The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 1

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 1
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 15 เม.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เกาหลีเหนือ

มุมมองสายตา จูยอน

ธันวาคม 2024

คังวอน

หัวใจเต้นรัวทุกครั้งที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง วันที่ลงเครื่องบินผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองช่างเป็นเวลาที่ลุ้นระทึกทุกการขยับของเจ้าหน้าที่ทำให้หัวใจแทบวายพวกเขาตรวจสอบละเอียดยิบแต่ด้วยหนังสือเดินทางของนักลงทุนและสัญชาติเกาหลีเหนือ-ฝรั่งเศสที่ยอร์นเตรียมไว้ให้จึงทำให้ผ่านฉลุย ฉันเข้าเกาหลีเหนือทางเมืองโกซองชายฝั่งทะเลตะวันออก(ทะเลญี่ปุ่น)ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลและเป็นที่ตั้งของฟาร์มกวางน้ำของฉัน

“คุณเลี้ยงตัวอะไร ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจะบอกว่าน่ารักก็ไม่ใช่ บอกว่าน่ากลัวก็ไม่เชิง” เขาเดินไปข้าง ๆ กรงแม่พันธุ์กวางน้ำที่กำลังนอนให้นมลูกทั้ง 7 ตัว

ฟาร์มเลี้ยงสัตว์บนภูเขาร่มรื่นไปด้วยไม้ใหญ่ ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาวกว้างขนาด 5,500 พย็องนอกเมืองโกซอง ได้รับสัมปทานจากรัฐให้ดำเนินการขยายและแพร่พันธุ์กวางน้ำและส่งออกเพื่อเป็นตัวแทนประเทศเหมือนกับหมีแพนด้าของจีน

“กวางน้ำค่ะ เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์จัดเป็นกวางขนาดเล็ก มีถิ่นอาศัยในประเทศจีนและเกาหลี ดูดี ๆนะคะลำตัวของมันคล้ายกวางทั่วไป แต่มีจุดเด่นตรงที่พวกมันจะมีเขี้ยว 1 คู่ งอกยาวจากริมฝีปากด้านบนเหมือนสุนัขใช้ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขตหรือคู่ครอง จนได้รับฉายาว่า กวางแวมไพร์ ” ฉันหยิบหญ้ายื่นไปให้มัน

“เลี้ยงยากไหมครับ?”

“ยากอยู่เหมือนกัน พวกมันไม่ทิ้งสัญชาตญาณสัตว์ป่า ต้องเลี้ยงในที่กว้างพวกมันชอบออกหากินใกล้กับหนองน้ำหรือแม่น้ำ และเป็นนักว่ายน้ำตัวยงสามารถว่ายน้ำได้ไกลหลายไมล์ เพื่อไปยังเกาะกลางแม่น้ำ

“คุณจะทำอย่างไรกับพวกมัน”

“เพาะพันธุ์ อนุบาล แล้วก็ปล่อยป่าให้ไปขยายเผ่าพันธุ์กันเอง ถ้าไม่มีสงครามมันคงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว สงครามยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยไปต่อกันเถอะค่ะ” ฉันเดินไปที่รถยนต์เพื่อติดต่อราชการ

“กินได้มั้ย?” เขาเดินตามมา แต่ยังไม่วายหันไปมองลูกกวางน้ำฝูงใหญ่เดินหากินริมบึงกับแม่

“ที่มันใกล้สูญพันธุ์ก็เพราะมันกินได้นั่นแหละ สมัยสงครามชาวบ้านอดอยากกินหมา พอหมาหมดก็หันมากินกวางที่หน้าตาคล้ายหมา เนื้อหมาอร่อยนะคะคุณเคยกินมั้ย?”

“ไม่เคยและจะไม่ลองด้วย ขอผ่านนะครับ หึหึหึ! วันนี้เราจะไปไหนกันครับ?” เขาส่ายหัวคอแทบหัก ฉันได้แต่อมยิ้ม...ของอย่างนี้มันอยู่ที่ประสบการณ์ได้ลองสักครั้งแล้วจะติดใจ

“ไปรายงานตัวที่เขตกึมกังค่ะ เราต้องรายงานตัวทุก 3 เดือนที่นี่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัย”

ฟาร์มของเราอยู่ริมถนนหลักสายเล็กของภูเขาสูง เส้นทางขึ้นไปยอดเขาเลื่องชื่อในตำนาน กึมกังซาน สองฝั่งของฟาร์มขนาบไปด้วยแปลงนาขั้นบันไดของเกษตรกร บ้านแต่ละหลังห่างไกลกันมาก

“ผมสังเกตว่ามีคนมาตรวจตอนกลางคืนด้วย” เขาเดินมาเปิดประตูให้ขึ้นรถยนต์

“บางทีพวกหัวหน้าราษฎรก็มาตรวจ เพื่อนบ้านก็เข้ามาตีเนียนชวนคุยกับคนงานของเรา พวกนี้มีเยอะเพราะจะได้หาความผิดส่งรัฐอยากได้ความดีความชอบ”

“อ๋อ!” เขาก้าวขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

....................................................


รถยนต์แล่นผ่านตลาดชนบท สภาพไม่ต่างจากตลาดนัดในบางประเทศ แผ่นป้ายเชิญชวนผู้จงรักภักดีไปชมงานสวนสนามที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านร้านตลาดไม่ได้ยินดียินร้ายกับงานแบบนี้ มีเพียงหัวหน้าราษฎรและเจ้าหน้ารัฐระดับล่างคอยกระตุ้นให้ชาวบ้านรื่นเริง

“บรื้น!...นน! รถยนต์เลี้ยวเข้าซองหน้าที่ทำการเขตกึมกังเจ้าหน้าที่ทิ้งงานไปซ้อมเดินพาเหรดบนลานด้านหน้าอาคารกันเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้สนใจประชาชนที่มารอรับบริการ

เราสองคนเดินไปนั่งรอคิวที่เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ 2 คนคอยรับมือกับชาวบ้าน ในแบบเจ้านายกับลูกน้อง ฉันใจเย็นนั่งรออยู่นานมองเจ้าหน้าที่ยังผิวปากสบาย ๆ ไม่เร่งร้อน

ทันใดนั้น....

“ฉันไม่ผิดฉันไม่ได้จาบจ้วงท่านผู้นำ” เสียงกรีดร้องจากด้านหน้าอาคาร
          ฉันลุกขยับไปยืนมองที่หน้าต่าง...
บนลานปูนหน้าอาคารเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ ถือธงสีชมพูโบกสะบัดซ้อมเดินสวนสนาม ด้านข้าง...รถยนต์เจ้าหน้าที่รักษาความสงบภายในจอดเปิดไฟวับวาบ หญิงสาวรุ่นคุณป้าทิ้งตัวลงบนพื้นปูนข้างล้อ

“ฉันแค่อาศัยรถของเขาไปตลาด ฉันทำผิดอะไรจับฉันมาทำไม?” เธอดิ้นกระชากแขนวิ่งเข้าไปปกป้องชายหนุ่มที่โดนเจ้าหน้าที่กดคอ

เขาไม่ได้ดิ้นรน เพียงแต่ร้องขอ....

“สหายปล่อยออมม่าของผมไปก่อน ถ้ามีความผิดอะไรก็ลงโทษผมคนเดียวก็พอ” ชายหนุ่มโผเข้ากอดแม่ แต่เจ้าหน้าที่ยังซัดไม้กระบองเข้ากลางหลัง ฉันใจเต้นกับภาพที่เกิดขึ้นคว้าแขนของเขาเดินออกไปยืนหน้าบันไดอาคาร จะได้เห็นเหตุการณ์ชัด

เจ้าหน้าที่กระชากแขนผู้ชายออกจากอกแม่

“หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ยังจะปฏิเสธอีก ยอมรับซะโทษจะได้ไม่ถึงประหาร”

“ผมโดนรถของคู่กรณีชนท้าย ตามหลักแล้วผมเป็นฝ่ายถูก แต่ทำไมถึงจับผม แล้วสหายปล่อยเขาหนีไปได้ยังไง? ผมไม่ผิด!” เขาโดนสวมกุญแจมือ

อาจุมม่าโวยวายไม่ยอม...

“ใช่! เขาพูดอะไรเหรอสหายถึงปล่อยเขาไป ทำไมสหายไม่เอาเขามาสอบสวน ไม่ยุติธรรมเลย”

“ไป! ขึ้นไปเซ็นชื่อรับสารภาพซะ ไม่ต้องพูดมาก” เขาผลักสองแม่ลูกผ่านหน้าของฉันไปที่โต๊ะสอบสวน

บอดี้การ์ดของฉันหันมองตามอย่างไม่เข้าใจ ฉันแอบยิ้มเพราะเขาฟังภาษาเกาหลีไม่ออก จูงมือกันไปนั่งในแถวเก้าอี้ฟังใกล้ ๆ ไม่สนใจคิวของตัวเองแล้ว

“สหายชื่ออะไร? ทำงานอะไร?” เจ้าหน้าที่เสียบ SD การ์ดของกล้องหน้ารถยนต์เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นโบราณ

“พัคมันวอน ฝ่ายขนส่งโรงงานปลากระป๋องครับ”

“อาจุมม่าชื่ออะไร?” เขายื่นหน้าถามคุณป้า

“พัคมีแร เป็นแม่บ้าน ฉันจะไปตลาดปล่อยฉันไปเถอะ”

“ใช่ครับ! ผมต้องเอารถไปคืนโรงงานด้วย” ชายหนุ่มช่วยแม่พูด

“ไม่ต้องห่วง! คนที่โรงงานของสหายกำลังมาเอารถแล้ว สบายใจได้”

“ทำไมไม่บอกสักทีว่า ฉันผิดอะไร?” สองแม่ลูกพยายามพูดเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้าย

เจ้าหน้าที่สีหน้าไม่พอใจหนัก ทุบโต๊ะปัง...

“สหายจาบจ้วงท่านผู้นำ ความผิดอุกฉกรรจ์ ห้ามประกัน”

“ไอ๊กู่! อย่ามั่วสิครับ!”ชายหนุ่มหน้าตื่น

“สหายอย่ามายัดข้อหาอย่างนี้นะ ฉันไปว่าท่านผู้นำเมื่อไหร่ มีหลักฐานมั้ย?”อาจุมม่าไม่ยอมขยับจะลุก แต่เจ้าหน้าที่กดไหล่ไว้

“เราไม่สามารถให้ดูหลักฐานได้ เพราะถ้าให้สหายดูเท่ากับช่วยเผยแพร่ กระทำซ้ำ เข้าข่ายกระทำผิดไปด้วย” เขามองเลยมาที่ฉันที่นั่งอยู่ในม้านั่งแถวยาว ฉันรีบเมินหน้าไปที่อื่น

“อ้าว! อย่างนี้สหายนึกจะจับใครก็ได้เหรอ เอาหลักฐานมาไม่งั้นฉันไม่ยอม”อาจุมม่าดิ้นจนเจ้าหน้าที่ต้องล็อกตัว

“ปล่อยออมม่าเถอะครับ ผมยอมรับผิดก็ได้เอาผมไปทำโทษก็ได้” ชายหนุ่มทิ้งตัวคุกเข่าก้มหน้า

ฉันอึดอัดใจแทนสองแม่ลูก ถ้าเรื่องมาถึงขั้นนี้พวกเขาไม่รอดแน่ แต่ฉันยังสงสัยว่าเจ้าหน้าที่เอาหลักฐานจากไหนมาจับสองแม่ลูก แล้วปล่อยคู่กรณีไปทำไม?

“อีนาอิน! อี!...นา!...อิน! เสียงเจ้าหน้าที่ในโซนข้าง ๆเรียก ฉันนั่งคิดสักพักก็สะดุ้งโหยง เขาเรียกชื่อฉันนี่นาลืมไปเลย รีบยกมือ...

“เย่! รีบจูงมือกันเดินไปหา

“อีนาอินค่ะ นี่สามีของฉัน” ฉันรีบยื่นเอกสาร สามีของฉันยังหันกลับไปมองโต๊ะสอบสวนอย่างสนใจ

เจ้าหน้าชายรูปร่างผอมในชุดข้าราชการตัวโคร่ง มองเอกสารในมือแล้วขมวดคิ้ว ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเหมือนกับครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะเปรยออกมา...

“ที่ฟาร์มของสหายมีกลิ่นเหม็นแล้วนะ หัวหน้าราษฎรแจ้งมา สหายต้องปรับปรุงไม่เช่นนั้นผมต้องสั่งปิด”

“หือ!ฉันก็โดนคดีด้วยเหรอ?...

“มันจะมีกลิ่นได้ยังไงคะ พื้นที่กว้างขวางขนาดนั้นและเราก็ไม่ได้ใช้เลี้ยงสัตว์ระบบปิดนะคะ ข้าง ๆ ฟาร์มของเราก็ไม่มีหมู่บ้าน”

“เรื่องนั้นผมไม่รู้ แต่มีคนมาแจ้งแล้ว ถ้าสหายไม่ยอมรับผิด ผมขอปิดชั่วคราวเพื่อตรวจสอบก็แล้วกัน”

“ไม่เห็นมีใครไปบ่นที่หน้าฟาร์มเลยนะคะ”

“ใครจะกล้าไปบ่นต่อหน้าสหาย เขามาแจ้งทางการไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ปิดไม่ได้ค่ะ ลูกกวางเพิ่งเกิดกำลังอนุบาล พวกมันอาจจะตายทั้งหมด” ฉันพอจะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร เรื่องปรกติของเจ้าหน้าที่รัฐเผด็จการ

“นั่นเป็นปัญหาของสหาย พรุ่งนี้ผมจะส่งเจ้าหนาที่ไปปิดหมาย ห้ามสหายขนย้ายใด ๆ ถ้าไม่พบความผิดก็จะอนุญาตให้เปิดได้ตามปรกติ อาจจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 เดือน”เขาก้มหน้ามองเอกสารไม่ขยับทำอะไรเหมือนรอคำตอบ

“ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่?”

เขายก 2 นิ้วแล้วเมินหน้า

“ได้ค่ะ! แต่จ่ายแล้วจะไม่ปิดใช่มั้ย?”

“เดือนละครั้งมาจ่ายที่นี่”

ฉันหยิบเงิน 2,000วอนวางลงบนโต๊ะ เขากวาดใส่ลิ้นชักหน้าตาเฉยแล้วลุกขึ้นยืน

“ของสหายเรียบร้อยแล้วไปได้ เอ้า! รายต่อไป...จองนัมชิน” เขาทำเหมือนเป็นเรื่องปรกติ ไม่สนใจสายตาไม่พอใจของฉันสักนิด

“ไปกันเถอะเสร็จแล้ว” ฉันจูงมือสามีถอยออกมา เขาหันมองเจ้าหน้าที่ก่อนจะกระซิบถาม...

“คุณจ่ายค่าอะไร?”

“ค่าคุ้มครอง หึหึหึ!” ฉันเศร้าใจและเสียดายเงินมาก ซื้ออาหารให้หมาแมวกินยังมีประโยชน์กว่านี้อีก เงินที่โดนรีดไถนี้ พวกมันก็เอาไปเลี้ยงลูก เพื่อให้ลูกของพวกมันรับใช้ระบอบต่อไป

ก่อนจะออกจากสำนักงานเขต เขาหันกลับไปมองกรงขัง...

“สองแม่ลูกโดนขังแล้ว เราไปเยี่ยมได้มั้ย?”

“ได้สิ!

กลุ่มตำรวจนั่งจับกลุ่มดูคลิปที่โต๊ะ เราเดินเลยไปหน้าห้องขังด้านในมีนักโทษชายหญิงโดนขังรวมกันหลายคน

ฉันเข้าไปยืนเกาะลูกกรงถาม...

“อาจุมม่าทงมูให้ฉันช่วยอะไรมั้ยคะ?”

เธอตาโตขยับเข้ามาหาแววตามีความหวัง

“สหายช่วยฉันออกไปได้มั้ย?” โอ้ว!จึ้งเลย เธอขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย

“ช่วยไม่ได้ค่ะ ให้ช่วยอย่างอื่นดีกว่าคะ”ฉันลูบแขนให้เธอเบาใจ สายตาที่มีความหวังของเธอดับลง

“สหายเขียนหนังสือเป็นมั้ย?”

“เป็นค่ะ!

“เขียนจดหมายอุทธรณ์ให้หน่อยสิ ฉันจะส่งให้ท่านผู้นำ”อาจุมม่าเกาะแขนใบหน้าตระหนก สายตาห่วงใยมองลูกชายที่นั่งคอตก

“ฉันขอแนะนำนะคะ อย่าเขียน! จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อาจุมม่าไปจาบจ้วงผู้นำเมื่อไหร่ ที่ไหน เขาถึงเอามาอ้าง”

“ฉันก็ไม่เข้าใจ ฉันยังไม่ได้พูดถึงเขาเลย ไม่อยากเอ่ยชื่อด้วยซ้ำไป”

“อาจุมม่าให้ฉันช่วยส่งข่าวให้ใครไหมคะ? มีคนที่พอจะช่วยได้ไหมคะ?”

“สามีของฉันเพิ่งเสียไป ฉันอยู่กับลูกชายสองคนไม่มีใครแล้ว ถ้าไปบอกกับญาติ พวกมันก็ได้แต่สมน้ำหน้า” ท่านน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วก้มหน้าสะอื้น

“นึกดี ๆสิคะ มันต้องมีสักคนสิคะ” ฉันรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะมีใครยื่นมือเข้ามาช่วย

“ยังไงฉันก็จะอุทธรณ์ ฉันไม่ได้ทำผิด!” ท่านยืนยันความตั้งใจ ฉันได้แต่ส่ายหน้าแล้วพากันเดินออก

พอผ่านโต๊ะสอบสวนเสียงพวกตำรวจกำลังถกเถียงกัน ฉันถือโอกาสเดินช้า ๆ ยืดคอไปมองภาพบนจอคอมและฟังเขาคุยกัน

“แค่นี้ก็พอแล้ว โดนทำเหมืองไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว”

“สหายเขียนสำนวนให้แน่นคดีแบบนี้ศาลชอบมาก พวกมันจะเอาปัญญาที่ไหนมาลบล้างความผิด ยังไงสองคนนี้ก็โดนลงโทษ”

ทันใดนั้น...เสียงในคอมพิวเตอร์ดังเล็ดลอดออกมา เป็นเสียงของสองแม่ลูกผู้โชคร้ายคุยกัน...

“วันนี้อยากกินอะไร ออมม่าจะทำกับข้าวอร่อย ๆให้”

“ไม่ต้องทำก็ได้ครับ ผมกินจากโรงงานก็ได้ออมม่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

“ไม่เป็นไร! ฉันเหงา...อะป้าของแกไม่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากอยู่เฉย ๆ มันคิดถึง อีตาแก่ไม่คิดถึงฉันเลย ไม่มาเข้าฝันกันบ้างเลย”

“ออมม่ามีเงินเหรอ?”

“มีนิดหน่อย เหลือจากทำบุญงานศพ ลูกอย่าคิดมากเลย เรามันคนยากจนไม่ได้เกิดในตระกูลร่ำรวย นาน ๆ ครั้งเราจะได้กินอะไรดี ๆ สักมื้อแต่ก็ต้องแลกกับชีวิตของคนในครอบครัว อิจฉาท่านผู้นำจังเลย อยากกินอะไรก็ได้กิน เฮ้อ!เรามันคนไร้วาสนา ออมม่าขอโทษนะลูก!”น้ำเสียงของท่านน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ว่าร้ายใครเลย

“ไม่หรอกครับ ผมชอบหุ่นของผมมากกว่าไม่อยากอ้วน ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงลูกชายล้อเล่นกับแม่ มันเป็นเพียงการปลอบใจที่พอจะทำได้ เท่านั้นเอง

ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ก็หยุดภาพแล้วคุยกัน

“แค่ประโยคนี้ก็พอแล้ว ใส่ข้อหา นินทา จาบจ้วง อิจฉา และอาฆาตมาดร้าย”

ฉันยิ่งเศร้าใจหนักลงไปอีก จูงมือกันเดินออกมาจากสำนักงานเขตอย่างท้อแท้ใจ เหลียวหลังกลับไปมองห้องขังแล้วสงสารผู้ที่ติดอยู่ข้างในกรงขัง กวางที่ฉันเลี้ยงยังมีอิสระมากกว่า

“เขาโดนข้อหาอะไรมาเหรอครับ? ดูแล้วทั้งคู่เป็นชาวบ้านขนานแท้ ผู้ชายน่าสงสารมาก ผมเห็นแววตาที่อึดอัดเจ็บปวดนั้นแล้วสงสาร”

“อ๋า!...มันเริ่มมาจากเขาโดนรถยนต์ชนท้าย ตำรวจพวกนี้มันเข้าไปทำคดีแล้วถือโอกาสตรวจสอบกล้องติดรถยนต์ พอได้ยินสองแม่ลูกพูดถึงท่านผู้นำ คดีเลยพลิก”

“ยังไงครับ?”

“จากคดีรถยนต์ชนกันที่เล็กน้อยมาก ก็แปรเปลี่ยนเป็นคดีความมั่นคง ถ้าโดนคดีจาบจ้วงมันจะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาสู้คดีและคำตัดสินก็ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของความผิด ชาวบ้านก็อยากรู้ว่าคนที่ผิด เขาผิดเพราะอะไร? พูดอย่างไรถึงผิด? คำพูดพวกนั้นมันเขย่าความมั่นคงตรงไหน? สุดท้ายก็มีเพียงคำพิพากษาเหมารวมว่า จาบจ้วงผู้นำแล้วก็ลงโทษไม่ไปทำเหมืองก็ยิงทิ้ง”

“แล้วพวกเขาจาบจ้วงจริงหรือเปล่า?” เขาก็ถามดี ๆ แต่ฉันอารมณ์ขึ้น หูร้อนจี๋...

“คุณคิดว่า แม่ที่บ่นน้อยใจในบุญวาสนาที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกชายให้กินอิ่มสุขสบายได้แค่เอ่ยว่าอิจฉาท่านผู้นำ มันผิดมากนักเหรอ? แล้วเขาก็คุยกันในรถยนต์ส่วนตัว พวกมันไปเอา SD การ์ดหน้ารถยนต์มาฟังแล้วจับเขา”

เขาอึกอักพูดเสียงเบา...

“ความมั่นคงที่เปราะบางพวกนี้ไม่ใช่ภัยจากต่างชาติ มันเปราะบางเพราะพวกผู้มีอำนาจมันมีแต่ความชั่วและเรื่องที่ต้องการจะปกปิด ผมเข้าใจครับ! พวกมันหลอนความผิดของตัวเองและรับไม่ได้กับเสียงวิจารณ์ ใช้ทรัพยากรทั้งหมดช่วยกันฝังกลบปกปิดความชั่ว”

“ที่นี่เป็นประเทศของทหาร ที่นี่ไม่มีทหารของประเทศ” ฉันยังอารมณ์ค้าง

“อะไรของคุณอีกอย่าพูดให้ผมงงสิ แล้วคุณจะโกรธทำไม?”

“ทหารคิดว่าพวกเราอยู่ได้เพราะพวกเขา ประเทศนี้ความคิดและความสามารถของทหารเป็นใหญ่ ทหารเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจการของเอกชนมั่วไปหมด บางคนแค่เอาชื่อไปใส่เพื่อปกป้องธุรกิจของเมีย บางคนเอาชื่อไปใส่เพื่อรับเงินเพิ่ม แต่ทหารที่ต้องออกรบจริงกลับไม่มีเสื้อผ้าจะใส่” ฉันหัวร้อนมาก

“เป็นไปได้ไหมครับที่พวกผู้นำประเทศทั่วโลก มันคุยกันเรื่องอำนาจ” เขาเปิดประตูให้ขึ้นรถยนต์

“มันไม่คุยกันหรอกแต่มันใช้วิธีเลียนแบบ การที่คนเกาหลีเหนือลำบากเพราะกฎหมายเผด็จการแบบนี้ ผู้มีอำนาจบางประเทศอาจจะเห็นดีเห็นงามด้วย แล้วก็เอาไปพัฒนาเป็นของตัวเองก็ได้”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยเข้าใจเลย”

“เพราะมันคิดว่าประเทศเป็นของมันคนเดียวไง มันถึงทำแบบนี้ มันทำเพราะหวงอำนาจ เพราะอำนาจคือเงินและผู้หญิง ฉันอยากให้โลกใบนี้มีผู้นำเป็นผู้หญิง”

“คุยเรื่องอื่นเถอะ เดี๋ยวคุณความดันขึ้น ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาหันหน้าออกนอกรถ

“ไปเที่ยวฮัมฮึงกัน” ดีเหมือนกันอย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย แค่คิดก็บั่นทอนความสุขแล้ว

“ได้ครับ! บอกทางด้วย”

อีกไม่นานเกินรอ ฉันจะได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ความเชื่อของคนมีหลากหลาย แต่ความเชื่อทั้งหมดจะถูกหักล้างด้วยความเชื่อของผู้ชนะ เพราะผู้ชนะเท่านั้นที่จะกำหนดเกมต่อไปได้

                           ...................................................

 

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม