หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 27 พ.ค. 2567 |
เจนีวา
มุมมองสายตาไป่ไป๋
พฤษภาคม ค.ศ.2023.
องค์การอนามัยโลก...
“อนนี่! จะไม่พักบ้างเหรอคะ?” ฉันนอนบนโต๊ะทดลองจนเจ็บหลังไปหมดแล้ว นาตาลีอยู่ในห้องทดลองมา 7 วันแล้วฉันกับอังเดรต้องพลอยนอนในห้องทดลองของ WHOs ไม่ได้กลับบ้านไปด้วย
“ดอกเตอร์ครับ! เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ!” อังเดรสีหน้าเป็นห่วง เขาติดตามเราทุกย่างก้าว หันไปมองเมื่อไหร่จะต้องเห็นเขายิ้มให้ทุกครั้ง
นาตาลีหยดสารละลายลงหลอดทดลองแล้วใส่เครื่องเขย่า...
“เสร็จแล้ว! รอดูผลอีก 10 นาที!” เธอทิ้งตัวพิงเก้าอี้ ฉันเข้าไปบีบไหล่ให้คลายเมื่อย ตัวก็เล็กนิดเดียวทำงานเก่งจริง ๆ
“ดอกเตอร์ครับ กาแฟ!” อังเดรอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ็ทโด้ ดูแลพวกเราเหมือนพี่ชาย
“จะได้ผลมั้ยคะ อนนี่?”
“วัคซีนของเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ถ้าผลของมันออกมาเป็นสีม่วงก็แสดงว่าสิ่งที่คุณบอกไว้เป็นจริง”
“หือ! หนูบอกอะไรเหรอคะ?” ฉันลืมไปแล้ว
“อ้าว! ลืมแล้วเหรอ DNA ของสมาชิกไง? “
“แล้วยังไงคะ?” ฉันยังงง
“ถ้าผลออกมาเป็นสีม่วง เราเอา DNA ของสมาชิกคนใดก็ได้มาผสมก็ใช้ได้เลย แต่ถ้ามันออกมาเป็นสีแดง ซวยเลย!” เธอพูดแล้วยิ้มหงอย ยกกาแฟขึ้นมาจิบ
“แล้วต้องทำยังไง ไม่มีทางแก้ไขเลยเหรอคะ?” ฉันถามแล้วหันมองหน้าอังเดร เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
นาตาลีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบ...
“ต้องไปเอาเลือดของสมาชิกทั้งหมดมาผสมกัน งานยากมากและอาจเป็นไปไม่ได้เลย ทุกคนต้องตายกันหมดโลกใบใหม่จะอุบัติขึ้น”
อังเดรขยับ...
“จริง ๆ แล้ว...ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พวกคุณคุยกันหรอก แต่มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ”
นาตาลียิ้มแววตาดื้อ...
“ถ้าเสร็จงานพาฉันไปอุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Thingvellir National Park) ที่ไอซ์แลนด์หน่อยนะคะ ฉันจะไปดูแสงเหนือ” เธอตอบไปคนละเรื่องกันเลย/ ดี ๆ ฉันก็ไม่เคยเห็นจะได้ไปเที่ยวด้วย/
“ด้วยความยินดีครับ”
“กริ๊ง!” ทุกคนหันไปที่เครื่องเขย่า นาตาลีพุ่งพรวดเข้าไปหยิบ...
“เยส!...สีม่วง!” เธอยิ้มหน้าบาน
“สำเร็จแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ยัง!”
“แล้วต้องทำยังไงต่อคะ?”
“เราต้องไปหาDNA ของมันคนใดคนหนึ่งก่อน”
“ใครล่ะ ให้อังเดรไปเอาให้ก็ได้”
“เรื่องนั้นยากมาก แต่จะไปหา DNA ของพวกมันได้ที่ไหนนะ ใครจะเข้าถึงพวกมันได้?” เธอเอามือเท้าคางครุ่นคิด
“กลับไปหาหม่าม้าสิคะ ที่โรงพยาบาลน่าจะมีเลือดของจูยอน ของใช้ของเธอน่าจะหลงเหลืออยู่บ้าง เก็บของก่อนเถอะค่ะ! ไปเที่ยวกันดีกว่าเสร็จงานแล้ว” ฉันรีบสรุปงานไปเที่ยวดีกว่า
ความหวังแม้มันจะน้อยนิด แต่ก็สร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ได้ เราคงต้องเดินทางไกลเพื่อสร้างวัคซีนต่อไป ฉันลุ้นเพียงว่า เธอจะปล่อยมือหรือสู้กับการเมืองภายในองค์กรต่อไป ฉันหวั่นใจเพราะรู้ชัดว่า เธอไม่ยอมแน่
.....................................
ปราสาทสวาดิอุฟ...
นาตาลียืนเกาะราวระเบียงเหม่อมองทะเลสาบเจนีวาใต้ท้องฟ้าระยับดาวสายลมพัดเส้นผมปลิวสลวย หลังจากกลับจากดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ เธอก็เงียบขรึมไม่พูดไม่จาครุ่นคิดตลอดเวลา
ฉันเข้าสวมกอดจากด้านหลัง สงสารจับใจ...
“สวยเนอะ! เราอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก” เธอเปรยเบา ๆ
“หือ!หนูยังเที่ยวไม่หมดเลย”
“วันหลังจะพามาเที่ยวใหม่ ถ้ามันไม่มีสงครามฉันก็อยากไปเที่ยวที่ตะวันออกกลาง สิ่งที่ฉันอยากทำอีกอย่างคือตามหาร่องรอยมนุษย์ต่างดาว ตอนนี้ไปไม่ได้แล้วมันไม่ปลอดภัย”
“หนูก็อยากไปดูอารยธรรมกลางทะเลทราย อยากเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแต่มันจะมีร่องรอยมนุษย์ต่างดาวได้ยังไง?”
“ร่องรอยมนุษย์ต่างดาวมีทุกที่ทั่วโลก เพียงแต่มนุษย์โลกไม่รู้จักมันถ้าไปที่ทะเลทรายเราจะเจอสิ่งตกค้างจากนอกโลก แต่ช่างมันเถอะ!ฉันคงไม่มีเวลาไปทำมันหรอก ตอนนี้ฮามาสโจมตีอิสราเอลแล้ว ฉันคิดว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 คงเกิดในไม่ช้า ปล่อยให้มันฆ่ากันให้หนำใจก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวกัน”
“ฮามาสกับอิสราเอล มันทะเลาะเรื่องอะไรกันนักหนานะ”
“เรื่องของมัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! อนนี่ตลกว่ะ!”
“ก็จริงนี่! มันทะเลาะกันก็เรื่องของมัน แต่ฉันไม่เข้าใจจีนกับรัสเซียต้องเสือกเรื่องของมันด้วยทำให้ปัญหาใหญ่โตไปหมด”
“อนนี่เหนื่อยมั้ยคะ?” เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ไม่อยากคิด
“ฉันจมอยู่กับความรู้สึกเสียใจและเหนื่อยมาก ไม่ได้แสดงความรักกับเธอเลย โกรธหรือเปล่าคะ?” เธอหันมามองตาเศร้า
“โห!...อนนี่! ใครจะมีอารมณ์ หลับตาก็เห็นหน้าแทน หนูว่าเขาคงอยู่รอบ ๆ ตัวเรานี่แหละ” ฉันรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว เหมือนมีสายตาบางคู่จับจ้องมองเราตลอดเวลา
“ฉันก็คิดอย่างนั้น บางครั้งฉันก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีคนแอบมองตลอดเวลา ตอนนี้ก็รู้สึกนะ! ยังเก็บโทรศัพท์ที่จูยอนให้ไว้รึป่าว?”
“หนูเอามันไปด้วยตลอด มาหอมแก้มหน่อย” ฉันโผเข้าไปหอมแก้ม
“จุ๊! จุ๊! จุ๊!”
“เอ๋!” เราสองคนแหงนมองไปบนเพดาน เจ้าจิ้งจกตัวน้อยเปลี่ยนสีกลมกลืนไปกับผนังสีน้ำตาลเก่าแก่ร้องทัก
ทันใดนั้นมันก็ยกหางปล่อยขี้ลงมา…
“ว้าย! ฮ่าฮ่าฮ่า!” เรากระโดดแยกจากกัน
ในจังหวะนั้นเอง...
“เพล้ง!” กระจกด้านหลังแตกละเอียด ฉันเข้ารวบตัวเธอนอนราบกับพื้นระเบียง…
“อนนี่! ก้มหัวไว้”
“ปิดไฟ!” บอดี้การ์ดวิ่งพรวดเข้ามา…
“ดอกเตอร์!นอนราบไว้ครับ” อังเดรมองฝ่าความมืดออกไปก่อนจะวิ่งเข้ามาดึงเราเข้าหลบในห้อง
“พรึบ!” ทีมบอดี้การ์ดเข้ามาปิดหน้าต่าง เดินสำรวจดูภายในห้อง แล้วไปหยุดที่รูปผู้ชายแก่บนผนัง โดนลูกปืนลูกตาโบ๋ไปข้างหนึ่ง
“สไนเปอร์!” อังเดรเปรย
“ฮ้า!” ฉันใจหายวาบ มันลงมือฆ่าเลยหรือ?
“มาทางนี้ครับดอกเตอร์ ในระยะ 1.5 กิโลเมตรไม่มีทำเลเหมาะกับการตั้งปืน มันต้องยิงมาไกลกว่านั้น” เขาพาลงมานั่งห้องโถงด้านล่าง ยกวิทยุสั่งลูกน้องตรวจรอบปราสาท
“อังเดร!” นาตาลีนั่งข้างรูปปั้นนักรบโบราณหันไปกวักมือเรียก
“เยสแม่ม!” ฝรั่งวัยกลางคนตัวสูงบึกบึนเดินมายืนตรง
“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วไปจัดเครื่องบินให้หน่อย บินตรงไปประเทศไทย” นาตาลีสีหน้าเครียด จะไปไหนอีกล่ะ?
“ได้ครับ!จะไปเมื่อไหร่ครับ ไปกี่วัน?”
“เร็วที่สุด!คุณแค่เตรียมเครื่องให้ก็พอ ฉันจะเดินทางกันแค่ 2 คนเก็บเป็นความลับนะคะ” เธอยิ่งพูดฉันก็ยิ่งงง เธอจะไปทำอะไรที่ประเทศไทยกันนะ?
“ไม่ได้ครับ” เขาปฏิเสธเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานด้วยกัน
“ฉันเลือกผิดคนหรือนี่ คุณก็เป็นพวกเดียวกับเขาหรอ?” เธอแหงนหน้ามองอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไม่ใช่ครับ! ผมเป็นสวิสการ์ดไม่เกี่ยวข้องกับ WHOs หน้าที่ของผมคืออารักขาให้ความปลอดภัยกับคุณสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว”
“คุณเห็นไม่ใช่เหรอคะ? ว่าฉันโดนคำสั่งตาย”
“ผมขออภัยครับ! การลอบยิงครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง ผมจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นครับ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไม่ได้คิดตำหนิคุณ ฉันต้องเดินทางต่อ”
“คุณจะไม่ทำวัคซีนแล้วเหรอครับ?”
“ทำสิคะ! แต่จะไม่ทำให้ที่นี่ คุณก็อยู่กับฉันตลอดเวลาได้เห็นแล้วนี่คะว่าพวกเขาต้องการกำจัดฉัน” นาตาลีสายตากังวล
อังเดรถอนหายใจ...
“แต่!”
นาตาลีชิงพูดขึ้นมาก่อน...
“การทำงานในองค์กรที่มีศัตรูรอบตัว เท่ากับฆ่าตัวตายคุณอยากให้ฉันตายใช่ไหมคะ?”
“เอ่อ!....”
“คุณรู้เบื้องหลังของเรื่องพวกนี้ใช่ไหมครับ?” เขายืดอกหลุบตามองล่าง
“เบื้องหลังส่งลูกปืนมาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นใคร?” เธอส่งสายตาจริงใจ
ฉันพอเข้าใจแล้วว่าเธอกำลังจะพาฉันหนีจากความตาย รีบขยับเข้าไปช่วยเจรจา...
“อังเดร! พวกเราไม่ดีกับคุณเหรอ คุณเห็นพวกเราเป็นนักโทษของคุณเหรอ? ฉันคิดว่าคุณเป็นเพื่อนสนิท เป็นพี่ชายที่เดินเคียงข้างมาตลอด คุณจะส่งพวกเราไปให้เขาฆ่าเหรอคะ?” พอพูดแล้วก็น้อยใจน้ำตารื้น เขาผวาเข้ามาหา...
“มิสถัง! อย่าเข้าใจผิดสิครับ ถ้าพวกคุณไปผมก็จะตามไป แต่ใครจะผลิตวัคซีนช่วยโลกครับ”
นาตาลีหันมาตอบ...
“ฉันจะไม่ทำงานที่นี่แล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันรับรองว่าปลอดภัยแน่นอน ฉันมีเพื่อนเป็นทหารรับจ้าง”
“ดอกเตอร์!” เขาอึกอัก
“พวกคุณเลิกงานก่อนสัญญาสิ้นสุด ฉันจะจ่ายล่วงหน้าให้ทั้งหมด ไม่ต้องตามฉันไปแล้ว”
“ดอกเตอร์ครับ” อังเดรพูดไม่ออก
“พวกคุณฉีดวัคซีนกันไปแล้วใช่ไหมคะ?”
“ผมฉีดไป 2 เข็ม”
“2 เข็ม! ใช้วัคซีนเก่าได้ค่ะไปเรียกเพื่อนของคุณมา ส่วนคนที่ฉีดเข็มที่ 3 ไปแล้วรักษาไม่ได้ ไวรัสมันพัฒนาตัวไปแล้ว ต้องรอต่อไป”
“ดอกเตอร์ไม่ต้องไปหรอกนะครับ ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิต”
“นี่คือคำสั่ง!” นาตาลีพูดนิ่ม ๆ
เขายอมจำนน ยกวิทยุเรียกเพื่อนแล้วหันกลับมา...
“จะมีคนรอดจากโรคระบาดครั้งนี้มั้ยครับ?”
“มนุษย์คงเหลือน้อยค่ะ” เธอเดินไปหยิบอุปกรณ์ฉีดวัคซีน
“ทำไมถึงทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปกันเลย?” อังเดรนั่งบ่น ฉันขยับเข้าไปหาช่วยพับแขนเสื้อให้ชายตัวใหญ่ดวงตาสีฟ้า...
“ฉันเคยได้ยินว่ามันจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 คุณคิดว่าจะมีคนตายมากมั้ยคะ?” ฉันค่อย ๆ บรรจงทาแอลกอฮอล์
“ก็อยู่ที่ว่าใครจะยิงนิวเคลียร์ก่อน ถ้าพวกมันบ้ายิงใส่กันเมื่อไหร่โลกก็พินาศครับ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอาจสูญพันธ์”
“แต่ถ้าโดนไวรัสก็แค่มนุษย์เท่านั้นที่ตาย มนุษย์ต่างหากที่เป็นตัวปัญหาสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อฆ่ากันเอง มีมนุษย์น้อยลงโลกใบนี้คงได้สมดุลย์” ฉันคิดว่าเรื่องทั้งหมดมาจากคนทั้งสิ้น
“ก็จริงเนอะ!” เขาหัวเราะเบา ๆ
ไม่มีความปรานีในเกมอำนาจของผู้นำ ไม่มีความยุติธรรมในหัวใจของทหารลิ่วล้อ ไม่มีความเห็นใจจากกองเชียร์ผู้กระหายเลือด ทั้งหมดเพียงเพื่อประหัตประหารคนที่ผู้นำชี้ว่าเป็นศัตรู พวกลิ่วล้อสอพลอก็พร้อมจะออกเข่นฆ่าทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ทำไมกัน?
..........................................................
สนามบินส่วนตัว เจนีวา…
วันรุ่งขึ้น...กลุ่มบอดี้การ์ดเดินเข้ามาส่งถึงประตูเครื่องบิน ฉันขยับตามนาตาลีเข้าจับมือทีละคน จนถึงอังเดร...
“ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้าใจและดูแลฉันอย่างดี”
“ด้วยความยินดีครับ พวกผมทำงานนี้เป็นงานสุดท้ายแล้ว ส่งคุณเสร็จแล้วผมจะกลับไปอยู่กับครอบครัวครับ”
ฉันตกใจกุมอก...
“พวกเราทำให้คุณตกงานเหรอ?” ฉันเสนอหน้าไปหาอังเดร
“หามิได้ครับมิสถัง! พวกผมรู้สึกผิด เมื่อคืนพวกเราประชุมกันเอง เป็นความตั้งใจของพวกผมที่จะกลับไปใช้เวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัว เราคงต้องเดินทางไกลเหมือนกัน ครอบครัวของผมฉีดวัคซีนกันหมดแล้ว เวลาของพวกเขาเดินถอยหลังแล้วครับ ผมจะกลับไปมอบความรักและดูแลพวกเขาให้มีความสุข...ก่อนวันนั้นจะมาถึง”เศร้าใจจัง...ใครอยู่ใกล้กับนาตาลี ต้องเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ทุกคน ชะตาชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงกันหมด
“ออกไปจากเมือง อยู่ในป่าอาจจะรอดนะคะ เก็บเบอร์ของพวกเราไว้ อย่าลืมฉันและหาทางติดต่อมาให้ได้ ฉันจะทำวัคซีนให้สำเร็จและรอฉีดให้ครอบครัวของคุณ” นาตาลียิ้มหวานกุมมือของเขา
“ขอบคุณครับ! เชิญครับ..นักบินเรียกแล้ว” อังเดรและเพื่อน ๆ ยืดอกยืนมองส่งพวกเราจนประตูปิดลง
หลังจากเครื่องบินแอร์บัส ACJ 320 neo ทะยานขึ้นจากสนามบินซูริค นาตาลีถอนหายใจยาวแล้วยิ้มสดใส
“เฮ้อ!” ฉันนั่งเงียบเก็บความข้องใจไว้นาน คงได้เวลาที่ต้องถามไถ่กันแล้ว
“อนนี่! คิดจะทำอะไรและคิดจะไปไหนคะ? เราจะกลับไปเอาหลักฐานในจีนมาสู้กับเขาเหรอ ไม่ได้หนีเหรอ?” ฉันสับสนตามไม่ทันเอ่ยถามหลังจากเครื่องเหินขึ้นท้องฟ้ามาได้สักพัก
“จะไปหาหลักฐานมาจากไหนคะ จะให้พาตัวหมวดจางไปให้พวกเขาจับเหรอ? ไม่มีวัน! ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”สายตาของเธออยู่กับตำราเล่มหนา
“แล้วจะไปประเทศไทยทำไมคะ?” ฉันยังอดแปลกใจไม่ได้
“ฉันจะไปบ้านซอน!” เธอบอกโดยไม่เงยหน้า
“หือ!..” ฉันกระเด้งดีใจ แต่ก็ยังแปลกใจ..
“แล้วทำไมเข้าทางประเทศไทยล่ะคะ? ทำไมไม่ลงที่เมียนมาหรือKala Democracy ล่ะคะ ใกล้กว่าตั้งเยอะ?”
“ภูมิภาคนี้...ไทยแลนด์สะดวกสบายที่สุด ลงแล้วต่อเครื่องบินไปลงหลวงพระบางให้ซอนไปรอรับที่นั่น ถ้าไปลงที่บ้านของแทนเดี๋ยวซวยอีก สมัยก่อน...ฉันเคยติดที่สนามบินนานาชาติ โดนจับให้นอนพื้นอยู่ 5 วันซวยจริง ๆ”
“อนนี่นี่นะ ตลกว่ะ ไปเจออะไรเข้าคะ?”
“ม็อบ! ปิดสนามบิน” เธอหัวเราะร่วน
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ฉันขำกับกฎหมายซับซ้อนซ่อนเงื่อนของบ้านแทน หลายอย่างที่เขาเล่าให้ฟัง จึ้งไปเลย เคยไปโดนถนนหลังเต่ากระแทกตับทรุดมาแล้ว
“ยังไงก็ต้องผ่าน Kala Democracy แวะบ้านของแทนก่อนไหมคะ? คิดถึง!..ไปดูบ้านนิดหน่อยก็ยังดี” ฉันยังเสียวใจตลอดเวลา คิดเรื่องอื่นได้ไม่นาน ก็จะกลับมาคิดเรื่องของเขา
“อย่าพึ่งไปเลย! เดี๋ยวค่อยมากับซอนดีกว่า อยากเจอหมวดจางมากกว่า แทนอยู่ในใจของเราอยู่แล้ว ถ้าไปก็เห็นแต่ความว่างเปล่าตอกย้ำให้เศร้าใจเปล่า ๆ” เธอไม่ตามใจ...เหี่ยวเลย
“แล้วอนนี่จะไม่กลับไปทำงานแล้วเหรอ?” ฉันคาใจมาก
“จะกลับไปทำไม? ฉันกำลังจะกลายเป็นอาชญากรโลกอยู่แล้วไม่เห็นเหรอ? การเมืองนี่น่าเกลียดจริง ๆ” เธอแหงนหน้าทิ้งตัวพิงหนัก
“จะหนีเหรอ? กลับไปพิสูจน์ตัวตนดีกว่า!” ฉันไม่เห็นด้วยกับการหนี พวกเราไม่ได้เป็นคนร้าย ถ้าหนีก็เท่ากับเข้าทางพวกมัน
“จะเอาอะไรไปพิสูจน์ พวกนั้นไม่ฟังหรอก มันต้องเป็นแผนของใครสักคน ก่อนหน้านี้!…ไอ้ประธานมันก็พยายามบีบให้เข้าปีกของมันเพื่อจะได้อวดอ้างเอาผลงาน แต่พอฉันไม่เล่นด้วยมันก็รวมหัวกันไปเข้าข้างฮานส์ ฉันไม่ทำงานให้พวกมันแล้ว ให้ ดร.เหยียน หาทางต่อยอดเอาเอง”
“ดร.เหยียนลี่เหมิน มันเป็นเพื่อนกับจูยอนด้วยนี่นา พวกเราโดนเธอหลอกสนิทเลย หนูเกลียดจูยอน วันที่เธอลำบาก ไม่มีค่า ไม่มีความเป็นคน แทนเดินเคียงข้างเธออย่างภูมิใจ ไม่เคยทิ้งให้จมอยู่กับปัญหาคนเดียว หนูเห็นเขาให้เงินเธอไปตั้งปึกใหญ่ เลวมากที่ทำร้ายผู้มีพระคุณ” คิดเรื่องนี้ทีไรก็โกรธ
“นั่นน่ะสิ!องค์กรของมันมีเครือข่ายมากมาย เราสู้มันไม่ได้หรอก ถ้าไปชนกับมันเราก็พังไม่เป็นท่า คนพวกนี้ไม่หลุดพ้นยังวนเวียนกับเกียรติและเงิน”
“พวกมันหน้าด้านเนอะ ทำทุกอย่างเพื่อตนเอง”
“ไอ้พวกนี้บูชาเงินทองและชื่อเสียง มันต่อสู้เพื่อให้ได้ตำแหน่งเพียงชั่วคราวโง่สิ้นดี เพียงเพราะเงิน...ถึงสรรสร้างความชั่วมาได้ไม่ขาดสาย” เธอบอกไปด้วยก้มหน้าอ่านหนังสือไปด้วย แต่ฉันยังคาใจอยู่ดี...
“แต่อนนี่นึกจะหนีก็ออกมาเลย ไม่ให้ตั้งตัว ทิ้งทุกอย่างไปเฉยเลยเนี่ยน่ะ หนูก็ว่ามันขัด ๆ ยังไงก็ไม่รู้?”
“ฉันไม่ยึดติดกับตำแหน่งและชื่อเสียงหรอก ฉันโดนชมมาตั้งแต่เด็ก มันเฉย ๆ ซะแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ต้องการฉันก็ไม่อยู่ ฉันไม่ใช่คนต่อสู้เพื่อตำแหน่ง แค่อยากจะช่วยคนหาวิธีอื่นก็ได้ แทนของเราไม่มีเงินเลยมีเพียงมือเปล่าสองข้าง เขายังยื่นมาช่วยเราได้เลย ฉันมีความรู้ขนาดนี้มีเงินเก็บเยอะแยะ ต้องช่วยคนได้สิ” เธอไม่ยี่หระไม่ลังเลหรือเสียดาย
แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่า สิ่งที่เธอตัดสินใจไปหาซอน มันไม่ใช่โอกาส การทิ้ง WHOs อย่างนี้เท่ากับทิ้งโอกาส
“มันไม่ขาดความรับผิดชอบไปหน่อยเหรอคะ อนนี่?” ฉันเสียดายมาก ได้เห็นกับตาแล้วว่าเธอยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่เธอกลับไม่ให้ราคาของเหล่านั้นเลย
“ใครกันแน่ที่ขาดความรับผิดชอบ พวกเขาเลือกจะเล่นงานฉัน แทนที่จะเลือกใช้ประโยชน์จากฉัน ถ้าพวกเขาเก่งจริงก็ไปทำกันเอง ฉันไม่แคร์ ฉันไม่ทำ หมอบค่ะ”เธอไม่สนใจยิ้มล้อเล่น ใจเด็ดมากไปแล้ว
แอบคิดในใจ...ถ้าเป็นฉันคงยอม คงโลภกับเกียรติยศ ชื่อเสียงและเงินทอง ฉันจะต้องหาข้ออ้างว่าต้องรับผิดชอบในงานที่ทำเพื่อประชาชนแน่ ๆ เลย และคงยอมให้เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้ตำแหน่งเหล่านั้น
“ทางเลือกมีมากมายสำหรับชีวิต คุณเลขาฯจะให้ฉันไปรับงานจากเจ้าของประเทศไหมคะ อันนั้นก็สบายดีเหมือนกันนา ใครจะเป็นจะตายก็ช่างมันรับเงินอย่างเดียวก็พอ คนสมัยนี้มันคิดกันแบบนี้จะให้ฉันคิดแบบพวกเขาเหรอคะ คุณเลขาฯ... ?”
โอกาสของเธอมีมากมาย เพียงแต่เธอจะเลือกแบบไหนเท่านั้นเอง ฉันรู้แล้วว่า ใครก็ไม่สามารถบังคับเธอได้ สมัยก่อนหนีจากตึก The 3 Temple ก็คงคิดแบบนี้
“พวกเขาจะจับอนนี่เหรอ?”
“มันจับแน่! และอาจถึงตายด้วย มีคนอยู่เบื้องหลังคอยเล่นงานพวกเรา แต่เชื่อเถอะ! พวกเขาไม่กล้าออกข่าวว่าฉันเป็นคนสร้างเชื้อโรคขึ้นมาหรอก” เธอยิ้มมั่นใจคิดอะไรซับซ้อน /ไม่เข้าใจเลย /
“ทำไมคะ?”
“ผลกระทบมันรุนแรง พวกเขารับมือไม่ไหวหรอก แค่ฉันหนีออกมาเรื่องก็จบ พวกเขาต้องการแค่นั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ฉันผลิตวัคซีน”
“แล้วใครเป็นคนยิงเราล่ะ?”
“ก็คนที่ไม่ต้องการให้ฉันทำวัคซีนนั่นแหละที่ยิง”
“เลวมาก! หนูจะให้ซอนไปยิงหัวมัน คอยดูเถอะ!” เกลียดขี้หน้านัก อยากฆ่ามันให้ตายให้หมดเลย
“เอางั้นเหรอ?” เธอเหล่มอง
“อื้อ! จ้างซอนไปยิง เขารับจ้างทำงานพวกนี้ เขาบอกว่าเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน ซอนเก่งจะตายไป”
“มีเงินเหรอ?” เธอถามตาโต
“อนนี่ก็จ่ายสิ! เดี๋ยวหนูคุยกับซอนให้” ฉันมุดหน้าอาย เธอเขกหัวเบา ๆ...
“เลิกคิดไปได้เลย อย่าไปยุ่งกับพวกมัน ทางใครทางมันก็ดีแล้ว ซอนมีเงินใช่มั้ย?”
“หนูไม่เคยคุยเรื่องเงินกับเขา แต่บ้านของซอนที่ลาเสี้ยว พื้นที่ใหญ่กว่าบ้านของเจ็ทโด้ 10 เท่า ลูกน้องของซอนโหดกว่าลูกน้องของเจ็ทโด้ 100 เท่า” ฉันโม้อย่างมั่นใจในตัวพี่ชาย
เพื่อความปลอดภัย ฉันทำตามการตัดสินใจของเธอดีกว่า อยู่กับนาตาลีเหนื่อยมากแต่น่าสนใจ ได้เห็นอีกมุมของเธอแล้วไม่สนุกอย่างที่เธอเคยบอกไว้ แต่ข้อเสียอย่างเดียวที่ฉันทนไม่ไหว...เวลาเธอเข้าโหมดทำงานก็ไม่คุยกับใครเลย...
“หนูเห็นอนนี่บนเวทีแล้วน้ำตาไหลเลย” ฉันปลาบปลื้มจริง ๆ และแอบเสียดาย คนมารอรับแน่นขนัดราวกับกลุ่มอาร์มี่ไปต้อนรับศิลปิน BTSที่สนามบินเลย
“ใช่มะ! สวยใช่มะ! นาตาลีคนสวย คนเก่งที่1ในโลกเลย” เธอโยกเอวเต้น ยิ้มแฉ่ง /แหม!..ชมไม่ได้ทีเดียว นาตาลีคนสวย นาตาลีคนเก่ง คิดแล้วก็ปลื้ม ฉันยังไม่เห็นเรื่องไหนที่เธอพูดแล้วไม่เป็นจริงสักเรื่อง /
“หนูเคยฝันอยากเป็นไอดอล เพราะหนูชอบร้องเพลงและอยากมีคนมาต้อนรับแบบนั้นเลย แต่ตอนนี้...หนูเลิกคิดไปแล้ว หนูจะทำงานกับอนนี่ เกิดแน่ ๆ ปังแน่ ๆ หนูเดินทางลัดดีกว่า ไม่ต้องไปแข่งกับใครด้วย” ฉันยิ้มฝันหวาน
“จริง ๆ นะ! มาช่วยกันทำ เดี๋ยวฉันสอนงานให้ เป็นลูกมือของฉันสัก 3 เดือนก็รู้ทั้งระบบแล้ว” เธอลูบหัวของฉันเบา ๆ
“หนูหายสงสัยในตัวของหมวดจางแล้ว รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงเลือกทิ้งกองทัพฯ มาเป็นลูกน้องอนนี่ หนูประจักษ์แล้วค่ะ” ฉันคำนวณแล้ววิธีนี้แหละ เหนื่อยน้อยสุดแล้ว
ฉันเจอทางลัดตรงสู่ความสำเร็จได้เร็วกว่าแค่ได้สัมภาษณ์ครั้งเดียวก็เกินคุ้มแล้ว ฉันก็สวยไม่แพ้นาตาลีหรอกต้องเกาะขาไว้แน่นๆ ...
“หนูชมจากใจจริงนะคะ อนนี่สวยมาก ใจดีมาก หนูรักอนนี่นะคะ” ฉันอ้อนซบแขนคลอเคลียภูมิใจไม่หาย ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง ฉันรู้ว่านาตาลีของฉันเป็นคนอย่างไรก็พอ เธอโดนหลอกมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัคซีนและต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด
“ตกลงจะใช้ชีวิตกันต่อที่บ้านของซอน ใช่ไหมคะ?”
“อื้อ! อยู่ที่นี่แหละ”
ได้กลับมาอยู่ใกล้บ้านก็ดี จะได้ไปเยี่ยมหม่าม้าบ่อย ๆ จากบ้านซอนไปหาหม่าม้าไม่ไกล ขับรถยนต์ 10 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
“มีน้องให้เล่นแล้ว ฉันจะดึงไข่ทุกวันเลย คอยดูสิ!” เธอทำหน้าทะเล้น จริงอย่างที่หมวดจางเคยบอก...เรื่องเล่น ๆ ทำเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญเป็นเรื่องเล็ก
“นี่นี่! อนนี่! จะตั้งชื่อลูกหมวดจางว่าอะไรดี คิดไว้หรือยัง? แต่หนูกังวลนิดเดียว น้องเกิดมาตั้งนานแล้ว หมวดจางคงตั้งชื่อให้น้องไปแล้วล่ะ!”
“ไม่สนค่ะ! ฉันจะเปลี่ยน หมวดจางไม่กล้าหือกับฉันหรอก”
“แล้ว! อนนี่จะตั้งชื่อน้องว่าอะไรคะ?”
“ไม่บอก!” เธอทำแก้มป่อง
“บอกพร้อมกัน!” ฉันยื่นข้อเสนอ เธอพยักหน้า
“1-2-3”
“แทน!” เราบอกพร้อมกัน แล้วตาโตแปลกใจ
“คิดเหมือนกันเลย อนนี่ยังคิดถึงแทนอยู่ใช่มั้ยคะ?” ฉันปลื้มใจมาก แทนโชคดีที่นาตาลีเลือก ลำพังคนอย่างเขาเดินไม่ถึงตัวนาตาลีหรอกซึ่งเขาก็รู้ตัว
“ก็คิดบ้าง เจอบางอย่างสะดุดใจก็คิด ใครจะลืมรักครั้งแรกลงได้ง่าย ๆ ถึงมันจะไม่โรแมนติกก็ตาม แล้วเธอล่ะ?” เธอสบาย ๆ ไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่ สำหรับฉันแย่เลย...
“หนูยังคิดถึงทุกวันเลย หนูไม่เคยลืมเลยนะ หนูชอบนั่งคิดถึงเวลาที่เคยแกล้งเขา หนูเคยแกล้งและหลอกขี่คอเขาด้วย แทนใจดีมากเลยนะคะ” น้ำตาซึมทุกครั้งที่คิดถึง ฉันอยู่กับเขานานกว่านาตาลี ฉันไม่น่าดื้อเลย เสียคนรักไปไม่มีโอกาสได้แก้ตัว
“อื้อ! ตอนแรกฉันก็เกลียดเขาจะตาย ไม่อยากจะเชื่อว่า จะหลงรักเขาตั้งแต่อยู่ในป่านั่นแหละ แพ้ความใจดีของเขา คิดถึงเพิงอยากกินปลาเผาที่เขาทำให้ อยากกลับไปที่นั่นอีกสักครั้งแต่ก็ไม่กล้า ไป่ไป๋ชอบแทนตอนไหนคะ?”
“มันไม่รู้ตัวค่ะ หนูน่าจะเริ่มชอบตอนที่ต้องแย่งกับน้องแหม่มที่บ้านเขาล่ะมั้ง หนูก็สับสนช่วงนั้นหนูหลอนไปหมดเลย หนูเคยแอบจูบกับเขา 2 ครั้ง ตอนที่ยังช่วยอนนี่ออกมาจากตึก The 3 Temple ไม่ได้” ฉันสารภาพหมดเปลือก เธอหันมาจ้องสายตาดุ...
“ แมวขโมย!” เธอหัวเราะเสียงใส...
“หมวดจางเป็นคนบอกว่าเธอรักแทน คนอื่นมองกันออกหมด ฉันมองไม่ออกอยู่คนเดียว ยังออกตัวเถียงให้ด้วยนะ คนขี้โกง!”
“มันคงชัดมากเนอะ หนูไม่รู้ว่านั่นมันเป็นความรักหรือเปล่า ชอบเกาะแขนของเขา เวลาเดินก็ชอบแอบดมแขนดมตามตัวของเขา โรคจิตชัด ๆ” ฉันขำตัวเอง รีบกะพริบตาถี่ไล่น้ำตา
“แทนคงมีความสุขแล้วล่ะ ได้เมียพร้อมกันทีเดียว 2 คน แต่ฉันยังไม่ได้ถอดกางเกงเลย” เธอตาละห้อย
“บ้า! อนนี่คิดแต่เรื่องนี้” ฉันตีแขนเบา ๆ แล้วซบหน้า รู้อยู่หรอกน่าว่า อยากลอง
“ตอนนั้น! ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ อยากนอนกับเขา อยากให้เขากระหน่ำให้หนำใจเลย”
“บ้า!บ้า!บ้า!” พูดซะเสียวท้องน้อยเลย ฉันคิดตามหน้าร้อนผ่าว ตีแขนไปซะหลายที
“ตอนแรกฉันแค่อยากจะบุ่มบุ๋มกับคนที่ฉันเลือก อยากลองสักครั้งแต่พอรู้ว่าเขาชอบฉัน รู้ไหมฉันคิดอะไร?” เธอหันมาเอียงคอยิ้มรอคำตอบ ฉันส่ายหน้าเดาไม่ถูก
“ฉันอยากจะมีลูกกับเขาสัก 10 คน จะให้เธอเลี้ยงให้หลังแอ่นไปเลย” เธอหัวเราะชอบใจ /น่าสงสารจังที่ฉันทำลายฝันของเธอ/
“ตอนนี้! คิดเรื่องผู้ชายอีกไหมคะ?”
“เอาไหมล่ะไปตกเขากันใหม่?” เธอหันมายิ้มหน้าแป้น ฉันอยากจะเขกหัวสักเป้ก คิดแล้วก็ฉุนตอนที่เธอดูถูกเขา โวยวายซะลั่นป่า
“ไม่เอาแล้ว! หนูจะไม่มีผัว หนูจะอยู่กับอนนี่”
“สัญญานะว่าจะไม่ทิ้งกัน เราอยู่เพื่อกันและกันไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย ชีวิตของคนสั้นนักอยากทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส” เธอดึงฉันเข้าไปกอด
“ค่ะ! หนูสัญญา เป็นคู่ชีวิตนี่หนักมากนะคะ ต้องติดตามกันไปทุกแห่งหน คอยห่วงใยกัน โชคดีร่วมกัน โชคร้ายร่วมกัน ตกระกำลำบากร่วมกัน จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของใครคนหนึ่ง ถ้ามีเงินก็โชคดีไป ถ้าไม่มีเงินต้องรักกันขนาดไหนถึงอดทนอยู่กันได้ทั้งชีวิต”
“ขอบคุณนะคะ” เธอปรับสีหน้าหันมา...
“ไปทำโรงงานกับห้องวิจัยที่บ้านซอนดีกว่า ช่วยหมวดจางเลี้ยงลูกด้วยสนุกดีจะตายไป” ข้อเสนอยอดเยี่ยม ฉันพยักหน้ารับ
“วันข้างหน้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร เรามาเริ่มต้นใหม่ที่บ้านซอนกันดีกว่า ฉันจะพัฒนาวัคซีนต่อและจะทำครีมลอกคราบด้วย อยู่กับหมวดจางทำได้ชัวร์” เธอหันมาแบมือไฮไฟ
“หนูจะหาทางแก้แค้นหวังฉวนกับจูยอนด้วย เรื่องนี้หนูไม่ปล่อยผ่านนะคะ หนูไม่เคยทำดีกับแทนเลย หนูจะล้างแค้นให้เขา” ฉันอาฆาตหมายหัวไว้แล้ว
“พาฉันไปด้วยนะ” นาตาลียิ้มกว้าง
“จริงดิ!” ปรกติเจ้าหล่อนจะห้าม
“ฉันจะเอาเลือดของเขามาผสมวัคซีน”
“OK.”
เสียงกัปตันเครื่องบินประกาศให้รัดเข็มขัด เครื่องกำลังจะแลนดิ้ง เราต้องเดินทางต่อไปหลวงพระบาง
.................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,862 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,978 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |