หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 27 เม.ย. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา ชเว จูยอน
เมษายน ค.ศ. 2026
“พรืด!” ลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้น 35 ของอาคารหอวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียงของประชาชน ห้องยอดตึกทรงแคปซูลกลมกระจกใส มองเห็นเมืองหลวงรอบทิศทาง ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องรับ - ส่งวิทยุโทรทัศน์และการสื่อสาร ดาวเทียม หลังจากตัดสินใจจะทำงานใหญ่ฉันก็แอบขึ้นมาอยู่บนนี้ ใช้ที่นี่เป็นที่ทำงานและที่พัก
ฉันพาพวกเขามานั่งในห้องถ่ายทอดสด แล้วเดินกลับออกไปหาสหายผู้ชาย 4 คนที่ตามขึ้นมา พวกเขายืนหน้าเศร้ามองศพเพื่อนที่โดนทหารจีนยิง ถึงจะดีใจที่มีเพื่อนมาหา แต่ฉันเสียใจมากที่ต้องเสียสหายไป น้อง ๆ พวกนี้ เมื่อเช้ายังได้คุยกันได้หัวเราะด้วยกันอยู่เลย พวกเขาก็มีความหวัง มีความฝันเหมือนกับฉัน...
“ขอให้สหายจงเดินข้ามสะพานข้ามภพแล้วได้เกิดใหม่ ฉันภูมิใจที่เคยได้เป็นเพื่อน ฉันจะไม่ลืมสหาย ขอบคุณมากที่ตัดสินใจมาร่วมเดินทางที่ยากลำบากมาด้วยกัน พักผ่อนให้สบายนะ สหายของฉัน!” น้ำตาไหลพรากนึกถึงรอยยิ้มของพวกเขาเมื่อเช้า ฉันก้มลงไปกอดศพทหารอาสาสมัครรุ่นน้อง ลูบไล้ใบหน้าที่หลับใหลด้วยความขอบคุณ
“นายทั้งสองจะอยู่ในใจฉัน ตราบวันสุดท้ายของชีวิต”ฉันคุกเข่าโค้งศีรษะนิ่งนาน เคารพศพด้วยความอาลัย ก่อนจะหันไปสั่ง...
“ฉันรบกวนจัดการศพพวกเขาให้สมเกียรติ เขาทั้งสองไม่มีมีญาติพี่น้องที่ไหนนอกจากพวกเรา เขาสละชีวิตเพื่อปกป้องฉัน”
พวกเขาช่วยกันอุ้มร่างไร้วิญญาณของสหายเข้าไปในลิฟต์ ฉันเดินตามไปส่งแล้วโค้งศีรษะทำความเคารพค้าง
ก่อนที่ลิฟต์จะปิดตัว...
“บอกกับมีแรอาจุมม่าด้วยว่า เย็นนี้ฉันจะลงไปทานข้าวด้วย จัดงานศพให้ยิ่งใหญ่ เอ่อ! ใครก็ได้ช่วยไปบอกสหายโกมีทักมาด้วยนะคะ” ฉันเดินกลับเข้าในห้องถ่ายทอดสดอีกครั้ง พวกเขานั่งโซฟาหันหน้าชนกัน ฉันไปนั่งเบียดเจ็ทโด้ซึ่งนั่งตรงกันข้ามกับแทนและนาตาลี
ฉันเปิดฉากคุย...
“นึกอย่างไรถึงมาที่นี่ได้คะ? ฉันตัดใจลืมทุกคนไปหมดแล้ว ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก ” ฉันบอกตามตรง ไม่เคยคิดฝันว่าพวกเขาจะมาโดยเฉพาะเจ็ทโด้
“นาตาลีอยากมาศึกษางานเลยให้ผมพามา” เจ็ทโด้หันมายิ้ม
“จริงอ่ะ!” นาตาลีหันไปค้อน
เขาจับใบหน้าของเธอมาจ้อง...
“หรือจะให้บอกว่า”
“ก็ได้ฉันอยากมาดูงาน” นาตาลีรีบปิดปากของเขา /มีพิรุธอีกแล้ว/
“ฉันดูแลพวกเขาอย่างที่จะทำได้ ใช้เวลา30นาทีให้เกิดประโยชน์กับร่างกายของเขา คนที่รอดส่วนมากเป็นคนระดับล่าง Soullessเป็นข้าราชการเสียส่วนใหญ่”
แทนขยับเงยหน้ามอง…
“คุณเหนื่อยมากไหมที่ต้องทำอย่างนี้? การดูแล Soullessไม่ใช่แผนของคุณตั้งแต่ต้นนี่นา”
“เหนื่อยมาก! ก็คุณนั่นแหละ พูดให้ฉันเสียความรู้สึกเลยต้องดูแลพวกเขา แต่ช่างเถอะ!อีกไม่นานก็คงเข้าที่เข้าทางแล้ว แทนมาทำไม? มีอะไรกับฉันหรือเปล่า?”
“คิดถึง! ผมเป็นสามีของคุณนะ อีนาอิน” แหม! น่ารักเชียวนะ
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”
“อะไรของมึงไอ้แจ็ค!” เจ็ทโด้ตาขวาง
“เราจดทะเบียนสมรสกันก่อนที่จะเข้าเกาหลีค่ะ มันเป็นละครตบตา ตอนนี้จบแล้ว”
นาตาลีหน้าตามอมแมมขมวดคิ้วสายตามีแต่เครื่องหมายคำถามวิ่งชนกัน มองหน้าฉันทีมองหน้าเขาที ท่าทางของเธอยังระวังตัวกับเขา แสดงว่า เขายังไม่เปิดเผยตัวตน เธอปลดเป้ด้านหลังวางบนโต๊ะ
แทน ขยับพูด...
“คุณมีแผนอะไรต่อไป เอ่อ..ทหารจีนเข้ามาแล้ว ต้องระวังมากขึ้น พวกมันต้องแอบเข้ามานานแล้ว ถึงได้รู้ที่ซ่อนตัวของคุณ” น้ำเสียงหนักใจ เขาสวมฮู้ดคลุมหัว สวมแว่นดำนั่งตัวตรง
“ฉันรอให้ชาวบ้านเริ่มชินกับพวก Soulless ก่อน พวกเขายังซ่อนตัวกันอีกมาก ฉันพูดกับพวกเขาทุกวัน ส่วนทหารยังไม่มีใครฝึกให้เลย ฉันคิดว่าไม่ต้องมีหรอก ใครจะมาบุกก็สู้เท่าที่มี?” ฉันตอบแบบจนปัญญา อีกอย่างฉันก็ไม่มีความคิดยึดประเทศ ไม่รู้จะมีกองทหารไว้ทำไม?
เจ็ทโด้ หันขวับ...
“ผมฝึกกองกำลังป้องกันตนเองให้ เตรียมไว้ป้องกันตัว จีนไว้ใจไม่ได้หรอก ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่แล้ว”
รู้สึกอุ่นใจขึ้นทันที ฉันเชื่อว่าเขาทำได้แน่
แทน หันมอง...
“เดี๋ยวพวกแม่ง! ก็ปฏิวัติอีกหรอกพี่ ดูอย่างพวกอาหรับที่อเมริกันไปฝึกให้สิ สุดท้ายมันก็หักหลังเป็นขบวนการก่อการร้าย”
พวกเรายิ้มไปตาม ๆ กัน ซึ่งที่เขาพูดมันก็ไม่เกินความจริง ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการเป็นใหญ่ ต้องการออกคำสั่ง
นาตาลียิ้มยกมือ...
“คุณเป่านกหวีดทุกวันเลยเหรอ?”
ฉันยิ้มพยักหน้า...
“ฉันทำทุกวัน นึกอะไรได้ก็สั่ง ๆ ไป ให้พวกเขาดูแลตัวเอง ได้อาบน้ำกินข้าว ออกกำลังกาย ไม่ได้สอนให้พวกเขาทำงาน ฉันยังไม่มีคนช่วย” ฉันไม่ได้คิดไกล เพียงใช้ชีวิตที่เหลือไปกับพวกเขา ค่อยคิดค่อยทำไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน ถ้าฉันตายพวกเขาก็ตายด้วย ทั่วโลกก็ตกอยู่ในสภาพนี้
นาตาลีสายตาสงสัยเต็มที่...
“ปรกติแล้ว ร่างกายของพวกเขาต้องพังไปแล้ว แต่ทำไมพวกนี้ถึงไม่เป็นอะไรเลย?” เธอเอียงคอไปมาทำหน้าเหมือนหมาสงสัย
“วัคซีนรุ่นหลังพัฒนาไปไกล เป่านกหวีดให้คืนสติทุกวัน ร่างกายจะเหมือนเดิม ท่านผู้นำสูงสุดก็อยู่กับฉัน โดนสั่งให้ยึดพื้นทุกวัน หุ่นเริ่มดีขึ้นแล้ว”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เจ็ทโด้ตบเข่าฉาด
นาตาลีคิ้วขมวดสายตาสงสัยตลอดเวลา...
“อยากรักษาให้หายหรือเปล่า? ฉันเอาวัคซีนมาด้วย แต่คงไม่พอรักษาให้ทั้งหมดหรอกนะ”เธอบอกแล้วเปิดกระเป๋าเป้
ฉันจำได้...เมื่อเจอกันครั้งแรกที่ท้ายรถสิบล้อ นาตาลีก็มาในสภาพนี้ เสื้อขาวคอกลมเสื้อเชิ้ตลายหมากรุก กางเกงยีนเป้สะพายหลัง สวมหมวกแก๊ป สวมแว่นดำ เป็นเครื่องแบบของเธอ
“เอาอะไรมามั่ง? ขอดูหน่อย” ฉันเสนอหน้าไปดู นาตาลีมีของเล่นแปลก ๆ ติดตัวมาตลอด
“เอา Anti -Tame 26 กับครีมลอกคราบมา” เธอลื้อของ
“หือ!ครีมลอกคราบ หึ! หึ! หึ!” ได้ยินชื่อก็ฮาแล้ว
เธอหันกลับมาจ้องหน้าตาเขียว...
“ขำอะไร?”เธอสายตาดุเอาจริง
ฉันต้องหลบตาแล้วบอก...
“ขำครีมลอกคราบ”
เธอหยิบกระปุกครีมใหญ่ขึ้นมา
“นี่ฉันกับหมวดจางช่วยกันทำขึ้นมา ถ้าคุณยังจำคราบงูยักษ์อานาคอนด้าแดง ที่ฉันหอบออกมาจากป่าได้...นี่ไง?” เธอยื่นยิ้มภูมิใจชี้โชว์
โอ้โห!...เก่งจริง ๆ สาวน้อยของฉัน วัคซีน Anti ฉันไม่ต้องการ แต่ครีมนี้น่าจะมีประโยชน์กับนินจามากกว่า
เจ็ทโด้ ขยับมองมา...
“จูยอน! เราต้องจัดระเบียบ Soullessกันก่อนจะได้ควบคุมง่ายหน่อย บ้านเมืองสะอาดด้วย เรียกชาวบ้านเข้ามาอยู่ในเมืองช่วยกันทำความสะอาดเมือง นับ 1 กันใหม่”
แทน ขยับตัว...
“พรุ่งนี้! ผมจะพาสหายไปจัดระเบียบในค่ายทหาร แล้วให้พวกSoulless อยู่ในนั้น” เขาขยันดีจัง ความหวังบรรเจิด
เจ็ทโด้ ยกมือ...
“มึงพูดเกาหลีเป็นเหรอ? กูต้องใช้ค่ายทหาร ที่นี่มีสนามกีฬา หรือหมู่บ้านใหญ่ ๆ บ้างหรือเปล่า จัดโซนให้พวกเขาอยู่” ท่าทางของเขาขึงขัง ฉันมีความหวังขั้นสุด นั่งยิ้มมองสองพี่น้องแบ่งงานกันทำ รีบบอกข้อมูลสนับสนุน
“มีค่ะ! เรามีสนามกีฬาที่จุคนได้เป็นแสน มีหมู่บ้านใหญ่ อย่างที่บอกค่ะ กรุงพยองยางใหญ่มากนะคะ อาคารว่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ”
เจ็ทโด้ พยักหน้า
“เปลืองสถานที่! ” แทน เบรก
“มึงจะฆ่าทิ้งเหรอ?” เจ็ทโด้ ตาขวาง
“เอาไปไว้ ในค่ายกักกันสิ พื้นที่ใหญ่โต จูยอนบอกว่ามีตั้ง 80 แห่ง เหลือเหลือ! ขังไว้ที่นั่นแหละ”
“เอ้อ! กูลืมคิด” เจ็ทโด้ยิ้มตาใส
“แจ็ค! พรุ่งนี้มึงไปตรวจสถานที่ก่อน ส่วนค่ายทหารเดี๋ยวกูไปเอง” เขาหันสั่งการ
ฉันยิ้มออก...นึกขึ้นได้ เอาพวกนี้ไปไว้ในค่ายกักกันก็ได้ ลืมสนิทเลย คิดในใจ...มีคนมาช่วยแล้ว ทำให้มันเรียบร้อยสวยงามเหมือนเดิมดีกว่า ทั้งสองคนน่าจะช่วยได้มาก
“จากนี้ไป มึงไปทำงานกับนาตาลี” เขาสั่งเด็ดขาด
นาตาลีเด้งโบกมือหน้าตาตื่น...
“เฮ้ย! ไม่เอา ฉันทำกับคุณ” เธอเอาแขนทำกากบาท
“ทำตามคำสั่ง!” เขาหันมาตวาด
นาตาลีตาเขียว
“ฉันเป็นน้อง ไม่ใช่! ลูกน้อง” เธอเชิดหน้าสวนทันควัน
“Team not I” เขาพูดตอกหน้า เธอจึ้งตาค้าง
ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุย...
“บ้านฉันแย่หน่อยนะคะ ฤดูหนาวธรรมชาติโหดร้ายมาก ฉันพยายามจะให้พวกเขาผ่านหน้าหนาวนี้ให้ได้” ฉันให้ข้อมูลเพราะรู้จักความหนาวที่แสนโหดร้าย สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ทั้งหมดภายใน 5 วัน ไม่มีใครสามารถทนได้มากไปกว่านั้น
“แล้วคุณให้เขาอาบน้ำทำไม?” แทนถาม
“เพื่อสร้างภูมิต้านทานค่ะ” นาตาลีชิงตอบก่อน
“จะผ่านหน้าหนาวแล้ว คงรอดแล้วล่ะ!” แทนเสริม
“.........” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย แอบคิดในใจ..Soulless พวกนี้ไม่สมควรได้รับการดูแลด้วยซ้ำไป แค่นี้ก็ดีมากแล้ว
เจ็ทโด้หันมาหา...
“ผมต้องการคนที่ไว้ใจได้สัก 1,000 คน ช่วยคัดส่งมาให้ผมหน่อยสิ ผมจะเอามาฝึกเป็นผู้คุมทหาร อย่าไปเกณฑ์มานะ เอาที่สมัครใจ เราต้องการหัวใจของคนที่จะสู้ไปกับเราตลอดทาง” เขายิ้มอ่อน ๆ ดวงตาของเขาดูลึกล้ำ มีแผนการแน่ ๆ ฉันหวังใจว่า คนที่ถูกเขาฝึกจะนิสัยโอบอ้อมอารีเหมือนซอนกับแทน
“เสบียงอาหารต้องเก็บให้รัดกุมกว่านี้ และต้องหามาเพิ่ม จนกว่าคนของเราจะเริ่มทำงานได้” แทนหันมาบอก
“เยสเซอร์!” ฉันยืดอกรับทราบ เดี๋ยวจะได้สั่งการให้สหายไปตามบ้านเรือน เก็บรวบรวมชาวบ้านกลับมาให้หมด ชักสนุกกับเกมสร้างเมืองซะแล้วสิ ยิ่งมีเพื่อนก็ยิ่งเห็นทางสว่าง
“ฉันต้องทำเครื่องมือให้สหายทำงานแล้ว ฉันคนเดียวทำไม่ทัน คงถึงเวลาฝึก Soulless แล้ว” พวกนี้ฝึกให้ทำงานได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ฉันแอบสงสัย...
“พวกคุณจะไม่กลับบ้านกันเหรอ? งานของฉันใช้เวลานานมากเลยนะคะ อาจจะ10-20ปี” ฉันยิ้มมองหน้าทีละคน ในใจก็ภาวนาให้พวกเขาอยู่ด้วย/ฉันต้องการพวกเขา/
เจ็ทโด้ ก้มหน้า...
“ผมไม่กลับไปแล้ว สมบัติของผมขายทิ้งไปหมดแล้ว เด็ก ๆ ที่ส่งเสีย มันก็โตกันหมดแล้ว หมดห่วงแล้ว” เขาถอนหายใจเบา ๆ ฉันหันไปหอมแก้มชื่นใจจังที่ไม่ทิ้งกัน
“เอ่อ!” นาตาลีหลุกหลิกมองหน้าแทน
เขาหันไปหาเธอ…
“อยู่ที่นี่แหละครับ กลับไปก็เหงาเปล่า ๆ ถ้าอยากกลับไปเยี่ยมหมวดจางผมจะพาไป” เขาพูดเหมือนปลอบใจ
ฉันก็สังเกตได้ว่า ถึงเธอจะยิ้มดีใจ แต่แววตาคู่นั้นไม่สนุกไปพร้อมกับใบหน้า ดูหงอยเหงาไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าเศร้าหมองมอมแมม
มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ เธอคงไม่ได้ตามเจ็ทโด้มาเพราะคิดถึงฉันหรอก และที่สำคัญ ไป่ไป๋ยอดดวงใจของเธอไม่ได้มาด้วย ไม่มีใครพูดถึงไป่ไป๋เลย
“ฮือฮือ!” น้ำตาไหลเป็นทางก้มหน้าฟุบลงบนโต๊ะ
ฉันหันมองหน้าเจ็ทโด้แล้วผายมือไปที่เธอเป็นคำถาม
“......” เขาส่ายหน้าช้า ๆ สายตาหมองลงเช่นกัน ดูจากสภาพของเธอดูอิดโรยมาก ใบหน้าซูบเซียว ผอมลงไปมาก
เจ็ทโด้ สะกิด...
“ไปปลอบน้องหน่อยสิ” เขาบอกฉันแล้วพากันลุกเดินไปดูเครื่องมือสื่อสาร จอภาพมากมายเรียงรายตามขอบกระจกนิรภัยใส มองเห็นวิวมุมสูงของกรุงพยองยาง
ฉันลุกข้ามมาหย่อนก้นลงข้าง ๆ โอบไหล่ของเธอ
“ปัญหาอะไรนะ? ทำให้ดอกเตอร์ของฉันร้องไห้ได้ บอกฉันหน่อยซิ” ฉันลูบหัวล้อเล่น
เธอเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาพราว โผเข้ามากอดร้องไห้สะอื้น ฉันลูบหลังไปเรื่อย ๆ ให้เธอได้ร้องไห้ระบายความอัดอั้น
“ไป่ไป๋ ไม่รักฉันแล้ว เธอหนีไปแต่งงานแล้ว” เธอร้องไห้เสียงดัง
“เอ่อ!” ฉันใจหายพูดไม่ออก คิดไม่ถึงเป็นไปได้อย่างไร? แต่ฉันก็ไม่ถามให้เธอต้องเจ็บปวด ค่อยหาโอกาสคุยกับเจ็ทโด้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นทีหลังดีกว่า ปล่อยให้เธอร้องไห้ไป จนเธอใจเบาสงบลง
“ถ้าไม่รังเกียจฉัน ถือว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณนะ ฉันจะดูแลคุณเองให้โอกาสได้ตอบแทนบุญคุณที่เคยช่วยเหลือกันบ้างนะ” ฉันกอดไว้แนบอก สงสารจับใจผู้หญิงที่จิตใจโอบอ้อมอารี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร รู้สึกรังเกียจไป่ไป๋ เด็กคนนี้นิสัยแย่มาก
สภาพของเธอ ไม่ต่างอะไรกับคนที่หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง เสื้อผ้าหน้าตามอมแมม คงหนีความปวดร้าว เตลิดตามเพื่อนมา เพื่อหลบเลียแผลใจ ต้องมาตกระกำลำบากจะกินก็ไม่ได้กิน นอนก็ลำบาก
ชีวิตของคนเมื่อจนตรอกและสิ้นหวัง ความปวดร้าวใจจะยิ่งถาโถมทวีคูณ เวลาเท่านั้นที่จะขจัดปัญหานี้ได้ เธอต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้และเรื่องแบบนี้ไม่มีใครแบกรับแทนได้
“การเวลาไม่ได้ทำให้หน้าตาคนเปลี่ยนไปอย่างเดียว จิตใจคนก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน” ฉันไม่เคยอกหัก ไม่รู้ว่าอาการมันเป็นอย่างไร แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการสูญเสีย ฉันเข้าใจความรู้สึกของความอ้างว้างนั้น
“นินจา เขาว่าอย่างไรกับเรื่องนี้” ฉันลูบหลังถามเบา ๆ ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องของพวกเขามากนัก
“ไปเกี่ยวอะไรกับเขา ไป่ไป๋เกลียดเขาจะตาย เอาไม้ตีเขาตั้งหลายที ฉันก็ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่หรอก” เธอบอกทั้งน้ำตา
ฉันใจหายวาบ นั่นน่ะ! แทนนะ
นี่พวกเธอรักแทนจริง ๆ หรือเปล่า? อยู่ใกล้ขนาดนี้ยังจำไม่ได้ คนรักกันจริง แค่เสียงเท้าเดินยังจำกันได้ ตดยังจำกลิ่นได้เลย
พวกเรารู้ว่า ไป่ไป๋เป็นลมหายใจของเธอ ไป่ไป๋ใจร้ายมากที่ทอดทิ้งไป นาตาลีคงไม่มีที่ไปจริง ๆ ถึงได้ตามสองคนนี้มาตกระกำลำบาก คนระดับนาตาลี พัค ไม่น่าจะต้องมาลำบากขนาดนี้ ต้องมาซุกตัวนอนตามข้างถนน เหมือนคนไร้บ้าน น่าเวทนา
“ถ้าฉันบอกความจริง คุณจะเชื่อฉันไหม?” ฉันปวดใจที่เห็นน้ำตาของเธอ ยื่นมือไปปาดน้ำตาไม่ให้ไหลเปรอะเปื้อน ทนไม่ได้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้โดยไม่ยุ่ง
ฉันคงต้องหักหลังนินจาแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้เธอตายแน่จะเอาหัวจิตหัวใจที่ไหนต่อสู้กับความช้ำ
“นาตาลี!”
“คะ!” เธอเงยหน้ามองสายตาละห้อยดวงตาแดงก่ำเศร้าโศก
“นินจาเขา...เอ่อ!” ฉันลังเลหันไปมอง
เธอขมวดคิ้วมองหน้าฉันแล้วมองเลยไป สองหนุ่มกำลังชี้ไปที่โรงแรมสูงระฟ้า รยูกยอง
นาตาลีลูบแขนของฉัน ...
“จูยอน! อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนิสัยไม่ดีชอบแหย่ให้โกรธตลอด วัน ๆ หาแต่เรื่องให้อารมณ์เสีย” เธอมองเขาแล้วหน้ามุ่ย แต่...ฉันนึกขอบคุณ ที่เขาพยายามเบี่ยงเบนอารมณ์ ไม่ให้หัวสมองเธอว่าง
ฉันลุกเล่นใหญ่...
“อ้าว!..นิสัยไม่ดีเหรอ? เอาไม้ตีให้ตายไปเลยดีกว่า” ฉันทำท่ามองหาไม้ เธอยิ้มได้แล้วหันไปมองสองหนุ่ม
“ฉันไม่ชอบเลย คุณชอบไปเรียกเขาว่าแทน บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ แทนนิสัยดีกว่าเขาหลายเท่า เขาไม่เคยทำให้ฉันเสียใจเลย ไอ้นี่! กวนตีนและโหดมาก” เธอหันกลับมามองหน้า
“ถ้าฉันบอกว่า เขาคือแทนคุณจะเชื่อไหม?” เราจ้องหน้ากันนิ่ง ก่อนที่เธอจะหันไปมองเขาแล้วหันกลับมา
“อย่าล้อเล่นแบบนี้ ถ้าใช่แทนจริง...ฉันจะไม่พูดกับเขาอีก” เธอบอก แล้วมองจ้องไปที่สองหนุ่ม
ฉันรีบตัดบท
“ฉันขอเรียกเขาแบบนั้น..วันนี้ให้พวกเขาทำหมี่เย็นพยองยาง ลงไปกินข้าวข้างล่างกัน ทำความเคารพศพกันหน่อย” ขี้เกียจจะเถียงด้วย
ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนใจดูแล Soulless ก็มาจากคำพูดของแทนต่อไปฉันคงไม่ต้องเหนื่อยมาก เขาต้องมาช่วยรับผิดชอบความคิดของตัวเองด้วย ถ้าคิดจะดูแลต้องสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาช่วย ฉันเริ่มมองเห็นความสนุกรออยู่
ส่วนเรื่องของนาตาลี ฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลา เธอเป็นคนเก่ง มีความคิดเป็นของตัวเอง คงไม่เชื่อคนอื่นง่าย ๆ ค่อย ๆ หาวิธีช่วยดีกว่า ถ้าจะบอกให้แทนออกมายอมรับตรง ๆ เขาคงไม่ทำเช่นกัน อยู่กันไปอย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในสายตา
………………………………………..หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |