
เสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง
มุมมองสายตา แทน
กรกฎาคม ค.ศ.2021
ระยะทางสุดขอบฟ้าจากสิบสองปันนาถึงตานตงไกลคนละฟากฟ้า ยาวเหยียดขึงพืดจากฝั่งตะวันตกถึงตะวันออกติดพรมแดนเกาหลีเหนือ อดตาหลับขับตานอนนั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินตานตงเล่งเต๋าในรุ่งสายของอีกวัน จับรถต่อไปที่เป้าหมายทันที...กองพันที่ 8
กำแพงขาวยาวแสดงอาณาเขตกว้างใหญ่ ด้านหลังเป็นทิวเทือกเขาสูง สายลมเย็นพัดธงประจำชาติจีนโบกสะบัดยอดเสา เคียงคู่กับธงแดงเขียวประจำกองทัพบกอันเกรียงไกร ช่วงนี้อยู่ในฤดูร้อนของจีน แต่มณฑลเหลียวหนิงไม่เคยขาดหิมะ สูดลมหายใจลึกอากาศเย็นทะลวงไปถึงขั้วปอด
แหงนมองท้องฟ้ากว้าง หมอกขาวขุ่นบดบังแสงอาทิตย์ เดินย่ำหิมะขาวโพลน เลาะข้างกำแพงกองพันที่ 8 ผมห่อตัวด้วยเสื้อกันหนาวสีดำตัวใหญ่ แบกเป้สะพายโน้ตบุ๊กลุยเดี่ยวมุ่งหน้าเข้าประตู ในมือถือถุงเสื้อกันหนาว ซื้อจากสนามบินเอามาฝากไป่ไป๋
“ปั้งชู่! ปั้งชู่!” เสียงร้องโวยวายของหญิงสาวดึงความสนใจ ผมหันมองไปทางต้นเสียงข้างหน้า ผู้คนชุลมุนหน้าประตูทางเข้าค่ายฯ ไม่มีคนสนใจหญิงสาวผมยาวคนนั้น
“ปั้งชู่! ปั้งชู่!” เธอร้องโบกมือขอความช่วยเหลือนี่นา/ผมสังเกตเอาจากท่าทางร้อนรนของเธอ/
“วู้ว...วว!” วัยรุ่นชายชาวจีน 2 คน กระชากกระเป๋าถือใบใหญ่ของหญิงสาว วิ่งหนีหัวเราะร่ามาทางด้านหน้าของผม ห่างกันราว 3 เสาไฟฟ้า
หญิงสาวผมยาวในชุดกันหนาวสีเหลืองวิ่งไล่ตาม ปากร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครเข้าช่วย ปล่อยให้ชายทั้งสองวิ่งผ่านมาได้ง่าย ๆ
“บรื้น...นน!!!” รถยนต์แต่งซิ่งปราดเข้าจอดเทียบข้างทาง ห่างจากผมไม่กี่ก้าว โจรเสื้อแดงหนึ่งในสองวัยรุ่นชูกระเป๋าอวดเพื่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาวิ่งหัวเราะสบาย ๆ มาที่รถยนต์ที่จอดข้างฟุตบาท
ผมสังเกตมอง...ในรถมีคนขับคนเดียว รีบก้มหน้าก้าวเดินเข้าหาชายทั้ง 2 คนก่อนที่เขาจะถึงรถยนต์ พวกเขากำลังจะผ่านไป เมื่อได้จังหวะก็แหย่ขา...
“เฮ้ย!!!!” ผู้ชายเสื้อแดงถลาหัวทิ่มหน้าคะมำ
“หวือ!” กระเป๋าสะพายของหญิงสาวกระเด็นหลุดมือ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เพื่อนอีกคนหันมาหัวเราะ ในจังหวะที่เขาเผลอ...
“พลั่ก!” ผมเตะเข้าท้องเต็มแรง
“อุ่บ!” เขาลงไปนอนจุกเอามือกุมท้อง
“ข้วย! ข้วย!” คนขับรถเห็นท่าไม่ดีเปิดกระจกตะโกนโบกมือเร่งเพื่อนขึ้นรถ แต่หนุ่มเสื้อแดงโกรธจัด ควักมีดสั้น หันมาตั้งการ์ดพร้อมสู้
“ย้าก!” มีดในมือของมันพุ่งตรงมาที่ลำคอ ผมฉากหลบมีดเฉี่ยวไหล่ไปนิดเดียว เขาสะบัดมีดกลับ
“แควก!” โดนแขนเสื้อผมขาด
“ฮึบ!”เขาได้ใจกระโดดเข้ามาแทงซ้ำหมายให้เข้าท้อง ผมเบี่ยงตัวหลบต่อยสวนเข้าเต็มปากอย่างถนัดมือ
“พล็อก!”เสียงดังแน่น ขาสองข้างชี้ฟ้า เลือดกบปากนอนแน่นิ่งในขณะที่เพื่อนอีกคนยังลุกไม่ขึ้น
“บรื้น! บรื้น! บรื้น...นน!” รถยนต์กระชากตัวหนี ทิ้งเพื่อนทั้งสองให้นอนอยู่กับพื้น
ผมเดินไปก้มเก็บกระเป๋าขึ้นมาปัดเศษหิมะ หญิงสาวหน้าตาดี ลูกจีนสมัยใหม่ยิ้มหวานเข้ามา
“.............” ผมรีบก้มหัวทักก่อนยื่นกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังส่งให้ เธอยิ้มหวานก่อนจะรับคืน
“เซี่ยเซี่ยหนี่เดอปั้งชู่!” เธอโค้งศีรษะ ผมฟังภาษาจีนไม่ออก พูดก็ไม่เป็น ได้แต่สังเกตท่าทาง เดาว่า คงกล่าวขอบคุณ
“เอ่อ!..เอ่อ!” ผมยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะตอบอย่างไร? ได้แต่ยิ้มแล้วก้มศีรษะให้ ก้าวถอยหลังเตรียมเดินต่อ
เธอขมวดคิ้ว...
“Hey! Are you a tourist?” เธอคงเห็นผมอึกอัก
“Yes!” ผมยิ้มออกค่อยโล่งใจหน่อย เธอหันไปมองกุมารจีน ทั้งสองกำลังวิ่งไปขึ้นรถยนต์ของเพื่อนที่จอดรอ
“ขอบคุณนะคะ! เอกสารสำคัญมาก ถ้าหายไปฉันแย่แน่” เธอกุลีกุจอเข้ามาสำรวจตามเสื้อผ้าของผม
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? บาดเจ็บมั้ย?” กลิ่นน้ำหอมราคาแพงอ่อน ๆ พาเคลิ้ม
“โดนแทงด้วยนี่คะ” เธอเอานิ้วมาแหย่ตรงรอยขาด ยิ้มดวงตาใส
“ผมไม่เป็นอะไรครับ โดนเสื้อไม่เป็นไรหรอก” ผมยิ้มบอกและก้าวเดินไปที่ประตูค่าย...
“อากาศหนาวมากเลยนะครับ ที่นี่หิมะตกทุกวันเหรอครับ?” ผมถูมือไล่ความเย็น
“ไม่หรอกค่ะ! ที่นี่อากาศแปรปรวน เอาแน่นอนไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่จะหนาวทั้งปี คุณดูสิ! หิมะเต็มเลย ละลายไม่ทันทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ฤดูร้อน” เธอยิ้มตอบตาหยี แววตาสวยใสเป็นมิตร
เราเดินคุยกะหนุงกะหนิงมาด้วยกัน บนฟุตบาทข้างกำแพงค่ายฯ
“ผมชื่อแทน ยินดีที่ได้รู้จัก” ส่งยิ้มหวานพร้อมยื่นมือไปให้เธอจับ
“ยินดีเช่นกันค่ะ ฉัน..ฟาน หลิง หลิง” เธอยิ้มสายตาแพรวพราวจับมือไปเขย่าแล้วไม่ยอมปล่อย เดินจูงมือพากันก้าวเดินผ่านทหารยาม ใจผมตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ตามเธอผ่านประตูหน้าเข้ามาโดยไม่มีคนสงสัย
“คุณมาเที่ยวที่นี่เหรอคะ?” เสียงหวานของสาวสวยชวนคุยต่อเนื่อง ดูท่าทางเธอมีไมตรี ยิ้มหวานตลอดเวลาที่คุยกัน สาวจีนสมัยใหม่สวยจริง ๆ ไป่ไป๋ก็สวย หมวดจางก็สวย คนนี้ก็สวย
“เอ่อ!..ครับ ผมมารับน้องสาวกลับบ้านครับ ผมมาจาก Kala Democracy” ผมโกหกหน้าตาย
เธอพยักหน้ายิ้มหวานตาหยี…
“อ๋อ!ฉันเคยไปเที่ยว KLD ค่ะ ยังซื้อชุดนักเรียนกลับมาใส่เลย”
“บ้านคุณอยู่ที่นี่เหรอ เป็นลูกหลานทหารในค่ายเหรอครับ?”
เราคุยเป็นกันเองอย่างรวดเร็ว เธอไม่ถือตัวและเหมือนจะมีใจให้ผมเสียด้วย สายตาที่มองมาเป็นประกาย พยายามตีสนิทไว้ก่อนดีกว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้เบามาก
“เปล่าค่ะ! ฉันเป็นเชฟ มารับจ็อบพิเศษ ปรกติฉันทำงานที่โรงแรมอามาเรียในเมืองตานตงโน่นแน่ะ เอ่อ!..เจ้าหน้าที่มารับฉันแล้วค่ะ” เธอยิ้มบอกแล้วชี้ไปที่รถตรวจการณ์ที่จอดกระพริบไฟรออยู่ที่หน้าตึกปฎิบัติการ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ หลิงหลิง หวังว่าคราวหน้าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก คุณสวยและใจดีมาก” ผมโค้งหัวให้อย่างสุภาพ เธอทำกลับมาเช่นกัน
“แทนคะ! ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณ ขอเบอร์ติดต่อได้มั้ยคะ? ขอตรง ๆ อย่างนี้เลยไม่เสียมารยาทนะคะ” เธอมองตาใสยิ้มอ่อน ๆ ผมนึกชื่นชมใจกล้าดีจัง ได้แฟนคลับเพิ่มมาอีกหนึ่งคน รีบส่งโทรศัพท์ไปให้เธอ
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้ายังไม่กลับโทรมานะคะ ฉันจะพาเที่ยว บ้านของฉัน สวยมากเลยนะคะ” เธอยิ้มหวาน หมุนตัวโบกมือลาอย่างเท่
ผมแวะนั่งที่ร้านค้าสวัสดิการทหารทางซ้าย ตรงข้ามกับตึก Operation System พอดี ม้านั่งสีขาวยาวพอให้ได้นั่งพักหาสัญญาณไป่ไป๋ ไฟกระพริบบนจอคอมฯ บอกตำแหน่ง เป้าหมายอยู่ไกลเข้าไปด้านในอีกพอสมควร เธออยู่ที่นี่แน่นอน ไม่เสียเที่ยวที่มา
มีเวลาพอหาซื้อขนมที่ไป่ไป๋ชอบกินใส่เป้ นับเงินในมือตอนนี้เหลือแค่ 100 กว่าเหรียญสุดท้าย พลันสายตาเหลือบไปเห็นพาหนะบางอย่าง สมองบรรเจิดขึ้นมาทันที ผมรู้แล้วว่า จะไปต่อได้อย่างไร?
เก็บ100 เหรียญเข้ากระเป๋าไว้ก่อน
…………........................................................................……………….

“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เสียงจากปีกหมุนเฮลิคอปเตอร์ดังสนั่น ต้นไม้ใหญ่ลู่เอนไปตามกระแสลม ทหารในเครื่องแบบตั้งแถวยาวรอต้อนรับ เฮลิคอปเตอร์ใหญ่ 5-6 ลำที่กำลังลงจอด ฝุ่นคลุ้งตลบหน้าอาคารชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมสีเขียวลายพลาง ป้อมปืนด้านหน้ามีทหารยามยืนประจำการข้างบน 2 นาย ผมเก็บรายละเอียดคร่าว ๆ ด้วยสายตา มองหาทางเข้าไปด้านใน
“เอี๊ยดอ๊าด! เอี๊ยดอ๊าด!” สองเท้าปั่นจักรยานแม่บ้านที่ขโมยมา ตาก็มองเฮลิคอปเตอร์ ขี่อ้อมเข้าไปในป่าด้าน
เจอพุ่มไม้เหมาะสายตาก็เสือกหัวรถจักรยานพรวดเข้าไป คลานบ้าง วิ่งบ้าง ผ่านหลุมเพลาะที่ขุดยาวไว้สำหรับซ้อมรบ ตะลุยต้นไม้พุ่มเตี้ยที่เต็มไปด้วยหิมะจนแยกชนิดต้นไม้ไม่ออก ตาข่ายพลางกันระเบิดคลุมไปทั่วบริเวณ
ป่าเสื่อมโทรมขาวโพลนไปด้วยหิมะ สองข้างทางเป็นสุสานของซากอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร รถถัง ปืนใหญ่ที่ปลดระวางถูกนำมาทิ้งไว้หิมะปกคลุมจนเกือบมิด
ผมวิ่งย้อนกลับมาจนถึงด้านหลังอาคาร แอบข้างต้นไม้ใหญ่มองหาทางเข้าด้านใน ก้านจามจุรีดำใหญ่ยื่นแผ่คลุมบนหลังคาเป็นทางเลือกที่ 1 ในใจของผมคาดหวังว่า จะไม่มีทหารยามเหมือนด้านหน้า แต่คิดผิด... ทหารคุ้มกันหนาแน่นมาก
ทั้งเนื้อทั้งตัวนอกจากหัวใจที่มุ่งมั่นแล้ว ก็มีเพียงมีดพับแมกไกเวอร์อันเล็กนิดเดียวของรถ BMW ที่ขโมยไปตกเหวคราวก่อน แอบเก็บไว้เป็นที่ระลึก
มองไปสุดทางด้านซ้ายเป็นป้อมมีทหารนั่งประจำการอยู่ด้านบนอีก 2 คน สุดทางด้านขวามีประตูทางเข้าอาคาร ทหารหนุ่มยืนยาม อยู่มุมอาคารไกล ๆ ไม่มีทางที่จะเดินดุ่ม ๆ ผ่านเข้าไปง่าย ๆ
กวาดสายตามองไปเห็นฝาตะแกรงท่อน้ำ ทางเลือกนี้น่าสนใจกว่าปีนต้นไม้ มองดูลาดเลาจนแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว รีบมุดตัวตะปีนบันไดลงไปในอุโมงค์ ใจสั่นแขนขาเกร็งไปหมด
.........................................................................................................

ด้านล่าง...
ภายในท่ออุโมงค์ส่งน้ำขนาดใหญ่สูงท่วมหัว ลำแสงพุ่งเป็นช่องลงมาจากด้านบน ผ่านฝาตะแกลงท่อระบายน้ำเป็นระยะ ๆ ยาวไกลสุดตา คะเนด้วยสายตาเส้นผ่าศูนย์กลางของอุโมงค์น่าจะประมาณ 4 เมตร ผมเดินเลาะบนทางขอบปูนชิดผนัง ด้านล่างน้ำตื้นไหลรินเอื่อย ๆ ลงไปทางใต้ ก้าวย่องอย่างแผ่วเบาไม่ให้เกิดเสียงดัง ทุกย่างก้าวหมายถึงชีวิต
ผมพูดไม่ดีไว้ทำให้เธอเสียใจ ถ้าไม่ล้อเล่นเรื่องคงไม่เลวร้าย เดินตามท่อมาจนถึงจุดแยกเข้าอาคาร ท่อแยกลดขนาดลงมาครึ่งหนึ่งมองเห็นแสงสว่างรำไรอยู่ปลายอุโมงค์ ไม่รอช้าปีนขึ้นไปทันที
“อี๋!!” กองทัพแมลงสาบไต่ตามผนังยั้วเยี้ย อึดอัดคับแคบและเหม็นน้ำในร่อง
“จี๊ดจี๊ด!” หนูท่อหนังกลับวิ่งกันให้พล่าน ตะขาบตัวใหญ่วิ่งขึ้นไต่ตามตัวจนต้องหยุดนิ่งให้มันลงไปตามทางของมัน ยิ่งเข้ามาลึกยิ่งมืดกลิ่นยิ่งเหม็นเน่าแรงลอยเข้าจมูก
“แกร็ก!!” แง้มฝาท่อขึ้นไปชะโงกมองดูลาดเลาซ้ายขวา
ด้านบนแสงไฟสลัวกลิ่นอับชื้นอบอวล มีลูกกรงคล้ายห้องขัง ทหารไม่ได้วางกำลังไว้แน่นหนา
“ฮึบ!” รีบดันตัวเองขึ้นจากท่อ วิ่งเข้าแอบมุมเสา
ล้วงหยิบมีดแมกไกเวอร์ขึ้นมาเตรียมพร้อม กลิ่นขี้เยี่ยวไม่พึงปรารถนา เหม็นฉุนโชยแรงเตะจมูก หายใจได้ครึ่งปอด ดวงไฟทางเดินเหลืองสลัวติด ๆ ดับ ๆ ดูอึมครึม ที่นี่!..อาจจะเป็นคุกใต้ดิน มีลูกกรงห้องขังหลายห้อง นักโทษถูกขังไว้มากมาย
ผมมองผ่าน ๆ ไม่ได้ใส่ใจ สายตาเพ่งมองผ่านแสงสลัวทะลุกรงขังไปที่ดวงไฟด้านในสุดฝั่งตรงข้าม ทหารสองนายยืนคุยกันอยู่หน้าประตูอีกฟากหนึ่ง
“ตึกตึก! ตึกตึก!” กลองในหัวใจรัวระทึก ขายาวย่างย่องแผ่วเบาเลาะเรียบลูกกรง ในขณะที่ผมกำลังใจจดจ่อ ชะโงกลุ้นมองทหารหาทางหนีทีไล่นั้นเอง..
“วืด!” ผมโดนกระชากอย่างแรงหัวใจหล่นวูบ
“อ๊ะ!..” โดนจับได้แล้ว ขนหัวลุกซู่
“อึ้บ!” ลำตัวของผมติดลูกกรง มือเน่าเหม็นล็อคคอ น้ำเหลวอุ่นเหนียวเลอะแหยะใบหน้า กลิ่นฉุนคล้ายสารเคมีฟุ้ง
“อือออ! อือออ!” เสียงคำรามในลำคอแหบพร่าอยู่ข้างหู
“หึ๋ย!!” ความกลัวทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งร่างกาย รวบรวมสติเพ่งมองมือที่ล็อคคอ แขนแผลพุพองน้ำเหลืองเยิ้ม
“อือออ! อือออ!” มือหลายคู่ยื่นเข้ามาทึ้งที่หัว ใบหน้าและลำตัว กลิ่นสาบสางเหม็นคลุ้งชวนอาเจียน หน้ามืดวูบวาบ
“อ่อก!อ่อก!” แขนขาผมเริ่มอ่อนแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป
“ฉึก!” ผมปักมีดน้อยลงที่มือ สลัดตัวหลุดออกมาจากพันธนาการ รีบพุ่งตัวกระโดดหลบเข้าแอบหลังถังสารเคมีกลมใบใหญ่ทันที พึ่งสังเกตเห็น ด้านข้างมีบันไดห้องโถงลิฟต์
“อือออ! อือออ!” เสียงร้องฮือฮาเรียกทหารให้หันมาสนใจ หนึ่งในสองทหารยามได้ยินเสียงผิดสังเกต ถือปืนเดินย่างสามขุมเข้ามา
“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!” ใจเต้นรัวลุ้นระทึก มองซ้ายขวาหาทางหนีการต่อสู้เริ่มต้นไวกว่าที่คิด สายตาเหลือบมองไปที่ห้องขังเมื่อสักครู่ ครั้งแรกผมเห็นพวกเขาเป็นนักโทษ แต่พอได้สังเกตพวกเขาชัด ๆ แทบช็อก
“หือ!” พวกนี้ไม่ใช่คน มันเป็นซากศพเดินได้ สภาพสาหัสกว่า Soulless ข้างนอกอีก
“อือออ! อือออ!” พวกเขาพยายามเอื้อมมือออกมาไขว่คว้า ทหารหนุ่มเดินมาส่องไฟฉาย สำรวจหาสิ่งผิดปรกติ เขาขมวดคิ้วมองผู้ต้องขังแล้วหันมองซ้ายขวา ก่อนจะก้าวขาเร็วเดินมาที่ถังเคมีที่ผมแอบอยู่....
“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!” หัวสมองของผมเดือดปุด เค้นความคิดหาทางรอด
“พรึบ!พรึบ!” เขาเดินเข้ามาใกล้ทุกที ๆ
สายตาเหลือบไปเห็นกระป๋องกาแฟ...
“ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!” เสียงกระป๋องกลิ้งบนพื้นก้องสะท้อนดึงความสนใจ
“หือ!” เขาเดินตามไปอีกทาง ก่อนเดินกลับไปยืนเฝ้าหน้าประตูเหมือนเดิม
“ฟู่ว...วว!” ผมเป่าลมจากปากด้วยความโล่งใจ
ย่องขึ้นบันไดไปชั้นบน เพื่อมองหาทางเข้าไปด้านใน ทหารในเครื่องแบบเดินกันขวักไขว่ แหงนมองช่องระบายอากาศบนเพดานน่าจะปลอดภัยสุด ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกย่างก้าวที่เดินเข้ามา กลิ่นของอันตรายรายล้อมรอบตัว ความกล้าเท่านั้นที่จะเอาชนะความกลัว แต่ในยามนี้มันกล้า ๆกลัว ๆ ไม่มีความมั่นใจเลย
.................................................................................................................