หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 4 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 20 ก.พ. 2567 |
กองพันที่8 เสินหยาง
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
กรกฎาคม ค.ศ.2021
“ถือว่ามาเดทกันในคุกก็แล้วกัน เป็นประสบการณ์แนวใหม่ เขาเรียกว่า เดทแบบเรียลลิตี้ ไลฟ์ลงติ๊กต๊อกสิ!” เสียงของแทนยังก้องอยู่ในหูนอนคุดคู้อยู่ในคุก เป็นประสบการณ์ที่น้อยคนจะได้สัมผัส ฉันไม่เคยได้ภูมิใจเลยกับการนอนในนี้ คำปลอบใจของแทนให้คิดแบบนี้ก็เข้าท่าดี ทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ยอมรับกับมันไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องกังวลกับมันอีกคิดมากไปก็หนีไม่ได้อยู่ดี ในหัวสมองของฉัน ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ซอนคนเดียว หลังจากที่นาตาลีโทรมา พวกเราก็เจิดจ้ามีความหวังมากขึ้น ฉันได้แต่เฝ้ารอเงียบ ๆ
“แอ๊ด!...ดด!” ประตูบานเล็กบนผนังกั้นด้านซ้าย ค่อย ๆ แง้มออกแสงไฟจากห้องข้าง ๆ สาดส่องเข้ามา เราสองคนหันไปมองอย่างสงสัย อาหารเย็นก็ได้กินแล้ว ใครกันนะจะเข้ามาเวลานี้ ดูนาฬิกาข้อมือก็ปาไป 2 ทุ่มกว่า
แลเห็นคนแต่ไกล จนกระทั่งเห็นชัดว่า เป็นหญิงสาวชาวจีนผมยาวหน้าตาสวยในชุดเชฟยาวสีขาวสะอาด เธอหันหน้าหันหลังเหมือนระวังตัว เดินจ้ำอ้าวเข้ามาที่ห้องขัง
ฉันขมวดคิ้วมอง เธอเป็นใครกันโคตรสวย ไม่คุ้นหน้าเลย
“แทน! คุณจริง ๆ ด้วย” เธอตื่นดีใจแววตาวับวับ ฉันยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อเธอเรียกชื่อแทนเต็มปาก ปรี่เข้ามาเกาะลูกกรง ยื่นมือเข้ามากุมมือของแทน ใคร? ใคร? ใคร ? ต่อมสงสัยฉันคันยิบยับ
“หลิงหลิง! สวัสดีอีกครั้งครับ ลงมาได้ยังไง?” อ้าว! อ้าว! สนิทกันด้วย อีตาแทนตอบกลับอย่างสนิทสนม กุมมือกันแน่น ยิ้มให้กันจนตาหยี เธอเป็นใครกัน มันจะมากไปแล้วนะ มาจับมือแทนของฉัน ยิ้มสนิทใจกันอย่างนี้ไม่ดีเลย ขัดใจจริง ๆ
“ฉันสงสัยมากเลยลงมาดูเอง ลูกน้องขึ้นไปบอกว่า คุณโดนจับ เขาได้ช่วยอะไรบ้างไหมคะ?”
“อ๋อ! ช่วยครับ ผมขอยืมโทรศัพท์ของเขามาใช้ วันนี้เขาจะพาผมหนีครับ!”
ฉันหูผึ่ง...อ๋อ! ถึงว่าสิไอ้บ๋อยนั่นถึงใจดีกับฉันจัง แต่ว่า เขาไปรู้จักผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง ฉันไม่เคยระแคะระคายชื่อนี้เลย ถ้าเขาตอบไม่ได้ เรื่องนี้ต้องถึงหูนาตาลีแน่นอน
“พวกฉันเสร็จภารกิจแล้ว ต้องกลับไปทำงานที่เดิมเลยแอบลงมาดูก่อน พวกเราจะเก็บของกลับกันคืนนี้เหมือนกัน คุณต้องหนีให้ได้นะคะ ระวังตัวกันมาก ๆ ด้วย” พอเธอพูดจบก็เอียงตัวมองผ่านมา ฉันรีบก้มหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะล้มตัวลงนอนกลางห้องขัง
“คนจีนนี่นา น้องคนละแม่เหรอคะ? แต่หน้าตาคล้ายกันนะคะ”เธอฉอเลาะจริงนะ ดูยังไงหน้าตาเหมือนกัน หงุดหงิด ๆ
อาหารที่ได้กินก็อร่อยดี แต่พอเจอตัวคนทำแล้วอยากจะล้วงคอเอาออก ไม่อยากกินของเธอ เห็นหน้าแล้วขัดใจ แล้วมาสนิทกับแทนของฉันได้ยังไง?
คันปากโว้ย!
“เอ่อ!..ครับ น้องสาวคนละแม่” แทนตะกุกตะกักน่าหมั่นไส้
“หึ๋ย!” น้องเหรอเดี๋ยวเจอกัน ให้หน้าเขาหน่อย ถือว่าอยู่กับเพื่อน ให้เพื่อนคุณกลับไปก่อน วันนี้ไม่ได้อยู่สุขกันแน่
แต่...ทนไม่ไหวแล้ว...
“คนละพ่อด้วย!” ฉันอยากจะ เชอะ!ใส่หน้าสักที แต่ต้องเก็บอาการ หรือจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ เขาเลยคิดจะทิ้งฉันกับนาตาลี
หึ๋ย..สงสัย ๆ ๆ
“ไป่ไป๋!มารู้จักกันไว้สิ นี่!เพื่อนผมเอง” เขายิ้มกว้างแล้วยื่นมือมา
ฉันขยับลุกเดินเชิดหน้าเข้าไปเกาะลูกกรง เริ่มเกลียดขี้หน้าเขาตะหงิด ๆ แล้ว ไม่รักฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่าหักหลังนาตาลีก็แล้วกัน...นายตายแน่! ความรู้สึกนี้เป็นตั้งแต่สมัยน้องแหม่มแล้ว
“หนีห่าว! หลิงหลิงค่ะ เป็นเพื่อนของแทน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ น้องสวยมากเลย” เธอยิ้มกว้างแววตาใส ชมกันอย่างนี้พอเข้าหูหน่อย ท่าทางใจดีมีความเป็นมิตรสูง พอเห็นกันชัด ๆ หน้าตาสวยซะด้วย ใครกันนะไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงเลย พวก FC เหมือนน้องแหม่มรึป่าว?
“หนีห่าว! ไป่ไป๋ค่ะ อาจจะไม่สุภาพหน่อยนะคะ รบกวนด้วยค่ะ!” ฉันยื่นมือออกไปจับ แล้วเธอก็หันไปหาแทนอีก
“?????” จะไม่ถามอะไรกันเลยเหรอ?
“ออกไปได้แล้วติดต่อกลับมาด้วยนะ! อยากสนิทกว่านี้” เธอคุยกันกะหนุงกะหนิง ไม่สนใจมองฉันเลย
“เราหายกันแล้วนะครับ”
“ไม่หายค่ะ! ฉันช่วยคุณมากกว่า คุณยังติดหนี้ฉันอยู่ ออกไปได้ต้องเลี้ยงข้าวฉันด้วย” แพรวพราวเชียวนะยายนี่
“ว้าเหว่จังเลย” ฉันถอยกลับไปนอนมองบนกล่องกระดาษกลางห้องที่เดิม ผู้หญิงนั่นก็ตาเยิ้มเชียว เห็นแวบแรกตกใจ นึกว่า “ตี๋ลี่เร่อปา” ดาราชื่อดังของจีนเชื้อสายอุยกูร์
“แก็รก!” เสียงวิทยุสื่อสาร
“เชฟอยู่ที่ไหนครับ? มาที่ห้องครัวด่วน!”เสียงผู้ชายดังผ่านวิทยุสื่อสารในมือของเธอเรียกขึ้นมาก่อน
“ฉันต้องไปแล้ว!” เธอขยับถอยออกไป ส่งสายตามองแทนอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉันอยากจะบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเขาขนาดนั้นก็ได้ รีบไปเถอะ!เร็ว ๆ เลยฉันจะเคลียร์กับเขา
“ขอบคุณมากนะ หลิงหลิง!” อีตาแทนยื่นมือออกไป อื้อหือ!ทำอย่างกับใจจะขาด ส่งยิ้มหวานให้ไม่เกรงใจกันเลย
“แทน! ออกไปให้ได้แล้วติดต่อมานะ” เธอวิ่งกลับมาจับมือกันอีก สายตาแพรวพราวเชียวนะ น่าหงุดหงิดจริง ๆ ...
“ระวังตัวกันด้วยนะคะทั้งสองคน ไปก่อนนะคะแล้วเจอกันค่ะ” เธอหันมายิ้มโบกมือก่อนออกประตูลับตาไป
ถ้าไม่สวยจะไม่คิดอะไรเลยจริง ๆ นี่สวยเข้าขั้นดาราเลย ถึงจะไม่ได้แต่งตัวยังดูแพง ออร่าแรงมาก เรื่องเก่ายังไม่ทันจางหาย เรื่องใหม่เร้าใจกว่าก็เข้ามาเยือน แอบไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาก็อยู่กับฉันตลอดเวลา
ฉันลืมทุกเรื่อง จดจ่ออึดอัดขัดใจกับผู้หญิงคนนี้จังเลย? สายตาของเธอมองเขาช่างหวานหยาดเยิ้ม มากกว่าเพื่อนแน่ ๆ ฉันยอมเรื่องนาตาลีให้คุณคนเดียว คนอื่นอย่าหวัง
ฉุกคิดขึ้นมา...ถ้าเกิดเขาเบื่อพวกเรา แล้วหนีไปกับผู้หญิงคนนี้จะทำอย่างไร? ถ้าเกิดว่าไปแอบนัดเจอกันล่ะ? ความคิดอย่างนี้มาทีไรได้บรรลัยทุกทีสิน่า! ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร? ความอยากรู้อยากเห็นช่างลดทอนศักดิ์ศรีจริง ๆ ต้องหาวิธีถามเขาดี ๆ ฉันไม่อยากทะเลาะด้วยแล้ว
“แทนคะ! ใครเหรอ?” ฉันเดินเลาะเลียบ ๆ เคียง ๆ เข้าไปเกาะแขน ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ...ลูบตัวเองนะเพราะใจเดือดปุด ๆ
เขาแข็งแรงขึ้นแล้ว รอยปูดบวมบนใบหน้าเริ่มยุบ เข้ารูปเข้ารอย แผลแตกที่คางยังหายไม่สนิท ถอดเสื้อยืดนอนหงาย เอาเท้าขัดกับซี่กรงขัง เอามือสอดไว้ท้ายทอย แล้วดึงตัวเองเองขึ้นลง กล้ามท้องเป็นลอน ๆน่ากินจัง
ฉันเห็นเขาทำแบบนี้ตั้งแต่อยู่ในป่า ตอนนั้นไม่เคยคิดอะไรเลย เขาจะออกกำลังกายตลอดเวลาที่เขาไม่มีอะไรให้ทำ ร่างกายมีแต่รอยขีดข่วนช้ำบวม ฉันทิ้งตัวนอนลงข้าง ๆ แล้วทำตาม เขาหันหน้ามา...
“ฟาน หลิงหลิงไง!” เขายิ้มกริ่ม ตาลอย //แหม...สุขจริงนะ//
ฉันปรี๊ดแตก ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว!...
“รู้แล้วว่า หลิงหลิง! แต่เธอคือใคร รู้จักกันได้ยังไง? รู้จักกันนานแค่ไหน แล้วเป็นอะไรกัน?” ว่าจะค่อย ๆ ประเหราะถาม แต่มันก็หลุดซะยาวเลย เอาน้ำเย็นลูบตัวเอง ก็เอาไม่อยู่
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เอ๋า! ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
“อึ๊ย! อึ๊ย!” ฉันยกหัวเล่นกล้ามหน้าท้องเคยฝึกกับจูยอน ตั้งใจว่าจะไม่ชวนเขาทะเลาะอีกแล้ว แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้
แทนโยกตัวตอบ
“เพื่อนกัน วันข้างหน้าอาจจะพัฒนาเป็นอย่างอื่น”
“ตายไปเลยก็แล้วกัน! หึ๋ย!!” ฉันหน้ามืด กระโดดขึ้นคร่อมแล้วบีบคอ มากไปแล้วนะ
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” นายสมควรตายมากที่สุดแล้ว
“แล้วนาตาลีล่ะ จะเอาไปทิ้งไว้ไหน?”
“นาตาลีของคุณไง หลิงหลิงของผม ผมไปตกมาได้ ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”เขาไม่เคยถนอมน้ำใจเลย พูดอย่างนี้เสียใจมากนะ
“ไม่ได้นะ! คุณจะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ คุณจะทิ้งพวกเราไม่ได้นะ คุณไม่เคยเข้าใจอะไรเลยหรือไง? ทำไมโง่ขนาดนี้?”
เขาขยับจับฉันพลิกลงแล้วจ้องหน้า...
“ผมล้อเล่น”
“เล่นแรงมากไปแล้วนะ ใจไม่ดีรู้ไหม?”
“ขอโทษ!พอรู้”
“ระหว่างหลิงหลิงกับนาตาลี คุณชอบใครมากกว่ากัน” ตอบดี ๆ นะ มีเรื่องแน่ ฉันพลิกกลับกำหมัดแน่น
“นาตาลีสิ! ผมไม่ได้ชอบหลิงหลิงนี่” เขาสวนทันควัน แสดงว่าไม่โกหก รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจความตายที่รายล้อมรอบตัว สนใจแต่ว่าเมื่อไหร่ เขาจะรักฉันบ้าง ? บอกสิว่ารักฉัน
ในเวลาที่สับสนบางครั้งก็อยากยกให้นาตาลี บางครั้งก็อยากได้ไว้คนเดียว ฉันไม่เข้าใจตัวเอง ถามเลยก็แล้วกัน
“ผมรักคุณมากกว่า หลิงหลิงแน่นอน” แทนเปรยเบา ๆ ขึ้นมาก่อน
คำว่า ผมรักคุณมากกว่าหลิงหลิงแน่นอน ผมรักคุณมากกว่าหลิงหลิงแน่นอน ผมรักคุณมากกว่าหลิงหลิงแน่นอน มันช่างโดนใจเสียเหลือเกิน เสียงอบอุ่นของเขาเปรยลอยมาดังวนเวียนในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ฉันระริกระรี้เหมือนฝูงปลาได้น้ำใหม่ มันชุ่มฉ่ำหัวใจ แอบยิ้มปลื้มปริ่ม คำว่ารักบอกเบา ๆ ก็ได้ยินไปถึงไส้ติ่งและนี่แหละที่ฉันอยากได้ยินมาตลอด หนีออกไปจากที่นี่ได้ก่อนค่อยตัดสินใจใหม่ว่า จะยังจะรักเขาต่อไปอีกไหม? ตอนนี้ขอกอดก่อน
“ผมขอโทษนะที่ช่วยคุณไม่ได้ ผมปกป้องคุณไม่ได้”
นึกแล้วก็ขำ เขากล้าดีจริง ๆ แต่ไม่เคยสู้ใครเขาได้สักที พาวิ่งหนีตลอด
“คุณไม่เคยช่วยหนูได้สักครั้ง หนูชินแล้ว! แต่ก็ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง หนูเคยเห็นพ่อแม่ที่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็กระโดดลงน้ำเมื่อเห็นลูกกำลังจะจม เพราะความรักและห่วงใยพ่อแม่ถึงทำเช่นนั้น ไม่กลัวตัวเองต้องตายเลย คุณก็ทำอย่างนั้นกับหนู”
“หายโกรธผมแล้วแล้วเหรอ? ดีแล้วล่ะ! อย่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาทำลายความสัมพันธ์เลย นาตาลีเคยบอกไว้ว่าชีวิตของคนเราสั้นนักก็จริงอย่างที่เธอพูด ผมก็พึ่งผ่านความตายมา และก็ไม่รู้ว่าจะรอดไปได้อีกนานแค่ไหน? ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผมไว้” เขาลูบหัวของฉันเบา ๆ แอบคิในใจ ฉันแสดงขนาดนี้แล้ว น่าจะรับรู้ได้สิ...
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเราสามคน อุ๊ย!ไม่ใช่สิ...ปัญหาทั้งหมดมาจากฉันคนเดียวต่างหาก ลองคิดดูแล้ว...มันก็เป็นเพราะความไม่ชัดเจน ต่างคนต่างคิดกันไปคนละทาง ไม่มีใครยอมพูดความในใจ ถามไปเลยดีกว่า จบ ๆ กันไป...
“เรามาเปิดอกคุยกันมั้ยคะ?” ฉันขยับลุกนั่ง
“ผมก็อยากจะพูดเหมือนกัน ผมไม่มีโอกาสพูดต่อหน้านาตาลี ผมฝากคุณไว้ก็แล้วกัน ถ้ามีโอกาสก็เล่าให้เธอฟังด้วย ผมจะเปิดอกให้คุณฟังทุกอย่างก่อนกลับบ้าน ถ้าคุณโกรธเพราะว่า ผมเปิดอกพูดความในใจให้คุณฟัง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราเลิกคบเป็นเพื่อนกันเลยนะครับ ผมจะไม่ทนกับการคิดเอาเองของคุณอีกแล้ว” เขาจ้องหน้ามองยิ้มอ่อน ๆ แล้วขยับลุกนั่ง มาพูดกันเป็นเรื่องเป็นราว
เอาน่า!ให้มันจบ ๆ ไป /ถ้านายไม่ชอบฉัน มันก็จบแน่ ๆ อยู่แล้ว /
“หนูไม่โกรธแล้ว หนูจะพยายามเข้าใจคุณ”
“ผมตั้งใจกลับเพราะต้องการให้คุณได้อยู่กับนาตาลี ผมไม่ได้คิดแย่งนาตาลีไปจากคุณ ผมเคยสัญญากับคุณไปแล้ว”
“หนูก็อยากให้คุณได้อยู่กับนาตาลีเหมือนกันถึงได้หนีมา” ฉันก็ยังโกหกอยู่ดี ไม่กล้าบอกความจริง น้อยใจที่จะถูกทิ้งและไม่อยากให้เขากลับบ้านต่างหาก นั่นแหละคือต้นเหตุ ส่วนเรื่องอื่นฉันพาลทั้งหมด
“คุณเข้าใจผิด เอ่อ!..นาตาลีแค่...เอ่อ เธอล้อเล่น” เขาอึกอัก นี่เขาไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่
“ไม่ได้ล้อเล่นหรอก เธอชอบคุณมาตั้งนานแล้ว หนูรู้!”
“คุณสองคนกลับไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ ผมบอกได้แค่นี้”
“คุณรักนาตาลีมั้ยคะ?” ถามวัดใจกันไปเลย เขาสูดลมหายใจลึก แล้วพ่นลมยาวออกมา...
“ชาตินี้และชาติไหน ๆ คนอย่างผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปคิดฝันเป็นเจ้าของนาตาลีหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุคราวนั้น คนอย่างผมก็ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดหรอก เราอยู่คนละสังคม การได้รู้จักนาตาลีถือว่าเป็นเกียรติของผมเลยก็ว่าได้” เขาถอนหายใจอีกครั้ง ท่าทางจะหนักใจจริง ๆ
“งั้นหนูถามใหม่ คุณรักหนูมั้ยคะ?” ถามไปใจก็เต้นรัว มือเย็นเฉียบ ถามแล้วก็ต้องรอรับผลของมัน
“ผมชอบความฝันของคุณ คนที่จะสร้างความสุข เสียงหัวเราะ มิตรภาพ แรงบันดาลใจ ผมอยากเห็นคุณบนเวทีแห่งความฝัน ผมอยากเห็นคุณมีความสุขกับสำเร็จ”
“ตอบไม่ตรงคำถามสักข้อ”
“ผมให้ความรักกับคุณทั้งสองคน แต่ผมรับรักของใครไว้ไม่ได้ มันจะไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนอีกเลย ผมกลัวจะเสียคุณทั้งสองคนไปแบบไม่มีโอกาสได้คุยกันอีก ผมไม่อยากคิดถึงพวกคุณแล้วปวดใจ ความสุขที่เคยได้ดูแลพวกคุณ มันจะเป็นตราบาปที่กลับมาทิ่มแทงผม” เขาคิดมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก นี่สินะ! ที่ฉันถึงไม่มีวันเข้าใจเขาได้เลย
“คุณรักหนูกับอนนี่เหรอ? คุณหมายความว่าอย่างนั้นใช่มั้ย?””
“คุณจะโกรธและเลิกคบผมก็ได้นะครับ ผมพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดไปแล้ว บอกส่วนที่เป็นความคิดในใจออกไปแล้ว ผมรู้สึกแบบนั้น! และก็ไม่ได้คิดครอบครองใคร” เขาพูดจริงจัง
“อ๋า! เข้าใจแล้ว” ฉันรู้วิธีแก้ปัญหาแล้ว ดีใจเนื้อเต้น
“ถ้าเราสองคนรักคุณ จะดูแลเราต่อมั้ยคะ?” หัวใจพองมาก
“เป็นไปไม่ได้หรอก” เขาก้มอาย หน้าแดงเชียวนะ
“เรื่องทั้งหมดติดอยู่ที่หนู พูดสิ! ไป่ไป๋ครับ ผมรักคุณ หนูจะยกนาตาลีให้คุณด้วย ” ฉันจับใบหน้าของเขาจ้องดวงตา
“ไม่อาว” เขาหันหน้าหนี
“จะพูดหรือไม่พูด!” รู้สึกสมหวังยังไงก็ไม่รู้ ปลื้มไปหมด ฉันเข้าไปนั่งซ้อนตักกอดแน่น อยากเข้าสิงไปในร่างกายเลย...
“ตกลงที่ผ่านมา คุณคิดอย่างนี้มาตลอดเลยเหรอ? จากนี้ไปหนูจะดูแลคุณบ้าง คุณเหนื่อยมาเยอะแล้ว พูดสิ! ไป่ไป๋ครับ ผมรักคุณ” คอลงล็อกกับไหล่พอดีเลย ใบหน้าแนบกัน ฟินสุด
“แต่ที่ผมยอมดูแลคุณและนาตาลี มันเป็นความต้องการของผมเอง ผมไม่ได้ต้องการความรักตอบจากพวกคุณ แต่สุดท้ายคุณสองคนก็มามีปัญหากันเพราะผม”
ฉันจับใบหน้าของเขาเงยขึ้น ใบหน้าช้ำบวมแบบนี้ก็เพื่อคนรักสินะ
“อยู่กับหนูนะ! คุณไม่ต้องไปไหนแล้ว หนูมีคำตอบดี ๆ ไว้ให้ทุกคนแล้ว” ฉันคิดบางอย่างในใจ ขอให้หนีออกไปได้ก่อนเถอะ
“ไม่โกรธผมแล้วเหรอ?” เขาเหมือนยังเกรง ๆ
“โกรธสิคะ!”
“แล้วผมต้องทำยังไง?”
“พูดสิ! ไป่ไป๋ครับ ผมรักคุณ”
“ไป่ไป๋ครับ ผมรักคุณ” พูดแข็งเป็นบ้าเลย
“บอกรักแล้วต้องทำไงล่ะ?” ปากดี! ใจเต้นโครมครามเห็นในละครถึงตอนนี้ต้องจูบสิ
“คุณจะไม่ว่าผมเหมือนคราวก่อนเหรอ?”
“โห่ย!!!” เสียอารมณ์ ฉันจู่โจมก้มลงไปจูบปาก กำลังจะปล่อยใจ
“อื้อ!” เขาดิ้นหนี
“ไหนบอกว่ารัก!” ฉันใจเสีย กำลังจะโรแมนติกแล้วเชียว
“ไม่อยากเป็นไอดอลแล้วเหรอ?” เขาขมวดคิ้วมอง
“อยากเป็นสิ!” จะบ้ารึไงมาถามอะไรตอนนี้
“มาจูบอย่างนี้ ท้องนะ!”
ฉันใจหายวาบ จะบ้ารึไงไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น
“โน๊โน!..คุณคิดอะไร?” ฉันผลักเขาออก
“คุณมาจูบผมทำไม?” ถามอย่างนี้ได้ยังไง?
“อ้าว! รักกันก็จูบกันสิ หนูอยากทำแค่นี้ อย่าหมกมุ่นสิ! ไหนคุณบอกว่าไม่ต้องมีเซ็กซ์ก็รักกันได้ไง?” สงสัยต้องตกลงเพิ่ม ต้องตั้งกฎใหม่
“อ้าว! เหรอ? จะเอาอย่างนั้นเหรอ?” ทำไมพูดแล้วต้องยิ้มเมิน หมายความว่ายังไง?
“เราแค่แสดงความรักแค่กอดกัน จูบกันนิดหน่อยก็พอแล้ว หนูพอใจแค่นี้!”
“พูดเองนะ อย่างอแงก็แล้วกัน” เขาอมยิ้มตาฉ่ำ หมายความว่ายังไง?
“มาจูบกันก่อน” ฉันคว้าคอ
“แอด!!!!” เสียงโอดครวญของสนิมประตู
“มีคนมา!” เขาหันไปที่ประตูกลาง เราเด้งออกจากกัน เหมือนรถยนต์ขึ้นลูกระนาด ในโกดังแสงสว่างน้อยแต่ยังพอมองเห็นจากแสงที่สาดส่องเข้ามาจากห้องข้าง ๆ
ผู้ชายตัวสูงที่เคยมาเสิร์ฟอาหารเข้ามาไขกุญแจเปิดประตูห้องขัง แทนหันมายิ้มกว้างกางแขน ฉันกระโดดตัวลอยขากางกอดแน่นเป็นลูกลิง ดีใจได้กลับบ้านแล้ว
“ได้กลับบ้านแล้ว!” ฉันตื่นเต้นเมื่อออกจากประตูโกดังร้างข้ามมาฝั่งโกดังเก็บวัคซีน
“ตอนนี้! หลิงหลิงอยู่ที่ไหนครับ?” แทนหันไปถาม
“เธอกลับไปแล้วครับ” เขาบอกแล้วก้มหลังวิ่งลัดเลาะผ่านกองวัคซีนขึ้นไปบนตึกถัดไป
ทางเดินตรงไป สุดทางเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ วันนี้ทหารยามหายไปไหนกันหมด ทางสะดวกผิดสังเกต
เราตามขึ้นบันไดตรงลิ่วเข้าห้องทำงานแรกทางขวามือ เขาเข้าค้นในลิ้นชักโต๊ะแล้วหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊กขึ้นมา โยนโทรศัพท์คืนมาให้
“แล้วกลุ่มคนสำคัญไปไหนกันหมดแล้วครับ” แทนถามเขา
“พวกนั้นกลับไปหมดแล้วครับ ผมก็เสร็จงานแล้วเหมือนกัน”
“งั้น! ไปกันเถอะครับ” แทนรีบเดิน
“วันนี้ทหารบางจุดโดนวางยาถ่าย ระวังตัวด้วยนะ” เขาพาเดินผ่านความมืดในอาคาร มองเห็นแสงสว่างจากห้องทดลองด้านหน้าเจ้าหน้าที่ในห้องทดลองส่วนใหญ่เป็นฝรั่งผมทอง ยังทำงานกันอย่างแข็งขัน
เราวิ่งลงมาชั้นใต้ดิน สิ่งแรกที่ประสาทสัมผัสรับได้คือ กลิ่นฉุนแสบจมูก กรงขังพวกนี้ ฉันเคยวิ่งผ่านไปลงท่อนี่นา
ไหน ๆ ก็ ต้องแยกกัน แต่ฉันยังคาใจหันไปถามชายหนุ่ม ลูกน้องของหลิงหลิง
“ถามได้มั้ยคะ? หลิงหลิงเป็นใคร?” ฉันอยากรู้มาก ถึงมากที่สุด เข้าไปประเหราะถามเดินตามเขา
“อ๋า!..คุณหนูเป็นทายาทคนเดียว ของเครืออามาเรียตานตงกรุ๊ปครับ” เขาหันมากล่าวเรียบๆ
“ฮ๋า!” เข่าอ่อน เสียวสันหลังวาบ สวยตาแตก แถมโปรไฟล์นางฟ้าชัด ๆ รู้สึกว่าตัวเองกระจอกไปเลย ไม่ได้การแล้ว ถ้าสู้กันตรง ๆ ฉันแพ้แน่เขาไปรู้จักกับคนระดับนี้ได้ยังไงกัน? ความสวยน่ะสูสี แต่ความรวยนี่ กระจุย แพ้ไม่เห็นฝุ่นเลย ต้องหาโอกาสไปตีซี้ไว้ก่อน ต้องเก็บมาเป็นเพื่อนให้หมด เดี๋ยวมาแย่งของฉันอีกคน วิธีนี้แหละ! ที่ไม่ต้องสู้กัน
ชายหนุ่มหันมา...
“ไฮเปอร์ลูป! ไปทางนี้ครับ” เขาพาวิ่งผ่านกรงขังที่เต็มไปด้วยคนนอน กลิ่นเหม็นอับชวนเวียนหัว ฉันคุ้น ๆ กับที่นี่
ผ่านเข้าประตูทางเข้าแรก ไม่มีทหารเฝ้า เขาหันมา...
“ผมส่งแค่นี้นะครับ คุณเข้าประตูนี้จะเจอไฮแปอร์ลูป” เขาบอกแล้วชี้ทางต่อให้พวกเรา แล้ววิ่งกลับขึ้นไปด้านบน
ฉันผลักประตูที่สองเข้าเขตไฮเปอร์ลูป
ทันใดเราก็สะดุ้งโหยง..
“อ๊ะ!”
ทั้งเราและเขาร้องพร้อมกันด้วยความตกใจ จู่ ๆ ก็มาจ๊ะเอ๋ทหารโดยไม่ทันเตรียมใจ
ทหารอ้วนพุงพลุ้ย ปลดซิปกางเกงชี้หน้าอ้าปากค้าง อีกมือคอยดึงกางเกงไว้
แทนตัวสูงใหญ่กว่า กระโดดพรวดเข้าไปต่อยเปรี้ยงเข้าหน้า เซถลาไปจับราวบันได เอามือกุมท้อง หน้าตาเหยเก
“แพร่ด!” กลิ่นขี้เหม็นหึ่ง
“อื้อฮือ! ขมคอ”
“จับมัดไว้ก่อน!”
“อั่ก!อั่ก!” แทนวิ่งเข้าไปต่อยท้องอีกครั้งจนเขาทรุดลง ฉันรีบเข้าไปช่วยแต่กลิ่นมัน...
แทนเอามือล็อคคอเขาไว้ ฉันมองหาเชือกข้าง ๆ ไม่มีอะไรให้มัดได้เลย
“ช่วยหนูถอดเสื้อเขาหน่อย” ฉันกับแทนช่วยกันปล้ำถอดเสื้อคลุมของเขาเอามามัดมือ
“ขอโทษนะ ทีหลังกินอะไรที่มันหอม ๆ หน่อยสิ เหม็นมาก”
ฉันโบกมือให้ ก่อนก้าวขาขึ้นไฮเปอร์ลูป
แทนหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทร...
“พี่ซอน! ผมหนีได้แล้ว กำลังไปที่นัดหมาย”
.......................................................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |