The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 7

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 7
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 4
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 15 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เป่ยซี เขตปกครองตนเอง กว่าง ซี จ้วง
 
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
พฤษภาคม ค.ศ.2021
วันนี้โต๊ะอาหารคึกคักมาก หม่าม้ากับป่ะป๊านั่งยิ้มหน้าบานมีเพื่อนมาทานข้าวด้วย เสียงหัวเราะสนุกสนาน ทำให้ผู้อาวุโสกระชุ่มกระชวย ทุกคนมานั่งกันเรียบร้อยพร้อมหน้า เราต่างถ่ายทอดเรื่องราวแลก เปลี่ยนซึ่งกันและกัน 
ฉันต้องทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดี...             
“แนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ ทุกคนคะนี่ป่ะป๊ากับหม่าม้าค่ะ” ฉันยิ้มภูมิใจที่ได้แนะนำทั้งสองท่านพร้อมกัน รอยยิ้มของทั้งสองท่านเปรียบเสมือนแสงสว่างของชีวิต หน้าบานสดใสทั้งคู่              
ฉันอยากเห็นหม่าม้าเป็นแบบนี้ตลอดไป ท่านดูมีความสุขมาก รอยยิ้มของท่านสวยงามราวนางฟ้า โชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกของท่าน  ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกันแล้วโค้งคำนับ                        
เห่ย!...ไม่ต้องมากพิธี”  ป่ะป๊าเหมือนเดิมไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก ท่านชอบคุยกับชาวบ้านใช้ชีวิตติดดิน              
หม่าม้า! เคยเล่าว่า เขาออกไปเยี่ยมคนไข้นอกเมือง ไปนั่งกินเหล้าต้มกับชาวบ้านเมาน็อคกลับไม่ไหว หม่าม้าต้องเอาใส่รถเข็นกลับบ้าน //นึกแล้วก็ขำ//           
"เอ้า!...นั่งกันก่อน ยืนคุยเสียเพลินเลย กินข้าว ๆ” ท่านผายมือเชิญทุกคนยิ้มเต็มหน้า                      
“เหมือนเคยเจอกันมาบ้างแล้วนี่” หม่าม้ามองหน้าซอนทางขวามือท่าน เป็นเชิงสงสัยแล้วหันไปหาป่ะป๊าทางซ้ายมือ
“ครับหม่าม้า! ผมโดนยิง” ซอนพูดแล้วลูบแก้ม
“อุ๊ย!หม่าม้ากุมอกโบกมือ ยิ้มเก้อ     
“ฉันไม่ชินสักที เวลาที่พวกเธอเรียกฉันว่าหม่าม้า” ท่านยิ้มเขิน ธรรมเนียมจีนจะไม่ยอมให้ ลูกคนอื่นมาเรียกตัวเองว่าแม่ ฉันเสนอหน้าเข้าไปหา     
“หม่าม้าขาอย่าคิดมาก นี่คือการเคารพขั้นสุดแล้วค่ะ แม่เพื่อนเท่ากับแม่ของตัวเอง” ฉันเคยบอกท่านไปหลายครั้งแล้ว
ซอนขยับลุกโค้งศีรษะ             
“ไม่ต้องลุก ๆ  ฉันจำได้แล้ว เป็นยังไงกันบ้าง ยังเจ็บอยู่มั้ยคะ?” ท่านถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แววตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
“หายปรกติแล้วครับ รบกวนแล้วนะครับ” ซอนก้มหัวขอบคุณ
“จับคนยิงได้หรือยัง?”
“.........”ทุกคนหยุดค้างนิ่งกันทั้งวง
“เป็นอะไรตัวแข็งกันไปหมด?” ท่านพูดจบ พวกเราก็เคลื่อนไหวกันต่อ            
“จับตัวคนยิงได้แล้วครับ” ซอนตอบก้มหน้า หมวดจางมือปืนนั่งติดกับซอนก้มหน้านิ่ง ยายตัวร้าย! น่าจะตาย ๆ ไปได้แล้วไม่อยากเห็นหน้า
ป่ะป๊าเงยหน้าขึ้นมอง...                      
“ดีแล้ว! จะได้ชดใช้กรรม” ท่านตักอาหารเข้าปากไม่สนใจ หมวดจางวางช้อนมองไปที่เขา                 
“คุณหมอ ยังจำวิถีกระสุนมั้ยคะ?” จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นมา         
ฉันวืดโกรธขึ้นมาทันที ยิ่งไม่อยากให้พวกท่านรู้มาก เธอยังกล้ามาพูดเรื่องนี้อีก ไม่อายปากเลยหรือไง? //หน้าด้านจริง//                    
“จำได้สิครับ! เคสนี้ผมว่า เขาโชคดีมาก ที่วิถีกระสุนมันเบี่ยงลงล่างทะลุกระพุ้งแก้ม ปาฏิหาริย์หรือว่า คนยิงตั้งใจให้เป็นแบบนั้น มันมองได้ทั้งสองแบบ” ท่านยิ้มใจดี
ฉันหันไปมองหน้า ทุกคนขมวดคิ้วฉงนกันหมด หมวดจางพยักหน้าแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ
ท่านพูดต่อ...   
“ผู้ป่วยอีกรายที่เข้ามาวันนั้น ชื่อเจ็ทโด้ใช่ไหม คนผมยาวนั่นน่ะ?  โดนบีบอัณฑะจนสลบ หึ! หึ! หึ! ทีแรกผมสงสัยว่า ถ้าคนลงมือทำร้ายเป็นคนเดียวกัน เขาอาจจะหวังผลแบบนี้ก็ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจให้ตาย”  ท่านยิ้มตอบอย่างผู้ใหญ่ใจดี หมวดจางสายตาพึงพอใจยิ้มอ่อน ๆ //ยังมีหน้ามาสะใจอีก//
ฉันหันไปหาท่าน...                   
“เหรอคะ มีอย่างนี้ด้วยเหรอ แล้วอีกคนจะอธิบายยังไง?”
"แต่ถ้าวันนั้น ไม่มีผู้หญิงถูกแทงมาด้วย ผมก็เชื่อแบบนั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นเกือบตาย คนแทงหวังผลให้เธอตาย ผมเลยคิดว่า ไม่ใช่”
มีคนถูกแทงด้วยเหรอคะ?” หมวดจางตาโต นาตาลีจ้องมองอย่างสนใจ                   
“ใช่! สาวเกาหลีเหนือคนนั้น โดนมีดแทงลึกมาก แต่ไม่โดนจุดสำคัญ เธอเก่งมากที่ต่อสู้จนแข็งแรงกลับมาได้ แต่ทั้งหมดที่รอดตายคราวนั้น ต้องยกผลประโยชน์ให้สองคนนี้เขานะ ฮีโร่! ตัวจริงนั่งอยู่นี่” ท่านชี้มาที่แทนและฉัน // แอบปลื้มใจนิดหน่อย  //
หม่าม้ามองหน้าสองสาว...                              
“สองคนนี้ ฉันไม่เคยเห็นก่อน” ท่านชี้ไปที่หมวดจางกับนาตาลี  ทั้งคู่นั่งตรงกันข้ามกับท่าน
ฉันเดินไปกอดคอ นาตาลี...                            
“คนนี้นาตาลี พัคค่ะ แฟนหนู!” ฉันผายมือภูมิใจนำเสนอ
เธอรีบขยับจะลุกขึ้นยืน ฉันแกล้งกดไหล่ไม่ให้ลุกขึ้นง่าย ๆ เธอดิ้นดุกดิกก้มหัวหงึก ๆ น่ารัก
           “ได้เจอสักทีนะ คนนี้นี่เอง” ป่ะป๊าแทรกแล้วยิ้มกว้างตาหยี
หม่าม้าหันมาจ้องหน้า...                      
“แกก็พูดเป็นเล่นไปได้ ผู้หญิงเหมือนกันจะเป็นแฟนได้ยังไง?  หน้าตาสวยมากเลยนี่ลูก” ท่านดุแล้วหันยิ้มหวานกับนาตาลี ชมออกนอกหน้าออกตาอย่างนี้ นาตาลีรักตายเลย อนนี่ก็บ้ายอเหมือนกันแหละ
          “แหงล่ะ
! แฟนหนูต้องสวยอยู่แล้ว นาตาลีคนสวย นาตาลีคนเก่งที่สุดในโลกเลย” 
“อึ่ก! เพื่อน ๆ สำลักอาหารแล้วอมยิ้ม
ท่านมองหน้าฉัน แล้วเลยไปมองหน้าของแทน เขากำลังก้มกินข้าวไม่ได้สนใจมองใคร ท่านอมยิ้มส่ายหน้าเบา ๆ ฉันใจหายวาบ รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
แอบคิดในใจ...หม่าม้าอย่าแวะมาอำหนูนะ วันนี้เพื่อนอยู่เยอะนะ เสียวจริง ๆ ถึงเป็นแม่ก็ไม่ไว้วางใจ
ท่านมองหน้าหมวดจาง          
“อีกคนล่ะคะ ชื่ออะไรคะ? สวยดี ใบหน้าหวานเชียวนะ ดูสิ!แววตาประกายเจิดจ้ามียศศักดิ์ จมูกเชิดรั้นชอบเรียนรู้ แก้มโหนกมีอำนาจเหนือผู้ชาย รูปร่างสวยมาก วันข้างหน้าจะได้เป็นใหญ่ ใจดีหรือเปล่าเนี่ย?” หม่าม้ายิ้มตาใสถามไปที่หมวดจาง      
ฉันสะดุดใจไม่อยากแนะนำ อยากเอาน้ำร้อนราดหัวมากกว่า นาตาลีเหมือนจะรู้ใจขยับลุกขึ้น
           “คนนี้เป็นเพื่อนของฉันค่ะ เป็นทหารจีนยศร้อยโทชื่อ จาง แอนนา ใจร้ายมากค่ะ” เธอแนะนำแล้วก็นั่งลง พวกเราอมยิ้ม
“คุณลุง! คุณป้า!” หมวดจางลุกขึ้นก้มหัวทำความเคารพ
“ถ้าอย่างนั้นฉันทายถูก คอยดูนะ! ผู้หญิงคนนี้จะยิ่งใหญ่” ท่านมองเลยไปที่แทน //ฉันแอบคิด จะตายสิไม่ว่า เธอไม่รอดหรอก//          
“แทนเป็นไงมั่ง ลูกชาย? ไม่พูดไม่จา หิวมากเลยเหรอคะ?”  หม่าม้าหันไปหัวเราะกับป่ะป๊า ทั้งสองชอบแทนออกหน้าออกตา เขานั่งติดกับป่ะป๊าเงยหน้าขึ้นยิ้ม ไม่ตอบอะไร             
“มาไม่บอกล่วงหน้า มีธุระด่วนหรือเปล่า?” ป่ะป๊ายิ้มถามผ่านหน้าแทนมาที่ฉัน                     
“ขออยู่เตรียมตัวที่นี่สักพัก จะเข้าป่าโบราณกันค่ะ ไปฉีดวัคซีนให้Soulless” ฉันบอก ท่านพยักหน้าเบา ๆ ยกช้อนขึ้นซดน้ำแกง
“อื้อ! พูดเรื่องนี้มาก็ดีแล้ว ต้องให้ไปช่วยหรือเปล่า?” ป่ะป๊าถามแล้วก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก              
“ไม่ต้องค่ะ! พวกเราหลายคน สบายมาก” นาตาลียิ้มเก๋ไก๋
“ถามเรื่องวัคซีนได้มั้ยครับ คุณนาตาลี?” ป่ะป๊าถามมาที่นาตาลี เธอกำลังยกช้อนขึ้นเข้าปากหยุดชะงัก                      
“ถามได้เลยค่ะ ไม่มีความลับ เอ่อ! รบกวนด้วยนะคะ ไม่ต้องพูดสุภาพกับฉันนะคะ” นาตาลีเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ
ป่ะป๊ายิ้มพยักหน้า...               
“ผมเห็นข่าว เป็นคลิปสั้น ๆ  ไม่แน่ใจว่า ตัดต่อหลอกกันหรือเปล่า? น่ากลัวมาก ไอ้พวกนี้หรือเปล่า Soulless ที่คุณพูดถึงกัน ไป่ไป๋! เปิดทีวีให้ทีลูก” ท่านหันมาสั่งฉัน
แทนเอื้อมมือไปหยิบรีโมทข้างหลังกดให้ ก่อนที่ฉันจะลุก 
ทีวีข้างผนังกำลังรายงานข่าวเรื่อง Dead man walking ฆ่าคนกันอยู่พอดี         
“นี่มันคืออะไร Dead man walking” ท่านชี้ไปที่ทีวีบนผนัง ฝูงคนเดินเกาะกลุ่ม ฝ่าความมืดเข้าป่าตะโกนเสียงดัง
Messiah ! messiah!  messiah!
“ฆ่านักข่าวให้หมด”  เสียงผู้หญิงแว่ว ๆ เหมือนออกคำสั่ง... 
ภาพทั้งกลุ่มหันหลังกลับหน้าตาโกรธจัด ดูดุร้ายและน่ากลัวโดยเฉพาะเมื่อเห็นดวงตาดำเล็กต้องเบือนหน้าหลบ
พวกเขาวิ่งเข้าหากล้องอย่างบ้าคลั่ง บางคนถือไม้ฟาดลงมา บางคนมือเปล่าเข้ารุมทึ้งกล้อง ภาพสั่นเคลื่อนไหว แต่ยังพอมองเห็นเลือดไหลออกจากปากนักข่าว และเห็นขาของพวกนั้นเดินกันขวักไขว่ก่อนที่กล้องจะดับไป //โชคดีมากที่คลิปนี้ ไม่มีเสียงนกหวีดเล็ดลอดออกมา//
พิธีกรชาย กระตุ้นเรียกร้องให้ประชาชน ช่วยกันสังหารคนกลุ่มนี้ทันทีที่พบเห็น พวกเขาตราหน้าว่าคนเหล่านี้ เป็นซอมบี้กินคนไปแล้ว ฉันไม่เข้าใจ หันไปมองหน้านาตาลี เธอก้มหน้าเงียบ ซอนกับหมวดจางก็นิ่งอยู่ในท่าเดียวกัน แทนกับฉันสบตากันอย่างสงสัย
นาตาลีเงยหน้าบอก...
“ภาพที่เห็นเป็นเรื่องจริงค่ะ แต่เป็นเรื่องที่นักข่าวเข้าใจผิด คนพวกนี้ไม่ได้โหดร้าย แต่มีคนสั่งให้ทำ” 
“เหรอ แล้วมีวิธีรักษากันหรือยัง?” ท่านสีหน้าเป็นกังวล
“รักษาได้ค่ะ ฉันมีวัคซีนแก้แล้ว” เธอรีบบอกตัดบท                
ใครนะ?..ช่างเลวได้ใจขนาดนี้  เจอหน้า! จะเอาน้ำร้อนราดหัวสักที” แหม...หม่าม้าห้าวเหลือเกิน สีหน้าไม่พอใจ
ฉันหันไปหานาตาลี...              
“หนูรบกวน อนนี่ฉีดวัคซีน Anti-Tame26 ให้ทั้งสองท่านด้วยนะคะ ท่านฉีดวัคซีนกันไปคนละเข็มแล้ว”ฉันยิ้มบอกหวานใจ               
“เอาสิ! กินข้าวเสร็จ เรามาฉีดกัน” นาตาลีพยักหน้า
หม่าม้า! มองทีวีแล้วเปรยเบา ๆ...                   
“เมื่อเช้ามีข่าวไฟไหม้อู่ฮั่น ตึกที่พวกเราไปตรวจคนไข้กันน่ะลูก! พอได้ยินว่า อู่ฮั่นไฟไหม้ ฉันก็จะเป็นลมแล้ว คิดถึงบ้านจังเลย” ท่านถอนหายใจมองมาอย่างกังวลใจ ฉันยิ้มเจื่อนแล้วมองหน้าทุกคน 
พวกเขาพร้อมใจกันก้มหน้า พิรุธชัด ๆ             
อุ๊ยตาย!..อย่าบอกนะ!” หม่าม้าเอามือทาบอกตาโตเท่าไข่ห่าน โดนเฉ่งแน่ ๆ ท่านตาเขียวปากจู๋ หันจ้องหน้าแทน...
“นายแทน! พาน้องไปทำอะไรกันมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลย ทำไมพากันไปดื้ออย่างนี้? มาหาแต่ละครั้ง ไม่ต้องพาเรื่องมาได้ไหม? ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ไม่ซื้อของเล่นให้หรือไง?” ท่านหน้าบึ้งยิงเป้าหมายไปลงที่แทน
เขาก้มหน้านิ่ง เวลาเขาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่จะสุขุม เงียบปาก
ซอนขยับ...
“เสียหายเยอะมั้ยครับ?” เขาดึงความสนใจของท่านไปจากแทน
           “เสียหายไปส่วนใหญ่ เขาดับไฟกันทั้งคืน” ป่ะป๊าชิงบอกก่อน
หม่าม้ายังหลุกหลิก สีหน้าไม่พอใจ ท่านไม่เลิกแค่นี้แน่...        
เดี๋ยว ๆ รอเดี๋ยว!” ท่านลุกเดินออกไปหน้าบ้าน 
สักพักเดินหน้าตื่นกลับเข้ามา...                      
ใช่จริง ๆ ด้วย รถเหลืองนั่น กล้องวงจรปิดจับได้ พวกเธอเป็นผู้ต้องสงสัย” ท่านทำท่าหนักใจ กัดฟันจนกรามเป็นสัน            
“ใครสงสัยคะ?” ฉันสวนกลับไป ท่านชะงักมองค้อนตาเขียว... 
ฉันนี่แหละ!” เสียงเขียวหน้าตูม 
ซอนขยับเข้ามาช่วยอีก...                    
“ไม่ยากครับหม่าม้า ผมกินข้าวเสร็จจะจัดการให้ครับ” เขาบอกเสียงเบาแล้วก้มหน้าหลบสายตาโหด                                   
เอาไปทิ้งที่ไหนก็ได้  เดี๋ยวตำรวจตามมาถึงนี่จะลำบากกันไปหมด” ท่านถอนหายใจแล้วหันมามองหน้า
“แหะแหะ! ฉันยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...
“เมื่อไหร่แกจะโตเสียที เพื่อนแต่ละคนก็พอกัน พากันไปดื้อ ทำเรื่องใหญ่โต ไม่มีใครคิดจะห้ามกันบ้างหรือไง? สามัคคีกันจังนะ!
นาตาลีชะโงกหน้าไปหาซอน...
“ซอน! เดี๋ยวฉันไปด้วยนะคะ!
ป่ะป๊า! หันมาหานาตาลี…                              
“ดอกเตอร์นาตาลีครับ อิ่มข้าวแล้ว ขอเชิญไปคุยกับผมที่ห้องรับแขกหน่อยนะครับ”
“ค่ะ!
หม่าม้าขยับตัวมองไปที่แทนอย่างขัดใจ...                   
แทน! ดูน้องยังไง พากันไปดื้อขนาดนี้เลยเหรอ ฉันไม่สบายใจเลย?” ท่านหันไปดุแทน เขาก้มหน้าไม่เถียงสักนิด
ฉันเห็นท่าไม่ดีปล่อยไว้อย่างนี้ท่านจะเข้าใจผิด...                   
“หม่าม้าขา แทนไม่เกี่ยวกับงานนี้สักหน่อย” ฉันรีบห้ามทัพทันที ท่านไม่ยอมละสายตาจากแทน...
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เธอมาคุยกับฉันหน่อยนะ ถ้ายังทำตัวให้เป็นห่วงอย่างนี้ จะไม่ให้ไปไหนด้วยกันแล้ว” ท่านสีหน้าเครียดดุแทน
“ครับ!” เขาพยักหน้ารับ
วันนี้เรื่องชักยุ่งเหยิงไปหมด  
…….…………………………..
 
หลังกินข้าวเสร็จ นาตาลีพาหมวดจางไปพบปะป๊าในห้องรับแขก  แทน ซอนและฉันโดนหม่าม้าอบรมต่อในห้องกินข้าว
“มีอะไรจะแก้ตัว พูดออกมาให้หมด” หม่าม้าเริ่มเปิดฉากอีกครั้ง หลังทุกคนเดินออกจากห้อง                          
“ไม่มีครับ! ผมขอโทษครับ เป็นความผิดของผมเอง น้องไม่เกี่ยวครับ ดุผมเถอะครับ ผมรับผิดครับ” แทนก้มหน้านิ่ง             
“แล้วไปเผาตึกเขาทำไม? พวกเธอเป็นนักเลงหรือไง? ทำไมชอบก่อแต่เรื่อง มาคราวก่อนก็เลือดท่วมตัวกลับมา คราวนี้พวกเธอไปเผาบ้านเขาทำไม? ” หม่าม้าเสียงดัง ฉันปรี่เข้าไปกอดท่าน…                    
“หม่าม้าคะ! ถ้าไม่เผา คนอีกมากจะเป็นเหมือนในทีวีนะคะ”
ท่านขมวดคิ้ว...                        
“ทำไมแกถึงไม่แจ้ง ตำรวจ?” หันมาถามสายตาดุ 
“แจ้งไม่ได้ค่ะ เขาเป็นพวกเดียวกันหมด”
“หมายความว่ายังไง?” ท่านมองหน้าทีละคน
“กองทัพอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ค่ะ”
“หือ!.... ท่านถึงกับนิ่งเงียบไป
สักพักก็ลุกขึ้น                         
“งั้นเรื่องนี้ก็อันตรายมากน่ะสิ อย่าไปยุ่งดีกว่า แทนพาน้องกลับบ้านเลยนะ ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านกัน ไม่รู้จักกลัวกันมั่งรึไง?” ท่านสายตากังวล ยืนกระสับกระส่าย    
“กลัวค่ะ กลัวมากด้วย แต่ก็ต้องช่วยคนอื่นด้วยเหมือนกัน” ฉันบอกกับท่านเรียบ ๆ ไม่อยากให้ท่านมายุ่งกับเรื่องนี้
“แกก็รู้อยู่แก่ใจว่า พรรคคอมมิวนิสต์มันหมายหัวพวกเราอยู่ ถ้าทำตัวเด่นอย่างนี้ มันก็เข้ามาจับตา ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ป่ะป๊าจะลำบากไปด้วย”
“เอ่อ!” ฉันสะท้อนใจรู้สึกผิดขึ้นมา เราเป็นฝ่าหลุนกงเปิดเผยตัวเองไม่ได้       
เอาอย่างนี้ดีกว่า! ฉันจะให้ทุกคนอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน ถ้าแกเป็นอะไรไป ฉันตายก่อนเลยนะ”  ท่านสั่งเสียงดัง
“..............” เราสามคนเงียบไม่โต้แย้ง                         
“ผมผิดเองครับ ผมเป็นคนทำ น้อง ๆ ไม่เกี่ยว” ซอนออกตัวแทนพวกเราอีกครั้ง
ท่านส่ายหน้า แล้วหันมาจ้องหน้าฉัน...                        
ฉันให้แกไปเที่ยวหาประสบการณ์ แต่แกกลับไปเป็นโจร ถ้าไม่อยากเที่ยวแล้ว ฉันจะจับแกแต่งงาน
เรื่องของฉันกับหม่าม้ากำลังตึงเครียด ฉันกุมหัวคิดไม่ออกจะโต้ยังไง ทำไมเรื่องมันถึงเป็นอย่างนี้ ท่านไม่ฟังใครเลย
ป่ะป๊าเปิดประตูเดินยิ้มเข้ามานั่งด้วยอีกคน จะโดนอะไรเพิ่มอีกมั้ยเนี่ย?                   
“เราคงต้องคอยช่วยอยู่เบื้องหลังแล้วล่ะ” ท่านยิ้มตาหยี 
“หือ!” พวกเราหันมอง 
“พวกเธอก็ต้องระวังตัวให้มาก ขาดเหลืออะไรให้รีบบอกมา ผมจะช่วยอีกแรง” ท่านพูดจบ ฉันยิ้มหน้าบานลุกขึ้นไปหอมแก้มฟอดใหญ่
หม่าม้ามองหน้างง ๆ ไม่เข้าใจป่ะป๊า               
“เดี๋ยวผมอธิบายให้คุณฟังเอง เรื่องของเด็ก ๆ ปล่อยให้เขาทำ  คนเราเมื่อฟ้ากำหนดให้เป็น ก็ต้องเป็น โลกใบนี้อยู่ในกำมือของเด็กกลุ่มนี้” พูดจบท่านก็เอามือตบไหล่ของแทนเบา ๆ 
 “คุยกันไปก่อนนะ ผมขอตัวก่อน คุณมานี่หน่อย”  ท่านจูงมือหม่าม้าหลีกออกไป
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ซอนลุกเดินตามออกไปอีกคน
นาตาลีเดินยิ้มสวนเข้ามา ส่วนหมวดจางยังนั่งอยู่ในห้องรับแขก
“เก่งมากนะอนนี่ กล่อมซะอยู่หมัดเลย” ฉันเอื้อมมือไปคล้องเอวแล้วดึงมากอด
โน่น! คนเจรจา” เธอโบ้ยปากไปให้หมวดจาง           
“คืนนี้เอายังไง? ใครจะนอนกับหมวดจาง” ฉันขอความเห็นเรื่องนี้ก่อนเพื่อน มองไปที่ห้องรับแขก เธอยังนั่งตัวตรง
ฉันคิดมาตลอดทางจะทำยังไงกับหมวดจางดี นาตาลีเป็นคนหาเรื่องมา ไม่รู้ว่าเธอจะจัดการยังไง?              
“ห้องนอนเหลือเฟือ” แทนบอกแล้วชะเง้อมอง          
“แล้วจะปล่อยให้เธอนอนคนเดียวเหรอ ให้นอนกับซอนดีมั้ย? ” ฉันออกความเห็น                 
“ไม่ดีแน่! พี่ซอนไม่นอนด้วยหรอก ถึงพี่เขาจะไม่พูดอะไร ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่โกรธนะ” เขาออกตัวแทนซอนทันที มันก็จริงหรอกนะ พวกเรารู้สึกขยะแขยงในตัวเธอ
นาตาลียื่นหน้าเข้ามา...                       
“หรือจะให้นอนกับคุณดี ก็ดีเหมือนกัน ให้นอนกับแทนนะไปก่อน” นาตาลีพูดหน้าตาเฉย แทนนั่งนิ่งไม่โต้แย้ง 
แต่ฉันสิ!..
“โน๊โน! ลุกพรวดมันร้อน พูดอย่างนี้ไม่ได้//ปวดหัวอีกแล้วสิฉัน//            
“เรานอนด้วยกันสามคนนะ” ฉันกอดเอวอ้อนเธออีกครั้ง แล้วตบบ่าของแทนไปด้วย ต้องพยายามชี้นำให้ได้                          
“ไม่เอา! เดี๋ยวผู้ใหญ่ว่าเอา เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” แทนบ่นแล้วหันมองไปห้องหม่าม้า
“หึ๋ย! ฉันรู้สึกขัดใจ ใครจะยอมให้เขาไปนอนกับหมวดจาง แค่โทรศัพท์ฉันยังไม่ยอมเลย ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน// คิดแล้วอยากออกไปกัดหัวหมวดจางสักเขี้ยว..ยุ่งจริงๆ//
 ฉันก้มกระซิบกับนาตาลี…                
หม่าม้าไม่ยอมให้แทนนอนกับหมวดจางหรอก”ฉันเริ่มแถ พอดีเห็นหม่าม้าเดินอยู่ด้านนอก
“หม่าม้า!” ฉันปรี่เข้าไปกอดเอวหม่าม้า           
“คืนนี้หนูนอนกับอนนี่!นะคะ” ฉันเข้าไปอ้อนท่าน นาตาลีลุกหนีเดินไปหาหมวดจางที่ห้องรับแขก   
ตอนนี้สีหน้าของหม่าม้าดีขึ้นมาก…                
“จะนอนตรงไหนก็เรื่องของแกสิ นี่บ้านแกนะ” ท่านค้อนแล้วเดินไปหาแทนในห้องอาหาร
“ฉันขอโทษนะแทน ทำไมไม่แก้ตัว ยอมรับผิดเองทำไม?” ท่านชอบแทนจริง ๆ ฉันสังเกตเห็นมาตลอด 
เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างเร็วแล้วโค้งศีรษะ...
รบกวนด้วยครับ อย่าขอโทษผมเลย ผมเป็นเด็ก หม่าม้าทำถูกแล้ว
ฉันมองหน้าหม่าม้าก็รู้ว่าท่านไม่ได้โกรธแล้ว ท่านมองแทนด้วยความเอ็นดูแล้วยิ้มหวาน...     
“เตรียมห้องไว้ให้แล้วนะคะ จับคู่กันเองนะฉันไปนอนแล้ว” ท่านบอกกับเขาแล้วเดินกลับ แต่ยังแวะมาที่ฉัน                       
“ไป่ไป๋หนูนอนกับใครลูก?” ท่านยิ้มแล้วมองหน้าแทน
ฉันใจหายวาบอย่าเล่นบ้า ๆ นะ หนูตายเลย ความลับของหนูถูกเปิดไม่ได้นะ           
“ม้าอ่า! ง่วงแล้วก็ไปนอนเถอะ เดี๋ยวหน้าเหี่ยว ฝันดีนะคะ” ฉันรีบดันหลังให้ท่านเข้าห้องตัวเอง
แทนลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ...                  
“ผมนอนกับหมวดจางก็ได้ คุณสองคนจะได้นอนด้วยกัน” เขาพูดเรียบ ๆ แต่หัวใจของฉันที่สงบนิ่งไปแล้ว เดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีทาง ฉันรอมาตั้งนานที่จะได้นอนรวมกันอีกครั้ง
ฉันไม่ให้ไป...               
โน๊โน!โน๊โน!.” กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางครั้งฉันก็หาเหตุผลมาหวงเขาไม่ได้ ไม่รู้สถานะของตัวเอง อึดอัดใจชะมัดเลย                   
“หนูจะนอนห้องรับแขก นอนด้วยกันหมดนี่แหละ” ฉันโมเมเอาแบบนี้ แทนฉันก็หวง อนนี่ฉันก็ห่วง นอนเบียดกันนี่แหละ                       
“ตกลงเอายังไง?” เขายังถามไม่เลิก สงสัยอยากนอนกับหมวดจางสินะ วอนซะแล้ว// นาตาลีเดินมาแล้ว เธอเป็นคนก่อหวอดให้เธอแก้ปัญหา
“อนนี่จะเอายังไงกับหมวดจาง?”
“เธอบอกว่า ให้นอนกับใครก็ได้ แต่ไม่นอนกับซอน”
“เชลยไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว” ฉันไม่แยแส
“ให้นอนกับแทนดีกว่า แทนคะ! คืนนี้ประหารชีวิตหมวดจางให้ด้วยนะ ซอนไม่เอาแล้ว!
“โน๊โน! อนนี่จะบ้าหรือไง?” พอเลย! ยายนี่จะส่งหมูเข้าปากหมาซะงั้น เธอชอบเขาจริงรึป่าววะเนี่ย? สงสัยต่อมหึงฝ่อ
“อ้าว! ก็เธอบอกว่า เธอเป็นเชลย”เธอยังจะหน้ามึนอีก
ยอมไม่ได้...
“เอาดี ๆ อนนี่! ฉันไม่อยากเล่นเรื่องคอขาดบาดตาย
“แทนคะ คุณนอนกับหมวดจางนะ” แน่ะ! ยังไม่เลิกอีก เธอพยักพเยิดกับเขา  //อนนี่อยากตายเหรอ?//                       
No!..บอกแล้วไง ว่านอนรวมกันในห้องรับแขก เดี๋ยวหนูไปขนผ้านวมมาให้” ฉันวิ่งขาขวิดออกจากห้องทิ้งสองคนนั้นให้คุยกัน
เดินเข้าห้องไปขนเครื่องนอน มาโยนใส่หมวดจางในห้องรับแขก เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมให้เขาไปนอนกับเธอแน่ ฉันหวง! เดินได้สองรอบ หม่าม้าก็อมยิ้มออกจากห้องมาพร้อมป่ะป๊า
“นอนรวมกันหมดเลยเหรอ? ทำไมแกสามคนไม่นอนรวมกันเฉพาะผู้หญิงล่ะ?” หม่าม้าเอียงคอมอง 
“นอนอย่างนี้ อบอุ่นดี” ฉันอ้อมแอ้ม
ป่ะป๊ายิ้มตาหยี..
“สนุกดีนะ! เห็นแล้วก็อยากทำอย่างนี้บ้าง คิดถึงเพื่อน ๆ สมัยวัยหนุ่มเลย”
“พวกเพื่อนแก ยังไม่โตกันสักคนจริง ๆ” หม่าม้าหัวเราะร่วน
ฉันไม่เอาด้วยคน ไม่ยอมนอนกับหมวดจางเดี่ยว ๆ แน่ เผื่อดึก ๆเธอเกิดลุกขึ้นมาเอามีดเชือดคอจะทำอย่างไร? บอกความจริงกับหม่าม้าก็ไม่ได้ //หมวดจางนะหมวดจาง จะโชคดีมากไปแล้ว//       
“หนูจะระลึกความหลัง” ฉันหอบเครื่องนอนชุดสุดท้ายเข้ามาโยนในห้องรับแขก
ซอนเดินเข้ามาพอดี...           
“ไปกันเถอะนาตาลี” เขาเข้ามาชวนเธอรีบลุกเดินยิ้มออกไป 
“อนนี่! ขับช้า ๆ นะ ไม่ต้องรีบกลับ มืดแล้วอันตราย ขับสัก 20 ก็พอ” ฉันโบกมือให้ เธอวิ่งกลับมาหอมแก้ม คงดีใจที่ฉันเป็นห่วงล่ะสิ // แต่จริง ๆ แล้วเปล่าเลย ไปนาน ๆ ก็ได้ ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับแทน อิอิ//
ฉันไม่ได้คุยกับแทนดี ๆ เลย ตั้งแต่นาตาลีออกมา เขาเองก็โดนฉันเล่นงานมาตลอด ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนั้น รักพี่เสียดายน้อง หวงเขาและก็หวงนาตาลีด้วย มันโลเล ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปต้องบ้าแน่ ๆ ฉันจะจบความรู้สึกนี้กับเขา วันนี้.
                          ……………………………………
สี่ทุ่มตรง...ยามค่ำอากาศนอกเมืองเย็นสบาย สายลมของฤดูใบไม้ผลิแผ่วเบา ม้านั่งในซุ้มดอกแก้วใต้ต้นตะแบกหน้าบ้านแสงสลัว ฉันออกมานั่งรับลมคอยนาตาลีกับซอน พวกเขาเอารถไปทิ้งข้างนอกหายไปนานแล้ว แทนเดินมาเงียบ ๆ แล้วนั่งข้าง ๆ              
ฉันฉุกคิดถึงหลายวันก่อน เมาเบียร์ทำเรื่องน่าอาย วันนี้ทางสะดวกต้องเคลียร์กันก่อน ตอนนี้นาตาลีกลับมาแล้วเดี๋ยวจะเข้าใจผิด แล้วต้องตั้งกติกากันใหม่ฉันทุบหัวตัวเองเบา ๆ.../รู้สึกจะเคลียร์กับเขาบ่อยเกินไปแล้วนะ/
           “นี่นี่!” ฉันสะกิด...                   
“หนูไม่ชอบหมวดจางเลย ไม่รู้ว่าอนนี่คิดยังไง?” เราปล่อยทิ้งให้เธอนั่งคนเดียวที่ห้องรับแขก หน้าตาก็สวยแต่ใจร้ายเป็นบ้า ขี้โกงด้วย
          “คอยจับตาดูไว้ เดี๋ยวเข้าป่าแล้วก็ปล่อยไว้ในนั้น” เขาบอกเสียงเรียบชะเง้อคอมองถนน                        
“เอ่อ!..วันก่อนคุณกลับบ้านยังไง? หนูหลับไม่รู้เรื่องเลย สงสัยเมามาก หนูไม่ค่อยได้ดื่ม นิดหน่อยก็เมาไม่รู้เรื่องแล้ว ไม่มีอะไรใช่ไหม?” รู้สึกอายใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา แต่มันมืดเขาคงไม่เห็นสายตาของฉัน
           “อ๋อ
!..คุณเมาหลับน่ะ! ผมเลยกลับก่อน ทำไมมีโจรแอบขึ้นบ้านเหรอ?” เขาตอบไปอย่างอื่น ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
ฉันจำได้ ฉันไม่ได้หลับ วันนั้นอารมณ์มันพาไปเฉย ๆ ไม่ขุดมันขึ้นมาดีกว่า เขาไม่พูดฉันก็ไม่พูด คนเมาขนาดไหนก็รู้เรื่องทุกคนแหละ แค่มันคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง พอสร่างก็อ้างว่า เมาแล้วจำไม่ได้...จบ          
“ตอนนี้อนนี่กลับมาแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย หนูจะไม่คุยเล่นกับคุณแล้วนะ คุณก็อยู่ห่าง ๆ หนูหน่อยสิ ชอบมาอยู่ใกล้ ๆ เดี๋ยวเธอจะคิดมาก” ฉันยื่นเจตจำนงความต้องการ เขาหันมายิ้มมอง               
ซุ้มดอกแก้วกลิ่นหอมเป็นพุ่มกำบังเงา ม้านั่งใต้ต้นตะแบกในสวนหน้าบ้าน ห่างจากตัวบ้านครึ่งทางจากประตูรั้วริมถนน ถึงจะนั่งข้างกันแต่มันก็สลัวมองหน้าไม่ชัด หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว ฟินมากเวลาอยู่ใกล้เขา
           “ผมจะไม่เข้าป่าไปกับคุณแล้ว พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้าน คุณอย่ากังวลใจเลยนะ”
“ห๋ะ! ฉันช็อก! ใจหายวาบเหมือนโดนควักอก
“ไม่เอา! ไม่ให้กลับ! ฉันลืมตัวคว้าเอว //คิดจะเล่นงานเขา โดนก่อนเลย//
เสร็จงานแล้วค่อยแยกย้าย หนูไม่ให้คุณกลับร้อนรนอยู่ไม่สุขอีกแล้ว
“ก็คุณกลัวผมจะไปแย่งนาตาลีไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็ใช่! แต่หนูไม่ให้กลับ”
“สับสนนะ คุณทำอย่างนี้”
“สัญญาก่อนสิว่า จะไม่กลับ ให้เวลากับหนูนาน ๆ หน่อยสิ” ฉันกอดเอวซบไหล่
“เพื่อความสบายใจของทุกคน คุณก็ไม่ต้องผวา”
ฉันสองจิตสองใจลังเล...แต่ก็จริงของเขา ฉันจะได้ไม่ต้องระแวงทั้งสองคนด้วย ฉันเองก็พลาดกับเขาไปแล้วเหมือนกัน อยู่ใกล้มากลืมตัวทุกทีเลื้อยเป็นงูทุกที                  
“ไหน ๆ ก็จะจากกันจริง ๆ แล้ว ขอถามอะไรหน่อย? คุณจะกลับมาทำงานในจีนอีกหรือเปล่า?” ฉันยังอยากรู้เรื่องของเขา ไม่แน่วันข้างหน้า เราอาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีก                   
ตอนนี้ฉันขอเห็นแก่ตัวก่อนนะ อยู่กับฉันไปจนกว่ามันจะหมดเวลาจริง ๆ ค่อยจากกัน นาตาลีกลับมารองรับหัวใจไว้แล้ว เสร็จงานนี้ฉันก็คงได้ไปตามฝันของฉันที่เกาหลีใต้แล้ว เราคงไม่ได้ใกล้ชิดกันอีก
          “ผมจะไปฝรั่งเศสและคงไม่กลับมาที่นี่อีก” รอยยิ้มที่ฉันคุ้นเคยนี้ ได้เวลาจากกันแล้วสินะ                   
“จะไปทำไม?” ถามไว้หน่อยก็ดี เผื่อไว้
“ผมคิดว่า จะกลับไปอยู่ที่อังกฤษก่อน ผมคุ้นเคยกับที่นั่น ส่วนที่บ้านของผมที่คุณเคยไป คงไม่กลับไปอยู่ที่นั่นหรอก” เขาพูดเสียงเศร้า ๆ เขาคงกลับประเทศของเขาไม่ได้สินะ น่าอึดอัดกับชะตาชีวิตของเขาจริง ๆ          
“ถ้าหนูว่างจะชวน อนนี่ไปเยี่ยมคุณนะคะ ขอบคุณมากที่อยู่เป็นเพื่อนหนูตั้งนาน หนูไม่เคยสนิทกับเพื่อนผู้ชาย หนูสนิทกับคุณมากที่สุด เฮ้อ!” ใจหาย ใจหาย                       
“คุณสัญญากับผมสิ...จะไม่ทิ้งนาตาลีจะอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ ใช้ชีวิตด้วยกันให้มีความสุข ผมจะคอยดูห่าง ๆ” เขามองไปที่ถนน คุยเรื่องนี้อีกก็ใจแป้วอีกจนได้
           “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย เรารักกัน นี่คุณห่วงฉันหรือห่วงนาตาลีกันแน่” ฉันยิ้มล้อเล่นกับเขา                   
“ผมเป็นห่วงคุณทั้งสองคนจริง ๆ แค่ได้เห็นพวกคุณหัวเราะ ผมก็มีความสุขแล้ว” เขาก็ดีเสมอต้นเสมอปลาย เรื่องร้าย ๆ ฉันเป็นก่อขึ้นเกือบทั้งนั้น เขาก็ให้อภัยทุกอย่าง                
“ถ้าวันไหนคุณไม่รักนาตาลี ผมจะดูแลเธอต่อ ผมบอกคุณได้แค่นี้แหละ” เขาพูดเสียงจริงจัง 
"หนูล่ะ?" คำพูดนี้ทำให้ฉันน้อยใจมาก รู้แล้วว่า เขาไม่ได้ชอบฉันเลย ไม่เคยเห็นฉันในสายตาเลย ที่แท้...เขาชอบนาตาลีเลยหาทางมาช่วย
           "พอได้แล้วนะ คุณสมควรจะเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว" โดนเขาดุอีกต่างหาก       
จากนี้เรื่องระหว่างเรา คงจบกันจริง ๆ สักที ฉันจะไม่สับสนใจคุณอีกแล้ว ฉันจะรักนาตาลีคนเดียว ขอโทษด้วยนะกับทุกเรื่องที่ผ่านมา ขอให้คุณพบแต่สิ่งที่ดี
พลันแสงไฟหน้ารถก็สาดเข้ามา                      
อนนี่มาแล้ว!” ฉันลุกเดินไปหาก่อนที่รถยนต์จะจอดสนิท ซอนยิ้มกว้างลงจากรถวิ่งไปเปิดประตูให้นาตาลี ซอนก็น่ารัก
เราเดินเรียงหน้าเข้าห้องรับแขก หมวดจางนอนยืดขาบนโซฟายาวดูทีวี รีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเราก้าวเข้าห้อง 
เธอยิ้มหวานกับนาตาลี...         
“ฉันมีเรื่องจะขอเคลียร์กับทุกคน รบกวนด้วยค่ะ ตอนนี้ทุกคนคงจะผ่อนคลายกันแล้ว น่าจะคิดอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลได้แล้ว” เธอนั่งตัวตรงบนโซฟา เป็นจุดรวมสายตาของทุกคนพอดี ถึงแม้จะได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ แต่ใบหน้าสวยของเธอยังดูอิดโรย
พวกเราหันมองหน้ากัน            
“ขอให้ฟังให้จบก่อน ถ้าฟังจบแล้ว พวกคุณยังโกรธอยู่ ก็ปล่อยฉันทิ้งในป่าได้เลย” เธอยิ้มจริงใจ มองหน้าพวกเราทีละคน เธอจะมาไม้ไหนอีก?
“เหตุการณ์ครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในป่า พวกคุณลองเรียบเรียงไล่ลำดับTimeline ดูสิคะว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง? แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น?” เธอทำเองจะถามคนอื่นทำไม? พูดไม่ดีฉันข่วนหน้าจริง ๆ นะ
ซอนเด้งขึ้นนั่ง…                     
“คุณยิงผม! ยังมีอะไรจะพูดอีก ทุกคนก็เห็นกับตา” เขาเกรี้ยวกราดมองเธออย่างกับจะให้ลายไปเลย
แต่เธอยิ้มหวานจ้องตาไม่กะพริบ สายตาเป็นประกายวาววับ ยายนี่สวยมากเลย ตาคมขนตางอน นาตาลีเคยบอกว่า ยายนี่เอาตัวรอดเก่งมาก ต้องระวังส่วนนี้ด้วย
“คุณเป่านกหวีด! นาตาลีลอยหน้าลอยตา           
“คุณตบหนู! เจ็บเลย พวกนั้นกระทืบหนู มดลูกเคลื่อนเลย ” บอกเลย..ฉันเกลียดเธอมาก นึกถึงวันนั้นแล้วก็เจ็บปาก 
หมวดจางขยับตัว...                 
“คิดย้อนกลับไปตอนนั้นดี ๆ สิคะ เรียงลำดับเหตุการณ์ดี ๆ นะคะ” เธอมองหน้ามาทีละคน              
“นึกออกมั้ยคะ?” เธอยังมองหาคำตอบ
“...........” พวกเราเงียบกริบ โดนกระทืบจนจำเหตุการณ์ไม่ได้
           “ฉันจะเรียงลำดับให้ฟัง ถ้าในวันนั้น...ฉันไม่เป่านกหวีด พวกมันยิงคุณตายหมดแล้ว นาตาลีตายเป็นคนแรกเลยนะ” เธอพูดจบ พวกเรานั่งกระพริบตาปริบ เหลือบตามองบนมองล่าง มองทุกอย่าง นึกภาพย้อนหลัง ก็จริงของเธอ โมเสสสั่งยิงพวกเรา เธอเป่านกหวีดทำลายจังหวะพอดี
หมวดจางยืดอกยิ้มมุมปาก เธอคุมสถานการณ์ไว้ได้หมด นี่ไง!การเจรจาต่อรองขนานแท้ ...
“และที่ฉันยิงคุณ ก็เพราะถ้าให้ผู้ชายคนนั้นยิง คุณตายไปแล้วล่ะ ซอนนน!” ทุกคำเข้าจุดตายทั้งสิ้น เถียงไม่ออกสักคำ เธอมองซอนแล้วยิ้มอ่อน ๆ พวกเราขมวดคิ้วมองเป็นตาเดียว
“คุณน่าจะรู้เรื่องวิถีกระสุนดีนี่นา เป็นมือสไนเปอร์เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ลืมแล้วเหรอ? เมื่อเย็น...คุณหมอก็ยืนยันแล้ว ส่วนเจ็ทโด้! ฉันก็แค่ทำให้สลบ ที่ตีพวกเธอก็แค่แสดงให้ดูสมจริงเท่านั้น ขอโทษด้วยนะไป่ไป๋ที่ต้องเจ็บตัว” เธอยิ้มกว้าง แววตาใสซื่อมองมาที่ซอน เขายังนั่งนิ่งกะพริบตาถี่  นาตาลีคลานไปเกาะขาของแทน แล้วสุมหัวพยักพเยิดกระซิบกัน
ฉันนั่งนึกเรียบเรียงเหตุการณ์ก็เข้าใจเรื่องนี้ได้ แต่คนมันปักใจเกลียดไปแล้วจะให้เชื่อง่าย ๆ ได้ไง
เธอมองหน้าทุกคนแล้วยิ้มบาง ๆ...            
“ถือโอกาสเอาคืนพวกเธอด้วยขำ ๆ ก้นฉันลายเลยนะที่เธอตี” เธอหัวเราะเบา ๆ 
ฉันยังไม่ขำด้วย...                    
เดี๋ยว ๆ ขอให้พวกเราเคลียร์กันก่อนสิ จะมาขำอะไร? อย่าพึ่งมั่นใจ” แหวใส่ ขู่ไว้ก่อน
เธอหันมองนาตาลี...               
“ดอกเตอร์! นึกดี ๆ สิคะ ฉันเคยทำร้ายคุณหรือเปล่าหลังจากกลับไป?  ฉันทำดีกับคุณหรือเปล่า? คุณต่างหากที่ไม่ยอมคุยดี ๆ”  เธอมองไปที่นาตาลี
“เชอะ! เธอลอยหน้าหนี ไม่รู้ไม่ชี้ น่าหมั่นไส้/ทำไม่เป็นก็ยังจะทำ/          
“คุณ...ก็ว่าฉันเหมือนกันแหละ! แหวะ! เธอเบะปาก
“ก็คุณมันติงต๊อง ฉันก็ต้องเตือน! หมวดจางเบะปากสู้ เงาความกลัวหายไปจากตัวเธอแล้ว
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” อันนี้จริง! เธอชอบดื้อ ทำอะไรก็แผลง ๆ
แล้วทำไม คุณต้องสั่งให้ฆ่าด้วย?” แทนยังสงสัยลุกขึ้นไปนั่งข้างหมวดจาง 
เธอยิ้มอย่างสบายใจขึ้น...         
“แสดงละครต้องให้สมจริงสิ....ฉันเห็นว่า เหลือเวลานิดเดียวคงจะไม่เป็นไร ฉันต้องแสดงละครตบตาโมเสสเหมือนกัน พวกคุณต้องให้ทางเดินสบาย ๆ กับฉันด้วยสิ ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณเลยนะแทน ในใจของฉันก็หวังว่า คุณตัวใหญ่สุดจะช่วยทุกคนได้ คุณลองนึกดี ๆ สิ!” เธอแจกแจงจนพวกเราเห็นภาพวันนั้นชัดเจน แทนนั่งอึ้ง ฉันก็เห็นภาพนั้นเหมือนกัน วันนั้น...มีนายแทนคนเดียวที่หมวดจางไม่แตะต้องเลย
คิดแล้วค่อยหายโกรธลงมาหน่อย แต่มันก็ยังติดใจเพราะความเกลียดมันฝังใจอยู่นาน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เธอไม่ฉลาดวางแผนได้หลายชั้นขนาดนั้นหรอก ฉันถามบ้าง...             
“ทำไม คุณไม่สั่งให้ Tamer30 ทำร้ายพวกโมเสส คุณให้พวกนั้นมาทำร้ายพวกเราเรื่องอะไร? คุณก็มีอาวุธ” ฉันถามให้สิ้นสงสัยกันไป ทุกคนพยักหน้าตาม เธอโกหกฉันไม่ได้หรอก  หมวดจางยืดตัวตรง
“โมเสสบอกว่าคุณพ่อของฉันโคม่า ฉันต้องตัดสินใจแบบนั้น ท่านไม่สบายหนักแล้ว ฉันอยากกลับไปหาท่านก่อน ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ฉันก็กลับไปหาท่านไม่ได้ แต่ตอนนี้ท่านจากไปแล้ว...” เธอดวงตาแดงก่ำน้ำตาคลอเสียงขาดหาย
พอพูดอย่างนี้ก็เริ่มใจอ่อนสงสาร ถามตัวเองในใจว่า จริงเหรอหมวดจาง? ถ้าจริง...ฉันก็ขอโทษด้วยนะ
หมวดจางกะพริบตาถี่…           
“ฉัน..ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว มีเรื่องจะบอกกับทุกคนแค่นี้ จะตัดสินอย่างไรฉันจะยอมรับชะตากรรม? ถ้ามีโอกาสฉันจะไปขอโทษเจ็ทโด้กับจูยอนด้วย” เธอบอกเสียงขาด ๆ หาย ๆ ยิ้มทั้งน้ำตามองมาที่ฉัน// อย่ามองอย่างนั้น เดี๋ยวฉันใจอ่อนนะ/                       
“ฉันอยากติดตามนาตาลี ฉันขอเป็นลูกน้องของเธอไปตลอดชีวิต”เธอยังจ้องมาที่ฉัน น้ำตาคลอเบ้า /เอาไงดี เชื่อหรือไม่เชื่อ?                 
“ขอหนูทำใจพักนึงนะ ปรับตัวไม่ทัน” ฉันยังสับสนในใจ เธอทั้งน่าสงสาร ทั้งน่ากลัว
เธอมองข้ามไปหาซอนที่โซฟาฝั่งตรงข้าม                    
“ถ้าคุณยังไม่เชื่อ คุณจะแก้แค้นฉันยังไงก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง แต่ขอถามหน่อยนะ คุณรู้ได้ยังไงว่านาตาลีมาฉวีจิ่ง”
เขาขยับตัว...“ก็ไป่ไป๋! โทรมาบอก”
ซอนบอกแล้วเมินหน้ามองไปทีวี ท่าทางอยากรู้นะนั่นน่ะ แต่ยังมีฟอร์มนะพี่ชาย            
“หนูดูโน้ตบุ๊ก เห็นสัญญาณมันเครื่องไหว เราก็มีของเหมือนกันนะ” ฉันยืดอกภูมิใจ แทนหยิบมันขึ้นมาเปิดทันที             
“นี่ไง! สัญญาณที่จูยอนทำไว้มีทั้งไป่ไป๋และนาตาลี” เขาชี้ให้เธอดู
นาตาลียื่นหน้าเข้ามา...           
“แต่คุณเอาโทรศัพท์ของฉันมานี่” หันมองหน้าซอน สลับไปมา...           
“ฉันเก็บของคุณไว้ทุกอย่าง วัคซีน โทรศัพท์และความลับเรื่องสองคนนี้” หมวดจางชี้ไปที่ฉันกับแทน
“ฮ้า!” ฉันสะดุ้งเฮือก! ฉิบหายแล้ว ป๋อฮ่อ! ป๋อฮ่อ! เธอรู้ความลับของฉันกับแทนงั้นเหรอ? ต้องตายแน่ ๆ อุตส่าห์ปิด เธอรู้ได้ไงวะ?
ฉันใจสั่นลุ้น ขากระดิกเก็บอาการไม่อยู่ วัวสันหลังหวะ ระแวงบาดแผลไปหมด
“เรื่องอะไร? ” เขาถามโพล่ง
“อุ่บ!” ฉันพุ่งตัวปิดปาก พิรุธร่วงกราว อยากจะจิกหัวเขาเหลือเกิน ไปถามให้มากเรื่องทำไม?
“ทำอะไร ปิดปากผมทำไม?” อีตานี่! อย่าสร้างเรื่องนะ!
“?????” หมวดจางหรี่ตาก้มหน้าลงมาหา
“ตึกตึก!ตึกตึก! ใจสั่นระรัว อึดอัด ภาวนาในใจ...อย่านะ! ความลับของคนอื่น อย่าเอามาแฉนะ
“คืออย่างนี้นะ ฉันแอบเห็นสองคนนี้...” พอเธอเปิดปาก
“หยุดนะ!” ฉันลืมตัวผวาเข้าจับแขน ส่งสายตาอ้อนวอน please! please! ฉันเชื่อคุณแล้ว พอแค่นี้เถอะ!
เธอแสยะยิ้มมุมปาก...            
“ปลอมตัวเป็นหมอ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? ถ้าฉันสะกิดทหาร เธอจะรอดไหม? ทั้งหม่าม้าทั้งคุณหมอ ตายหมดแล้ว”
“ฮู้ว!!! เยี่ยวเกือบแตก โล่งอกนึกว่าเรื่องอะไร? คนมันมีแผล เลยระแวงไปหมด
“ตกลงวันนั้นคุณเห็นเหรอ?” แทนยิ้ม เธอพยักหน้าแล้วหันไปหานาตาลี...              
“ดอกเตอร์! คุณไม่สงสัยเหรอ ทำไม จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์มือถือไปวางหน้าห้องให้คุณโทรหาไป่ไป๋ทั้ง ๆ ที่คุณไม่มีสิทธิ์จับโทรศัพท์”เธอหรี่ตามอง
“แฮ่!แฮ่! นาตาลียิ้มแฉ่ง พยักหน้าหงึก ๆ ยอมจำนนอีกคน   
นี่สรุปว่า หมวดจางเป็นคนวางแผนทั้งหมดเลยเหรอ? แม้กระทั่งการเดินทางมาฉวีจิ่ง เธอก็เป็นคนส่งสัญญาณมา             
“ทำไม มันดูง่ายจังวะ?” ซอนพึมพำสีหน้าแววตาใสขึ้น
เธอยิ้มมองซอน
“ถ้าดอกเตอร์ ไม่ดื้อกับฉัน เราหนีออกมาได้ตั้งนานแล้ว”
“ฉันอยากจะฆ่าคุณวันละ 100 หน!” นาตาลีแหวใส่
“ก็คุณดื้อไม่เปิดโอกาสให้ฉันพูด ฉันก็กลัวว่าคุณจะทำเสียแผน”เธอยิ้มอ่อน
“ดีแล้วล่ะ! ถ้าคุณพูดตอนนั้นฉันคงบอกโมเสส” นาตาลีขยับไปหาแทน
เธออมยิ้มมองซอนที่พยายามคอแข็งมองทีวี...
“คุณเคยสัญญาอะไรกับฉันไว้ ฉันไม่เคยลืมนะคะ” เธอยิงตรงไปที่ซอน
อ้าว!...” ฉันมองเธออย่างชื่นชม ล้ำลึก ฉลาดสมกับที่นาตาลีเคยบอกไว้จริง ๆ เธอจับทุกคนอยู่มือพร้อมกัน
ซอนอมยิ้มอายก้มหน้า ฉันเบาใจขึ้นเป็นกอง โล่งอก หายกลัวและรู้สึกทึ่งในความสามารถของเธอ ที่เรารอดตายคราวนั้นและนาตาลีหนีรอดมาได้เป็นมันสมองของเธอล้วน ๆ เฉียบมาก
ซอนทำขรึม เสแสร้งชัด ๆ...                 
“นอนกันเถอะ! แทนนอนที่ไหน?”  ซอนตัดบทแล้วเอนตัวลงนอนบนโซฟายาว                        
นาตาลีค่อย ๆ คลานไปหาแทนแล้วดึงแขนลงมาให้นอนตรงกลาง ให้ฉันนอนข้างหมวดจาง  //สบายใจขึ้นไม่ต้องเสียวสันหลัง// 
จู่จู่...
นี่!.. จะไม่มีใครขอโทษหรือขอบคุณฉันสักคนเลยหรือไง? แล้วจะไม่มีใครเรียกฉันว่า แอนนาเลยใช่มั้ย ? ฉันชื่อแอนนา! จาง แอนนา!ไม่ใช่หมวดจาง!
พวกเราเด้งลุกขึ้นนั่งพร้อมกัน แล้วก้มศีรษะ...
“ขอโทษค่ะ/ครับ ขอบคุณค่ะ/ครับ หมวดจาง!แล้วมุดเข้าผ้าห่ม

                                       ..................................................................................

ดึกสงัด...ทุกคนหลับสนิทกันหมดแล้ว ฉันลุกขึ้นนั่งยอง ๆ ค่อย ๆยกมือของนาตาลีออกจากอกของแทน พอมือหลุดขาก็ก่าย ฉันต้องคอยลุกนั่งจับขาเธอออก เล่นเอาไม่ได้นอนเลย นั่งมองทั้งสองคนนอนกอดกันพาลคิดย้อนกลับไปถึงวันเก่า                    
นาตาลีก็เคยบอกว่า เธอชอบแทน แทนก็บอกอ้อม ๆ แล้วว่าชอบนาตาลี เธอชอบไปกอดเขาบ่อย ๆ ไม่เกรงใจฉันสักนิด รู้สึกสับสนวุ่นวายใจ ถ้าเขาสองคนรักกัน แล้วฉันล่ะจะอยู่ตรงไหน เป็นส่วนเกินของพวกเขาแล้วสินะ สุดท้ายแล้ว...ฉันคงไม่เหลือใครสักคนที่รักฉันจริง
เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยนาตาลี เขาคงรักเธอมากเช่นกัน ถึงจะไม่พูดออกมาก็พอจะเดาได้ แต่เขาก็บอกว่า จะกลับไปแล้ว คงไม่ได้คิดอะไรกันหรอก /โอ๊ย! สับสน ฉันต้องตัดสินใจยังไง?/
แค่ลองคิดแค่นี้ยังปวดใจได้ขนาดนี้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเมื่อไหร่?  ฉันคงอยู่ไม่ได้ ฉันเสียสละไม่ได้ //จะทำยังไงดี // กำลังคิดเพลิน ๆ ก็สะดุ้ง.            
“ยังไม่หลับอีกเหรอคะ?”นาตาลีตื่นขึ้น ลุกมานั่งงัวเงียขยี้ตา
          “ไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ฉันโกหกไป
เธอลุกข้ามแทนมาหาแล้วกอดให้นอนราบลง             
“นอนกันเถอะ!”  เธอพลิกตัวขึ้นมาหอมแก้มแล้วซุกไซร้ซอกคอ  ฉันรับรู้ด้วยสัญชาติญาณว่า นาตาลีรักฉัน
ฉันสับสนไปเอง ต้องเด็ดขาดกว่านี้ ฉันเลือกนาตาลีจะไขว้เขวอีกไม่ได้             
“อนนี่ขา ไปนอนในห้องกัน นานแล้วนะ! ไม่ได้บุ่มบุ๋มกันเลย”ฉันยื่นหน้าไปจุ๊บปากเบา ๆ เธอสายตาแพรวพราวเอานิ้มมาจิ้มนมฉัน             
“อื้อ!”ใจเต้นรัว             
“รออะไรล่ะ! ไปสิ!”เธอยิ้มหน้าบาน จูงมือปลิวเข้าห้อง
 พรุ่งนี้...ฉันจะไม่มีแทนในใจอีกแล้ว ฉันต้องซื่อสัตย์กับความรักของนาตาลีและตัวเอง ถึงจะใจหาย ถึงจะเสียใจ เราก็ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง /โชคดีนะ ผู้ชายที่แสนดี/
                                              ...................................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,862 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,978 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท8 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม