The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 5

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 5
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 26 เม.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วง ประเทศจีน

มุมมองสายตา เจ็ทโด้
กุมภาพันธ์ ค.ศ.2025
เป่ยซี  

พวกเรามาเยี่ยมบ้านไป่ไป๋ถือโอกาสหนีสงครามไปด้วย ผมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ถึงแม้ไป่ไป๋จะพยายามเอาใจนาตาลีเหมือนเดิมแต่ก็ดูขัดเขินไม่เหมือนเก่า หม่าม้าคอยจับตาลูกสาวอย่างใกล้ชิด
           ผมเหลือบตามองทีวีบนฝาผนัง...
       
“อีกไม่นานก็หมดโลก เมียนมาก็พึ่งโดน” ผมไม่รู้สึกตื่นเต้นกับข่าวแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอแต่ Soulless ทั่วโลก ทุกประเทศตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ปริมาณของร่างไร้วิญญาณเพิ่มขึ้นทุกวัน

คุณหมอ ยิ้มอบอุ่นแล้วถามกลับ           

“นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เจอกันเลย” คุณหมอใบหน้ายิ้มแย้มนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ท่านแก่ลงมากแต่ยังดูแข็งแรง หม่าม้าก็เช่นกัน              

สองสาวลุกไปตักอาหารให้ผู้ใหญ่ยิ้มแย้มสนุกสนาน เจ้าแทนน้อยนั่งบนตักคุณยาย กินข้าวโชว์เรียกรอยยิ้มจากทุกคน หมวดจางนั่งข้างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ถัดมาเป็นซอนและผม นาตาลี ไป่ไป๋ คุณหมอตามลำดับ          

“5 ปี ได้แล้วมั้ง?” หม่าม้ายิ้มตอบท่านยังสวยสง่า อายุมากขึ้นยิ่งผ่องเหมือนฮองเฮา

คุณหมอหันมาพูดช้า ๆ...                     

“เราสองคนก็เริ่มแก่แล้ว ไม่ได้เดินทางไปไหน คนแก่ได้แต่นั่งคอยคนหนุ่มสาวมาเยี่ยม ยิ่งแก่ก็ยิ่งเหงา เราต้องการให้มาหาบ่อย ๆ นะตอนนี้ก็อยากได้หลานมาเลี้ยงแก้เหงาสักคน ขอได้ไหมคนนี้” ท่านชี้ไปที่น้องแทน

ฟังคุณหมอพูดแล้วสะท้อนใจ พวกเขาคงคอยลูกสาว หลายครอบครัวคงเป็นเหมือนกัน นี่คงเป็นเหตุผลหลักที่ไป่ไป๋ต้องห่างจากนาตาลี ท่านชราลงมากลูกสาวที่ดีก็ต้องกลับมาเลี้ยงดูพ่อแม่ ท่านเองเมื่อแก่ตัวลงก็คงอยากอยู่ใกล้ลูกสาว ท่านคงเรียกสิ่งที่รักและหวงแหนกลับคืน

ผมเงยหน้า...             

“พวกผมจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ที่บ้านซอนไม่ค่อยสะดวกแล้ว” ผมยิ้มแล้วก้มศีรษะ

“เอาเลย ๆ ดี ๆ จำไว้นะพวกเธอ ถ้าเดือดร้อนไม่ว่าเรื่องอะไรให้นึกถึงผมเป็นคนแรก” ท่านยิ้มหน้าบานหันไปหาหม่าม้าซึ่งท่านยิ้มกว้างกว่าอีก                        

“ไว่โผครับ! เอาข้าวอีก” เจ้าแทนร้องขอหม่าม้ารีบกุลีกุจอป้อนเข้าปากให้ ต้องขอบคุณหมวดจางที่คลอดเจ้าตัวน้อยนี่ออกมาเป็นขวัญใจของทุกคน คลายเหงาได้เป็นอย่างดี          

“ไว่กงครับ! ขอน้ำหน่อย” คุณหมอกุลีกุจอหยิบแก้วน้ำส่งให้ ไม่รู้ใครสอนประจบประแจงชั้นหนึ่งเลยเจ้าตัวน้อย                       

“ฉันเองก็อยากได้อย่างนี้บ้างแล้ว เฮ้อ..สงสัยสิ้นหวังซะแล้ว” ท่านก้มหน้ายิ้มมองน้องแทน 

ไป่ไป๋! หันมามอง...                 

“อยู่กับไป๋ที่นี่ตลอดเลยเอามะ ไม่ต้องอยู่กับม้าแล้ว” เธอแซวข้ามฝั่ง เจ้าเด็กน้อยยิ้มกลอกตาไปมาพยักหน้าหงึก ๆ

“ลี! ด้วย” เด็กชี้มาที่นาตาลี

หมวดจางสอนลูกชายให้ไม่กลัวคน เขาเข้าได้กับทุกคน ผมไม่เคยเห็นเธอโอ๋ลูกชายเลย                   

“ลี! ต้องไปทำงาน อยู่กับไป๋สองคน” เธอยิ้มชวนคุยล้อเล่นกับน้อง
           “ไม่เอา ลีอยู่ด้วย” น้องแทนสะบัดหน้า เสียงฮาตรึม

ไป่ไป๋หน้าเสีย...                       

“ทีไป๋ไม่อยู่ด้วย น้องแทนยังอยู่กับลีได้เลย”ไปไป๋แก้มป่อง

เจ้าแทน หันหาพวก มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที...            

“เค้าก็..ก็..ร้องไห้ด้วย คิดถุงไป๋มาก ๆ”เขาตอบอึกอักอ้าปากรับข้าว แล้วหันไปเล่นกับหม่าม้าต่อ

ผมหันมองคุณหมอ          

“คนไข้เยอะไหมครับ?”

“พอตึงมือเหมือนกัน เอ่อ..เดี๋ยวนี้ผมเริ่มเห็น Soullessเดินในเมืองบ้างแล้ว” คุณหมอตอบกลับสีหน้ากังวลขึ้นมา

“ที่จีน ถือว่าน้ำจิ้มครับ บ้านผมตอนนี้ประมาณ 20%แล้ว”

“เฮ้อ!” ท่านพยักหน้าระอาใจ....          

“ตั้งแต่ได้ประธานาธิบดีคนใหม่เดือดร้อนมากหาข้อมูลจากต่างประเทศไม่ได้เลยรัฐบาลบล็อกการสื่อสารจากโลกภายนอกสิ้นเชิงอ้างว่า เพื่อความมั่นคงและปลอดภัย”

“หวังฉวนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด หนูเคยเจอตัวเขาแล้ว เขาเป็นคนสร้าง Soulless” ไป่ไป๋ยืนยัน

หมวดจางขยับพูด...             

“ฉันได้ข่าวว่า ทหารจีนออกไปเป่านกหวีดทั่วโลกแล้วมนุษยชาติถึงกาลอวสานแน่นอนจีนจะเป็นชนชาติที่ครองโลก ตั้งแต่หวังฉวนขึ้นเป็นประธานาธิบดีจีนออกรบหนักขึ้นและยึดพื้นที่ได้มากขึ้นเกือบหมดโลกแล้วค่ะ”หมวดจางนั่งตัวตรงบอกสีหน้าเรียบเฉย นับวันเธอยิ่งสวยสง่าบุคลิกท่าทางน่านับถือ ซอนเองก็ดูเป็นเจ้าพ่อเต็มตัว// คิดล้อเล่นกับตัวเองในใจ รู้อย่างนี้! กูเอาเป็นเมียเองก็ดี ไม่น่ายกให้ซอนมันเลย//

เจ้าซอนขยับยิ้ม...             

“ถ้าคนจีนขยายดินแดนไปยึดพื้นที่ของประเทศอื่นทั่วโลก เท่ากับว่าต่อไปคนทั้งโลก จะอยู่ภายใต้การดูแลของพรรคคอมมิวนิสต์นี้เท่านั้น คนจีนกลายเป็นประชาชนชั้น 1 คนที่เหลือรอดเตรียมเป็นทาส ผมไม่เห็นด้วย” ซอนออกความเห็นบ้าง ผมเห็นด้วยกับมัน

คุณหมอหันมายิ้ม...          

“ถ้าหวังฉวน ยึดได้หมดทั้งโลกแล้วอยู่ภายใต้ธงจีน ผมก็เห็นด้วยนะ ถ้าจัดสรรทรัพยากรอย่างทั่วถึงถ้วนหน้า ก็คงน่าจะดีเหมือนกันนะ” เรามีเรื่องให้ถกกันอีกแล้ว แต่เรื่องการเมืองผมไม่ถนัดเท่าไหร่ วันนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านยิ้มไม่หุบเลย
            นาตาลียิ้มยื่นหน้าเข้ามาคุย             

“ฉันก็เห็นด้วยนะ เดี๋ยวนี้การบริหารประเทศไม่เหมือนก่อนแล้ว ฉันก็ว่าดีอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน”เธอออกความเห็นคล้อย               

“ผมไม่เห็นด้วยเลย จีนเอาเปรียบชาติต่าง ๆ ตลอด บ้านผมต้องพึ่งพาแม่น้ำโขงแต่จีนสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำนานาชาติ สร้างเขื่อนกั้นต้นน้ำได้อย่างไร? คนปลายน้ำจะอยู่กันอย่างไร จีนไม่เคยสนใจ”    

“ทุกวันนี้แม่น้ำโขงแห้ง ปลาหลายชนิดสูญพันธุ์ ถ้าจีนเป็นใหญ่คงกดคนต่างชาติน่าดู ขอโทษนะครับ! เขากดหัวคนในชาติเดียวกันก็สาหัสพอแล้ว อย่าให้มาทำร้ายลูกหลานผมเลยเสรีภาพมันมีขีดจำกัด มันเผด็จการเกินไป” ซอนส่ายหน้า มันพูดได้ตรงใจผม

หมวดจางหันมายิ้มกับสามี...         

“ก็ถ้าจีนรบชนะ มันก็ต้องเป็นจีนสิคะ จีนไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิดกันหรอก” เธอออกความเห็นคล้อยตามผู้ใหญ่เช่นกัน

ไป่ไป๋ชะโงก ย่นจมูกใส่หน้าพี่สาว...             

“ก็คุณเป็นทหารไง คุณได้อภิสิทธิ์ หนูเกลียดพวกมียศ มันชอบข่มเหงคนอื่น ตอนสมัยหนูถ่ายแบบ ไอ้พวกนี้ก็มาวุ่นวายจนหนูไม่มีงานทำ” ไป่ไป๋ทำหน้ายักษ์แย้งเข้าข้างเจ้าซอน

ผมแปลกใจ...เธอเองก็คนจีนนะยายน้อง ถามซะหน่อยสิ! ไปโดนอะไรมา...             

“พวกนั้นเกี่ยวอะไรกับคุณ มันทำอะไรคุณเหรอ?” ผมชะโงกหน้าไปถาม          

“มันบังคับทางเอเจนซี่ให้ส่งหนูไปนอนกับพวกมัน หนูโคตรเกลียดทหารเลย ฝันของเด็กสาวที่อยากจะเป็นศิลปิน ต้องจ่ายราคาแพงมาก  พวกมันใช้อำนาจกดขี่ มันไม่ได้แข่งขันเสรีเหมือนที่อื่นหรอก” เธอชักสีหน้าปากจู๋

หมวดจางออกตัว...             

“ไม่หรอกค่ะ! พวกคุณไปให้เกียรติพวกมันเอง พวกคุณต่างหากที่มองพวกนั้นสูงส่งกันไปเอง กฎของพรรคฯบังคับเรื่องพวกแรงนี้มาก แต่ชาวบ้านก็มักจะเสียสละให้พวกเราเอง” เธอยิ้มใจเย็นอธิบาย น้ำเสียงเวลาพูดน่าเชื่อถือมาก บุคลิกโดดเด่น พูดจามีจังหวะจะโคน ท่าทางประกอบกับเสียงใส ฟังชัดดูเพลินตา

นาตาลียิ้มมุมปากเหล่ตามองเพื่อน...             

“คุณเอาปืนมาขู่ ใครก็กลัวทั้งนั้น ฉันยังโดนเลย”

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! หมวดจางหัวเราะลั่น

ผมหันไปหาคุณหมอ...              

“เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตามล่ะครับ ถ้าเหมือนกันทั้งหมดโลกก็โอเคนะ เป็นประเทศเดียวกันก็ดีเหมือนกัน” ผมก็ว่าตาม คิดไม่ออกเหมือนกันว่าต่อไปจะเป็นยังไง แนวโน้มของโลกกำลังเปลี่ยนไป             

วงอาหารคุยกันชื่นมื่น ต่างแลกเปลี่ยนประสบการณ์ นาตาลีสีหน้าสดชื่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับไป่ไป๋ เธอไม่ได้หัวเราะสดใสมานานแล้ว   ได้เจอหัวใจของตัวเองคงมีความสุข ครอบครัวของเจ้าซอนก็สมบูรณ์แบบ 

แม่บ้านเดินหน้าตาตื่นเข้ามา             

“คุณท่านคะ! คุณเจอรี่มา”  

พวกเราเงยหน้ามองคุณหมอ พร้อมกัน             

“ดี ดี! ไปเชิญมาทานข้าวด้วยกัน เอาเก้าอี้มาเสริม” ท่านออกอาการดีใจ

ชายหนุ่มดินสวนเข้ามาพอดี เสื้อผ้าเนี๊ยบหรู ทรงผมเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้าน หุ่นเป๊ะท่าทางหยิ่งทะนง             

“ทุกคนครับ! นี่เจอรี่ลูกศิษย์ของผม” ท่านเป็นฝ่ายแนะนำให้

“ครืดดด!! ผมขยับเก้าอี้จะลุกแนะนำตัว

“ไม่ต้อง!” เขายกมือห้าม ไม่สนใจมองหน้าด้วยซ้ำไป หันหน้าคุยกับคุณหมอเฉยเลย ไร้มารยาทชะมัด

 “เหล่าซือ! เราจะยึดโลกใบนี้ได้แล้วนะ อเมริกา! ยุโรป! ตะวันออกกลาง! เปลี่ยนธงชาติแล้ว” เขาบอกแล้วส่งสายตาเชื่อมไปที่ไป่ไป๋ เธอยิ้มให้อย่างสนิทสนม ผมเสียวใจแวบที่เห็นรอยยิ้มของเธอ  

นี่ไง! ปัญหาที่ผมสงสัยมาตลอด สาเหตุที่ไป่ไป๋เปลี่ยนไปและสิ่งที่นาตาลีกังวล        

“ท่านประธานาธิบดี คงเหนื่อยน่าดูนะ” คุณหมอยิ้มตาหยี

“ประธานาธิบดีหวังฉวนน่ะเหรอ?” ซอนแทรกเสียงแข็งเข้ามา
           “อื้ม
!.ลุงผมเอง กินข้าวด้วยกันทุกวัน ผมจะให้ท่านมาเป็นพ่อสื่อ”เขาเมินหน้าไม่ใส่ใจกับพวกเราเลย เขาก็พูดนอบน้อมดีนะ เพียงแต่คำพูดและท่าทางมันแปลก ๆ          

“พ่อสื่ออะไรเหรอ?” ซอนเลียริมฝีปากจ้องหน้า แสดงว่ามีบางอย่างขัดใจมัน

เจอรี่! ไม่สนหันไปทางไป่ไป๋             

“อ้าวไป่ไป๋! ไม่ได้บอกเพื่อน ๆ เหรอ?” เขาหันยิ้มหน้าบานไปถาม เธอก้มหัวส่ายหน้า

ซอนคิ้วขมวด...             

“คนนี้เป็นอะไรกับคุณเหรอไป่ไป๋? หล่อดีนะ ท่าทางมีความรู้ ” ซอนถามหน้านิ่ง แต่สายตาร้อนลุ่ม

“..........” พวกเรานั่งเงียบอึ้งไปตามกัน ไม่คิดว่าไป่ไป๋จะหักหลังนาตาลีได้ลงคอ               

“เอ่อ..ไม่ใช่!” ไป่ไป๋หน้าแดงก้มหน้าอาย 

เอ๊ะ!...ชักยังไงวะ?

เจอรี่ยื่นหน้ามาถามไป่ไป๋ สายตาของมันมองเธอปานจะกลืนกิน สายตาแบบนี้ไม่ใช่แค่เพื่อน...             

“ที่คุณหายไปนาน คุณไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้น่ะเหรอ? อืม!..งั้นคุยกันเลยดีกว่า ตอนนี้เราก็อยู่พร้อมหน้ามีสักขีพยานมากมาย จริง ๆ แล้วอยากจะเซอร์ไพรส์ แต่เห็นอย่างนี้แล้ว...ผมขออนุญาตนะครับหม่าม้า!” เขามองเลยไปที่หม่าม้า ท่านพยักหน้า

“ทุกคน! ช่วยเป็นพยานรักให้ผมด้วย” เขาโค้งหัวแล้วส่งสายตาหวานเชื่อมมาที่ไป่ไป๋             

“ไป่ไป๋! แต่งงานกับผมนะครับ” เขาคุกเข่ายื่นแหวน

!!!!!!!!เหมือนสายฟ้าฟาดไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ผมร้าวใจมากในหัวใจเศร้าลงและรับรู้ถึงลางร้าย หันไปมองนาตาลีนิ่งแข็งค้าง ขนาดผมเองยังปวดใจขนาดนี้แล้วนาตาลีล่ะ?

เขายื่นแหวนเพชรขาวแวววับวงน้อยไปให้ ไป่ไป๋แก้มแดงขวนอาย อึกอักยกมือแนบอกหันมองหน้าทุกคนเลิ่กลั่ก แต่ไม่มองนาตาลีเลย ฝันของเด็กสาวทุกคนคือแหวนและชุดแต่งงาน เธอก็คงต้องการเหมือนกัน

หม่าม้ามองข้ามโต๊ะมาหาลูกสาว...             

“เอาสิ! ตกลงกันเลย เพื่อน ๆ ก็อยู่พร้อมแล้ว” น้ำเสียงของท่านเฉือนใจ

เจ้าแทนน้อยนั่งบนตักมองไปมา หมวดจางใบหน้าตึงเครียดจัดสายตากังวลมากหยุดกินข้าวจ้องมองตาค้าง หม่าม้ายิ้มกว้างกว่าใคร? ท่านไม่รู้เหรอว่าทั้งคู่รักกัน? 

เจอรี่รุกต่อ...             

“นะ! เขาส่งตาหวานข้ามหน้าไปหาไป่ไป๋               

“ตกลงนะครับ” เขายังชูแหวนค้างยิ้มกว้างอย่างมั่นคง ไป่ไป๋นั่งนิ่งไม่ตอบรับยิ้มอาย

หม่าม้ากระตุ้นลูกสาว...             

“ไป่ไป๋ว่าไงลูก ม้า!ไม่มีปัญหานะ จะได้มีเจ้าตัวน้อยน่ารัก ๆ อย่างนี้” ท่านยุแล้วเล่นกับน้องแทน      

ดูจากสถานการณ์แล้วคราวนี้รอดยาก  พวกเขาวางแผนไว้ก่อนแน่ ๆ ถึงได้มัดมือชกทุกคน นาตาลีถือช้อนค้างนิ่งมองไปที่อาหารไม่ขยับตัว ไป่ไป๋หันมาถามเธอ...             

“เอ่อ!..อนนี่ว่าไงคะ?  รับมั้ย ๆ” เธอกระดี๊กระด๊า แววตาแพรวพราว

“เห่ย!” ผมใจหายวาบ เธอทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ถามอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด นาตาลีเองก็ตกใจหันมามองหน้าผม พยายามปรับสีหน้าฝืนยิ้ม พูดไม่ออก

หม่าม้ารุกเข้ามา             

“ครอบครัวมันต้องมีครบ 3 เสียง จึงเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงที่ 1.เสียงร้องของเด็ก 2.เสียงคนหนุ่มสาวทะเลาะกัน 3.เสียงบ่นของคนเฒ่าคนแก่  บ้านเราขาดแค่เสียงเด็กเองนะ นาตาลี!” ท่านเอ่ยมีเหตุผล แต่ผมฟังเหมือนดักคอกันมากกว่า

เธอหันไปบอกไป่ไป๋...

“ไป่ไป๋คะ! ฉันดีใจด้วยนะถ้าเธอจะไปแต่งงาน ตัดสินใจได้เลยจะด้วยเหตุผลใดก็ตามฉันเข้าใจทุกอย่าง ชีวิตของคนเรามันสั้นนัก ทำในสิ่งที่อยากทำจะได้ไม่เสียใจภายหลัง” เสียงของเธอเริ่มขาด สะอื้นในอก ยิ้มฝืดให้ไป่ไป๋                

ผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มใครแห้งแล้งได้เท่านี้ เธอคงพยายามต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ดวงตาแดงกะพริบตาถี่

เจอรรี่รุกไป่ไป๋อีก...          

“ผมจะรักคุณตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ” เขาโอดครวญสายตาเป็นประกาย หนุ่มที่เพียบพร้อมกำลังจะพรากดวงใจไปจากนาตาลี               

“ผมจะทำงานหนัก หาเงินมาให้คุณใช้สบาย ๆ เป็นภรรยาผมเถอะครับ ผมจะเป็นรองประธานาธิบดีในอีกไม่นาน มายืนข้างผมนะครับ”

ไป่ไป๋อึกอักจะยังไงก็ไม่ยังไง ทำไมไม่ปฏิเสธไปเลย ทำอย่างนี้นาตาลีจะอยู่ต่ออย่างไร? ผมเห็นรอยร้าวของความสัมพันธ์มานานแล้ว ต้องแตกหักกันแล้วสินะ! อย่านะ! อย่าเด็ดขาดนะไป่ไป๋             

“ฉันยังไม่ทันตั้งตัวเลย ขอเวลาอีกหน่อยเถอะค่ะ” ไป่ไป๋บอกแล้วมองหน้าหม่าม้า...             

“แกก็เลื่อนไปเรื่อย” ท่านเมินหน้า             

“งั้น! อาทิตย์หน้าผมจะมารับคำตอบนะครับ”เขายิ้มดีใจเมื่อไม่มีใครค้าน  

หม่าม้าหันมากระตุ้น...             

“พวกเราช่วยกันเชียร์หน่อยสิ ฉันอยากอุ้มหลาน เจ็ทโด้คุณเห็นด้วยไหมคะ?”

ผมไม่อยากทำร้ายนาตาลี งานนี้นาตาลีไม่ผิด เธอไม่มีเวลา เพราะเธอทุ่มเทกับงานหาเงินให้ทุกคนอยู่สุขสบาย สงสารจังเลย...            

“เอ่อ..ผมเรียนก่อนว่า ผมไม่สามารถออกความเห็นได้” ผมบอกปัดไปแบบนั้น แต่ในใจก็รู้สึกหวิว ๆ ไม่เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว

ไป่ไป๋ทรยศแอบคบกับผู้ชายคนนี้แล้วโกหกพวกเรา เธอร้ายกว่าจูยอนอีก จูยอนยังมีความมั่นคงในใจ เกลียดก็บอกว่าเกลียด รักก็บอกตรง ๆ ถึงจะรู้ว่าตัวเองต้องตาย เธอก็ยังทำตามเป้าหมายที่ใจตัวเองปรารถนา              

เฮ้อ!...นาตาลีจะผ่านมันไปได้ไหมนะ? หม่าม้าขยับรุกซอน ท่านช่วยเจอรี่โดยไม่สนใจความรู้สึกของนาตาลีเลย ไป่ไป๋เองก็คงจะลืมตัวเช่นกัน             

“ซอนว่ายังไงคะ ถ้าน้องแต่งงาน?” ท่านหันไปหาซอน มันนั่งหน้าเครียดตั้งแต่ได้ยินเรื่องแต่งงาน

ซอนสาหัสกว่าผม มันเป็นหนี้บุญคุณไป่ไป๋และครอบครัว นาตาลีก็มีพระคุณกับมันและเป็นคนเนรมิตทุกอย่างให้ หนักใจมากแน่นอนที่ผู้มีพระคุณร้องขออย่างนี้

“ผมเองก็ใจเย็นลงตั้งแต่ต้องรับผิดชอบหมวดจาง พอได้เจ้าตัวเล็กมาอีกทำให้ชีวิตเต็มสมบูรณ์ แต่พื้นฐานของครอบครัวมาจากความรัก ถ้าไป่ไป๋รักเขา ก็แล้วแต่น้องเลยครับ ผมไม่มีข้อมูล ผมเป็นห่วงน้องคนนี้มากครับ”ซอนหลุบตากัดฟันแน่น ท่านยิ้มหน้าบานหันไปพยักหน้ากับคุณหมอ

เจอรี่หันไปพูดกับคุณหมอ...             

“พวกเขาไม่ต้องห่วงขนาดนั้นหรอก ผมการันตีว่าจะดูแลไป่ไป๋ให้ดีกว่าที่อยู่กับพวกเขา” เขาผยองมาก ซอนเลียริมฝีปากจ้องหน้านิ่ง

“หมวดจางล่ะคะ?” หม่าม้าหันไปหาเธอที่นั่งติดกัน เจ้าตัวน้อยมองหน้าคนนั้นคนนี้ไม่พูดจา

หมวดจงกะพริบตาถี่ปรับสีหน้าท่าทาง ยืดอกนั่งตัวตรง...             

“อย่าโกรธกันนะคะ!นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเพื่อน การเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ มีความเสี่ยงใหม่ตามเข้ามาด้วย ถ้ารับความเสี่ยงนั้นได้ ก็ตัดสินใจได้เลย” เธอพูดช้า ๆ หันจ้องหน้าไป่ไป๋...          

“คุณเองก็รู้จักชีวิตของฉันเป็นอย่างดี ฉันเสี่ยงทั้งชีวิตเพื่อฝากอนาคตไว้ที่นาตาลี ฉันยอมให้ทุกคนด่าว่าเลวทรามต่ำช้าและกว่าจะได้เข้ามาอยู่ด้วยก็เกือบตายหลายครั้ง เธอคงจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้”เธอหันกลับไปยิ้มให้หม่าม้า...  

“เมื่อตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ยากลำบาก ฉันเดินทางเข้าสู่ครอบครัวของนาตาลี โดยมีเจ็ทโด้เป็นพี่ใหญ่ ไป่ไป๋เป็นน้องเล็ก ฉันมีความสุขทุกวันที่ได้ทำงานให้กับครอบครัวนี้ แค่รู้สึกใจหาย! ถ้าต้องเสียน้องเล็กไปจากครอบครัวของเราอีกคน ฉันไม่อยากให้แต่งค่ะ! อาจจะเห็นแก่ตัวเล็กน้อย ฉันแค่ยังอยากเห็นเธอร่าเริงสดใสในหมู่พวกเราเท่านั้นจริง ๆ ค่ะ” เธอพูดจบก็หันไปมองเจอรี่ที่สีหน้าไม่พอใจ      

“ขอบอกคุณไว้นิดนะคะ ไป่ไป๋อยู่กับพวกเรา ไม่ได้ลำบากอย่างที่คุณเข้าใจ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” เธอพูดจบก็ก้มหน้ากัดกรามเก็บความรู้สึก นาตาลีกะพริบตาถี่ ๆ ใบหน้านิ่ง ผมเข้าใจความหมายที่เธอสื่อเธอไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง เธอพูดเพื่อนาตาลี                  

นาตาลีเหมือนถูกมัดมือชก ทุกอย่างมาเร็วเกินที่ทุกคนจะตั้งตัวรับได้ทัน จิตใจตอนนี้คงสับสนวุ่นวาย เธอจะเสียสละหรือรั้งไว้อยู่ที่การตัดสินใจ

ถึงแม้อยากจะเสียสละแต่อีกใจก็คงอยากรั้งไว้ ใครจะทนเจ็บ ปวดไหวถ้าต้องควักหัวใจของตัวเองให้คนอื่น ผมเคยตกอยู่ในสภาพนี้ นรกชัด ๆ เธอยังนิ่งเก็บอาการ น่าสงสารจริง ๆ  

คุณหมอขยับพูด...          

“งั้น! ผมสรุปอย่างนี้ก็แล้วกัน อีก 7 วันฟังข่าวดี” ท่านหัวเราะร่ากอดคอเจอรี่ ไป่ไป๋ยิ้มหน้าเจื่อน

เจ้าตัวน้อยกระโดดจากหม่าม้าเดินมาหานาตาลี                    

“ลีไปข้างนอกกันดีกว่า” เจ้าแทนช่างรู้ใจจังเลย ดึงมือนาตาลีออกจากห้องไป ผมโล่งใจอยากให้ใครก็ได้ พาเธอออกไปจากตรงนี้ไว ๆ ไฟร้อนรุ่มในทรวงแผดเผาจนหัวใจที่บอบช้ำไหม้เกรียมหมดแล้ว          

“แล้วหนูไปหาเพื่อน ๆ ได้หรือเปล่า?” ไป่ไป๋มองหน้าหม่าม้า
           “แต่งงานแล้วก็ต้องดูแลครอบครัว ไปเที่ยวหากันบ้างบางครั้ง ใครจะไปว่าอะไรแก แต่จะไปค้างอ้างแรมเหมือนก่อนไม่ได้แล้วนะ” ท่านตอบปิดประตู ไป่ไป๋พยักหน้า             

“อาจจะไม่สะดวกถ้าต้องมาหาเพื่อนไกล ๆ แต่งงานแล้วก็ต้องอยู่ปักกิ่ง บอกให้เขามาหาเราก็ได้ช่วงเทศกาล” เจอรี่เสนอหน้า          

ปรกติไป่ไป๋พูดเก่งกว่านี้ถ้าเธอไม่ต้องการ แต่ทำไมถึงไม่เถียงอะไรเลย ผิดหวังกับเธอเหมือนกัน ทีกับจูยอนจะเอาเป็นเอาตาย ทำไมจิตใจโลเล ไร้ราคาเช่นนี้

เจอรี่ลุกลี้ลุกลน...                   

“ผมต้องขอตัวก่อนแล้วครับ เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง”

“ได้ ๆ รีบกลับ แล้วเจอกันใหม่นะ”คุณหมอบอกยิ้มตาหยี

“ไป่ไป๋ไปส่งเจอรี่ที่สนามบินสิ” หม่าม้าสั่งลูกสาว เธอพยักหน้าลุกขึ้น พวกเราลุกขึ้นพร้อมกันเพื่อส่งแขก ทั้งสองเดินออกไปจากห้อง หม่าม้ากับคุณหมอวิ่งตามไป                  

พวกเราได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซอนเอ่ยขึ้นเบาๆ

“เศร้าว่ะพี่! ผมไม่เห็นด้วยเลย” ซอนก้มหน้านิ่ง

หมวดจางกอดแผ่นหลังกว้างของซอน...                     

“ฉันสงสารนาตาลี คราวนี้เธอจะอยู่ยังไง?” น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหลออกมา

ผมเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหมือนโดนฉีกอกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ความปวดร้าวสับสนอึดอัดหายใจไม่ออก คนรักหักหลังเหมือนตายทั้งเป็น ความมั่นใจกลายเป็นศูนย์ จิตใจเลื่อนลอยไร้ที่ยึดเหนี่ยว ผมเองยังเคยคิดอยากตาย นาตาลีอย่าคิดสั้นนะ!  

               ..............................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม