป่ไป๋เสนอหน้าทันที...
“เมื่อวานคุณแอบไปไหนมา? ทำไมไม่โทรบอกก่อน”
“ก็เมื่อวานคุณออกไปที่ตึกกัน ผมก็ไปหาเพื่อน แล้วเอารถไปทิ้งไว้ที่ลานจอดแถวบ้านคุณ” เจ้าแทนเตรียมพร้อมแล้วเหมือนกัน
“มันเข้ามาทำอะไรกันเหรอ?” ผมหันไปถามหมวดจาง
“มันเข้ามาเดินวนไปมาดูนั่นนี่ สักพักแล้วก็ออกไป ฉันแอบดู ไม่ได้คุยกับพวกมัน ไม่น่าจะเป็นคนจีน ผิวสองสี ตัดผมสั้นเกรียนทุกคน”
“พวกเดียวกันรึป่าว...วว?” ไป่ไป๋ลากเสียงกวนตีน หางตามองจิกไปที่หมวดจาง ผมไม่มีเวลากับเรื่องที่ยังคาดเดาไม่ได้ เรามีภารกิจใหญ่รออยู่รีบไปทำงานให้เสร็จแล้วพาดอกเตอร์หนีออกจากจีนก่อน
“บรื้น...นน!!”
รถยนต์ขับเลยตัวตึก The 3 Temple จอดข้างถนนฝั่งเหนือ เลยบ่อน้ำใหญ่ งูยักษ์อ้าปากกว้างพ่นน้ำด้านข้างตัวอาคารสูง แสงไฟส่องสว่างจาก 4 มุมสนามฟุตบอลหลังอาคาร หมวดจางพาเราปีนกำแพงข้ามมาซุ่มข้างพุ่มไม้ โกดังเก็บของอยู่ข้างตึกมุมสนามด้านหน้านี่เอง ทหารหนุ่มสองคนยืนเฝ้าประตูไม่ไปไหน
“เอาไงต่อ!” ผมหันหานาตาลี เธอส่ายหน้า
“แทนมึงว่าไง? เดินเข้าไปก็โดนยิงเลย” ผมมองเจ้าแทน มันส่ายหัว ไม่มีใครวางแผนกันมาสักคน หันไปมองหน้าหมวดจางแล้วก็...
“เฮ้อ!” เหนื่อยใจ ไม่อยากจะคุยด้วย
ทันใดนั้น...
“แควก!” เสียงฉีกผ้า
“ว้าย!” ไป่ไป๋ร้องลั่น
“หือ!!” ผมหันไปตามเสียง ไป่ไป๋ตาเหลือกเอามือกอดอก นมขาวสองเต้าล้นแขน
“ในนั้นมีทหารทั้งหมด 5 คน ไป! วิ่งไป!” หมวดจางถีบก้นไป่ไป๋...
“เหวอ!... บอกให้รู้ตัวก่อนสิ!” เธอถลาออกจากพุ่มไม้ เสื้อขาดหน้าอกบึ้มขาวจั้วะ เจ้าแทนกระโดดพรวด ผมวิ่งตามไปทันที พร้อมแหกปากตะโกนไล่หลัง…
“อย่าหนีนะ! คิดจะมีชู้เหรอมึง ลูกเต้าไม่ยอมเลี้ยง มาให้กูกระทืบซะดี ๆ” ผมวิ่งไล่กวดจนทัน คว้าไปที่ไหล่...
“แควก!” เสื้อขาดติดมือ ร่างเปลือยขาวโพลนสะท้อนแสงไฟ
“ช่วยด้วย! ๆ ๆ หนูถูกข่มขืน” เธอเปลือยท่อนบนร้องไห้เสียงดังวิ่งอย่างเร็วไปที่ประตูโกดัง
ทหารยามสองคนรีบวิ่งเข้ามาหา เธอดีดดิ้นวิ่งไปแอบหลังกอดเอวเขาไว้//แสดงได้เนียนมากน้องสาว//
ผมชี้นิ้วกราด...
“คนอื่นไม่เกี่ยว! เรื่องของผัวเมีย มันมีชู้ กูจะกระทืบมัน” “คุณทหารช่วยด้วยค่ะ!ช่วยหนูด้วย หนูไม่ได้เป็นเมียมันไอ้โรคจิตมันจะข่มขืนหนู” เธอกอดเอวเขาไว้แน่น
ทหารทั้งสองยังงงกับเหตุการณ์ คนทางซ้ายวิ่งเข้ามาหามือขยับปืนกลอัตโนมัติไทป์ 56 เธอรีบปล่อยมือจากคนเดิมแล้วโผเข้าไปกอดเอวเขาไว้
“ช่วยด้วยค่ะ ๆ ” เธอกอดคว้าปืน ทำลายจังหวะก่อนที่เขาจะยกเล็ง
ผมกับแทนถึงตัวก่อน...
“ผลัวะ!” ผมซัดขวาเข้าเต็มกราม ทหารเด็กหนุ่มที่ไป่ไป๋ยืนกอดอยู่ร่วงลงพื้น
“ตุ๊บ!” เจ้าแทน ต่อยเต็มแรงไปที่ท้องของอีกคนตัวงอลงกับพื้น เขาโงนเงนจะลุกขึ้นสู้
“พล็อก!” ผมวิ่งเข้าไปเตะเสยปลายคางใบหน้าสะบัดตาค้าง ร่วงไปกองแน่นิ่ง
เจ้าแทนจับใส่กุญแจมือ เอาผ้าเช็ดหน้ายัดปากทั้งสองคนแล้วลากเข้ามุมมืดอย่างเร็ว ผมหันไปมองไป่ไป๋ อย่างชื่นชม...
“หัวไวมาก เก่งมากน้องสาว ทำเหมือนจริง ๆ” ผมลูบหัวเธอเบา ๆ
“ฮือ! ฮือ! ฮือ!” ยายตัวแสบร้องโฮ...
“หนูจะฆ่าหมวดจาง ฮือ ๆ ๆ ตกใจหมดเลย ไม่ได้ใส่ยกทรงด้วย”
“หึ!หึ!หึ!” เจ้าแทนเดินเข้ามาหา เธอพุ่งเข้ากอดทันที...
“หนูจะฆ่าหมวดจาง ดูสิ! โป๊เลย” เธอยืดอกกลม นมขาวโบ๊ะ
“อือ! ใส่เสื้อซะ” เจ้าแทนยิ้ม ถอดเสื้อของตัวเองไปสวมให้น้อง
ผมหันไปโบกมือเป็นสัญญาณ นาตาลีและหมวดจางถือแกลลอนน้ำมันก้มหลังวิ่งเลาะกำแพงเข้ามา
นาตาลีวิ่งหน้าตื่นตะโกนบอก…
“พวกนี้ไม่รู้เรื่อง! อย่าฆ่าเขานะ” เธอบอกเสียงสั่น ในยามนี้ยังจะแยกแยะถูกผิดให้ศัตรูอีก ช่างจิตใจงามเหลือเกิน ผมกับแทนหันมายิ้มให้กัน//ถ้าอย่างนี้ ผมทำงานยาก//
“นาตาลีพาแทนเข้าตึกไป ไป่ไป๋ดูต้นทาง หมวดจางตามผมมา” ผมสั่งแล้วแยกย้าย
หมวดจางวิ่งถือแกลลอนน้ำมันวิ่งตามหลังผมมา กุญแจและบัตรของหมวดจางผ่านฉลุย ด้านในโกดังมืดสนิท เธอเดินไปเปิดไฟสว่าง
“คุณ!...ไปเผามันซะ!” ผมยื่นไฟแช็กให้ เธอรับไปอย่างไม่อิดออด วิ่งไปที่มุมของแถวสุดท้าย เทน้ำมันราดไปทั่วกองสินค้าแล้วจุดไฟ
“พรึบ!” เปลวไฟลุกลาม
“พรึบ!” เธอวิ่งพล่านจุดไฟไปทั้งโกดัง
“พรึบ!” ควันไฟเริ่มขาวขึ้นหนาตา
“แค่ก!แค่ก!” เสียงเธอสำลักควันจากด้านขวาสุดของโกดัง
“กริ๊ง...งง!!!” เสียงกริ่งเตือนไฟร้องลั่น
“ฟู่ว!!...วว!!” สปริงเกอร์บนหลังคา ปล่อยน้ำจากเพดาน ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้สำลักควันตายกันก่อนแน่
“หมวดจาง!” ผมมองฝ่าควันโขมง เห็นเงาตะคุ่มของเธออยู่ริมผนังไกล ๆ
“คะ!”
“กลับมานี่เร็ว!” ผมตะโกนเรียก
สักพักเธอก็วิ่งมา
“ไปกับผมด้านหลัง” ผมวิ่งนำไปด้านหลังสุด ถอดเสื้อขึ้นมาปิดจมูก กลิ่นกล่องโฟมไหม้เริ่มแรงขึ้นเหม็นแสบจมูก เริ่มอึดอัดหายใจไม่สะดวก ไฟเริ่มลุกเป็นจุด ๆ กระจายไปทั่ว
กล่องสินค้าด้านหลังไฟเริ่มโหมแรงขึ้น ผมเข้าไปหยิบกล่องเล็กที่ติดไฟบางส่วน โยนไปเข้ากองสินค้าตรงกลางควันขาวโขมงบังตา
“ไปเถอะ! หายใจไม่ออกแล้ว” ผมเดินกลับออกไป
“ขออีกนิดค่ะ!” เธอวิ่งลงไปจุดไฟใต้กล่องสินค้าด้านหน้าอีกหลายจุด ผมยืนมองจนแน่ใจว่า มันจะลามถึงกันหมดก่อนที่จะก้าวออกมาด้านนอก ไป่ไป๋วิ่งเข้ามาหา
“แทนกับนาตาลีลงมารึยัง?” ผมชะเง้อมอง
“ยัง!” เธอกระสับกระส่ายอยู่ข้างทหารยามสองคน
“กริ๊ง...งง!!!” สัญญาณเตือนไฟดังสนั่นกวนใจ เวลาคับขันลงทุกที
“หวอ! หวอ! หวอ! หวอ!” เสียงไซเรนดับเพลิงแว่ว ๆ มาแต่ไกล
“คุณสองคนไปรอที่รถ” ผมโยนกุญแจรถยนต์แฮมเมอร์ให้หมวดจาง ทหารยามอีกด้านเริ่มวิ่งมาทางพวกเรา
“ขอปืนหนูหน่อยสิ หนูไม่ไว้ใจยายนี่เลย” ไป่ไป๋กระซิบหลังจากหมวดจางเดินออกไป
“ใช้เป็นแน่นะ” ผมยิ้มอย่างเข้าใจดึง Colt. 45 ส่งให้
“แก็รก!!” เธอขึ้นลำปืนแล้ววิ่งตามหมวดจางไป
ผมก้มหยิบปืนกลอัตโนมัติไทป์ 56 ของทหารยาม แล้วหันวิ่งกลับเข้าอาคาร เปลวไฟในโกดังด้านข้างเริ่มโหมแรงขึ้นควันดำพวยพุ่งส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งแสบจมูก
“แทน! อยู่ชั้นไหน เสร็จหรือยัง?” ผมถามเมื่อเขารับโทรศัพท์
“ชั้น14 ครับ นาตาลีเก็บของอยู่” เจ้าแทนตอบชัดเจน
“หวอ! หวอ! หวอ! หวอ!” เสียงไซเรนจากรถดับเพลิงใกล้เข้ามา น่าจะต้องรีบถอนกำลัง
“ปลอดภัยดีมั้ย? รีบ ๆ เลยนะ” ผมสั่งเจ้าแทน
“เสร็จแล้วครับ เจอกันที่รถนะ”
ทันใดนั้น...ทหาร 3 คนวิ่งทะเร่อทะร่าเข้ามา ผมพุ่งหลบข้างโต๊ะ ขยับจะยิงทิ้ง แต่ก็สองจิตสองใจกับคำสั่งห้ามยิงของนาตาลี
“พรึบ!พรึบ!พรึบ!” ผมใจเย็นรอให้พวกมันวิ่งผ่านไปขึ้นตึก แล้ววิ่งสวนออกด้านหลังผ่านสนามฟุตบอล ตะปีนรั้ว...
“แชป! แชป! แชป! ซ่าส์!” เสียงของหนักกระทบผิวน้ำ ผมนั่งบนกำแพงหันกลับไปมอง น้ำกระเพื่อมเป็นวงกลางบ่อน้ำข้างตัวอาคารสูง เปลวลุกไหม้ไฟโหมแรง
“หมวดจางออกรถ!” ผมโดดขึ้นเบาะหน้า แล้วหันมองเบาะหลัง...
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” สุดขำ...ยายน้องสาวเอาปืนจ่อหัวหมวดจางอยู่
“หวอ!หวอ!หวอ!!!” เสียงไซเรนดังจากรอบสารทิศกำลังมาถึง เธอขับรถเลาะฟุตบาทช้า ๆ ชะเง้อมองไปที่กำแพง
“บรื้น...นน!” รถยนต์เร่งความเร็ว เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังตะปีนข้ามกำแพงออกมา
“ขึ้นมา!” ไป่ไป๋ผลักประตูหลัง ทั้งสองวิ่งขึ้นรถมาอย่างเร็ว
“วู้ว! สไลเดอร์สุดยอดเลยว่ะพี่!” เจ้าแทนถอดเสื้อ สะพายเป้หัวเราะร่า ตัวเปียกน้ำโชกพอกันกับนาตาลี ทั้งสองวิ่งหัวเราะฟันขาว โยนของในมือให้ผม เธอยังเก็บคราบงูอยู่อีกเหรอ?
ผมก้มมองคราบงูยักษ์ แล้วมองหน้าเจ้าแทน…
"สไลเดอร์อะไร?” ผมไม่เข้าใจหันไปถาม
“งูนั่นไงพี่! นาตาลีพาผมนั่งลงมา อูยส์! หนาวฉิบหายเลย” เจ้าแทนชี้ไปที่งูยักษ์ที่พันรอบตึก ไฟโหมแรงเหมือนงูใหญ่พันไม้กำลังโดนย่างสด ไป่ไป๋รื้อเสื้อส่งให้ทั้งสองคน
“คุณเคยเล่นไหมหมวดจาง?” เสียงแทนยังสนุกถามมาที่คนขับ
"คนในตึกรอวันซ้อมหนีไฟกันทุกปี มันสนุกมากทุกคนชอบ” หมวดจางยิ้มตอบกลับมา
นาตาลียกมือขัดจังหวะ...
“มีข่าวดีจะบอก เรามีวัคซีน Anti แล้ว พรุ่งนี้!ไปหากลุ่มชาติพันธ์มู่เหลาต่อ ไฟท์ติ้ง! ” นาตาลีฮึกเหิม ดวงตาประกาย
“ฮ้า…า! ” ทุกคนหันมองหน้ากัน
“เราตกลงกันว่า เสร็จงานนี้แล้วจะออกจากจีนไง?” ผมแย้ง นาตาลีเปลี่ยนใจอีกแล้ว
ไป่ไป๋เบ้ปาก....
“เอาอีกแล้วนะอนนี่! อย่ามาบ่นว่า ทำไมฉันซวยอย่างนี้ให้ได้ยินก็แล้วกัน เนอะแทนเนอะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เจ้าแทนหัวเราะลั่นหันไปตีมือกับเธออย่างสะใจ นาตาลีอายม้วนขยับเข้าไปทุบแขนเจ้าแทนแก้เก้อ
“รู้หรือยัง? เรื่องทั้งหมดมาจากคุณคนเดียวเลย” เจ้าแทนหัวเราะแล้วหันมา..
“พี่ซอน! จะทำอะไรก็ตกลงทำสัญญากับนาตาลีให้ดี ๆ ก่อนนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไป่ไป๋ปรบมือหัวเราะร่วน
ผมไม่เข้าใจความหมายมันพูดเรื่องอะไรกัน หมวดจางนั่งขับรถยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วันนี้ดูเธอให้ความร่วมมือดีมาก
“ทำไมวะ นาตาลีขี้โกงเหรอ?” ผมไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวพอไม่ได้ดั่งใจ เธอจะแจ้งความจับเอานะ ผมเกือบโดนข้อหาลักพาตัวมาแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” แทนกับไป่ไป๋หัวเราะลั่น นาตาลีอายม้วนมุดหน้าซุกอก
“แทนอ่ะ!” เธอกอดเจ้าแทนแน่น
“กอดกันอีกแระ! นี่แน่ะ! อึ่ก! ๆ ๆ ๆ” ไป่ไป๋ทุบเจ้าแทน
มันชูมือสองข้างให้เห็นว่า นาตาลีเป็นคนกอด
“มาเปลี่ยนที่นั่งกันดีกว่ามั้ย? รู้ว่า อนนี่ชอบกอดก็เข้าใกล้เหลือ เกินนะ ตั้งใจหรือเปล่าเนี่ย? นายไปขับรถเลย ไป!” เธอตาเขียวอีกแล้ว ผมคิดในใจ...แทนเอ๋ย! มึงกลับบ้านไปเถอะว่ะ ยายนี่! หาเรื่องให้ปวดหัวได้ตลอด
ควันไฟพวยพุ่งจากอาคาร The 3 Temple ทางด้านซ้าย รถยนต์เลี้ยวขวาอย่างเร็วที่สี่แยก พวกเราเอียงซ้ายพร้อมกัน
“ถ้าขับตรงไปก็ถึงบ้านหนูแล้ว” ไป่ไป๋ตัวเอียงชี้นิ้วตรงไป
“เอี๊ยด...ดด!!” รถยนต์เลี้ยวขวาที่สี่แยกจินหลง สวนกับรถไซเรนดับเพลิงที่เลี้ยวมาพอดี เสียงดังแว่วจากทั่วสารทิศ รถดับเพลิงเปิดไซเรนสีแดงวับวาบแล่นสวนทางกับเราอีกหลายคัน
........................................................................................................
รถยนต์ของเราแล่นออกมาไกล จนถึงถนนหลัก 8 เลน แสงไฟสว่างไปทั้งถนน หมวดจางหันมา...
“จะเปลี่ยนคนขับไหมคะ?”
ทันใดนั้น...รถแวนสีดำคุ้นตาปาดหน้าระยะกระชั้นชิด
“เฮ้ย!”
“เอี๊ยด!” หมวดจางกระแทกเบรกรถยนต์ตัวโก่ง แล้วกระชากหลบ
“ไอ้คันนี้ที่มันจอดหน้าบ้านนี่” ผมหันไปมองผ่านหัวเจ้าแทนไปถนนด้านหลัง
“บรื้น...นน!!” รถแวนสีดำขับตามไล่มากระชั้นชิด
“พวกมันเป็นใครก็ไม่รู้?” หมวดจางมองกระจกหลายครั้งก่อนพูดออกมา
“หมวด! ไม่ใช่พวกคุณแน่นะ?” ผมยังระแวง
“ไม่ใช่! พวกนี้..ฉันไม่เคยรู้จัก รถที่มันใช้เป็นรถเช่า” เธอบอกขณะสายตาระวังภัย มองกระจกหลังตลอด
“บรื้น...นน!!” รถแวนเร่งความเร็วขึ้นมาประกบ กระจกด้านคนนั่งเปิดออกพร้อมชายหนุ่มยื่นหน้าเอาปืนโบกรถ
“Stop!!” เขาชี้ปืนไปขอบทาง
“บรื้น...นน!!” เธอกระชากรถยนต์ลงซ้าย พุ่งเข้าหาทางแยกก่อนจะเทเข้าโค้งซ้าย...
“เอี๊ยด…ดดดด!!” เสียงล้อบดถนนหวานแสบทรวง
“กลับเข้าไปลุยในเมืองกัน” หมวดจางชี้ไปที่ป้ายสะพานแดงข้ามแม่น้ำฮั่นเจียง
“ข้ามสะพานแดงไปก็เข้าเมืองแล้ว” รถยนต์เราพุ่งตรงไป รถแวนสีดำเร่งความเร็วตามหลังไล่จี้เข้ามา
พวกมันแอบตามเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วมันต้องการอะไรกันแน่? ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ปิดไฟนอนกันเกือบหมดแล้ว เหลือแต่แสงสีจากป้ายไฟโฆษณาที่ทำให้เมืองยังสว่างไสวอยู่
“บรื้น...นน!!” รถสองคันแล่นไล่ล่าตามกันมาติด ๆ บนถนนโล่งยาว ต่างทะยานไปยังสะพานโค้งสมัยสงครามโลก
“พวกมันเป็นใครกันวะ?” ผมหันกลับไปมอง พวกมันกำลังชะโงกหน้ายื่นลำตัวออกมาจากตัวรถเร่งความเร็วขึ้นมาประกบ
“จอดเดี๋ยวนี้! ไม่จอดจะยิง!” เขาเล็งปืนใส่คนขับ
“ทุกคน! ระวัง!” เธอร้องเสียงหลง กระชากพวงมาลัยเข้ากระแทก
“ตึง!” รถยนต์สะบัดแฉลบออกจากัน สองสาวของผมนั่งเงียบกริบดวงตาตื่นเต้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่อกับการโดนล่า จู่จู่... นาตาลีกก็พูดโพล่งออกมา…
“คราวนี้! ไม่เกี่ยวกับฉันนะ หมวดจางยืนยันแล้ว”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศคลายความอึดอัด หมวดจางหันมามองยิ้มส่ายหัว
ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ ผมขยับ...
“นาตาลี! แลกที่กัน” ผมบอกแล้วตะปีนข้ามไปด้านหลัง ให้เธอมุดมานั่งหน้าคู่หมวดจาง
“ระวัง!”
“โครม!” รถของเราโดนกระแทกอย่างแรงเสียหลักเอียงวูบ หมวดจางพยายามดึงพวงมาลัยสู้ รถยนต์ส่ายสะบัดร่อนเต็มถนน
ผมล้มเซไปทับลำตัวไป่ไป๋เต็ม ๆ...
“หนัก! ออกไปเลย แทนคะ! เอาซอนออกไปที หนูหนัก!” เธอร้องเรียกใช้บริการของมันทุกครั้ง
ผมคิดในใจ...แทนเอ๋ย! เปลี่ยนชื่อเถอะ...ด่าก็ด่ามึง ใช้งานก็มึง ขี้ไม่ออกเยี่ยวไม่ออกก็มึง กูว่า...ชื่อมึงไม่เป็นมงคล เรียกใช้ง่ายไป
“แทน! ช่วยพี่หน่อย” ผมปีนข้ามเบาะหลังสุด ไปเปิดคลังอาวุธท้ายรถ หยิบปืนสั้น P320 Sig Sauer ส่งให้ไป่ไป๋ เธอส่ง Colt.45 ในมือไปให้เจ้าแทน
ผมกระหยิ่มใจเล่นกับใครไม่เล่น วันนี้กูจะสอนให้พวกมึงเข็ดหลาบ ไม่ว่ามึงจะมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เตรียมตัวรับงานได้เลย กูไม่ปล่อยมึงไปแน่
“บรื้น...นน!!” รถยนต์แล่นไล่ล่ากันจนขึ้นมาบนสะพานข้ามแม่น้ำสายยาว แสงจากกระบอกปืนจากรถยนต์คันหลังสาดใส่เข้ามา
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” เสียงปืนสั้นเร้าใจ
“บรื้น...นน!!” พวกนั้นยังไล่ตามหลังจี้เข้ามายิงอย่างไม่ลดละ มันเป็นใครกันนะ กล้ามากที่ไล่ยิงคนกลางเมือง
“ไป่ไป๋! ยิงแม่งเลย” ผมร้องสั่ง
เธอลดกระจกลงใช้หลังดันขอบหน้าต่าง ยกเท้ายันเบาะ ยืดท่อนแขนตรง สายตาดั่งเหยี่ยวจ้องเหยื่อ เท่ชะมัด...
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” 1ชุดต่อเนื่อง สุดยอด เก่งใหญ่แล้วนะยายน้องเล็ก ยิงไม่โดนก็ช่างมันเถอะ ขอแค่กล้ายิงก็พอแล้ว และก็ได้ผลเมื่อพวกมันรู้ว่า เรามีอาวุธก็ชะลอรถ ไม่กล้าขับเข้ามาเทียบ
ผมก้มมองหา M16A1 ที่พื้นรถ รถแวนดำชะลอความเร็วไม่กล้าขับเข้าใกล้คงรู้ตัวแล้วว่า พวกเราไม่ใช่หมู
ผมเจออาวุธที่ต้องการพอดี...
“แทนข้ามมานี่! ยิงสกัดไว้อย่าให้มันโผล่หัวออกมา ไป่ไป๋! ยิงใส่มันไว้” ผมบอกแล้วผลักฝาปิดท้ายรถยนต์ให้เปิดขึ้น เจ้าแทนปีนข้ามมานั่งข้างเล็งปืนในมือ ไป่ไป๋ยื่นตัวออกนอกรถ ยิงปืนในมือใส่รถแวนดำ
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” ไป่ไป๋ซัดไปอีกชุดแล้วมุดหัวกลับมาก้มหยิบแม็กกาซีนเปลี่ยนกระสุนปืนอย่างว่องไว //จูยอนสอนมาดีทีเดียว// สงสัยพวกเธอคงไปค้นคลังอาวุธของเจ็ทโด้มาซ้อมยิงกัน เก่งขึ้นมากเลย
ผมยกปืนยาว M16A1 ขึ้นประทับบ่าเล็งเป้าหมาย เตรียมยิงระเบิด M203 คิดในใจ...ถ้าโดนเม็ดนี้ไปล่ะมึงได้เจอท้าวเวสสุวรรณแน่....
“เอี๊ยด…ดดดด!! ” เสียงเบรกรถแวนโหยหวน
“บรื้น...นน!!” มันหักเลี้ยวรถยนต์ลงข้างทาง รถยนต์สะบัดส่ายหนีไปอีกทางก่อนที่ผมจะลั่นไก
“แม่งเอ๋ย! หนีตาเหลือกไปเลยนะมึง เจอปืนยิงระเบิดตายทั้งคันแน่ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ผมสะใจหันไปตีมือกับเจ้าแทน ไป่ไป๋ยิ้มเต็มหน้ายื่นมือมาตีด้วย
ทันใดนั้น...
“เอี๊ยด...ดดด!!!” รถยนต์ของเรา ม้วนหัวกลับกะทันหัน
“ว้าย!!!!” พวกเราเอียงหมุนตามแรงเหวี่ยง
“หมวดจาง! คุณจะทำอะไร?” ผมร้องถาม
“ปล่อยไปไม่ได้ เราไม่รู้ว่ามันเป็นใคร? ถ้าไม่ล่ามัน มันก็กลับมาล่าเรา” เธอร้องลั่นขับรถเข้าตรอก ตามไล่ล่า
นาตาลีหันมายิ้มกว้าง...
“ซอน! คุณเก่งที่สุด”
“เฮ้ย!” ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ผมโดนกระชากคออย่างแรงจนเอียง
“จ๊วบ!” ไป่ไป๋ดึงผมไปหอมแก้ม...
“ให้รางวัลในการทำดี พี่ชาย!”
“เย้!!” ไป่ไป๋ยื่นมือไปตีกับนาตาลี
“มาให้ฉันหอมซอนมั่งสิ” นาตาลีกวักมือเรียกยิ้มกว้าง ผมดีใจตาเหลือกรีบเสนอหน้าไปหา โอ้โห! นาตาลีจะหอมแก้มผมด้วย
“โน๊โน! หนูทำให้แล้ว พอแล้ว” ยายตัวแสบเอามือดันหน้าผม
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ทุกคนหัวเราะกันลั่นรถ คลายความตึงเครียด อยู่กับน้องพวกนี้ก็สนุกดี ผมรักตายเลย
เจ้าแทนยิ้มหวาน...มองหน้าไป่ไป๋แล้วชี้แก้มตัวเอง เธอย่นจมูกใส่
“เมื่อกี๊! คุณกอดอนนี่ไปแล้ว” ยายน้องปากจู๋สะบัดหน้า
“โครม!” รถสะเทือนไปทั้งคัน พวกเรานั่งหัวสั่นหัวคลอนจากถนนในซอยขรุขระ
“บรื้น...นน!!” หมวดจางขับรถอย่างบ้าบิ่น จนทะลุออกปากซอย รถเลี้ยวซ้ายกลับขึ้นถนนใหญ่อีกเส้น เธอพาออกถนนไหนก็ไม่รู้แล้ว แต่ยังอยู่ในเมืองอู่ฮั่น
“บรื้น...นน!!” รถแวนดำคันเดิมวิ่งอยู่บนถนน 4 เลนข้างหน้า ผมหันไปสะกิดไป่ไป๋...
“แลกที่กัน!” ผมขยับปีนกลับมานั่งริมหน้าต่าง ยื่นตัวออกไปนอกรถยนต์ประทับ M16A1เล็งไปที่ท้ายรถแวน...
“ฟุ่บ!” จรวดพุ่งใส่
“บรื้ม!..” รถแวนพลิกหงายท้องระเบิดไฟลุกท่วม แฉลบไปตามแรงก่อนจะลงข้างทางหยุดนิ่ง
“เอี๊ยด...ดด!” หมวดจางจอดเมื่อรถของเรามาถึงซากรถ
ผมหันหาเจ้าแทน
“แทนระวังตัวด้วย ไอ้พวกนี้ไม่ใช่นักเลงกระจอก มันรู้เรื่องอาวุธ ไม่งั้น! มันไม่ขับรถหนีหรอก”
เจ้าแทนพยักหน้า แล้วเปิดประตูลงไป
“หนูเห็นพวกมัน ตัดผมสั้นเกรียนเหมือนทหาร” ไป่ไป๋กระโดดลงตามไปกอดแขนเจ้าแทน นาตาลีเข้ากอดอีกข้าง ผมเดินตามหลังหมวดจาง
เจ้าแทนปีนไปเปิดประตูรถที่นอนเอียง
“ครืด!”
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!” ชายหัวเกรียนสำลักควันยื่นมืออกมา เขาดึงมือช่วยชีวิตออกจากรถ แล้วชะโงกเข้าไปในรถหาคนเจ็บด้านใน
ผมหันถามไอ้นี่ก่อนเลย...
“ในรถมีกี่คน?”
“ฮึ!” เขาเงยหน้ามองไม่ตอบคำถามสายตาท้าทายมาก ผมปรี่เข้าหายกเท้าจะถีบหน้า เจ้าแทนเดินเข้ามาขวาง...
“อย่า! ข้างในตายหมดแล้ว มี 5 คนรวมไอ้นี่ด้วย” เจ้าแทนปลดปืนจากเอวไอ้หมอนั่น สองสาววิ่งตามตลอด
“ไอ้น้องชายรู้หรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่? กลับไปรับโทษตามกฎหมายดีกว่า” ชายหัวเกรียนเริ่มประโยคแรกก็พอเดาได้ถึงอำนาจ แสดงว่า พวกนี้มีเรื่องกับเจ้าแทน
“ผมไม่ยอมรับกับกฎหมายที่ไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ สิ่งที่คุณกำลังทำก็ไม่ได้ทำตามกฎหมายเหมือนกัน อย่ามาพูดอย่างนี้เลย”
ผมเลิกคิ้วมอง พวกนี้ท่าทางไม่กลัวใคร ขนาดเจ็บยังผยอง เจ็ทโด้เคยสอนไว้...ถ้าเห็นคนท่าทางกร่างแบบนี้ ให้สันนิษฐานได้เพียง 2 อย่างคือถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ...ก็เป็นโจร แต่พวกมันหัวเกรียนน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า เจ้าแทนหันมาหา...
“พี่ซอนพาทุกคนขึ้นรถไปก่อน นี่เป็นเรื่องของผม ผมจะคุยกับเขาเอง” มันบอกแล้วจับมือนาตาลีกับไป่ไป๋ส่งมาให้ ผมพาพวกเธอมาขึ้นรถ แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปด้วย ยืนข้างหมวดจางฟังเขาคุยกัน
“มาตามจับผมเหรอหรือมาตามเก็บ? ทำไมต้องยิงกันด้วย นี่คงตามสัญญาณโทรศัพท์ผมมาสิท่า งานจับเด็กนี่โคตรน่าภาคภูมิใจเลยนะครับ” แทนคุยอย่างใจเย็น
“.............” เขาบิดตัวไปมาคงเจ็บจากรถคว่ำ
“พูดสิครับ อยากทำอะไร? ผมเห็นคุณห้อยพระ เราก็นับถือศาสนาเดียวกัน ศีล 5 ก็บอกว่าห้ามฆ่าสัตว์ คุณสบายใจเหรอถ้าฆ่าผมได้? ผมเป็นคนนะครับ มีความหวัง มีความฝัน ผมผิดถึงต้องฆ่ากันเลยเหรอครับ? เป็นเกียรติของวงศ์ตระกูลของคุณมากใช่ไหม ที่ทำแบบนี้?” เจ้าแทนนั่งยองคุย เขานั่งชันเข่าบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ถึงตายหรอก
“กลับไปด้วยกัน! ทำผิดก็ไปรับโทษ”เขาขยับตัวลุกขึ้นยืน ยกโทรศัพท์ ผมขยับตัวพุ่งเข้าหา...
“ผลัวะ!” ผมตบโทรศัพท์กระแทกหน้า
“เฮ้ย! จะมากไปแล้วนะ” เขาหันมาง้างหมัดหันมาสู้
“ผลัวะ!” ผมถึงก่อน เตะเต็มกรามหงายท้อง
เจ้าแทนดึงแขน...
“อย่า! พอแล้วพี่ เราคุยกันได้ ผมไม่ได้เคืองแค้น เขาก็ทำตามหน้าที่”
“ไอ้พวกนี้น่ารำคาญ ตามใจมึงนะแทน ถ้ามึงต้องการอย่างนั้น” ผมหมั่นไส้มาก ถ้านี่เป็นเรื่องของผม มันโดนหนักแน่
แทนหันไปคุย...
“จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้คิดจะกลับไปอยู่ที่นั่นแล้วนะ ถ้าคิดว่าผมทำผิด ผมก็ลงโทษตัวเองแล้ว นี่ไง! ผมออกมาอยู่นอกประเทศแล้ว”
“ก็กลับไปรับโทษในประเทศสิ แล้วค่อยออกมาใหม่” เขายังตะแบง
“ผมไม่เคยเห็นพวกคุณ จับคนที่หนีออกมากลับไปได้สักคน มีแต่ตายหรือไม่ก็สาบสูญ” แทนนั่งลงข้าง ๆ ผมนับถือจิตใจของมันจรง ๆ ที่ยังนั่งคุยกับคนที่มาเอาชีวิตของตัวเองได้ ไอ้นั่นนั่งนิ่งก่อนจะตอบ...
“พวกผมไม่ได้ทำ พวกนั้นฆ่ากันเอง หักหลังกันเอง” เขาแถสายตาหลุกหลิก ในยามที่ไม่มีคนช่วยพวกมันก็กลัวตายเหมือนกัน
“พวกคุณไล่ยิงผมอยู่เมื่อกี๊นี้เอง ทำไมต้องทำขนาดนั้น? ผมไม่ได้ฆ่าใครตายสักหน่อย คุณทำเกินไปหรือเปล่า?” แทนหัวเราะหึหึ
“อย่าปรักปรำ พวกผมทำตามหน้าที่ เรียกให้จอดทำไมไม่จอด?” เขาหันมองขู่
มันเกินไปแล้ว...
“ผลัวะ! มึงเป็นใคร มาเรียกให้กูจอด” เตะแม่งไปอีกดอก
เจ้าแทนยังใจเย็นพูด...
“จอดได้ยังไง? เหยื่อหลายคนโดนอุ้มหาย หลายคนเสียชีวิตอันมีค่าทั้งที่อายุยังน้อย หลายคนอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ถูกคุณฆ่าอย่างเลือดเย็น เพราะอะไรและเพื่ออะไร?”
“...........”
“คุณภูมิใจมากสินะ! ที่ครอบครัวของเหยื่อต้องมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดพร้อมกับบาดแผลในใจไปทั้งชีวิต เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน เลิกแล้วต่อกันไปก็แล้วกัน ต่างคนต่างไป”แทนขยับจะเดิน ผมเก็บปืนเข้าเอวเตรียมขึ้นรถ เจ้าแทนมันไม่เอาเรื่อง ผมก็ไม่เสือก
“ล้อเล่นน่าจะไปไหน? กลับมา!” เขาขู่เสียงแข็ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เจ้าแทนหัวเราะเดินกลับไปหาอีกครั้ง ใจมันก็ใช้ได้เหมือนกัน
“คุณนี่แม่ง...ตลกว่ะ! ผมไม่ยิงหัวบุญโขแล้ว ผมอยากแสดงให้คุณเห็นว่า สิ่งที่ผมแสดงออกไม่ได้ทำให้ใครตาย และก็ไม่เคยคิดฆ่าใคร ไม่ได้มุ่งร้ายกับชีวิตของใคร? พวกคุณสร้างงาน สร้างความดีความชอบโดยการสร้างให้พวกผมเป็นศัตรู วาดภาพน่ากลัวเกินจริง เป็นผู้ใหญ่ยังไงกันวะ?”
“เออ! เอาไว้ไปพูดในศาล” เขาเมินหน้า
“ศาลจะไปรู้เรื่องอะไร? พวกคุณต่างหากที่ยัดคดี ยัดข้อหามาให้เพื่อความสะใจของตนเอง พวกคุณชงเองกินเอง เอาพวกเราเป็นเหยื่อเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ ไปละนะ!” เจ้าแทนลุกขึ้นยืนหมุนตัวกลับ
“เดี๋ยวสิ! ใครอยู่เบื้องหลังของคุณ”
“ถ้าผมมีเบื้องหลัง ผมจะหนีทำไม? พวกคุณต่างหากที่มีเบื้องหลัง ใครวางแผนสร้างพวกผมให้เป็นศัตรูของชาติ”
“อย่าโกหก! เด็ก ๆ อย่างคุณจะเอาเงินที่ไหนหนี ถ้าไม่มีท่อน้ำเลี้ยง พ่อแม่รวยนักเหรอ?”
“จะเพิ่มข้อหาเหรอ? คุณคิดว่าคนที่มาเรียกร้อง มาประท้วงโดนจ้างมาเหรอ? คนที่โดนจ้างคือพวกคุณต่างหาก เลิกสักทีกับการยัดข้อหามั่ว ๆ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังทั้งนั้นแหละ ไปล่ะนะ!”
“หวอ!หวอ!หวอ!” เสียงไซเรนตำรวจแว่วมา เขาพรวดเข้าไปกระชากแขนเจ้าแทน...
“เฮ้ย! บอกให้กลับไปด้วยกัน”
“เปรี้ยง!” ปืนในมือของผมสะบัด เขาทรุดลงพื้นเลือดแดงไหลออกจากขา ผมหมั่นไส้มานานแล้วก้าวเดินเข้าหาหมายจะยิงหัวให้กระจุย ปิดคดีไปเลย
“อย่า!” เจ้าแทนร้องห้ามเสียงหลง
“จะใจดีไปไหมมึง? มันยังไม่สนใจเลยว่า พวกกูก็อยู่ในรถนะ ถ้ากูตายไปใครจะรับผิดชอบ? แล้วไอ้เหี้ยนี่! ถือดียังไง มาไล่ยิงกูก่อน?”
“ผลัวะ! ” ผมเตะเข้าเต็มปาก
“พอแล้วพี่! ปล่อยเขาไปเถอะ ทุกคนต่างก็มีคนที่รักรออยู่ทั้งนั้น เขาอาจจะเป็นพ่อของเด็กสักคนก็ได้ เขาอาจจะมีลูกสาวน่ารักก็ได้” เห็นหน้าเจ้าแทนก็ชักรำคาญ มึงจะไปสนใจกับพวกมันทำไม? มึงจะใจดีไปถึงไหน รู้จักแยกแยะหน่อยได้มั้ยว่าคนไหนต้องดี คนไหนต้องเลวใส่
ผมไม่สน...
“มันมีปัญหากับมึงก็เรื่องของมึง แต่มันยิงรถกู ยิงน้องกู มันต้องรับผิดชอบ ผลัวะ!” ผมเตะเข้าปากเลือดสาด
“พี่ช่างมันเถอะ!” เจ้าแทนใจดีมาก ไม่ได้มองศัตรูว่าเป็นศัตรูเลย อันตรายมากกับการมองโลกในแง่ดีแบบนี้ โลกปัจจุบันไม่ได้สวยงามเหมือนในหนังสือเรียนนะโว้ย...
“คำพูดเปลี่ยนใจ ไอ้พวกนี้ไม่ได้หรอก เมื่อมีความเชื่อแล้ว ต่างคนต่างต้องตายไปกับความเชื่อของตัวเอง ยิ่งอายุมากรากยิ่งลึก ยิ่งเปลี่ยนยาก” ผมง้างแข้งกะจะซัลโวอีกสักดอก
“พอแล้ว! ไปกันต่อเถอะครับ!” เจ้าแทนดึงผม แล้วหันไปหาเจ้านั่น…
“เราลืมเรื่องนี้กันไปเถอะ เลิกแล้วต่อกัน ไม่ต้องเจอกันอีก ชาตินี้และชาติไหน ขออย่าได้เกิดเป็นพี่น้องร่วมชาติกันอีกเลย ไปก่อนนะ!”
เราปล่อยให้มันนอนรอคนมาช่วย ไป่ไป๋หันมายิ้มยกนิ้วโป้งให้ เหลือหมวดจางอีกคน ไม่รู้นาตาลีเปลี่ยนใจไปถึงไหนแล้ว?
การลงโทษในคดีอาญา ส่วนใหญ่ตราไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของครอบครัวของเหยื่อที่ต้องสูญเสีย และลงโทษผู้กระทำผิดเพื่อให้สำนึกผิด แต่การต้องเสียเวลาไล่ล่านักศึกษา มันไร้สาระมากไป การเรียกร้องไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บ แต่การไล่ล่านี่สิ...มีแต่สูญเสีย การใช้อำนาจแกล้งกัน เป็นเรื่องปรกติของประเทศกลุ่มเผด็จการ เด็กมันก็กลัวหนีหัวซุกหัวซุน ไม่ได้เรียนหนังสือ เสียโอกาส เสียเวลาของชีวิตก็มากพอแล้ว ยังใจร้ายตามเอาชีวิตของเขาอีก หรือว่าในโลกใบนี้ความยุติธรรมไม่มีจริง ความยุติธรรมสั่งได้
.....................................................................................................