หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 27 เม.ย. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา นาตาลี
มีนาคม ค.ศ.2025
“วี๊ด...ดด!!” เสียงนกหวีดของจูยอนดังเพราะพริ้งจากลำโพงปลุก ทุกคนจากหลับใหล รุ่งเช้าแสงแดดจ้าสาดทะลุผ่านผ้าม่านสีม่วงเข้ามา
ฉันลุกนั่งหมุนมองสำรวจในห้อง สองหนุ่มหายไปไหน? เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ 07.00 น.พอดี เธอคงทำกิจกรรมแบบนี้ทุกเช้า
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” เสียงกระหึ่มตะโกนก้อง พื้นแผ่นดินสะเทือน
ฉันสยองขนลุกเกรียวตื่นกลัวพวกนี้มาก เริ่มมองหาทางหนีแง้มผ้าม่านมองออกไป พวกเขาวิ่งกันพลุกพล่านไปตามจุดที่มีภาพของจูยอน Tamer 30 นับล้านคน แออัดยัดเยียดแน่นวงเวียนล้นออกไปตามถนน
จูยอนออกอากาศมาทักทายสวัสดีตอนเช้าในชุดฮันบกเหลืองสดใส คนอะไรก็ไม่รู้ สวมชุดประจำชาติแล้วสวยมาก...
“สหายมีเวลา 30 นาทีกินข้าวให้อิ่ม แล้วเข้าสวนน้ำ Water Park ใครอยู่ใกล้แม่น้ำก็โดดแม่น้ำ อาบน้ำให้สะอาดแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย” เธอใช้มธุรสวาจาด้วยความสุขุมยิ้มหวานจริงใจ เมื่อบอกเสร็จเธอก็หายไป
ฉันใจหายวาบ /จูยอน!อย่าหายไปจากหน้าจอ ไอ้พวกนี้มันจะกลายเป็นปีศาจ/
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” คลื่นมหาชนคนติดเชื้อ กระจายตัวกันอย่างรวดเร็ว อาคารรอบวงเวียนหอกระจายข่าวดูชุลมุนวุ่นวาย จูยอนคิดอะไรกันนะ?
ถนนทั้ง 5 สาย รอบวงเวียนเต็มไปด้วยอาหารสารพัดชนิดวางด้านหน้าอาคารกลิ่นหอมกรุ่นควันฉุย ถ้าฉันเป็นพวกกลุ่มต่อต้าน ฉันกลับใจตั้งนานแล้ว ที่นี่ของกินดี ๆ ทั้งนั้นเลย
บนถนนวงเวียน ด้านนอกอาคาร Tamer 30 สาวสวยในเครื่องแบบพนักงานธนาคาร เสื้อสีขาวกระโปรงม่วง 2 คน กำลังเดินจากถนนก้าวขึ้นมาบนตึกนี้
“ไม่ดีแน่” ฉันรีบลุกเดินจะออกจากห้อง ไม่อยากเจอกับพวกนี้เลย ถ้าพวกมันโกรธโดนฉีกเป็นชิ้นแน่
ฉันก้าวออกจากห้องมายืนลังเลที่ลานหน้าห้องโถง ทางซ้ายยาวไปออกลานจอดรถด้านหลังอาคาร มองตรงไปข้างหน้ามีบันไดขึ้นขั้น 2 มีคนถูกจับมัดกลุ่มใหญ่ที่ตีนบันได ทางด้านขวาเป็นประตูทางเข้าอาคาร พวกเธอกำลังจะเปิดเข้ามา
“เอาไงดี เอาไงดี” ไม่ทันการแล้วหลบใต้โต๊ะดีกว่า วิ่งกลับเข้าห้อง
“อึ้บ! อึ้บ! อึ้บ!” ฉันขยับให้ทั้งตัวเข้าไปคุกเข่าใต้โต๊ะทำงานอย่างทุลักทุเล ทำไมชีวิตของฉันช่างน่าสงสารจัง? ในหัว...คิดถึงแต่เพื่อนหนุ่ม สองคนนั้น หายหัวไปไหนวะ? ทำไมปล่อยให้ฉันลำบากคนเดียว?
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” เสียงรองเท้าส้นสูงเดินใกล้เข้ามาทุกขณะ
“อาบน้ำที่นี่ดีกว่า ไม่ต้องไปแย่งกัน” พวกเธอเดินเลยไปด้านใน ถอดเสื้อผ้าโยนทีละชิ้นแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำด้านใน
ฉันเห็นทางสะดวกรีบหนีดีกว่า ขยับจะออกจากใต้โต๊ะ แต่ตัวติดออกไม่ได้ ขยับดิ้นยังไงก็ไม่ออก โคตรซวยเลย
ก้มมองไปด้านนอก ดูกลุ่มคนที่ถูกมัด พวกนั้นนอนกันเงียบ เหมือนคนตาย ฉันพยายามอีกครั้ง ตอนเข้าว่ายากแล้ว ตอนออกยากกว่า
“อี๊ดอ๊าด!!!” เสียงขาโต๊ะครูดพื้น ดังเสียวฟัน
“ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” สักพักเสียงรองเท้าก็เดินกลับมา สงสัยเธอคงจะกลับกันแล้ว ฉันพยายามทำตัวให้เล็กเข้าไว้
จู่ ๆ พวกเธอก็หยุดเดินตรงที่ฉันติดแหงกอยู่ ....
“ตึกตึก!ตึกตึก!ตึกตึก!” ฉันใจเต้นจนเหนื่อย ก้มหน้าขดตัวพยายามเงียบที่สุด แต่พอหันมองที่รองเท้าของเธอ...
“เหวอ!” เจอสายตาจ้องอยู่....ฉันตาเหลือก ร้องลั่น เยี่ยวแทบเล็ดดิ้นเพื่อจะออกจากใต้โต๊ะ แต่เธอเอาเข่าดันหัวไหล่ของฉัน กระดิกตัวไม่ได้...โดนจับได้ซะแล้ว สองคนนั้นไปไหน มาช่วยฉันหน่อย ฉันกลัว
“แจ้งตำรวจ! แจ้งตำรวจ!” แม่สาวอีกคนวิ่งออกไปข้างนอกอย่างเร็ว
“เธอเป็นใคร?” เสียงเจ้าหล่อนดุมาก
ฉันพยายามสังเกตใบหน้าและดวงตาของพวกเธอ ไม่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้าและเนื้อตัวของพวกเธอเลอะฝุ่นบ้าง สันนิษฐานในใจ อาจจะเลอะตอนกลายเป็น Soulless
“อันยองฮาเซโย คิมมีโซอิบนิดะ เจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ค่ะ เข้ามาแอบผัว เขาเมาเหล้าแล้วซ้อมฉัน” ฉันชี้ไปหากลุ่มนั้น จะเข้าโหมดตอแหลทันไหมนะ?
“พวกนั้นเหรอ? มันถูกจับแล้ว ออกมาเถอะ” เธอชะเง้อมองไปด้านนอกแล้วช่วยดึงฉันออกจากใต้โต๊ะ
“ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ด!” เสียงนกหวีดแสบหู ตำรวจชุดเขียวมีทั้งกระบองทั้งปืน 4 – 5 คนวิ่งกรูเข้ามา
แม่สาวคนนั้นไปพาตำรวจมา ซวยใหญ่แล้ว เจ็ทโด้อยู่ไหน? รีบกลับมาเร็ว ๆ
ฉันไม่เคยชินกับ Tamer 30 ในแบบนี้ ปรกติแล้วพวกเขาต้องวิ่งตามจูยอนสิ แต่ทำไมพวกนี้รับคำสั่งแล้วยังสามารถพูดคุยได้ปรกติ ฉันไม่เคยได้รู้มาก่อน
“ขอดูบัตรประจำตัวหน่อยครับ สหายมาจากไหน?” ตำรวจตัวผอมแบมือ
“นี่ค่ะ!” ฉันวางบัตรลงไปให้ดู ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
“ฟึ่บ!” เขาเขี่ยทิ้งทันที ใจหายวาบเลย
“ไปเก็บของใครมา? ไปโรงพักครับ” เขาเอากุญแจมือมาใส่
“ตึกตึก ตึกตึก!” ใจเต้นรัวกลัวตาย ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเดินคอตกตามไป มองซ้ายขวาก็ไม่มีใคร เจ็ทโด้หายหัวไปไหนกันนะหรือโดนจับไปแล้ว?
ตำรวจต้อนกลุ่มคนที่ถูกมัดนั้นมาด้วย ไอ้พวกนี้ก็เหลือเกิน..เธอสั่งให้ไปอาบน้ำ ดันเสือกขยันมาจับอีกจะบ้าตาย มันเกิดอะไรกับ Tamer 30 กลุ่มนี้กันแน่
พวกเขาพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามกลางวงเวียน สำนักงานตำรวจอยู่ตึกแถวข้างหน้าทางเข้าหอกระจายข่าวฯ โต๊ะอาหารถูกวางเรียงยาวเป็นวงกลมรอบวงเวียนอาหารไม่มีอะไรหลงเหลือ พวกเขากินกันเกลี้ยง
ถนนด้านซ้ายนอกวงเวียนเป็นโดมสูงสัญลักษณ์ของสวนน้ำในร่มขนาดใหญ่( Munsu Water Park) กลางเมืองหลวง Tamer 30 วิ่งหัวเราะร่าลงไปเล่นน้ำกันเนืองแน่น
ฉันถูกดันหลังเข้าห้องขัง //ได้แต่พึมพำกับตัวเอง...ให้มันได้อย่างนี้สินาตาลี! หนีความช้ำรัก มาเข้าคุก เวรจริง ๆ //
“ขังไว้ก่อน! ไปอาบน้ำกัน” เขาวิ่งไปก่อนจะพูดจบ เพื่อนที่เหลือก็วิ่งกรูตามกันไป ฉันมองตาม แล้วฉันล่ะ?
ทันใดก็ได้ยินเสียงของจูยอนดังขึ้น...
“รีบ ๆ อาบน้ำกันนะคะ อีก 5 นาทีสุดท้าย” เสียงจูยอนเร้ามาตามสาย
จะตามหาเธอได้ยังไงนะ? ซวยจริง ๆ โดนจับติดคุกอีก กลิ่นอึกลิ่นฉี่เหม็นอบอวล ฉันสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้น นั่งมุมห้องวิเคราะห์อยู่เงียบ ๆ คนเดียว แปลกมาก Tamer 30 เกาหลีเหนือไม่กลายร่าง เป็นเพราะอะไรกัน?
“Messiah! Messiah!” Tamer30 วิ่งหน้าตั้งผ่านหน้ากรงขังกันขวักไขว่ ไม่มีใครสนใจพวกเราเลย ทุกคนต่างรีบร้อนวิ่งออกไปมองดูจอด้วยสายตาชื่นชมโหยหา
พวกเขาทยอยกันออกไปได้ไม่ทันไรก็หมดเวลา กลับกลายเป็น Soulless ไร้ความรู้สึกนึกคิดเหมือนเดิม เมืองหลวงกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง
“?????” มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ คิดถึงหมวดจางจังเลย ถ้าเธออยู่ด้วยก็ดี ไม่รู้ว่าเธอจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?
ฉันนั่งมองไปรอบ ๆ โรงพัก บนฝาผนังห้องรอยกรอบสี่เหลี่ยมขาวบนผนัง 2 ช่องบ่งบอกว่าเคยมีรูปภาพ 2 รูปอยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อน แต่ตอนนี้หายไป เลื่อนสายตามาทางขวา เห็นพวงลูกกุญแจแขวนอยู่บนแผง แต่ไม่มีปัญญาเอื้อมถึง
หนึ่งในกลุ่มนักโทษที่ถูกจับมาด้วยกันถามขึ้น…
“สหาย!ไม่ได้เป็นเหน้าที่รัฐเหรอ?” พวกเขาขมวดคิ้วมองด้วยสายตาแปลก ๆ เมื่อคืนฉันโกหกว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ฉันมีโอกาสตอบแค่ครั้งเดียว ถ้าพลาดไม่รอดแน่ โดนจับมาขังรวมกับผู้ชายอีก 8 คน ลังเลก่อนจะตอบ...
“ฉันโดนจับมาจากฝั่งใต้ บ้านฉันอยู่ฝั่งใต้” ฉันก้มหน้าหัวใจเต้นจัหวะสามช่ากลัวจับใจ ไม่กล้าตอแหลแล้ว ลูกพี่ก็ไม่อยู่
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว พวกเราพี่น้องกัน” เสียงใจดีของบางคนทำให้ใจชื่น ฉันรีบเงยหน้ายิ้มหวาน ฉันเลือกคำตอบถูก ถ้าบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเดี๋ยวโดนอีก...
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ? พวกนี้อาบน้ำได้ด้วยเหรอ?” ฉันขมวดคิ้วถามเขากลับไป
“อ๋อ!..เรื่องนั้น สหายจูยอนจะเปลี่ยนคำสั่งไปเรื่อย ๆ ให้พวกเขาดูแลตัวเอง เธอทำอย่างนี้ทุก 7 โมงเช้า”
“หือ!” ฉันคิ้วชนกัน...
“แล้วพวกนี้กินข้าวยังไงคะ?” ในใจสงสัยมาก
“สหายจูยอนสั่งให้พวกเรา ยึดของจำเป็นไว้หมดแล้ว อาคารแถวนี้ทั้งสองฝั่งเป็นโกดัง ข้าวปลาอาหารเรามีเพียบ ถ้าออกไปผมจะพาไปดู พวกเราช่วยกันทำอาหารง่าย ๆ ให้พวกเลื่อนลอยกิน สหายจูยอนเป็นแม่พระของพวกเรา”
“แล้วพวกคุณถูกจับได้ยังไง ? เราจะออกจากที่นี่ได้เหรอ?” ฉันยังซีเรียสกับเรื่องนี้
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” พวกเขาหัวเราะลั่น ยิ่งแปลกใจ
“พวกเราโดนจับเกือบทุกวันเพราะหนีไม่ทัน เดี๋ยวเพื่อนของเราก็มา ไม่ต้องกังวล เรื่องปรกติ” พวกเขาดูสบายใจ แต่ฉันมึนหัวไปหมด มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว
“ถ้าวันไหน สหายจูยอนสั่งวิ่ง วันนั้นแผ่นดินแทบทรุด บ้านเมืองโกลาหลไปหมด เธอให้พวกนี้ออกกำลังกายด้วย บางวันเธอก็มานำเต้นแอโรบิคให้ทุกคนเต้นตาม สหายจูยอนน่ารักหาเรื่องใหม่ ๆ มาเล่าให้ฟังทุกวัน เธอมาพร้อมกับแสงสว่าง” เขายิ้มปลื้มสายตาชื่นชม
ฉันถึงกับน้ำตารื้นปลื้มใจแทน เธอทั้งโกรธและเกลียดคนเหล่านี้ แต่เธอก็ดูแลพวกเขา แม่พระชัด ๆ
“พรึบ! พรึบ! พรึบ!” พื้นสะเทือนเหมือนเสียงรองเท้า ทหารหลายคนวิ่งผ่านหน้าสำนักงานไป
“เพื่อนคุณหรือเปล่า?” ฉันถามสหายร่วมห้องขัง
“น่าจะใช่!” เขาลังเล
“สหายจูยอนพักอยู่ที่ไหน พวกคุณรู้กันหรือเปล่า?” ฉันยื่นหน้าถาม อยากรู้เรื่องนี้ที่สุด
“ไม่มีใครรู้ว่า เธออยู่ที่ไหน? เธอจะสั่งงานพวกเราผ่านจอภาพ และมีสหายคิมจุนซองเป็นหัวหน้าคอยดูแลจัดการ” เขาบอกภาษาซื่อ
ฉันคิดในใจ...เก่งจังเลย เก่งกว่าหมวดจางอีก จิตใจเข้มแข็งมาก
“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!” เสียงดวลปืนยิงกันอุตลุด เสียงรองเท้าวิ่งคลึ่กคลั่กด้านนอก
“.............” พวกเราหันมองหน้ากันเงียบ
“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!” เสียงปืนยังคงระเบิดใส่กันต่อเนื่อง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ฉันตื่นเต้นในใจเริ่มกังวล ไม่มีความมั่นใจเลย สองคนนั้นก็หายไปไหนไม่รู้ ถ้ากลับมาจะด่าให้หูดับเลย
ทันใดนั้น…
เงาดำปลิววูบจากประตูหน้าเข้ามา
“โครม!” ร่างคนปลิวเข้ามาตกลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะรูดตัวลงพื้น ตามมาด้วยไอ้โม่งร่างสูงใหญ่ แค่เห็นหลังฉันก็จำได้
“นินจา! ฉันอยู่นี่!” เขาหันมามองแวบเดียว
“อั่ก!!!!” เขาเดินเข้าไปกระทืบทหารคนนั้นจนเงียบเสียง โหดมาก พอยิ่งเห็นแบบนี้ ยิ่งปักใจเชื่อว่าเขาไม่ใช่แทนแน่ ๆ แทนไม่มีวันทำร้ายคนแบบนี้
เขาเดินมาเกาะลูกกรง...
“ดอกเตอร์กินข้าวหรือยังครับ?” เขาถามเสียงเรียบ แต่มันยั่วโมโหฉันโกรธหูร้อนทันที...
“นายจะบ้าหรือไง? ปีนเกลียวเข้าไปทุกวัน ฉันติดคุกจะกินข้าวได้ยังไง?” ฉันแหวใส่ไม่อายใครแล้ว เจอหน้ายังไม่ทันได้ดีใจเลย ยั่วโมโหอีกแล้ว เมื่อไหร่มันจะเหมือนคนปรกติกับเขาสักที? หงุดหงิดต้องอารมณ์เสียตลอด
“เพื่อนคุณเหรอสหาย? ไอ้นี่แหละ! ที่จับผมมัดเมื่อคืน”
ทำแต่เรื่องให้ปวดหัว ฉันกัดฟันพยักหน้าไม่พอใจ ต้องต่อว่าซะหน่อยแล้ว ชอบใช้กำลังนักใช่ไหม?
นินจายื่นหน้ามาจะพูด
“ผลัวะ!” ฉันต่อยสวนเข้าที่ใบหน้า //อูย...เจ็บมือเป็นบ้า //
“........” เขาหยุดนิ่งมอง แล้วถามเบา ๆ
“ผมเป็นห่วงคุณ ผมผิดตรงไหน? ผมมองคุณตลอด เห็นคุณโดนจับมาตั้งนานแล้ว ที่ถามว่ากินข้าวหรือยัง ก็เพราะไม่รู้ว่าคุณตื่นกี่โมง?” เขาบอกแล้วหมุนตัวมองหันมองรอบห้อง โต๊ะเก้าอี้ข้าวของเครื่องใช้สำนักงานล้มระเนระนาด
ฉันไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย...
“โน่น!..กุญแจห้อยอยู่ตรงนั้น ไปหยิบมา เร็ว!”
เขาเดินไปหยิบมาไขปล่อยพวกเราออกจากห้องขัง ที่แสนจะเหม็นฉี่
“พวกนี้ใคร?” เขามองไปที่กลุ่ม
“เพื่อนฉันเอง กลุ่มผู้สนับสนุนของจูยอน คุณจับเขามัดไว้ไม่ใช่เหรอ? มาขอโทษพวกเขาก่อน เดี๋ยวนี้!!” ฉันไม่เข้าใจหมอนี่จริง ๆ เขาพยักหน้าเดินเข้ามาชิดลูกกรงแล้วโค้งศีรษะอย่างสุภาพ
ฉันเข้าไปกระซิบ...
“พูดตามนะคะ มีอันนิดะยอลาบูน” ฉันสอนให้เขาขอโทษ
“มีอันนิดะ ยอ..ยอลาบูน” เขาค่อย ๆ เงยหน้า
“เพื่อนฉันเขาขอโทษค่ะ ที่มัดสหายไว้” ฉันเคลียร์ทาง พวกเขาโค้งหัวสุภาพกลับมา
“แควนจานาโย! เข้าใจผิดกันได้” พวกเขาท่าทางใจดี
“เขาบอกว่าไม่เป็นไร” ฉันกระซิบนินจา แล้วหันไปหาพวกเขา...
“ฉันขอตาม ไปด้วยได้ไหมคะ? ฉันมีเพื่อนมาด้วย 2 คนเขาพูดภาษาบ้านเราไม่ได้”
“ยินดีครับยินดี ไปด้วยกันครับ ไปหาข้าวกินด้วย สหายจูยอน บอกให้พาทุกคนที่เจอกลับมาด้วย ให้กินข้าวกินน้ำก่อน ถ้าจะไปก็ไป แต่ถ้าจะอยู่ด้วย ก็ยินดีต้อนรับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาใสซื่อ จูยอน สร้างบารมีด้วยการให้ เมื่อเธอให้ทุกคนก็ให้ต่อ
“เมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้นคะ?” ฉันเดินตามนินจาเข้าไปหาทหารที่เขากระทืบเมื่อสักครู่ ทหารจีนนอนจมกองเลือดกะพริบตาปริบ ๆ แขนขาไม่ขยับ เพื่อนใหม่เดินตามเป็นขบวน
“ผมกำลังจะสอบสวนพวกทหารจีน” เขาบอกแล้วกระชากคอเสื้อทหารจีนลอยติดมือเหมือนเบามาก
“นาตาลีถามให้หน่อย มันมากี่คน” เวรกรรม..พอจะเข้าใจได้ เขาพูดจีนไม่เป็น
“พวกแกมากันกี่คน” ฉันเท้าเอวชี้หน้าเล่นใหญ่ พยายามนึกท่าทางของหมวดจาง เวลาเธอสั่งการ โคตรเท่เลย ต่อมตอแหลเริ่มคันยิบ
เขายังนิ่ง...
“อั่ก!!” หมัดตรงเข้าที่ท้อง เขาห่อตัวหน้าเสียสีหน้าเจ็บปวด
นินจาหิ้วคอเสื้อยกสูง...
“อั่ก!อั่ก!อั่ก!”แล้วต่อยท้อง ซ้ำไปอีก2-3ที
“มาทำอะไร?” ฉันถาม...เขาเงียบ
“อั่ก!อั่ก!อั่ก!” นินจาตุ๊ยท้องจนตัวงอ เขาหมดสภาพคอตกใบหน้าบวม แขนขาห้อยน่าสงสาร เจ็ทโด้วิ่งพรวดพราดเข้ามา
“แจ็ค! ได้เรื่องไหม?” เขาตะโกนจากปากประตู
“ไม่ตอบเลยครับ”
พวกเพื่อน ๆ หันมองเขาเป็นตาเดียว เขาสะพายปืนไรเฟิลยาวไว้ด้านหลัง 1 กระบอก ในมือถือปืนกลอัตโนมัติอีก 1 กระบอก ลูกกระสุนเม็ดเป้งห้อยเต็มเอว สะพายบ่าอีกต่างหาก สงสัยอยากเป็นแรมโบ้
เขาเดินเข้ามาแล้วยิ้มโค้งศีรษะให้กลุ่ม ฉันยิ้มพอใจมาก ต้องอย่างนี้สิถึงเรียกว่ามีอารยะ เจ้ายักษ์โย่งนี่มันคนเถื่อน
“ที่เหลือล่ะ?”เสียงเขาสองคนคุยกัน
“เก็บหมดแล้ว 16 คนขับรถหนีกลับไปได้คนเดียว เอ้า!ถือไว้” เขาหันมาโยนวิทยุสื่อสารใส่ ฉันเกือบรับไม่ทัน
เขาหันมองออกข้างนอกบ่อย ๆ...
“ท่าทางไม่ดีแล้ว พวกนี้หน่วยสอดแนมของจีน เดี๋ยวมันก็ส่งหน่วยล่าสังหารเข้ามา” เขาเพ่งสายตามองออกไปนอกอาคาร เวลามีเหตุแบบนี้ แววตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่พูดเล่นมุ่งมั่นจริงจัง
“เราต้องหาจูยอนให้เจอ”เขาหันไปคุยกันอีก
“ไอ้นี่เอาไง?” นินจาชูคอทหารจีนด้วยมือเดียวจะบ้าพลังไปถึงไหน? หน้าตาก็น่ากลัวยังทำตัวเถื่อนอีก
“ขังไว้ก่อน! พรุ่งนี้มาถามมันใหม่ กระทืบกันทุกวันนี่แหละ! ดูสิจะบอกไหม?” เจ็ทโด้พูดเรียบ ๆ
พวกเราขยับตัวเดินตามกลุ่มเพื่อนใหม่ออกจากโรงพัก ฉันหันไปเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้กลุ่มฟัง ในระหว่างพากันเดินไปเข้าซอยด้านหลัง หอกระจายเสียงเป็นจุดศูนย์กลางของวงเวียน อาคารในซอยซ้ายขวา มีแต่กองวัตถุดิบทำอาหาร
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ” สหายยิ้มหวาน ฉันเริ่มหิวแล้วกลิ่นอาหารสุกโชยมาน้ำลายสอ อาหารเช้ายังไม่ตกถึงท้องเลยน้ำก็ยังไม่ได้อาบ นึกแล้วน่าเจ็บใจ จูยอนดูแล Soulless ดีกว่าเจ็ทโด้ดูแลฉันอีก
..................................................................
สหายกลุ่มใหม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ยกมือทักทายพรรคพวกที่กำลังสาละวนกับการทำอาหาร ทุกคนมีความสุขกับการทำงานควันพวยพุ่งจากหม้อนึ่งใบใหญ่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ที่นี่ชีวิตการเป็นอยู่ดีกว่าสหายจุนโดเยอะเลย บนลานข้างหน้าจัดเป็นสวนหย่อมเต็มต้นไม้ใบเขียวแท่งอาคารกระจกทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งเด่นไล่สายตาขึ้นไปด้านบนลักษณะคล้ายกระสวยอวกาศลอยบนฟ้า
เจ็ทโด้เดินตามตีคู่ขึ้นมา ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับลูกพี่สักหน่อย หันมองรอบด้านแล้วเดินช้าลงเว้นระยะห่างจากเพื่อน เมื่อได้จังหวะก็หันไปดึงหูลากเขาออกจากกลุ่ม
“โอ้ย!เจ็บนะ!!”เขาเอียงตัวแหกปากร้องหน้าเหย
“คุณหายไปไหนมา ทิ้งฉันไว้คนเดียวได้ยังไง? ถามจริง! เป็นห่วงกันบ้างไหม? ฉันกลัวนะและเป็นผู้หญิงคุณต้องดูแลให้ดีมากกว่านี้” ฉันปล่อยมือจากหูแล้วหน้างอใส่ ฉันรู้ว่า...มีสิทธิ์เรียกร้องจากเขาได้
เขาอมยิ้มก่อนจะบอก...
“ผมไปเอาปืนสไนเปอร์ ไอ้นินจามันใช้ให้ผมไปปีนยอดตึกพิพิธภัณฑ์ที่ลานจัตุรัสโน่น เมื่อเช้าผมกำลังซุ่มยิงหัวกลุ่มทหารจีนอยู่ดี ๆ ก็ต้องวิ่งหนีพวก Tamer 30 เหมือนกัน พวกเขาล้อมจับผม” เขาบอกแล้วหัวเราะตาใส เหตุผลดียกโทษให้ก็ได้
กลิ่นอาหารหอมยั่วน้ำลาย อาหารทั้งน้ำ ทั้งผัด ทั้งทอดหลากหลาย ไอ้ยักษ์นินจาเดินเข้ามาผสมโรงด้วยอีกคน ฉันอยากจะดึงหูเขาด้วยแต่ติดไอ้โม่ง หงุดหงิดทำอะไรเขาไม่ได้
“ตุ่บ!” ต่อยท้องไปที แล้วขอถามให้หายข้องใจหน่อยเถอะ
“แล้วนินจาเมื่อเช้านายหายไปไหน? ทำไมถึงปล่อยฉันไว้คนเดียว? นายไม่ตั้งใจดูแลฉันเลย เจ็ทโด้คะ!..คุณต้องซ่อมลูกน้องคนนี้หน่อยนะ เทียบกับซอนไม่ได้เลย...ไม่ติดฝุ่น เหนื่อยใจจริง ๆ” ฉันแหงนหน้ามองเจ้ายักษ์ตัวใหญ่
นินจายืดอกตอบ
“ผมเห็นกลุ่มคนท่าทางแปลก ๆ แฝงตัวเข้ามา เลยขึ้นไปบนหลังคาตึก นั่งดูคุณโดนจับ” เขาหัวเราะบอกยั่วโมโหได้อีก
“อั่ก!” ฉันเลยทุบท้องไปอีกที หมั่นไส้นัก
สหายคุณน้าเดินยิ้มมาจูงมือไปนั่งเก้าอี้ อาหารกลิ่นหอมควันกรุ่นหน้าตาสวย วางเรียงรายบนโต๊ะ
“คัมซามนิดะอีโม่ทงมู” หันไปขอบคุณสหายคุณน้า
สหายคุณป้ายกชามควันฉุยมาเสิร์ฟ...
“กินเลยสหาย มีเยอะไม่ต้องเกรงใจ นี่คัลกุกซูร้อน ๆ” สหายคุณป้ากระตือรือร้น ยิ้มชี้ชวนกินอาหารคล้ายก๋วยเตี๋ยวน้ำ
“คัมซามนิดะอาจุมม่าทงมู” ฉันยิ้มก้มศีรษะก่อนจะหยิบ คิมบับชิ้นใหญ่ใส่ปากเคี้ยวมูมมามด้วยความหิว
“สหายผู้ชายสองคนกินนี่สิ” เธอยกชามจาจังมยอนมาให้ ควันฉุยกลิ่นหอมมาก ทั้งสองยืนนิ่ง...คงไม่เข้าใจภาษา
ฉันวางตะเกียบแล้วหันไปบอก
“ใช้สองมือ รับมาก่อน”
ทั้งสองรับมาวางบนโต๊ะ สหายคุณน้ายกชามทังซูยุก และจัมปงมาเสิร์ฟอีก ทั้งสองรับมาวางแล้วหันมามองหน้าฉันพร้อมกัน
ฉันคิดในใจ คงกินไม่เป็นล่ะสิ...
“อันนี้ คลุกเส้นกับซอสให้เข้ากันแล้วกินเลย คนต่างชาติเรียกว่าหมี่ดำ คนเกาหลีเรียกว่า จาจังมยอน” ฉันบอกในขณะที่ซดน้ำซุปกิมจิเต้าหู้อ่อนชิ้นโต
“ซู๊ด!!!อ้าฮ์!” สะใจมากกับอาหารรสต้นตำรับ...
“ส่วนชามนี้ หมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ทังซูยุก อร่อยกินสิ ส่วนอันนี้บะหมี่ซุปซีฟู้ดรสจัดจ้าน เขาเรียกว่าจัมปง”
สหายคุณป้ายกโถน้ำแกงควันหอมฉุย เดินยิ้มเข้ามาวางตรงหน้า แล้วเข้ามาก้มกระซิบ ...
“ไก่ตุ๋นโสม สุดยอดอาหารบำรุงร่างกายผู้หญิง ไหน ๆ ดูหน่อยซิ” แกล้วงมือเข้ามาในคอเสื้อ
“ว้าย!” สหายคุณป้าจับนมของฉันบีบเต็มมือ
ฉันตาค้าง...
“อาจุมมาทงมู!! ทำอะไรคะ?” สหายคุณป้าขยำนมของฉัน เพลินไปเลย
ท่านปล่อยมือแล้วเอียงคอขมวดคิ้ว...
“ไอกู่! ยังไม่มีผัวนี่นา” ท่านหัวเราะเก้อ
“หือ!” ฉันขมวดคิ้ว...เก่งนะ! จับนมปุ๊บ รู้ได้ทันทีว่ายังไม่มีผัว หาให้หนูหน่อยสิอาจุมม่า หนูก็อยากได้สักคน //
“จับหน้าอกหนูทำไมคะ?” ฉันเอามือกุมหน้าอก
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ท่านหัวเราะลั่น
“ฉันนึกว่ามีผัวแล้ว ไก่ตุ๋นโสมทำให้มีน้ำนมเยอะ แต่ถ้าสาว ๆ กินนมมันจะใหญ่ อึดอัดอย่ากินเยอะนะ” ท่านยิ้มตาหยีแล้วก้มลงมากระซิบข้างหู...
“มัวทำอะไรอยู่ โง่หรือเปล่า? รีบหาผัวไว ๆ เลยนะ ดีกว่าปั่นหูอีก ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ท่านหัวเราะลั่นเดินจากไป
ฉันไม่รู้จะโกรธหรือจะขอบคุณดี แต่ที่แน่ ๆ ปากของฉันคาบน่องไก่อันที่ 2 ไว้ ดึงโถไก่ตุ๋นโสมเข้ามาโอบไว้ ไม่แบ่งให้สองคนกิน
เจ็ทโด้ยิ้มแล้วยักคิ้ว...
“ดีกว่ากินขนมห่อ ของไอ้พวกกู้ชาติเยอะ แม่ง! เหม็นหืนจะตาย กินกันไปได้ยังไงวะ?”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ทั้งสองคนหัวเราะพร้อมกัน
“แปลกเนอะ! ถึงจะอดอยากก็ยังจงรักภักดี รัฐล้างสมองได้หมดจดจริงๆ” ฉันเปรยที่เห็นพวกเขายังจะจงรักกับคนที่ทำให้พวกเขาอดอยาก
นินจา เงยหน้า...
“ไอ้คนพวกนี้ มันไม่ยอมฟังเหตุผลคนอื่นหรอก มันจะเชื่อแบบนั้นใครบอกยังไงก็ไม่ฟัง พวกมันไม่ต่างจาก Tamer 30 หรอกบอกอะไรก็เชื่อ ตายเพื่อคนที่ไม่ได้รักมันจริงและกลัวคำขู่เรื่องการสิ้นชาติ ถ้าขาดผู้นำ” แรงทุกครั้งกับความเห็นของเจ้ายักษ์นี่
ฉันไม่สนขอกินข้าวก่อนเถอะ สายตาของฉันมองตรงไปที่อาคารหอกระจายเสียงตลอดเวลา ฉันอยากขึ้นไปด้านบนจังเลยมีลางสังหรณ์ว่าข้างบนต้องมีคนอยู่แน่ ๆ
“ไอ๊กู่!” ฉันตกใจร้องเสียงหลง แล้วชี้นิ้วไปที่ลานหน้าอาคารกระสวยอวกาศ เหล่าสหายขยับตัวพร้อมกัน..
เจ็ทโด้หันมองตามแล้วลุกยืน...
“ทหารจีน!” เขาบอกแล้วหันหลังวิ่งพรวดสะพายปืนยาวขึ้นตึกไป นินจาเดินเข้ามาประกบหลังของฉัน
“เฮ้ย!..นั่น!” ฉันร้องอีกครั้งตาเบิกกว้างชี้มือไปที่อาคาร จูยอนในชุดฮันบกสีเหลืองโดนมัดมือไพล่หลัง ทหารจีนผลักร่างอ้อนแอ้นของเธอกระเด็นเซออกมาหน้าประตู
“จะพาฉันไปไหน? ถ้าคุยกันดี ๆ ก็ไม่ต้องมีคนเจ็บตัว” เธอหันไปถามเมื่อก้าวออกมาพ้นชายคาของประตูอาคาร
“เดินไป!” พวกเขาผลักเธอเดินมากลางลานดอกไม้กึ่งกลางระหว่างพวกเรากับตัวอาคาร ทหาร 2 นายประกบหน้าหลัง
"พรึบ!พรึบ!" กลุ่มสหายผู้สนับสนุนทั้งชายหญิงยืนปิดทางออกล้อมเป็นรูปวงกลม ฉันลุกจากโต๊ะแฝงตัวเข้าไปยืนปะปนในหมู่ผู้ชาย เจ้านินจายังตามมายืนอยู่ข้าง ๆ
จูยอนพูดลอย ๆ...
“พวกนายคิดผิดจริง ๆ ที่มาจับฉัน หวังฉวนให้มาจับเหรอ?” เธอสีหน้าปรกติถามเป็นภาษาจีน
“บอกพวกคุณให้วางปืน!” ทหารด้านหลังเอาปืนจิ้มไหล่เธอ
จูยอนหันกลับไปหาทหารด้านหลัง...
“คุณจะไม่เจรจาก่อนหรือ? คุณยังไม่ได้ไปง่าย ๆ หรอก อยู่คุยกันก่อนดีกว่า” เธอยิ้มชวนคุย ท่าทางไม่สะทกสะท้าน งามสง่าทุกย่างก้าว
ทหารเอาปลายปืนจิ้มไหล่เธออีก
“บอกพวกเขาให้วางปืนแล้วปล่อยทหารของเรา” เขาตะคอกเสียงดังอีกครั้ง
“คุณจะกลับไปยังไง? ให้ฉันเตรียมรถให้ไหม?” เธอหันกลับไปจ้องหน้า ทหารหนุ่มหน้าถอดสีประหม่าหันซ้ายขวา อึกอักตอบไม่ถูก ทหารคนที่อยู่ด้านหน้าหยุดส่ายปืนแล้วเดินกลับไปหาจูยอน
เธอส่งยิ้มชวนคุย...
“สหายจีน!กินข้าวกันก่อนไหม? กินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกัน”เธอยังชวนคุยให้พวกเขาใจเย็น
“ผมสั่งให้วางปืน” เขาตะโกนอย่างขาดสติสีหน้าบูดบึ้งโกรธ ฟึดฟัดเงื้อปืนในมือขึ้นสูงหมายจะกระแทกพานท้ายปืนฟาดหัว
"วืด!" เธอฉากถอย...เท้าสะดุดเซล้มลงกับพื้นระหว่างทหารทั้งสองคน ฉันใจหายวาบผวาจะวิ่งเข้าไปช่วย
“อย่า! เดี๋ยวโดนลูกหลง” นินจาดึงแขนไว้
“สหายผู้กอง!” สหายคุณป้าร้องเสียงหลง
“เปรี้ยง!!!” เสียงปืนดังก้องสะท้อนอาคาร ร่างทหารที่ยืนหันหลังกำลังเงื้อด้ามปืนหัวคะมำหน้าทิ่มเศษไขมันสมองกระจายเกลื่อน ส่วนทหารด้านหลังลำตัวสะบัดหมุนกลิ้งลงพื้นแน่นิ่ง /สมราคาคุย ยิงปืนนัดเดียวตาย 2 / ยังชื่นชมไม่ขาดคำร่างของฉันกระเด็น...
“ว้าย!” ฉันก็เซถลาแซ่ดแซ่ดคว้ามั่ว เจ้านินจาผลักฉัน มันจะมากไปแล้วนะไอ้ยักษ์ ไม่เคยห่วงกันเลย
“จูยอน! เจ็บไหม?” นินจาคุกเข่าอุ้มเธอขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
จูยอนเงยหน้ามอง...
“แทน! มาได้ยังไง?” เธอกอดหมับ ใบหน้าแนบอกยิ้มกว้าง ตีขาดีใจเป็นเด็กไปเลย พี่สาวของฉันไม่มีทีท่ารังเกียจนินจาเลย แถมยังมาเรียกเขาว่า แทนอีก ขัดใจ ๆ เขาประคองให้เธอยืนอย่างนุ่มนวล
ฉันก้าวขาเข้าไปเสนอหน้าบ้าง...
“จูยอนอนนี่! อันยองฮาเซโย”
“เอ๊ะ!” เธอสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันมา ดวงตาชั้นเดียวเหมือนพระจันทร์คว่ำ แววตาเปล่งประกาย ยิ้มกว้างแก้มชมพูเปล่ง โผจากนินจาเข้ามากอด...
“คิดถึงจังเลย!” ฉันขอกอดและหอมให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ...พี่สาวคนเก่ง
“มากันยังไง ไป่ไป๋ล่ะ?” เธอชะเง้อมองหา
“.........” ฉันใจแวบส่ายหน้า คิดในใจ...ไป่ไป๋คงกำลังมีความสุขกับคนรักใหม่ เธอไม่มาหรอก เธอลืมพวกเราไปแล้ว ฉันรีบสลัดหัวก่อนที่ใจจะเสีย ไม่ตอบเรื่องนี้...
“จูยอนอนนี่! เป็นยังไงมั่ง? เหนื่อยไหมคะ?” ฉันยิ้มกว้างถามด้วยความห่วงใย ทำงานใหญ่ขนาดนี้ต้องเหนื่อยแน่
“ดีใจจังเลย! ไปคุยกันข้างบนดีกว่า” เธอจูงมือพาพวกเราก้าวเดิน
“ดูกูเยโย ใครวะ?” เสียงสหายข้างหลังฮือฮาขึ้นมา ฉันหันกลับไป พวกเขาแหวกทางเป็นช่อง ...
“รอด้วยสิ!” พ่อมือปืนร้องตาม เขาเดินยืดอกสะพายปืนยาวยิ้มหวานออกมาจากกลุ่มสหาย
“อึ๋ย!” จูยอนแก้มแดงสุกใส ยิ้มกว้างฟันขาว เขินอายตัวบิดมือไม้สั่น หันมาหา...
“นาตาลีมีแป้งมั้ย?” เธอเสียอาการ /ถามหาแป้งทำไม เลือดทหารจีนกระจายเต็มเสื้อ/
“ไม่มีค่ะ”
“ดูหน้าให้ฉันหน่อยสิ สวยมั้ย! มีตรงไหนเลอะรึเปล่า?” เธอยื่นหน้าหลับตาพริ้ม
“อนนี่! สวยมาก”ฉันเช็ดเม็ดเลือดเล็ก ๆ ออกจากใบหน้าของเธอ ยังไม่ทันจะเรียบร้อย เธอยิ้มปากฉีกอ้าแขนสุดเหยียด วิ่งเข้าไปกอดเขา
“เจ็ทโด้! คุณมาหาฉันแล้ว? ในที่สุดคุณก็มาจนได้ ฮือฮือ! ดีใจมากเลย ดีใจที่สุด” เธอร้องไห้แนบใบหน้าลงบนอกของเขา
“เอ๋!” ฉันแปลกใจที่เธอพูดและทำอย่างนั้น แต่ภาพที่เห็นเธอกอดรัดอย่างสุขล้นนั้น บ่งบอกอะไรได้มากมาย เธอคอยเขาอยู่หรอกเหรอ? คู่นี้รักกันตอนไหน?
เขาขยับตัวก้มมองหน้าจูยอน...
“อื้อ!.อย่าทำอย่างนี้ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว” เขายืนตัวแข็งมองเธออย่างอ่อนโยน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จากคนร้องไห้กลับกลายเป็นหัวเราะลั่น เธอเขย่งหอมแก้มสูดลมหายใจลึก เธอก็อ้อนเอาการอย่างนี้โดนแน่
“อืม!..ฉันก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเหมือนกัน” เธอกอดแล้วหอมแก้มเขา ท่ามกลางสายตาของทุกคน
“เย้!!!” สหายชาวบ้านปรบมือกราว
“เจ็ทโด้ซารังเฮโย ซารังเฮโย” เธอจูบเขาอย่างอ่อนโยน
น่ารักจังเลย เธอเด็ดขาดมาก จู่โจมเข้าจุดสัมฤทธิ์ผล ดีกว่าฉันอีกลังเล กล้า ๆ กลัว ๆ สุดท้าย...อด ฉันคงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะว่าคู่นี้รักกันหรือเปล่า?
เธอหันไปหากลุ่มสหายแล้วโค้งศีรษะ..
“ยอลาบูน! นี่แฟนฉันค่ะ สหายเจ็ทโด้” เธอผายมือไปที่เขา เจ็ทโด้ไม่เข้าใจภาษาเกาหลียืนเฉย
ฉันร้องบอก...
“จูยอนแนะนำตัวคุณ โค้งหัวเร็ว!” เขารีบโค้งทันที
จูยอนพูดต่อ…
“คนนี้เป็นน้องสาวมาจากฝั่งใต้ สหายนาตาลี พัค” ฉันเดินไปเคียงข้างเขาแล้วโค้งศีรษะ
“คนนี้เป็นเพื่อนร่วมตาย น้องชายที่มีพระคุณ ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้ ก็ไม่มีฉันในวันนี้ สหาย..เอ้อ...” เธออึกอักหันมามองฉันแวบหนึ่ง
“สหายนินจา” เธอผายมือไปที่เจ้ายักษ์
เขาคอยอยู่ก่อนแล้วรีบก้าวเข้ามายืนในแถวโค้งศีรษะ เธอทำให้ทุกอย่างมันดูเรียบง่าย ไม่มีอะไรสะดุด ทุกสายมองมาที่พวกเราพร้อมปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ไป! ขึ้นข้างบนกันก่อน ไปแทนไป!” เธอยิ้มแก้มแดงเป็นพวง กอดเอวเขาอย่างสนิทใจ
ฉันเดินเข้าไปยื่นหน้ายิ้มล้อเลียน
“แอบรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่นี่?” ฉันโอบเอวหัวพิงไหล่เดินเข้าประตู
เธอหันกลับไปตะโกนบอกผองเพื่อนด้านนอก...
“สหาย! รบกวนเอาศพทหารจีนไปทิ้งด้วยค่ะ! แล้วขอผู้ชาย 4 คนขึ้นไปที่ชั้น 35 ด้วยค่ะ”
“เย่!!!”
ผู้หญิงคนนี้เป็นเบอร์ 1ในใจของทุกคน สิ่งที่เธอทำลงไปถึงจะขาดทุนทางด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างประเทศพังลงไป แต่สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นย่อมดีกว่าอยู่ภายใต้อุ้งเท้าทหาร
..............................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |