The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 24

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 ตอนที่ 24
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 4
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 20 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เสินหยาง  มณฑลเหลียวหนิง 
มุมมองสายตา จาง แอนนา
กรกฎาคม ค.ศ.2021
พวกเราอึดอัดใจ รอซอนโดยไม่รู้ว่าเขาวางแผนอะไร แอบงุบงิบไปโทรศัพท์สั่งงานเดียวตลอด ฉันปล่อยให้เขาได้ทำงานเต็มที่ นาตาลีกำลังดูข่าวต่างประเทศ ประธานาธิบดีสหรัฐแถลงผ่านช่องโทรทัศน์ CNN เธอหันมาสรุปข่าวให้ฟัง
“สรุปว่า ท่านชี้มาที่ประเทศจีนเป็นคนปล่อยเชื้อโควิด ดอกเตอร์เบนจามินจะเป็นคนเปิดเผยข้อมูลการปล่อยวัคซีน อเมริกาเตรียมโครงการแฉใหญ่จะให้โลกตกตะลึง เตรียมหลักฐานมาแน่นปึ้กกะจะเล่นงานรัฐบาลจีนให้แหลกคามือ”
“วุ่นวายมาก แย่งกันเป็นเจ้าโลก” ซอนเปรยสายตามองไปที่ทีวี
“แต่ดร.เบนจามินก็มาโดนลอบสังหารเสียก่อน”
“อ้าว!
“แสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก ท่านประธานาธิบดีถึงกล้าออกมายืนยัน ฉันว่าเรื่องนี้จีนต้องเกี่ยวข้องด้วย ไม่เช่นนั้น ดร.เบนจามินก็คงไม่โดนลอบสังหาร” นาตาลีกะพริบตาถี่.
ซอนยืนกอดอกหันมา...
“จีนกับสหรัฐคงใกล้จะเปิดศึกกันเต็มทีแล้ว จีนเริ่มโฆษณาชวนเชื่อ หาความชอบธรรมจะเข้าโจมตีไต้หวันแล้ว ทางอเมริกาก็ประกาศชัดเข้าช่วยไต้หวันแน่นอน เคลื่อนกองทัพเรือมาฟิลิปปินส์แล้ว ทางญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ออกมาสนับสนุนเตรียมให้การช่วยเหลือไต้หวัน” ท่าทางของซอนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้...
“สงครามระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตยกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง ไอ้จีนก็บ้า มันใช้อำนาจทางการเงินและอาวุธมาบังคับ ประเทศที่กู้เงินของมันต้องเข้าข้างมันโดยปริยาย มันทำเกินไปมันจะไม่ให้มนุษย์ได้มีเสรีภาพเลยมั้ง?” เขาสาปส่ง
ฉันไม่อยากจะนึกถึงภาพมันเลย สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นแน่นอน ฝั่งยุโรปก็เริ่มรบกันแล้ว            
“ตอนนี้โลกของเรามั่วไปหมด หมวดจาง! เธอไปเป่านกหวีดที่ไหนมามั่ง?” นาตาลีหันมาถามตาขวาง
“ญี่ปุ่น อินโดนิเซีย อินเดีย เวเนซุเอลาประเทศเล็ก ๆ อีก2-3ประเทศในแอฟริกา” ฉันกระดากปากที่ต้องตอบถึงผลงานเก่าที่สร้างเอาไว้           
“เธอนี่สุดจริง ๆ น่าจะให้ซอนฆ่าทิ้งซะก็ดีแล้ว” เธอหันมาตามเขียว ฉันอยากจะบอกเธอว่า...ไม่ทันแล้ว ซอนเสร็จฉันแล้ว
“ข่าวในทีวีไม่พูดถึง Soulless เลย ทุกประเทศคงกำจัดทิ้งเหมือนช่วงไข้หวัดนก ถ้าเกาหลีใต้ไม่ประท้วงเพราะไม่มีไก่กิน ไก่ก็คงสูญพันธ์ไปพร้อมความกลัวของผู้มีอำนาจ” ฉันไม่อยากคิดถึงมันเลย
“ถ้าโลกนี้ยังไม่เลิกกลัวโควิด คนก็ยังคงฉีดวัคซีนกันต่อไป และเมื่อเป็นเช่นนั้นอีกไม่นานก็สิ้นโลก” ซอนกอดอกพึมพำ
นาตาลีสายตากังวลหันไป...
“มันยังไม่จบหรอก ยังไม่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำไป คุณคอยดูเถอะ! ทั้งสงครามทั้งโรคระบาด ผู้นำมันต้องดึงเอาเรื่องนี้มาเล่นการเมืองและคนก็ตายเป็นเบือ”
“คุณก็มัวมาโอ้เอ้อยู่กับฉัน รีบเอาวัคซีนไปจะได้รีบช่วยกันรักษาก่อนที่พวกมันจะลงมือ” ฉันหันไปกอดเธอ
“ตอนนี้กลับไม่ได้แล้ว รอให้สองคนนั้นออกมาก่อน ลูกน้องคุณจะมาเมื่อไหร่ล่ะซอน?” นาตาลีเงยหน้ามองรอคำตอบ
“น่าจะวันนี้แหละครับ ขับรถยนต์มากว่าจะถึงนี่เป็นอาทิตย์เลยนะครับ”
“จะเข้าไปชิงตัวประกันยังไง?” นาตาลีเงยหน้ามองซอน
“เรื่องของผม ไปหาอะไรกินดีกว่า อันนี้เรื่องของคุณ ไป!” ซอนเข้ามาดึงเราสองคน
“อื้อ! ไปเปิดหูเปิดตามั่งดีกว่า” ฉันเกิดที่ปักกิ่งแต่โตมาจากเมืองนี้ พาซอนกับนาตาลีไปเที่ยวรำลึกความหลังในวัยเด็กดีกว่า ฉันมีลางสังหรณ์ว่า จะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
นาตาลีตาโต...            
“ดีเลย! อยู่อย่างนี้ก็เครียด กังวลเป็นห่วงไป่ไป๋” เธอเด้งลุกยืน         
“ไปกันเลยดีกว่า! เหลือเวลาจะได้เที่ยวด้วย” ซอนควงกุญแจรถยนต์ เดินนำหน้าออกนอกบ้าน….
………………………………………………………..


ตานตง...เมืองชายทะเลเหลืองติดกับพรมแดนเกาหลีเหนือ  ดินแดนแห่งอาหารทะเลรสเลิศ อากาศเย็นสบาย หลังจากพานาตาลีไปเดินชอปปิ้งซื้อของในเมืองเสร็จก็เดินทางต่อ...
“ไปกินข้าวกันดีกว่า!
ฉันขับรถผ่านอนุสาวรีย์ประธานเหมาเจ๋อตุง กลางเมืองพาทั้งสองคนขับรถยนต์มาริมแม่น้ำยาลู่ เลาะฝั่งเมืองตานตงของแผ่นดินมังกร ฝั่งตรงข้ามเป็นเมืองชินอุยจูของแดนสนธยาเกาหลีเหนือ มีเพียงสายน้ำเชี่ยวกั้น
แต่ความแตกต่างของสองประเทศราวกับไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน สีสันของเมืองตานตงดูสวยงามหรูหราราคาแพง เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนเดินจับจ่ายใช้สอยกันหนาตา ทำให้เมืองดูมีชีวิตชีวา รถยนต์สารพัดสีแล่นบนถนนสองเลนสวนกันเลียบแม่น้ำ
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นทุ่งหญ้าสีน้ำตาลแห้งแล้งและไร้ผู้คน  มองเห็นเพียงทหารถือปืนเดินเป็นแถว ริมชายน้ำราวกับว่า จะมีคนเข้าไปขโมยท่านผู้นำอ้วนไปทำพะโล้ 
ฉันชี้ชวนคุยหลังจากขับรถยนต์มาได้สักพัก มองเห็นสะพานสมัยสงครามโลกข้ามแม่น้ำทางขวามืออีกไม่ไกล
“ที่นี่!เรียกว่าสะพานขาด สร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลก โดนญี่ปุ่นระเบิดขาดกลาง ถูกทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์สงคราม อนุญาตให้คนเดินเล่นได้ ตรงโน้น!...” ฉันชี้ถัดไป
“สะพานสร้างใหม่สำหรับรถไฟข้ามไปเกาหลีเหนือ แต่ห้ามคนเดิน” ฉันทำหน้าที่ไกด์ขับรถเลียบแม่น้ำยาลู่ขึ้นทางเหนือ อธิบายประวัติคร่าว ๆ ให้ทั้งสองคนฟัง
“จอดรถก่อน! นาตาลีตบเบาะ ด้านหน้าเป็นตลาดขายของที่ระลึก ฉันขับรถยนต์มาจอดเทียบริมถนนหน้าตลาด ซอนกระโดดลงเดินหายเข้าไปในตลาด
ฉันมองข้ามแม่น้ำไปฝั่งเกาหลีเหนือ ชวนนาตาลีคุย.....            
ฝั่งโน้น! เป็นบ้านของจูยอนค่ะ” ฉันชี้ข้ามแม่น้ำยาลู่ไปอีกฝั่ง
          “แม่น้ำนี้ที่จูยอนว่ายข้ามมาเหรอคะ? กว้างมากเลยนะคะ? น้ำไหลเชี่ยวมาก” นาตาลีกุมอกมองด้วยความแปลกใจ
ฉันยิ้มพยักหน้า...
“จูยอน! ใจเด็ดมาก หลายคนก็หนีเพื่ออยู่รอด แต่ไม่รอด”       
นาตาลีเปิดประตูรถยนต์ เดินข้ามถนนไปนั่งบนเขื่อนริมน้ำ ฉันขยับเดินตามไปนั่งข้าง ๆ ฉันยังไม่สนิทกับจูยอนเท่าไหร่? แต่ก็ยอมรับในความเป็นนักสู้ของเธอและรับรู้ว่า นาตาลีเป็นห่วงเธอมาก               
“ตอนนี้! ฉันติดต่อจูยอนไม่ได้เลย เธอคงจะเหงาและเดียวดาย เธอคงปวดร้าวมากเวลาคิดถึงบ้านหรือคิดถึงครอบครัว ทำไมผู้ปกครองต้องเห็นแก่ตัวกันนักนะ? ผู้นำบางคนสร้างสงครามเพื่อเอาคนชาติอื่นมากดขี่ ผู้นำบางคนกดขี่คนในประเทศของตัวเอง มันจะบ้าไปใหญ่แล้วนะมนุษย์นี่” นาตาลีเสียงเศร้า คำพูดของเธอเหมือนใบมีดกรีดลงบนหัวใจของฉัน น้ำเสียงเจือปนด้วยความรันทด เหมือนว่าเธอเคยเจอกับชะตากรรมเช่นนั้น
“ความเจ็บปวด เครียดแค้นเมื่อยังไร้เดียงสา เราก็มักจะลืมเลือนมันไปตามกาลเวลา แต่ความเจ็บปวดเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ มันฝังใจจนวันตายและมันจะกลายเป็นความแค้นเหมือนน้ำรอการระบาย” เธอมองข้ามฝั่งอย่างไร้จุดหมาย
ฉันเชื่อว่า ในจิตใจของจูยอนคงมีความแค้นที่อัดแน่นสุมอยู่เช่นกัน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ยอมหนีออกมา...         
“การมีชีวิตนี่มันลำบากเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าคนเราเกิดมาทำไม?  ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบสักอย่าง ทำไมต้องมีอุปสรรค ถ้าเป็นอุปสรรคจากธรรมชาติฉันเข้าใจได้ แต่อุปสรรคจากมนุษย์ด้วยกันนี่สิ! ฉันไม่เข้าใจ” ฉันมองข้ามแม่น้ำไปฝั่งเกาหลีเหนือ          
ฉันมาจากปักกิ่งแล้วมาโตเป็นสาวที่นี่ ด้วยพื้นที่ติดต่อกันเด็ก ๆ แถวนี้พูดได้ทั้งสองภาษา ได้เห็นภาพของผู้ลี้ภัยถูกยิงตายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยรู้สึกอะไร? พอได้รู้จักกับจูยอน คิดถึงสภาพที่เธอต้องฝ่าฟันกว่าจะหลบหนีออกมาได้ ต้องใช้ทั้งพลังกายและความกล้าอย่างมาก
ฉันเริ่มเข้าใจหัวอกของผู้หลบหนีแล้ว ดูจากสภาพภูมิประเทศแล้วมันไม่ง่ายเลย เธอยังโชคดีที่เป็นนายทหาร ชาวบ้านธรรมดาน่าจะลำบากกว่าเธอมากนัก พวกเราคนจีนก็พึ่งสบายไม่กี่ปีมานี้เอง สมัยก่อนก็ไม่ต่างกัน ท่านประธานเหมาและพรรคคอมมิวนิสต์ พาคนจีนอดตายหลายสิบล้านคนเพราะความเชื่อผิด ๆ ของผู้นำคนเดียว
นาตาลีหันมายิ้มเส้นผมปลิวสลวยยามต้องลม...                    
“คุณเคยอ่านทฤษฏีแห่งความสุขของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์มั้ยคะ?” นาตาลีหันมาถามแล้วมองข้ามฝั่งไป                       
“ไม่เคยค่ะ! เป็นยังไงคะ?” ฉันแทบไม่ต้องอ่านตำรา แค่ถามก็ได้รู้อะไรหลายอย่าง ข้างตัวของนาตาลีไม่เคยขาดตำรา เธอจะอ่านหนังสือ ดูนั่นนี่ตลอด
ฉันตัดสินใจมาอยู่ข้างกายของคนเก่ง เพราะเชื่อว่ามันจะเก่งตามกันไป แค่ฟังเธอพูดอย่างเดียวก็ไม่ต้องไปหาความรู้อื่นแล้ว นาตาลีเหมือน Encyclopedia รอบรู้ไปหมด ยกเว้นเรื่องเดียว...เซ็กซ์ภาคปฏิบัติ
เธอเหม่อมองข้ามแม่น้ำ แล้วเริ่มอธิบาย...            
“ไอน์สไตน์มองโลกใบนี้ว่าเป็นจุดเชื่อมโยง คนเราเกิดมาเพื่อทำอะไรบางสิ่ง ซึ่งเราไม่มีวันรู้เลยว่ามันคืออะไร? ทำไปทำไม? ทำไปเพื่ออะไร? เป้าหมายที่แท้จริงของคนคืออะไร? ในขณะที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่า ตัวเขาต้องการอะไรกันแน่? แต่เขาก็ระลึกตลอดเวลาด้วยความขอบคุณ ที่เขามีวันนี้ได้ก็เพราะมีคนอื่นเป็นส่วนประกอบในความสำเร็จของเขา”
“ชีวิตที่สุขสบายของเขา ได้มาจากน้ำใจของใครหลายคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน คนที่ชื่นชมผลงานของเขาและทำให้เขาประสบความสำเร็จ เขาได้คิดทฤษฎีการใช้ชีวิตบางอย่างขึ้นมา ก่อนที่เขาจะลาจากโลกใบนี้ไปชื่อว่า ทฤษฎีแห่งความสุข” นาตาลีพูดยาวโดยมองไปที่กลางแม่น้ำตลอดเวลา สายลมพัดแรงจนเส้นผมปลิวกระเซิงจนเธอต้องรวบไว้ อากาศหนาวเย็นเวลาพูดกันควันขาวพวยพุ่งออกปาก             
“ต่อเลยค่ะ! กำลังตั้งใจฟัง” ฉันอยากรู้ว่าคนระดับนี้ จะมีวิธีเสพความสุขแบบไหนและคิดกับโลกใบนี้อย่างไร?            
เขาเขียนไว้ว่า ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบจะนำความสุขมาให้  มากกว่าการใช้ชีวิตแบบไล่ล่าความสำเร็จ ที่มักจะนำความกังวลติดมากับมันด้วย” เธอกล่าวเรียบ ๆ สายตานิ่งไร้ความรู้สึก             
ใช่แล้ว! ฉันคิดถูกที่ยอมทิ้งทุกอย่างมาติดตามนาตาลี ฉันเครียดและกังวลมากตอนที่ทำงานในกองทัพ อยากเลื่อนขั้น อยากได้เงินเดือนสูง จนต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเจ้านาย เหมือนขายจิตวิญาณให้กับกองทัพ หลงงมงายกับคำปฏิญาณโง่ ๆ ที่หลอกให้เราไปตายแทน
นาตาลีขยับพูดต่อ...               
“หลังจากที่ไอน์สไตน์เสียชีวิตลง เขาแทบจะไม่เหลือสมบัติอะไรเลย เขาแค่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพทางใจ ถ้ามนุษย์รู้จักความพอดี ไม่โลภมาก แบ่งปันความรักให้กันและกัน โลกใบนี้คงไม่มีสงคราม การแก่งแย่งชิงดีที่ไม่มีวันจบสิ้น รังแต่ทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมา” เธอกล่าวจบก็ลุกหันหลังเดินกลับขึ้นรถ ฉันต้องลุกวิ่งตามอีก นึกจะไปก็ไปซะงั้น!    
ซอนเดินกลับออกมาจากตลาดพอดี ยื่นส่งของในมือให้... 
“เอ้านี่!...ผมซื้อมาฝากคนละอัน” เขาส่งปากกาเลเซอร์ให้ฉันและนาตาลีคนละอัน                
“เอาไปทำอะไรคะ?” เธอรับมาหมุนพิจารณาด้วยความสงสัย หันไปมองซอนที่กำลังสนใจกล่องโดรนที่เพิ่งไปถอยมาใหม่เอี่ยม
           
“เอาไปติดปลายปืน!” ซอนยิ้มกว้างตาใส
หลังจากที่เขาหายบ้าไม่หลงรักนาตาลีแล้ว เขาเป็นอีกคนที่ดูแลเธออย่างไม่มีข้อแม้มาตลอด นาตาลีโชคดีมากที่ได้เจอเพื่อนกลุ่มนี้ คงจะจริงที่เธอเคยบอกว่า พวกนี้เหมือนของขวัญที่ใครบางคนส่งมาให้ ทุกคนรักเธอและเธอก็รักเพื่อนกลุ่มนี้                
“ฉันไม่เอา!” นาตาลีโยนลงพื้นรถยนต์ ทำท่ารังเกียจ  
“ใส่กระเป๋าเสื้อไว้! มันอาจจะมีประโยชน์” ฉันหยิบปากกาเสียบกระเป๋าเสื้อให้เธอ แล้วเปิดเก๊ะหน้ารถหยิบ QX4 ปืนสั้นประจำตัวของฉันส่งให้เขาเอาเหน็บเอวไว้                        
“ทำไมต้องฆ่ากันด้วย ชอบความรุนแรงกันจังเลยนะ” นาตาลีบ่นหน้าง้ำไม่พอใจ นั่งคอแข็งหลังตรงบนเบาะหลังรถ ยิ่งดูยิ่งเหมือนเด็กน้อยโดนขัดใจ
ซอนอมยิ้มก่อนร้องแซว...                    
“ชวนเค้ามาเผาโกดังอู่ฮั่นนี่นะ!! ไม่ชอบความรุนแรง เชอะ!” เขาหัวเราะร่า นาตาลีงอนสะบัดหน้าไม่คุยด้วย                        
“เผื่อเอาไว้ป้องกันตัวครับ” เขาแก้ตัว แต่เธอไม่สนใจ ซอนหน้าเสียหันมายิ้มเก้อกับฉัน              
ทันใด...ผู้คนในตลาดก็แตกตื่น เสียงโวยวายตึงตังดังจากตลาดด้านหลัง         
จับให้ที! ช่วยจับหน่อย ขโมย ๆ ๆ” เสียงผู้ชายตะโกน พวกเราหันไปมองพร้อมกัน             
เด็กผู้หญิงวัยไม่เกิน13 หน้าตามอมแมมในชุดกันหนาวตัวเก่าสีมอ วิ่งตาลีตาเหลือกหลบหลังผู้คนออกมาจากซอยข้างตลาด เสียงแม่ค้าด่าตวาดตามหลังเด็กหญิง...                     
“ไอ้ลูกเกาหลี มันวุ่นวายจริง ๆ จะข้ามมากันทำไมนักหนาวะ” แม่ค้าเอาขันน้ำขว้างตามมา
เด็กหญิงวิ่งเข้ามาแอบข้างรถยนต์ของเรา ซอนรีบเปิดประตูให้เธอขึ้นไปหลบด้านหลัง นาตาลีดึงเด็กขึ้นรถแล้วออกมายืนข้างซอน
“อย่า!” ฉันพยายามจะห้ามไม่ให้ไปยุ่งแต่ช้าเกินไป...ได้แต่ยกมือค้าง            
“จับมาให้ได้! ชายหนุ่มจีนตัวผอมสองคน รูปร่างเหมือนพวกขี้ยา วิ่งออกมาทางเดียวกับเด็กหญิง เขากวาดสายตามองซ้ายขวา เห็นท่าทางก็รู้ได้ทันทีว่า มันมาจับเด็ก มันเดินมาถึงรถยนต์ของเราแล้วร้องถาม             
“เห็นเด็กผู้หญิงวิ่งมาทางนี้บ้างหรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามเสียงแข็ง
“ไปทางโน้น!” นาตาลีชี้ไปโน่น คนละทิศกันเลย พวกมันหลงเชื่อสับขาวิ่งตามไป         
“ขึ้นรถเถอะ! อยู่ไม่ได้แล้ว” ฉันเรียกทุกคนขึ้นรถ อยู่ต่อไปไม่ดีแน่  ไอ้พวกนี้มันแก๊งค้ามนุษย์ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่เบื้องหลัง การจับลูกเกาหลีไปขาย หรือส่งตัวกลับจะมีรางวัลจึงสมคบกันเป็นขบวนการ
          “อ้าว
! ขึ้นมานั่งดี ๆ สิคะ ไปนั่งตรงนั้นทำไมคะ?” นาตาลีเปิดประตูเห็นเด็กน้อยมุดอยู่กับพื้น ตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำสายตาหวาดระแวง
เธอขึ้นนั่งเบาะหลังแล้วอุ้มเด็กขึ้นนั่งข้าง...         
“ไม่เป็นไร! หนูปลอดภัยแล้วค่ะ!” เธอพูดภาษาจีน เอามือลูบหลังเด็ก             
“อื้อหือ! อาบน้ำมั่งรึป่าววะเนี่ย!” ซอนขึ้นรถแล้วย่นจมูกหันมองเด็กผู้หญิง กลิ่นเหม็นอับจากเสื้อผ้าของเด็กน้อยทำเอาฉันสะอึกเช่นกันแต่นาตาลีไม่ได้แสดงอาการแม้แต่น้อย ยังลูบหัวสังกะตังของเด็กอย่างอ่อนโยน             
“ซอนรีบออกรถไปก่อน ไปไหนก็ได้ให้พ้น ๆ ตรงนี้” ฉันร้องบอก
“บรื้น...นน!! ซอนกดคันเร่งรถพุ่งพรวด ขับขึ้นเหนือเลียบแม่น้ำยาลู่ไปเรื่อย ๆ             
เด็กเกาหลีเหนือหนีข้ามมาเสียชีวิตที่นี่ปีละหลายพันคน ในดินแดนมังกรนี้ไม่ใช่สรวงสวรรค์ ไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือใคร นอกจากจะจับเด็ก ๆ ไปหาประโยชน์อย่างอื่น หรือไม่ก็ส่งทางการเอารางวัลนำจับ คนเกาหลีเหนือถือว่า โชคร้ายที่สุดชาติหนึ่งทีเดียว
“จอดร้านนี้!”นาตาลีชี้ให้ซอนเข้าร้านอาหารริมน้ำข้างทาง หลังจากขับรถมาได้สักพัก
                   ……………………………………………………..



ร้านอาหารทะเลเก่าแก่ สร้างจากไม้ยื่นลงไปในลำน้ำ ลูกค้านั่งกินกันประปรายพอให้ไม่เป็นจุดสังเกต เราพากันเข้ามานั่งโต๊ะไกลตาริมน้ำนาตาลีประคองน้องตลอดเวลา...
“หนูชื่ออะไรคะ? อายุเท่าไหร่แล้วเอ่ย?” นาตาลีถามเป็นภาษาเกาหลี
“หือ!”เด็กน้อยหันมอง แต่สายตายังระแวง            
“ อีซูมิน! อายุ 12 เธอกินอาหารอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ริมฝีปากเลอะคราบอาหารมอมแมม
นาตาลีนั่งยิ้มมองแล้วเช็ดปากให้เด็กด้วยความเอ็นดู พร้อมคีบอาหารส่งเข้าปากเด็ก             
“ค่อย ๆ กินค่ะ ไม่มีใครมาแย่งหรอกและไม่ต้องกลัวใครด้วย คุณลุงใจดีจะปกป้องหนูเอง” เธอชี้มาที่ซอนแล้วเช็ดปากให้ หยิบอาหารส่งให้เป็นระยะ เด็กน้อยท่าทางผ่อนคลายเคี้ยวไม่หยุดปาก             
“หนีข้ามมาเหรอ?  หนูมากับใครคะ?” นาตาลีป้อน เด็กสาวชะงัก ส่งสายตาล่อกแล่กมองซ้ายขวา             
“มากับครอบครัว อยู่กับน้องชาย” เธอตอบห้วน ฉันใจหายวาบเธอพึ่งจะอายุแค่นี้  น้องล่ะ!จะอายุเท่าไหร่?
“อาบอจี้กับออมม่าล่ะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน? ค่อย ๆ กินนะคะ มีอีกเยอะ” นาตาลีกับซอนช่วยกันแกะเนื้อปูให้เด็ก ตานตงเป็นเมืองติดทะเล อาหารทะเลสดของที่นี่ขึ้นชื่อ             
“อะป้าถูกยิงที่แม่น้ำ ออมม่าก็หายไปนานมากแล้ว” เธอตอบตะกุกตะกักหยุดกินแล้วลุกยืน สายตามองไปที่ถนนนอกร้านเหมือนกังวลใจอะไรบางอย่าง             
“หนูไม่กินแล้ว! จะไปหาน้อง” เธอลนลานเอาอาหารยัดใส่ในเสื้อที่เหม็นอับ ขยับตัวจะลุกออกไปจากโต๊ะ มือยังถือจานอาหารไว้         
นี่แหละนะ! ที่เขาบอกว่า ให้มีลูกคนโตเป็นผู้หญิง จะได้เลี้ยงน้องได้ จะยากลำบากแค่ไหนพี่สาวก็ห่วงน้องเสมอ             
“ไม่ต้องกลัวนะคะ อนนี่มาจากฝั่งใต้ อนนี่มาช่วยหนู” นาตาลีเอื้อมมือไปลูบหัว
“จริงนะ!” เธอหันมามองแล้วยิ้มสายตาเป็นประกายเปี่ยมความหวัง เธอคงจะดีใจมาก วางจานอาหารแต่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ มองมาที่ซอน                
“คุณลุง! จะไม่จับหนูใช่มั้ย?” เธอถามแบบไร้เดียงสา ปากเลอะยังเคี้ยวอาหาร
“คุณลุงใจดี ไม่จับหนูหรอกค่ะ” นาตาลีส่ายหน้าหยิบกระดาษเช็ดปากให้ แล้วส่งอาหารป้อนให้อย่างต่อเนื่อง             
เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นสวรรค์ของนักเดินทาง แต่มันเป็นขุมนรกของเด็กน้อยผู้หลบหนี พวกเขาโดนตราหน้าว่า เป็นผู้แปรพักตร์เป็นขยะส่วนเกินตั้งแต่ยังเยาว์วัย หนีความอดอยากตามพ่อแม่มา ไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่เลย ในผืนแผ่นดินจีนลูกเกาหลีร้องไห้จนตาย ก็ไม่มีใครสงสาร การเมืองของสองชาติมันเลวร้ายพอกัน ผู้นำ!มันสมคบคิดกัน
“หนูกินให้อิ่มก่อนนะคะ เดี๋ยวเราซื้อไปฝากน้องกัน น้องอายุเท่าไหร่แล้วคะ?” นาตาลีถามแล้วส่งอาหารเข้าปากน้อง
6 ขวบ! เธอกินอาหารไม่หยุด 
“ฮ้า! พวกเราสามคนมองหน้ากัน
ถึงฉันจะเคยเห็นและรับรู้จากคนอื่นมาบ้าง ฉันก็ไม่เคยคิดจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่คราวนี้พอได้เจอกับตัวเอง มันถึงกับจุกอกพูดไม่ออกเหมือนกัน รู้สึกสงสารอาจจะเป็นเพราะสัญชาติญาณของความเป็นแม่ของผู้หญิงล่ะมั้ง จึงสัมผัสได้?                   
“น้องยังเล็กอยู่เลย ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ?” นาตาลียิ้มหวานเอียงคอยิ้มถามน้อง                       
“กำแพงด่านหู่ซาน!เธอบอกงึมงำเคี้ยวอาหารไปด้วย
พวกเรารอให้เธอกินจนอิ่ม แล้วซื้ออาหารติดมือมาอีกหลายอย่างกินได้อีกหลายวัน               
“พาอนนี่ไปหาน้องชายหน่อยนะคะ” นาตาลีบอกเธอหลังกลับขึ้นบนรถยนต์อีกครั้ง              
เธอชี้ทางให้ซอนขับขึ้นเหนือมาอีกไม่ไกลก็เห็นป้อมปราการของกำแพงเมืองจีนเก่า ที่เลื้อยคดเคี้ยวเหมือนมังกรตัวยาวจากแม่น้ำยาลู่ขึ้นไปบนยอดเขาหู่ซานทางซ้าย ที่เขาว่ากันว่ามังกรขึ้นจากแม่น้ำก็คงจะจริง
           “ฉันตั้งใจจะพาพวกคุณมาเที่ยวที่นี่พอดี กำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ พาดยาวครึ่งโลก จุดเริ่มต้นอยู่ที่นี่ค่ะ
ด่านหู่ซาน” ฉันบอกหลังจากทุกคนลงจากรถยนต์แล้วเดินตามเด็กหญิง           
ป้อมปราการใหญ่ของกำแพงเมืองจีนสูงตระหง่าน เธอพาเดินหลบหลีกเจ้าหน้าที่ ลัดเลาะผ่านป้อมปราการสี่เหลี่ยมสูงใหญ่หลังคากระเบื้องดินเผาโค้งสีเขียวหยกเข้ม ก้อนอิฐขนาดใหญ่ถูกเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบต่อเนื่องเป็นกำแพงยาวสุดตา
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขึ้นไปเดินบนสันกำแพงด้านบน เธอพาพวกเราลุยข้างกำแพงด้านล่างที่เต็มไปด้วยต้นไม้และกอหญ้ารก จนมาถึงโพลงกำแพงที่ทรุดลงมาเพราะความเก่าเป็นถ้ำเล็ก ที่พอมุดตัวบังแดดฝน            
“อยู่ในนั้น! เด็กน้อยชี้มือเข้าไปที่โพลงนั้น                 
สายน้ำและสายลมจากอดีตกระหน่ำจนกำแพงเมืองจีนโบราณแตกเป็นช่อง ฉันมองตามมือน้อยไป แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากกองหญ้าแห้ง 
เธอเดินนำหน้าเข้าไปแล้วนั่งข้างกองหญ้าแห้ง ค่อย ๆ หยิบหญ้าออก จนเผยให้เห็นเด็กชายใบหน้าขาวซีดนอนนิ่ง ไร้ความรู้สึก 
“ไอ๊กู่! น้องไม่สบายนี่นา” นาตาลีผวาเข้าคว้าตัวเด็กชายตัวขาวซีดขึ้นบนตัก เอาหลังมือแตะหน้าฝากเด็กชาย
ใบหน้าของเด็กซีดเซียว เนื้อตัวซีดเผือดราวกับไร้ชีวิต หลับใหลไม่ไหวติง คราบน้ำตาแห้งเลอะใบหน้า แขนขาลีบเล็ก
“น้องตัวร้อนจี๋เลย ทำไงดี?” เธอร้องเสียงหลง น้ำตาคลอหันมามองหน้าซอน           
“สงสัยงานเข้าอีกแล้ว ไม่นะ! ดอกเตอร์ ใครจะเลี้ยง ผมไม่ถนัดให้ผมช่วยอย่างอื่นเถอะ” ซอนหันมายิ้มแหย
“ช่วยเด็กก่อน! เรื่องอื่นไว้ทีหลัง” ฉันนั่งลงจับไปตามแขนขาเด็กตัวร้อนจี๋ สภาพร่างกายแย่มาก เป็นตายเท่ากัน                         
เขานอนหลับใหลไร้ความรู้สึก คราบน้ำตาไหลเป็นทางบนใบหน้าไร้เดียงสา ด้วยสภาพที่จำกัดพี่สาวจำเป็นต้องเอาหญ้าแห้งมาสุมบนตัวน้อง เพื่อพรางตาไม่ให้ทางการจีนหรือชาวบ้านมาเห็น ในขณะเดียวกันยังกันหนาวให้น้องได้            
ไม่มีอะไรน่าเศร้าสลดใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว หนีความอดอยากมาเพื่อจะมีโอกาสได้หากิน แต่กลับกลายเป็นส่วนเกินของสังคมที่ไม่มีใครต้องการ ชะตากรรมของเธอสาหัส ในขณะที่ผู้ปกครองประเทศยังคงกินหรูอยู่สุขสบาย ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องแคร์สายตาใคร ไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตใคร ไม่เคยเหลียวแลใด ๆ ทั้งสิ้น                 
“เอาตัวไปก่อน” นาตาลีบอกแล้วมองหน้าซอน เขารู้หน้าที่เดินเข้ามาอุ้มเด็กกอดไว้                
“โอ้โห!..ตัวร้อนจี๋เลย” ซอนร้องเมื่ออุ้มเด็ก                   
“ไปด้วยกันค่ะ! พาน้องไปหาหมอน้องไม่สบายมาก” นาตาลีร้อนใจดึงแขนเด็ก                     
“หึ! แต่เธอส่ายหน้าไม่ยอม...เดินถอยหนีห่างออกไป สายตาเป็นห่วงมองมาที่น้องชายสลับมองหน้าของซอน ขยับขากล้า ๆ กลัวลังเล
ฉันอยากจะร้องไห้ที่เห็นท่าทางกลัวของเด็ก เธอกลัวพวกเราจะพรากน้องชายไปจากเธอ คิดในมุมกลับกันถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำอย่างไร? ไม่มีทางสู้และไม่รู้จะหนีไปไหน โลกกว้างแต่ทางแคบสำหรับเธอจริง ๆ                      
“อย่าจับหนู! อย่าจับหนู! เด็กน้อยร้องเสียงสั่น พะวักพะวนถอยออกไปตั้งหลักน้ำตาไหลรินร้องอ้อนวอน
นาตาลีน้ำตานองหน้าคลานเข้าไปหาอีซูมิน...             
“อีซูมิน! อนนี่ไม่ได้มาจับเธอ น้องป่วย! น้องไม่สบายมากต้องรักษา ช่วยน้องกันก่อนนะคะ” เธอน้ำตาไหลพราก
“ฮือฮือ! ไม่ได้นะ เอาน้องไปไม่ได้” อีซูมินน้ำตาไหลสะอื้น ลังเลหยุดยืนตัวสั่นใบหน้าขาวซีด เสื้อผ้าเก่าขาดเป็นรูมอมแมมสกปรก แขนขาลีบเล็ก กลิ่นขี้เยี่ยวเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ             
“อย่าจับน้องไป อย่าจับน้องเลยนะคะ หนูขอร้อง เดี๋ยวออมม่าก็มาแล้ว รอออมม่าก่อน” เธอสะอื้นแรง ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มหัวลง
“ฮือฮือ!! ฟ้าช่างใจร้าย พี่สาวตัวน้อยกลัวว่า ต้องเสียน้องชายไป เธอร้องไห้อ้อนวอนน้ำตานองท่วมหน้า ฉันเองพลอยน้ำตาไหลปวดใจมากที่เห็นเธอโขกหัวกับพื้น เด็กตัวแค่นี้แต่ความรักของเธอยิ่งใหญ่มาก
           “ไม่ได้จับค่ะ
! เอาน้องไปฉีดยา น้องไม่สบายมากนะคะ” เธอจับที่มือของเด็กน้อยลูบเบา ๆ
“ฮือฮือ!! ปล่อยน้องไปเถอะ” อีซูมินยังโขกหัวไม่หยุด ในใจของเธอคงเต็มไปด้วยความกลัว อายุแค่นี้จะเผชิญกับโลกที่โหดร้ายนี้ได้อีกนานแค่ไหน? ถ้าไม่มีใครคอยปกป้อง โลกใบนี้ไม่มีคนเข้าใจและเห็นใจคนยากหรอก
“รอออมม่ามาก่อน! เดี๋ยวออมม่าก็มาแล้ว” เธอสะอึกสะอื้น เสียขวัญ ฉันรันทดสะอื้นน้ำตาไหล สุดร้าวใจกับภาพที่เห็น       
คำว่าแม่...ทำให้ใจสลาย เหมือนใครเอาเข็มยาวมาเสียบอกเจ็บแปลบ เธออาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับแม่อีกแล้วก็ได้ แม่ของเธอเป็นตายร้ายดีที่ไหนก็ไม่รู้? แม่ของเธอเองก็คงคิดถึงแก้วตาดวงใจเช่นกัน ฉันกลั้นความรู้สึกรันทดนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว...                  
“ฮือ! ฮือ!ฉันใจสลายร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลไม่หยุด ความสิ้นไร้ ความจน มันโหดร้ายได้ขนาดนี้เชียวหรือ? ทำไมชะตากรรมถึงซ้ำเติมได้ถึงขนาดนี้ เธอคงคอยทุกวันด้วยใจหวังว่า แม่จะกลับมา
ฉันพึ่งเสียพ่อไปไม่นาน เสียงใบไม้ไหวใจก็สั่น สำหรับการรอคอยคนที่ไม่มีวันกลับมา มันโหยหาทรมานใจมากขนาดไหน ลูกที่เสียพ่อแม่ทุกคนรู้จักมันดี
“ฮือ! ฮือ!นาตาลีร้องไห้โฮสะอื้นตามเด็กน้อยไปด้วย ซอนเองก็พยายามกระพริบตาไล่น้ำตาที่ไหลโดยไม่รู้ตัว กัดกรามแน่น มันอึดอัดร้าวรานใจไปหมด สงสารจนเก็บความรู้สึกไม่ไหว                  
“เดี๋ยวเราไปด้วยกันนะคะ ถ้าไม่ไปหาหมอน้องจะตายนะคะ” ฉันพยายามเกลี้ยกล่อม
เธอผวาวูบ...               
“น้องตายไม่ได้! เดี๋ยวออมม่าตี ออมม่าต้องโกรธหนูแน่ น้องไม่ตาย น้องยังอยู่ น้องไม่ตาย ฮือ! ฮือ!เธอร้องไห้วิ่งผ่านนาตาลีมาหาซอน เอื้อมมืออุ้มน้องจากอกของซอน             
“น้องไม่ตาย น้องยังไม่ตาย!เธอกอดน้องชายไว้ในอก  
เด็กชายสลบเหมือดในอ้อมกอดพี่สาว แขนเล็กลีบห้อยลงมาช่างเป็นภาพที่แสนสะเทือนใจเหลือเกิน
นาตาลีค่อย ๆ คลานเข้าหาอีกครั้ง...               
“พาน้องไปหาหมอ แล้วไปหาออมม่าด้วยกันนะคะ” เธอหลอกเด็กอย่างนี้ไม่ดีเลย ฉันไม่เห็นด้วย         
“จะได้เจอออมม่าเหรอ?” ดวงตาบอบช้ำแดงก่ำเลอะน้ำตา แววตาเปลี่ยนเป็นดีใจ ขยับตัวหันมามองนาตาลี             
“ใช่ค่ะ! พาน้องไปหมอแล้วจะได้เจอออมม่าด้วย ไปกันเถอะ!” นาตาลีลุกขึ้นอุ้มเด็กแล้วจูงมือน้องตามไป เธอคงรอคอยการกลับของแม่มานานมากแล้ว
“ส่งเด็กมา!” ซอนเข้าอุ้มน้องชายตัวน้อยจากนาตาลี กอหญ้าสูงเกินไปเธอเดินไม่ไหว
พวกเราเดินลุยพงหญ้ากันออกมา...             
“ไอ้พวกกุ๊ยนั่น! มันจับเด็กที่หนีข้ามฝั่งมาไปขายซ่องหมด” ฉันบอกกับซอน เพราะรู้ว่าเมืองนี้เป็นแหล่งค้ามนุษย์ที่ทางการจีนทำเป็นมองไม่เห็น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้การร่วมมือกัน            
“จริงเหรอครับ?”
“จริงค่ะ! คนเมืองนี้ รู้เรื่องนี้กันทุกคน มีรางวัลนำจับให้ด้วย น้อยคนนักที่จะหนีออกไปได้” ฉันบอกพลางก้าวขาเดินตาม
“ใจร้ายมาก! เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น กลับต้องมาตกนรกทั้งเป็นเพราะมีเพื่อนบ้านเลว ๆ” ซอนไม่สบอารมณ์คำรามเสียงดัง
ความเหลื่อมล้ำในประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ทำให้คนต้องดิ้นรนหนีเอาตัวรอด ยังมาเจอคนใจร้ายซ้ำเติมอีก พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?                
“คนแถบนี้หารายได้จากการจับตัวเด็กพวกนี้แหละค่ะ ผู้หญิงหน้าตาพอดีพอได้ก็ขายซ่อง ส่วนพวกผู้ชายก็ส่งให้ทางการจีนส่งตัวกลับไปตายที่บ้านเอารางวัลนำจับ” ฉันพูดกับซอนได้ไม่เต็มปากนัก เพื่อนร่วมชาติของฉันทั้งนั้น ที่ซ้ำเติมคนตกยาก
“เอี๊ยด!!รถยนต์เก่าสีดำปาดหน้านาตาลี
ชายฉกรรจ์สี่คนลงจากรถเดินเข้าไปหา ฉันจำหน้าหนึ่งในนั้นได้  รีบวิ่งเข้าประกบนาตาลี...              
“ส่งเด็กมา!พวกนั้นกรูเข้ามา
“กลัว!! อีซูมินโผเข้ากอดขาเธอไว้แน่น สายตาแสดงอาการกลัวสุดขีด ตัวสั่นเทา
ฉันปรี่เข้าหา ไม่พูดพล่ามทำเพลง...
“ผลัวะ! ต่อยไอ้เสื้อขาวที่เดินนำหน้าเต็มกรามจนหน้าหัน               
“ไอ้สารเลว! ฉันยังอยู่ในอารมณ์สะเทือนใจ พอเห็นหน้าพวกนี้แล้วอดไม่ไหว สามคนนั้นได้ยินเสียงเพื่อนหันกลับมา ได้จังหวะพอดีหมัดขวาตรงเข้าลิ้นปี่จุดตายเต็มแรง ไอ้เสื้อแดงล้มลงอีกคน
หันไปจะใส่อีกคนแต่ช้ากว่ามัน...            
“โอ๊ย! ใบหน้าของฉันสะบัดแรง ขาลอยล้มลงเจ็บแปลบไปที่คาง 
“ฮึบ! ฉันรีบยันตัวขึ้นนั่งสลัดหัวไล่ความมึนออกไป มันสองคนวิ่งง้างเท้ามาแต่ไกล ซอนอุ้มเด็กวิ่งกลับเข้ามา...            
“แก๊รก! เสียงปืนขึ้นลำสะท้านหู
“เหวอ!!! ไอ้สองคนที่กำลังวิ่งเข้ามา เบรกกะทันหัน ลื่นไถลล้มก้นกระแทกพื้น ยกมือสองข้างชูเหนือหัวยอมแพ้             
“มึงเตะสิ! มึงเตะเลย กล้า ๆ หน่อย!ซอนเดินตาขวางเข้าไป
“ผลัวะ! เตะเข้าเต็มหน้าของคนซ้าย
“ผลัวะ! แล้วหันเตะเข้าก้านคอของอีกคนหัวทิ่มลงไป
“ถ้ามึงไม่อยากตาย ก็รีบ ๆไป! เร็ว! เขาสะบัดปืนสั้นในมือไล่ไอ้สองคน ฉันได้ทีวิ่งเข้าเตะเต็มท้องของคนที่ต่อยฉัน...             
“อุ่บ! พวกมันลนลานลุกวิ่งไม่คิดชีวิตทิ้งเพื่อนที่ยังนอนดิ้น หนีเอาตัวรอดไปคนละทาง
ซอนเดินเข้ามาลูบใบหน้า...             
“เจ็บมั้ย? ขอโทษนะ เมื่อกี๊!ผมไม่ทันได้มองคุณ มัวแต่ห่วงเด็ก” ซอนลูบใบหน้า ฉันรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจังเลย  
นาตาลีเข้ามาอุ้มเด็กชายจากซอนไว้ในอ้อมกอด...          
“โคตรเท่เลย! อยากให้แทนเก่งอย่างนี้มั่งจังเลย”เธอบอกแล้วหมุนตัว อีกมือจูงอีซูมินเดินต่อไปขึ้นรถ
ฉันเห็นทางสะดวก...             
“มาหอมทีสิ!” ฉันโน้มคอซอนมาหอมไปหนึ่งฟอดเป็นรางวัล
เดินตามหลังมองเด็กน้อยทั้งสองแล้วหดหู่กับความโชคร้ายของเธอ การปกครองแบบไหนก็เลวทรามเหมือนกันถ้าผู้ปกครองมีอภิสิทธิ์ ถ้าไม่มีใครสักคนลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่สมควร โลกใบนี้ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ฉันจะเป็นคนเปลี่ยนมันเองจะได้มั้ยนะ?
                 ..............................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท7 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม