หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 7 มี.ค. 2567 |
มณฑลหูเป่ย
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
มิถุนายน ค.ศ.2024
ยอดเขาบู๊ตึ๊ง...
เช้าของวันนี้ก็เหมือนกับวันปรกติธรรมดาทุกวัน สายลมบนยอดเขาสูงยังพัดเย็นเช่นเดิม ท้องฟ้ายังคงเป็นของนก แต่มันไม่ใช่นกทั่ว ๆ ไปจากธรรมชาติ มันคือนกเหล็กจากกองทัพจีนที่บินทั่วท้องฟ้า
จีนประกาศสงครามกับสหรัฐ โลกทั้งใบถูกแบ่งข้างเพื่อใช้อาวุธเข้าเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ปรานี ไต้หวันโดนโจมตีหนักโดยจีนแผ่นดินใหญ่จากข้ออ้างเดิม ๆ กลืนกินชาติของทิเบตอย่างไร้ความเป็นมนุษย์ สหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรกับโลกเสรีต้องเข้าร่วมสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลากแขนฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเข้าร่วมสงคราม
เส้นสีขาวปุกปุยบนท้องฟ้า พันกันวุ่นวายจากไอพ่นของเครื่องบินรบที่ทรงอานุภาพ มาพร้อมเสียงหวีดร้องของเครื่องบินในระยะต่ำทำให้ต้นไม้และพื้นดินที่มันบินผ่านสั่นสะเทือน ประหนึ่งว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ไปทั่วพื้นพิภพ ไม่คิดเลยว่าในช่วงชีวิตจะได้มีโอกาสเห็นสงครามโลกกับตาตัวเอง การเจรจาล้มเหลวสิ้นเชิงทุกครั้งต่างฝ่ายต่างยึดหลักการของตนเอง
การเมืองและทหารทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักร ผู้นำศาสนาต่าง ๆ หลบฉาก ไม่เข้ามามีบทบาทในสงคราม ปัดความผิดให้กับฝ่ายการเมืองและเคลมว่า พระเจ้าได้ลงโทษกับผู้กระทำผิดทั้งสองฝ่าย
ฉันติดตามข่าวสารทุกวัน จนเริ่มเข้าใจการเมืองการปกครองในรูปแบบต่าง ๆ และได้เห็นสัจธรรมบางอย่างของผู้มีอำนาจ หลายประเทศในทวีปแอฟริกาล่มสลายเกือบหมดสิ้น หลังโดนกองทัพสหรัฐเข้าทำลายเนื่องจากประเทศเหล่านั้น ได้รับการสนับสนุนจากจีน เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรบช่วยกองทัพจีน
เคยคิดไว้อยู่แล้วว่า วันหนึ่งสงครามเกิดขึ้นแน่ ความสับสนโกลาหลที่เกิดวันนี้เป็นผลพวงมาจากจิตใจมนุษย์ทั้งสิ้น ความโลภไม่รู้จักแบ่งปันของผู้นำประเทศใหญ่ ได้สร้างรอยร้าว ฝังลึกให้กับประเทศเล็กที่โดนมหาอำนาจบีบให้เข้าร่วมกับตนเอง เพื่อความกระหายในการได้ครองโลก
ฉันสลัดหัวเรียกสติคืนมา หลังจากคิดอะไรไปเรื่อย สงครามใครแพ้หรือชนะไม่ได้มีความหมายกับชาวบ้านเลย ใครมาเป็นผู้ปกครองชาวบ้านก็ต้องลำบากกับนโยบายบ้าบอ ต้องเสียภาษีให้พวกมันเงินเอาไปถลุงเล่นไม่ได้เกิดประโยชน์
“กลับกันหรือยังลูก?” เสียงใส ๆ ของหม่าม้าทักมาทำให้ฉันหันหลังกลับไปมอง
“ทำไมชอบมาที่นี่จังเลย ปีนี้แกมาที่นี่ 3 หนแล้วนะ ชอบอะไรที่นี่นักนะ” ท่านเดินยิ้มมากอดเอวด้านหลัง
สถานที่นี้สภาพภายนอกยังเหมือนเดิม อาคารดินสีแดงชาดหลังคากระเบื้องเขียวมรกตยังคงแข็งแรงต้านแรงลม อยู่มาหลายชั่วอายุคน ไม่ทรุดโทรมตามกาลเวลา สิ่งก่อสร้างจากแรงศรัทธาอยู่คู่ฟ้าดิน
“หนูมารอใครบางคน เขาสัญญาว่าจะกลับมา หนูเชื่อว่าเขาจะกลับมา” ฉันพูดเสียงแผ่วเบาสายตามองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ภูเขาสูงเสียดฟ้าข้างหน้าเคยเป็นพยานให้ฉัน
แม้นเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ฉันก็จะรอ ฉันกลับมายืนใต้แผ่นป้าย หลังจากขึ้นไปยืนดูแผ่นหินที่ครั้งหนึ่งเราเคยสลักชื่อติดไว้ ยังคงอยู่เช่นเดิม
“คราวนี้เจอหรือเปล่า? เขากลับมาไหม?” ท่านก็แหย่อย่างนี้ตลอด
ฉันส่ายหน้า ชีวิตของคนสั้นจริง ๆ เหมือนที่นาตาลีชอบพูดอยู่เสมอ ๆ อยากทำอะไรให้ทำเลย เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น?
ใจแวบคิดไปถึงเรื่องเก่า...ฉันแง่งอนกับเขาโดยไม่มีลางสังหรณ์ว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีอะไรมาเตือนให้รู้ตัว การจากไปกะทันหันเหมือนเตะปลั๊กโดนควักดวงใจ ทุกเช้าหลังจากลืมตาก็มักจะคิดถึงเขาก่อนเสมอ มันปวดร้าว ทรมานใจมาตลอด
สายลมอ่อนโยนที่พัดวูบผ่านผิวกาย ช่วยไปบอกกับเขาด้วยนะว่าฉันยังรอเขาอยู่ ยังคงคิดถึงไม่เสื่อมคลายกลับมาหาฉันบ้าง ในฝันก็ยังดี
“เดี๋ยวเราต้องขับรถกันอีกไกล คนไข้รออยู่ มืดค่ำด่านทหารเต็มเมืองไปหมด น่ารำคาญจริง ๆ” ท่านเตือนสติ
ฉันทิ้งความฝันที่อยากเป็นไอดอลกลับเข้าป่ามาช่วยนาตาลีทำวัคซีน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีใครพูดถึงแทนอีกเลย ทุกคนกำลังลืมเขา ฉันเลยหนีกลับมาเป็นพยาบาลอาสา ช่วยท่านทั้งสองรักษาคนไข้ผู้ยากไร้ขาดที่พึ่งที่เป่ยซี เขา!..คนที่ฉันรัก ชอบช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าเสมอ ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือเดินตามรอยของเขา ความแค้นในใจไม่เคยเสื่อมลง แม้ทุกคนจะลืมเขาไปแล้ว แต่ฉันต้องล้างแค้น ฉันจะล้างแค้น ฉันทำคนเดียวก็ได้
“คนเรามีวิธีทำให้ลืมเรื่องเจ็บปวดได้หรือเปล่าคะ?” ฉันชวนท่านคุยพร้อมก้าวเดิน เตรียมลงจากภูเขากลับไปที่รถยนต์ ภาพความทรงจำเก่า ๆ ยังคงงดงามในความทรงจำ ทุกย่างก้าวบนภูเขาลูกนี้ ฉันยังจำได้ไม่ลืมแม้จะผ่านมาหลายปี
“อืม...ฉันก็ไม่รู้ว่ามันทำให้ลืมได้หรือเปล่า? แต่จะไปลืมมันทำไม?..เรื่องดี ๆ ที่อยากจำให้พูดบ่อย ๆ สิ เรื่องที่ไม่อยากจำก็อย่าไปพูดถึงมัน เดี๋ยวก็ลืมไปเอง แต่มันก็มีวิธีที่ทำให้เราไม่สับสนและมีความสุขง่าย ๆ อยู่เหมือนกันนะ” ท่านเอื้อมมือมาเกาะแขน เพื่อพยุงตัวเดิน
“ยังไงคะ?”
“แกเคยได้ยินเรื่องนี้มั้ย? รู้ เข้าใจและยอมรับ!”
“ไม่เคยได้ยิน” ฉันส่ายหน้า
“ฉันว่ามันใช้ได้นะ ใช้ได้กับทุกเรื่องทุกสถานการณ์เลย ไหนลองบอกมาสิว่า แกกลุ้มใจเรื่องอะไร?” ท่านถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องอะไร ถ้าบอกไปตรง ๆ ฉันต้องร้องไห้แน่ จะพาท่านร้องไห้ไปด้วยหมดสนุกกันพอดี แต่ดูเหมือนท่านจะรู้ว่าฉันคิดอะไร
“การสูญเสียคนรัก ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต มันเป็นความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ แต่มันคงไม่ถูกต้องนัก เมื่อคิดถึงเขาแล้วต้องมาเสียใจเศร้าใจ มันต้องคิดถึงแล้วมีความสุขสิถึงจะถูก มีเรื่องดี ๆ ให้คิดถึงกันมากมาย คิดอย่างนี้นะลูก” ท่านหยุดเดินหันมามองหน้า ริ้วรอยบนใบหน้าของท่านเริ่มมากขึ้นตามวัย แต่ท่านยังคงสวยสง่าเหมือนเดิม
“รู้!...รับรู้ไว้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น รู้ว่า...มันแก้ไขไม่ได้ รู้ว่า...เวลาไม่เคยย้อนกลับมา และรู้ว่า...เราเคยรักกัน” ท่านจ้องตาพูดหนักแน่น
ฉันพยักหน้าเบา ๆ และรู้ว่าเขากลับมาไม่ได้แล้ว ไม่มีใครฟื้นจากความตาย ฉันเห็นความตายนั้นต่อหน้าและลืมมันไม่ได้ ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องจากไปไม่มีวันหวนกลับ
“เข้าใจ!.......เมื่อรู้แล้วก็ทำความเข้าใจกับผลที่จะตามมา การจากตายไม่มีปาฏิหาริย์ จงเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติ มนุษย์ต้องตายทุกคน เข้าใจ...ในการเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง เข้าใจว่า สิ่งที่ทำให้เราต้องทนทรมานมาจากผลของมัน” ท่านสูดลมหายใจลึก...
“ยอมรับ!...เมื่อรู้แล้ว เข้าใจแล้ว ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ยอมรับ...ในความเป็นจริง ไม่ว่ามันจะยากเย็นเพียงใด ความจริงก็คือความจริง เวลามันจะทำหน้าที่เยียวยาของมันเอง ต้องยอมรับว่า เขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว” เสียงของท่านเหมือนนางฟ้าที่คอยปลอบโยนใจที่บอบช้ำ
ฉันคิดตรึกตรองตามที่ท่านพูด ข้อนี้แหละที่ทำให้มีปัญหา ยอมรับไม่ได้และโทษตัวเองมาตลอด ยอมรับไม่ได้ที่จะบอกกับทุกคนว่าเขาตายไปแล้ว แต่ความจริงก็คือความจริงท่านพูดไม่ผิดหรอก ใช้เวลาต่อไป ถ้ายังยอมรับไม่ได้ วันหนึ่งก็คงยอมรับได้เอง ต้องใช้ชีวิตกับความขมขื่นนี้ตลอดไปก็ต้องยอม
“ใคร ๆ ก็ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับการจากลา แต่ถ้าเรารู้ เข้าใจและยอมรับ ความเสียใจจะทุเลาลง แต่การเสียใจ การร้องไห้ เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งนะลูก” ท่านลูบหัวอ่อนโยน ฉันพยักหน้ารู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ เอ่อขอบตารีบกะพริบตาก่อนที่ท่านจะเห็น ถึงแม้ที่ท่านพูดจะไม่ได้ทำให้หายเศร้า แต่ก็คลายเหงาและเบาใจลงมาก
ฉันหันหลังกลับไปมองป้ายตระหง่านอีกครั้ง สายลมอ่อน ๆ ปะทะเส้นผมปลิว ก่อนจะเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ...
“ตำหนักหวนคืน เมื่อไหร่เขาจะหวนกลับมา” หัวใจของฉันยังเปี่ยมความหวัง ถึงมันจะไม่มีวันเป็นจริงก็ตาม เฝ้าหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า วันหนึ่งเขาจะกลับมา เขาแค่ไปทำงานต่างประเทศ เขาไม่เคยผิดสัญญา
ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน ฉันต้องแวะมาที่นี่ ถ้ามาคนเดียวก็จะใช้เวลาทั้งวันเดินวนไปมาอยู่บนเขาบู๊ตึ๊งแห่งนี้ จนกว่าพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ดูให้แน่ใจว่า จะไม่มีคนขึ้นมาอีกแล้ว...ฉันถึงกลับ
ฉันเดินทางไปทุกที่ที่เราเคยมีประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อระลึกถึงความทรงจำที่มีต่อเขา นาตาลีทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ใคร เราห่างกันมากขึ้นทุกที
ท่านเอ่ยถาม หลังจากขับรถยนต์ออกมาได้สักพัก...
“ฉันอยากอุ้มหลาน เมื่อไหร่แกจะแต่งงานซะที?” หม่าม้าทวงสัญญาถึงเวลาที่ฉันต้องแต่งงาน ฉันหลบเลี่ยงมาโดยตลอด
“เจอรี่! ก็ดีนะ ป่ะป๋าก็ชอบคนนี้ ฉันว่า เขามีเสน่ห์ดี” ฉันได้แต่ยิ้ม รู้สึกผิดทุกครั้งที่คุยกันเรื่องแต่งงานต้องหาเรื่องโกหกไปเรื่อย แต่คราวนี้คงหนีไม่ได้แล้ว
เจอรี่ลูกชายนักการเมือง เป็นนายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล ขาวหล่อสไตล์คนจีนหุ่นแมน ฉันไม่ได้สนใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเป็นลูกศิษย์ของป่ะป๋า เขาเข้าหาฉันทางผู้ใหญ่
“หนูก็ชอบนะเขาหล่อดี แต่ถ้าให้แต่งงานอยู่ด้วยหนูต้องตกลงกับเขาเยอะ” ฉันไม่ได้กลัวเรื่องความเจ้าชู้ แต่เบื่อความเจ้ายศเจ้าอย่างชอบแสดงความโง่ให้เห็นบ่อย ๆ ด้วยการอวดรวยและข้อห้ามอีกสารพัด แต่คิดว่าเรื่องพวกนี้ น่าจะตกลงกันได้ ลองคิดดูอีกนิด
“ทำไมล่ะ? ฉันจะได้อุ้มหลานไว ๆ”
“อ้าว!..ทีอย่างนี้อยากจะให้หนูมีลูก ไหนบอกว่า ไม่อยากให้หนูมีลูก จะไม่ช่วยเลี้ยงไงเล่า พูดเองจำไม่ได้หรือไงคะ?” ฉันแย้งเพราะเชื่อท่านมาตลอด ฉันเลยไม่กล้ามีเซ็กซ์ก็เพราะกลัวท้องนี่แหละ เลยต้องไปใช้บริการของนาตาลี
“ตอนนั้นแกยังเด็กก็ต้องสอนแบบนั้น ตอนนี้แกอายุมากแล้วก็ต้องสอนอีกแบบ มีลูกสัก 3 คนกำลังดี บ้านเราก็ไม่ได้เดือดร้อนเงินทอง มีทายาทมาก ๆ ก็ดี ตอนนี้ฉันยังแข็งแรงจะได้ช่วยกันเลี้ยง มีฝาแฝดก็ดีน้า”ท่านฝันกลางวัน พูดเป็นตุเป็นตะ
“หม่าม้า! เคยบอกว่า ให้หนูแต่งกับคนที่เรารักไม่ใช่เหรอ?” ฉันโยกโย้ไปเรื่อย จริง ๆ แล้วก็เริ่มคิดตามบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสนใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่สามี ฉันต้องการเข้าใกล้หวังฉวน
“อ้าว! แกไม่ได้รักเจอรี่หรอกเหรอ เห็นไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ” ท่านขยับตัวหันมามองหน้า
“ก็เกรงใจป๋ากับม้าน่ะแหละ! ชวนเขามาบ้านตลอด หนูก็เหงา ๆ เขาก็ไม่ทำตัวน่าเกลียดก็เลยลองไปเที่ยวด้วย ไม่มีอะไรหรอก” ฉันตอบกั๊ก ๆ ไป
“แล้วเดวิดล่ะ เดวิดก็ดีนะ” ท่านเอ่ยถึงเดวิดนักเรียนนอกอีกคนที่มาติดพันฉัน
“หนูคิดว่าเขายังเด็กเกินไป”เขาแสดงความเห็นแก่ตัวให้เห็นบ่อย คนนี้ไม่ประทับใจเลย
“งั้นเอาคนสูงอายุหน่อยก็ดี เสี่ยวหวังก็เอาใจเก่งนะ” เรื่องนี้จริงฉันไม่เถียง ชายวัย 50 อัพใจดีเกือบทุกคนหรือจะแต่งงานกับคนแก่ดีนะท่านยังเพ้อฝันไปเรื่อย
ฉันยังหัวกลวงอยู่เลยไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ ถ้าฉันแต่งงานนาตาลีจะอยู่อย่างไร?
“Rrrr!” โทรศัพท์ดังขึ้นดึงสติกลับมา สงสัยเป็นเจอรี่แน่ ๆ หมอนี่...ตามจิกตลอดไม่ตื่นเต้นเลย มองไปที่หน้าจอคอนโซลรถยนต์...Unknown เบอร์คนไม่รู้จัก ใครกันนะ ?
“หนีห่าว! ไป่ไป๋พูดค่ะ!”
“Long time no see. How have you been. Jessica?”
“หือ!” ฉันจำเสียงได้ เขามาได้ยังไง? ตื้นตันใจ ดีใจอกระเบิดที่ได้ยินเสียงนี้อีกครั้ง เสียงที่หายไปจากชีวิตของฉันนานมากแล้ว น้ำตาซึมขึ้นมาทันที...
“เจ็ทโด้!... คิดถึงจังเลย หนูคิดถึงคุณมาก ๆ เลย หัวใจหนูเต้นเร็วมาก หนูจะร้องไห้ ฮือฮือ!!” สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ จอดรถข้างทาง
“ฮือฮือ! หายไปไหนมา” ร้องไห้สะอื้นดังระงับอาการดีใจไว้ไม่อยู่
“ว่างหรือเปล่า?” เสียงทุ้มถามมาตามสายอย่างนุ่มหู เขาขาดการติดต่อกับทุกคนและหายไปจากชีวิตของพวกเราเลย หลังจากที่เขามาช่วยพวกเราจากหมู่บ้านสุขาวดีที่ฉางชุนเมื่อหลายปีก่อน แม้แต่ซอนเพื่อนสนิทก็ติดต่อเขาไม่ได้
วันสุดท้ายที่ยังจำไม่เลือน ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างอุ้มร่างไร้สติของแทนเดินจากพวกเราไป...พร้อมกับบราวนี่ที่วิ่งตามไปจนลับตา นั่นเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นสองคนพี่น้อง
“สำหรับคุณ หนูว่างเสมอ มีอะไรให้รับใช้คะ พี่ชาย?”ฉันอยากเจอมานานมากและรู้สึกผิดกับเขามาตลอดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“ไปเจอกันที่บ้านเจ้าซอนนะ คิดถึง!”
“..........” เขาวางสายไปแล้ว ฉันยังจอดรถนั่งยิ้มอย่างสุขใจ หัวใจพองฟูมีความสุข ดีใจสุด ๆ
“หม่าม้าขา!..หนูไปลาเสี้ยวนะคะ” ฉันยิ้มกว้างโผเข้ากอด ท่านนั่งมองยิ้มพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากเป่ยซีไปที่หมู่บ้านมงยังของซอนไม่ไกลกันมากขับรถไปหาได้สบาย ๆ
“ระวังตัวด้วยนะลูก ช่วงนี้มันเกิดสงคราม” ท่านยิ้มเอามือลูบหัวเบา ๆ ฉันมองเห็นทุกอย่างรอบข้างสดใส ขอบคุณมากนะคะหม่าม้า
“คุยกับนาตาลีให้เข้าใจ แล้วรีบกลับมาแต่งงานนะ” ท่านเกาะแขนมองด้วยสายตาอ้อนวอน
“ก็ไม่รู้สินะ! หนูรักนาตาลีนะคะ” ฉันตัดบทแล้วบึ่งรถกลับเป่ยซี
“อย่าคิดมากเรื่องแก้แค้น ปล่อยวางไปบ้าง อย่าลืมกินยา อย่าอยู่คนเดียว ถ้ารู้สึกไม่ดีก็ร้องเพลงนะลูก”
“โอเคค่ะ!”
ช่วงหลังมานี่ นาตาลีบ้างานขนาดหนัก ไม่สนใจกันเลย ขลุกอยู่กับหมวดจางในห้องทดลองเป็นเดือน ๆ ทั้งวันทั้งคืน คงหมดรักฉันแล้วมั้ง? แม้เวลาจะผ่านไปทุกวัน ฉันยังคงคิดถึง และจะคิดถึงจนกว่าจะไม่คิดถึง
.........................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,862 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,978 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |