The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 23

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 23
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 4
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 20 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

กองพันที่8
  เสินหยาง มณฑลเหลียวหนิง 
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
กรกฎาคม ค.ศ.2021
เปลวไฟในถังขยะข้างลูกกรงยังลุกโชน ถึงแม้นเวลาล่วงเลยมาจนสายมากแล้ว แสงสว่างจากด้านนอกสาดเข้ามาถึงกรงขังด้านหลังโกดัง เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ 8 โมงกว่า อากาศหนาวเย็นจัด ฉันยังนอนขดตัวบนกล่องกระดาษใบใหญ่ แทนสละเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวให้อีกตัวแล้วหนีไปนั่งข้างลูกกรงติดกับกองไฟ เพราะความบ้าของฉันแท้ ๆ เชียวเขาเลยต้องมาซวยไปด้วย
แต่อย่างน้อยก็ทำให้ฉันได้รับรู้บางอย่าง ถึงเขาจะไม่พูดออกมาว่าชอบฉัน แต่การที่เขาเป็นห่วง รีบตามมาติด ๆ ก็พอจะรู้ความหมาย เขาเคยบอกว่า ถ้าฉันอยู่ในอันตราย เขาจะมาเป็นคนแรก แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นจริง ฉันอยากจะเข้าไปนัวเนียด้วยใจจะขาด แต่ยังมีความผิดอยู่จะให้ยอมรับง่าย ๆ ก็เสียฟอร์ม เล่นเชิงกันหน่อยรอให้เขาง้อก่อน อยากให้เขาอ้อนบ้าง คืนดีด้วยง่าย ๆ มันเหมือนคนขี้แพ้                      
“ครืด!..คราด!เสียงประตูม้วนใหญ่ด้านหน้าทิศตะวันออกยกตัวขึ้น แสงอาทิตย์สว่างจ้าสาดวาบเข้าตาจนมองไม่เห็น สายตาจับได้เพียงเงาดำของคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินมา          
“คลึ่ก! คลึ่ก! คลึ่ก! เสียงคลื่นรองเท้าบูทกระแทกพื้นเดินเข้ามาใกล้ทุกขณะ เราสองคนลุกขึ้นยืนเอามือป้องแสงจ้า ตาหยีเพ่งมองไปที่เงาดำของฝูงคน                
“คนนี้ครับนาย!เสียงใครคนหนึ่งพูด ฉันกระพริบตาปรับแสงจนเห็นหน้าชัดเจน
“หือ!ฉุกใจที่เห็นรัฐมนตรีความมั่นคงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
            “หวังฉวน!..” ฉันเคยเห็นเขาในทีวีเมื่อคราวที่เขาสั่งการรบกับกองเรือสหรัฐที่หมู่เกาะสแปลชลี่ ตอนนั้นเขาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติ                   
“พวกคุณรนหาที่ตายจริง ๆ ยุ่งไม่เข้าเรื่องยังเด็กแท้ ๆ” เขาเดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอม สูทสีดำเข้ารูปส่งให้เขาดูสง่าใบหน้าเคร่งขรึมแววตาประกายเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ร่างกายสูงใหญ่ดวงตาสีฟ้าดูลึกลับ
“เราไม่รู้จักกันซะหน่อย ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ หนูจะไม่บอกใคร” ฉันลองหยั่งเชิงดู ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขา           
“เธอไม่มีโอกาสได้บอกใครหรอก” เขายิ้มมุมปาก ฉันขนลุกซู่ที่เห็นแววตาลึกลับซ่อนเล่ห์ ไอ้นี่! ท่าทางเอาเรื่อง        
“พวกคุณจับหมวดจาง แอนนาไปไว้ที่ไหน?” นายพลห่าวอู๋ถามแล้วมองหน้าฉัน
“ใครกัน! เราไม่รู้จัก” ฉันโกหกหน้าตาย
หวังฉวนก้าวมา แล้วหันมองนายพลเตี้ย...         
“ท่านนายพล! ถามให้รู้เรื่อง นาตาลีอยู่ที่ไหน? ถ้าคุยกับนาตาลีไม่รู้เรื่อง ถ่ายคลิปตัดนิ้วอีนี่ทีละนิ้ว ต่อรองกับมันดู” เขาหันไปสั่งนายพล ฉันเริ่มเครียดมองมือตัวเอง ฉันจะกลายเป็นยายนิ้วด้วนเหรอ?
นายพลเตี้ยเดินเข้ามา แล้วยกโทรศัพท์ของแทนขึ้นโทร... 
“เวลาชีวิตของคุณ 2 คนขึ้นอยู่ที่คำตอบจากนาตาลี เรามาฟังด้วยกันว่าจะได้มีชีวิตไปอีกกี่วัน” ทั้งสองคนก้าวขาเข้ามาใกล้ลูกกรงที่แทนยืนเกาะอยู่
ฉันเกลียดมากทำไมต้องข่มขู่กดดันกันขนาดนี้? ปรกติก็ไม่ชอบพรรคคอมมิวนิสต์อยู่แล้ว เจออย่างนี้ยิ่งเกลียด...                 
“น่าอิจฉาเนอะ! คิดจะทำอะไรกับใครก็ได้ ใช้ชีวิตคนอื่นเป็นของเล่น ลมหายใจของเขาก็มีความหมายเหมือนพวกคุณ ทำอย่างนี้เพื่ออะไรกัน สนุกมากนักเหรอ? ถ้าวันหนึ่งมีคนไปจับลูกหลานของคุณไปบ้างจะรู้สึกอย่างไร? เป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันไม่ปกป้องเด็ก”
“ปากดีนักนะ อีหมวยนี่!” นายพลห่าวอู๋เดินเข้ามาใกล้ ฉันหมั่นไส้พวกมันจริง ๆ ข่มเหงจิตใจกันชัด ๆ แต่ที่แค้นฝังหุ่นก็ที่มันเอาผ้ามายัดปากฉันนั่นแหละ                 
“ฮัลโหล! นาตาลีพูดค่ะ” เสียงหวานใส ฉันจำได้ทันที
“ไฮ! นาตาลีคุณอยู่ที่ไหน? ผมห่าวอู๋นะครับ”
“เอ่อ! เอ่อ! เย่!...ท่านนายพล!” เสียงนาตาลีอึกอัก ฉันเริ่มลุ้น ฉันรู้จักนาตาลีดี ยายนี่! โกหกไม่เก่ง...           
“บัว..บัว..บัวโนสไอเรส อาเจนติน่า อ..อ..อเมริกาใต้ คุณเป็นใครคะ?” เสียงตะกุกตะกักอย่างนี้แสดงว่า กำลังคิดหาทางโกหกอะไรแน่ ๆ
“หึ๋ย!...จะรอดมั้ย?” ฉันเกาหัวไม่มั่นใจ ถ้านาตาลีโกหกเมื่อไหร่? เป็นต้องโดนจับได้ทุกที       
“เพื่อนกับแฟนของคุณอยู่กับผม คุณใช้เวลาเดินทางกี่วันเหรอ?มารับตัวพวกเขากลับไปสิ” นายพลตีซี้
“เหรอ ๆ ไปรับได้เลยเหรอ? อึ๋ย!อึ๋ย!” เสียงฝ่ายโน้นวี้ดว้ายกะตู้ฮู้ออกอาการดีใจ //นั่นไง! หลงกลเขาแล้ว//   
“งั้นฉันรีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!
“หือ! นายพลเสียงสูง
“ห่ะ!เหมือนเธอจะคิดได้
“เอ๊ะ!ทุกคนหันขวับ
“อึ่ก! เสียงปลายสายฝั่งโน้นดังตุบตับ ๆ คงโดนหมวดจางทุบเอาแน่ ๆ                                
“ให้..ให้เขากลับเองเลย ฉัน...ฉันไม่ว่าง” เสียงตะกุกตะกักเชียว ฉันใจเต้นแรงลุ้นเหลือเกิน นี่ถ้าเป็นโรคหัวใจคงฟุบไปแล้ว 
“งั้น! ก็มารับศพกลับไปด้วยก็แล้วกัน”
“เอ่อ!..งั้นไปถึงภายในครึ่งชั่วโมง”
“โครม! ฉันเอาหัวโขกลูกกรงคิดไว้แล้วเชียวยายนี่โกหกคนไม่เป็น สงสัยคงอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ                    
“หือ!..คุณว่ายังไงนะ?”
“...........” เธอเงียบไปสักพักก่อนตอบ
“อีกครึ่งชั่วโมงจะไปจองตั๋ว คงถึงที่นั่นประมาณ 1 เดือน ไม่สิ! 3เดือน เอ้ย! 5 เดือนสิ” ยายบ๊องเสียงเบาพิรุธร่วงกราว /นี่!..ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย?/             
“แค่อเมริกาใต้ อาทิตย์เดียวก็ถึงแล้ว เอาอย่างนี้!..ผมให้เวลาคุณ 15 วัน มารับตัวพวกเขากลับไป” หวังฉวนขยับแทรกเข้ามาพูด ฉันไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนี่เลย
แทนตะโกนสวนเข้าไป...                     
“นาตาลี! อย่ามานะ มันเป็นกับดัก”
“อย่า!” ฉันเอื้อมมือไปปิดปาก เรื่องกำลังไหลอย่าขัด
20 วันดีกว่า เผื่อเวลาให้ฉันหน่อย ที่นี่! เที่ยวบินมีปัญหาบ่อย”  อืม!..เริ่มเข้าที่ พูดลื่นไหลขึ้น          
“ได้สิ! แล้วติดต่อมานะ อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากนะ  เข้าใจใช่มั้ย?” นายพลขู่เสียงแข็ง
หวังฉวนนายใหญ่ขยับเข้ามาคุยกับนายพลห่าวอู๋        
“เรื่องนี้เก็บเงียบนะ! อย่าให้เรื่องนี้ถึงหูเบื้องบน ถ้าได้ตัวนาตาลี ติดต่อผมก่อนอย่าเอามาที่นี่ เข้าใจนะ!”           
 “รับทราบครับท่าน!             
VIP ยังอยู่ที่นี่อีก 3 - 4 วัน ผมเคลียร์เรื่องเสียงปืนที่คุณยิงกันไปให้แล้ว” รัฐมนตรีหวังฉวนสั่งกำชับ
ถ้าอย่างนี้แสดงว่า ไอ้หมอนี่คิดไม่ซื่อกับพรรคพวก อีกไม่นานพวกมันหักกันเองแน่นอน ฉันเดาว่าเป็นเช่นนี้ นายพลหันไปหาผู้พันหน้าบาก..        
“ซีชาน! คุณเอาเบอร์นาตาลีไปให้หน่วยสื่อสารจับสัญญาณ ถ้าเธอเข้าจีนเมื่อไหร่ก็จับตัวมาเลย เอาไปไว้ที่เซฟเฮาส์ที่ปักกิ่งนะ” นายพลห่าวอู๋สั่งแล้วส่งสายตามาขู่ฉัน ไม่รู้ว่าเขาโกรธที่โดนฉันถีบหรือว่าเขารู้ความจริงแล้วว่า นาตาลีอยู่ใกล้ ๆ                    
เขายื่นหน้ามา...
“หมวย! ลื้อนับถือศาสนาอะไรก็สวดอ้อนวอนกันเข้าไปนะ ”เขายิ้มมุมปาก ก่อนจะหัวเราะแล้วหมุนตัวเดินออกไป
กลุ่มทหารทั้งหมด ตบเท้าหมุนตัวเดินตามกันออกไป ประตูใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนลงปิดตามหลัง ฉันโล่งใจมากขึ้นเพราะมีเวลาหายใจอีก 20 วัน  มีเวลาเหลือเฟือสำหรับคนสิ้นหวัง ที่จะหาทางหนี     
             ………………...............................…………………..

ฉันนอนคิดทบทวนเรื่องราวตั้งแต่รู้จักกับแทนและนาตาลี แทนทำงานให้เราเหมือนทาสผู้ซื่อสัตย์ จิตใจของเขาอ่อนโยนเหมือนปุยนุ่นแต่ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา ไม่ผิดหรอกที่นาตาลีจะชอบ ฉันเองก็ไม่รอดติดยิ่งกว่าบุหรี่อีก พอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านก็ใจจะขาด พาลพาโลพาเลหาเหตุผลไปห้ามไม่ได้
นาตาลีไม่เคยห้ามหรือแสดงอากรหึงหวง เธอไม่เคยทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันต่างหากที่เอาแต่ใจไปวุ่นวายกับชีวิตของพวกเขา ฉันแค่อยากให้เขาชอบฉันบ้างและตอนนี้...ฉันคิดว่าได้คำตอบแล้ว
“แทนคะ! เราจะหนียังไง?” ฉันมองหาทางออกแล้วหมดปัญญา คงต้องพึ่งบริการของเขาอีกครั้ง          
ฉุกคิดถึงตอนที่เราหาทางช่วยนาตาลีออกจากตึก The 3 Temple  แผนของเขาไม่ได้เรื่องสักอย่าง เรื่องง่าย ๆ ก็คิดไม่ออก จะพึ่งพาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้?           
“กรงขังหนาแน่น หนีออกไปไม่ได้หรอก” ฉันแค่หาเรื่องมาคุย ในใจยังแกล้งงอนเขาอยู่ จริง ๆ แล้ว อยากจะบอกว่าโคตรดีใจเลยที่เขามาอยู่ข้างฉัน ลำบากแค่ไหนฉันก็อยู่ได้ ขอให้เขาอยู่ข้าง ๆ ก็พอ 
เขาลูบคางเดินวนไปมา มองกุญแจล็อคห้องขังแล้วพยักหน้า            
“เอาค้อนมาทุบกุญแจ ซัดแรง ๆ สัก 2-3 ทีก็พังแล้ว แค่นี้จะขังใครได้ พอกุญแจมันง้างออกก็หนีไปได้แล้ว ยากตรงไหน?” เขายืนกอดอกมือลูบคางมองกุญแจล็อคห้องขัง ฉันใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง หนีง่ายกว่าที่คิดมากเลย เขาก็เก่งเหมือนกัน                   
“ไหนค้อน? หนูไปหยิบให้” ฉันพยายามมองหาจนทั่วไม่เห็นมี
            “นั่นน่ะสิ
! ว่าแต่ว่า จะเอาค้อนจากไหน?” เขายิ้มแห้งเกาหัวแกรก
“อีโด่เอ๊ย! หลงดีใจตั้งนานกะแล้วเชียว เรื่องโม้เขาก็ไม่แพ้ใครเหมือนกันแหละ
ถ้าตอนนี้ยังคิดหาทางหนีออกไปไม่ได้ก็อย่าคิดมาก นั่งคุยกันดีกว่าได้อยู่กับเขาแค่นี้ก็สุขใจ เหมือนสวรรค์บันดาลขังฉันกับเขาให้อยู่กันสองคน สมานฉันท์กันก่อนดีกว่า...              
“หนูคิดถึงคุณมากเลยรู้มั้ย..?” ลืมตัวเดินเข้าไปกอดด้านหลัง เขายืนเกาะลูกกรงเหมือนรอญาติมาเยี่ยม เห็นแล้วน่าสงสาร ดูแล้วเขาไม่เหมือนคนมาช่วยฉันเลย             
“หือ!” เขาหมุนตัวหันหน้ากลับมาเอาหลังพิงลูกกรง ก้มหน้าลงมาสบตา ใบหน้าบวมปูดเขียวเหมือนกะหล่ำช้ำ เบ้าตาเขียวคล้ำเป็นหมีแพนดา ปากงุ้มเป็นครุฑเลย เรียกว่าใบหน้ารวมสารพัดสัตว์ไว้เลยทีเดียว
“เราต้องหนีให้ได้ นาตาลีรออยู่ หม่าม้ายังไม่รู้เรื่องนี้ คุณต้องได้กลับไป” ดวงตาสวยใสใจดีเป็นประกายเหมือนเดิม ริมฝีปากหนายิ้มอ่อนแสดงความจริงใจ รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กัน
“หนูรออยู่ คุณก็พาออกไปสิ” ฉันยิ้มกว้างระทวยเมื่อเขาลูบหัวเบา ๆ มันจึ๊กกะดึ๋ยหัวใจเต้นแรง มวนท้องทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา...ให้ตายตอนนี้ก็ยอม ขอซุกก่อนล่ะ ฉันมุดหน้าเป็นลูกแมว             
“ไหนบอกว่าเกลียด”เขาลูบหัวอย่างอ่อนโยน ยิ้มของเขาหล่อละลายใจ ฉันอายม้วนบิดตัวดึงชายเสื้อเขาอย่างไร้เหตุผล
ก่อนจะคิดได้ว่า...        
“เออ!..ใช่ลืมไป! ด้วยทิฐิเด้งถอยออกมาตั้งหลักก่อน
เขาเอียงคอยิ้มมอง...
“คุณรักนาตาลีจริงเหรอ? ผมว่า...คุณรักตัวเองมากกว่า คุณคิดแต่เรื่องของตัวเอง คุณทำทุกอย่างตามใจตัวเองหมดเลย” พอโดนตำหนิ ต่อมโกรธของฉันแตกโพละ ตาขวางปากเริ่มจู๋อีกแล้ว เขาไม่เคยเถียงไม่เคยต่อว่า ฉันรับไม่ได้หรอกที่สบประมาทกัน  และเขานั่นแหละที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้           
“หนูรักนาตาลีนะ ทีหลังอย่าพูดอย่างนี้อีก” เสียงเริ่มสูง ต้องเล่นใหญ่ข่มไว้ก่อน เขาต้องยอมฉันสิ ถึงจะถูก             
“รักของคุณนี่อยากได้หรืออยากให้ครับ” เขามองจ้องหน้า ถามอะไรมาก็ไม่รู้              
“อยากได้สิ!” ฉันตอบห้วน ๆ รักต้องอยากได้มาเป็นของเราสิ
“เหมือน..อยากได้ลูกหมาลูกแมวอย่างนี้หรือเปล่า? ต้องการเป็นเจ้าของล่ะสิ”
เขายืนประจันหน้าเอาอีกแล้วคุยเรื่องความรักกับตานี่ทีไร ไม่เคยเข้าใจกันสักครั้ง ฉันมึนไปหมด ทฤษฎีเยอะเหลือเกิน
“แบบนั้นแหละ! แต่มากกว่า” จะบ้าหรือไงเอาคนไปเปรียบกับหมาแมว             
“ถ้าคุณอยากได้แสดงว่าคุณไม่ได้รักเธอ คุณรักตัวเองมากจึงอยากได้เธอมาตอบสนองความต้องการ อย่างนี้เขาเรียกว่าลุ่มหลงไม่ใช่ความรัก”       
ฉันไม่เคยที่จะเข้าใจเรื่องความรักของเขาเลย ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศ รักมันต้องแสดงออกสิ ต้องยื้อแย่งสิ ถึงจะรู้ว่ารัก ฉันเคยบอกเรื่องนี้กับเขาไปแล้ว       
“คุณก็แรงไป หนูรัก แต่ขอเห็นแก่ตัวนิดนึงค่ะ เพื่อความสบายใจ”
“ถ้าหนีออกไปได้ก็กลับไปด้วยกันนะ นาตาลีรอคุณอยู่” เขาพูดเรียบ ๆ เริ่มง้อฉันแล้วต้องเล่นตัวซักหน่อย             
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคุณเอาหนูไปทิ้ง!
เขาหันขวับ! ...           
“นี่คุณจะไม่จบใช่มั้ย? ความคิดของคุณ นอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้ว ยังตามไปทำร้ายหลอกหลอนคนอื่นด้วย” เขาเสียงดังส่ายหัว สีหน้าเปลี่ยนไป...
“ไม่มีใครจะตามใจคุณได้ทุกเรื่อง ต่างคนต่างก็มีสิ่งที่ชอบ คุณจะยัดเยียดความเป็นคุณให้คนอื่นไม่ได้ ชีวิตของพวกเราจะตายวันไหนก็ไม่รู้ นาตาลก็หนีตาย หมวดจางก็อยู่ในอันตราย ผมจะไม่เสียเวลากับเรื่องอย่างนี้อีก”         
“หือ!”ฉันถอยออกห่างตาละห้อย เขาว่าอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เสียใจน้อยใจทุกครั้งที่โดนตำหนิ คราวนี้เขาเหมือนจะโกรธจริง ฉันได้แต่ปากจู๋ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตา
“บาดแผลทางกายมองเห็นได้ ไม่นานก็รักษาหาย แต่ถ้ามีบาดแผลในใจ มองก็ไม่เห็น รักษาก็ยากหรืออาจจะรักษาไม่หายเลยก็ได้ ถ้าคิดอยากจะมีความรัก อย่าทำให้คนที่รักคุณไม่สบายใจสิ อย่า! เล่นกับความรู้สึกอย่างนี้ มันพิสูจน์ความรักไม่ได้หรอก” เขาหยุดหายใจมองด้วยหางตาแล้วพูดต่อ...             
“ถ้าคุณหยุมหยิมเอาแต่ใจตัวเอง มันจะทำให้ไม่มีใครกล้าเล่น กล้าคุยด้วย ใคร ๆ ก็กลัวความผิดกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นความผิดต่อคนรักยิ่งลำบากใจ ลองคิดดูดีดีนะ” เขาไม่เคยบ่นยาว ๆ แบบนี้       
ฉันตั้งใจฟังในใจเริ่มรู้สึกกลัว แต่ฉันก็คือฉัน...        
“คุณไม่ต้องกลับบ้านสิ หนูสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง” ฉันพยายามแถ
เขายังมองด้วยหางตา...          
“อ้าว!ไม่กลับแล้วผมจะไปอยู่ที่ไหน? เงินของผมหมดแล้ว ก้อนสุดท้ายก็ซื้อเสื้อมาให้คุณนี่แหละ!
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา มีอะไรอีกว่ามา”
“ผมวางตัวลำบาก คุณกระแวงผมคุณก็ไม่มีความสุข ในขณะที่ผมต้องระวังตัวผมก็ไม่มีความสุข และการที่เราต้องดีต่อกันล้อเล่นกัน มันเหมือนกับเสแสร้งสวมหน้ากาก”
 “หนูสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว”        
 “คุณรู้มั้ย? ผมเคยแอบมองคุณสองคนล้อเล่นกันในเพิงที่พักกลางป่า มันเป็นความรักที่สวยงาม มันเป็นความทรงจำที่ล้ำค่า ผมอยากให้คุณสองคนได้อยู่ด้วยกัน เมื่อถึงเวลากลับก็อยากเก็บภาพที่สวยงามนั้นไว้ แล้ว!...คุณมาโกรธผมเรื่องอะไร? โกรธผมทำไม?” เขาจ้องตานิ่งระบายความรู้สึกในใจออกมา
ไม่เอาแล้ว ฉันไม่เล่นแล้ว!...
“หนูหิวข้าวแล้ว” ท่าทางไม่ค่อยดี แต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยดุฉันเลย      “ผมเองที่เป็นตัวปัญหา ถ้าไม่มีผมสักคน ทุกอย่างก็คงลงตัว ผมไม่น่ากลับมาช่วยนาตาลีเลย” เขายังจ้องหน้า ฉันใจแป้วแอบกลัวนะเนี่ย เขาไม่เคยพูดแบบนี้
“หนูหิวข้าว! จับหมาแมวมาขังก็ยังต้องให้ข้าวให้น้ำ นี่คนตั้งสองคนไม่ให้อะไรกินเลยหรือไง ยังดีนะที่ในนี้มีห้องน้ำให้ใช้ ประเทศนี้ไม่เคยเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานจริงๆ” ฉันรีบเปลี่ยนช่องอย่างด่วน ลางสังหรณ์ชักไม่ดีแกล้งไปแกล้งมาได้เรื่องจนได้
ทันใดนั้น...     
“โครม! ตึง!  เสียงดังขัดจังหวะมาจากผนังตึกด้านซ้าย
ประตูเล็กด้านข้างถูกผลักเปิดออกมา ทหาร 2 นายพร้อมอาวุธเดินนำหน้าชายร่างผอมสูง สวมเสื้อเชิ้ตขาวผูกหูกระต่าย กางเกงดำแต่งตัวเหมือนบริกรในโรงแรมหรู เข็นรถอาหารเข้ามา
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ!” เสียงแทนกล่าวขอบคุณก่อนรับอาหารส่งมาให้ 
“หิวจนตาลายแล้ว” ฉันรีบจัดแจงวางเรียงติ่มซำกับซาลาเปาร้อน ไอกรุ่นส่งกลิ่นหอมล่อน้ำลาย มาพร้อมกับโถน้ำซุปดอกไม้จีน         
“มากินกันก่อนเถอะค่ะ หนูหิวจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ”ฉันตะโกนเรียก แต่เขายังคงกระซิบกระซาบกันต่อสักพักก่อนจะเดินมานั่งข้างฉัน
“ครืด!!” พวกทหารเข็นรถอาหารจากไป             
“อาหารดูน่าอร่อยจัง ในค่ายทหารมีของอย่างนี้ด้วยเหรอ?” เขาคีบติ่มซำมาป้อน แล้วรินน้ำแกงในกระติกถือเตรียมไว้ให้
“ของพื้นๆ ที่ไหนก็มีของพวกนี้ นี่หมูซอสเปรี้ยวหวาน กินสิ!” ฉันไม่แปลกใจ ที่นี่ประเทศจีนอาหารหลากหลายอยู่แล้ว แค่นี้ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งหรอก ฉันรีบกินในขณะที่เขาคอยหยิบอาหารป้อนให้ ดูสิ!จะไม่ให้ฉันหลงรักได้ยังไงไหว?
“คุณก็กินด้วยสิ กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงหนี เอานี่! เกี๊ยวเหล่าเปียน” ฉันหยิบเกี๊ยวเนื้อวัวของเสิ่นหยางใส่ปากเขา             
ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแค่ไหน ฉันก็มีความสุขใจที่ได้อยู่ข้าง ๆ ถึงแม้เขาจะต่อสู้ไม่เก่ง แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งฉันไว้คนเดียว และทุกครั้งที่ยากลำบาก ฉันจะเห็นหน้าเขาก่อนคนอื่นเสมอ เขาคงรักฉันบ้างแหละ..ดูออก
 
                       ................................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม