หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 7 มี.ค. 2567 |
เวเนซุเอล่า
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
มกราคม ค.ศ.2024
อุทยานแห่งชาติทางทะเล Los Roques...
ทะเลแคริบเบียน...เขียวใสสวยเจ็บอก ชายหาดยาวขาวเหมือนแป้งสุดลูกตา ท้องน้ำสีเทอร์ควอยซ์เต็มไปด้วยแสงแดดระยับตา ฝูงปลาการ์ตูนเล่นน้ำบนกอประการังน้ำตื้น ถัดออกไปเป็นเขตประการังน้ำลึกปลานกแก้วใหญ่ว่ายคุมพื้นที่มองเห็นจากชายฝั่ง เกาะล้ำค่าแห่งนี้ห่างจากชายฝั่งทางตอนกลางของประเทศที่กำลังล่มสลาย ไปทางทะเลทิศตะวันออกประมาณ 160 ไมล์ทะเลจากผืนแผ่นดินใหญ่
Gran Roque หมู่บ้านชาวประมงหลากสี ริมทะเลขนาดเล็กบนเกาะที่มีชื่อเดียวกัน หมู่บ้านชาวเลฉาบทาด้วยสีสันฉูดฉาดบาดตาตัดกับท้องทะเลและฟ้าคราม แต่ตอนนี้ไร้ผู้คนมีแต่ Soulless สิบกว่าคนเดินเลาะชายหาด น่าอนาถใจ กลุ่มกระท่อมสีเจ็บตาหลังเล็ก เรียงไปตามแนวชายหาดลงไปทางปลายแหลมสู่ทะเล ในยามนี้ดูหงอยเหงา เหมือนที่พักพิงนี้รอคอยการกลับมาของใครบางคน ผมมาฝังตัวที่นี่กับยูซุป ข่าน นานเป็นเดือนแล้วปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว ตกปลา ดำน้ำดูปะการัง เป้าหมายของผมคือเกาะส่วนตัวขนาดเล็กที่เห็นอยู่รำไรนั่นต่างหาก...เกาะมาร์การิต้า
ฐานสั่งออกปฎิบัติการวันนี้ ยูซุป ข่านขับเรือยอร์ชขนาดใหญ่เข้าใกล้ทุ่นกั้นเขตกลางทะเล การขึ้นไปบนเกาะมี 2 วิธีคือทางน้ำและทางอากาศ ผมส่องกล้องมองตามเครื่องบินส่วนตัวสีขาว ร่อนไถลลงบนผิวน้ำแตกกระจายในอ่าวริมชายหาดบนเกาะ ชายสวมสูท 3 คนก้าวลงบนโป๊ะเดินขึ้นฝั่งเข้าบ้านพักหรู 2 ชั้นท่ามกลางสวนดอกไม้ และทิวมะพร้าวเรียวลู่ลม ภายในบ้านริมสระน้ำ คึกคักไปด้วยผู้คนแต่งตัวสวยงาม งานปาร์ตี้ชุดว่ายน้ำก้นงอนทั้งนั้นเลย ยามรักษาการณ์ยืนคุมที่หัวสะพาน บนหอคอยริมหาดซ้ายขวาที่ละ 2 คน ที่เหลือเดินลาดตระเวนตามชายหาดคุ้มกันหนาแน่น
“ฐานเรียกแองเจิ้ล 2 อีเกิ้ลมาถึงแล้ว” เสียงวิทยุในมือยูซุป ข่าน ดังขึ้น
“แองเจิ้ล 2 รับทราบ!” ข่านตอบกลับแล้วก้มมองหาอุปกรณ์
“นึกยังไงถึงขอมาทำงานกับผม?” ผมชวนคุยในขณะที่กำลังเปลี่ยนเป็นชุดประดาน้ำ คลื่นซัดเรือโคลงเคลงตามกระแสน้ำ รอเวลาให้พระอาทิตย์ลับโค้งน้ำระยับในไม่ช้า
หลังจากผ่านเรื่องเลวร้าย ผมก็กลับมาใช้ชีวิตทหารรับจ้างอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้อยู่กับกองทัพฝรั่งเศส แต่เป็นบริษัททหารรับจ้าง Exon service
ข่านรูดซิปชุดมนุษย์กบ ก่อนจะเปรยออกมา...
“ผมคิดผิดที่เคยสนับสนุนกลุ่มตาลีบัน พวกนี้เลยความเป็นมนุษย์ไปไกลมากแล้ว กฎเกณฑ์ของพวกมันไม่ต่างจากกรงขังสัตว์ เอาข้อห้ามของศาสนามาเป็นกฎหมาย กดหัวกันหลายชั้น” ยูซุป ข่านหน้าเครียด โดยปรกติ ข่านจะเป็นคนเงียบและดูจริงจังอยู่แล้ว ยิ่งดูน่ากลัวเมื่อยามเขาโกรธ ดวงตาใสนิ่งไม่กลัวคน
“ทั่วโลกไม่ยอมรับการมีตัวตนของรัฐบาลตาลีบัน ชาวบ้านโดนจำกัดสิทธิ์ ตอนนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะการขาดอาหารอีกแล้ว ทุกอย่างขาดแคลนไปหมดและที่มีขายก็ราคาแพง หลายครอบครัวเริ่มขายลูกสาวให้กับคนรวยเพื่อแต่งงาน ลูกและเมียของผมก็กำลังอดตาย” ดวงตาเขียวดังมรกตเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่โพกผ้าบนหัว ตัดผมสั้น โกนหนวดเครา แก้มตอบกร้านแดด แต่ยังเห็นความคมคายหลงเหลือตามแบบแขกขาวของชาวอัฟกัน
เขาจัดถังออกซิเจนเข้าที่ไว้ข้างตัว…
“ลูกสาวของผมเริ่มเป็นสาวแล้ว อยู่ที่นั่นต่อไปจะเป็นอันตราย ผู้หญิงอยู่ในประเทศที่สังคมผู้ชายเป็นใหญ่ มันลำบากเกินไป กฏระเบียบบังคับผู้หญิงมากเกินไป” เขาเปรยสายตามองนิ่งไปที่ท้องทะเลกว้าง หยิบอาวุธปืนสั้นยาวขึ้นมาเช็กที่ละกระบอกก่อนจะเสียบเอว
“คุณรู้ไหมว่า เป้าหมายคนนี้คือใคร?” เขาเงยหน้าขึ้นมาถาม ดวงอาทิตย์กลมสีแดงก่ำกำลังจะจมน้ำในไม่ช้าทำให้ผืนฟ้าแดงส้มดูเศร้า คลื่นริ้วน้ำยามเย็นสะท้อนแสงสุดท้ายดูอ้อยส้อย
ผมเปิดแท็บเล็ต...
“คนที่เส้นผมสีทองนั่นเป็นคนยิว ชื่อโจเซฟ พ่อมดการเงิน ส่วนคนผมดำนั่น...เป็นรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันชื่อเฟอนันเดซ พวกนี้โกงกินจนชาติพัง ชาวบ้านเลือกพวกเขามาบริหารและอดทนรอให้พวกเขาแก้ปัญหา แต่ผิดหวังจนทนไม่ไหวหอบผ้าผ่อนหนีออกไปประเทศบราซิลหลายล้านคนแล้ว หนีเพราะความอดอยากเหมือนกัน”
ผมยก Sea-scooter มาเตรียมไว้ เขาต้องสงสัยทุกครั้งว่าเหยื่อคือใคร? ส่วนผมไม่ได้อยากรู้จะเป็นใครก็ช่าง ไม่อยากรู้จักไม่อยากจะจำ เขามองไปยังเกาะแล้วเปรยต่อ...
“การปกครองแบบไหนมันดีบ้าง มันก็เอาเปรียบคนจนกันทั้งนั้น ผมเคยคิดว่า เกาหลีเหนือสาหัสแล้วนะ ตอนนี้ที่บ้านผม...เกินเยียวยา พวกมันบอกกับชาวโลกว่า ออกกฎหมายเพื่อปกป้องสตรี พูดเสียสวยหรูแต่จำกัดสิทธิสตรีไปเกือบหมด ด้อยค่าให้อยู่ภายใต้อาณัติของพวกมัน ไปดูคฤหาสน์ประธานาธิบดีสิ นางบำเรอเพียบ ย้อนแย้งไปทุกอย่าง ใครไปทักท้วง มันก็อ้างความมั่นคงเอาไปยิงทิ้งหมด” ยูซุป ข่านอดีตนักรบตาลีบันถอดใจกับชัยชนะของตนเอง ปรกติเขาจะไม่พูดยาวขนาดนี้
การปกครองไม่เป็นเหมือนที่เคยโฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ ผมฟังแล้วก็คุ้น ๆ คล้าย ๆ เคยได้ยินที่ไหนสักแห่งในแถบเอเชีย ทหารบอกว่ามาปราบคอรัปชั่น แต่พวกมันกลับเป็นขบวนการฟอกขาวตัวเองและคอรัปชั่นประชาชนที่หยั่งราก ฝังลึกจนเป็นวัฒนธรรมรุ่นสู่รุ่นและเป็นเครื่องมอของผู้มีอำนาจ
อ๋อ!นึกออกแล้ว…ผมเคยเถียงเรื่องนี้กับจูยอน เรื่องความเหลื่อมล้ำ การกดขี่ เธอนั่งทับหน้าอกของผมจนถึงเช้าเลย ยายเด็กนี่แสบจริง ๆ ในบางเวลาก็แอบคิดถึงเธอเหมือนกัน...จูยอนสวยสะอาดตา ยิ้มใจดีตาหยีเชียว ตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะ สบายดีมั้ย? รู้ข่าวนาตาลีหรือยัง?
“มันต้องการเอานกหวีดห้อยคอไปทำอะไร?” เสียงของข่านเรียกสติกลับมา
“ถ้าคุณรู้ความจริง ชีวิตของคุณจะไม่มีความสุขอีกเลย อย่าไปสนมันเลย” ก็เหมือนวันตายนั่นแหละ ถ้ารู้ก็ทุกข์ใจ ไม่รู้ดีกว่า ไอ้นกหวีดนี่…ผมรู้จักมัน เคยเห็นฤทธิ์มันมาแล้ว
“จนป่านนี้! คุณก็ยังไม่มีลูกมีเมีย คุณรอใครอยู่หรือเปล่าครับ?”
ใจของผมหมองลง ใช่..เมื่อก่อนผมเคยรอ แต่ตอนนี้ไม่ต้องรอใครอีกต่อไปแล้ว คนที่รักจากผมไปหมดแล้ว พวกเขาคงรอคอยอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
“เปล่าหรอกครับ? อยู่คนเดียวก็สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงใคร” ผมตอบกลับไปเรียบ ๆ แต่ในใจของผมรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา ผมไม่ได้อยากอยู่คนเดียว ผมกลัวการอยู่คนเดียว เพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก พออายุผ่านเลยมากขึ้นก็อยากมีครอบครัว อยากมีลูกเมียเหมือนคนทั่วไป แต่วาสนาของผมไม่ถึง
“คุณบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงใคร ก็หมายความว่า ไม่มีใครเป็นห่วงคุณเช่นกัน น่าเหงานะครับหัวหน้า” เขาทวนคำพูดเบา ๆ ผมสะอึกกับคำพูดที่แสนจะธรรมดา มันเสียดแทงใจดำ ผมไม่มีญาติให้ไปเยี่ยม ไม่มีใครรอให้กลับบ้าน ถ้าผมหายไป...ก็คงไม่มีใครออกตามหา
“ผมคงถูกสาปมาให้เป็นอย่างนี้มั้ง? ไม่เคยสมหวังในความรัก” ผมบอกแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนเบา ๆ
ในใจคิดถึง...ใบหน้าจาง ๆ ของจูยอนที่มันเริ่มจะเลือนรางตามกาลเวลา แต่สัญชาตญาณของผมบอกว่า จะต้องได้เจอเธอใน...สักวัน
“เจ้าอาลี ราม มันตายไปแล้วนะ มันอ้วนมากไป มันได้เป็นวีรบุรุษของชาติ กินมาก โรคร้ายเต็มตัว” เขาพูดถึงเพื่อนชาวอินเดียอีกคน
อาลี รามแขกอินเดียเพื่อนสนิทของเจ้าแทนที่เคยขับรถบรรทุกด้วยกัน คิดแล้วก็ใจหาย ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้เบา ๆ ความตายนี่เที่ยงแท้แน่นอนเกิดขึ้นกับทุกคน เพียงแต่...ใครจะเป็นคนยืนหัวแถว เพื่อจากไปก่อน
“พร้อมรึยัง ข่าน? อย่าลืม! เอาปืนยิงฉลามไปด้วยนะ ข้างล่างมีฝูงฉลามหัวค้อนเป็นพัน ๆ ตัวเลย”
เขาเอื้อมไปหยิบปืนกระแทกมาไว้ข้างตัว ลักษณะเป็นท่อเหล็กขนาด 4 หุนยาวประมาณ 2 เมตร ตรงปลายมีกระสุนหัวแดงใช้ทิ่มกระแทกจุดระเบิด
ความมืดมิดค่อย ๆ โรยตัวเข้ามาปกคลุม บ้านพักบนเกาะเริ่มเห็นแสงสีของไฟวับแวม
“แองเจิ้ล 2 เรียกฐาน เราพร้อมลงมือแล้วเปลี่ยน” เขาเรียกไปที่ทีมปฏิบัติการ
“รับทราบ ลงมือได้” สิ้นเสียงคำสั่ง...
“ตูม! ตูม!” เขาทิ้ง Sea-scooter ลงไป 2 อัน แล้วเอนตัวพร้อมกอดอาวุธในอก หงายหลังทิ้งตัวลงน้ำไป
“ตูม! ตูม!” ผมทิ้งตัวตาม
จากจุดที่เรือยอชต์จอดถึงชายฝั่งไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร เราต้องดำน้ำผ่านร่องแยกของพื้นพิภพ ผ่านฝูงฉลามหัวค้อนเข้าไป
Sea-scooter ลักษณะคล้ายลูกรักบี้ ด้านท้ายติดโครงเหล็กสี่เหลี่ยมป้องกันใบพัด ขับเลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ลำแสงไฟฉายแรงสูงสาดส่องใต้น้ำลึก 2 ดวงว่ายคู่กันไป ในระดับความลึกกว่า 30 เมตร คนบนผิวน้ำยากที่จะสังเกตเห็น ยิ่งดำลึกน้ำยิ่งเย็นเฉียบ
แสงไฟฉายจับพรายฟองน้ำที่กำลังลอยขึ้นจากการหายใจเป็นวงกลมลอยสู่ผิวน้ำ เราแหวกว่ายอยู่ในโลกสีเทาดำใบใหญ่ที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้ จนเหมือนร่างกายของเราเล็กนิดเดียว ยอดภูเขาใต้น้ำสูงลักลั่นต่ำไล่ระดับกันไป บางช่วงเป็นหุบเหวลึกดำมืด น่าสะพรึงกลัว
“!!!!!!!” แล้วก็เป็นไปตามคาดหมาย...เมื่อเราว่ายผ่านรอยแยกของพื้นพิภพ ร่องเหวลึกที่แสงไฟสาดส่องถูกกลืนหายไปในรูดำ สัญชาตญาณบอกให้ระวังตัวเป็นพิเศษ
ทันใดนั้น... เงาดำนับสิบว่ายสวนจากก้นบึ้งขึ้นมา ดวงตาแดงวาววับเขี้ยวขาวสะท้อนแสงไฟ
“ฉลามหัวค้อน..มาแล้วเหรอ?” ผมรำพึงกับตัวเอง มองไปทาง ข่าน ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวแล้วเช่นกัน หันมายกนิ้วสัญลักษณ์OK
เราว่ายน้ำเข้าหากันและหันหลังพิงกัน สายตาจับจ้องไปยังอสุรกายเจ้าถิ่นจากด้านล่าง ฝูงฉลามหัวค้อนว่ายเป็นวงกลมขึ้นมาจากร่องมืด ค่อย ๆ มากขึ้น จากสิบเป็นร้อยเป็นหลายร้อย
สาดส่องแสงไฟเห็นแต่เงาดำพรึบรอบตัวไปหมด ผมสะกิดส่งสัญญาณมือให้ ยูซุปดำเร่งความเร็วเดินหน้า พวกมันตีวงล้อมเข้ามาใกล้ ไฟฉายสาดส่อง หัวแบนฟันโง้งเรียงกันเป็นพรึ่ด ท่าทางก้าวร้าว โฉบไปมาใกล้จนเฉียดลำตัว
“ฟึ่บ!” ผมกระแทกปืนเข้าใส่กลางหัวของฉลามหัวค้อนตัวใหญ่ที่ก้าวร้าวแยกเขี้ยวพุ่งเข้ามาในระยะประชิด
“ฟึ่บ!” เสียงดังอีกครั้งจากปืนของข่าน เลือดไหลผสมกับน้ำเป็นเงาดำ เมื่อจมูกของมันรับรู้ก็โถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง เศษชิ้นเนื้อกระจุย
ผมทิ้งตัวตาม Sea-scooter ดิ่งลึกลงด้านล่าง ว่ายเรียบพื้นทรายใต้น้ำ แหงนมองขึ้นด้านบน งานปาร์ตี้กินพวกเดียวกันกำลังคึกคัก หันไปส่งสัญญาณให้ข่านปิดไฟมืดและเร่งความเร็วสูงสุด ว่ายอ้อมปลายแหลม
“ฮู่ว!” ขึ้นฝั่งที่อ่าวชายป่าด้านข้างเกาะห่างออกไปทางขวา ลอยคอมองจนแน่ใจ แล้วก้าวขึ้นมาถอดชุดซ่อนในพงหญ้า
“ฐาน! เรียกแองเจิ้ล1!” ทันทีที่ขึ้นฝั่งเสียงวิทยุดังทันที
“รับทราบ เปลี่ยน!” ผมตอบกลับ มือก็ดึงรองเท้าตีนกบไปด้วย
“ด้านหน้ามีหอคอย เก็บยามข้างบนนั้นก่อน” เสียงจากวิทยุสั่งการ โดรนคงลอยอยู่บนหัวของเราที่ไหนสักแห่ง
“รับทราบ! ” เราสองคนคลานเข้าไปใกล้หอคอย
ยูซุปหยิบปืนสั้นมาขันเกลียวเก็บเสียงปลายกระบอกส่งมาให้ แสงไฟสปอตไลต์สว่างจ้าสาดส่องไปมาตลอดเวลา
“เข้าไปใกล้อีก! คุณเห็นไอ้คนนั้นไหม?” ผมชี้มือไปที่ยามลาดตระเวนด้านล่าง
“คุณไปเก็บคนนั้น! เดี๋ยวผมจัดการไอ้คนนี้เอง” ว่าแล้วก็ก้มหลังวิ่งเข้าไป ยูซุปวิ่งแยกไปทางซ้ายเข้าหาเป้าหมาย ชักมีดสั้นเงาวับกระชับมือ
รวดเร็วปานปีศาจ เขาถึงตัวโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว ปิดปากเชือดคออย่างสบาย
ผมรีบปีนบันไดขึ้นไปด้านบน ยามคนหนึ่งขยับดวงไฟ อีกคนมองสังเกตการณ์ไม่ทันระวังตัว
“ฟึ่บ! ๆ” ทั้งสองคนร่วงลงกับพื้น ผมรูดตัวลงด้านล่างอย่างเร็ว ยูซุปวิ่งเข้ามาพอดี
“ไปทางขวา ปีนข้ามกำแพง ระวังด้วยมียามอีก 3 คนหน้าระเบียงบ้านด้านใน เก็บมันซะ” เสียงรายงานจากวิทยุ
เราวิ่งเลาะกำแพงจนเจอตำแหน่งที่พอตะปีนได้ ผมดีดตัวเกาะขอบกำแพงสูงแล้วดึงตัวขึ้นไป เอื้อมมือลงไปดึงเพื่อนขึ้นมา เงามืดของต้นไม้พรางตาเป็นกำบัง ยาม 3 คนยืนอยู่ 3 มุมของสนามข้างบ้าน
“โป๊ะทึ่งทึง!!” เสียงเพลงเฉิ่ม ๆ คึกคักใต้แสงไฟดิสโก้ สาว ๆ ในชุดบิกินี่ร้องกรี๊ดกร๊าด ดีดดิ้นสนุกสนานในงานปาร์ตี้สระน้ำ
“ผมจะไปเก็บคนริมโน้น คุณจัดการไอ้คนนี้นะ” ผมชี้สั่งเป้าหมายเขาพยักหน้าก้มหลังวิ่งแยกย้ายกันอีกครั้ง
ผมก้าวย่องแผ่วเบาปานแมวเดิน พอได้จังหวะก็ซัดเข้ากลางหัว ยาม มองซ้ายขวาวิ่งเข้าไปลากศพเข้าซ่อน วิ่งเลาะแอบตัวบ้านกลับไปทางยูซุป เขายังติด หาจังหวะออกจากมุมมืดไม่ได้
“ฟึ่บ!” ผมยิงยามด้านหน้าของเขาล้มลง ยูซุปพรวดมาลากศพหลบมุมมืด...
“เหลืออีกหนึ่ง!” เราสองคนมองไปตำแหน่งเดียวกัน ยามหนุ่มสุดเท่ในสูทดำ ยืนจังก้าท่ามกลางแสงไฟสว่างจากตัวอาคาร ถัดไปหน้าบ้าน เสียงสาว ๆ ยังวี้ดว้ายในสระสนุกสนาน
ผมก้มหยิบก้อนหินขว้างไปที่ต้นไม้เรียกความสนใจ เขาหันมาแล้วเดินก้าวมาสำรวจตามคาด
“ฟึ่บ!” ลูกปืนฝังที่ท้ายทอย ร่างใหญ่โตล้มตึง ยูซุปวิ่งไปลากขาสองข้างเข้าป่า
เราเดินเลียบอาคารไปด้านหลัง ย้อนกลับไปจุดที่ยิงยามคนแรก
“ดีมาก! เป้าหมายอยู่ชั้น 2” เสียงวิทยุดังขึ้น
ผมมองเข้าตัวบ้านชั้นล่าง บรรดาแขกเหรื่อจับกลุ่มคุยกันตามมุม อาการแต่ละคนเริ่มเมามาย สารพัดยาเสพติดวางเกลื่อนบนโต๊ะ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด ในขณะเดียวกันประชาชนของเขากำลังอดอยาก ไม่มีแม้กระทั่งกระดาษชำระ
เราเดินผ่านพวกขี้ยา ขึ้นไปชั้นสองโดยที่ไม่มีใครสนใจ
“ฟึ่บ!ฟึ่บ!” งานนี้ง่ายมาก ยาม 2 คนยืนเฝ้าประตูล้มลงไม่เป็นท่า
“โครม!” ผมถีบประตูห้องอย่างแรง ผู้ชายเป้าหมาย 2 คน และเพื่อนของเขา กำลังเสพยาหัวเราะหยอกล้อกับสาว ๆ ที่เปลือยเปล่าอย่างสนุกสนาน
โจเซฟ...ฝรั่งผมทองตัวสูงเป้าหมาย สะดุ้งสุดตัวตาเหลือกลาน เมื่อเห็นปืนในมือของผม สาว ๆ วิ่งแก้ผ้าโทง ๆ ร้องกรี๊ดออกไปนอกห้อง
“ใจเย็น ๆ นะ คุณจะทำอะไร อยากได้เงินหรือเปล่า? ผมจะหยิบให้” เฟอร์นันเดซร้องบอก ผมหันไปมองหน้ายูซุป เพื่อยืนยันตัวตน เขาพยักหน้าเบา ๆ…
ทันใดนั้น...
โจเซฟกระโดดเข้าคว้าสร้อยคอจากเฟอนันเดช
“ฟึ่บ!ฟึ่บ!” ผมเข้าไปกระชากของสำคัญจากมือของโจเซฟ รูปร่างของมันเหมือนนกหวีดของหมวดจางที่นาตาลียึดไว้เลย ไม่มีเวลามาสงสัยต้องเอาของกลับไปส่งที่หน่วย รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า
“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!” เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ระคนกับเสียงหวีดร้องของสาว ๆ ผมพุ่งตัวตามยูซุป กระโดดออกนอกหน้าต่าง วิ่งฝ่าความมืดกลับไปที่จุดขึ้นบกของเรา
“หัวหน้ามันตายแล้ว พวกมันไม่ตามมาหรอก” ยูซุปข่านบอกอย่างใจเย็น สวมตีนกบเตรียมดำน้ำอีกครั้ง
“แองเจิ้ล1เรียกฐาน Mission complete. ” ผมตบไหล่ยูซุป
“Good job!.” เสียงวิทยุบอกเลิกการติดต่อ ผมโบกมือขึ้นฟ้ามั่ว ๆ ให้โดรนที่ไม่รู้อยู่ตรงไหน ก่อนที่เราทั้งสองจะทิ้งตัวลงน้ำ
การยึดครองโลกใกล้เข้ามาทุกที ตัวแปรสำคัญคือนกหวีดพวกนี้ ใครกันนะที่ต้องการได้มันไว้ครอบครอง นกหวีดนี้หรือเปล่านะ ที่เป่าไปทั่วโลก ขอมีส่วนร่วมด้วยคนก็แล้วกัน
…………………………………………….หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |