The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 ตอนที่ 24

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 ตอนที่ 24
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 2 เม.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ฟรีบูรก์  สวิตเซอร์แลนด์

มุมมองสายตา ชเว จูยอน

สิงหาคม ค.ศ.2024

ปราสาท Nikolas  ริมทะเลสาบ Mutton

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! กลุ่มนักฆ่ามาเยือนฉันแล้ว เสียงปืนยิงโต้ตอบกันตลอดภายนอกอาคาร ยามรักษาการณ์นับสิบคนโดนยิงตายเกือบหมดแล้ว

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ฉันคว้าปืนสั้นยิงโต้ไปเป็นระยะจากชั้นสอง พวกมันตามล่ามาเจอฉันจนได้ ไม่มีใครเตือนล่วงหน้าเลย             

พวกเขาเชี่ยวชาญการใช้อาวุธเคลื่อนไหวรวดเร็วปานลมกรด ใช้เวลาไม่นานก็เข้าประชิดตัวปราสาท ทีมชาเย็ตเต้ 13 ของฉันร่วงเป็นใบไม้

“ปัง! ปัง! ปัง! รูปภาพติดผนังขนาดใหญ่สมัยศตวรรษที่ 12 เป็นรูพรุน

พลันสายตาเหลือบไปเห็น...

“เฮ้ย! ฉันร้องเสียงหลง นั่น!...ยอร์นนี่นา...เลือดอาบร่างวิ่งขากะเผกเข้ามา ไอ้พวกนี้ตามล่ายอร์นมานี่เอง                          

“จูยอนหนีเร็ว!! ยอร์นวิ่งผ่านประตูใหญ่ลายโกธิคเข้ามาพร้อมลูกปืนที่เฉี่ยวโดนแจกันแตกละเอียดและโคมไฟระย้าสะเก็ดล่วงกราว
           “ปัง!ปัง!ปัง! ฉันยิงโต้ไปที่เงาดำข้างหน้าต่าง ก่อนวิ่งเข้าไปพยุงยอร์นที่เลือดท่วมตัวสีหน้าเจ็บปวด

“ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่หลังบ้าน” ฉันพยุงเขาลุกขึ้นต้องพาหนีให้ได้ เสื้อสูทดำขาดจากรอยกระสุนหลายรู ขายาวเก้งก้างลากไปกับพื้นขยับตัวอย่างทุลักทุเล

“อูย! เขาคงจะเจ็บปวดมากทั้งร่างกายและน้ำเสียงสั่นไปหมด  มองหน้าเขาแล้วเสียขวัญมาก

คุณจะตายไม่ได้นะยอร์น คุณต้องอยู่กับฉัน คุณเป็นคนให้โอกาสที่ดีที่สุดกับฉัน คุณคือเสาหลักที่ค้ำยันฉันมาตลอด เขาโอบคอของฉันไว้แล้วพยุงกันเดินไป

“เพล้ง!! กระจกหน้าต่างแตกกระจาย พร้อมร่างของคอมมานโดสองนายพุ่งตัวเข้ามา             

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!  

ฉันลากยอร์นไปกับพื้นอย่างทุลักทุเล ในใจก็กลัวเขาจะเจ็บบาดแผล อีกใจก็เต้นระทึก การเคลื่อนไหวช้าอย่างกับเต่าคลาน จะหนีเงื้อมมือนักฆ่าเหล่านี้ได้อย่างไร?

หันมองไปที่ประตูหลัง ต้องผ่านเสาใหญ่อีก 3 ต้นถึงจะลงบันไดได้ เขาชูมือสั่นระริก...             

“รับนี่ไป หนีให้ได้ ทิ้งผมไว้ที่นี่” เขายื่นนกหวีดส่งมาให้

“หือ! ในใจของฉันสับสน ไม่เคยรู้มาก่อนว่า มีนกหวีดอีกอัน

“เก็บไว้เถอะ!” ฉันไม่ได้รับมา พยายามลากเขาไปต่อ ผ่านเสาต้นสุดท้ายจนถึงประตูด้านหลัง ทางลงไปลานจอดเฮลิคอปเตอร์             

“อดทนอีกนิดจะถึงเครื่องแล้ว เราต้องรอด” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราโดนโจมตี พวกเราเปลี่ยนที่อาศัยได้ไม่เกิน 2 เดือนพวกมัน ต้องตามตัวเจอทุกครั้ง                

“คุณกับผมมีชะตาชีวิตคล้าย ๆ กัน คุณสานต่องานของเราให้เสร็จด้วยเถอะครับ ทำให้โลกนี้ปราศจากการกดขี่และเหยียดหยามเรื่องชนชาติ ช่วยปลดแอกให้พวกเราด้วย” ยอร์นสะอึกเลือดแดงสดทะลักออกจากปาก

ฉันเอื้อมมือไปเช็ดเลือด...

“ไม่ต้องพูดค่ะ ทนอีกนิด” ฉันพยายามพยุงให้ลุกยืน แต่ตัวเขาหนักมาก ฉันต้องช่วยให้รอดจากเงื้อมมือมัจจุราช เขาจะตายไม่ได้
            “ปัง!ปัง!ปัง! เสียงปืนดังจากข้างในห้อง ลูกกระสุนเฉี่ยวหัวสิงโตข้างเสาเขี้ยวหัก สะเก็ดปูนกระจาย                        

“ปัง! ปัง! ฉันยิงสกัดการรุกคืบ คอมมานโดสองนายค่อย ๆ รุกคืบวิ่งสลับฟันปลาเข้ามา

“ฮึบ! ฉันทั้งลากทั้งดึงยอร์นไปตามบันได เลือดแดงฉานไหลเป็นทางยาว

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ด้านนอกหมุนรอเราอยู่แล้ว บอดี้การ์ด 2 คนยืนระวังภัยข้างเฮลิคอปเตอร์

“อึ่ก! ยอร์นสะอึกเลือดออกปาก          

“ทิ้งผมไว้ รับนี่ไปสิ ผมไม่รอดแน่ ๆ รีบหนีไป” เขาส่งนกหวีดอีกครั้งแล้วผลักฉันออก

จังหวะนั้น...คอมมานโดกระโดดออกจากห้อง เล็งปืนมาที่เขา
            “ไม่นะ! ไม่! แชะ! แชะ!ฉันโยนปืนทิ้ง

พวกเขาจ้องปืนมา...               

“ปัง! ปัง! ร่างของยอร์นกระตุกก่อนคอพับลงไป ฉันคว้าสร้อยใส่กระเป๋า พลิกกระโดดข้ามรั้วระเบียงม้วนตัวไปกับพื้นหญ้า ลุกวิ่งต่อไปที่เป้าหมาย              

“ปัง! ปัง! ปัง! เสียงกระสุนดังไล่หลังตลอดเวลา ร่างกายตื่นตัว  ความกลัวเข้าสิง สายตาส่ายมองหาศัตรูและหาทางรอด อีกไม่ไกลก็ถึงเครื่องบินที่จอดรอริมน้ำแล้ว

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” ฉันวิ่งไม่คิดชีวิต

“นายเร็วครับ” บอดี้การ์ดสองคนวิ่งเข้ามารับ             

“ปัง! ปัง! ปัง! ทั้งสองทรุดลงกับพื้นก่อนที่ฉันจะถึงตัวพวกเขา

นักบินคอพับไปแล้ว หมดหนทางหนี วันนี้ต้องตายแล้วเหรอ? เฝ้าถามตัวเองด้วยความกลัว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว

“ปัง!ปัง!ปัง!

“ฟิ้ว!เสียงลูกปืนเฉี่ยวหู แล้วไหล่ซ้ายของฉันก็สะบัดแรง

“โอ๊ย! ซี๊ด! ร่างกายชาดิก ซวนเซล้มลงกับพื้น พยายามพยุงตัวลุกขึ้น ในห้วงสำนึกของความกลัว สมองยังสั่งตัวเองว่า ยังตายไม่ได้ ฉันตายไม่ได้ ฉันพร่ำบอกตัวเองตลอดเวลา

“ฮึ่บ! ฉันถีบขากับพื้นตะเกียกตะกายเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้า เหลือบไปเห็นปืนยาวอัตโนมัติของบอดี้การ์ดตกอยู่ พยายามยืดแขนไปคว้า แต่มันสุดเอื้อมถึง ร่างกายของฉันแนบติดกับพื้นปูนร้อน เลือดสดแดงจากไหล่ไหลนองพื้นซีเมนต์ บอกกับตัวเองว่า อีกนิด! อีกนิด! อีกนิด! อีกนิด!

“ปัง!ปืนยาวอัตโนมัติเลื่อนไถลออกไป                     

ชายในชุดดำ 4 คนเดินออกจากมุมอาคาร พร้อมปืนยาวในมือ เล็งเลเซอร์มาที่หน้าอก เขาก้าวเดินเข้ามาช้า ๆ คนของฉันตายหมดแล้ว

ในห้วงความคิดสุดท้ายของชีวิตกลับไม่มีความกลัวตาย มีแต่ความเสียดายที่ต้องตาย เคยได้ยินว่า ความตายไม่เจ็บ ถ้าเจ็บไม่ตาย

“ยิง! เสียงคำสั่งเป็นภาษาจีน

“ตรึ่ด! ตรึ่ด!เสียงปืนกลดังจากด้านหลัง ฉันสะดุ้งเฮือกหลับตากลิ้งหนี กลั้นใจรอรับแรงกระแทกจากลูกปืน         

“ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! เสียงกระป๋องกลิ้ง ควันขาวขุ่น พวยพุ่งจากกระป๋องเป็นม่านหมอกหนาบังตาไม่รู้ทิศทาง ฉันกลิ้งตัวตามสัญชาติญาณ

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังหูดับตับไหม้ ควันขาวคลุ้งโขมงมองไม่เห็นอะไรเลย

ในจังหวะที่ฉันยังสับสนจับทิศทางไม่ถูกนั้นเอง

“โอ๊ย!ฉันโดนล็อคคอจากด้านหลัง มือของใครบางคนกดมาที่ไหล่ซ้ายของฉันแล้วลากไปหลบข้างเฮลิคอปเตอร์

“กอดคอผมไว้!

ฉันคว้าโดยไม่ลังเล คนสิ้นหวังลอยคอรอความตายกลางสายน้ำเชี่ยว แม้ขอนไม้น้อยนิดก็ต้องคว้าไว้ก่อน ชายร่างสูงในชุดคอมมานโดสีดำ เอื้อมแขนที่แข็งดังเหล็กกล้าโอบเอวอุ้ม ดึงเข้าประชิดตัว

“ฟู่ววว! จู่ ๆ ร่างของฉันก็ลอยขึ้น

เขาเอนตัวพุ่งออกไปห่างจากตัวปราสาทลอยอยู่เหนือน้ำกลางทะเลสาบ ใจหนึ่งสั่นระทึกด้วยความตื่นเต้น อีกใจก็สงสัยว่า เขาเป็นพวกไหนกันแน่?             

“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง! กลุ่มมือปืนด้านล่างวิ่งไล่ยิง 

“ฟู่ววว! เราทั้งคู่ค่อย ๆ ลอยห่างออกมาไกลจากวิถีกระสุน

ล่องลอยอยู่เหนือทะเลสาบทิ้งพวกเขาไว้ลับตา เราบินข้ามมาอีกฟากฝั่งของทะเลสาบ

“ฟู่ววว! เสียงลมแรงออกจากท่อเล็กรอบแขนและขาทั้งสองของเขาทำให้เราบินได้ดังฝัน เขาบังคับเจ็ทสูทไปลงในป่าอย่างนุ่มนวล

“นินจา 2 เรียกนินจา 1 เปลี่ยน!” เขาวางฉันลงแล้ววิทยุเรียกเพื่อน เขาเป็นพวกไหนกันนะจู่โจมเข้าออกเร็วเป็นมืออาชีพจริง ๆ

“นินจา 1 ทราบ!                     

“ผมอยู่ในป่าตรงข้ามปราสาท มารับด้วย เปลี่ยน!

“รับทราบ! เห็นแล้วอีก 5 นาทีเจอกัน”

ฉันนอนหงายราบกับพื้นหิมะ มือกดหัวไหล่เลือดไหลนอง มองดู เขาถอดเจ็ทสูทออก หวังว่าจะได้เห็นหน้า แต่เขาคลุมโม่งไว้อีกชั้น สวมแว่นบังสายตาอีกตะหาก

“เจ็บมากมั้ยครับ? อดทนหน่อยนะครับ”

“หือ! อีตานี่มาแปลก จะมาฆ่ากันแล้วจะห่วงทำไม?

“แควก! เขาฉีกเสื้อที่ไหล่ของฉัน ขาดยาวจนเห็นเสื้อชั้นใน           

“นิดหน่อยครับ! ลูกปืนแค่เฉี่ยวหัวไหล่ ผมจะพ่นยาชาให้!เขาบอกแล้วดึงสเปรย์กระป๋องออกมา...

“ฟู่ว! ความเจ็บปวดหายเป็นปลิดทิ้ง แต่แขนก็ยังขยับไม่ได้

ฉันแอบมองสำรวจชุดที่เขาใส่ เห็นเพียงสัญลักษณ์ม้าศึกที่อาร์มแขนอันเดียวและไม่รู้จักว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยไหน? แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่พวกของฉันแน่นอน               

“คุณเป็นใครคะ? ใครส่งคุณมาและต้องการอะไร?” ฉันถามเพื่อคลายข้อสงสัย แต่เขาไม่ตอบกลับจ้องหน้านิ่ง

ฉันมองไม่เห็นสายตาของเขา ไม่รู้ว่าคิดอะไร? ทั้งไอ้โม่ง ทั้งแว่นตา เดาใจไม่ถูกเลย              

“ขอนกหวีดด้วยครับ แล้วผมจะปล่อยคุณไป”

“หือ!ฉันใจหายแวบเมื่อเขาถามหานกหวีด พวกนี้ไม่ได้มาดีแน่ ไอ้พวกนี้นี่เองที่ตามล่านกหวีด ฉันจะทำยังไงดี?                       

“อยู่ที่ยอร์น ฉันไม่มีหรอก” ฉันตอบแล้วนอนหลับตา คิดหาทางหนี

เขาเอื้อมมือมาลูบที่คอเปลือย...

“ผลั้วะ! ฉันปัดทันทีตามสัญชาตญาณ

“จะให้ดี ๆ หรือเปล่า? ห้อยอยู่ที่คอนั่นไง!” เขาขู่เบา ๆ  

“ใครสั่งให้คุณมา ตอบฉันก่อน?” ฉันดึงเวลาหาช่อง อย่างน้อยก็จะได้หาทางหนีทีไล่ได้บ้าง สับสนมากเขาไม่ใช่พวกคนจีน มีกลุ่มอื่นอีกเหรอที่ต้องการนกหวีด           

“อย่าโยกโย้ส่งมา! เขาส่งเสียงดุ ยื่นมือมา

“ผลัวะ! ฉันปัดอีกครั้ง...                    

“ยิงฉันก่อนแล้วเอาไปได้เลย”ฉันเมินหน้าในใจตอนนี้ไม่เหลือความกลัวแล้ว
       มีแต่ความรู้สึกเสียใจที่ยังไม่ได้กลับบ้านไปล้างแค้นเลย อุตส่าห์เดินทางไกลมาจนถึงวันนี้ ก็เพื่อจะได้ทำภารกิจ ถ้าต้องล้มเลิกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ จะช่วยมาทำไมก็ไม่รู้
          

“ได้ครับ! เขาดึงปืนสั้นออกจากซองขึ้นลำ                

“แก็รก!เสียงเหล็กสีกันของปืนทำให้ใจเต้นรัว ฉันหลับตานิ่ง คิดถึงพ่อแม่ที่จากไป ฉันจะได้เจอกับพวกท่านแล้ว /ขอโทษด้วยนะคะที่หนูล้างแค้นไม่สำเร็จ/  

“จูยอนอนนี่!จูยอน!จูยอน!         

ทันใดนั้น...หูแว่วได้ยินเสียงเรียกชื่อ....

“จูยอนอนนี่!จูยอน!จูยอน! เสียงผู้หญิงคุ้นหูเรียก วิ่งใกล้เข้ามา

“หือ! ฉันผงกหัวขึ้นดู ใครกันนะมาเรียกชื่อฉันกลางป่า ไกลจากบ้านเกิดนับหมื่นกิโล

“จูยอนอนนี่!!! หญิงสาวผมยาว ร่างอ้อนแอ้นในเสื้อกันหนาวคอเต่าแขนยาวสีแดงเพลิง วิ่งหัวกระเซิงเข้ามา                      

“นาตาลี! ฉันร้องเรียกลนลานดีใจลืมเจ็บ รวบรวมพลังพยายามคลานไปหาเธอ

“อย่าขยับ!” เขาเอามือกดฉันไว้ที่เดิม              

“อนนี่! ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? เลือด ๆ เต็มไปหมดเลย เจ็บมากมั้ย?” เธอปราดเข้ามาผลักชายหนุ่มออกไป เข้ามาดูแผลที่ไหล่

“อันยองฮาเซโย! ดอกเตอร์นาตาลี” ฉันตื้นตันสะอื้นในอก น้ำตาซึมสวมกอดนางฟ้าของฉัน              

“อันยองฮาเซโย! จูยอนอนนี่เจ็บมากไหม? ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันมาแล้ว” เธอสำรวจตามร่างกาย ฉันสับสนไม่เข้าใจกับภาพตรงหน้า มีแต่เรื่องที่คาดไม่ถึง ฉันรอดตายเพราะผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว...            

“คุณมาได้ยังไง? ข่าวบอกว่า คุณติดเชื้อตายไปแล้ว” ฉันสับสนแต่ก็ดีใจ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนที่ฉันคิดว่าตายไปแล้ว มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร? โอย!...เวียนหัวไปหมด                

“ช่างมันเถอะ!..นี่นาย! มาอุ้มเธอไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้” นาตาลีหันไปสั่ง

“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจยาว นอนยิ้มกับโชคของตัวเอง รอดตายแล้ววุ้ย!

คอมมานโดเดินเข้ามาอุ้มตัวลอย ขายาวก้าวลุยกองหิมะขึ้นไปด้านบน เบาใจขึ้นเป็นกองได้หายใจทั่วท้องสักที                       

“อดทนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันรักษาให้ ดูแผลแล้วไม่น่ากลัว” นาตาลีเดินตามหลัง ชวนคุย

“ยังไงก็ขอบคุณ ๆ มากเลยนะ นินจา 2 คุณเก่งที่ 1 เลย” เธอแตะแขนของเขาเบา ๆ

“??????” ฉันขมวดคิ้วเมื่อนาตาลีเรียกชื่อของเขา เอะใจ! พวกนี้มาด้วยกันหรือ? ข้างหน้ารถยนต์มีอีก 2 คนยืนอยู่                  

“ให้มันได้อย่างสิ! ทำแต่เรื่องนะมึง! ไอ้แจ็คเอาไปขึ้นรถ”  ชายร่างสูงสวมหมวกสวมแว่นดำร่างกายกำยำตวาดเสียงดัง ฉันคุ้นเสียงนี้มาก ผงกหัวไปมองชายคนนั้นอีกครั้ง เขาหันหลังกลับไปแล้ว

นาตาลีวิ่งแซงไป

“เปิดประตูรถให้ด้วย จูยอนอนนี่มาแล้ว” นาตาลีโบกมือตะโกนเสียงใสท่าทางดีใจมาก แต่ดูเหมือนทั้งสองคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไม่มีใครขยับเปิดประตูสักคน ทั้งคู่เดินเลี่ยงอ้อมไปคุยกันอีกฝั่ง

นาตาลีเปิดประตูรถยนต์

“นั่งตรงนี้นะคะ!” เธอประคองเข้าไปนั่งข้างใน ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวอย่างตั้งใจ ดวงตาใสปิ๊ง หันมองพวกเขา 2-3ครั้ง แล้วเงยหน้าหลับตาตะโกนสุดเสียง....                

“ไปได้แล้ว...รออะไรกันอีก! เธอเอามือกดแผลไม่ให้เลือดไหลออก

คอมมานโดหนุ่มเปิดประตูหน้าข้างคนขับ ขึ้นนั่งนิ่งไม่พูดไม่จากับใคร เขาสวมชุดดำทั้งตัว คลุมหัวสวมหน้ากากกันแก๊สพิษ อีกสองเดินตามขึ้นรถยนต์มาคนละด้าน

ฉันมองคนที่กำลังขึ้นมานั่งด้านหลัง ผู้หญิงสาวสวมหมวกผมยาว แก้มยุ้ย เธอก้มหลบหน้าปีกหมวกบัง แต่ฉันจำได้...            

“หนีห่าว! ไป่ไป๋! ฉันดีใจจนเนื้อเต้นร้องทัก

“หึ! เธอเมินเชิดหน้า น้องสาวคนสวยไม่มองหน้ากันเลย สะบัดหน้าแก้มป่องปากจู๋หันออกไปมองด้านนอก เกิดอะไรกับเธอ 

ฉันมองไปที่กระจกส่องหลังเพื่อจะดูหน้าคนขับแต่ก็ไม่เห็น เขาสวมหน้ากาก อีกทั้งหมวกทั้งแว่นพรางใบหน้า เขาขึ้นรถได้ก็ขับออกไปเลยไม่พูดกับใคร หันไปอ้อนสาวน้อยดีกว่า…           

“คิดถึงไป่ไป๋จังเลย” ฉันพยายามเอามือที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงเอื้อมไปลูบแขนของเธอ แต่เธอนั่งตัวแข็งคอตั้ง ขยับหนีไปเบียดประตูจนตัวลีบ ไม่หันมามอง ฉันหันมองหน้านาตาลียิ้มเจื่อน ส่ายหน้า

“????” ฉันนั่งก้มหน้าเงียบเก็บความสงสัยนี้ไว้ พวกเขาโกรธที่ฉันมาเข้าร่วมกับลูอิสสินะ ฉันจำเป็นต้องทำ ฉันมีเป้าหมายของฉัน 

“ย๊าก! จู่ ๆ ...ไป่ไป๋ก็ขย้ำคอนินจา 2 ที่นั่งอยู่เบาะหน้า
            “ตายซะเถอะ! อย่าอยู่เลย” เธอแยกเขี้ยวกัดฟันขยำแรง เขาปล่อยให้เธอบีบคอ ก่อนก้มหัวลงและขยับเบาะหนี         

“ไม่จบแค่นี้แน่! นายขัดคำสั่งหัวหน้า เจ็ทโด้!ไล่ออกไปเลยนะ” เธอลอยหน้าใส่ฉอด ๆ แล้วหันไปฟ้องลูกพี่                     

“ขอบคุณมากนะคะ! นินจา 2” ฉันร้องบอก เขาเป็นพระเอกในใจ งานนี้ถ้าไม่ได้เขา ฉันตายไปแล้ว

“บรื้น...นน! รถยนต์ของเราแล่นผ่านเข้าประตูโรงงานผลิตนาฬิกาชั้นนำของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านเลยตัวอาคารออกประตูด้านหลัง เลี้ยวเลาะลงหุบด้านล่าง ผ่านป่าสนไปตามถนนเรียบทะเลสาบคลื่นน้ำระยับตา

จนถึงประตูรั้วเหล็กแน่นหนา ยามรักษาการณ์ตัวโตโบกมือปล่อยให้รถยนต์แล่นผ่านมาอย่างสะดวกโดยไม่มีการตรวจ รถยนต์แล่นตามถนนชายน้ำมาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กริมทะเลสาบ ต้นไม้ใหญ่อายุหลายทศวรรตเขียวครึ้มรอบบริเวณ              

ฉันลงยืนบิดตัวไล่ความปวดเมื่อย แหงนมองท้องฟ้าใส ธรรมชาติของประเทศนี้ สวยคล้าย ๆ กันหมด หันกลับไปมองทุกคนกำลังลงจากรถยนต์ จนกระทั่งคนขับเดินก้มหน้าเข้ามา ท่าทางคุ้นตามาก

จู่ ๆเขาเอื้อมมือมาที่หน้าอก             

“เอามานี่! เขากระชากสร้อยที่คอขาดติดมือไป

ฉันวืดหูร้อน เดินตามไปดึงแขน...                    

“คุณ!...ขอดี ๆ ไม่เป็นหรือคะ?” แหงนมองหน้าสู้ รู้สึกสะดุดตา ความสูงใช่เลย รูปร่างก็ใช่

เขาก้มมองนิ่งแล้วค่อย ๆ ถอดแว่นดำ ถอดหมวกและหน้ากากปิดปาก

“ตึกตึก!ตึกตึก!

ใช่จริง ๆ ด้วย หัวใจเต้นรัว ดีใจที่สุดในชีวิต อยากจะโผเข้ากอดแต่ก็ไม่กล้า เวลาที่ห่างกันไป จนคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกัน ทำให้เกิดช่องว่าง  จู่ ๆ เขาก็มาปรากฏอย่างคาดไม่ถึง ทำตัวไม่ถูกเลย                   

“เจ็ทโด้อันยองฮาเซโย” ฉันเนื้อเต้นยิ้มปากจะฉีกถึงหูแล้ว

“อือ! เขายังวางมาดหน้านิ่งกับฉันเหมือนเดิม ท่าทางยังกวนประสาทเหมือนเมื่อสมัยก่อน

นาตาลีเดินยิ้มเข้ามาพยุงเดิน...         

“ไปทำแผลกันค่ะ แม่บ้านเรียกหมอมาให้แล้ว”

เขาเปรยตามมาหลัง...           

“จะถามว่า สบายดีมั้ย? คงไม่ต้องถามแล้วนะ หึหึ!” เขาขับรถยนต์ออกไปอีกครั้ง ทิ้งให้พวกเราเดินเข้าบ้านกันเอง กวนชะมัด

“อนนี่! ไป่ไป๋กระโดดกอดนาตาลีแล้วชี้ไปที่นินจา 2 ที่ถอยไปยืนห่างออกไป

“นั่นแทนนี่!

“แทน! ใช่แทนมั้ย? แทนจริง ๆด้วย” นาตาลีถลาเข้าหา

“ขอโทษนะครับ จำคนผิดแล้ว” เขาเดินหนีไปปลายสะพาน ท่าทางของเขาคุ้นตามาก

แต่ทำไมสองสาวถึงดีใจขนาดนั้น แล้วทำไมเขาต้องเดินหนี เจ็ทโด้มาได้ยังไง? มันเกินความฝันมาไกลมากที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง ฉันมีเรื่องราวมากมาย อยากจะเล่าให้เขาฟัง อยากเจอเขาและแทนมานานมากแล้ว                            

                       ...........................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม