หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 2 เม.ย. 2567 |
ลาเสี้ยว รัฐฉาน
มุมมองสายตา นาตาลี พัค
มิถุนายน ค.ศ.2024
หมู่บ้าน มงยัง...
เมียนมาเข้าสู่ฤดูฝน ภูเขาเขียวสดชุ่มฉ่ำอากาศสดชื่น เมื่อคืนสายฝนก็กระหน่ำอย่างหนัก หลังจากที่ฉันมาขออยู่ด้วย หมวดจางก็ยึดบ้านของซอนและยึดเงินของซอนมารวมกันสร้างโรงงาน สร้างห้องวิจัย ช่วยกันพัฒนาครีมลอกคราบจนทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างพร้อมจำหน่าย ช่วงนี้พอมีเวลาว่างบ้างแล้ว แทบไม่ได้เจอกับไป่ไป๋เลยมัวแต่ทำงาน
“ดอกเตอร์! กินข้าวเช้ากันค่า” หมวดจางตัวหอมมาเลย สวยน่ารักในชุดประจำชาติไทใหญ่ นุ่งผ้าซิ่นไหมยาวสีแดงสดขลิบทองคลุมขา เสื้อรัดรูปคอกลม แขนตั้งในสีเดียวกัน หน้าอกบึ้มมาก...ขอบอก
เธอยังสวยและเซ็กซี่เหมือนเดิม ถึงแม้นอายุจะเลย 30ไปแล้ว เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเป็นเจ้าแม่ของหมู่บ้านนี้ไปแล้ว ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า แม่ใหญ่
ฉันไม่รู้ว่า...นี่คือที่สุดของเธอหรือยัง? หม่าม้าเคยทำนายว่า เธอจะยิ่งใหญ่ ฉันก็มองอยู่ตลอด เธอเป็นยอดฝีมือตัวจริง ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณกับลูกน้องของซอน จนพวกนั้นแปรพักตร์มาขึ้นกับเธอหมดแล้ว //แอบคิดในใจ...ถ้าแทนของฉันยังอยู่ เขาก็คงเป็นหนุ่มใหญ่อายุ 30 แล้วสินะ//
เธอเดินเข้ามาเกาะโต๊ะวิจัยงาน...
“พักบ้างเถอะ! จะขยันไปถึงไหน ทำงานเหมือนองค์ลง ไม่สนใครเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนอีกล่ะสิ?”
“เตรียมวัคซีน Anti Tame 26 ไว้เยอะ ๆ ก่อน จะได้ช่วยคนได้มาก ๆ โชคดีจริง ๆ ที่รถเหลืองของซอน มีคราบเลือดของจูยอน มีคนรอดมากขึ้นแล้ว”
“ฉันเก่งมั้ยล่ะ? หาเลือดจูยอนจนเจอ”
“จ้า! แม่ยอดมนุษย์” ฉันยอมรับว่าเธอเก่งจริง พอขอคำปรึกษา เธอก็ไล่ Time line การเดินทางในวันที่จูยอนโดนแทง สุดท้ายไปเจอคราบเลือดของจูยอนไหลลงไปคลังอาวุธท้ายรถยนต์เหลือง
“รักคุณจังเลยดอกเตอร์” เธอกอดคอหอมแก้ม
ฉันสบายใจมากที่ได้มาอยู่กับเธอ ได้ที่พัก อาหารและลูกมือชั้นหนึ่ง พวกเขาดูแลเหมือนน้องเล็ก พ่อเลี้ยงซอนไปพานักเรียนมัธยมมาฝึกงานด้วย ฉันเลยสบายขึ้นมาอีก
“ซอนล่ะคะ กลับมาหรือยัง?”
ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นทหารจีนอีกต่อไป แต่เพื่อนทุกคนยังให้เกียรติเรียกเธอว่า หมวดจางเหมือนเดิม บ้านในจีนของเธอก็กลับไม่ได้แล้ว ตกงานกันถ้วนหน้า เป็นเพราะฉันกันหมดทุกคน /น่าภูมิใจตัวเองจัง/
“กำลังขับรถกลับมา” เธอจูงมือออกจากห้อง หันไปมองน้อง ๆ ยังยกหลอดขึ้นมาดูกันอยู่ เห็นแล้วก็สงสารไม่ได้หลับไม่ได้นอน ต้องมาทำงานตามฉัน
เราเดินผ่านกระถางดอกกุหลาบเหลืองบานสะพรั่งริมสระน้ำทางซ้าย ตัวบ้านของซอนอยู่เยื้องไปทางขวา บ้านกับห้องทดลองอยู่ห่างกันพอสมควร ฉันมักจะหมกตัวอยู่ในห้องทำงานไม่ได้ออกไปไหน ไม่ปล่อยให้หัวสมองว่าง
“ตอนนี้ซอนมีลูกน้องกี่คนแล้ว? ฉันยังไม่เคยไปค่ายฯ นั้นเลย” ฉันแทบไม่ได้เห็นหน้าซอนเลยด้วยซ้ำไป
“500 คนได้มั้ง? ตอนนี้เป็นพ่อเลี้ยงไปแล้ว คุณขึ้นไปดูบ้างสิ วัคซีนข้างบนนั้นเพียบ ไปเยี่ยมเซลล์แมนของเราหน่อย” เธอบอกแล้วชะเง้อมองไปหน้าบ้าน ประตูรั้วบ้านถูกสร้างเป็นกำแพงสูง ประตูใหญ่ปิดสนิทตลอดเวลา
ฉันมองใบหน้าสวยของเธอแล้วรู้สึกอิจฉา เธอโชคดีกว่าพวกเราทุกคน ได้ใช้ชีวิตกับคนรักอย่างมีความสุข และมีครอบครัวที่อบอุ่น ชะตาชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริง ๆ เธอน่าจะเป็นคนที่ตายเป็นคนแรกแท้ ๆ
“ตอนนี้สงครามกำลังถล่มกันหนักมาก วุ่นวายไปหมดทั้งสงครามทั้งโรคระบาด” สงครามเกิดขึ้นไปทุกทั่วหัวระแหงแย่งชิงอำนาจกัน ปัญหาเรื่องโรคระบาดดูด้อยค่าไปเลย
“ไม่รู้จะรบกันไปถึงไหน? ฉันไม่อยากจะสนใจเลยเรื่องพวกนี้ ทำไมพวกเขาไม่เปลี่ยนการต่อสู้เป็นการต่อรอง” ฉันไม่ชอบความรุนแรง ไม่เคยสนับสนุนใครให้ใช้กำลัง
หมวดจางพยักหน้าเบา ๆ...
“ฉันยอมรับจิตใจของคนเมียนมาจริง ๆ กองกำลังประชาชนชนะกองทัพเผด็จการทหารได้สำเร็จ แต่มาสะดุดกับสงครามโลกอีกครั้ง วุ่นวายจริงหนอมนุษย์” ยายจางเดินตูดบิด ฉันแอบลูบก้นกลมแน่นของเธอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ฉันก็ยังโรคจิตเหมือนเดิม แอบจับนม จับก้น จนเธอตีเอาหลายครั้งแล้ว
“ได้ข่าวว่า คนของเราไปช่วยรบเหรอ?”
“อืม!เด็กของเรามีความแค้นในใจ พวกเขาได้ทำหน้าที่ของพลเมืองไทใหญ่ ดีแล้วล่ะ!เพื่อปลดแอกมาตุภูมิ พวกเขาคือฮีโร่ของเผ่าพันธุ์” แม่ใหญ่อมยิ้ม
“ทำไม? ดีอะไร?”
“พวกเขาเรียนและฝึกซ้อมมาตั้งนาน ถือว่าเป็นการสอบภาคสนามด้วย สอบไม่ผ่านไม่ต้องกลับบ้าน” เธอแหลมคม ลุ่มลึก
“คุณไม่มีความสงสารในหัวใจบ้างหรือไง? ส่งคนไปตายก็เอา โหดจริง ๆ”
“ดอกเตอร์คะ! หน่วยงานที่แข็งแกร่งที่สุดของเราคือพวกเขา เพราะความรัก ฉันได้ลงทุนจัดหาอุปกรณ์ทุกอย่างให้ซอนฝึกพวกเขาเป็นมืออาชีพ ถ้าพวกเขาตั้งใจเรียนรู้ในระหว่างที่สอน พวกเขาจะรอดกลับมา แต่ถ้าพวกเขาหลอกสายตาของเรา ซ่อนความจริงใจไว้ เขาจะไม่ผ่านการทดสอบและตายในสนามรบ แสดงว่าเขาไม่เหมาะกับการทำงานอารักขาและจู่โจม ถ้าปล่อยไว้จะเป็นจุดอ่อนและพวกเราจะตายเพราะคนแบบนี้”
“เอาเถอะ ฉันไม่ขอยุ่งกับการต่อสู้ ขอแค่ไม่ต้องวิ่งก็พอ” นึกแล้วก็ขำ นึกแล้วก็คิดถึงแทนของฉัน กลับมาพาฉันวิ่งอีกสิ
“ไม่ต้องกังวลใจ หลงซันเก่งและใจถึงมาก หล้าก็ยอดคน เขายอมตายแทนพวกเราได้ ฉันเชื่อใจทั้งสองคนและเชื่อใจลูกน้องทั้งหมด ปล่อยให้ซอนได้ทำงานที่เขาถนัดไปดีแล้ว เราก็ทำงานของเราไป”
“วันนี้โทรหาไป่ไป๋ดีกว่า ฉันว่างงานแล้ว”
“ไป่ไป๋แปลก ๆ ไป ดูแลน้องหน่อยสิ เธอคงเหงา เมื่อก่อนตอนเย็น ฟ้าแดงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เธอร้องไห้ตลอด ความรักมั่นคงมาก”
“เหรอทำไมฉันไม่เคยเห็น?”
“คุณจะเห็นได้ยังไง เข้าห้องทำงานก็หายไปเลย ถ้าฉันไม่เดินมาหาก็ไม่เห็นหน้า จะทุ่มเทอะไรขนาดนั้น ฮึ?”
“ฉันทุกอย่างก็ทำเพื่อพวกเราทุกคน”
“ฉันรู้และเข้าใจคุณ มากกว่าแฟนของคุณซะอีก” เธอพูดถึงไป่ไป๋ที่งอนกลับบ้านไป
เรือนกระจกริมกำแพงด้านขวา ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าบ้าน ...
“ฉันติดต่อเอเจนต์มาจำหน่ายครีมลอกคราบของคุณแล้วนะ พวกเขาตื่นเต้นกันใหญ่” เธอบอกพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้
“เลือกมาที่เดียวพอเอาคนที่ให้ผลประโยชน์ของเราสูงสุดและต้องให้ไป่ไป๋เป็นพรีเซนเตอร์เท่านั้น ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ของเราว่า Jessica reborn นะคะ เรายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย เดี๋ยวถ้าอยู่พร้อมหน้ากัน ฉันต้องบอกข่าวดีสักหน่อย” ฉันดีใจเนื้อเต้น สินค้าเป็นที่ต้องการของลูกค้า
ทันใด...
“แป๊น!” เสียงแตรรถยนต์ดัง ทหารวิ่งออกไปเปิดประตู เมอร์ซิเดสสีดำแล่นเข้ามาจอดในโรงข้างโต๊ะสนุกเกอร์
“กรึบ!” ชายหนุ่มตัวสูงสวมฮู้ดสวมแว่นดำ ปิดประตูยืนอย่างมั่นคง ยิ้มกว้างยกมือทักทายกับทหาร กล้ามเนื้อเป็นมัดในเสื้อกล้ามรัดรูป สมชายชาตรี เซ็กซี่จัง
เขาหันมองอาคารวิจัย เดินผ่านสระน้ำหน้าบ้านมาหาพวกเรา ยิ่งเดินมาใกล้ ท่าทางเริ่มคุ้นตา รอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนคนรู้จัก
“หึ๋ย!!” ฉันเด้งลุกขึ้นยืน
“ตึกตึก!ตึกตึก!” หัวใจเต้นรัวหัวใจเต้น 120 มือกำแน่น ตัวสั่นดีใจท่าทางเหมือนสุนัขเห็นเจ้าของ ขาของฉันซอยยิก ค่อย ๆ ก้าวสวอนเลคเข้าไปหาราวถูกดูดด้วยแม่เหล็กขนาดใหญ่ เมื่อใกล้พอก็กระโดดตัวลอยเข้ากอดอย่างไม่ลังเล
“เจ็ทโด้!!!!!!!”
“เฮ้ย!” เขาตาค้าง
“เจ็ทโด้! คิดถึงจังเลย” ฉันกอดเขาเหมือนลูกลิงกอดแม่ ดีใจที่มีโอกาสได้เจอกันอีก นานมากแล้วไม่เคยได้เจอหน้ากันเลย
“คิดถึงมาก คิดถึงที่สุด” ฉันทั้งกอดทั้งหอม ขาสองข้างยังรัดเอวกอดคอไว้แน่น มีความสุขจัง หัวใจพองมาก เขามีพลังบางอบ่างในตัวกระตุ้นให้ฉันฮึกเหิม ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลบ รู้สึกปลอดภัย
เขาจับใบหน้าของฉันบีบจนปากจู๋...
“มาอยู่ที่นี่เอง ผมคิดว่า คุณตายไปแล้วซะอีก หนังเหนียวจริง ๆ” เขาสายตาดีใจ
“ใคร ๆ ก็ไม่ต้องการให้ฉันมีชีวิต แต่ฉันเก่ง ไม่ตายง่ายหรอก” ยืดอกโชว์สักหน่อย วันนี้มีความสุขจังเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หมวดจางหัวเราะลั่น เดินไปรับถาดอาหารจากเด็กสาว มาจัดเรียงบนโต๊ะอาหารในเรือนกระจก
เขาจ้องเขม็งไปที่เธอ…
“ยายนี่...ตกลงยังไง?” กระซิบข้างหู อุ้มฉันเดินกระเด้งกระเด้ากลับโต๊ะทั้งอย่างนั้น
ฉันกระซิบกลับ...
“เมียซอน พวกเดียวกัน เป็นพวกเดียวกันแล้ว”
“ใหม่สุงค่า” หมวดจางยิ้มทักทาย โค้งศีระษะ
“ใหม่สุงค่า” เขายังขมวดคิ้วมอง...
“เอ้า!..นั่งได้แล้วดอกเตอร์ ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้วครับ? ยังเล่นเป็นเด็กเหมือนเดิม” เขาค่อย ๆ ประคองวางฉันลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร แต่ดันมาถามอายุให้อารมณ์เสียซะอย่างงั้น
“30 แล้ว แก่แล้วถามทำไม? ไม่มีมารยาท”
“แต่งงานหรือยัง? ถ้ายัง...แต่งงานกับผมมั้ย?” จู่ ๆ มาพูดอย่างนี้ใจหายนะ พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?
“เอาสิ! แต่งเมื่อไหร่ดี” ใจเต้นแรงมาก
“ผมล้อเล่น” เขาลูบหัว
“ฉันก็ล้อเล่นเหมือนกัน” บ้า! ใจเต้นเลย
เขาปลดแว่นดำลงมาวางบนโต๊ะ เผยให้ดวงตาคมกลมใส คิ้วเข้มจมูกเหยี่ยวโด่งเชิด กรามเหลี่ยมเข้ารูป เปิดฮู้ดถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นผมเกรียนทรงทหาร หน้าตายังคมเข้มสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม บนไหล่ด้านขวาสักรูปกระบี่แทงทะลุดวงจันทร์สีขาวนวล เขายิ้มมองหมวดจาง...
“ผมจะมาขออาศัยเจ้าซอนสักพัก ขออนุญาตผู้หมวดด้วยนะครับ” เขาก้มหัวให้หมวดจางอย่างสุภาพ
หมวดจางลนลานประหม่า...
“อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตก็ได้ค่ะ พวกฉันก็เหงา มีคนคิดถึงคุณมากเลยด้วยนะ” เธอก้มศีรษะให้เขาอย่างสุภาพ เกร็งอย่างเห็นได้ชัด
“มานะ! มาอยู่ด้วยกัน” ฉันคว้าแขนหมับ เห็นเขาก็เหมือนได้เห็น แทนของฉันอีกครั้ง
ยังไม่ทันได้คุยกันมากมาย..รถเก๋งสปอร์ตสีแดงสดที่คุ้นตาก็ขับผ่านเข้ามาเลยไปจอดคู่กับรถเมอร์ซิเดสสีดำ เจ็ทโด้รีบลุกพรวดก้าวเดินไปหาอย่างเร็ว...
“ตึบ!” สาวสวยสวมแว่นดำผมยาวเป็นลอนถึงกลางหลังเสื้อรัดรูปเอวลอยโชว์ส่วนโค้งของเอวขาว กางเกงหนังดำเงาวับเอวต่ำ สร้อยกิ๊บเก๋ห้อยกระตุ้งกระติ้งที่สะดือหน้าท้องเรียบเนียน เธอสวยเซ็กซี่บาดใจเหลือเกิน เวลาเดินนมกระเพื่อม เท่จริง ๆ เห็นนมแล้วคอแห้งเลย
“เจ็ทโด้!...คิดถึงจังเลย ฮือ!ฮือ!!!” ไป่ไป๋ร้องไห้โฮ ซอยขาถี่ดีใจกระโดดกอดในท่าเดียวกัน เขายืนนิ่งปล่อยให้เธอกอดสักพัก แล้วเดินโอบเอวคลอเคลียมาด้วยกัน
เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว จากสาวเปรี้ยวผมสั้น กลายสาวหวานผมยาวสลวย อายุของเธอตอนนี้ คงเท่ากับฉันตอนที่เจอกันครั้งแรก คิดแล้วก็ใจหาย เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอและหมวดจางเรียนรู้เรื่องการสร้างพื้นฐานวัคซีน Anti-Tame26 ไปจากฉันหมดแล้ว ทั้งคู่เก่งมากแล้ว
“อนนี่ขา!..คิดถึงจังเลย คราวนี้จะมาอยู่ด้วยหลายวัน” เธอโน้มตัวลงมากอดกลิ่นแก้มสาวหอมชื่นใจ ยังคงเป็นสาวเจ้าเสน่ห์เหมือนเดิม ยิ่งโตยิ่งสวย
“คิดถึงจัง!” ฉันผวาหอมแก้มด้วยความดีใจที่เธอจะมาอยู่ด้วย ฉันรักเธอแบบไม่มีข้อแม้ให้ได้หมดทั้งชีวิต เธอช่วยพยุงใจในยามท้อแท้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวของจิตใจ ช่วงหลัง ๆ มานี่...เธอมักจะกลับไปบ้านบ่อยขึ้นและอยู่นานมากกว่าจะกลับมา
“โฮ่!โฮ่!โฮ่! นั่งก่อน ๆ วันนี้วันดี มากินถั่วเน่ากัน” ฉันแหย่
“อึ๋ย!” เธอส่ายหน้าหัวเราะลั่นนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ
“ที่ประเทศของผมตอนนี้ ทหารจีนเต็มไปหมด Soulless เดินกันเต็มถนน” เจ็ทโด้บอกพลางหย่อนก้นนั่ง หน้าตายิ้มแย้มคุยกับน้อง
“ที่บ้านหนูก็ตรึม เดินทางลำบากมาก” เธอเอียงหัวไปซบไหล่
“บรื้น...นน!!” รถยนต์เหลืองของซอน พรวดเขามา
ไป่ไป๋ผวาวูบ...
“ มาแล้ว...ไปหาแทนดีกว่า” เธอดวงตาลุกวาว รีบวิ่งตามรถยนต์ไปจนจอดสนิท
ทันใดนั้น..มีบางอย่างพุ่งออกมาจากกระจกรถยนต์...
“โอ๊ะ!โอ๊ะ!โอ๊ะ! เบา ๆ หน่อยค่ะ ไป๋! ช้ำหมดแล้ว” เธอยิ้มกว้างอ้าแขนรับน้องแทน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหมวดจาง เด็กชายตัวน้อยผิวขาว ผมยาวหยักศก หน้าตาตี๋หล่อชนะเลิศ น่ารักน่าเอ็นดู วัย 3 ขวบเศษ กำลังช่างพูดเลย คู่กัดของฉัน
“ไป๋ของเค้ากลับมาแล้ว ไป๋หายไปไหน คิดถุง!” เขาจับใบหน้าของเธอแล้วหอมซ้ายขวาก่อนจะจุ๊บปาก
ฉันทำใจยอมรับได้แล้วสำหรับเรื่องของแทนผู้จากไป ผู้ชายที่มอบความรักให้ทุกคน แต่ไม่ต้องการได้รักตอบจากใคร คนที่ดีเกินไป จนเหมือนคนโง่ในสายตาของคนเห็นแก่ตัว เมื่อคนเราสิ้นบุญต่อกันแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสุดในชีวิตจริง แต่ยังคงมาหากันในฝันยามเหนื่อยล้า ฉันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าแทนยังอยู่เขาก็คงคิดอย่างนี้ พวกเราได้ทำดีที่สุดตอนอยู่ด้วยกันแล้ว ภาพความทรงจำ จึงมีแต่งดงามไม่เสื่อมคลาย
หลังผ่านความตายและสูญเสียคนรักไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้ท้อใจยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ชีวิตนี้สั้นนัก ไม่มีเวลามาเสียใจกับเรื่องเดิมเรื่องเดียวให้กินเวลาชีวิตเกินไป อยากได้หรือปรารถนาอะไรก็ทำและอย่าไปเสียใจกับมัน แต่สิ่งที่อยากทำกับแทนก็ยังไม่ได้ทำเลย เสียใจเรื่องนี้ที่สุด จนป่านนี้ฉันยังซิงอยู่เลย น่าอายชะมัด
“ไป๋สวย หอมจังเลย อยู่กับไป๋แล้วสดชื่น” เจ้าตัวน้อยกอดหอมฟัดนมของเธอ โยกตัวถอยออกมองหน้า แล้วพุ่งเข้าไปสวมกอด แล้วถอยมองหน้าสลับไปมา สนุกสนานกันสองคน
น้องคงคิดถึงเธอมาก งอนปากจู๋...
“คิดถุงไป๋ คิดถุง! คิดถุง!”เด็กน้อยหอมแก้มซ้ายขวายิ้มกว้างแล้วเอาหน้าซบอกของเธอ ฉันไม่เหงาเพราะมีเจ้าแทนน้อยอยู่เป็นเพื่อน ทำให้ไม่เศร้ามาก ชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาทดแทนชีวิตที่จากไป เป็นเรื่องปรกติของโลกใบนี้
ซอนยิ้มปากฉีกถึงหู ก้าวลงจากรถยนต์เดินมาหาพวกเรา พอเขาเห็นหน้าเจ็ทโด้ก็วิ่งพรวดตาเหลือกเข้ามาหยุดตรงหน้า...
“พี่! ผมอยากกอดจังเลย มาได้ไง?" เขาเหนียมน่ารักเชียว
“มาสิ! ไอ้น้องชาย” เจ็ทโด้อ้าแขน
“โคตรคิดถึงเลย! ใจดำมาก” ซอนวิ่งเข้าไปกอดน้ำตาซึม ฉันปลื้มใจที่ได้เห็นเขาสองคนกอดกัน ซอนกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง พวกเราไม่เคยเห็นเขาอ่อนโยนกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว
“เดี๋ยวผมเปิด ทีวีก่อนนะ สงครามกำลังมัน” ซอนวิ่งเข้าบ้าน
ไป่ไป๋ อุ้มน้องเดินหลีกไปริมสระน้ำ วันนี้วันดีจริง ๆ พวกเรากลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง ฉันรู้สึกเต็มอิ่มกับความสุขใจ
“พี่ตุ๋ย!” ซอนตะโกนมาจากในบ้าน แล้วจ้ำพรวดมาหาเจ็ทโด้....
“จีนแม่งบ้าเลือดแล้ว ตะวันออกกลางตอนนี้มั่วไปหมด อีกไม่นานพวกมันคงยิงนิวเคลียร์ใส่กัน” ซอนคึกคักมาก ยิ้มตลอดตั้งแต่เจอพี่ชาย พวกนี้เจอกันพูดเรื่องยิงกันอีกแล้ว
ฉันเข็ดแล้ว ไปหาไป่ไป๋ดีกว่า ลุกเดินไปริมสระ เจ้าตัวเล็กอ้อนนัวเนีย เขาหันมายิ้ม...
“ลีมานี่!” น้องแทนยิ้มหน้าบานกวักสองมือ ทั้งสองคนนั่งบนม้านั่งริมสระน้ำตรงกันข้ามกับอาคารวิจัย
“ลีสวย!” เขาดึงฉันไปหอมแก้มซ้ายขวา
“อุ้ย!..หอมแก้มลีทำไม?” แกล้งตกใจเอามือจับแก้ม
“หอมไป๋แล้ว ต้องหอมลีด้วย” เขายิ้มหวานลุกเข้าไปกอดหอมไป่ไป๋ เธอยิ้มร่า ริมฝีปากบาง ฟันเรียงขาวแต่สายตาดูเศร้าสร้อย เธอยังคงรู้สึกผิด ความเศร้ายังปกคลุมในใจ
รักครั้งแรก..แม้เวลาผันผ่านนานแค่ไหนก็ไม่มีวันลืม ไม่มีใครลืมครั้งแรกได้ เพียงแต่จะคิดถึงมันมุมไหนและภาพจำอาจจางลงไปบ้าง ฉันจับเขายืนแล้วจ้องหน้ากัน
“น้องแทนรักใคร บอกลีสิ?” ฉันยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู จับแก้มเขาดึงเบา ๆ
“รักไป๋! รักลี! รักม้า! รักป๊าด้วย รักทุกคนเลย” เหมือนกันเปี๊ยบ คนของประชาชน รักทุกคนเลย
“อุ้ย!..อุ้ย! อันนี้ขอนะ จมูกสวยดี” ฉันดึงจมูกของเขาแล้วเอามาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
“อื้อ!...” เจ้าตัวน้อยเดินหน้าเสีย เข้ามา...
“ลี! เอาจมูดเค้าคืนมานะ” เจ้าหัวฟูเสียงอู้อี้เบะปาก แบมือขอ
“..........” ไป่ไป๋นั่งอมยิ้มมอง
“ลีขอแล้ว ลีชอบ” ฉันอิบอั้บไม่คืน
“แต่เค้าเริ่มหายใจไม่ออกแล้วนะ ลีขอจมูดคืนด้วย ฮุ! ฮุ!” เขาจับคอด้วยสองมือ แล้วเริ่มไอ ทำเหมือนจะขาดใจตาย โผไปหาไป่ไป๋...
“ไป๋! ช่วยเค้าหน่อย เค้าหายใจไม่ออก เค้ากำลังจะตาย ฮุฮุ!” โอ้ย! อีตอแหล เจ้าตัวน้อยใบหน้าบิดเบี้ยว หันไปทิ้งตัวลงบนอกนุ่ม
“อนนี่คะ! ขอจมูกน้องหน่อย น้องไม่ไหวแล้ว ดูสิ!...” เธออมยิ้ม
“ไป๋! ช่วยเค้าด้วย เอาจมูดใส่ให้หน่อย หายใจไม่ออก” เจ้าตัวน้อยดิ้นกะแด่ว ๆ //อีตอแหลเอ้ย! ทำเหมือนซะด้วย//
“หนูขอจมูกคืนให้น้องนะคะ” เธอยื่นมือมาแตะ แล้วกลับไปลูบใบหน้าเจ้าตัวแสบ
“ถะด๊ำ!.. ไป๋ต่อจมูกให้แล้วนะคะ หล่อเหมือนเดิมแล้ว ไหนสูดลมหายใจลึก ๆ สิ” เธอก้มลงไปหอมแก้มสูดลมหายใจลึก
“โฮ่ว!..โล่งจมูด” เจ้าหัวฟูตาใสยิ้มหน้าบานตะกายขึ้นไปหอมแก้มไป่ไป๋ แล้วหันมาตาเขียวใส่ฉัน
“รักไป๋คนเดียว...ลีชอบแกล้ง ไม่รักลีแล้ว” เขาปากจู๋หน้างอเป็นตูดไก่
“แน่ใจนะ!” ฉันขยุมมือทำท่าจะฉก...
“ไม่รักใช่มั้ย? ไม่รัก! งั้นเอาหูนะ”
“ไม่เอา เดี๋ยวไม่ได้ยิน” เขาปิดหู มุดหน้าอกไป่ไป๋
“ยุ่งแต่นมของไป๋แหละ เจ้าชู้”
“ของเค้า!” มือคว้านมหมับ
หมวดจางตะโกนเรียก...
“มากินข้าวได้แล้วค่ะ!”
“ไปกินข้าวกัน” ไป่ไป๋จับขี่คอสูง เจ้าตัวน้อยดีดดิ้นชอบใจหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
สองพี่น้องคุยกันสนุกสนาน พวกเราเดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ น้องแทนเข้าไปนัวเนียแม่ แล้วมองหน้าซอน…
“ป๋า! นิสัยไม่ดี” เบะปากฟ้อง
“ยังไงคะ?” หมวดจางยิ้มด้วยรัก ก้มลงถามลูกชาย
“นมไป๋ของเค้า ป๊าขี้โกง” เจ้าตัวน้อยชี้ซอน
“หือ!” ทุกคนหันมอง
“ป๊าขี้โกงอะไรคับ?” หมวดจางยิ้ม
“ป๋าขอจับ”
“ไอ่โอ๊ะจิม่ะ!” ซอนสะดุ้งโหยง
“โบ๊ละ!” หมวดจางตบบ้องหู แล้วลุกกระชากคอเสื้อ...
“มันยังไง น้องนุ่งก็มั่วเหรอ?” เธอง้างหมัด ไป่ไป๋หน้าเหรอหรา....
“หนูไม่รู้เรื่องนะ น้องแทนพูดอะไรคะ? ป๊าพูดเมื่อไหร่?”
“บนรถ!” เจ้าตัวน้อยตาขวางมองซอน
“อย่า! อย่า! อย่า! อย่า! อย่า! อย่า!” เจ็ทโด้อมยิ้ม
“ก็เค้าบอกว่า นมไป๋ของเค้า ป๊าบอกว่า ขอจับได้ป่าว นิสัยไม่ดี จะมาจับนมไป๋ของเค้า”
“ป๊าล้อเล่น อำกัน ขำ ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย” ซอนครวญ
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!!”
“ซอน! หนูไม่รักคุณแล้ว จะจับนมหนู” ไป่ไป๋สะบัดหน้างอน
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!!”
“ผมแหย่เด็กเล่น ไม่ได้คิดอย่างนั้น จริง ๆ นะ” ซอนกุมหูหน้าจ๋อย
“ฉมน้ำหน้า ม้าเอาอีก”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!!”
เวลาที่ผ่านด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้หัวใจเปี่ยมสุข เรื่องราวทั้งสองฝั่งหลั่งไหลสู่กัน เวลาที่ห่างกันไปโดยไม่ได้เจอกัน ก็เหมือนกับเรื่องราวของหนังสือถูกฉีกขาดออกไป ต่างคนต่างก็ต้องเผชิญกับงานที่รับผิดชอบ ภาพสุดท้ายของเจ็ทโด้สำหรับฉันคือ เขาเกลียดฉันมากและเดินจากไปไม่หันมามอง ฉันยังมีเรื่องคาใจอีกมากมาย ต้องถามหาคำตอบให้ได้
……………………………………….หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |