หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 5 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 5 เม.ย. 2567 |
โลซาน สวิตเซอร์แลนด์
มุมมองสายตานาตาลี
ตุลาคม ค.ศ.2024
เซฟเฮาส์ริมทะเลสาบของ Exon Service …
เวลาเลื่อนผ่านพร้อมกับสงครามทวีความรุนแรง แม้กระทั่งบนท้องฟ้าของประเทศที่วางตัวเป็นกลางก็เต็มไปด้วยเครื่องบินรบ ประชาชนโดนระเบิดจากสงคราม ล้มตายเป็นใบไม้ร่วงโดยไม่มีผู้รับผิดชอบ ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับก่อนที่โลกจะขาดการติดต่อ
ฉันมาลาจูยอนเป็นครั้งสุดท้าย เธอยังนั่งดูท้องฟ้าบนเตียงผ้าใบเหมือนเดิม ย่องเงียบไปด้านหลังจะหวังแกล้งให้ตกใจ เอื้อมมือจะแตะหัวไหล่
“จูยอน!” นินจาตะโกนเรียกจากใต้ถุน
“คะ! เรียกฉันเหรอ?” เธอหมุนหันมา พร้อมกับมีดสั้นเงาวับในมือ
“ห่ะ!” ฉันใจหายวาบยกมือค้าง มีดเฉี่ยวไปนิดเดียว
“อุ๊ย!” เธอตกใจหน้าเสีย...
“นี่! ถ้านินจาไม่เรียก ฉันอาจแทงคุณก็ได้นะ จริง ๆ นะ” เธอรีบลุกประคองให้นั่ง
“จริงเหรอคะ?” ฉันยิ้มแหย
“นินจา! ขอบคุณมากนะคะ” ฉันก้มมองใต้ถุน เขายกมือรับ
จูยอนยิ้มอ่อนโยน แล้วกุมมือ…
“ฉันมีคนหมายชีวิตต้องระวังภัย ถ้าจะเล่นจากข้างหลัง ต้องมองของในมือก่อนนะคะ ตายมาหลายคนแล้ว”
ใกล้จะได้กลับบ้าน ฉันมาเป็นกาวใจให้เธอกับไป่ไป๋ ไม่อยากให้ค้างคาใจกัน ไหน ๆ เราก็ต้องเดินกันคนละเส้นทางแล้ว ถ้าไม่เคลียร์กันวันนี้เท่ากับจะต้องโกรธกันจนวันตาย...
“อย่าโกรธน้องเลยนะคะ เธอเสียใจมากที่เสียแทนไป อาจจะเพี้ยน ๆ ไปบ้าง หลัง ๆ มานี่ อาการหนักโทษทุกคนว่า ไม่รักแทนแล้ว กดดันคนอื่นไปหมด คิดแต่เรื่องล้างแค้นอย่างเดียว” ฉันนั่งมองร่มร่อนพาราไกลดิ้งบนท้องฟ้าใสยามเย็นที่หน้าระเบียงหลังบ้านริมทะเลสาบ ภูเขาสูงชันตั้งตระหง่านยอดแหลมเสียดฟ้าเป็นแถวทิว
“ไม่โกรธหรอกค่ะ ให้ฉันฆ่าใครก็ได้ในโลกนี้ แต่ฉันไม่มีวันทำร้ายพวกคุณ ทุกคนมีบุญคุณกับฉัน ช่วยฉันทุกเรื่องตอนที่ลำบาก โดยเฉพาะแทน ฉันไม่มีวันทำร้ายเขา ฉันยังจำแววตาใจดีของเขาได้อยู่เลย ดวงตาของเขาไม่เหมือนใคร มีเส้นขาวเล็ก ๆ เหมือนพระจันทร์หงายที่ด้านล่างขอบลูกตาดำรอยต่อกับตาขาว” เธอแหงนมองไปจุดเดียวกัน ฉันสะดุดใจที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหรือเพราะเธอมองด้วยความจริงใจ ตั้งใจจะจดจำ ถึงจำรายละเอียดเล็กน้อยได้ ส่วนฉันคงหื่นและตื่นเต้นไปจำสิ่งอื่นของเขามากกว่า
“ถ้าคุณยืนยันว่าไม่เกี่ยว ฉันก็เชื่อคุณ เจ็ทโด้ก็เชื่อคุณ ส่วนไป่ไป๋คงต้องใช้เวลา” ฉันปลอบใจเธอ
“ฉันไม่แน่ใจว่าไป่ไป๋ไม่สบายหรือเปล่า เธอเปลี่ยนไปมาก อารมณ์ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ลองพาน้องไปหาหมอหน่อยนะคะ เหมือนคนเป็นไบโพล่า” เธอจิตใจสะอาดจังเลย ไม่โกรธน้องสักนิด
“ตอนนี้เธอไปเป็นพยาบาล อยู่กับหมอ” ฉันคิดว่าเป็นเรื่องปรกติ นิสัยของไป่ไป๋ก็แบบนี้แหละ
“ไป่ไป๋นิสัยเปลี่ยนไปมาก กร้าวร้าวและรั้นมากขึ้น” เธอถอนหายใจยาว
“ไป่ไป๋ไม่ใช่คนพูดไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ มีเวลาฉันจะค่อย ๆ อธิบายให้ฟังเดี๋ยวก็หายโกรธ เมื่อก่อนเธอก็เกลียดหมวดจางเข้าไส้แบบนี้ ตอนนี้รักกันปานจะแหกตูดดม”
“คุณคิดเหมือนฉันไหม? นินจาลักษณะท่าทางคล้ายกับแทนของเรามาก ถ้าคุณไม่บอกว่า เขาจากไปแล้ว ฉันต้องบอกว่านี่ไง...แทน!” เธอก้มมองใต้ถุน
“อื้อ!” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย พยายามสังเกตแต่ยังมองไม่ออก สำหรับฉันสนิทกับเขาเพียงช่วงสั้น ๆ ลืมเลือนไปบ้างแล้ว
“ไป่ไป๋ก็คิดเหมือนกันแต่เธอบอกว่าแทนผอมกว่านี้และเขาก็ไม่มีแผลเป็นที่มือคุณไม่สังเกตเหรอนินจาหุบแขนไม่ลง เหมือนคนกล้ามใหญ่” เวลาก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ฉันตอบแล้วมองลงไปที่ห้องใต้ถุน
เขามักจะนอนเล่นบนเปลผ้าใบหน้าห้องเล็กข้างห้องขังคนเดียว แต่ถ้าฉันออกไปเดินเล่นริมน้ำ เขาจะเดินตามห่าง ๆ เขาใช้ชีวิตสันโดษอยู่เงียบ ๆ
“เขาไม่ยอมถอดหน้ากาก เลยไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง? เจ็ทโด้ฝึกคนได้เก่งจริง ๆ แต่เห็นเขาแล้ว คิดถึงแทน”
“ฉันยอมรับว่า เหมือนมาก แต่คนในโลกนี้มีบุคลิกซ้ำกันเยอะแยะไป” ฉันไม่ใส่ใจแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันก็เห็นกับตานี่ว่า เขาตายไปแล้ว
“คุณคิดจะสานงานต่อจากลูอิสรึเปล่าคะ? น่ากลัวจังเลย” ฉันถามเพราะไม่อยากให้เธอทำ
“โดยส่วนตัวแล้วฉันอยากทำนะ ขจัดแนวคิดของคนรุ่นปัจจุบันให้มันหมดไป เริ่มต้นกันใหม่ กวาดล้างมนุษย์ให้หมดโลกแล้วผลิตเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา โดยไม่ต้องใช้องค์ความรู้เดิมของโลกปัจจุบัน สร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา” เธอยืดอกตอบอย่างมั่นใจ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันหวั่นใจ เธอเด็ดขาดกว่าหมวดจางอีก
“คุณดูนี่สิ! เดี๋ยวจะหาว่าฉันทำอะไรไม่คิด”เธอชี้ให้ดูข่าวในหนังสือ
“สงครามโลกซัดกันแหลก เริ่มต้นจากรัสเซียบุกยูเครน ฮามาสบุกอิสราเอล แค่ความต้องการของคนคนเดียว ลามปามเป็นสงครามใหญ่ ตึกรามบ้านช่องตามเมืองสำคัญไฟไหม้ควันโขมง คุณดูเอาเถอะ!ประชาชนตายไปเท่าไหร่แล้ว? ระเบิดลงหนักกว่าสายฝนอีก”
“ไอ้ผู้นำต้นเรื่องยังคงใช้ปากโยนความผิดไปให้คนอื่นไม่เคยสนใจความลำบากของประชาชนโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้คนหนุ่มสาวรักชาติแล้วออกไปรบ ที่น่าสลดใจก็คือ มันยังมีคนศรัทธาและยอมให้มันทำสงคราม” เธอเสียงราบเรียบ ฉันนั่งพยักหน้าคิดตาม
“ดีสิ! หนุ่มสาวได้ช่วยกันป้องกันประเทศ” ฉันสนับสนุน
“ประเทศมีความหมายกับคุณยังไงเหรอ?เสียงของคุณดังแค่ไหน?ประเทศเป็นของใคร?พวกผู้นำหวงแต่อาณาเขต เก่งแต่พูดกับไมโครโฟนกลัวหลุดจากอำนาจกลัวเสียผลปรโยชน์ พวกเขาต้องสร้างเรื่อง เพื่อกระชับอำนาจและเบี่ยงเบนความผิดพลาดของตนเอง”
“หือ!” ทำไมเธอหัวรุนแรงขนาดนี้เนี่ย?
“ในช่วงสมัยที่อังกฤษปกครองอินเดียประชาชนอยู่ดีมีสุขโครงสร้างการศึกษาและการรักษาพยาบาลก็ได้มาตรฐาน ชนชั้นวรรณะกำลังจะถูกกำจัดออกไป พวกเหล่ามหาราชาฝ่ายอำนาจเก่าปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้าน”
“แล้วยังไงคะ?”
“มหาราชาอ้างว่า พวกอังกฤษเข้ามากอบโกยทรัพยากรของชาติ แต่เปล่าเลย! ทรัพยากรพวกนั้นเป็นของกษัตริย์ทั้งนั้น ชาวบ้านแตะไม่ได้พอตัวเองจะสูญเสียก็อ้าง...ชาติ บางชาติยอมเสียแผ่นดินเพื่อรักษาตำแหน่งให้ผู้นำโดยอ้างเอกราช” วันนี้นั่งฟังจูยอนแลคเชอร์การเมืองโลกหน่อยก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ถนัดเรื่องการเมืองมันซับซ้อนซ่อนเงื่อน เกลียดมันเพราะฉันก็ซวยเพราะการเมือง
เธอกล่าวต่อ...
“และสุดท้ายอังกฤษก็ปล่อยมือ และพ่ายแพ้กลับไป ทั่วโลกยินดีกับอินเดียที่ได้เอกราช ผ่านมา100 ปีแล้ว ชาวอินเดียยังลำบากเหมือนเดิมและดูเหมือนจะสาหัสกว่าเดิม พอฝ่ายมหาราชาชนะมันก็กลับมากดหัวประชาชนเหมือนเดิมด้วยวรรณะนั่นแหละ เอกราชมีความหมายกับใครระหว่างผู้นำหรือผู้ตาม เมียนมาภายใต้อังกฤษ ชาวบ้านยังสุขสบายกว่า เมียนมาภายใต้เผด็จการทหารร่วมชาติ”
เธอพูดมาอย่างนี้พอจะเข้าใจได้ ผู้นำสร้างเรื่องให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วม ล้างสมองให้ผู้ใต้ปกครองเชื่อและศรัทธา พวกเขายัดเยียดแผนที่ในกระดาษและธงชาติบนยอดเสาให้เข้าไปฝังในกลีบสมองส่วนลึกของชาวบ้าน แล้วตอกย้ำว่านี่คือ ชาติ
“ชาติ ไม่ได้เพียงแค่ภาษาพูดและวัฒนธรรม ถ้าคนในชาติขาดเสรีภาพเท่ากับสถานกักกันขนาดใหญ่ อย่างนี้ปล่อยให้มันไปรบกันเองดีกว่า ใครมาปกครองเราก็ต้องทำงาน เสียภาษี ที่เขารบกันก็เพียงเพื่อแย่งกันเป็นผู้ปกครองพวกเรา เท่านั่นเอง” ฉันสรุปเอาแบบที่เข้าใจ
เธอยิ้มพยักหน้า
“เริ่มเข้าใจแล้วใช่มั้ยคะ?ถึงฉันไม่ลงมือทำ ชาวบ้านก็ตายเพราะสงครามอยู่ดี แต่ผู้นำมันไม่ได้ตายไปด้วยหรอก เดี๋ยวมันก็คุยกัน เดี๋ยวมันก็เอาตัวรอด” เธอพูดเรื่อย ๆ ไม่ได้ใส่อารมณ์ในการสนทนา เพลินดีจัง
“อนนี่รู้หรือยัง เจ็ทโด้จะให้นินจาไปอารักขา?” ฉันก้มมองใต้ถุน อีกครั้ง เขานอนบนเปลไม่สนใจเรา
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ! ฉันแอบได้ยินเขาคุยกัน”
“ฉันไม่มีเพื่อนเลย แต่เจ็ทโด้ให้เขามาอารักขาก็ดี ฉันเชื่อใจเจ็ทโด้ค่ะ อีกอย่างนินจาเก่งมาก ใจกล้ามาก”
“เกาหลีเหนือยังน่ากลัวสำหรับอนนี่หรือเปล่า? ยังอยากกลับไปจริง ๆ เหรอคะ? เปลี่ยนใจยังทันนะคะ”
“มันคงถึงเวลาที่ฉันต้องจากทุกคนไปจริง ๆ แล้ว การกลับไปครั้งนี้เท่ากับกลับไปเพื่อตาย การตัดสินใจแบบนี้ไม่มีความกลัวหลงเหลืออีกแล้วค่ะ ที่สุดของคนคือความตาย อย่างไรก็ตาย ขอใช้ความตายเพื่อรับใช้ชนชาติ ฉันยอมค่ะ” สายตาที่ดูอ่อนโยนกลับกร้าวแกร่งขึ้น เธอคงตัดสินใจดีแล้ว
“ฉันใจหายมาก แต่อนนี่ก็เลือกที่จะกลับไป...”
“ฉันไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณใครอีกแล้ว ได้เจอเจ็ทโด้และได้ขอบคุณพวกคุณแล้ว ยอร์นก็ตายจากไป แทนก็จากไปแล้ว ฉันไม่มีอะไรยึดติดอีกแล้ว ถ้าความตายของฉันทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น ฉันจะทำ” ผู้หญิงคนนี้หัวใจแกร่งจริง ๆ เสียดายที่ไม่มีโอกาสจะได้เป็นเพื่อนกันอีก นับถือหัวใจของเธอจริง ๆ
“อนนี่! อนนี้! อนนี่!” ไป่ไป๋ร้องเรียกเป็นเพลงเดินกระโดดกระเด้งนมกระเพื่อม สบายอารมณ์ออกมา พอเห็นฉันคุยกับจูยอน เธอก็เปลี่ยนสีหน้าท่าที
“ระวังนะคะอนนี่! เชื้อหักหลังจะติดมารักษายากนะคะ” เธอกระแนะกระแหนทิ้งตัวลงนั่งบนเปลข้าง ๆ
ท้องฟ้ายามเย็นกำลังสดใสสวยงามสงสัยจะหมอง ยายน้องหาเรื่องแน่ ๆ จูยอนยิ้มหวานให้เธอ
“ฉันรบกวนคุณไม่นานหรอกค่ะ ฉันขอโทษที่ทำให้วุ่นวายและเสียใจด้วยเรื่องของแทน” เธอบอกกับไป่ไป๋
ยายน้องทำเป็นหูทวนลมเมินหน้า...
“เจ็ทโด้ไปไหนนะ? ไม่มาสักทีจะได้กลับไปหาน้องแทน รู้งี้!ไม่มาด้วยก็ดี” เธอเฉไฉออกนอกเรื่อง ท่าทางกวน ๆ ของเด็กดื้อไม่ต่างจากเด็กน้อยงอแง
“ถ้าคุณไม่มา ฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าสวย ๆ นี้นะสิ เห็นไหมคะ ท่าทางฉันไม่เหมือนทหารเพราะใครกันน้า?” เธอบอกแล้วยิ้มหวานเชยคาง
“ฮึ!” ไป่ไป๋สะบัดหน้าขวับ
ฉันอดอมยิ้มไม่ได้ คนสวยขี้งอน จูยอนที่เราเจอเมื่อก่อนกับตอนนี้ก็แทบจะเป็นคนละคน ขาวผ่องโสภาออร่าอย่างกับแสงเหนือ หรูหราไฮโซเหมือนสาวสังคมชั้นสูง รูปร่างระหงสวยสง่า ไม่มีท่าทางแข็ง ๆ ของทหารเหลือให้เห็นแล้ว แต่ฉันสัมผัสได้ เธอยังเป็นพี่สาวใจดีเหมือนเดิม
ฉันก้มตะโกนไปหานินจา...
“นินจา ! ฝากดูแลพี่สาวของฉันด้วย เดี๋ยวพวกฉันก็ต้องกลับกันแล้ว ดูแลสุขภาพตัวเองดี ๆ นะคะ ยินดีที่ได้เจอค่ะ ขอบคุณมากที่ช่วยพี่สาวของฉัน”
ตอนนี้...นินจาถอดชุดคอมมานโดออกแล้ว สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ สวมหมวกแก๊ป แว่นตาดำสนิท หน้ากากปิดปาก ดึงฮู้ดคลุมหมวกอีกชั้น เขายกมือทำสัญลักษณ์โอเค แทนคำตอบจากปาก
“ลาขาดนะคะ อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย” ไป่ไป๋ตะโกนลงไปเหน็บ เขานั่งนิ่งไม่ตอบมอง เมินไปทางอื่น “ใบ้กินเหรอ? ”
เขาแหงนหน้าขึ้นมามอง แล้วเมินอีกครั้ง
“หึ๋ย!” ไป่ไป๋ต่อมโกรธระเบิดตัวสั่น
“กระด้างกระเดื่อง!” เธอปรี๊ดแตกร้องเสียงสูง...
“นี่นี่!...นายขึ้นมานี่ เดี๋ยวนี้! ฉันพูดด้วยแล้วทำไมไม่ตอบ บังอาจมากไปแล้ว” เธอชักสีหน้าท่าทางฟึ่ดฟัด นินจาเอ๋ย!..นายโชคร้ายจริง ๆ อดทนอีกนิดนะ เราอยู่อีกไม่นานแล้ว
“อย่าไปแกล้งเขาสิ! ไม่น่ารักเลย” ฉันยื่นมือไปขวาง
“หนูไม่ได้อยากให้เขารักนี่ ขึ้นมาไว ๆ เดี๋ยวฉันฟ้องหัวหน้านายนะ อยากติดคุกอีกหรือไง? เร็ว!” เธอปากจู๋หน้าตึง แต่เขาก็นั่งเฉยไม่ขยับตัว
“นินจา! นี่คือคำสั่ง!” เธอโหวกเหวกโวยวาย เขาขยับลุกยืน
“ไม่ต้องขึ้นมาหรอกค่ะ! เดี๋ยวฉันเดินลงไปหาเอง” ฉันรีบเดินจากระเบียงลงไปหา
ความมืดย่างกรายเข้ามาเยือนก่อน ความเงียบสงบมักเดินมาถึงทีหลัง ทั่วอาณาบริเวณตอนนี้มืดสนิท เห็นเพียงแสงไฟฟ้าวิบวับสะท้อนน้ำจากขอบทะเลสาบไกลลิบ ไป่ไป๋ลุกวิ่งตามมา
“ทำไมไม่เปิดไฟคะ?” ฉันถามด้วยสงสัย นั่งอยู่ได้ยังไงมืด ๆ
ไป่ไป๋ปราดเข้าไปหา...
“นี่นี่! ฉันจ้างยิงหัวกบาลยายนั่นให้หน่อยได้ป่าว? ” ยายนี่ไม่จบ ชี้ไปที่จูยอน
“ใจร้าย!!!” จูยอนล้อเลียนตะโกนลงมา
“หนูไม่มีวันยกโทษให้คุณแน่นอน” เธอย้อนแล้วย่นหน้าใส่จูยอน ฉันหันไปปราม...
“ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำยังงั้นหรือ?” ฉันพยายามเบรกน้องให้สงบอารมณ์ ถ้าเธอยังเป็นอย่างนี้ ฉันสังหรณ์ใจว่า อีกไม่นานเธอต้องทำเรื่องให้ปวดหัวอีกแน่ ๆ
“ใช่! ให้เธอตายแล้วไปตามแทนกลับมา หนูถึงจะอภัยให้” เธอเดินมากอดเอวด้านหลัง
จูยอนตะโกนสวนลงมา
“โห!..แค้นฝังหุ่น” เธอก็แหย่ไม่เลิก นั่งหัวเราะเอิ้กอ้ากอยู่คนเดียว
ฉันหยุดยืนต่อหน้านินจา...
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยจูยอน เดี๋ยวฉันคงกลับกันแล้ว คุณจะไปไหนต่อคะ?” เขาใช้ชีวิตเงียบเหงาจัง ดูแล้วเศร้าใจจังเลย
“ส่งคุณจูยอนแล้ว ผมยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน ผมไม่มีบ้าน” เขาตอบเสียงทุ้มคุ้นหู สะดุดใจ วันนี้เขาไม่ได้สวมหน้ากากกันแก๊ส
“หือ!” ฉันกับไป่ไป๋หันสบตากัน
“คุณไม่มีบ้านเหรอคะ? ครอบครัวคุณล่ะ?” ฉันขยับเข้าใกล้ ไป่ไป๋ ขยับตาม
“ผมใช้ชีวิตคนเดียวครับ ไม่มีญาติแล้ว” เขาตอบอู้อี้เบา ๆ ฉันรู้สึกสงสารจับใจ ฉันเองก็ไม่มีญาติเหมือนกัน แต่เสียงของเขากวนใจมาก มันคุ้นมาก
“ไม่ตามไปเที่ยวบ้านเจ็ทโด้ด้วยกันล่ะคะ?” ฉันพยายามสังเกตใบหน้าท่าทาง
“............” เขาส่ายหน้า...
“รักษาสุขภาพดี ๆ นะครับ ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยากทำอะไรก็รีบทำชีวิตคนเราสั้นนัก”เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดเสียงชัดมาก
“เอ๊ะ!!” ไป่ไป๋กับฉันหันมามองหน้ากันอัตโนมัติอีกครั้ง
ปรกติเขาพูดผ่านหน้ากากกันแก๊ส พวกเราฟังกันไม่ค่อยชัด เมื่อกี๊! เสียงเหมือนแทนของฉันจังเลย
“ฮึบ!” ไวเท่าใจคิด ไป่ไป๋คว้าหมวกเขาทันที...
“ไหน! ขอดูหน้าหน่อยสิ!”
“อย่า!” เขาโยกหลบแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวถอยหลังทันที ฉันพิจารณาความสูงของเขาไล่เลี่ยกันมาก แต่ช่วงไหล่ของเขาดูหนากว่าของแทน
“นี่!..ฉันขอดูหน้าหน่อย” เธอเดินตามจิก เอื้อมมือดึงฮู้ดออกจากหัวของเขา
“อย่าครับ!คุณกำลังล่วงเกินความเป็นส่วนตัวของผมกรุณาสุภาพด้วยครับ”เขาเอนตัวปัดมือเธอแล้วถอยฉาก “ไป๋ไป๋คะ! แรงไปแล้ว! อย่าทำอย่างนี้” ฉันขัดใจมากที่เธอรังแกคนที่ด้อยกว่า ดึงแขนไว้แต่ไร้ผลเธอพรวดเข้าไปดึงฮู้ด...
“มานี่เลย! ขอดูนิดเดียว!” เขาโยกหลบไปมา แต่เธอก็ดึงผ้าคลุมหัวจนได้ แต่ยังมีหมวก แว่นตาดำรวมทั้งหน้ากากปิดปากอีก
เธอยื้อแย่งจนชนะดึงผ้าปิดปากออก แสงไฟสลัวทำให้เห็นเสี้ยวหน้าเละเหมือนเป็นแผลไฟไหม้ เขาดิ้นหนีก้าวขายาวเดินหายลงไปริมทะเลสาบ
ไป่ไป๋ตาโตหันมาถาม...
“อนนี่เห็นหน้าหรือเปล่า? หนูไม่ทันเห็นหน้าเขาเลย แต่เสียงของเขาเหมือนแทนจังเลย”
ฉันก็ใจเต้นอยากจะให้เป็นแทนเหมือนกัน แต่ไม่ใช่หรอกฉันเห็นใบหน้าของเขาแล้ว
“นาตาลี! ไป่ไป๋!” เสียงเจ็ทโด้ตะโกนเรียก คงได้เวลากลับบ้านแล้ว
“เยส!!!” ฉันร้องรับแล้วรีบเดินขึ้นด้านบน
เจ็ทโด้นั่งรอที่ห้องรับแขกหน้าบ้าน...
“ไปกันได้แล้ว กลับบ้านดีกว่า!”
เราสามคนเดินเข้าไปหาพร้อมกัน จูยอนยิ้มเจื่อนดวงตาเศร้าเข้าไปยืนต่อหน้า...
“จะกลับกันแล้วเหรอคะ? ขอบคุณมากที่กรุณาฉันในทุกเรื่อง รักษาสุขภาพให้ดี อยู่ไปให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ ฉันขอภาวนาให้ ในทุกวันพรุ่งนี้ของคุณคือวันที่จะมีความสุขเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น ลาก่อนนะคะ” เธอโค้งศีรษะนิ่งนาน
“ผมไปเช็กความคืบหน้ามาแล้วนะ ตอนนี้ปริมาณ Soulless มากขึ้น ดูเหมือนว่า จะมีการใช้นกหวีดเข้าถล่มแทนการทหาร จีนเปลี่ยนประธานาธิบดีแล้วรุกโจมตีหนักขึ้น” เจ็ทโด้บอกหน้านิ่ง
“มีคนทำลายโลกแล้ว อย่ามาโทษฉันอีกนะคะ วาระสุดท้ายของมวลมนุษย์กำลังจะตามมา หวังฉวนไม่ปล่อยโอกาสนี้แน่”เธอพยักหน้าสายตาครุ่นคิด
ฉันแอบสัเกต เขาหายไปทุกวัน ๆ คงไปติดตามเรื่องพวกนี้ ท่าทางดูเหมือนไม่สนใจ แต่ไปแอบทำให้ลับหลังนี่นะ น่าสงสัยจริง
จูยอนยิ้มขยับนั่งตัวตรงแล้วเอ่ย...
“มนุษย์คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ไม่มีวันที่จะแก้ปัญหาความอยากได้ ถึงเวลาทำความสะอาดจิตใจของพวกเขาแล้ว หวังฉวนเป็นผู้นำสูงสุด โลกวิบัติแน่นอน คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอกค่ะ มันอันตรายมาก!” เธอยิ้มตาหวานเชื่อมมองเขา
“เอ่อ!...” เจ็ทโด้อึกอักหลบสายตาก้มหน้าพูด...
“คุณต้องระวังตัวให้ดีนะ อีกไม่นานพวกมันต้องตามล่าคุณแน่ ขอให้โชคดีและสมหวังกับสิ่งที่คิด ผมเชื่อว่าคุณทำได้ คุณเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว ผมขอชื่นชม” เขาพูดโดยไม่กล้าสบตากับเธอตรง ๆ
“ขอบคุณค่ะ!” เธอยิ้มกว้าง โค้งศีรษะเกือบถึงพื้น
“เอ้า!” เขาส่งนกหวีดคืนไปให้ เธอยิ้มรับมาแนบอกแล้วก้มหัวคำนับรัว ๆ
“ไปกันเถอะ!” ไป่ไป๋ลุกจูงมือเขาลากออกประตูบ้าน เขาหยุดหันมาหาจูยอนแล้วมองด้วยสายตาเอื้ออาทรแปลก ๆ
เขาสลัดมือจากไป่ไป๋ เดินกลับมาหาเธอ วางมือบนสองไหล่ สายตาจ้องกันอย่างมีความหมาย...
“คุณกลับบ้านไปกับนินจานะ ผมสั่งเขาไว้แล้วให้ติดตามอารักขาคุณ เขาจะช่วยคุณได้มากทีเดียว เสร็จงานแล้วถ้าอยากจะกลับมาก็มานะ มีคนอยากให้คุณกลับมา รักษาชีวิตไว้ให้ได้ สู้ให้ถึงที่สุด ผมเป็นกำลังใจให้” สายตาที่อบอุ่นมองเธออย่างห่วงใย ดวงตาซึ้งใจของจูยอนน้ำตาเอ่อ
“เข้มแข็งไว้ ไม่มีใครเข้าใจเรามากกว่าตัวเราเอง ทำตามฝันเถอะครับ และยอมรับผลของมัน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร? จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง”
ไป่ไป๋หันมองสลับไปมาเหมือนจะจับผิด…
“เจ็ทโด้คะ ทีหนูขอให้ช่วยคุณไม่เคยเหลียวมอง หนูให้ซอนช่วยก็ได้ คุณไม่รักหนูเลย” เธอบ่นเขาแล้วหันไปมองจูยอน...
“คุณหลอกได้แต่เจ็ทโด้แหละ แหวะ!” เธอสะบัดหน้าแลบลิ้น
จูยอนขยับกุมมือเขา...
“เจ็ทโด้คะ! ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ ฉันยังเหมือนเดิม จะไม่ลืมคุณจนวันสุดท้าย คุณก็รักษาสุขภาพ แล้วเลิกทำงานเสี่ยง ๆ นะคะ”
“ปล่อย!” ไป่ไป๋ปัดมือ ดึงเจ็ทโด้ออกไป
เธอเดินเข้ามาหา...
“นาตาลีคะ! ขอบคุณมาก ระวังตัวด้วย สำหรับคุณแล้วทหารน่ากลัวกว่า Soulless นะคะ ฝากบอกไป่ไป๋ด้วยฉันขอโทษ ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ” จูยอนพยายามทุ่มใจบอก
“ลาก่อนนะคะ จูยอนอนนี่ ฉันก็ภาวนาให้คุณโชคดี” ฉันเข้าสวมกอดลากันอีกครั้ง
พระอาทิตย์ลับยอดเขา ความมืดเข้าปกคลุมทะเลสาบ ฉันเดินออกจากบ้านมาขึ้นรถยนต์ หันมองออกไปที่ปลายสะพาน เงาตะคุ่ม ๆ ของนินจายืนโดดเดี่ยวคนเดียว เขาทำให้หัวใจของฉันสั่น ในขณะเดียวกันก็ปลุกไป่ไป๋จากซึมเศร้าได้ในระยะสั้น ๆ คนที่จากไปแล้วยังไงก็ไม่มีวันหวนคืน ลาก่อนนะคะ...
.................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |