หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 27 เม.ย. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา นาตาลี พัค
กรกฎาคม ค.ศ.2025
ฉันต้องอดทนอยู่ที่เกาหลีเหนือเพราะกลับรัฐฉานไม่ได้ไม่มีคนไปส่ง และขัดใจมากที่จูยอนให้ทำงานร่วมกับนินจาตลอดเวลา เขาชอบแกล้งหรือไม่ก็แหย่จนฉันต้องหัวเสียทั้งวันไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย นี่!เขาก็ใช้ให้ขับรถยนต์ให้นั่งออกคำสั่งทุกวัน ถ้ามีที่ไปฉันหนีไปแล้ว// ดอกเตอร์นะ ไม่ใช่พนักงานขับรถ //
“ชุงซอง!!” ทหารยามยืนตรงทำความเคารพในขณะที่รถยนต์ของเราแล่นผ่านประตูหน้าค่ายฯ ป้ายกองทัพประชาชนโชซอนอินมินกุนตัวเท่าบ้านตั้งบนหลังคาตึกบัญชาการด้านหน้า สนามซ้ายขวาเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ถอดเสื้อกล้ามเป็นมัดกำลังฝึกซ้อมกันอย่างหนัก
ท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามเช้าต้องยอมรับว่าพวกเขาฝึกทหารกันเก่งมาก ฝึกผู้นำเพื่อไปฝึกรุ่นต่อไปจนได้กองกำลังนับแสนคนในเวลาไม่นาน ฉันกับนินจาทำงานร่วมกันจนเวลาผ่านไปทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางต้องขับรถเข้าออกค่ายทหารนับสิบค่ายเป็นว่าเล่น เขาเองก็ต้องออกตรวจทั้งวันทั้งคืน
หลังจากจอดรถหน้าอาคาร...ฉันก้าวเดินตามเขาเข้าไปในสำนักงานสหายทหารนั่งพักเหนื่อยตามพื้นอาคารเด้งลุกยืนเมื่อเห็นเราเข้ามา
“อั่นย๋องสหาย!” ฉันหน้านิ่งทักทายก่อน อารมณ์ไม่ค่อยดีรู้สึกหงุดหงิดใจ ขัดใจ
“ชุงซอง! ซาจังนีมทงมู! นินจาซอนเซงนีม!” พวกเขายืดอกยกมือทำความเคารพ ไป ๆ มา ๆ...ฉันก็ต้องมาใส่หมวกดาวแดงแต่งชุดทหารเกาหลีเหนือเป็นหัวหน้ากองกำลังซะเอง มันใช่เรื่องมั้ย? ทำไมชีวิตผกผันเช่นนี้
เจ้าทหารหนุ่มยืดอกยิ้มหน้าแป้น...
“เมื่อไหร่ จะให้พวกเราได้ยิงปืนจริงสักครั้งล่ะครับ?” เขายืนตัวตรง
“หือ!!” ฉันหันกลับไปจ้องหน้า หงุดหงิดจริง ๆ...
“จะเอาปืนไปยิงลิงที่ไหน? มีแต่สหายพี่น้องของเราทั้งนั้น”
นินจาหัวเราะหึหึ กวนประสาทเปิดประตูห้องให้ ฉันเดินไปทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์บนเก้าอี้ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด อยากกลับไปหาหมวดจางไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว อารมณ์เสียตั้งแต่เช้าทุกวัน เบื่อมาก เขาเดินตามเข้ามาทรุดตัวนั่งบนโซฟา ขัดใจกับไอ้ยักษ์นี่มาตลอด
ธงชาติเกาหลีเหนือผืนเดิมปลิวไสวบนยอดเสากลางสนาม เหล่าคนหนุ่มสาววิ่งกันเป็นขบวนอย่างพร้อมเพรียงเป็นระเบียบ ฉันนั่งพิงพนักเก้าอี้ยกเท้าพาดโต๊ะทำงานเคลียร์กับไอ้นินจาซะหน่อย ไอ้ชุดทหารนี่...พอใส่แล้วมันฮึกเหิมใจถึงมาก โฮะ!โฮะ!...
“นี่! ฉันเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องของคุณกันแน่ แต่งตั้งให้ฉันเป็นผู้บัญชาการ แต่คุณต้องลากฉันลงสนามตลอด หมายความว่ายังไง ฮื้อ?” วันนี้คิดบัญชีกับเขาก่อนดีกว่าหลายเรื่องแล้วลามปามไม่เข้าท่า ฉันต้องออกวิ่งฝึกกับเหล่าผู้ชายทั้งร้อนทั้งหนาวทั้งเหนื่อยแทบขาดใจ
เขานั่งมึนไม่ตอบยืดขาท่าทางสบายใจบนโซฟาไกลกันพอสมควร/ เรียกฉันว่าสหายผู้บัญชาการแต่ใช้ขับรถ ใช้ไปวิ่งกับทหาร มันน่านัก /
“แหม! แค่ออกกำลังกาย เดี๋ยวนี้คุณแข็งแรงมากเลยรู้ตัวรึเปล่า? สอบผ่านครั้งสุดท้ายก็ไม่ต้องฝึกแล้ว” ยังจะมายอกย้อนกันอีก
“คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉันสักเรื่องได้ไหม? คุณล้ำเส้นมาก”
“อย่ามองความห่วงใยของคนอื่น เป็นเรื่องน่ารำคาญสิครับ”
“ไม่ต้องเลย! เอาความเป็นห่วงนั้นกลับไปดูแลตัวเองเถอะค่ะ นินจาซอนเซงนีม”
ฉันขยับชักขากลับลงพื้น…
“เมื่อไหร่ งานจะเสร็จ?”
“งานไม่มีสิ้นสุดหรอกครับ ทหารเปลี่ยนหน้าเข้ามาทุกวัน จูยอนก็อบรมเรื่องรักชาติทุกวัน หนังก็เปิดให้ดูทุกวัน พวกต่อต้านในเมืองหลวงก็หมดแล้ว”
“พวกต่อต้านในเมืองหมด งั้น!.เราก็กลับไปหาหมวดจางได้แล้วสิ” ฉันผ่อนเสียงลง คิดถึงน้องแทนกลับไปทำงานต่อดีกว่า สินค้าฉันเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้?
แต่มาคิดอีกที...จะไปขายให้ใคร ทั่วโลกตัดขาดกันหมด คนก็กลายเป็น Soullessกันหมดแล้ว แอบคิดชั่ว...ถ้ารักษาพวกเขาให้หายก่อน ฉันก็ขายครีมได้ อิ! อิ!
“จะกลับไปทำไมครับ? วิถีชีวิตมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว คุณไม่ต้องมุ่งสู่ความสำเร็จแล้ว เงินที่มีก็ใช้ไม่ได้เราใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่นี่กันดีกว่าครับ” เขาพูดเพ้อเจ้อ ฉันไม่ได้อยากอยู่ด้วย
ส่วนหนึ่งที่อยากกลับไป ก็เพราะจะหนีเขา ต้องไปไหนมาไหนกับเขาตลอด...ฉันไม่ไหว ไม่ชินกับใบหน้าปีศาจโลกันต์ของเขา
จูยอนก็ตัวติดกับเจ็ทโด้ แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย เข้าออกบ้านสวนกันตลอดได้ไปทำงานด้วยกันสองคนเดินยิ้มหน้าบานทุกวัน อิจฉาโว้ย!...
“ฉันมีคนรัก ฉันจะกลับไปดูแล คุณก็อยู่ที่นี่ไปเถอะ” ฉันเมินนั่งโยกเก้าอี้ปล่อยใจไปหาน้องแทน เห็นรอยยิ้มฟันขาวของเขาลอยมา หัวฟูขาสั้น วิ่งดุ๊กดิ๊ก ๆ น่ารัก หมวดจาง ซอน สบายดีไหมนะ? หัวใจคิดเลยไป...ไป่ไป๋ล่ะ! สบายดีไหม? คิดถึงไป่ไป๋จังเลย ฉันกำลังยิ้มเพลินกับฝันกลางวัน...
“ไม่เข็ด! เอาพริกหยอดตาตัวเอง เด็กน้อยเอ้ย...” เขาหยามมาก คำว่า เด็กน้อยปักฉึกลงกลางหัว ฝันสลายลงต่อหน้า
“ครืด...ด!” ฉันผลักเก้าอี้กระเด็น โยนหมวกดาวแดงไปบนโต๊ะ หมดแล้วความอดทน เดินแกว่งแขนไปหา...
“เรามาตกลงกันดี ๆ นะ ฉันว่าคุณข้ามเส้นความเกรงใจหลายครั้งแล้ว ฉันไม่ได้สนิทกับคุณขนาดที่จะมาออกความเห็นหรือเยาะเย้ยกัน” ถึงแม้เขาจะไม่ก้าวร้าว แต่ก็ชอบตอดนิดตอดหน่อยให้โกรธ ทำมึน ไม่ช่วยเหลือในเวลาที่ต้องยกของหนัก วิ่งหกล้มหัวทิ่มหัวตำเวลาฝึกก็ไม่เคยยื่นมือมาช่วย ฉันเคือง เขาเป็นผู้ชายที่แย่มาก...ใจดำ
“ผมคุยด้วยก็ไม่ได้? ใจร้าย!” เขาตอบกวนใจตลอด หน้าตาน่ากลัวยังทำตัวน่าขยะแขยงอีก
“ไม่ได้!..คุณไม่ได้รู้จักฉันดีพอที่จะมาออกความเห็น” ฉันยืนจ้องหน้า เขาสวมฮู้ดกับแว่นดำตลอดเวลาจ้องหน้ากันทีไร แพ้ทุกที คราวนี้จะไม่ยอม /ฉันเป็นสหายผู้บัญชาการนะ/
“ทำไมผมจะไม่รู้จักคุณ? โธ่!..” พูดแล้วเมินหน้า
ฉันฉุกใจคิดถึงคำพูดของจูยอน หันไปจ้องหน้าพิจารณาดูยังไงก็ไม่ใช่แทน ฉันจดจ่อจ้องไปที่ใบหู
“แสงออกจากตาคุณแล้ว น่ากลัวจัง อย่ายิงลำแสงใส่ผม” เขาร้องโวยวาย กวนตีนจริง ๆ กวนใจไม่เลิกเลย
“หึ๋ย!หึ๋ย!” ฉันได้แต่กระทืบเท้าชี้หน้าขัดใจ...
“ทำไมคุณไม่ถอดแว่น อยู่ในร่มอย่างนี้จะมองเห็นเหรอ?” ฉันโฉบมือไปปัดแว่นตาเขาโยกหน้าหลบ ปรกติแล้วฉันไม่กล้าทำนิสัยอย่างนี้ ฉันไม่ใช่คนแบบนี้ แต่มันเหลืออดแล้ว
“คุณจะทำอะไร? ไปฝึกมาใหม่” เสียงเยาะเย้ยเจ็บแสบ ใบหน้าเส้นเอ็นยึดปากพูดเสียงเพี้ยน ๆ
“ถอดแว่นหน่อย ฉันจะดูดวงตาของคุณ” ฉันเอาจริงเดินเข้าไปไขว่คว้า กระโดดแย่งแว่นตา ฉันไม่รู้ว่าดวงตาของเขาจะมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่จริงหรือเปล่า ฉันจำดวงตาของเขาไม่ได้แล้ว
“เผด็จการ! ผมจะชู 3 นิ้ว” เขาโยกหน้าหลบไปมา
“อย่าดิ้นสิ!” ฉันคว้ามั่ว
“ไม่อาว!..เราไม่ได้สนิทขนาดน้าน! จะมาขอจ้องตา เขินนะ! คุณคิดอะไรกับผมหรือเปล่า?” กวนตีนมาก
ฉันอยากจะกรี๊ดใส่หน้า อยากจะด่า อยากจะหาไม้ตีให้หัวแตก ฉันจะฟ้องจูยอนจะฟ้องเจ็ทโด้
"ทั้งจูยอนและหมวดจางยืนยันว่า คุณคือ...เอ่อ ช่างเถอะ! ฉันก็บอกไปแล้วว่า ไม่ใช่ ถึงแม้จะมีหลายอย่างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ที่สำคัญเขาไม่เคยทำนิสัยแบบนี้กับฉัน เขาสุภาพกับฉัน ไม่ใช่เถื่อนอย่างคุณ”
หลายครั้งฉันก็แอบคิดในใจว่าอยากให้เขาเป็นแทน แต่พฤติกรรมของเขาไม่ใช่แน่นอน กวนประสาทชะมัด แทนใจดีไม่ทำร้ายใคร ไอ้บ้านี่โคตรโหด แทนไม่มีวันให้ฉันไปวิ่งกับทหารแน่นอน
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าใช่นี่ครับ ชอบขี้ตู่ มาหาว่าเค้าเป็นแฟน” โอย..ไอ้นี่จะมากไปแล้ว
“ฮึ้บ!!” ฉันพุ่งเข้าหา เอื้อมไปยื้อแย่งแว่นตาดำ
เขายังกวนตีน ชู 3 นิ้วโยกตัวหลบ...
“อย่า! ช่วยด้วย! ซาจังนีมปล้ำผม” เขาพยายามผลัก แหกปากร้องเป็นสาวเชียว
“ถอดแว่นออกเดี๋ยวนี้” ฉันขึ้นไปนั่งคร่อมตัวยื้อแย่ง วันนี้เป็นไงเป็นกันฉันไม่ยอมอีกแล้ว
“ไม่เอา! ผมกลัวแสงแดด ผมเป็นแวมไพร์ ผมเป็นมนุษย์หมาป่า” เขาชู 3 นิ้วแหกปากร้อง โยกตัวหลบไปมา พอเล่นกับเขาแล้วรู้สึกคุ้นเคย ใจหนึ่งก็โกรธแต่อีกใจก็คุ้น ๆ...สองจิตสองใจ
“นี่แน่ะ!! แวมไพร์ นี่แน่ะ! มนุษย์หมาป่า” ฉันทุบไปหลายที ถ้าไป่ไป๋อยู่ด้วยคงช่วยกันจับ เฮ้อ!..จะคิดถึงเธออีกทำไมวะ?
“นาตาลีครับ! ผมเจ็บ” เสียงของเขามันคล้ายกับแทนของฉันมาก ถ้าเก็บเลือดของแทนไว้ ฉันจะจับไอ้นี่ตรวจ DNA
ฉันยังไม่ละมือ...
“ฮึบ! ฮึบ!” ยังพยายามจะแย่งแว่นตา
“แอ๊ด...ดด!”
ฉันหันกลับไปมองจูยอนกับเจ็ทโด้เดินคลอเคลียกันมา สหายโกของฉันเดินตามหลัง ในจังหวะนั้น...เขาเผลอ
“นี่แน่ะ! ได้แล้ว” ฉันกระชากแว่นออกมาชู
จูยอนยิ้มกว้างตาหยีเดินมาหา...
“เล่นอะไรกันคะ? แหม!..รักกันจังเลยนะ อิจฉาจัง!” เธอพูดซะหมดอารมณ์เลย
“ชุงชอง! สหายผู้บัญชาการ” สหายโกมีทักทำความเคารพเสียงดังหนักแน่น
“อันยองฮาเซโย สหายโกเป็นอย่างไรบ้าง? เหนื่อยไหมคะ?” ฉันหวานสุด ทักอย่างสนิทใจ
สหายโกเป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจ ฉลาดไหวพริบดีและมีความเป็นผู้นำ แต่เสียอย่างเดียวเขาเหมือนจะชอบครูฝึกนินจาเป็นพิเศษ
“ไม่เหนื่อยครับ นินจาเซมเหนื่อยกว่าผมหลายเท่าครับ” เขายืดอกชมไอ้ยักษ์
ฉันว่าจะคุยด้วยสักหน่อยเลยไม่อยากคุยด้วยแล้ว หันไปกอดคอเจ็ทโด้...
“วันนี้ฉันไม่ยอมแล้ว” ฉันชูแว่นตาให้ดู หันไปมองนินจาเดินหนีไปยืนหันหลังมองผ่านกระจกไปด้านนอก ทหารยังวิ่งอยู่ในสนามไกล ๆ
จูยอน เดินมาหา...
“ป่านนี้แล้ว ยังไม่ยอมเชื่อกันอีก” เธอยิ้มกระแซะเข้ามา /อย่าจับคู่ฉันกับเขานะ ฉันกลัว/
“นี่!..ได้แว่นมาแล้ว” ฉันยิ้มอวดแว่นให้ดู
“ตกลงอะไรกันไม่ได้เหรอครับ? ถึงต้องลงไม้ลงมือกัน ถ้าลูกน้องของผมตายไป ผมไม่ยอมนะสหายผู้บัญชาการ” เขายิ้มล้อเล่น
ฉันไม่สนุกเลยนะ...
“จูยอนบอกว่าเขาคือแทน เขาใช่หรือเปล่า? ทำไมคุณไม่บอกอะไรฉันเลย?” ฉันจ้องตา
“คุณก็ดูเอาเองสิ ใช่หรือเปล่าล่ะ?” เขาโบ้ยปากไปทางนินจา ฉันอยากจะข่วนหน้าสักที ตอบเล่นลิ้นอีก หรือว่า..
“ใช่เหรอ?” ฉันหันกลับลุกวิ่งไปหาเขา
จูยอนกอดคอเขาคุยกันเบา ๆ ท่าทางของเธอนี่แหละที่ทำให้ฉันไขว้เขว เธอกอดกับเขาได้แบบไม่มีช่องว่าง ไม่มีท่าทางรังเกียจให้เห็นแม้แต่น้อย เธอรักเขาเหมือนซอนรักไป่ไป๋เลยและที่สำคัญ...เจ็ทโด้ก็ไม่เคยหึงด้วย
“แทน! แทนคะ” ฉันย่องไปสะกิดด้านหลัง เขายืนเฉย
จูยอน หันมายิ้มแล้วจับเขาหมุนตัวกลับมา
“ว้าย!” ฉันเบือนหน้าหนี ใจสั่น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าใบหน้าของเขาเสียโฉม แต่ก็ไม่เคยมองเต็มตา ติดแว่นบ้าง ติดหน้ากากบ้าง เส้นเอ็นยึดใบหน้าดึงเปลือกตาแหก ผิวหนังสีม่วงช้ำเลือด
“ขอโทษนะคะ ฉันตกใจไม่ได้ตั้งใจดูถูกนะคะ” ฉันใจสั่นที่ได้เห็นภาพใบหน้าของเขาชัดเจน
ฉันมองไปที่ดวงตาคู่นั้นของเขา แววตาเป็นประกายคลับคล้ายคลับคลาแต่ด้วยใบหน้าที่เละ คิ้วก็ไม่มี รอบดวงตาแหกแดงก่ำทำให้มองได้ไม่ถนัด หลอนสายตาน้ำตาไหล แต่ด้วยความที่ไม่เชื่อเป็นทุนอยู่ก่อนแล้วจึงรู้สึกกลัวมากกว่า เดี๋ยวฝันร้าย
“ไม่ใช่สักหน่อย โกหก!” ฉันเดินกลับมาที่โซฟา นั่งนึกย้อนหลัง แทนอยู่กับไป่ไป๋มากที่สุด รองลงมาคือจูยอน ส่วนฉันเจอกันผ่าน ๆ
“หือ!” ฉันหันไปเห็นสายตาของเจ็ทโด้แล้วแปลกใจ เขาขมวดคิ้วมองหน้าของฉันอย่างนี้หมายความว่ายังไง? จูยอนผวาเข้าไปกอดนินจาหมายความว่ายังไง?
เธอลูบหลังของเขาแล้วหันมายิ้มกว้าง...
“อ้าว!ไม่ใช่เหรอ ฉันจำคนผิดเหรอ? นายเป็นใครกันบอกมาเดี๋ยวนี้นะ?” เธอหัวเราะเสียงใสเหมือนแสดง
นินจา เดินมาหยิบแว่นไปสวมเหมือนเดิม พอเห็นหน้าชัด ๆ ยิ่งกลัว ฉันขอลี้ก่อนดีกว่า...
“เจ็ทโด้! บอกคนของคุณด้วย ให้รู้จัก Social Distant ด้วย เว้นระยะห่างกันหน่อย มันอึดอัด” ฉันฟ้องต่อหน้า
“เฮ้อ!” เขามองนิ่งแล้วถอนหายใจ สายตาเหมือนเสียดาย
จูยอน เดินเข้าหาเขา...
“ทำยังไงดีล่ะคุณ? นาตาลีไม่สะดวกใจกับนินจาซะแล้ว” เธอหันไปปรึกษากัน
ฉันได้ที รีบเสนอความต้องการ...
“ฉันไปทำงานกับสหายโก ได้ไหม?” ฉันร้องบอกแล้วเดินไปหาเขา
เจ็ทโด้ หันมอง....
“คุณต้องทำงานด้วยกัน”
บังคับกันอีกแล้วไม่ชอบใจเลย อยากกลับบ้านไม่อยากไปไหนมาไหนกับนินจาแล้ว ฉันเริ่มงอแง...
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“คุณจำเจ้าแทนได้ตรงไหนบ้างเนี่ย? คุณเคยรักมันจริงเหรอ?”ทำไมเจ็ทโด้ถามแปลก ๆ
ฉันหันมองนินจาอีกครั้ง...
“ฉันรักเขาตลอด เขาเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ฉันรัก เขาไม่ได้เก่งอย่างนินจา เขาต่อยใครไม่เป็นหรอก เขาฆ่าใครไม่ได้ด้วย อีกอย่างเขาช้ามากไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่? ครูฝึกนินจาฉลาดกว่าตั้งเยอะ” ฉันจำได้ดีมีเรื่องทีไรเขามักจะพาวิ่งตลอด เถียงกับใครก็แพ้
ฉันอยากจะบอกพวกเขาเหลือเกินว่า ฉันจำเส้นเลือดพันกันเป็นรูปหัวใจของเจ้างานงอนได้แม่นกว่าทุกส่วน /รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบ น่าอายชะมัด /
จูยอนหันมายิ้ม...
“ขอโทษด้วยนะ! พวกเราล้อเล่น ฉันก็รักแทนมาก อยากเห็นเงาของเขาอยู่ข้าง ๆ ถึงนินจาจะไม่ใช่แต่ฉันก็เห็นเขาเป็นแทนของเรา ไม่เสียใจนะคะ?” แต่คำว่า ไม่เสียใจนะคะ เธอกลับหันไปมองนินจาซะงั้น
ใจหายวาบ คำพูดของเธอมันทำให้ความรักของฉันด้อยค่าลงไปเลย พวกเขาทำให้ลังเล /แต่...ไม่ใช่หรอก ยังไงก็ไม่ใช่ ถ้าไป่ไป๋อยู่ด้วยคงจะดีกว่านี้...ฉันทำไมต้องไปคิดถึงเธออีกนะ คนใจร้าย/
“แทนมันตายไปแล้ว ลืมได้ก็ดีแล้ว” เจ็ทโด้เปรยเบา ๆ
ฉันคิดในใจ...ก็แค่เนี้ย เล่นอะไรบ้า ๆ หันมองหน้าจูยอน...
“ฉันไปทำงานกับสหายโกไม่ได้เหรอ?” ฉันส่งยิ้มให้สหายโก เขายืดอกมองตรงทันที
จูยอนเดินมากอดคอ...
“อยากทำงานกับใครก็ได้ ถ้าคุณไม่อยู่ข้างนินจา เขาก็คงไม่มีประโยชน์กับที่นี่”
ฉันขมวดคิ้วข้องใจ อย่ามาป้ายขี้กันแบบนี้สิ...
“ทำไม เกี่ยวอะไรกับฉัน? อย่าเอาฉันไปผูกกับเขาสิคะ”
จูยอนยืดตัวตรงแล้วมองหน้าเราสองคน...
“เขายังพูดและฟังภาษาเกาหลีไม่ได้ เขาต้องมีคนคอยเป็นล่ามช่วยทำงาน คุณดูเขาสิ! พยายามฝึกพูดเกาหลีทุกวัน เขาทุ่มเทมากนะคะ ถ้าคุณไม่พอใจจริง ๆ นินจาคะ...คุณคงทำงานกับฉันไม่ได้แล้ว ขอบคุณมากที่ร่วมมือ” เธอพูดซะฉันรู้สึกผิดไปเลย มึนไปเลย มันเกี่ยวกับฉันตรงไหนไม่ทราบ
ฉันลุกพรวด...
“เขาพูดเกาหลีได้แล้ว คุณไม่ได้อยู่ข้างเขานี่จะรู้อะไร? เขาทำงานคนเดียวได้แล้ว ถ้าคุณจะไม่ให้เขาทำงานด้วยก็เรื่องของคุณเถอะ ฉันไม่เกี่ยว!” ฉันหาเพื่อนใหม่ดีกว่า...
“สหายโกคะ! วันไหนคุณหยุด พาฉันไปเที่ยวบ้างสิ เหนื่อยมากเลย อยากพักผ่อน ไปน้ำตกก็ดีนะ” ฉันอ้อนหนุ่มหล่อ
“จะดีเหรอครับ?” เขาถูมือยิ้มกว้าง ดวงตาประกาย
“ดีสิ!ฉันอยากเที่ยวในเกาหลีเหนือนานแล้ว พาฉันไปเที่ยวด้วยนะ” ฉันพูดโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ทำไมจูยอนกับเจ็ทโด้หน้าเสีย?
จูยอนหันไปหาสหายโก...
“สหายโกมีทัก! ทหารใหม่จะเข้าประการฝึกเมื่อไหร่?” เธอขึงขังพูดเป็นทางการขึ้นมาทำไม?
“พรุ่งนี้มาอีก 10,000 คนครับ เราให้เขาฝึกวินัยพื้นฐานก่อนครับ” เขายืดอก เท่จัง
“งั้น! คุณไปเตรียมตัวนะ ฝึกเสร็จส่งออกไปประจำค่ายต่างเมือง”
“สหายผู้กอง! ไม่ฝึกทหารเรือด้วยเหรอครับ เราก็มีเรือรบ เรือดำน้ำนะครับ”
“จัดการได้เลย คุณไปได้แล้ว” เธอไล่เฉยเลย เขามองหน้าฉันแล้วหมุนตัว
“อ้าว! ยังไม่ได้ตอบเลย จะพาฉันไปเที่ยวที่ไหน?”
“สหายโก! รอก่อน” นินจาตะโกนเรียก
“เย่!” สหายโกหนุ่มหล่อของฉัน หยุดยืดอก
“จากนี้ไป คุณดูแลสหายผู้บัญชาการด้วย” เขาสั่งเสียงเข้ม
ฉัน จูยอน เจ็ทโด้หันขวับ....
“หือ!”
“ดีแล้วครับ ผมจะได้ทำงานสะดวก บางทีพาผู้หญิงไปอดหลับอดนอนก็รู้สึกผิดครับ” เขาหันไปตอบกับจูยอน แล้วหันมามามองฉัน...
“ทุกคนต่างมีเส้นทางที่ต้องเดิน ทุกชีวิตเลือกในสิ่งที่ต้องการจะเป็นได้ ผมจะไม่บังคับอีกแล้ว การมีคนหน้าใหม่เข้ามาในชีวิต อาจจะทำให้ลืมอดีตที่เจ็บปวด ดีกว่ารอให้มันหายไปเอง ผมขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา ต่อไปจะไม่ก้าวก่ายคุณอีก ลาก่อน” เขาโค้งศีรษะ/ ฉันเมิน ไม่ได้ต้องการให้เขาทำอย่างนั้นตั้งแต่ต้น
เจ็ทโด้ขยับ...
“รอบหน้าฝึกนายทหารครั้งสุดท้ายก็จบหลักสูตรแล้ว แยกย้ายไปเตรียมตัว” เขาไล่ทุกคน
“เย่!!!”
ฉันใช้ชีวิตอย่างสมบุกสมบัน ในบางเวลาที่เหนื่อยมาก ๆ ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่ามาทำบ้าอะไรที่นี่ แต่มันเป็นงานประจำที่ต้องทำทุกวัน พอได้วิ่งทุกวันก็รู้สึกสนุก ได้ฝึกการใช้อาวุธกับเจ็ทโด้ก็สนุก เวลาผ่านเลยมาอย่างไม่รู้ตัว ปัญหาในใจก็ค่อย ๆ จางลง
.......................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |