หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 7 มี.ค. 2567 |
นอร์มังดี ฝรั่งเศส
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
มีนาคม ค.ศ.2024
“ Cr7! Cr7! Cr7! Cr7!” เสียงร้องเรียกดังกระหึ่มออกมาถึงด้านนอกสนาม
“ไปญี่ปุ่นมาเป็นยังบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย?” ผมถามในขณะเสียบหัวรถยนต์เข้าซองจอดข้างสนามฟุตบอลปาร์ค เดอ แพลงส์
“ไอ้ฮิโรชิมันโง่” สีสะหมอนตอบแล้วเปิดประตูลงไป
“โง่ยังไง?”
“มันไปอยู่ในปราสาทฮิโรชิม่า บ่อน้ำสี่เหลี่ยมล้อมรอบตัวปราสาทเป็นปราการป้องกันแบบโบราณ ทำให้มันหนีไม่ได้ไปด้วย หึหึหึ!” ไอ้สีอารมณ์ดี เดินเบียดแฟนบอลสาวฝรั่งเศส
“ Cr7! Cr7! Cr7! Cr7!”
“แล้วยังไง?” ผมเดินตาม คนหนาแน่นมาก
“แจ็ค!ขับโฮเวอร์ไบค์เข้าไปยิงไอ้ฮิโรชิ ตายคาที่นอนเลย”
“อะไรของมึง โฮเวอร์ไบค์” ผมสะดุดหู
“หัวหน้าไม่เคยใช้เหรอ? มอเตอร์ไซด์บินได้ มันเหมือนโดรนมีใบพัด 6 ตัว ขับโคตรมันส์เลย” มันเริงร่ามาก น้องลาวคนนี้ขอติดตามมาด้วย เพื่อน ๆ ที่เคยขับสิบล้อด้วยกัน หนีมาอยู่กับผมกันหมด เพราะเจ้าซอนสร้างเรื่องเอาไว้ในจีน กลับไปขับรถอีกไม่ได้
“เหรอ? ยังไม่เคยเห็นเลย ต้องลองขับสักหน่อย”
“ขับไม่ได้ ยูซุป ข่านกับแจ็คเอามันไปเก็บนกหวีดที่อินเดียด้วย”
“ทำไมมันติดใจเหรอ?”
“มันสะดวกมากเลยนะหัวหน้า ปราดเปรียวว่องไว เสียดายมันยังบินได้ไม่นาน แต่ก็เหลือเฟือสำหรับทำภารกิจ”
“กูยังตามหาอาเธอร์ไม่เจอเลย ไม่รู้ว่ามันไปหมกตัวที่ไหน?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ นานแค่ไหนก็รอได้ ยังไม่อยากกลับบ้าน”
ภายในสนามฟุตบอลปาร์ค เดอ แพลงส์ ลานตาด้วยเสื้อสีขาวของสโมสรฟุตบอลปารีส แซง แฌร์แมง คึกคักเป็นพิเศษทีม เจ้าบ้านให้การต้อนรับการมาเยือนของทีม เรอัล แมดริด ฟุตบอลจบลงด้วยความประทับใจ
Cr7 กองหน้าตัวเป้า นักเตะขวัญใจของผม ลงเตะนัดสุดท้ายเพื่ออำลาแฟนบอล เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดเลิกอาชีพนักกีฬาในเสื้อเบอร์ 7 กับสโมสรของฝรั่งเศส กำลังเดินรอบสนามเพื่ออำลา
ผมน้ำตาซึม รู้สึกห่อเหี่ยวหดหู่ใจที่ต้องเห็น คนที่เราเฝ้าเชียร์ต้องจากไป คนอื่นคิดอย่างไรก็ช่างมันสำหรับผมแล้ว มันเศร้ามาก ใจหาย ยิ่งพออายุมากขึ้น คนที่ผมรักค่อย ๆ ล้มหายจากไปทีละคน ทีละคน
บางครั้ง...กำลังใจที่จะเอาชนะอุปสรรค ก็มาจากคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่เคยเจอหน้ากันตรง ๆ ไม่เคยคุยกัน เขาส่งพลังผ่านจอโทรทัศน์มาให้เรามีกำลังใจ ฝ่าฟันอุปสรรคทางอ้อม จากนี้...ผมคงเลิกพูดคำว่า เจ็ทโด้ ไปตลอดกาลเช่นกัน
ผมมาอำลาโรนัลโด้กับสีสะหมอน เพื่อนรุ่นน้องชาวลาวที่เคยขับรถบรรทุกด้วยกัน ผมหนีออกจากบ้านเกิดไปอาศัยบ้านมันที่บอริคำไซ อยู่พักใหญ่ สุดท้ายผมตัดสินใจมาที่นี่ มันก็ขอตามมาเป็นทหารรับจ้างด้วยกัน
เรามายืนคอยข้างอุโมงค์เพื่อส่งเขากลับ ผมลุ้นรออย่างใจจดจ่อเพื่อจะได้สัมผัสมือกับฮีโร่ของผมสักครั้งในชีวิต สัมผัสกับเขาเป็นครั้งแรกและสุดท้ายเพื่อขอบคุณที่เขาสร้างความสุขให้หลายปี เสียงโห่ร้องก้องดังสนามรูปรังนก พร้อมเสียงตะโกน...
“เจ็ทโด้! เจ็ทโด้! เจ็ทโด้!” เสียงกึกก้องร้องเรียกขวัญใจของพวกเขาให้เหลียวมาหันมองสักครั้ง ผมเองก็อยากจะให้เขาได้เห็น เพื่อที่เงาของผมจะได้เข้าไปอยู่ในดวงตาของเขา
สีสะหมอนสะกิดแล้วชี้ไปที่มุมธงด้านขวา
“หัวหน้า! โรนัลโด้ มาโน่นแล้ว!” สีสะหมอนช่วยลุ้น เมื่อเขาเดินยิ้มโบกมืออำลารอบสนามกลับมา ผมตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ
ทันใดนั้น!..เสียงในสนามประกาศดังขึ้น...
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีและชาวโลก”
“...............” ในสนามเงียบกริบ
ทุกสายตาแหงนมองขึ้นไปที่จอภาพด้านหลังประตูทั้งสองฝั่ง หนุ่มฝรั่งดวงตาสีฟ้า เส้นผมหยักศกสีทองคุ้นตา ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป้าหมายรายต่อไปที่ผมต้องกำจัดอยู่ที่นี่เอง
“เฮ้ย!” ทันทีที่เห็น หัวใจก็ร่วงลงไปที่ตาตุ่ม ใช่!..อาเธอร์จริง ๆ เป้าหมายที่ผมต้องตามล่า
“สีสะหมอน เอาหูฟังมาใส่เร็ว เปิดเพลงให้ดังที่สุด เร็ว!” ผมลืมโรนัลโด้ไปชั่วขณะ ตอนนี้เจ้าน้องลาวคนนี้มีความหมายมากกว่า
เขารีบทำอย่างที่ผมบอก แต่ก็ไม่วายสงสัย...
“ฟังทำไม? เสียงดังจะตาย” มันบ่น แต่ก็ทำตามโดยดี
“ออกจากสนาม เดี๋ยวนี้!” ผมร้อนใจรีบแหวกผู้คนพาหนี
บนจอมุมสนาม...อาเธอร์กำลังกล่าวอำลามวลมนุษยชาติ วันนี้ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก บนลำคอของเขาสวมนกหวีดอันเล็ก ผมจำมันได้ดี
“กลับเร็ว! มึงวิ่งให้เร็วที่สุดนะ เข้ารถแล้วปิดกระจกเปิดเพลงดังที่สุด อย่าให้ได้ยินเสียงจากด้านนอก ไปเร็ว!” ผมรีบวิ่งลงบันไดทางออกลงมาที่ห้องโถงโค้งไปตามรูปทรงสนาม จอทีวีริมผนังถ่ายทอดสดให้อาเธอร์
“วี๊ด!...ดด!” ผมสะดุ้งเฮือก สิ้นสุดกันแล้ววงการฟุตบอล วันนี้แฟนบอลของทั้งสโมสรนับร้อยล้าน ที่ชมถ่ายทอดอยู่ทางบ้านต้องกลายเป็น Tamer 30
“Mesiah! Mesiah! Mesiah! Mesiah!” เสียงโฆษกที่พากษ์ในสนามตะโกนดังกว่าใคร วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของวงการฟุตบอล วันสิ้นโลกใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้ว
“Mesiah! Mesiah! Mesiah! Mesiah!”
ผมขนหัวลุกซู่ สิ่งที่น่ากลัว...มันอยู่ต่อหน้าผมต่างหาก ไอ้พวกนี้มันบ้าเลือด Tamer30 ในสนามนี้เป็นอันตราย หันกลับไปเร่งเจ้าสีสะหมอน...
“เฮ้ย! เร็ว! อ้าว!..หายไปไหนแล้ว?” ผมชะเง้อมองหา
“Mesiah!” สีสะหมอนกลายเป็น Tamer 30 ไปแล้ว เสียงนกหวีดทะลุทะลวงหูฟังเข้าสู่ก้านสมอง
“Mesiah!” มันวิ่งไปรวมกับแฟนบอลที่ทะลักลงไปกลางสนาม
โธ่เอ๋ยน้องรัก... ผมจำเป็นต้องหลบเพื่อความปลอดภัย วิ่งกลับออกไปลานจอดรถ
“Mesiah! Mesiah! Mesiah! Mesiah!” เสียงในสนามดังสนั่น ผืนแผ่นดินสะเทือนราวแผ่นดินถล่ม สลดใจกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า สงสารเจ้าน้องลาวที่ติดตามมาหาโอกาสของชีวิต //สีสะหมอนน้องรัก ขอบใจนะที่ช่วยพี่มาตลอด//
Tamer 30 รอบสนามเริ่มทยอยกันวิ่งมา ชาวเมืองแฟนบอลของทีมปารีส แซงแฌร์แมงกรูเข้ามาที่สนาม
“บรื้น...นนน!!” ผมขับรถยนต์หนีออกจากเมือง
“เรียกฐาน! พบอาเธอร์ที่สนามปาร์ค เดอ แพลงส์ ส่งโดรนติดตามตัวด้วย”
“ฐานรับทราบ!”
ผมขับรถกลับฐานอย่างเศร้าใจ สีสะหมอนมาจากไปอีกคน ผมเหลือเพื่อนน้อยลงอีกคน ได้แต่คิดวนไปมากับชะตาตัวเอง รอให้ฐานได้ที่อยู่ของมันมาก่อน ผมจะไปกระชากนกหวีดของมันเอง
...............................................................................
3 เดือนต่อมา...
บนตึกบัญชาการของ Exon service ชายฝั่งนอร์มังดี ฝรั่งเศส ผมเดินผ่านทหารอารักขาหน้าห้อง เข้าพบผู้บัญชาการ
เขายืนหันหลังคอยอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ยืนมองธงสัญลักษณ์ม้าศึกโจนทะยาน ที่ขึงตึงติดผนัง
“งานเดินเงินดี ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพื่อน!” ผู้การหลุยส์ปิแอร์เดินยิ้มร่าเข้ามาหาพร้อมตีมือ ผมยืนทำความเคารพเป็นงานเป็นการพร้อมกับเจ้าแจ็คเพื่อนคู่หูอีกคน
ผมมารับภารกิจเก็บนกหวีด เพราะมีบางอย่างที่ผมกำลังตามหา หลายปีที่ผ่านมาผมสลับทำงานกับคู่หู 3 คน ยูซุป ข่าน แจ็คและสีสะหมอน เราเดินทางไปทั่วโลก เพื่อทำภารกิจเดียวกันคือปลิดชีพคนและเก็บสร้อยนกหวีด
“นกหวีดอันที่ 5 จากเบลารุสครับท่าน” ผมยื่นของในมือให้กับเขา ดูท่าทางเขาจะดีใจมากเป็นพิเศษ กุลีกุจอเปิดกล่องดูผลงาน
“เดอะชาโดว์เยี่ยมมาก! คุณไม่เคยทำให้ผิดหวังจริง ๆ”...
“สงครามโลกหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว คุณจะไปร่วมรบกับอเมริกันมั้ย? จีนมันบ้าไปแล้ว มันยั่วยุก่อสงคราม ตั้งแต่มันจับมือกับรัสเซีย มันก็ท้าทายไปทั่ว เสือกหิ้วเกาหลีเหนือมาด้วย” เขายิ้มกว้างเอ่ยปากชวนคุย
ผมหันไปมองหน้าแจ็ค เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ขอบคุณครับท่าน ผมไม่สะดวกร่วมรบครับ ผมจะรับงานเก็บนกหวีดอย่างเดียว”
เขาขมวดคิ้ว มองผมด้วยสายตาสงสัย...
“ตั้งแต่คุณเก็บโจเซฟกับเจนินได้แล้ว สถานการณ์ของสงครามก็เปลี่ยนไป จีนบุกทุกชาติ มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ”
“ผมก็เห็นว่า สงครามกับ Soulless มีมากพอ ๆ กันแล้วครับ” ผมตอบตามที่ได้เจอในทุกประเทศ Soulless เดินปะปนกับผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แจ็คเอ่ยขึ้น...
“ไม่มีผู้นำคนไหนสนใจเรื่องความทุกข์ของคนในชาติ กลัวแต่จะแพ้สงคราม กลัวแต่จะเป็นเมืองขึ้น มันสนแต่เรื่องของมัน”
“เรื่องธรรมดา พวกนั้นมันก็เป็นอย่างนี้มาตลอด แต่พวกคุณมีอะไรกับนกหวีดหรือเปล่า? กระตือรือร้นมากที่ได้รับงานนี้ มีอะไรหรือเปล่าบอกผมหน่อยสิ?” เขาก้มหน้าลงมาถามกลิ่นซิก้าเหม็นหึ่ง
“ไม่มีครับผม!” ผมบอกใครไม่ได้เรื่องของนกหวีด /ท่านเองก็ระวังตัวไว้ด้วยเถอะ /
ผมได้เห็นแล้วว่า...ตอนนี้ทั้งโลกยังไม่มีใครรู้ว่า Soulless ที่เดินเพ่นพ่านกันอยู่ทุกประเทศ มันเป็นผลมาจากนกหวีดที่เขาถืออยู่ตอนนี้ องค์การอนามัยโลกยังงมโข่ง
“คุณคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม” ท่านยังยิ้มชวนคุย แล้วมองไปที่แจ็ค ชายหนุ่มใบหน้ายับย่น ร่างสูงโย่งใหญ่ยักษ์ในชุดคอมมานโด
“ผมคิดว่าจีนครับ” แจ็คมั่นใจ ผมเห็นด้วยกับเขา
แต่ผู้การกลับขมวดคิ้ว...
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น?”เขาถามแจ็ค
“จีนแอบล่าอาณานิคมมาตั้งนานแล้ว คนจีนกระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก แอบเป็นเงานั่งบริหารงานอยู่เบื้องหลังรัฐบาลในแอฟริกา แทบทั้งทวีปเป็นเมืองขึ้นของจีน และพันธมิตรต่าง ๆ ในแถบเอเชียอาคเนย์ก็พึ่งพาเงินของจีนเป็นหลัก ผมคิดว่า จีนได้เปรียบในสงครามนี้ครับ” แจ็คตอบเสียงดังฟังชัด
ผู้การพยักหน้าเบา ๆ...
“แจ็ค! คุณจะพักพร้อมกับเจ็ทโด้ด้วยไหม? หรือจะรับงานต่อ”เขายิ้มใจดีกับเด็กหนุ่มตัวสูง
“ผมขอรับงานต่อครับ ผมรอเจ็ทโด้อยู่ในสนามรบดีกว่าครับ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ” ผมเงยหน้ามองแล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขามีแต่รอยไฟไหม้เกรียมน่ากลัว เหมือนปีศาจมากกว่ามนุษย์
“ขอบคุณครับ!”
“ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติม ผมขอตัวไปดูทหารฝึกกันก่อนนะครับ” ผม มีงานอื่นรออยู่
“ขอบคุณมากนะเจ็ทโด้ คุณกลับไปพักผ่อน รอภารกิจใหม่ แต่ว่า...คุณจะไม่ไปลงสนามรบจริง ๆ เหรอ?” เขาอารมณ์ดีหัวเราะเบา ๆ
“ไม่ไปครับผม ขอตัวก่อนครับ” ผมตอบแล้วก้าวถอย เดินกอดคอเจ้าแจ็คออกประตู
ด้านหน้าห้องมีแขกมานั่งรอพบผู้การอีก 2 คน เหลียวไปมองชายจีนร่างสูงใหญ่ ใบหน้าบากดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นมาก่อน เขาก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ อีกคนอ้วนเตี้ยหัวล้านมีอายุแล้ว
“เคยเห็นไอ้นี่ที่ไหนวะ?” ผมพึมพำกับตัวเอง แอบมองเขาไม่ละสายตา ผู้การเดินตามหลังแวะเข้าไปทักทายเขาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร...
“ท่านนายพลห่าวอู๋! ผู้พันซีชาน! เชิญครับ!”
“หือ!” ผมสะดุดกับชื่อ เพ่งมองหน้าชัด ๆ อีกครั้ง รอยแผลเป็นบนใบหน้านั้น...ผมนึกออกแล้ว รีบก้มหน้าเดินลากแขนของเจ้าแจ็คหลบฉากแอบฟัง
ผู้การเดินยิ้มเข้าไปจับมือ กล่าวทักทายต้อนรับ...
“ได้สินค้ามาหรือยังครับ? ผมร้อนใจมาก เจ้านายจี้ถามตลอดเลย” นายพลตัวเตี้ยลุกลี้ลุกลนถามหน้าตื่น ผมยืนก้มหน้าแกล้งกดน้ำดื่มในตู้ แต่หูผึ่งอยากรู้ว่า เขาคุยอะไรกัน
“ได้มาแล้วครับ อยู่ในห้อง ลูกน้องของผมพึ่งเอามาให้”เขาเชิญทั้งสองเข้าห้อง
“ผมขอเจอตัวคนทำภารกิจนี้ได้หรือเปล่าครับ?” นายพลห่าวอู๋ถามขึ้นมา
“ขออภัยครับ! ไม่สามารถบอกได้ครับ” ผู้การตอบสวนกลับทันควัน แล้วผายมือเชิญเข้าห้อง
“น่าเสียดายจัง จะขอบคุณเขาสักหน่อย ผมชื่นชอบคนเก่ง”
“คุณตอบแทนด้วยเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นก็เพียงพอแล้วครับ” เสียงผู้การตอบแว่ว ๆ ก่อนปิดประตู
ผมเดินลงบันไดมากับเจ้าแจ็ค หัวสมองก็คิดไปเรื่อย ไอ้พวกนี้นี่เองที่อยู่เบื้องหลัง
“หัวหน้าพักนานมั้ยครับ?”
“ไม่นานหรอก มึงห้ามเจ็บตัวนะ”
จู่จู่...ยูซุป ข่านก็พรวดออกมาจากมุมตึก...
“เจ็ทโด้ครับ! พรุ่งนี้ผมจะเดินทางกลับบ้านที่คาบุล อัฟกานิสถาน จะไปพาลูกเมียมาอยู่ที่อังกฤษ” เขาร้อนใจ
“ทำไมรีบร้อนจัง มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“จีนถล่มอัฟกานิสถานแล้ว พอไม่มีคนหนุนหลังตาลีบันก็เผ่นก่อนเลย”
“เอ่อ!” โลกวิบัติไปหมดแล้ว
ยูซุปยื่นมือทั้งสองข้างมากุม สายตากร้านโลกนั้นมองผมอย่างอย่างอ่อนโยน แฝงความหมายลึกซึ้ง
“อื้อ!..ได้สิ รีบ ๆ กลับไปพาออกมา ให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า?” ผมรู้สึกใจหายแทนเขา ถึงจะลำบากแต่เขาก็ต่อสู้เพื่อเลี้ยงครอบครัว ความสุขแท้จริงรอเขาอยู่ที่บ้าน /สะท้อนในใจ...ผมสิ! ไม่มีใครคอยสักคน/
“ขอบคุณมากจริง ๆ ครอบครัวของผม เป็นหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ ผมจะระลึกไว้เสมอนะครับ นอกจากพระเจ้าแล้ว คุณคือคนที่ผมศรัทธา” เขายิ้มกว้างฟันขาว พูดยาวผิดนิสัย ปรกติไม่ค่อยพูดจากับใครมาก
“เฮ้ย!...เพื่อนกันอย่าคิดมาก มีเพื่อนแล้วไม่ช่วยกัน จะมีมันไปทำไม” ผมโบกมือปฎิเสธ
“เอาอย่างนี้มั้ยครับ? คุณแต่งงานกับลูกสาวผมมั้ย? ผมยกให้ เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวของผมจะได้คอยดูแลคุณด้วย ” สายตาที่สงมานั้นจริงจังและจริงใจ
“เอ่อ!” ผมไปไม่เป็นเลย
“คุณจะได้มีลูกไว้แก้เหงา ถ้าเราอายุมากจะได้มีเพื่อน”
“ขอโทษนะ ผมไม่ได้ดูถูกลูกสาวคุณนะ ช่วยพาเธอออกมาแล้วหาชีวิตที่สวยงามให้เธอดีกว่า ผมไม่บังอาจรับของขวัญชิ้นนี้” ผมบอกจากใจจริง// เพื่อนรักขอบคุณมากนะ //
“ภารกิจต่อไป ผมไม่ได้อยู่ช่วยคุณแล้ว และคงไม่กลับมาทำงานนี้แล้ว คุณต้องระวังตัวให้มาก อย่าบาดเจ็บนะครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง สองมือกุมมือของผมไว้แน่น
“อ้าว! คุณก็จะทิ้งผมไปอีกคนแล้วเหรอ?” ผมสะอึกกับการจากลาอีกครั้ง เขาเข้าสวมกอด...
“ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ เจ็ทโด้! ผมจะจำชื่อคุณไว้ ผมจะเล่าเรื่องของคุณให้ครอบครัวฟังและจะระลึกถึงคุณทุกครั้งที่ผมมีความสุข” เขาสวมกอดลูบหลังเบา ๆ
“ขอบคุณมาก ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกับคุณ” ผมซาบซึ้งกับเพื่อนร่วมตายคนนี้ เขาช่วยผมได้มากทีเดียวในภารกิจต่าง ๆ
เขาขยับไปสวมกอดกับเจ้าแจ็ค...
“แจ็ค! ฝากดูแลเจ็ทโด้ด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรไม่ดี โทรหาผมก่อนเลย” เขาหันไปฝากฝังผมกับเจ้าแจ็ค
ผมหันไปบอก
“ข่าน! ตั้งใจดูแลครอบครัวนะ ส่งพวกเขาถึงฝั่งแล้วจะกลับมาหาผมอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ผมจะรอคุณ” ผมตบไหล่เขาเบา ๆ
“ผมคงหาขับแท็กซี่เลี้ยงลูกเมียในอังกฤษ ถ้าคุณว่างมาเยี่ยมผมบ้างนะครับ มาบ่อย ๆ เลยก็ดี” เขายิ้มกว้างจับมือเขย่าไม่ยอมปล่อย
“ครับ!แล้วผมจะไปเยี่ยม ขอให้คุณโชคดี ดูแลครอบครัวไปเถอะ ผมไม่เป็นไร” ผมก้าวออกจากตัวอาคาร เดินแยกกับเขาด้วยใจหดหู่
เสียงตะโกนตามหลัง...
“ขอให้พระเจ้าประทานพรให้คุณมีความสุขและปลอดภัยนะครับ” เขายืดอกทำวันทยหัตถ์บอกลา ให้เกียรติในแบบทหารอาชีพ จนผมเดินถึงอาคาร
เพื่อนของผมทุกคน จากไปแล้ว แต่ในใจของผมกลับมาครุ่นคิดถึงทหารจีนสองคนนั้น ผมจำได้ว่ายิงไอ้คนตัวสูงหน้าบากตายไปแล้วนี่นา? มันมาที่นี่อีกได้ยังไง? พวกมันเป็นคนจ้างให้มาเอานกหวีดเหรอ? ชักอยากรู้แล้วสิ...
...................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |