หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 2 เม.ย. 2567 |
สวิตเซอร์แลนด์
มุมมองสายตาไป่ไป๋
สิงหาคม ค.ศ. 2024
โลซาน…
โพลงหินใต้ถุนบ้านริมน้ำติดดวงไฟกลมสลัว หลังลูกกรงห้องขัง ไอ้โม่งยังนั่งเงียบเหมือนทุกวัน ฉันเอาข้าวมาให้นินจา 2 กินทุกวัน และสอบถามทุกวัน แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบที่ต้องการ เก็บกดความโกรธใกล้ระเบิดเต็มที ไอ้หมอนี่ขัดใจตลอด
“เหมือนมาก แต่คงไม่ใช่หรอก ถามทุกวันถ้าใช่ก็คงยอมรับมาแล้ว” ฉันสับสนมากกับท่าทางที่คล้ายกันของเขา
“ไม่ใช่แน่เหรอ?” นาตาลีก็ฉงน
“น่ารำคาญ ถามอะไรก็ไม่พูด” ขัดใจฉันมาก
เขาโดนหัวหน้าสั่งขัง 1 สัปดาห์ พรุ่งนี้ก็ปล่อยตัวแล้ว เขาทำให้ฉันหัวใจระเบิด ดีใจสุดช็อกและก็ทำให้ห่อเหี่ยวในเวลาเดียวกัน บุคลิกเหมือนกับแทนมาก แต่เขาปฎิเสธมาตลอด ฉันสองจิตสองใจอยากอยู่ใกล้อยกคุยด้วย แต่ก็เกลียดที่เขาขัดใจและกวนประสาท
“แอ๊ด...ดด!!” เราเข้าไปในห้องขัง เขานั่งหลบมุม
“นี่นี่! ถอดหมวกหน่อยสิ อยากเห็นหน้า” ฉันวางถาดแล้วปรี่เข้าหา /แค่สงสัย ไม่ได้ใจดีเอาข้าวเอาน้ำมาให้นายหรอกนะ/
“นินจา 2 คะ! รบกวนถอดผ้าคลุมหน้าออกด้วยค่ะ”นาตาลีช่วยกันขอร้อง แต่ไม่เคยได้ผล
ตั้งแต่ได้เห็นรูปร่างของเขาชัด ๆ ฉันอยู่ไม่เคยสุขเลย เขาเหมือนแทนของเรามาก เพียงแต่ตัวอาจจะดูเทอะทะใหญ่มากกว่า
“แทนใช่มั้ย?” นาตาลีถามตรง ๆ ถามทุกวัน เขาก็ปฎิเสธทุกวัน
“.............”
“ไม่ใช่ครับ!”
“คุณก็ถอดหน้ากากสิคะ!” เธอเสียงขึ้นจมูก จากพูดดีด้วยจนโกรธหูร้อนทุกวัน
“คุณ! จะกวนประสาทไปถึงไหน?” ฉันอยากจะกระชาก
“ถ้าผมถอด คุณจะนอนฝันร้าย” เสียงอู้อี้ผ่านหน้ากากกันแก๊ส
“ขอดูมือหน่อยสิ!” ฉันยืนมือขอ เขาเอามือล้วงกระเป๋าทันที กวนตีนจริง
“ขอโทษครับ ผมจะพักผ่อน ผมไม่ใช่คนที่คุณตามหา ออกไปด้วยครับ” เขาไม่เคยให้ความร่วมมือสักเรื่อง ขัดใจไปหมด
ฉันจะไม่ดีกับนายอีกแล้ว...
“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีนายเลย ฉันบอกว่า อย่าช่วย ทำไมไม่ฟัง ฮ้า!” ถ้าดีไม่ได้ ก็ร้ายเลยแล้วกัน
“ตุ๊บ!” ซัดไปที หงุดหงิดมาก รูปร่างท่าทางของเขากวนใจ ใจแวบบ่อย ๆ คิดเข้าข้างตัวเองว่า ใช่มาตลอด ต้องสลัดความคิดนี้ ไปไกล ๆ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่อยากสนิทด้วย
“แล้วทีนี้จะทำยังไง? ยายปีศาจกิมจิไม่ตาย ฮึ?” ฉันโกรธเรื่องนี้ที่สุด
“ตุ้บ!” อัดเข้าท้องเขาตัวงอ หงุดหงิดจริง ๆ
“ไป่ไป๋พอแล้ว ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้าใช่! ฉันก็ไม่คบกับเขาแล้ว ทิ้งไป 5 ปี สนุกหรือไง?” นาตาลีสะบัดหน้าเดินออกไป
“ตุ้บ! กินข้าวซะนะ พรุ่งนี้! พาฉันไปเที่ยวด้วย”
“ขอตัวครับ”
“ไม่ได้! เดี๋ยวปั้ด! อยากโดนขังอีกหรือไง?” ไอ้นี่ กวนตีนจนหยดสุดท้ายจริง ๆ
แค่ได้เจอเจ็ทโด้ก็ดีใจจนสุดแล้ว พอเจอเขายิ่งดีใจหนัก คนโหยหารอคอย เพียงได้ข่าวหัวใจก็ชุ่มชื่น อยากโผเข้าใส่ อยากให้เป็นจริง ทุกวันที่ผ่านมา หลับตายังฝันเห็น แต่มันป็นเพียงภาพลวงตาของคนที่คล้ายกัน
...................................................
หัวสะพานริมทะเลสาบที่เงียบสงบ ฉันนอนแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวระยิบพร่างตาเย็นสบาย ไม่ได้ทำให้หัวใจหายร้อนรน ยังคงกังวล สับสน คิดวนเวียนแต่เรื่องเจ้านินจา 2
“อนนี่! เขาเหมือนมากเลยนะ” ฉันพลิกตัวกอด
“คงไม่ใช่หรอก ถ้าใช่!แสดงว่า เขาไม่เคยรักเราเลย ไม่เคยห่วงกันเลย แต่ฉันว่าช่วงหน้าอกและหัวไหล่ของเขาก็ใหญ่เกินไปนะ ดูน่ากลัวด้วย”
“หนูสับสน เห็นเขาแล้วยิ่งคิดถึงแทน ยิ่งแค้นจูยอนมากขึ้น” ฉันใกล้จะบ้าเข้าไปทุกวัน ความผิดที่เคยทำไว้ยังปักใจถอนไม่ออก คงมีทางเดียวที่จะถ่ายถอนความผิดในใจ...แก้แค้นเท่านั้น
“จูยอนไม่รู้เรื่องหรอก ตัดใจเถอะ! เที่ยวให้สนุกดีกว่า เราอาจจะได้เดินทางครั้งนี้ครั้งสุดท้ายก็ได้ สงครามโลกเกิดแล้ว”
“อนนี่! เรื่องนี้หนูขอ ถึงอย่างไรจูยอนก็ใจร้าย”
“คนอย่างจูยอนมีเหตุผล เราคุยกับเธอก่อนเถอะ เราไม่ใช่ผู้พิทักษ์โลกนะคะ เราเป็นเพื่อนกับเธอ”
“เธอเป็นพวกเดียวกับลูอิสนะ เธอเป็นปีศาจไปแล้ว Soulless กว่าครึ่งโลกมาจากฝีมือของเธอ คดีแค่นี้ก็พอที่จะฆ่าเธอได้แล้ว” คิดอย่างไรก็ยอมไม่ได้
“แหม! อย่าเอาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง มาล่าแม่มดสิคะ ฆ่าเธอไป โลกก็ไม่กลับคืน” ดูเธอจะเข้าใจจูยอนมากไปแล้ว
“หึ๋ย! ทำไมเป็นคนอย่างนี้? อนนี่เข้าข้างฆาตกรได้ยังไง?” ฉันหงุดหงิดหนักเข้าไปอีก ข่มตานอนดีกว่า
“ให้โอกาสเธอได้บอกเหตุผลก่อน ถ้าไม่มีก็จัดการได้เลย”
“พูดเองนะ! อย่ามาห้ามหนูก็แล้วกัน”
“ไปนอนกันเถอะ หนาวแล้ว พรุ่งนี้จะได้เจอกับ อังเดรแล้ว” เธอลุกเดินไปเฉยเลย ทำไมไม่ได้ดั่งใจสักอย่างเลยวะ เครียดโว้ย
..................................................................
วันรุ่งขึ้น... เรามาหาอังเดร บอดี้การ์ดคนเก่งด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอกันอีกครั้ง ด้านหน้าสถานีรถไฟฟ้าเมือง Chur กลุ่มผู้ชายฝรั่งตัวสูงในชุดสูทดำยืนชะเง้อคอรอคอย ฉันจำพวกเขาได้ดี...
“อังเดร!” ฉันโบกมือดีใจที่ได้เห็นเพื่อนแดนไกลอีกครั้ง
“สวัสดีครับดอกเตอร์! มิสถัง! สบายดีหรือเปล่าครับ? ผมเป็นห่วงพวกคุณมากเลย” เขาเข้ามาจับมือเขย่าสายตาเปี่ยมประกายดีใจ กลุ่มเพื่อนบอดี้การ์ดอีก 8 คนเดินยิ้มเข้ามาทักทาย
“ฉันสบายดีค่ะ ทุกคนสบาดีมั้ยไม่ได้เจอกันนานมาก ตอนนี้คุณพาครอบครัวไปอยู่ที่ไหนคะ?” นาตาลีแหงนคอตั้งหันทักทายอดีตผู้ปกป้องทีละคน พวกเขาโค้งศีรษะอย่างนอบน้อมให้เธอ
“ผมหนีสงครามไปอยู่ไกลผู้คนในอุทยาน Oulanka National Park ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ครับ ลูก ๆ ชอบเพราะมีสัตว์ป่ามากมาย ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวบ้านผมบ้างก็ได้นะครับ”
“ไปอยู่ด้วยกันหมดเลยเหรอ?”
“พวกเราทำงานด้วยกันมานาน เลยตัดสินใจไปอยู่ด้วยกันตามคำแนะนำของดอกเตอร์ครับ ลูก ๆก็มีเพื่อน พวกเราก็ไม่เหงา”
“อยากไปเที่ยวจังเลย คราวก่อนที่คุณพาไปเที่ยวดูแสงเหนือสนุกมาก คิดถึงคุณนะคะ อังเดร!” ฉันเข้าไปจับมือ
“มิสถัง! ผมยาวมากแล้วสวยขึ้นนะครับ” มาชมกันต่อหน้าอย่างนี้ก็เขินแย่สิ
นาตาลีย่นจมูก...
“แหม! พูดอย่างนี้ เอาวัคซีนกลับเลยก็แล้วกัน ไม่ให้ดีกว่า”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เขาหัวเราะร่วนผวาเข้าหานาตาลี...
“ดอกเตอร์สวยที่สุดในโลกอยู่แล้วครับ ฮ่าฮ่า!”
“พูดอย่างนี้น่าคบหน่อย นี่!ฉันซื้อของเล่นมาฝากลูกคุณด้วย ไม่รู้ว่าจะชอบกันรึเปล่า ยังไงก็ฝากไปให้พวกเขาด้วยนะคะ วัคซีนเตรียมมาใหประมาณ 500 โดส ตัดสินใจเลือกเพื่อนที่จะใช้ชีวตกับเรานะคะ ”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะใช้อย่างระวังที่สุด”
ฉันรีบแทรกเข้าไปกำชับ...
“อังเดรคะ! ช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะคะ ฉันไม่อยากโดนล่า”
“ผมเข้าใจครับ ผมไม่หักหลังดอกเตอร์กับมิสถังแน่นอนครับ”
“ขอบใจมาก ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อคุณได้ใช่มั้ยคะ?” ฉันถามเผื่อไว้ก่อน อาจจะพาเขาไปยิงหัวหวังฉวนในสักวัน
“พรึ่บ!” ทั้งกลุ่มอึดอกพร้อมกัน จนฉันตกใจ
“ผมพร้อมกองกำลังจะไปทันที ขอให้บอกมาว่าจะให้ช่วยเมื่อไหร่ แต่ว่าตอนนี้มีศัตรูตามล่าเหรอครับ?” อังเดรท่าทางพร้อมมาก ฉันอาจจะไม่ต้องง้อซอนกับเจ็ทโด้แล้ว
“ไม่มีหรอกค่ะ บอกเผื่อไว้ค่ะ” หัวใจของฉันพองฟูมาก ความหวังบรรเจิด
“คนนั้นใครครับ บอดี้การ์ดคนใหม่เหรอครับ?” เขาหันไปมองเจ้านินจา 2
“เอ่อ!...ค่ะ” ฉันไม่รู้จะตอบยังไง
เราแลกเปลี่ยนไถ่ถามสารทุกข์ตั้งแต่แยกย้ายกันไป เขาเล่าให้ฟังถึงสงครามที่มันบานปลาย หลังจากรัสเซียยืนยันจะยึดยูเครนและดื้อดึงส่งทหารเข้ารุกราน สุดท้ายก็เผชิญหน้ากับกองทัพสหรัฐและสงครามเกิดขึ้นไปทั่วภาคพื้นยุโรปและร่ำรากันเมื่อได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนินจา 2 พาเราไปขึ้นรถไฟฟ้าสาย Glacier Express นำพาเราไต่ระดับความสูงของเทือกเขาแอลป์ขึ้นมาเรื่อย ๆ ภูเขาสูงยอดแหลมห่มคลุมด้วยหิมะขาว ท้องฟ้าใสสบายตา
จากเมือง Tasch รถไฟฟ้า Cog Wheel พาเราผ่านทิวทัศน์ตระการตาในความสูงระดับ 1,000 เมตร อย่างช้า ๆ ต้นสนสองใบยืนหยัดสู้ความหนาวเย็นเป็นแถวทิวข้างทาง พื้นหิมะขาวปกคลุมหมู่บ้านในหุบเขาด้านล่างริมทะเลสาบ สวยจนยากจะบรรยาย สวยจนอยากตะโกน
“ไป่ไป๋ขา! ดูนั่นสิ” นาตาลีพูดควันออกปาก หันมาชี้ชวนไปมองนอกหน้าต่าง
“โอ้โห! อนนี่! สวยจังเลยคะ” ตื่นตาตื่นใจกับหมู่บ้านไม้สีน้ำตาลอ่อน บนหลังคาบ้านหิมะจับหนา เหมือนทั้งหมู่บ้านจมอยู่ใต้หิมะ แสงไฟเหลืองจากในบ้าน สะท้อนกับหิมะเหมือนกับเทศกาลเล่นไฟแสงสี สะกดสายตา
ฉันสะกิดนาตาลีแล้วเบ้ปากไปทาง นินจา 2...
“ลูกพี่เขาจะพาเราไปไหน? ถามให้หน่อยจิ” ฉันใช้ให้ไปถามเจ้ายักษ์ ยังหมั่นไส้ไม่หาย
เขาคงได้ยิน หันมามอง...
"Matterhorn” เขาตอบแล้วหันกลับไปมองวิว เทือกเขาสลับซับซ้อน ยิ่งใหญ่ตระการตาหิมะขาวโพลนสว่างจ้า
“มันคืออะไรเหรอ อนนี่!?” ฉันสะกิดนาตาลี
“ยอดเขาพีระมิด” เธอตอบสั้น ๆ แล้วหันไป /อ้าว!...แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ? สะกิดอีก...
“ขยายความหน่อยจิ หนูไม่เข้าใจ”
“ยอดเขาเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิดค่ะ เคยดูไตเติ้ลภาพยนตร์ของพาราเมาส์ พิคเจอร์หรือเปล่าคะ? รูปโลโก้บริษัทของเขาเป็นภูเขา คือที่นี่แหละค่ะ”เธออธิบาย แต่ฉันก็นึกภาพไม่ออก รู้จักแต่ชอว์บราเดอร์
รถไฟจอดสุดสายที่เมืองเซอร์แมท ไอหมอกหนาวจัดแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคของนักเดินทาง เราเดินคลอเคลียกันไปตามทาง เจ้านินจา 2 เดินตามห่าง ๆ
“อนนี่! กินนี่สิ อร่อยมาก หนูซื้อไปฝากน้องแทนเพียบเลย” ฉันยื่นก้อนช็อกโกแลต Tobleroneให้ เธอรับแล้วเดินนำไป นินจา 2 รีบเดินเข้าประกบ คอยกางแขนกันคนให้เธอ
เขาก้มลงมาบอก...
“เราต้องนั่งกระเช้าไปอีก 3 ต่อถึงจะได้เห็นครับ”
พวกเราสวมหมวก สวมแว่นพรางตัว ที่นี่มีคนรู้จักเธอมากมาย เขาพาเดินมาจนขึ้นกระเช้ากลมคันที่1 มันค่อย ๆ ลากตัวเองขึ้นตามสายสลิง ฝ่าละอองหมอกขาวหนาวเย็นขึ้นไปด้านบน อากาศแปรปรวนเร็วมาก
“อนนี่คะ! หนูหงุดหงิดมากเลย เบื่อด้วย! มีอะไรจะฝากไปบอกแทนไหมคะ? เผื่อหนูตาย หนูจะได้บอกเขา” ฉันก้มมองดูยอดสนที่ผ่านลอดขามาเรื่อย ๆ
บางครั้งบางอารมณ์ ฉันก็อยากตาย ๆ ไปเหมือนกัน เรื่องของเขาไม่สามารถลบออกไปจากหัวได้เลย ถ้าฉันไม่ดื้อ แทนคงไม่ต้องตาย
“บอกเขาด้วย ว่าฉันรักเขามากกว่าเธอ และฉันจะเป็นคนดี ไม่สร้างปัญหาให้เพื่อน” เธอหันมายิ้มฟันขาว นี่...ฉันซีเรียสนะ เจ้านินจา 2 นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นมองออกไปนอกกระเช้า
“อนนี่! ไม่คิดแก้แค้นแล้วใช่ไหม?” ฉันเขยิบเข้านั่งเบียด ยิ่งสูงยิ่งหนาว ในใจของฉันหนาวเหน็บเมื่อคิดถึงการจากไปของแทน
เมื่อมีความสุขทุกครั้ง เขาจะเป็นคนแรกที่ฉันคิดถึง คนที่ฉันอยากให้มานั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่เคยปรากฏเงาให้เห็นอีกเลย ฉันแอบมองนินจา 2 บ่อย ๆ อยากให้มีปาฎิหารย์ แต่ก็ผิดหวัง
“การที่เรายังคิดแบบนั้น ยิ่งทรมานตัวเอง การตายเป็นเรื่องธรรมชาติ” เธอเอียงตัวมาเบียด
“ต้องล้างแค้นให้แทนสิถึงจะถูก วิญญาณของเขาถึงจะสงบ หนูเชื่อว่าเขารอให้เราล้างแค้นให้นะคะ” ฉันเชื่อว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่สมควรตายไปเงียบ ๆ แบบนั้น
“แทนไม่ใช่คนอาฆาต จำตอนที่เราหนีตอนเผาตึก The 3 ไม่ได้เหรอคะ? เจ้าหน้าที่ของ Kala Democracy ตามมาฆ่า แต่เขาก็ไม่ทำอะไร ปล่อยเสือเข้าป่าไปด้วย” เธอนั่งยิ้มเงยหน้าแววตาประกาย เราสองคนคิดเรื่องนี้ต่างกันสิ้นเชิง ฉันมีปมในใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียชีวิต ไม่อาจลบเลือน
“แต่ไอ้นั่น ก็โดนยิงนะคะ”
“ซอน! ต่างหากที่ยิง”เธอสวนทันที /มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ? ซอนทำถูกแล้ว หงุดหงิดอีกแล้วสิฉัน /
“เขาเสียสละเพื่อไปช่วยหนู หนูคงไม่อยู่เฉยแล้วล่ะ หนูโตพอที่จะตัดสินใจได้เองแล้ว หนูจะล้างแค้น หนูทำลายความฝันของทุกคน หนูอยากล้างความผิด” ฉันต้องทำบางอย่าง
“ไม่เอาน่า! เรื่องผ่านไปตั้งนานแล้วให้มันผ่านเลยไป เราเก็บชีวิตไว้แก้ปัญหาอื่นเถอะ ถ้าฉันเสียเธอไปอีกคน ฉันจะอยู่ยังไง? ฉันรักเธอนะ”เธอหันมายิ้มแล้วลูบหัวปลอบใจ
ฉันคิดในใจ...ก็เธอใจดีอย่างนี้นี่ไง เลยไม่ยอมทำอะไรเพื่อแทนเธอรักเขาน้อยกว่าฉันแน่นอน
“แอ่ด! แอ่ด!” กระเช้าสิ้นสุด นินจา 2 กระโดดลงไปแล้วยื่นมือมารับเราลงไปทีละคน
“ดอกเตอร์ครับ เชิญไปต่อทางนี้ครับ” เขายกแขนกันคนให้นาตาลีเดินสบาย เห็นแล้วหมั่นไส้...
“อะไรของคุณ จะขึ้นฟ้าเหรอ นี่ก็ขึ้นมาสูงแล้วนะ?” โวยไปอย่างนั้นแหละ หงุดหงิด
กระเช้าที่ 2 เป็นกระเช้าใหญ่เหมือนรถบัส นักท่องเที่ยว 20 กว่าคนกรูขึ้นมา ฉันยืนกอดเอวนาตาลีด้านหลังบัส เสียงคุยกันสารพัดภาษา สายตาไปสะดุดกับหนุ่มสาวเอเชียคู่หนึ่ง ท่าทางยังเป็นนักศึกษากอดกันกลมด้วยความหนาว ฝ่ายชายดูจะทะนุถนอมแฟนของตัวเอง มาเรียนไกลบ้านคงจะเหงาน่าดู
นาตาลีสะกิดแขน...
“อย่าจ้องมองอย่างนั้นสิ น่าเกลียด!”
“อิจฉาอ่ะ!” ฉันดึงเธอมากอด
“อนนี่! เรากลับบ้านกันดีกว่า คิดถึงซอนแล้ว” ฉันไปชวนซอนอีกดีกว่า อ้อนดี ๆ เผื่อเขาจะใจอ่อน แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว หมวดจางคงไม่อนุญาตแน่ ๆ ฉันจะทำยังไงดีนะ ต้องหาทางเข้าใกล้หวังฉวนให้ได้
“ใกล้ได้กลับบ้านแล้วล่ะ เที่ยวให้สนุกเถอะ ฉันอุตส่าห์หยุดงาน เที่ยวยังไม่สะใจเลย อย่าหาอะไรมาคิดให้รกสมองเลย”เธอมองออกไปด้านนอก
ฉันเหลือบมองไปเห็นคู่รักอีกคู่กอดกันกลม เด็กสาวดูท่าทางเหมือนคุณหนู แต่พอเห็นหน้าผู้ชายชัด ๆ เขาไม่ใช่เด็กนี่นา และดูเหมือนไม่ใช่แฟนกันด้วย ฉันเก็บความแปลกใจนี้ไว้ สายตาคอยมองไปตลอด
“อนนี่! หนูสามารถทำวัคซีนเองได้หรือยัง?” ความฝันอยากเป็นไอดอลหลุดลอยไปแล้ว แต่ก็ยังอยากมีชื่อเสียง ฉันอยากเข้าถึงผู้มีอำนาจบ้างและจะไม่หนีเหมือนที่นาตาลีทำ
“เธอทำได้ทุกอย่างแล้ว ยิงปืนก็เก่ง ขับรถก็เก่ง ส่วนวัคซีนแค่หาส่วนประกอบต่าง ๆ มาได้ก็ผลิตได้แล้วค่ะ” เธอไม่เคยหวงวิชา จับมือสอนงานจนเข้าใจทั้งระบบ
“หนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว หนูไม่ชอบท่าทางของนินจา 2 เลย” ฉันหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นเขา ฉันหาเรื่องไปทั่ว หันไปมองทีไร...เขาต้องมองเราอยู่ทุกที
“ทำไมล่ะ เขาเหมือนแทนของเรามากเลยนะคะ? คิดว่าเป็นแทนสิ” เธอยิ้มตาใส
“ก็เพราะเหมือนไงหนูถึงไม่ชอบ พอเห็นเขาเดินผ่านหนูผวาจะกอดทุกที ไม่ชอบเลย ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากเห็นท่าทางของเขา ใจมันไม่ไหว แวบบ่อยจนหนูเริ่มเกลียดตัวเองแล้ว”
สายตาเหลือบไปที่มุมท้ายกระเช้าอีกครั้ง รู้สึกแปลก ๆ กับคู่รักคู่เดิมที่มุมบัส ผู้ชายที่ฉันเห็นว่ากอดอยู่นั้น แท้ที่จริงเหมือนพยายามยืนบังให้เธอเข้ามุมมากกว่า สายตาของเด็กสาวดูเหมือนหวาดวิตกมาก ใบหน้าเหยเก ขาสั่น
“อนนี่! ถ้ามีคนต้องการความช่วยเหลือ อาจจะต้องใช้กำลัง จะช่วยหรือเปล่า?” ฉันก้มกระซิบ สายตามองไปที่ทั้งคู่ รอคำตอบ
“แจ้งตำรวจสิ! จะไปยุ่งทำไม? ไม่ใช่หน้าที่ของเรา” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตา // ยังทำสายตาสงสัยใส่อีก นี่ฉันผิดอีกแล้วเหรอ?//
“แจ้งไม่ทันหรอก ดูสิ! เขาอาจจะลักพาเด็กมา”ฉันโบ้ยปากไปที่มุม
“แอ่ด...ดด!!” กระเช้าจอดเปลี่ยนสถานีสุดท้าย ฉันรีบก้าวเดินไปดักรอที่ประตูทางออก สงสัยพฤติกรรมของฝ่ายชายมาก บุคลิกรูปร่างท่าทางไม่เข้ากับเด็กสาวแม้แต่นิดเดียว
นาตาลีวิ่งตามมาดึงแขน…
“จะรีบไปไหนคะ?” คิ้วขมวดสายตาสับสน นินจา 2 เดินตามมองห่าง ๆ
“อนนี่คอยดูนะคะ” ฉันหันไปมองฝ่ายชายดันหลังให้ฝ่ายหญิงก้าวเดินมาทางฉัน เด็กสาวหน้าตื่นสายตาหวั่นวิตก หันมองซ้ายขวาตลอดเวลา
พวกเขาเดินผ่านหน้าฉันไปแล้ว กำลังแยกออกไปที่ลานหิมะกว้าง ผ่านหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายยืนอยู่หน้าอาคาร
“อนนี่คะ! หนูคิดว่า เด็กผู้หญิงคนนั้น ต้องการความช่วยเหลือค่ะ ดูที่มือของเธอสิคะ หนูค่อนข้างมั่นใจ เธอแบ ๆ กำ ๆ มือตลอดเวลา” สัญญาณขอความช่วยเหลือแบบนี้ ฉันเคยเรียนตอนเป็นเยาวชนกาชาดหมวกแดง
“ดอกเตอร์ครับ! นั่นไม่ใช่สัญญานมือขอความช่วยเหลือนะครับ” นินจา 2 เสือกไม่เข้าเรื่อง
“ก็เธอยังเด็ก!” ฉันตวาดแวด หันไปจ้องหน้าเจ้ายักษ์อยากตบสักฉาด คนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้าจะให้มองข้ามไปได้ยังไง ยังเป็นคนกันรึเปล่า? ฉันตั้งใจมั่น ต้องช่วยเธอให้ได้
เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจไปทั่วสถานี ผู้โดยสารที่มาด้วยกันทั้งหมด เดินขึ้นกระเช้าไปต่อกันแล้ว ผู้คนเริ่มบางตา ฉันหันไปกระซิบนาตาลี
“อนนี่คะ! ไปแจ้งตำรวจนะ หนูจะไปขัดขวางมันไว้ก่อน เดี๋ยวมันหนี” ฉันไม่รอคำตอบวิ่งผ่านหน้าตำรวจตามมันไป ไม่ชอบเลยพวกคุกคามทางเพศ ลวนลามผู้หญิงที่อ่อนแอต้องจัดการให้เข็ดหลาบ
“รอด้วย!” นินจา 2 วิ่งตามมายังอุ่นใจขึ้นบ้าง
“สวบ!สวบ!” พวกเขาเดินลุยหิมะไปได้ครึ่งทาง ก่อนจะถึงอาคารสี่เหลี่ยมชั้นเดียวข้างหน้า
หันกลับไปมองด้านหลัง นาตาลีกำลังยืนคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วชี้มาที่ฉัน แอบคิดในใจ...น่ารักมากนาตาลี ฮุฮุฮุ!
ในใจเป็นห่วงสาวน้อยที่โดนลักพาตัว เธอรีบเดินจ้ำอ้าวมือหงิกงอ ฝ่ายชายทั้งฉุดทั้งดึง ขาน้องจมไปในหิมะ ในใจของเธอคงหวาดกลัววิตกกังวล อายุขนาดนี้คงคิดถึงคุณแม่แน่ ๆ เลย คงเริ่มนับถอยหลังให้ชีวิตของตัวเองแล้วสินะ
ฉันรอต่อไปไม่ได้แล้วขยับจะวิ่ง
“อ๊ะ!” ใจหายวาบ โดนดึงคอเสื้อ หน้าหงาย...
“จะทำอะไรครับ?” นินจา 2 ขยับเดินมาขวาง
“หึ๋ย!!” ฉันผลักให้หลบ...
“นายไม่ต้องยุ่ง ฉันจะช่วยเด็ก เธอโดนลักพาตัว”
“นาตาลี แจ้งความแล้ว รอให้ตำราจจัดการกันเองสิ” เขากางแขนขวาง ยิ่งยั่วให้ปรี้ด
“นายอย่ามายุ่งกับฉัน หลบไป!” ฉันผลักอกสุดแรง เขาเสียจังหวะเซออกไป
โอกาสดีมาถึงแล้ว...
“สวบ!สวบ!” ฉันสับขาวิ่งสุดชีวิต ลุยหิมะเข้าไปช่วยเด็กสาว เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้รอช้าไม่ได้ เจ้าวายร้ายเดินตามหลังเด็ก มันไม่ทันระวังตัว เมื่อได้จังหวะเหมาะก็กระโดดถีบขาคู่…
“ย้าก!!!”
“อั่ก!!” เท้าถีบไปกลางหลัง เขากระเด็นตามแรง หัวทิ่มหน้าจมหิมะ ฉันรีบวิ่งเข้าไปกอดเด็กสาว...
“ปลอดภัยแล้วนะคะ ไม่ต้องกลัว” เวลานี้ปลอบใจดีที่สุด ต้องพยุงใจให้เข้มแข็ง เธอหันมองไปที่โจรลักพาตัว แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาว้าวุ่นสับสนคงจะกลัวมากเลยสินะ โอ๋โอ๋...
“ไม่ต้องกลัวนะคะ ปลอดภัยแล้ว” ฉันลูบไปตามลำตัว เธอกลัวจนตัวสั่นระริก สงสารจับใจ เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้น
“ทางนี้ค่ะ!” ฉันหันกลับไปกวักมือ
เจ้าหน้าที่ 2 นายกับนาตาลีวิ่งกำลังวิ่งลุยหิมะมา เจ้าผู้ร้ายตัวใหญ่กำลังขยับตัวลุกขึ้น ฉันหันกลับมาหานินจา 2 …
“นายไปจับตัวมันไว้สิ เดี๋ยวมันก็หนีหรอก” ขัดใจกับไอ้นี่จริง ๆ
“...........” เขามองหน้าฉัน แล้วหันมองเจ้าผู้ร้ายที่ยังจมพื้นหิมะ แล้วยืนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันเกลียดไอ้หมอนี่มากขึ้น สั่งไม่เป็นคำสั่งเลย
“มันลุกขึ้นมาแล้ว ไปจับมันสิ!” ฉันแว้ด
“ผมคิดว่านั่น! ไม่ใช่คนร้ายนะครับ” ยังจะเถียงอีก ไม่ทันการณ์แล้วไอ้ผู้ร้ายลักพาตัวมันกำลังลุกยืน ไม่ง้อไอ้นี่ก็ได้ ตัดสินใจวิ่งไปหาแล้วกระโดดขาคู่อีกครั้ง...
“ย้ากส์!!!” ทันทีที่เขายืนทรงตัวได้ เท้าของฉันก็ถีบไปที่กลางหลังล้มหน้าจมหิมะอีกครั้ง
“เยส!” สะใจมาก
แต่...เจ้ายักษ์วิ่งไปพยุงให้เขาลุกขึ้น และดูเหมือนว่า ทั้งสองจะคุยกัน หรือว่ามันเป็นพวกเดียวกัน? ไอ้นี่! ไม่เคยทำให้สบายใจเลย หันกลับไปมองเด็กสาวปลื้มใจจนน้ำตาไหลพราก
“เฮ้อ!” โล่งอกสบายใจ...เจ้าหน้าที่วิ่งมาถึงเธอพอดี แล้วพากันเดินเข้าไปที่อาคาร
ฉันส่งยิ้มให้นาตาลีแล้วยืดอกอย่างภูมิใจ รู้สึกเบาสบายใจที่ได้ทำความดี ปัดหิมะออกจากมือแล้วชี้ที่หน้าอกตัวเองโม้ซะหน่อย...
“ช่วยได้ทันเวลาพอดี หนูไม่เจ็บตัวค่ะ อนนี่ไม่ต้องห่วงหนู ดูน้องให้หน่อยนะคะ” เธอน่าจะอายุประมาณ 13-14 ปี เจ้าหน้าที่เดินไปล็อคตัวผู้ร้าย
“ดอกเตอร์! กลับเถอะ” เจ้ายักษ์นี่!...กวนประสาทมากไปแล้ว ไม่ชอบใจเลย หงุดหงิดโว้ย เราเดินตามกันเข้าไปในอาคาร
นาตาลีลูบหัวน้องเบา ๆ ...
“Where ya from?”
“?????” เด็กสาวหน้าเหรอหรา ลำตัวยิ่งสั่นหน้ายิ่งเสียขึ้นไปอีก เหมือนจะร้องไห้ /โถ ๆ ๆ ๆ น่าสงสาร/
เธอยังตื่นกลัวระแวงภัยเหมือนแมวต่างถิ่น หันมองสำรวจรอบไปห้อง แล้วไปหยุดสายตาที่ผู้ร้ายตรงโต๊ะสอบสวน สายตายังคงขยาดกลัวถึงได้มองเขาไม่วางตา
เจ้ายักษ์เดินตามเข้าไปนั่งฟังด้วย สักพักเขาก็เดินออกมาหานาตาลี...
“เรากลับกันเถอะครับดอกเตอร์ อยู่ต่อไม่ดีแน่” ชวนกลับอีกแล้ว //ก่อนมาเที่ยวมึงลืมปิดน้ำ ปิดแก๊สหรือไงวะ รีบชวนกลับจัง?//
นาตาลีหันมามอง...ฉันรีบส่ายหน้าปฎิเสธจะกลับได้ยังไงต้องอยู่เป็นพยานก่อนสิ ต้องจับผู้ร้ายเข้าคุกก่อน เดนสังคมอย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้
เจ้าหน้าที่สาวผมทองเดินมาคุยด้วย...
“เขาสื่อสารกับเราไม่ได้ เขาใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย” สีหน้าของเธอหนักใจ
ฉันหันมองและคิดในใจ...นาตาลีนี่แหละ เก่งที่สุดในโลกแล้ว พูดได้ตั้ง 7 ภาษา
“อนนี่! ถามเด็กให้หน่อยสิคะว่า หิวมั้ย?” เห็นหน้าเด็กแล้วก็รันทดใจรั่ว ยิ่งเห็นสีหน้าไม่ดี ก็ยิ่งร้อนใจ
เจ้านินจา 2 ก้มไปหานาตาลี...
“ดอกเตอร์ครับ เชื่อผมสักครั้งนะครับ กลับเถอะ!” เจ้านี่เป็นคนยังไงกันนะ น่าทุบสักตุ้บ
“นายหุบปากไปเลยนะ!” ฉันชี้หน้าหมายหัวไว้ก่อน
นาตาลีเมินหน้ายืนคิดสักพักจึงพูดกับเด็กช้า ๆ…
“Passport!” เธอแบมือขอ
ฉันยิ้มพอใจที่เด็กสาวเข้าใจ ล้วงมือสั่นระริกไปในเสื้อแล้วหยิบเล่มขึ้นมาส่งให้ เธอคงกลัวมากถึงขั้นบิดตัวเลย น่าสงสารจริง ๆ มาตกที่นั่งลำบากในต่างแดน พ่อแม่จะเป็นห่วงขนาดไหนเนี่ย?
นาตาลีหันมายิ้มแล้วบอกเจ้าหน้าที่
“มาจาก kala democracy”
ในขณะเดียวกัน...เจ้าหน้าที่บนโต๊ะสอบสวน ยังเกาหัวกับผู้ร้าย โชคดีจริง ๆ ที่พวกคุณได้เจอฉัน คดีนี้จะปิดลงอย่างสมบูรณ์
นาตาลีก้มถามน้อง…
“$#@!&^%$#&!!!” เธอพูดอะไรกัน ฉันไม่เข้าใจเป็นภาษาที่ฟังไม่ออก
แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจิตใจของฉันพองโตมากที่ได้ช่วยเหลือคน เด็กสาวสีหน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด มีรอยยิ้มดวงตาวาวมีความหวัง ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินภาษาบ้านเกิด...
“@!^%@#$#&!!” เธอบอกอะไรก็ไม่รู้ แล้วชี้ไปที่ไอ้โจรลักพาตัว สงสัยคงจะแค้นมาก
“..........” นาตาลีชะงักอึ้งหันไปจ้องไปที่ไอ้ตัวร้ายบนโต๊ะสอบสวน เธอคงแค้นใจกับคำตอบของเด็กเข้าไปลูบหน้าลูบหลังคุยกัน ก่อนจะมองไปที่มุมห้องแล้วชี้ให้เด็กสาวเดินไป
เธอหันมาตาเขียวหน้าหงิก ชี้หน้าไอ้ยักษ์...
“นินจา2!”
“ครับ!”
“จำไว้เลยนะ!” เธอแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะคว้าข้อมือของฉันแล้วลากแขนวิ่งออกมานอกอาคาร
ฉันแปลกใจมาก เธอไปโกรธเขาเรื่องอะไร?...
“มีอะไรเหรอคะ?” ฉันวิ่งตามมากระโดดขึ้นกระเช้านั่งกลับลงภูเขาอย่างไม่เข้าใจเลย
“ช่างเถอะ! เธอไม่อยากรู้หรอก กลับกันดีกว่า” เธอยังตึงมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ไอ้ยักษ์มันทำอะไรเหรอคะ อนนี่?” ฉันอยากรู้มาก เธอหันกลับมามองนินจา 2 …
“คุณรู้ใช่ไหม?” เสียงขุ่นเชียว ตาแทบหลุด
“เรื่องอะไรครับ” ไอ้หมอนี่ทำมึน มองออกไปนอกหน้าต่าง
“อย่ามาโกหก! ฉันเห็นคุณคุยกับเขา” เธอเสียงสูงปรี๊ด ท่าทางจะโกรธจริงจัง
“ผมไม่รู้เรื่อง!” เขายังเมิน
“แล้วนายชวนกลับทำไมฮึ?” นาตาลีเสียงสูงขึ้นไปอีก จนคนในกระเช้าหันมามอง
เขาก้มกระซิบ…
“ผมกลัวว่าจะต้องเสียเวลาเป็นพยาน คุณอยากเป็นข่าวเหรอ?”
ฉันยิ่งแปลกใจ สองคนนี้เถียงเรื่องอะไรกัน? ทำไมไม่มายินดีกับฉันที่จับผู้ร้ายได้? แค่ไปเป็นพยานมันจะเสียเวลาเท่าไหร่กัน ไอ้ยักษ์นี่นิสัยแย่มากเห็นแก่ตัว คิดเองเออเองตัดสินใจแทนคนอื่นได้ยังไง
“นี่จะกลับกันเลยเหรอคะ?” ฉันไม่เข้าใจมาก จู่จู่!...ก็พากลับบ้านเฉยเลย ยังไม่ได้ขึ้นไปถึงยอดเขาพีระมิดเลย
“เฮ้อ!” นาตาลีถอนหายใจแรงจนฉันไม่กล้าเซ้าซี้ นั่งมองวิวเทือกเขาแอลป์เก็บความสงสัยจนกลับถึงบ้าน
เดินผ่านห้องทำงานหันไปมอง เจ็ทโด้สวมแว่นสายตาอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงาน บุคลิกของเขาต่างจากวันแรกดั่งฟ้ากับเหว เรียกได้ว่า แทบเป็นคนละคนกันเลยก็ว่าได้
“อึ๋ย!” ฉันวิ่งเสนอหน้าเข้าไปในห้อง คนมันมีเรื่องจะอวด ถูมือซอยขาตูดสั่น อยากเล่า.
“เจ็ทโด้ขา! วันนี้หนูทำความดี หนูช่วยเหลือคน จับผู้ร้ายได้ด้วย” ฉันยืดอกอวดลูกพี่ใหญ่ ต้องเอาหน้าสักหน่อย
เขาเลิกคิ้วหันมายิ้มดวงตาประกาย...
“ไปดื้ออะไรมาอีกล่ะ?” อ้าว! กวนประสาทกันซะงั้น
“หนูโตแล้วนะ หนูไม่เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ หรอกน่า ใช่มะ! อนนี่?” ฉันหันหาพยาน
“อื้อ!” เธออมยิ้มใบหน้าแดงระเรื่อแล้วหันไปมองเจ้านินจา 2ที่หน้าห้อง คงภูมิใจในตัวฉันไม่น้อยสินะ
“ไป่ไป๋หาเรื่องตื่นเต้นมาให้เหรอ?” เขาถามนาตาลีแล้วก้มเซ็นต์เอกสารบนโต๊ะ
ฉันกระแทกไหล่นาตาลี...
“อนนี่! เล่าให้เขาฟังสิ ถ้าหนูเล่าเอง มันจะเป็นการโม้เกินไป” ยิ้มอย่างภูมิใจตัวเองมาก การทำความดีเหมือนเติมพลังชีวิต รู้สึกว่าตัวเบา โลกสดใส
นาตาลีเกาะโต๊ะเอ่ยขึ้น....
“ฉันมีเรื่องจะถามคุณก่อน คุณต้องตอบตามจริงนะ” เธอเคาะโต๊ะเรียกความสนใจ
“ว่ามา!” เขาไม่เงยหน้า
“นินจา 2 มาจากประเทศไหน?” เธอกระแทกเสียง
“อ้าว! ก็ถามมันเอาเองสิ มันก็ยืนอยู่หน้าห้องนี่”
“เขาไม่ค่อยตอบคำถาม น่ารำคาญ” นาตาลีขึ้นเสียง
“คุณถามต่อหน้าผมนี่แหละ” เขาไม่เงยหน้า เธอเดินกลับไปเท้าสะเอวแหงนหน้ามองเจ้ายักษ์...
“นินจา 2! นายมาจากไหน?”
“ลาวครับ! มีอะไรเหรอครับ?”
“หือ!” เธอขมวดคิ้วหันกลับมา...
“เจ็ทโด้คะ! คนลาวนี่...พูดภาษา Kala ได้มั้ยคะ?”
“พูดได้ทุกคน มีอะไรเหรอ?”เขาตอบเรียบ ๆ ไม่เงยหน้าเหมือนเดิม
“???????” เธอเกาหัวแกรก ถามอะไรก็ไม่รู้เสียเวลา
ฉันเข้าไปดึงมือ...
“อนนี่อย่าไปสนเลย เล่าเรื่องของหนูเถอะ!” อยากอวดลูกพี่ใจจะขาด กระโดดดึ๋ง! ดึ๋ง!เข้าไปหา
แต่เธอหน้ายุ่ง หันมาจ้องหน้า...
“อย่าไปพูดถึงมันเลย ลืม ๆ ไปเถอะ! ทำดีแล้วจะอวดทำไม? ถ้าเธอเก่งเหมือนฉัน ไม่โม้ตายเลยเหรอ?”
“แหม! เล่าให้เจ็ทโด้ฟังหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” ฉันอยากอวด ยิ้มเหงือกบาน แขนบิดม้วนพันกันแล้ว
“คิดถึงจูยอนอนนี่ ไปหาดีกว่า” เธอก้าวเดินหนี ขัดใจอีกแล้วไม่เคยคิดสนับสนุนกันเลย /น้อยใจจัง/
“รออีกเดี๋ยวสิจะเสร็จแล้ว ผมไปเยี่ยมด้วย” เจ็ทโด้ขยับจะลุก
ฉันเล่าเองก็ได้ การทำดีต้องบอกให้โลกรับรู้สิ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย รู้งี้! ถ่ายคลิปก็ดีแล้ว
“หนูช่วยเด็กโดนผู้ร้ายจับตัวเรียกค่าไถ่” ฉันยิ้มกว้างมาก ภูมิใจสุดสุด
“จริงดิ!” เขายิ้มสวยฟันขาว แววตาประกาย ลูบหัวฉันเป็นลูกแมวเลย
ฉันปลาบปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกดีจนขนหัวลุกเป็นแบบนี้นี่เอง แทนของฉันถึงชอบช่วยคนอื่น พอช่วยได้แล้วมีความสุขแบบนี้นี่เอง โคตรปลื้มเลย
นาตาลีโพล่งออกมา...
“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ผู้ร้าย”
“หือ!” ฉันชะงักหันมอง...
“อ้าว! แล้วเขาจับเด็กทำไม? อนนี่ก็เห็นนี่ เด็กตัวสั่นเลย”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นน้าชาย เขาพาหลานสาวมาทำธุระ” เธอก้มหน้าอมยิ้ม
“ธุระอะไร? อนนี่มองคนไม่ออกหรือไง? หน้าตาของเด็กอมทุกข์ขนาดนั้น ถ้าหนูไม่เข้าไปช่วย ป่านนี้คงตายไปแล้ว”
“อือ! เด็กก็เกือบตายเหมือนกันแหละ แต่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก?” เธอตอบอย่างนี้ได้ยังไงนะ? ไม่สนับสนุนคนทำดีเลย เป็นคนยังไงกันเนี่ย?...
“อ่ะ! แล้วเด็กเป็นอะไร?” ฉันชักขึ้น
“ไม่เอาน่า อย่าให้พูดเลย” เธอหันหน้าหนีอีก ไม่ช่วยกันก็ไม่เป็นไร หันไปมองเจ้ายักษ์หน้าประตู…
“นินจา 2 ก็เห็น นายก็ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ!”
“ดอกเตอร์พูดถูกแล้วครับ อย่า!.. พูด!.. ดี!.. กว่า ๆ ๆ ๆ” เขาเสือกใส่เสียงแอคโค่อีก กวนตีนได้ใจจริง ๆ พูดอย่างนี้...จี๊ดมาก...
“พูดมาเลย! อย่ายั้ง!” ฉันฟิวส์ขาด วัดใจกันไปเลย
“เด็กปวดท้องขี้ เขาจะมาเข้าห้องน้ำ คุณไปถีบเขาทำไม?”
“ห่ะ?” ฉันหันไปมองนาตาลี
“อือ!” เธอพยักหน้า...แม่งเอ๊ย! อยากหายตัวได้จัง
“ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ลูกพี่ขว้างปากกาหัวเราะลั่น
ขอระบายอารมณ์หน่อยเหอะ ทำไมไม่พยายามห้ามให้มากกว่านี้วะ อายนะโว้ย...
“อึ่ก! อั่ก!” ซัดเจ้ายัก์ซะเลย
“หนูเข้าห้องนอนแล้วนะ เหนื่อย!”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
ฉันก้มหน้าอุดหู เสียงหัวเราะของเจ็ทโด้ มันช่างสะใจอะไรปานนั้น ฉันพานโกรธทุกคนโดยเฉพาะเจ้ายักษ์ ไม่คิดจะบอกกันสักคำว่าพูดภาษา Kala ได้ รู้แล้วไม่บอกกันสักนิด น่าตบสักโบก
....................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,862 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,978 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |